จิตหลุดออกจากร่างขณะหลับ ...จะขอคำแนะนำและช่วยเหลือค่ะ

จริงอย่างที่คุณ ผมเองครับ และ คุณ pipatz กล่าว ก็ เป็นอีกทัศนะคตินึง !
ใช้ในการพิจารณได้ และเราควรเคารพการแสดง ความคิดเห็นของ ผู้อื่นด้วยดี
เช่นกัน เพราะ นานาจิตตัง ต่างคนต่างความคิดมีทั้ง จิตหยาบและจิตละเอียด

ส่วนความถูกความผิด อยู่ที่ประโยชน์ที่ได้รับจากการพิจารณา ในหลักเหตุผล.

 

ดิฉันเคยมีอาการเดียวกับคุณค่ะ ประมาณสามครั้งแต่สองครั้งหลังในขณะที่ห่มขาวถือศิล8อยู่ค่ะ และได้เรียนรู้ที่จะเจริญสติแล้ว ถ้าคุณไม่อยากมีอาการเช่นนี้อีกให้ เจริญสติภาวนาจิตก่อนนอนด้วยตั้งจิตบอกแกตนเองว่าเราชื่ออะไรเกิดวันเดือนปีอะไรขณะนี้นอนอยู่ที่ใดอันเชิญคุณพระรัตนตรัยมาคุ้มครองดวงจิต และก่อนจะลุกขึ้นหรือตื่นนอนทุกครั้งไม่ควรรีบลุก ควรจะเจริญสติเช่นกัน ให้ค่อยๆทดสอบจิตตัวเองก่อนลุกเช่น ภาวนาจิตว่าเรานอนอยู่ ต่อจากนั้นภาวนาหรือบอกจิตตนว่าจะลุกหรือทำอะไรให้ใช้การพิจารณาตนด้วยสติรู้ทุกขณะจิตว่าตนทำอะไร แค่นี้ อาการที่เรียกว่าจิตหลุด ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไปค่ะให้เรามีสติ ทุกขณะจิต ไม่ว่าดวงจิตเราจะไปตกภพภูมิไหน ความกลัวจะไม่บังเกิด

 

วิธีออกมาจากฝันหรือโลกอื่น

กำหนดจิตว่างอย่างยิ่ง ทิ้งตัวตน

 

ถ้าเป็นกรรมที่เกิดกับพระจริงๆ ก็คงจะเป็นชาติที่แล้วค่ะ
เพราะใส่ไม่ได้ ตั้งแต่แรกเกิดเลย
คุณแม่บอกว่า ใส่ไว้ให้ บางทีก็ หายไปเลย บางทีก็หลุดออกจากสร้อย
ทั้งที่นอนอยู่ในอู่นอน ไม่มีใครไปยุ่ง
จำได้คุ้นๆว่าเคยไปดู หรือุณแม่ไปดูให้ ไม่แน่ใจ
เค้าทักว่า ชาติหนึ่ง เคยรับปากกับพระสงฆ์ว่า จะสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร
แต่ก็ไม่ได้ไปสร้าง จึงเป็นกรรมติดตัวมา เค้าบอกให้แก้ไขโดย ให้ไปถวาย
ผ้ารองนั่งให้กับพระสงฆ์ แต่หลังจากนั้น ก็ ไม่ได้ใส่พระอยู่ดี เพราะจะมีอาการปวดหัว หมดแรงแทน จากเดิมที่ถ้าใส่แล้วจะตัวร้อนเป็นไข้

 

นั้นซิ ! รู้สึกเรื่องนี้ ความสำคัญ อาจไม่ได้อยู่ที่
"ควรแขวนพระห้อยคอหรือไม่"

แต่กลับกลายเป็นว่า เพราะสาเหตุอะไรแน่ ?
ที่เป็นตัวแปรสำคัญ ให้คุณ noorun เข้าถึงรูปธรรมที่เป็นสื่อแห่งกุศลจิต
(พระเครื่อง)ไม่ได้ ! ทั้งๆที่ บุคคลธรรมดาทั่วๆไป เข้าถึงได้ไม่ยาก
(ถ้าสมัคใจ)

เมื่อเราวิเคราะห์ได้ดังนี้แล้ว ก็ จะขอแตกประเด็นเป็น 2 ฝ่าย
ตามที่ สหายธรรมท่านอื่นๆ ส่ง โพส ตอบมา คือ

1.ควรตัดเรื่องของวัตถุธรรมทิ้งเสีย(พระเครื่อง)แล้วหันมาเข้าถึงนามธรรม
คือการปฎิบัติทางจิต ดีกว่าจะยึดติด วัตถุธรรม
2.ควรหาวิธีแก้ไขให้คุณ noorun เป็นปกติ ธรรมดา เหมือนคนทั่วไป
ที่สามารถเข้าถึง รูปธรรม (พระเครื่อง) ได้ไม่ยาก

* หมายเหตุ ทั้ง 2 กรณี นี้ อาจมีสาเหตุสัมพันธ์กัน คือ
เกื้อหนุนซึ่งกันและกันอยู่

แล้วมีคำถามต่อไปอีกว่า คุณ noorun เลือกที่จะให้ความสำคัญ
กับประเด็นที่ 1 หรือ ที่ 2 มากกว่ากัน ? (ตอบด้วยใจของตนเอง)
เรารอการยืนยันจากคุณอยู่ !

 

เป็นข้อ 1 ค่ะ
ที่ผ่านใส่ไม่ได้ แต่ก็กราบไหว้บูชาด้วยใจ ที่นับถือ
นับถือในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ
แต่ที่บอกไว้แต่เดิมจากที่ตั้งกระทู้คือ จะให้ข้อมูลว่า ปกติแล้วไม่ได้ใส่พระ แล้วก็ ใส่ไม่ได้น่ะค่ะ
แต่จริงๆแล้ว มึน งง กับ เรื่องที่ ฝัน หรือ จิตหลุด (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร) มากกว่าน่ะค่ะ

ขอบคุณ คุณสมมติสงฆ์ มากค่ะที่ช่วยให้คำแนะนำต่างๆ ^^

 

เอาแล้วโว๊ยมวยคู่เอก ใจดีดี ศ.ขจรศักดิ์ ปะทะ ผมเองครับ ศ.ปรมาจารย์ขจรศักดิ์

มวยคู่เอกคู่นี้น่าดูชมดีจริงครับท่านผู้ชม ผมเองครับเป็นนาย ขจรศักดิ์ อวตารลงมาเป็นผมเองครับ โดยที่ ฝ่ายแดง ใจดีดี ยังไม่รู้ว่าต่อยกับอาจารย์ตัวเอง มวยคู่นี้ศิษย์ล้างครูแล้วครับนำ้ไม่พอมาตัก กรุงเทพได้นำ้ท่วมอยู่มาล้างครูกันได้เต็มที่เลยครับ มวยถูกคู่ครับคู่นี้ แหม่ศิษย์ล้างครู สะละ

 

ถ้าเช่น นั้น เราจะอธิบายในส่วน ของนามธรรม และ สหายธรรมท่านอื่นๆ
คงจะเข้ามาร่วม แสดงความคิดเห็นในส่วนนี้ได้ ชัดเจนยิ่งขึ้น !

คำว่า จิต หลุด ในความเข้าใจของคุณนั้น หมายถึง อาการที่ จิต แยกออกจากกาย โดย ปราศจากการควบคุม ของ สติ (ความระลึกได้) ด้วยเหตุผล

1.นิมิตร(ฝันไป)แบบ คนธรรมดาทั่วไป นอนหลับ.

2.จิต ตก ภวังค์ (ครึ่งหลับ ครึ่ง ตื่น) จิต สามารถ สัมผัส ภพภูมิต่างๆได้
มีทั้งเรื่อง จริง และ เรื่อง ปรุงแต่ง, ในกรณีนี้ เฉพาะ ผู้ชำนาญใน
การเจริญ สมาธิขั้นพื้นฐาน (จิตสงบเร็ว) แต่ สติ อ่อนแอ(มีกำลังน้อย)
อาการ คือ มัก จะหลับง่าย หรือ นั่ง หลับได้เร็วมาก (ไม่นับร่วมการเข้า
สมาธิชั้นสูง)จิต ขณะนี้ จะปรุงแต่ง และ รับรู้เรื่องราวต่างๆได้มากมาย
ด้วยเหตุที่ไม่มี สติ คอยควบคุมดูแล
ซึ่งอาจ เป็น อันตราย สำหรับ
ผู้ที่มี วิบากกรรม บางอย่าง ! จึงควร มีครูบาอาจารย์ที่ชำนาญ
คอยให้คำปรึกษา หรือ เข้าสู่สำนักปฎิบัติธรรม เพื่อความก้าวหน้า
ในการเจริญ จิตภาวนา.

3.จิต มี จิตอื่นครอบงำ อาจด้วยการรับขันธ์ ขึ้นครู ผีเข้าเจ้าทรง พวกเจ้าพ่อ
เจ้าแม่ทั้งหลาย หรือ ด้วยเหตุแห่งเจ้ากรรมนายเวร
ในบางราย อาจสามารถ เห็น ภพภูมิต่างๆได้ทางตาเนื้อ เพราะจิตเปิด
รับสัมผัส อยู่ตลอดเวลา (จิตอ่อนแอ กว่า เข้า เราจึงแย่ ถูกเขาควบคุม)
บุคคลพวกนี้ มักจะมีอาการขี้ตกใจง่าย ตื่นตัวไวกว่าคนปรกติธรรมดา.

ในกรณีของ ผู้มีสติ อันฝึกดีแล้วจะไม่เรียกว่าหลับ ด้วยเหตุผลที่ว่า
สติ เป็น ธรรมเครื่อง ตื่น อยู่ ผู้ตื่นอยู่จะหลับได้ไง !
แต่จะเรียกว่า สมาธิจิตสัมผัส หรือ "การถอดกายทิพย์" หรือ ออกไปเฉพาะการ
มองเห็นโดยที่จิตยังอาศัยร่างกายอยู่ หรือ เรียกง่ายๆว่า "ตาทิพย์"

จิตในขณะนี้ จะมีปัญญา เป็นเครื่องพิจารณาอยู่แล้ว (ปัญญาขั้นพื้นฐาน)
และมีสมาธิจิตตั้งมั่นดี สามารถน้อมออกไปข้างนอก หรือ กลับเข้ามาข้างใน
ได้ หรือ แม้แต่จะติดต่อ สื่อสารพูดคุย กับ โลกทิพย์ได้ (นี่เรา อธิบายให้เข้าใจง่ายจึงไม่เน้น หลัก วิชาการมาก)

จากข้อมูลข้างต้นนี้ คุณ ลองพิจารณาดู จะเห็นว่า หลักการปฎิบัติ
หรือ การพัฒนาจิตทางพุทธศาสนา ส่วนใหญ่จะเน้นที่ สติ เป็นตัวสำคัญ
ดังมี คำ กล่าวที่ว่า "สติปัฎฐาน 4" หรือ "มหาสติปัฎฐาน 4"
เป็น วิธีการ ปฎิบัติ ที่มีกล่าวไว้ในการเจริญกรรมฐานทั้งหมด 40 กอง
(มีในตำราระบุไว้)

คำแนะนำ หากไม่เหลือวิสัย ก็ ควรไป ถือ ศีล ฟังธรรมและ ปฎิบัติธรรม
ในวัดใดวัดหนึ่ง ที่คุณ มีจิตเลื่อมใสศรัทธา ทั้งนี้ เราว่าคุณ มีของเก่าอยู่แล้ว
แต่ มาร มารบกวน ทำให้เสียเวลาในการ พัฒนาจิต คงได้พบครูบาอาจารย์
ที่เคยเกื้อหนุนกันมา แต่การก่อนได้เอง มันอยู่ที่ คุณจะเดินออกไปหาท่าน
หรือ จะรอให้ท่านมาโปรดคุณถึงบ้าน.

อย่าลืมว่า การเจริญ วิปัสสนากรรมฐาน เป็น วิธีที่ดีที่สุด ในการชดใช้กรรม
แด่เจ้ากรรมนายเวรผู้หิวโหย ไม่ใช่แค่ถวายสังฆทาน ถวายเงิน สร้างถาวรวัตถุ
แล้ว กรรมเวรจะหมดไป หามิได้เลย นั้นเป็นเพียงการชำระดอกเบี้ยกรรมเท่านั้น.

สุดท้าย เราหวังว่า คุณ คงจะพบแสงสว่างในการดำเนินชีวิตบ้าง จากข้อมูลที่
นำเสนอมานี้ ให้คุณลองนำไป พิจารณาดู หากสงสัย เรื่องใดถ้าไม่ เหลือ
วิสัยแล้ว เรา อาจเป็น กัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ให้คุณได้บ้าง
ตามโอกาส อันเหมาะสม ดังนี้.

(ช่วงนี้ ไม่รู้ทำไมสัญญาณ Internet หลุดบ่อยๆ เหนื่อยใจจริงๆสงสัย มารแน่ๆ)

 

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

 

เมื่อดี้ เปิดดู รายการ คนอวดผีจากยูทูบ เห็นเคสนี้แล้ว คล้าย คล้ายกันมาก

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=7qHvgR6FmqI]คนอวดผี 9 พ.ย.2554 ศุนย์บรรเทาทุกข์ผี1 - YouTube[/ame]

ดิฉันเป็นแบบนี้ แต่ความชัดเจนน้อยกว่านี้ค่ะ ไม่ได้เห็นอนาคต แต่ มักต้องเป็นสื่อให้
วิญญาณ สื่อมายังคน แบบ เค้าฝากบอกมา ประมาณนั้นเลย
จนกระทั่ง วันนึง ไปส่งเพื่อนไปดูดวงกับเจ้าทรง ก็เลยลองถามเค้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
เค้าเลยให้รับขันต์ ซึ่งเวลานั้นไม่รู้ว่า การรับขันต์ คืออะไร จึงรับมา
แต่พอรับมาปุ๊บ สิ่งที่เราเคยสัมผัสมันหายไป หายไปทั้งหมดเลย ขาดไปเลย
จึงเกิดความไม่สบายใจ ไปปรึกษาพระ พระก็บอกให้นำขันต์นั้นมาให้ท่าน ท่านจะถอนขันต์ให้ แต่ พอกลับมาที่บ้าน ก็เห็นขันต์ กระจุยกระจายอยู่ แม่บอกว่า ขันต์ตกลงมา ของในขันต์กระจายไปหมด แม่เลยรวบๆวางไว้ให้ ก็เลย กลับไปถามพระอีก พระท่านให้นำขันต์นั้นไปไว้ใต้ต้นโพธิ์ที่วัด ...หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็สบายใจ ... แต่เมื่อ ประมาณ เดือนที่แล้ว มีอยู่วันนึง รู้สึกไม่สบายในใจ ร้อนรน กระสับกระส่ายมาก จะอ้วก จะหาว วุ่นวายไปหมด สามีเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องขันต์ จึงพากลับไปหาเจ้าทรงคนเดิม ..ไปถึงก็เล่าให้เค้าฟังเรื่องขันต์ที่นำไปไว้วัดแล้ว และบอกเค้าว่าเราไม่ต้องการรับขันต์ใดๆอีกแล้ว เค้าจึงบอกว่าจะเจรจากับ เทพเทวดา วิญญาณหรือ อะไรซักอย่างที่เค้าเรียกว่า "ครูบาอาจาร์" ของเราให้ แต่ให้แลกกับที่เราต้องนั่งสมาธิทุกวัน และต้องถือสัจจะ ต้องทำให้ได้ เราก็โอเค ถ้าไม่ต้องรับขันต์ หลังจากนั้นก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทุกวกันใน 7 วันแรก แต่หลังจากนั้น มีบ้างที่บางวันไม่ได้ทำ อาจจะด้วยติดงาน ซึ่งต้องนั่งทำถึงดึกมาก หรือ ไปนอนบ้านญาติไม่สะดวกที่จะนั่ง แต่ถ้าไม่ติดอะไรก็จะทำ และตั้งแต่เริ่มกลับมานั่งสมาธินี่แหละ เริ่มนั่งแล้วเห็น นั่นนี่ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่านั่นเราคิดไปเองมั้ย จนมาถึงที่ว่า นอนอยู่แล้วจิตหลุด (ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร ขอเรียกว่า จิตหลุดก็แล้วกันนะคะ) แล้วจึงมาตั้งกระทู้ถามนี่แหละค่ะ ซึ่ง จะท้าวความทั้งหมด มันก็ยาวมาก ถ้าหากจะให้ท้าวความย้อนไปอีก ก็ ตอนอายุ 15ปี เคยเล่นผีถ้วยแก้วที่โรงเรียน แล้วผีเข้าค่ะ ด้วยความที่เราพูดเชิญ แล้วพูดผิดวิธีเค้าค่ะ ตัวเราไม่รู้ตัว แต่แม่เล่าให้ฟังว่า แม่กำลังไปรับ ไปถึงเพื่อนก็ มาบอกแม่ว่า เราเป็นอะไรไม่รู้ ร้องไห้ แล้วตัวซีดเขียวหมดเลย แม่จึงพาไปโรงพยาบาล เราร้องไห้มาก หมอให้ยานอนหลับ 3เข็ม ก็ไม่หลับ ตอนนั้นจำอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ พอหลังจากนั้นแหละค่ะ นึกว่าตัวเองบ้าไปแล้วแน่ๆ ทั้งพบ ทั้งเจอ จน ไม่รู้สึกกลัวผีไปเลย โดยเฉพาะเจ้าที่ที่บ้าน จะรู้ว่าเค้ามีอยู่เดินไปมาอะไรอย่างงั้น ทั้งฝัน ทั้งเห็น ทั้งรู้สึก จนมาช่วงหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นหายไป มาคิดย้อนหลังดูแล้ว น่าจะเป็นช่วงที่ ทำตัวไม่ดี ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ตามจังหวะชีวิตวัยรุ่นทั่วไป จนมาถึง ประมาณ 4-5ปีที่แล้ว ตอนนี้เลิกเที่ยวละ และหันกลับมาสวดมนต์ไหว้พระ ตามเดิม ....ความรู้สึกนั้นก็เริ่มกลับมา เริ่มให้เลขหวยให้กับเพื่อนร่วมงานถูกประจำ และมีน้องคนนึง เข้ามาทำงานใหม่ เรารู้สึกว่ามีวิญญาณผู้หญิง ตามเค้าอยู่ตลอด จนมารู้ทีหลังว่า แม่เค้าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วเราก็ถามเค้าว่า แม่เค้า ลักษณะนี้ๆใช่มั้ย ก็ใช่
และมาถึงเมื่อเกือบสามปีที่แล้ว ที่อยู่ดีดี ไปบ้านเพื่อน กำลังช่วยเพื่อนจัดบ้านใหม่ แล้วเกิดหลุดปากพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ออกมาค่ะ ก็ตกใจตัวเอง ก็คิดว่า ตัวเองเพี้ยนไปละแน่ๆ ก็เลยไปนั่งพัก ตั้งสติ ก็จะพูดอีก ตั้งสติซักพักนึง ก็พูดขึ้นมาว่า "ใครเอาอะไรมาไว้บนหัวกู" พูดแบบดุเลย แล้วก็จ้องขึ้นไปบนเพดาน ณ จุด จุดหนึ่ง แล้วตรงที่เราไปนั่ง มีพระพิฆเนศ ตั้งบูชาอยู่ (เพื่อนนับถือพระพิฆเนศ) เราเหมือนได้ยินเสียงผู้หญิง ซึ่ง ณ เวลานั้น เข้าใจไปเองว่าเป็นเจ้าที่บ้าน พูดกับพระพิฆเนศ อ่ะ ในใจก็ เฮ้ย เราบ้าไปแล้ว บ้าแล้ว ร้อนรนไปหมด จึงออกมาจากบ้านเพื่อนเลย เพื่อนจึงโทรถามว่าเป็นอะไร ก็เล่าให้เค้าฟัง ก็ปรากฏว่า เพื่อนบอกว่า มีคนเอากุมารมาฝากเค้าไว้ แล้วเค้าวางไว้ ตรงจุดที่เรามอง ตรงนั้นเลยเป๊ะๆ หลังจากนั้น ความรู้สึก และการพบเจอต่างๆ หลังจากนั้น ก็มากมายขึ้น จากวันนั้นเอง กินข้าวไม่ได้อยู่1-2อาทิตย์ ไม่แม้แต่น้ำ น้ำหนักลดลง 9กิโล หลายคยทักว่าโดนของแน่ๆ ซึ่งตัวเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จนกระทั่ง ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แม่ขอให้หมอตรวจสมอง ตรวจทุกอย่าง แต่ทุกอย่างเป็นปกติ จากวันนั้น ถึงวันนี้ ก็มีแต่เรื่องแปลกๆเข้ามาในชีวิตมากมาย มีวิญาณมาขอให้ช่วยนั่น ช่วยนี่
สิ่งที่ทำให้อยากจะระบายและปรึกษาคือ มันสับสนค่ะ ระหว่าง เราโดนของเหรอ? หรือ เรามีองค์เหรอ? หรือ เราคิดไปเองเหรอ? หรืออะไรกันแน่ เราจะได้ หาทางออกให้แก่ตัวเองได้ ว่าจะแก้ไขอย่างไร หรือ จะต้องปฎิบัติตัวอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ อย่างที่หลายคนในเวบนี้แนะนำคือ การฝึกจิตให้แข็งแรงโดยการนั่งสมาธิ ก็ จะทำค่ะ สวดมนต์ก็จะทำค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่เปิดพื้นที่ตรงนี้ให้ได้ระบาย ให้ได้ปรึกษา หรือ จะคิดว่าเป็นเคสตัวอย่างก็ตามแต่ค่ะ

 

อาการที่ใส่พระแล้วไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน หนักบ่า หมดแรง ที่ผมเคยฟังมา
มีแบบหนึ่งที่พระมีพลังมากเกินกว่าคนที่จะใส่ เลยใส่ด้วยกันไม่ได้แบบนี้ก็มีครับ บางแบบก็จะเป็นในช่วงแรกเหมือนกำลังปรับสภาพให้เข้ากัน
เคยฟังมาบางคนแพ้พระแบบเหรียญเขาใส่ไม่ได้ บางคนไม่ถูกกับพระบางแบบฟังเขาบอกมาว่าพอนำเข้าบ้านแล้วเกิดเรื่องทุกทีแต่แบบอื่นเขานำเข้าบ้านได้
อีกแบบหนึ่งเป็นพระที่กระแสออกร้อนแนวป้องกันภัย ลองดูพระเมตตาที่กระแสแนวเย็นๆ วัตถุธาตุเข้ากับเราได้ ใส่แล้วสบายหายใจคล่องสะดวกดูนะครับ
หรือไปถามท่านที่มีความรู้ที่เขาดูพลังพระได้นะครับกับดูพลังงานร่างกายเราได้ด้วยนะครับ หรืออาจเกิดจากแบบอื่นๆ

 

ขอบคุณค่ะที่แนะนำ

 

ตกลงคุณ จขกท. เป็นยังไงบ้าง เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองรึยังว่าเพราะอะไร

 

คะรุทาเคยเป็นแบบที่ จขกท.เล่าค่ะ
หลุดไปกับพุทโธค่ะ..2 ข้างทางที่ไปเหมือนมีคนอยู่เยอะมาก
แต่ตาเนื้อไม่เห็นใครเลยค่ะ แล้วไปนั่งอยู่เบื้องหน้าของใครบางคน
มีแสงบางอย่างพุ่งมาหาคะรุทา เลยบอกเขาว่า ท่านเอาอะไรให้หนู
หนูไม่รับค่ะ จะกลับไปหาลูก แค่นี้เหมือนมีเส้นบางๆกระตุกกลับมาเลยค่า
แต่ไม่ตกใจค่ะ..ที่ๆไป สงบ ลึกลับ แต่เย็นสบายๆ
ไม่หดหู่นะคะ

 

ใส่พระไม่ได้ มาจากสาเหตุอะไรนะ น่าสงสัยมากๆ

 

ขอข้อมูลเพิ่มเติมครับ
เหตุการณ์ลักษณะนั้นที่เล่ามา เกิดอาการชัดเจนมาได้กี่ครั้งแล้ว
หรือที่ชัดเจนสุดคือวันที่ 2-3 พย. โผล่มาครั้งเดียวครับ

 

สวัสดีครับคุณ Noorun ผมเป็นมิตรนะ
ขอชมครับ คลื่นความถี่ของคุณจูนไม่ยากกับภพภูมิละเอียดเหมือนหลายๆท่านครับ
ขออย่างนึงพยายามฝึกสมาธะสมาิธิเยอะๆ นิ่งเป็นสมาธิหัวต่อยิ่งดี ตอนนี้อย่าพึงทำวิปัสนาสมาธิเลยนะ โปรดรู้กาย รู้จิต รู้ใจ กายไม่ใช่จิต จิตไม่ใช่ใจ อย่าสับสนในความจริง
ความฝัน นิมิตร หรือจิตหยั่งรู้ คุณคือคนขับรถ อย่าให้คนนั้งเบาะข้างคุณหรือใครก็ตามที่อยู่เบาะหลังมาสั่งคุณได้
มิฉนั้นคุณจะเสียหลัก เราเป็นกำลังใจให้กันเสมอ ออ..เกือบลืม ขอฝากคาถาชินบัญชร
สักบท
นะจ้ะ:VO สู้ สู้

 

เราก้อเป็นนะแต่ไม่ได้หลุดออกจากตัว เพียงแค่จิตมันตื่น

แต่ร่างกายมันไม่ตื่นด้วยนี่สิ หายใจไม่ออก นึกว่าผีอำ

ขยับตัวไม่ได้ ต้องตั้งสติท่องพุทโธให้หลับอีกรอบ

เป็นบ่อยจนคิดว่าชินแต่ยังไม่ชินสักที