หลวงพ่อสุด วัดกาหลง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย jamejirayu, 27 มิถุนายน 2011.

  1. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    สวัสดีครับพี่ๆน้องๆ
    -วันนี้เจอเสื้อยันต์ฉบับพี่อัสนีเข้า ไปไม่เป็นเลย 555 เรื่องไปจับ จรเข้ นี่น่าสนใจมากครับ แต่พี่อัสนีต้องไปด้วยนะครับ 555
     
  2. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -สัตว์มีเขี้ยวงา อย่าไว้ใจ โบราณว่าไว้ ให้ผูกมัดให้แน่นๆอย่าให้หลุดน่ะคุณดอกรัก
    -เริ่มเกริ่นหน้านี้เอาเรื่องแรกเลยเป็นไง "ตี๋ใหญ่" ที่เกี่ยวกับการใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อสุด (แต่ไม่น่าใช้ในทางที่ผิดเลย)
    -เริ่ม ตอนที่๑
    [​IMG]

    ตี๋ใหญ่<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    <O:p></O:p>
    อาศัยฟ้าแทนมุ้ง<O:p></O:p>
    อาศัยโรงแรมแทนบ้าน<O:p></O:p>
    อาศัยร้านอาหารแทนครัว<O:p></O:p>
    อาศัยโสเภณีแทนเมีย<O:p></O:p>
    และนี้คือตี๋ใหญ่......
    “ตี๋ใหญ่” ชื่อนี้เรารู้จักกันดี(เหรอเปล่า) เขาคืออาชญากรที่ยิ่งใหญ่ของไทยที่ไม่มีใครอีกแล้วที่สร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่อย่างเขา ผู้ซึ่งสร้างความปวดหัวเวียนกล้าให้กับเจ้าหน้าที่มากที่สุด เขาเคยอยู่แฟ้มอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ความพรากเพียรพยายาม จนถึงขึ้นเสียสละความสุขส่วนตัว เงินส่วนตัว ในการไล่ลาตัวเขาหลายปี แต่ก็จับตัวไม่ได้ซะที จนกระทั้งกระทรวงมหาดไทยตั้งค่าหัวเขาถึง 50,000 บาท(ถือว่ามหาศาลมากในเวลานั้น) <O:p></O:p>
    และเมื่อเขาตายเขาก็เป็นตำนานของไทยตลอดไป......<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากเด็กหน้าตี๋สู่การเป็นมหาโจร<O:p></O:p>
    [​IMG]
    น้อยคนนักจะรู้ว่า ตี๋ใหญ่มีชื่อเดิมว่า “ประเสริฐ ช่างเขียน”........เกิดในครอบครัวชาวจีน ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ปลายปีพ.ศ. 2495 เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน ซึ่งทั้ง 8 ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 103 หมู่ 30 ตำบลดอนไผ่ พ่อแม่ตี๋ใหญ่มีรายได้เลี้ยงลูกๆ จากการทำอาชีพสวนผัก สวนผลไม้โตเร็ว เช่น กล้วย มะละกอ เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ<O:p></O:p>
    หากจะถามว่าเพราะอะไรตี๋ใหญ่ถึงเป็นมหาโจรจอมโหดเลือดเย็น ก็ค่อนข้างยากจะอธิบาย ตามประวัติและคำบอกเล่า พบว่าตี๋ใหญ่ครั้งยังเด็กเป็นเด็กที่ขยัน เชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่ช่วยแม่หารายได้เสริม ยามกลับจากโรงเรียนเสร็จเขามักจะคว้าจอบไปถางหญ้าพลิกหน้าดินเป็นร่องเพื่อปลูกผักหมั่นดูแลรักษาและรดน้ำพรวนดิน<O:p></O:p>
    ที่น่าสนใจคือประวัติพ่อเขา “เม้งจ๋าย” มีเรื่องเล่ากันว่าในสมัยหนุ่มพ่อของตี๋ใหญ่เคยเป็นอั้งยี่เก่า มีเรื่องฟังๆ แทงๆ นับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะรามือมาเร่ร่อนมาพึ่งแผ่นดินไทยซึ่งสมัยนั้นไทยเปิดรับชาวต่างชาติทำมาหากิน-อยู่อย่างอิสระ<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่เป็นคนมีไหวพริบ เฉลียวฉลาด เขามีจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิต เขาไม่เคยคิดว่าจะเล่าเรียนจบแค่ ป.4 แต่เขาวาดฝันถึงรั้วมหาวิทยาลัยและเมื่อเรียนจบเขาจะมีปริญญาได้ทำงานดีๆ พ่อแม่คงจะมีความสุขขึ้นส่วนน้องๆ ก็คงจะเรียนหนังสือหมดทุกคน<O:p></O:p>
    แต่ฝันก็คือฝัน<O:p></O:p>
    เพราะความจนของครอบครัว ด้วยฐานะยากจนทำให้เมื่ออายุประมาณ 11 ปี ตี๋ใหญ่ต้องลาออกในขณะเรียนชั้นประถมที่ 4 เพื่อมาช่วยพ่อแม่ทำสวนและเปิดโอกาสให้พวกน้องๆ ได้เรียนหนังสือ เก็บพืชผักผลไม้โดยไม่เรียนต่อ<O:p></O:p>
    นอกจากนั้นตี๋ใหญ่เป็นลูกคนโตของครอบครัวพ่อแม่จึงหมายปั้นให้เขาสืบสานอาชีพการเกษตร อาชีพหลักของครอบครัว<O:p></O:p>
    สภาพแวดล้อมแถวบ้านของดีใหญ่ก็แสนสงบสุข อำเภอดำเนินสะดวกขึ้นชื่ออำเภอพออยู่พอเพียงอยู่แล้ว การดำเนินชีวิตที่แสนเรียบง่ายตามประสาชนบทไม่มีแหล่งอบายมุขใดๆ ยิ่งยากจะเชื่อว่านี้คือสภาพที่ตี๋ใหญ่เกิดและกลายเป็นมหาโจรในเวลาต่อมา<O:p></O:p>
    และด้วยถิ่นกำหนดที่บ้านอยู่ริมคลองสะดวกนี้เอง.....จึงไม่ใช้เรื่องแปลกนักหรืออาจเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ ตัวเขาและเพื่อนๆ แถวๆบ้าน จะสามารถว่ายน้ำเก่ง ตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ จนแทบเรียกได้ว่า “เดินได้ก็ว่ายน้ำเป็น”<O:p></O:p>
    โดยวิธีเล่นที่ตี๋ใหญ่โปรดปรานมากที่สุดคือการะตัดก้านบัวเป็นหลอดอมเข้าปากเพื่อหายใจในน้ำ<O:p></O:p>
    และนี้ก็กลายเป็นวิธีที่ตี๋ใหญ่นำมาใช้ประยุกต์ใช้ในการหลบหนีตำรวจอีกวิธีหนึ่ง.....<O:p></O:p>
    มีเรื่องเล่ากันว่า ตี๋ใหญ่สามารถเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ โดยหลบไปซ่อนอยู่ใต้น้ำนานนับหลายๆ ชั่วโมง แบบว่าขนาดปลายังอาย ก็ว่าได้<O:p></O:p>
    ด้านนิสัย ตี๋ใหญ่เป็นเด็กเรียบร้อย ขี้อาย และที่เหลือเชื่อก็คือเขาเป็นเด็กขี้อาย ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร นอกจากนี้ก็มีนิสัยไม่ชอบคบเพื่อนในวัยเดียวกัน ทำให้มักถูกเพื่อน ๆ วัยเดียวกันกลั้นแกล้งรังแกอยู่เสมอ ๆ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จวบย่านสู่วัยรุ่น อายุ 17 ปีบริบูรณ์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เพราะช่วยพ่อทำไร่ทำสวน จากเด็กกระเปี๊ยบ ตีใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นหนุ่มร่ายกายสูงใหญ่ทะมัดทะแม่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม แม้หน้าตาเขาไม่หล่อจัดจ้าน แต่เขามีวงหน้าขาวสะอาด ผมยาวปะบ่า แบบอาตี๋อดทน นอกจากนี้ต่อหน้าสาวๆ เขามักมีคำพูดคำจา วิธีจีบหญิง จนเพศตรงข้ามหลงใหลเขาไม่ยาก<O:p></O:p>
    และด้วยความเป็นวัยหนุ่ม เขาคงเบื่อบ้านนอก ผสมกับเรื่องราวที่ได้ยินจากคนที่เคยไปกรุงเพทฯ ว่า.....กรุงเทพนั้นเป็นเมืองแห่งสีสัน ศิริไลซ์ ที่นั้นสนุกสนาน ไม่รู้เบื่อ หากได้เหยียบย้ำสัมผัสเป็นทันต้องลืมบ้านเก่า<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่วัยหนุ่มเริ่มสนใจกรุงเทพฯ จนอยากจะคิดออกจากบ้านนอกเข้าเมืองหลวงสักครั้ง <O:p></O:p>
    พอดีเวลานั้นเป็นดูแตงโม ประกอบกับตี๋ใหญ่ได้ความคิดพัฒนากิจการการเกษตรของครอบครัวเพราะของเดิมมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับบิดา เขาบอกว่า เขาจะไปรับจ้างขนแตงโมลงเรือไปส่งที่กรุงเทพ อันเป็นตลาดกลางซึ่งให้ราคาแตงโมดีสามารถช่วยซึ่งจะเพิ่มรายได้แก่ครอบครัวมาก<O:p></O:p>
    ตอนแรกความคิดนี้ถูกคัดค้านจากพ่อเพราะเป็นห่วงที่ลูกจะทำกิจการดังกล่าว เพราะแต่เล็กจนโตตี๋ใหญ่ไม่เคยพลัดพลาดออกจากบ้านมาก่อน ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องพยายามใช้เหตุผลข้ออ้างอิงต่างๆ นาๆ จนกระทั้งพ่อแม่ทั้งสองจำใจอนุญาต<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ใครจะไปรู้ว่า................การจากไปของตี๋ใหญ่ครั้งนั้นจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เขาเป็นจอมโจร!!<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่เดินทางล่องมาจากดำเนินสะดวก มาที่ตลาดจำหน่ายผลไม้ฝั่งมหานาคและฝั่งตลาดผดุงเกษม แหล่งส่งผลไม้ใหญ่ในกรุงเทพฯสมัยนั้น โดยนอกจากขนส่งแตงโมแล้ว ตี๋ใหญ่ทำอาชีพเสริม เป็นคนเข็นรถเหล็กติดล้อขนผลไม้หลายชนิดจากในตลาดไปส่งที่รถรับซื้อผลไม้ไปมาอีกด้วย <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่มั่นใจว่างานรับจ้างนี้เขาน่าจะทำได้ แม้จะไม่ทำงานเป็นอาชีพเป็นประจำ แต่ก็ได้เงินมากพอดีละ มีเงินมากพอที่จะไปเที่ยว<O:p></O:p>
    อาจเป็นเพราะความหลงใหล บวกกับความตื่นเต้นในความงามของกรุงเทพที่เขาไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต....เมื่อเขามาที่นี้แต่ละครั้ง......แต่ละคืน หลังจากทำงานตอนกลางวัน เขาจะไม่ลืมที่จะไปเที่ยวยามค่ำคืนด้วย<O:p></O:p>
    ในสมัย 30 กว่าปีก่อนแหล่งบันเทิงของเมืองหลวง ที่ขึ้นชื่อที่สุดตอนนั้นคือ ย่านบางขุนพรหม และย่ามวิสุทธิกษัตริย์ ที่นั้นเต็มไปด้วย ไนต์คลับ ร้านอาหาร และซ่องโสเภณี<O:p></O:p>
    แน่นอนตีใหญ่ก็ “ขึ้นครู” จนติดใจ และเริ่มเป็นลูกค้าประจำที่ซ่องโสเภณีเกือบทุกคืน<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ใช้วิธีเดินทางจากที่จอดเรือที่คลองมหานาค (ย่านสะพานขาวในปัจจุบัน) ลัดเลาะมาเที่ยวที่ย่านบางขุนพรหมแทบทุกคืน เพื่อนที่ร่วมเที่ยวในสมัยนั้นกับเขาหลายคนให้การ(ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ว่า) เวลาที่ตี๋ใหญ่ไปเที่ยวแต่ละครั้ง ก็มักมีเรื่องมีราวกระทบกระทั้งแทบทุกครั้งกับนักเลงเจ้าถิ่นแทบทุกครั้ง หลายคนสู้ หลายคนตะลุมบอน......ได้เลือดได้แผลกันทั่วหน้า ส่วนตี๋ใหญ่นั้นในระยะแรก เขาเอาแต่วิ่งหนี เพราะเขาเป็นคนไม่สู้คน<O:p></O:p>
    แต่ในที่สุด...ชีวิตตี๋ใหญ่ก็มาถึงจุดเปลี่ยน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาถูกกลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นย่านเทเวศร์รุมอัดจนยับเยิน เพราะจนตรอกหนีไม่ทัน จนถึงขั้นหามไปหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายอาทิตย์ นี้คือรอยแผลแรกในชีวิต และด้วยแรงแค้นของตี๋ใหญ่ในครั้งนี้....ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขากลายเป็นคนละคน หลังจากเลียแผลกายและใจหายแล้ว เขาเริ่มคุมลูกน้องและพ้องเพื่อน ตั่งตนเป็นเป็นนักเลงใหญ่ออกไปลบรอยแค้น<O:p></O:p>
    จากกลุ่มนักเลงเล็กๆ ของตี๋ใหญ่ เริ่มมีการขยับขยาย จากการปราบนักเลงเจ้าถิ่น เริ่มจากย่านมหานาค มาบางขุนพรหม เทเวศร์ สามเสนฯลฯ....ใครที่เรื่องกับเขาต้องอักจนยอมิโรราบ จนชื่อของตี๋ใหญ่เริ่มเป็นที่รู้จักและเริ่มดังในย่านต่างๆ ดังกล่าวในเวลาต่อมา<O:p></O:p>
    ด้านพ่อแม่ตี๋ใหญ่มีหรือจะไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะแม่ถึงกับออกปากปรึกษาผู้เป็นสามี แต่ก็ได้รับคำตอบว่าจะเอาอะไรไปสอนมัน เด็กมันโตแล้ว สอนยาก น่าอย่างน้อยมันก็หาเงินมาให้เรา อย่าไปกังวลอะไรมาก เดี๋ยวมันจะจนแบบเรา<O:p></O:p>
    แต่กระนั้นในช่วงนี้ตี๋ใหญ่ยังล่องระหว่าง ดำเนินสะดวกกับกรุงเทพฯ อยู่ตลอดเวลา เวลาตี๋ใหญ่มีเรื่องที่กรุงเทพฯแต่ละครั้งเขาจะมากบดานที่บ้านเกิด จนกระทั้งในที่สุดในงานวัดแห่งหนึ่งที่บ้าน เขาเกิดไปมีเรื่องกับคู่อริชื่อ “แช่ม” อาชีพคุมรถสองแถวที่เหม็นขี้หน้าตี๋ใหญ่มานาน ถึงขั้นดวลมีดหน้าลานวัด จนเป็นเหตุทำให้คู่อริบาดเจ็บสาหัสที่ไหล่ซ้าย จนเรื่องถึงตำรวจ และนี้เป็นคดีอาญาคดีแรกของตี๋ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย<O:p></O:p>
    นั้นเองที่ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องหนี.............หนี และหนี..............<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่หนีคดีมาอยู่ต่างจังหวัดหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือวัดหลักหกซึ่งเขาอยู่ใต้อาณัติของ “เสี่ยปิ่น” เจ้าพ่อท่าฉลอมเจ้าของโสเภณีและโรงน้ำชา<O:p></O:p>
    นั้นเองทำให้ตี๋ใหญ่ได้เข้ามาเรียนรู้ธุรกิจค้ากามโดยไม่รู้ตัว หน้าที่ของตี๋ใหญ่คือเป็นลูกน้องคอยกำราบนักท่องเที่ยวและลูกค่าชั้นเลวทีมีทุกวัน <O:p></O:p>
    เนื่องจากอาชีพนี้รุนแรง และอันตรายเพราะลูกค้าบางคนก็มีอาวุธ นั้นทำให้ตี๋ใหญ่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของปืนสักกระบอกเพื่อเอาไว้เป็นเครื่องประจำตัว.......สมัยก่อนนั้นประเทศไทยหาซื้ออาวุธปืนไม่ยากถ้ามีทรัพย์ โดยเฉพาะช่วงนั้นสงครามเวียดนาม เขมร ลาว พม่า ยังระอุทำให้ตี๋ใหญ่ได้ปืนมาไม่ยากจากการช่วยเหลือของเพื่อนก็ได้เป็นเจ้าของอาวุธปืน <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:METRICCONVERTER w:st="on" productid="11 มม.">11 มม.</ST1:METRICCONVERTER> ไว้เป็นเพื่อนตาย และแน่นอนพอนักเลงมีปืนมันก็อยากลองของ ตี๋ใหญ่เริ่มฝึกยิงไม่ว่าเป็นเป้านิ่ง หรือเป้าเคลื่อนไหว ศัตรูคู่อาฆาตของเขาเอง<O:p></O:p>
    ในไม่ช้าเมื่อตี๋ใหญ่เริ่มเชี่ยวชาญยิงปืนถึงขั้น “แม่นราวจับวาง” เขาเริ่มคิดว่าการเป็นนักเลงคุมซ่องมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับเพื่อนเพื่อขอลาเสี่ยปิ่นเพื่อพ้นจากอาณัติไปสู่โลกอิสระที่ท้าทาย<O:p></O:p>
    แต่....ชีวิตอิสระ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะช่วงนั้นตี๋ใหญ่ขาดเงิน ทำให้ต้องจำใจเป็นลูกวัดที่วัดกาหลงของ “หลวงพ่อสุด” เกจิอาจารย์ชื่อดัง ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นการชั่วคราว
    [​IMG]
    ด้วยความเป็นหนุ่มกระทงพูดจาคมคาย อ่อนน้องต่อผู้อาวุโส มีความขยัน และชอบศึกษาพุทธาคม สวดมนต์เก่ง ทำให้พระอาจารย์หลวงพ่อสุดชมชอบตี๋ใหญ่มากๆ จนมอบของขลังหลายอย่าง เช่นเหรียญ “เสือหมอบ” “เสือเผ่น” “ยนต์ตระกร้อ” และ “ตะกรุดโทน” ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นที่ปรารถนาของพวกนิยมชมชอบศาสตร์เร้นลับแขนงนี้<O:p></O:p>
    แต่.................สันดานก็คือสันดาน วัดไม่ได้ช่วยให้จิตใจเลวๆ ของตี๋ใหญ่พัฒนาขึ้นเลย มือตี๋ใหญ่มีปืนมีของขลัง ตี๋ใหญ่เริ่มตั้งตัวเป็นโจรเพราะมันง่ายดีปล้นทีเดียวก็ได้เงิน เขาเริ่มรวบรวมลูกน้อง โดยส่วนใหญ่เป็นหนุ่มดำเนินสะดวกที่ศรัทธาในตัวเขามาเป็นลูกน้อง ทำให้กลายเป็นแก๊งอิทธิพลย่อยๆ ในดำเนินสะดวกในเวลาต่อมา และแล้ววันประวัติศาสตร์ ของวงการตำรวจก็มาถึง และนี้คือผลงานเปิดตัวของตี๋ใหญ่แบบอหังการ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ปล้น<O:p></O:p>
    [​IMG]
    12 สิงหาคม พ.ศ.2516 ตี๋ใหญ่ในขณะนั้นอายุ 21 ปี และพรรคพวกเข้าไปปล้นครั้งแรกในชีวิต เหยื่อรายแรกคือ “นาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="อดิศักดิ์ พิษณุวัตร">อดิศักดิ์ พิษณุวัตร</ST1:pERSONNAME>” เป็นเศรษฐีย่อยๆ คนหนึ่งในอำเภอดำเนินฯ <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่กวาดเงินสด ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินมีค่า รวมมูลค่าหลายแสนบาทอย่างง่ายดาย งานแรกถือว่าปล้นครั้งเดียวเท่านั้นไม่ได้ฆ่า หรือทำลายเจ้าทรัพย์แต่อย่างใด<O:p></O:p>
    เจ้าหน้าที่ประจำ สภอ. ดำเนินสะดวกในสมัยนั้น ใช้เวลาสืบสวนไม่นานก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของแก๊งค์ตี๋ใหญ่<O:p></O:p>
    แต่.................<O:p></O:p>
    มันสายเกินไปสำหรับตำรวจ เพราะตี๋ใหญ่ผู้เป็นหัวหน้านั้น รู้ตัวทัน เลยกบดานอย่างเงียบเชียบโดยไร้ร่องรอยเรียบร้อย<O:p></O:p>
    เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆ มาแบบช่วยไม่ได้ คราวนี้ตี๋ใหญ่หวังจะพัฒนาปล้นแบบก้าวกระโดด เป้าหมายคือร้านแอนนี่ จิวเวอรี่ ร้านนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันตั้งในโรงแรมเอเชีย.....แน่นอนคนเข้าออกเพียบ และวงจรรักษาปลอดภัยเป็นร้อย.....<O:p></O:p>
    ไม่รู้เพราะอะไรตี๋ใหญ่ถึงเลือกปล้นที่นี้ แต่ตี๋ใหญ่วางแผนอย่างดี เมื่อเวลามาถึงตอนสายปลายปี 2517 ตี๋ใหญ่นำลูกสมุน 5 คน พร้อม “นาง<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="บุญปัน แก้วจันทร์ดี">บุญปัน แก้วจันทร์ดี</ST1:pERSONNAME>” แต่งกายภูมิฐานทำทีไปชมอัญมณีภายในร้าน พอดีโอกาสทั้ง 6 สาวหนุ่มก็ปราดเข้าใช้อาวุธกวาดเงินสดกับเครื่องประดับราคาสูงลงกระเป๋าเอกสารเท่าทีตี๋ใหญ่กำหนดไว้ให้เพียง 5 นาที<O:p></O:p>
    เมื่อถึงเวลาตี๋ใหญ่ออกคำสั่งให้ถอย ลูกสมุนทั้งหมดรีบหนีไปยังรถเก๋งเช่าตามแผน แต่ระหว่างทางเกิดถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่มาขัดขวางทำให้เกิดการดวลปืนยิงสนั่นโรงแรม หนึ่งในกลุ่มโจรได้สาดกระสุนปืนสังหารเจ้าหน้าที่ตาย 1 นาย และสามารถหลบหนีได้<O:p></O:p>
    ย่านเข้าต้นปี 14 มกราคม 2520 ตี๋ใหญ่ปล้นรถทัวร์ ของพื้นที่ สภ.อ.คลองหลวง และใช้ด้านปืนตีศีรษะเจ้าทุกข์รายหนึ่งจนเลือดอาบหน้า และจัดการปลดทรัพย์สินผู้โดยสารทั้งหมดอย่างอุอาจกว่าครึ่งร้อยและหนีไปอย่างลอยนวล<O:p></O:p>
    แต่.................<O:p></O:p>
    เงินที่ได้จากการปล้นแต่ละครั้งตี๋ใหญ่มักใช้หมดเพียงไม่กี่วัน นอกจากการนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวแล้ว ตี๋ใหญ่มักใช้เงินหมดไปกับสองสิ่งคือ “ผู้หญิง” และ “การพนัน” โดยเฉพาะ ไฮโล ตี๋ใหญ่ชอบมันเป็นพิเศษ เข้าบ่อนแต่ละครั้งหมดเงินเป็นหมื่น (ในขณะนั้นราคาทองคำมีราคาแค่พันบาทเท่านั้น) ทำให้ตี๋ใหญ่ใช้เงินหมดไปอย่างรวดเร็วปานหว่านหรือพิมพ์เองได้ ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องออกไปปล้นแล้วปล้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>ขอบคุณCammy ที่อ่านพิมพ์ ย่อให้เพื่อนๆอ่าน</O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  3. เปิดโลก

    เปิดโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +2,479
    -หลานชัยณรงค์ครับ
    ...ถ้าหากยังไม่พ้นมนต์ดำนักการเมือง เดี๋ยวอาให้ข้าวสารเสกซักกระสอบ ไปซัดให้พวกนี้ไปไกลๆเลย

    -คุณเด็กสมุทรครับ
    ...เรื่องนำของมาโชว์ไม่ต้องห่วงครับ มีเยอะครับ ไปยืมภาพเวปอื่นมาโชว์ทั้งนั้นแหละครับ ของตัวเองมีไม่เท่าไหร่หรอกครับ

    -คุณtee toresครับ
    ...ขออนุญาตตอบเบื้องต้นก่อนนะครับ ผมว่าเหรียญนี้สภาพนี้ราคาไม่น่าเกินหลักร้อยต้น ขนาดเสือเผ่น2ใหญ่ สวยๆก็พันกว่าบาทเอง และก็อีกเช่นเคย ขอแนะนำเหรียญหลวงพ่อปู่วัดกระซ้าขาว ขอรบกวนหาเก็บกันไว้เถอะครับ

    -คุณtomsignalครับ
    ...เหรียญจตุรพิธฯผมก็ชอบ(ฟังคุณนวโกฏิกล่อมบ่อยๆ) ถ้าคุณนวโกฏิมี2องค์ คอหักไปแล้ว

    -คุณdollytaครับ
    ...ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล แวะมาบ่อยๆนะครับ

    -คุณอัสนีครับ
    ...แผ่นหลังที่สักยันต์ตระกร้อเป็นลายมือหลวงปู่สุดหรือเปล่าครับ ผมเคยเห็นส่วนใหญ่ที่หลวงปู่เป็นคนสักให้เอง จะเส้นใหญ่หนากว่านี้ จะอยู่บนแผ่นหลังคนอายุอย่างน้อยก็ควร50แล้ว แล้วคุณอัสนีรู้จักกับ"เจ้แองฯ"ด้วยหรือครับ คิดถึงยุคของ โซฟี่มาโซ ฟีบี้เคท นะครับ

    -ท่านนายกฯสมาคมครับ
    ...นึกยังไงกันครับ จะไปจับจระเข้ ผมขอจับเสือด้านหลัง"เจ้แองฯ"ดีกว่า
     
  4. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับผม:cool:
     
  6. mrchainarong

    mrchainarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +2,006
    สวัสดีครับคุณอาและพี่ๆทุกๆๆคนคร๊าบบกับเช้าวันหยุด...
    ...@คุณอาเปิดโลกคร๊าบบ ต้องซัก 10 ล้อ น่ะครับคุณอาสำหรับข้าวสารเสกถึงจะพอ 555+ ก็เค้าระดับประเทศเน้อ....
    ...@คุณอาอัสนีขอบคุณมากคร๊าบบบ สำหรับประวัติตี๋ใหญ่ อ่านมาหลายครั้งมาก อ่านหลายเล่ม แต่อ่านกี่ทีก็ไม่รู้เบื่อจริงๆครับ รออ่านตอนต่อไปอยู่น้าาครับบ.....รอๆๆๆ
    ...สวัสดีคร๊าบบคุณอานายก พี่ tee พี่ tomsignal(ขออนุญาติเรียกพี่..) สนใจไปร่วมจับจระเข้ด้วยกันไหมคร๊าบบ.....555+
     
  7. เปิดโลก

    เปิดโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อยู่ดีกินอร่อย ทุกๆท่านครับ

    .....วันสบายๆแบบนี้ ก็พักผ่อนนอนหลับให้สบายนะครับ เดี๋ยวต้องค่อยๆเสกข้าวสารให้หลานชัยฯเพิ่มซักหน่อย ท่านนายกฯดูซี่รี่ส์เกาหลีจบเดี๋ยวคงเข้ามา คุณอัสนีคงกำลังตามเรื่อง"ตี๋ใหญ่"อยู่ แฟนคลับรออ่านเพียบ คุณไพศาลสงสัยกำลังนับวัตถุมงคลหลวงปู่สุดอยู่ประมาณ73-74กล่อง เฮ้อ..เหนื่อย คุณนวโกฏิคงกำลังปรนนิบัติภรรยา จัดหาอาหารการกินมื้อเที่ยงให้ อืม..สามีตัวอย่าง

    .....เมื้อกี้เจอรุ่นน้องคนหนึ่ง เค้าเล่าว่าหลานของเค้าแขวนเหรียญเสือหมอบปี19ไปเที่ยวงานวัด เกิดไปอยากได้รถวิทยุบังคับที่เป็นของรางวัลในงาน เลยสวดมนต์"นะโมตัสสะ"ธรรมดานี่แหละครับ ขอหลวงปู่ว่าให้ได้ด้วยเถอะ จับสลากได้รถวิทยุฯมาจริงๆครับ อืม..ต้องขอบ้าง

    .....เรื่องเหรียญหลวงพ่อปู่วัดกระซ้าขาว ได้ยินว่ามีตำรวจมาสั่งไว้รับเช่าหมด ไปโดนกันมาไม่เป็นอะไรเลย ตอนนั้นบอกว่ามีหลวงปู่สายร่วมปลุก ผมก็เฉยๆเพราะยังไม่รู้ว่าท่านเก่งมาก พอมาตอนนี้ถึงอยากให้หาเก็บกันไว้เถอะครับ มิน่าเค้าถึงบอกว่า ถ้าสมุทรสาครมีงานปลุกเสก ต้องมีหลวงปู่สุด หลวงปู่แก้ว หลวงปู่สาย ขาดไม่ได้เลย

    .....เหรียญหลวงพ่อปู่มี2พิมพ์ พิมพ์แรกแจกก่อน พิมพ์หลังเรือใบแจกตอนออกพรรษา ราคาพิมพ์แรกสูงกว่าเล็กน้อย แต่มีบางคนให้ความเห็นว่าพิมพ์หลังเรือใบ มีการสวดมนต์ตลอดพรรษาถึงจะนำออกมาน่าจะดีกว่า เรื่องนี้คงต้องรบกวนคุณไพศาลแล้วล่ะครับ มีความเห็นยังไงครับ
     
  8. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ไอ้ตี๋...ชาวบ้านเค้าจะเดือดร้อน.....

    สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน

    -พี่อัสนีครับ ขอบคุณมากสำหรับประวัติตี๋ใหญ่ครับ อ่านมันส์จริงๆ ผมอ่านในโพสของพี่ผมอยากถามว่าหลวงปู่ฉลองปัจจุบันท่านอยู่วัดไหนครับ ไม่ได้จะไปสักหรอกครับ ผมไม่สักเลย แต่อยากรู้เผื่อจะไปกราบบ้างครับ

    -สวัสดีน้องชัยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ ทุกอย่างย่อมมีอุปสรรคครับ ทดสอบคนจริง ถ้าเบื่อๆยังไงไปจับ จรเข้ กับพี่อัสนีแล้วกัน

    -พี่เปิดโลกครับ ยิ่งอ่านก็ยิ่งซึ้งใจในเหรียญหลวงพ่อปู่ ขอบคุณครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้ดูเกาหลีเลยครับ555 งานเยอะครับ อากาศมันแห้ง ต้องรดน้ำที่สวนบ่อยๆ

    -พี่dollyta ครับ ขอแซวนิดนึง 555 พอดีผมสะกิดใจที่เล่าว่า คุยเรื่องพระ มากไม่ได้ ภรรยา ไม่ชอบ คุยทีไรงานเข้า แหมผมละสงสัยจริงๆ มันยังไงกันหนอ
    เอาเป็นเรื่องของผมกับวงการพระเครื่องดีกว่าว่าจะcaseเดียวกันหรือเปล่า ฮิฮิ
    เมื่อครั้งที่ผมยังทำงานอยู่ ที่อื่น ผมก็สะสมพระเครื่องบ้างแบบงูๆปลาๆ เพราะตอนนั้นผมก็ไม่มี อินเตอร์เน็ต ให้เปืดศึกษาเรื่องราว ก็สะสมๆไป จนวันหนึ่งอยากรู้ว่า ของๆเรามีแท้มีปลอมขนาดไหน
    ผมก็เลยตัดสินใจรวบรวมพระของผมใส่กระเป๋าแล้ว ออกOTที่โรงงาน จะเอาไปเช็คที่ เซ็นทรัลบางนา มีร้านพระหลายร้าน พอลูกน้องผมอีก2คนรู้ก็ขอไปด้วย เอาพระไปมั่ง

    ...ตกเย็นผมกับลูกน้องอีก2คน นั่งรถรับส่งของโรงงาน จะไปบางนา พอดีมีเพื่อนรุ่นพี่อีกคน เขาออกโอทีเหมือนกัน เขาเลยตามไปเที่ยวด้วย(เขาไม่สนใจเรื่องพระ) เอาละครับ สมาชิกกลายเป็น4คนแล้ว

    พอไปถึงร้านพระ ผมเปิดให้เขาดู ปรากฏว่า เก๊ หมด แต่เขาพูดเลี่ยงๆนะครับ ของเพื่อนอีก2คนก็เก๊ ที่แท้ก็มีแต่ไม่มีราคา ผม3คนคอตกเลยครับ รู้ผลภายใน10นาทีเท่านั้นเอง พวกส่องตาเปล่าแล้ววางๆ

    ออกมาหน้าcentral ปรึกษากันว่าเอาไงดี กว่ารถรับส่งจะ มารับกลับก็อีกร่วม2 ชม. พี่คนที่ไปด้วยบอก เฮ้ยไปนั่งกินสุราแก้เซ็ง รอรถกลับดีกว่า พวกผมบอกว่าไม่ค่อยมีตังค์ แกบอกเลี้ยงเอง

    นั่งกินกันไปกันมา ติดลมครับ ไม่กลับรถโรงงานแล้ว เดี๋ยวกลับเอง ผลปรากฎว่า กลับร่วมตี3ครับ 555 พี่แกพาไปสถาณที่อโคจรด้วย ยาวไปเลย

    ผมน่ะไม่เป็นไร เพราะโสด แต่ทั้ง พี่คนนั้นและลูกน้องผมอีก2 เมียดุม๊ากกก ผมไม่รู้ว่าผลเป้นยังไง แต่เห็นวันรุ่งขึ้น หงอยทั้ง3คน

    หลังจากนั้น ถ้า บอกว่าจะไปดูพระ ไปเช่าพระ อะไรแบบนี้ ทั้ง3คน ไม่ได้รับอนุญาติจากภรรยาเลยครับ 555 ทั้งๆที่จะไปจริงๆ ผมเองก็ซวยไปด้วย เพราะเป็นตัวตั้งตัวตี เรื่องพระเครื่อง 555

    ต้องไปทำงานแล้วครับ ลาไปด้วย ดอกไม้ที่บ้านผมแล้วกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG0120A.jpg
      IMG0120A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.1 KB
      เปิดดู:
      167
  9. dollyta

    dollyta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +297
    คนหลักสี่ได้พระไปเยอะเพราะตอนปล้นเขาไม่เอาพระเลยโยนทิ้งหมด ท่าฉลอมนี่เหมือนแหล่งตลาดมืด ระเบิด เอ็มเยอะไปหมด ใช่ไหมคุณอา อิอิ
    พอดีมีมาก็เลยถามให้ได้เรื่อง ว่า ล็อคเก็ต เพราะมีผงอิทธิเจ จำได้ว่ามีเคยเอามาแขวน(เลยขึ้นไปหาอีกรอบไม่มี) เห็นเขาหาพุทธชินราช เนื้อตะกั่ว หลังเขียนว่าที่ระลึก
    ตระกรุดเขาบอกไม่เคยเจอหลุดมาเหมือนกัน ผมก็มียุคแรกแต่เป็นสมเด็จครับ เพิ่งนึกได้
     
  10. mrchainarong

    mrchainarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +2,006
    สวัสดีครับคุณอาและพี่ๆทุกคน ยามบ่ายๆ..
    ...นั้นเอารูปสถานที่เอาข้าวสารเสกคุณอาเปิดโลกมาให้ดูก่อนเพราะคงต้องใช้เยอะม๊ากๆๆ..อิอิ แต่ที่จะเอามาฝากแน่ๆสำหรับคุณอานายกกับคุณอาเปิดโลกและทุกคนก็ คือ "น้องวุ้นเส้นนนน.." กะว่าจะให้มาเป็นคู่แข่ง "เจ๊ลี่" ของคุณอาอัสนีสักหน่อย 555+... เพิ่งเดินไปดูมาเช้ามาถ่ายละครที่ไซด์ ผ๊มมม... แหม๋ น้ารักจริงๆๆ....ก๊าบบบบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1590203.JPG
      P1590203.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      306
    • P1590186.JPG
      P1590186.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.7 MB
      เปิดดู:
      294
    • P1590178.JPG
      P1590178.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      236
    • P1590182.JPG
      P1590182.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      255
  11. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -คุณเปิดโลกครับ ยันต์ตะกร้อเป็นหลวงปู่ฉลองครับ ลูกศิษย์หลวงพ่อสุด เห็นว่าอยู่วัดนาขวาง ครับคุณดอกรัก หาข้อมูลเลยไปเจอมา สวยมากๆครับเส้นสายลายยันต์ ตอนนี้หลวงปู่อยู่ที่ไหนหรืออยู่ที่เก่าก็ไม่ทราบได้ครับใครอยากได้ลองหาข้อมูลแล้วมาแชร์กันครับ ส่วนน้องแอง แกอยากมาจับ จรเข้กับคุณดอกรักใจจะขาดแต่ตอนนี้ไม่ว่างถ่ายภาพยนต์เลยส่งรูปมาดูแทนครับ ฮิ..ฮิ..
    -มาติดตามตี๋ใหญ่ตอนที่2กันต่อครับ....
    ปล. ที่ผมไปไม่ได้ลงลำดับเหยื่อที่ตี๋ใหญ่ฆ่า หรือลำดับเวลาที่ปล้น เหตุผลคือ เพราะผมไม่รู้ เนื่องจากว่าสมัยก่อนหนังสือพิมพ์ลงข่าวมั่วมาก แบบถ้าเกิดคดีปล้นฆ่าที่ไหนไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ตามมักโยงไปที่ตี๋ใหญ่ทุกครั้งไป แบบว่าพี่แกมีส่วนผิดในคดีปล้นทั้งหมดในประเทศไทยในเวลานั้นว่างั้นเถอะ ส่วนทางด้านตำรวจก็ไม่มีหลักฐานที่ว่าตี๋ใหญ่เป็นคนทำ และเมื่อตี๋ใหญ่ตายก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาฆ่าคน-ปล้นใคร กี่รายกันแน่เพราะเจ้าตัวตายไปแล้ว...............<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ย้อนกลับมาที่ภายหลังคดีปล้นรถทัวร์ 14 มกราคม 2520 ต่อมาตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้ 3 คน ได้แก่<O:p></O:p>
    - สมพร ศิริวรรณวงษ์<O:p></O:p>
    - จรูญ ตระกูลดี<O:p></O:p>
    - อนันต์ ทองเลิศ<O:p></O:p>
    ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายสืบสวนยังสอบปากคำขยายผลถึงขั้นจับกุมอีก 3 คน จากคดีร้านปล้นแอนนี่จิวเวลรี่ ได้แก่<O:p></O:p>
    - ณรงค์ คล้ายมณี<O:p></O:p>
    - สมนึก พึงรำพรรณ<O:p></O:p>
    - นางสาว<?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="บุญปัน แก้วจันทร์ดี">บุญปัน แก้วจันทร์ดี</ST1:pERSONNAME><O:p></O:p>
    ทั้ง 6 คนไม่ให้การซัดทอดถึงตี๋ใหญ่ และถูกย้ายไปหลาย สน. เนื่องจากมีประวัติฆ่าคนตายหลายท้องที่ จนกระทั้งวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. เวลา ตี 3 ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนก็แหกท้องขังที่ สน.บางซื่อด้วยวิธีคลาสสิก โดยการใช้ใบเลื่อย(คาดว่ามีพรรคพวกแอบส่งมาให้)ตัดลูกกรงเหล็กช่องทางลมจนขาดและใช้ผ้าขาวม้าผูกต่อกันโหนตัวปีนออกจากช่องทางลมแล้วแหกรั้วสังกะสีทะลุออกไปข้างนอก<O:p></O:p>
    ทั้งหมดหนีไปอย่างลอยนวล<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    กลับมาที่ทางด้านตี๋ใหญ่ เหยื่อรายต่อๆ มาของตี๋ใหญ่ล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งสิ้น <O:p></O:p>
    เริ่มจากพาพรรคพวกก่อคดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่ นายแพทย์ชัยศรี คชสุด ถึงที่ทำงานคลินิกโพธาราม ที่อ.โพธาราม โดยให้ญาตินำเงินสดถึง 6 ล้านบาทมาไถ่ตัว แต่ภายหลังตำรวจตำรวจสามารถบุกเข้าไปใช้ตัวประกันไว้ได้<O:p></O:p>
    จากนั้นก็ปล้นผู้มีอันกินหลายราย ไล่จาก นาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="พิชิต โซติวงศ์">พิชิต โซติวงศ์</ST1:pERSONNAME>,นายมนู ธงชัยนอกจากนี้ยังมีเจ้าทุกข์อีกหลายรายแต่ก็ไม่กล้าแจ้งความ เพราะหวาดกลัวตี๋ใหญ่<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อปล้นดำเนินฯ เสร็จ ตี๋ใหญ่มักหนีเข้ามากบดานกรุงเทพฯ เพราะที่นี้มีแต่คนรู้จัก มักคุ้น และมีญาติห่างๆ ช่วยเหลืออยู่หลายคน<O:p></O:p>
    ช่วงนั้นชื่อของตี๋ใหญ่ดังกระฉ่อน ในฐานะนักปล้น และการกระทำอย่างอุกอาจเย้นกฎหมายบ้านเมือง หนังสือพิมพ์ ประโครมข่าวอย่างเมามัน ถึงพฤติกรรมปล้นของเขา แน่นอนบางคดีตี๋ใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ใครละจะสนใจ ขอให้มีข่าวปล้นไม่ว่าใหญ่หรือเล็กเถอะต้องมีชื่อตี๋ใหญ่ใส่เข้าไปด้วยทุกครั้ง และเริ่ม ลงข่าวแล้วว่าใหญ่ฆ่าคนในขณะปล้นไปด้วย แม้ไม่มีหลักฐานว่าตี๋ใหญ่ทำ แต่มันก็ช่วยสิ่งเสริมให้ชื่อของเขาเป็นที่หวาดผวาให้กับประชาชนหวาดผวาไปทั่วประเทศ’<O:p></O:p>
    สันนิษฐานกันว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ตี๋ใหญ่มักเลือกปล้นฆ่าไปทั่วแถบบริเวณ จ.ราชบุรีและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และบางส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร และไม่เคยคิดปล้นออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด.....<O:p></O:p>
    [​IMG]
    โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญและน่าจดจำของตี๋ใหญ่ คือ เขาจะสวมเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนต์ลีวายส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาเรย์แบนด์ ผูกนาฬิกาโรเล็กซ์ และสูบบุหรี่กรองทิพย์ในขณะปล้น<O:p></O:p>

    แว่นตาดำเรย์แบนด์ เขาใส่เพื่ออำพรางใบหน้า และปกปิดไผเม็ดใหญ่ระหว่างคิ้งทั้งสองข้าง ส่วนนาฬิกานั้นเขาใส่เพื่อปิดรอยแผลที่ครั้งหนึ่งเคยโดนกระสุนปืนยิงถากไปเมื่อตอนปล้นเชียงใหม่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2517 และชอบส่งเสียงขู่เวลาปล้นด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัวทำให้เจ้าทุกข์ไม่กล้าคิดต่อสู้ป้องกันตัว แต่ก็เสียงเล่าลือกันอีกว่า ในบางครั้งตี๋ใหญ่ก็ปล้นแต่เฉพาะคนรวย และใครเคยช่วยเหลือก็ไม่เคยลืมบุญคุณและจะนำทรัพย์สินที่ปล้นได้มาแบ่งให้ โดยวางทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน<O:p></O:p>
    นอกจากนี้แล้ว ตี๋ใหญ่ ยังเป็นโจรเจ้าชู้ กล่าวกันว่ามีภรรยาหลายคน เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้และปากหวานคนหนึ่ง โดยตี๋ใหญ่มักโกหกชื่อตนว่าชื่อ แจ็ค บ้าง ไพโรจน์ บ้าง เป็นต้น โดยที่ภรรยาเหล่านี้ซึ่งส่วนมากมักเป็นโสเภณี บางคนแทบไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่า สามีของตนนั้นเป็นโจร................<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    5 ตุลาคม พ.ศ.2517<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่วางแผนใหญ่ครั้งแรก ด้วยการบุกเข้าไปปล้นร้านทองชื่อดังแสงเจริญ ที่ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันว่า เขากวาดทองคำรูปพรรณไปได้ มีมูลค่ากว่า หนึ่งล้านบาท และนี้คือการปล้นข้ามถิ่นครั้งแรกของเขา<O:p></O:p>
    18 ธันวาคม พ.ศ.2517<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่และพรรคพวกบุกเข้าปล้นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ของนาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ฮุยกวง แซ่โค้ง">ฮุยกวง แซ่โค้ง</ST1:pERSONNAME> ปากซอยนพมาศ ถนนจริญสนิทวงศ์ ท้องที่สน.ภาษีเจริญ ได้เงินและของมีค่าไปจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน ตี๋ใหญ่กบดานเงียบ แน่นอนในช่วงเวลานั้น เขาเป็นอาญากรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้องที่หลายจังหวัดต้องการตัวอย่างยิ่ง<O:p></O:p>
    แหล่งกบดานของเขา กล่าวว่า เป็นอพารต์เม้นท์แห่งหนึ่ง แถวอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ... เช้าขึ้นเขาจะแต่งตัวผูกเน็คไท ถือกือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ใส่แว่นเรย์แบนด์ออกจากที่พักทุกเช้า เย็นค่ำจะกลับมาตามปกติ เสมือนคนทำงานทั่วไป<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่เป็นจอมโจรที่ฉลาดผิดสามัญโจรทั่วไป ไม่มีลูกน้องคนไหนล่วงรู้เลยว่า เขากบดาน หรือมีที่นอนที่ไหน ตี๋ใหญ่ มักจะอยู่ไม่เป็นที่ ต้องคอยหลบหนีตลอด เวลาจะไปพบลูกน้องก็จะไปพบเองว่า และเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจไปปล้นที่ไหน เขาจะเป็นคนไปดูลาดเลา วางแผน กะเวลา ด้วยตนเองตามลำพังคนเดียว<O:p></O:p>
    นัดกับลูกน้อง จะไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน ไปช้าบ้าง ไปเร็วบ้าง หรือไม่ไปเลย รวมทั้งหากจะไปปล้นที่ไหน ตี๋ใหญ่จะบอกและระดมสมัครพรรคพวก ก่อนหน้าในเวลาล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เขาหนีรอดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาได้เป็นเวลาหลายปี เพราะตี๋ใหญ่ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น.....นอกจากตนเอง<O:p></O:p>
    ขนาดเวลานอน เขายังใช้วิธี จุดธูปแล้วมัดด้วยหนังสติ๊กผูกติดไว้ระหว่างหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ เวลาที่ธูปไหม้จนเกือบหมดดอก เขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสำรวจตรวจตรารอบๆ ที่พัก หากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาจะนอนหลับต่อและใช้วิธีแบบเดียวกันนั้นตลอดคืน<O:p></O:p>
    แม้จะระวังตัวรอบครอบแค่ไหนก็ตาม แต่แล้วในที่สุด<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ก็ถูกจับ มันเป็นการถูกจับ ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของนักฆ่ามหากาฬคนนี้......<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจับเป็น ตี๋ใหญ่อหังการคะนองศึก<O:p></O:p>
    กันยายน พ.ศ. 2518<O:p></O:p>
    เหมือนฟ้าจะบันดาลดล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบเสาะแกะรอยตี๋ใหญ่ ตามหมายจับหลายใบในหลายทองที่ อยู่เอาเป็นเอาตายอยู่นั้น<O:p></O:p>
    สายสืบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต สน.ภาษีเจริญก็โทรบอกมาว่า พบตี๋ใหญ่กับสมุนกำลังซ่อมสุมกำลังกันอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่งในสวนแถมบางพลัด....ถนนเจริญสนิทวงศ์....เท่านั้นเอง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กรูกันเข้าไปล้อมจับ และมันง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม จับเป็นครั้งแรกมในชีวิต มันง่ายดายเสียงยิ่งกว่าอะไร เหมือนกับว่านี้ไม่ใช้ตี๋ใหญ๋ตัวจริง ที่ก่อคดีปล้นฆ่าสะท้านเมืองมานับไม่ถ้วน<O:p></O:p>
    หนังสือพิมพ์พากันเสนอข่าวนี้อย่างเกรียวกราว เพราะตลอดในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา กว่า 10 คดีที่ตี๋ใหญ่ก่อขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย หลาย สน.ไม่สามารถแกะรอย หรือดมกลิ่นไปถึงตัวเขาได้เลย แต่แล้วจู่ๆ ตี๋ใหญ่ตัวจริงก็ถูกใส่กุญแจมือจนได้ จนมันง่ายดายเหลือเชื่อ<O:p></O:p>
    การถูกจับกุมครั้งนี้ มีการขยายผลออกไปมากมาย และแน่นอน ตี๋ใหญ่ถูกถ่ายภาพ ทำประวัติ และพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นครั้งแรก ....หลายคดีที่เขาก่อขึ้นในหลายจังหวัดถูกผนวกรวมกันเข้ามา ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคิดคร่าวๆ แล้ว ความผิดของตี๋ใหญ่นั้นถึงขั้นประหารชีวิตแน่นอนไม่ก็จำคุกตลอดชั่วชีวิต<O:p></O:p>
    จากห้องขังที่ สน.ภาษีเจริญ ตี๋ใหญ่ถูกฝากขังต่อที่เรือนจำลาดยาว อยู่อีกหลายวัน ประสบการณ์ครั้งแรกในคุกลาดยาวนี่เอง มันฝังใจตี๋ใหญ่สุดยากแค้น มันทำให้แคบ รก และการกระทำที่ได้รับจากคนคุกด้วยกัน ตี๋ใหญ่สุดแค้นใจและประกาศต่อพรรคพวกของเขาต่อมาว่า....เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกต่อไป.............<O:p></O:p>
    และวันที่ตี๋ใหญ่ประกาศก็มาถึง<O:p></O:p>
    11 ตุลาคม พ.ศ.2518<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมนาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="เอก สมุนคู่ใจ">เอก สมุนคู่ใจ</ST1:pERSONNAME> ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งของศาลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขออายัดตัวมาในคดีที่เขาบุกเข้าไปปล้นร้านทองแสงเจริญเชียงใหม่<O:p></O:p>
    การเดินทางครั้งนี้ใช้รถไฟเป็นพาหนะ มีพลตำรวจทวนและตำรวจเสงี่ยมควบคุมตัวไปบนโบกี้รถไฟชั้น 3 ตี๋ใหญ่กับสมุนถูกตีตรวน ใส่กุญแจมืออย่างแน่นหนาเพื่อป้องปกกันการหลบหนีอย่างเต็มที่<O:p></O:p>
    18.30 น. รถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เคลื่อนตัวออกจากสถานีรถไฟสามเสนโดยมีสองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสองเสือร้ายนั่งประจันหน้ากันไปตลอดทาง เสือร้ายอยู่ในสภาพลูกแมวเชื่องๆ เวทนา แต่ในใจเขานั้นคิดอะไรอยู่ ยากที่ใครจะรู้<O:p></O:p>
    โอกาสหาหนทางหนี ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ทั้งคู่ถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ตรวน ร้อยข้อเท้าด้วยโซ่ขนาดใหญ่สุด <O:p></O:p>
    เวลา 02.00 น. ฝนตกกระหน่ำหนักหนา ระหว่างที่ขบวนรถไฟ เคลื่อนที่ออกจากสถานีตะพานหิน ในเขตจังหวัดพิจิตร มุ่งไปยังสถานีดงตะขบ ผู้โดยสารส่วนใหญ่หลับสนิทกันหมดแล้ว....จู่ๆ ตี๋ใหญ่กับสมุนที่ซึ่งล่ามกุญแจขออนุญาตเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ พลตำรวจทวนเดินตามนักโทษทั้งสองไปเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่เปิดแง่มไว้<O:p></O:p>
    ไม่มีลางร้าย....ไม่มีสิ่งบอกเหตุ หลังสองเสือร้ายเข้าห้องน้ำไปเพียง 30 วินาที เสียงกระจกหน้าต่างก็แตกดังเพล้ง!! ดังสนั่นลั่นขึ้น พลตำรวจทั้งสองตกใจ รีบพรวดพลาดเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู...สิ่งที่เห็นภายใน มีเพียงความว่างเปล่า กับเศษกระจกที่ตกแตกเกลื่อนพื้น ตี๋ใหญ่กับสมุนอันตรธานหายตัวไปแล้ว<O:p></O:p>
    เสือร้ายทุบกระจก แล้วเสี่ยงชีวิตพุ่งตัวออกไปนอกขบวนรถไฟ ที่วิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชั่วโมง ซึ่งข้างนอกมืดมิด เต็มไปด้วยทุ่งนา และป่าเขา ถ้าไม่คอหักตาย ก็อาจถูกรถไฟทับขาด 2 ท่อน<O:p></O:p>
    เมื่อตี๋ใหญ่กระโดดหนีลงจากรถไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังหาเสือร้ายกันอย่างยกใหญ่ แต่ไม่พบศพ หรือร่องรอยใดๆ เลย แม้แต่รอยเลือด นั้นแสดงให้เห็นว่า เขาติดปีกหนีไปอย่างลอยนวลอย่างแน่นอน<O:p></O:p>
    นั้นเองทำให้เกิดเสียงรำลือว่า ตี๋ใหญ่ เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการได้<O:p></O:p>
    และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของโจรโหดจอมขมังเวย์ในเวลาต่อมา!!
    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
    <O:p>ขอบคุณCammy ที่อ่านพิมพ์ ย่อให้เพื่อนๆอ่าน<!-- google_ad_section_end --> </O:p>
     
  12. mrchainarong

    mrchainarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +2,006
    ...เรื่องราวกำลังสนุกเลยครับคุณอาอัสนี กำลังรอติดตามต่อ...
    ขอบคุณครับบบบ.....
    ปล.ดอกไม้สวยมากเลยคุณอานายก คนอ่อนหวานอย่างนี้เมื่อรัยจะมีนางฟ้ามาเจอน้าาา...
     
  13. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -เริ่มเข้มข้นขึ้นมาทุกขณะ ขอขอบคุณ Cammy ที่อ่าน พิมพ์ ย่อให้เพื่อนๆอ่าน ทั้งชีวิตเศร้า เค้าน้ำตา <!-- google_ad_section_end --> สังเกตุดูแล้วชีวิตเสืออย่างตี๋ใหญ่ใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุขเท่าไรต้องหลบ ซ่อน หนี อยู่เรื่อยๆ ติดตาม ตอนที่3 ต่อครับ.....
    - แม้ระดมมาหลายร้อยนายในการค้นหา ตั้งด่านสกัดกั้นรอบอำเภอสะพานหินและจังหวัดพิจิตร ทุกเส้นทางแล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครพบแม้แต่เงาของตี๋ใหญ่<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ในความจริง หลังโดดจากรถไฟ เขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น....เอนกหัวแตก ทั้งสองวิ่งไปที่บ้านชาวบ้านที่ใกล้เคียงที่สุด หาเครื่องมือตัดตรวน กุญแจข้อมือ แล้วพากันแยกย้ายหลบหนี ตี๋ใหญ่ย้อนรอยตำรวจกลับไปที่เชียงใหม่ลงมากรุงเทพฯ และไปหมาชัย ลงเรือประมงออกไปกบดานในทะเลลึก<O:p></O:p>
    จากวันเป็นเดือน หลายๆ เดือน...ผ่านไป หลังจากโดดรถไฟหนี ข่าวของตี๋ใหญ่หายเงียบจนปลิดทิ้ง ราวกับว่าเขาตายจากโรคแล้วจริงๆ จนย่ามเข้าสู่เดือนที่แปด หลังจากที่โดดรถไฟหนี...พยัคฆ์ร้ายได้ฤกษ์ เบิกโรงปล้นอีกวาระ เสมือนว่ามันทนเก็บกดไม่ไหวอยากระบายออกมา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    15 มิถุนายน 2519<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ประกาศการกลับมาของเขาอีกครั้ง ด้วยการบุกเข้าปล้นบ้านพิชัย โซติวงศ์ ที่อำเภอดำเนินสะดวก กวาดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200000 บาท<O:p></O:p>
    15 กันยายน พ.ศ. 2519<O:p></O:p>
    บุกเข้าปล้น กทม. เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ นาง<?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="โฉม หมัดปัญญา">โฉม หมัดปัญญา</ST1:pERSONNAME> กวาดทรัพย์สินเงินสด และทองรูปพรรณไปกว่า 300000 บาท<O:p></O:p>
    5 สิงหาคม พ.ศ.2520<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่และลูกน้อง 6 คน บุกไปปล้นร้านทองวิชชุภัณฑ์ กทม.กวาดทองรูปพรรณไปเป็นมูลค่า 1000000 บาท<O:p></O:p>
    13 ธันวาคม 2550 <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ร่วมกับพรรคพวก บุกปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสมุทรสาคร ใช้อาวุธปืนจี้ผู้จัดการกับพนักงานขึ้นไปรวมที่ชั้นสอง จากนั้นกลุ่มโจรก็กวาดเงินจากเซฟนับล้านใส่ถุง และยิงปืนใส่นาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ทินกร พงษ์พานิช">ทินกร พงษ์พานิช</ST1:pERSONNAME> ยามธนาคารที่ตัดสินใจกระโดนชั้นสองแจ้งความตำรวจหนึ่งนัด<O:p></O:p>
    กลุ่มดาวโจรรีบผงะจากเซฟหอบเงินออกจากธนาคารไปขึ้นสามล้อเครื่องบิดหนีไปทางวัดศรีเมือง แล้วสละรถไปลงเรือหนีไปทางแม่น้ำท่าจีนมุ่งสู่ อ.กระทุ่มแบน ท่ามกลางตำรวจนับร้อยที่มากับเรือหางยาวกวดตามติดๆ และดวลปืนสนั่นที่ท่าน้ำท่าจีนราวกับหนังไทยไม่มีผิด<O:p></O:p>
    การปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ จ.ส.ต.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="อนันต์ เกตุนุ่ม">อนันต์ เกตุนุ่ม</ST1:pERSONNAME> และ พล.บุญลือ ประจักษุถูกยิงตายคาที ส่วนสมุนตี๋ใหญ่สมุนตี๋ใหญ่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ ดนัย หรือ เหล็ง แซ่เอ๊ยะ และอีกคนนายสำอางสารภีสามล้อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับและสารภาพหมดเปลือก<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    นอกจากนั้นยังรวมทั้งอีกหลายคดีปล้นฆ่า ที่เกิดขึ้นหลายจังหวัด บางครั้งเจ้าทุกข์ก็ถูกทำลายสาหัสปานตาย เนื่องจากต่อสู้ขัดขวาง สื่อมวลชนต่างลงข่าวการปล้นของตี๋ใหญ่อย่างต่อเนื่อง......จนตี๋ใหญ่กลายเป็นจอมโจรดังทั่วฟ้าเมืองไทย <O:p></O:p>
    แน่นอนมีเหรอว่ากรมตำรวจจะอยู่เฉย พล.อ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์">เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์</ST1:pERSONNAME> ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.ต.อ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ณรงค์ มหานนท์">ณรงค์ มหานนท์</ST1:pERSONNAME> เป็นอธิบดีกรมตำรวจ นายกฯถึงกับประกาศก้องว่า จะให้ค่าหัว ตี๋ใหญ่เป็นมากถึง 50,000 บาท กับใครก็ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ซึ่งนั้นทำให้ตี๋ใหญ่กลายเป็นโจรที่มีค่าหัวสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา(จำนวนเงินถือว่ามากในขณะนั้น) <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ก็ยังเป็นตี๋ใหญ่ เขาฉลาด ขี้ระแวง เวลานัดใครเขามักมาก่อน มาช้า หรือไม่มาเลย และไม่เคยไว้วางใจลูกน้องคนสนิทคนไหน ตี๋ใหญ่มีเมียอยู่อย่างน้อย 4-5 คนในช่วงเวลานั้น แต่ไม่มีใครเลยที่รู้ที่อยู่ของเขาอย่างแน่นอน เขาไม่เคยบอกใคร และไม่เคยนอนซ้ำกันแม้แต่คืนเดียว<O:p></O:p>
    ด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้จอมโจรหน้าหยกคนนี้ ยังลอยนวลอยู่ได้เหิมเกริม และทุกครั้งเขาก็รอบคอบมากๆ ถึงขนาดว่า ถ้ากินเหล้าหรือเบียร์ ต้องเปิดฝาต่อหน้า เท่านั้นถึงจะยอมกิน รวมทั้งข้าวปลาอาหารต้องตรวจตราละเอียดและมักให้คนอื่นกินก่อนเสมอๆ เพราะเขากลัวถูกวางยา อาวุธคู่กายปืนขนาด <ST1:METRICCONVERTER w:st="on" productid="11 มม.">11 มม.</ST1:METRICCONVERTER> ก็ต้องอยู่ติดตัวตลอดเวลาไม่เคยห่างจากตัว แม้แต่เวลาอาบน้ำ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    จากปล้น กลายเป็นนักฆ่าหน้าหยก<O:p></O:p>
    เมื่อเสร็จสิ้นการปล้นแต่ละครั้ง หลังจากแบ่งทรัพย์สินที่ได้มาให้ลูกน้องแล้ว ทุกคนจะแยกย้ายกันไปกบดาน เมื่อเงินหมดตี๋ใหญ่ก็ไปตามหาลูกน้องด้วยตนเอง เพื่อร่วมการปล้นหาเงินครั้งใหม่ต่อไป แน่นอน เงินของเขาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับ ผู้หญิง ไฮโล อย่างไม่อั้น<O:p></O:p>
    ต่อมา ตี๋ใหญ่ ได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการปล้น มาเป็นนักฆ่า<O:p></O:p>
    ความจริง งานรับจ้างฆ่า หรือมือปืน เป็นงานที่ตี๋ใหญ่ไม่อยากทำนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ตำรวจตามล่าเขาแทบพลิกแผ่นดิน อีกทั้งเงินหมด และไม่มีงานไหนอีกแล้วที่ง่ายกว่านี้ เสี่ยงน้อยกว่าแต่ได้เงินเยอะ ซึ่งว่ากันว่าช่วงเวลานี้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ถูกมือปืนนิรนามยิงตาย ซึ่งการสืบสวนตำรวจทำให้ทราบว่าตี๋ใหญ่เริ่มพัฒนาตนเองจากโจรไปเป็นมือปืน......ซะแล้ว<O:p></O:p>
    เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าตี๋ใหญ่ในตอนนั้น ประกอบไปด้วยตำรวจชั้นอ๋อง หัวกะทิ เช่น พล.ต.ท.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สมเกียรติ พ่วงทรัพย์">สมเกียรติ พ่วงทรัพย์</ST1:pERSONNAME> (ยศในปัจจุบัน – อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล) ,พ.ต.อ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ถวิล เปล่งพานิช">ถวิล เปล่งพานิช</ST1:pERSONNAME>, ร.ต.อ.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="บรรดล ตัณฑไพบูลย์">บรรดล ตัณฑไพบูลย์</ST1:pERSONNAME>(ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ต่างไล่ล่าตี๋ใหญ่อย่างเมามัน<O:p></O:p>
    เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการหลายวิธีในการหาทางจับกุมตี๋ใหญ่หลายแบบ โดยวางแผนจับกุมทำลายลูกสมุนในแก๊งค์ของตี๋ใหญ่ ทีละคนสองคน และทำตำรวจปลอมตัวไปเข้าแก๊งตี๋ใหญ่ใกล้ชิด <O:p></O:p>
    โดยลูกน้องตี๋ใหญ่จับได้เด่นๆ ก็มี<O:p></O:p>
    11 กันยายน 2520 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับตายเสือจุ่ม(ประจวบ คล้ายมณี) ที่ห้องแถวไม้ 2 ชั้น เลขที่ 63 เขตดุสิต<O:p></O:p>
    [​IMG]
    ต่อมา นายหมู แซ่เตียว น้องชายตี๋ใหญ่ผู้เดินตามรอยพี่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงหลายนัดและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา<O:p></O:p>

    24 กันยายน นายประชา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับในขณะครองผ้าเป็นภิกษุฉันภัตตาหารอยู่<O:p></O:p>
    นั้นทำให้สมุนของตี๋ใหญ่เริ่มลดน้อยลง ทำให้ตอนนี้บัญชีสมุนตี๋ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวเหลือเพียง นายอนันต์(ลูกกรอก ทองเลิศ), นายจรูญ(แป๊ะ ตระกูลดี), นายอเนก(ตุ้ย ศิริวงศ์) และหัวหน้าใหญ่ตี๋ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงรอดจากเงื่อมมือกฎหมายอยู่ในขณะนี้<O:p></O:p>
    แต่...............แม้สมุนตี๋ใหญ่จะลดน้อยถอยลง แต่ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ในการเข้าใกล้ชิดกับมหาโจรผู้นี้มากนัก เพราะส่วนมากวิธีการทั้งหมดล้วนคว้ำน้ำเหลว แทบทั้งสิ้น สวนทางกับคดีที่เขาก่อยิ่งมากขึ้น มากขึ้น ตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น<O:p></O:p>
    11 มีนาคม พ.ศ.2522<O:p></O:p>
    เกือบเป็นวันอวสานของตี๋ใหญ่ เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านพักภารโรง ของโรงเรียนวัดเขมาฯ ในอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา<O:p></O:p>
    กำลังของเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าล้อมไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยในเวลาใกล้สว่าง ที่ถึงเวลาลงมือเข้าจับกุมในสมัยนั้น รอบๆ โรงเรียน ยังเป็นสวนผลไม้รายล้อบ เมื่อตี๋ใหญ่และลูกสมุนสองคนรู้ตัวว่าตำรวจกำลังล้อมเขา แต่ก็ไม่มอบตัว และยังคงเตรียมตัวอยู่ในบ้านเตรียมหลบหนี<O:p></O:p>
    ขั้นแรกตำรวจส่งเสียงประกาศให้ตี๋ใหญ่มอบตัวแต่โดยตีไม่งั้นเราจะจับตาย แต่จนถึงฟ้าสว่างจอมโจรและสมุนก็ยังเงียบ ทำให้ตำรวจต้องเปลี่ยนแผนหันมาใช้นาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ยุทธนา แซ่ตั้ง">ยุทธนา แซ่ตั้ง</ST1:pERSONNAME> สมุนโจรที่ตำรวจจับได้ก่อนหน้าไปเกลี้ยมกล่อมตี๋ใหญ่แทน<O:p></O:p>
    นายยุทธนาที่ถูกตำรวจใช้สายยางผูกตัวไปเจรจาตี๋ใหญ่ เดินเข้าไปเจารจากับลูกพี่นานแสนนานแต่ไม่ได้ผล ตี๋ใหญ่ยอมสู้มากกว่าโดนจับเขาตะเพิดยุทธนา ขื่นกล่อมอีกจะโดนยิงทิ้งซะ<O:p></O:p>
    ทูตโจรจำยอมถอยเพื่อรักษาชีวิตยามหน้าสิ่วหน้าขวาน<O:p></O:p>
    ขณะเดียวกันตำรวจเริ่มรอเปิดศึก เพราะการล้อมจับกุมนั้น ชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้เรื่อง ทำให้เด็กๆ นักเรียนหลายคนเริ่มทยอยกันมาในโรงเรียน ตำรวจเกรงว่าท่าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ มีหวังมีผู้เคราะห์ร้ายโดนลูกหลงหลายราย<O:p></O:p>
    [​IMG]
    จากนั้นตี๋ใหญ่เริ่มเห็นโอกาส พวกโจรใช้จังหวะนั้นเสี่ยงตายผ่าวงล้อมของตำรวจหนีไปได้ อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตำรวจหลายนายเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน
    <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่เลือกวิ่งหนีไปทางถนนใหญ่ ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านกำลังคับคั้งเต็มสองฝั่งถนน ซึ่งทำให้ตำรวจไม่ยิงต่อสู้เพราะอาจถูกชาวบ้านได้<O:p></O:p>
    จากนั้น จอมโจรก็วิ่งซิกแซกหลบกระสุนปืนที่วัลโวใส่ราวห่าฝนหนีไปป่าละเมาะเบื้องหน้า<O:p></O:p>
    ระหว่างชุลมุน ในขณะที่เจ้าหน้าที่สนใจตี๋ใหญ่ สองสมุนแว่บไปซ่อนหลังบ้าน แต่ก็ไม่พ้นสายตาตำรวจ สองโจรถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้<O:p></O:p>
    แต่อนิจจา....ตี๋ใหญ่หายตัวไปแล้ว<O:p></O:p>
    เหตุการณ์ในครั้งนี้ยิ่งทำให้ชื่อของตี๋ใหญ่โด่งดังไปอีก จนมีเสียงเล่าลื่อกันว่าตี๋ใหญ่มีอาคม เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถากำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งความจริงแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ตี๋ใหญ่แทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเขาต้องซ่อนตัวในใต้น้ำหลายชั่วโมง โดยอาศัยความรู้สมัยเด็กดำเนินสะดวกใช้ก้านมะละกอเป็นท่อหายใจ นอนซ่อนอยู่ใต้น้ำ................<O:p></O:p>
     
  14. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -ตอนอวสานตี๋ใหญ่ มาถึงแล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได้เลยครับ
    - อวสานตี๋ใหญ่<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ความแค้นใหญ่หลวง ที่เกือบถูกปลิดชีวิตที่เมืองนนท์นั้น กล่าวกันว่าตี๋ใหญ่ผูกใจเจ็บ นายตำรวจชุดจับกุมอย่างมาก โดยเฉพาะผู้การสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ ตี๋ใหญ่จะเกลียดเป็นพิเศษ ถึงขั้นขนาดดักลอบฆ่านายตำรวจมือปราบคนนี้หลายครั้ง หลายเครา แต่คนดีผีคุ้ม แผนของตี๋ใหญ่ไม่สำเร็จ<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    วันที่ 29 เมษายน 2522 เวลา 13.10 น.<O:p></O:p>
    ที่ร้านทองแม่บุ้งกี่ เลขที่ 986/39 ในตลาดมหาชัย ถนนสุขาภิบาล จ.สมุทรสาคร กำลังเปิดร้านตอนเที่ยง<O:p></O:p>
    ในร้านประกอบด้วยนาย<?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สมัคร วรานุภาพ">สมัคร วรานุภาพ</ST1:pERSONNAME> อายุ 53 ปี เจ้าของร้านกำลังคุยกับนาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สมาน วรานุภาพ">สมาน วรานุภาพ</ST1:pERSONNAME> อายุ 50 ปี น้องชายพร้อมนาง<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ปราณี ภรรยาวัย">ปราณี ภรรยาวัย</ST1:pERSONNAME> 39 ปี นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ถัดมาเป็นนายสุธีลูกชายของนายสมัครอายุ 19 ปีรวมกับลูกๆ ของนายสมานมีนายธีระธรกับ ด.ช.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สาธิต อายุ">สาธิต อายุ</ST1:pERSONNAME> 15 ปี รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้หลังร้านมี นางสาวจิราภรณ์ บุตรสาวของนายสมัครนั่งทำงานบ้านอยู่กับนาง<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="คำปัน คำมา">คำปัน คำมา</ST1:pERSONNAME> อายุ 17 ปี สาวใช้<O:p></O:p>
    ทันใดนั้น......<O:p></O:p>
    มีชายหนุ่มสองคน แต่งกายด้วยชุดทหารพราน กับชุดกากี ถือปืนกล เอ็ม.16 บุกเข้าร้านทองแหกปากให้ทุกคนในร้านห้ามขยับเขยื้อน<O:p></O:p>
    นายสมัครตกใจในเหตุการณ์ทีค่เกิดขึ้น เขารีบหนีหลังร้าน แต่ไม่ทัน เพราะคนร้ายกราดยิงนายสมัครด้วยปืนเอ็ม.16 กระสุนถูกบริเวณหน้าผาก หน้าอกเบื้องซ้ายและหน้าท้องขาดใจตายคาที่ นอกจากนั้นกระสุนลูกหลงยังไปถูกนายสุธีที่ก้านคอกระสุนฝังใน นางปราณีโดนกลางหลัง นางสาวจิราภรณ์ที่อยู่ด้านหลังโดนกระสุนที่สะบักขวาทะลุปอด นางสาวคำปันโดนขาขวา นอกนั้นสามารถหลบลูกหลงอย่างหวุดหวิด<O:p></O:p>
    จากนั้นคนร้ายรีบใช้ปืนยิงกราดตู้โชว์แล้วใช้พานท้ายปืนทุบตู้กระจกให้แตกละเอียด แล้วเก็บกวาดทองนากนานาชนิดใส่เป้สีเขียวแบบทหาร 2 ใบที่เตรียมมา<O:p></O:p>
    ที่หน้าร้านมีคนร้ายสองคนดูต้นทางและคอยคุ้มกันจนเสร็จภารกิจ ทั้งหมดวิ่งไปทางท่าน้ำเทศบาล พอดีเวลานั้น จ.ส.ต.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="พลเทพ พลจันทร์">พลเทพ พลจันทร์</ST1:pERSONNAME> อายุ 42 ปี ตำรวจประจำตู้ยามสถานีรถไฟเกิดได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องจึงออกไปดูว่าอะไรเกิดขึ้น และถูกคนร้ายยิงปืนใส่ด้วยปืนเอ็ม.16 จนตายคาตู้ยาม<O:p></O:p>
    จากนั้น พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ตำรวจจราจร สภ.อ.สมุทรสาคร ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์และเกิดการต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายและยิงโดนคนในกลุ่ม ล้มฟุตไปหนึ่งคนล้มเลือดกระฉูด<O:p></O:p>
    ทว่า เหล่าคนร้ายไม่ยอมทอดทิ้งให้เพื่อนตายอย่างหมาข้างถนน พวกโจรยังอุตสาห์ประคองเพื่อนที่บาดเจ็บหนีไปอย่างทุลักทุเล ขณะเดียวกันก็ได้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่ชาวบ้านและตำรวจเป็นระยะ ระยะ จากนั้นก็หนีมาที่ท่าน้ำของเทศบาลและหนีโดยทางเรือหางยาวขนาด 2 ตอนติดเครื่องกระหึ่มมุ่งหน้า อ.กระทุ่มแบน<O:p></O:p>
    และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย<O:p></O:p>
    เย็นวันเดียวกันมีการพบศพคนร้ายที่พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ยิงในขณะหลบหนีที่ สวนริมคลองตัน ในบ้านเลขที่ 74 ม.4 .,คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร <O:p></O:p>
    นี้เองตำรวจเริ่มรู้ซึ้งแล้วว่าตอนนี้ตี๋ใหญ่กลายเป็นบุคคลอันตรายระดับชาติเสียแล้ว เพราะมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของพวกโจร เป็นทั้งคนผลิตพวกโจรสายต่างๆ ออกมาเย้ยกฎหมายมาอย่างมากมายหลายก๊ก หลายเหล่า ถ้าปล่อยนานๆ เข้าโดยไม่ทำอะไร มีหวังประเทศไทยกลายเป็นแหล่งซ่อมสุมชุมโจรเป็นแน่<O:p></O:p>
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องวางแผนทำอะไรสักอย่าง...........อะไรที่มีประสิทธิภาพ สามารถปราบตี๋ใหญ่ได้อย่างอยู่หมัด<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ ในตอนนั้นรู้ตัวดีว่า......เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดใหญ่ทิ้งภาระอื่นๆ เพื่อมาตามจับเขาโดยเฉพาะ เขาเริ่มยิ่งระมัดระวังตัวเป็นทวีคูณ ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่เคยปรารภว่า....เขาอาจจะต้องตายเพราะคนใกล้ชิดคนใดคนหนึ่ง....แน่นอนมันเป็นลางสังหรณ์ที่เป็นเรื่องจริงในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ยุทธการขั้นต่อไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือการใช้แผนเกลือจิ้มเกลือ ไม่เช่นนั้น หากไล่ล่ากันต่อไป ชื่อเสียงของกรมตำรวจยิ่งเสื่อมลงเสื่อมลง ซึ่งนั้นทำให้ค่าหัวของโจรผู้นี้มีมูลค่า 50,000 บาท ในสมัยนั้น <O:p></O:p>
    และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของตี๋ใหญ่<O:p></O:p>
    แผนการของตำรวจถูกวางไว้อย่างแยบยล เริ่มจากนาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ทวีป เสือคล้ำ">ทวีป เสือคล้ำ</ST1:pERSONNAME> ลูกน้องคนสนิทของตี๋ใหญ่ที่ไว้วางใจคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจามประกบแล้วกล่อมให้ร่วมมือเวลาต่อมา จากนั้นก็สั่งให้นายทวีปเป็นสายส่งข่าวบอกความเคลื่อนไหวของตี๋ใหญ่ให้ทราบ โดยมีเงินรางวัลนำจับ 50,000 บาท เป็นของล่อใจ แน่นอน งานนี้......ตำรวจหมายมั่นปั้นมือว่ามันต้องสำเร็จ<O:p></O:p>
    นายทวีปตกลงกับตำรวจ <O:p></O:p>
    กล่าวกันว่าช่วงเวลานี้ ตี๋ใหญ่กำลังตัดสินใจวางวางมือจากการปล้นฆ่าและหันไปหาที่ลี้ภัยไกลๆ สักที่หนึ่ง แล้วอยู่อย่างคนธรรมดาสามัญ แบบปกติสุข โดยมีเงินเก็บก้อนหนึ่งพอสมควร แต่......ลิขิต แห่งชีวิตได้ถูกขีดไว้แล้ว...มันต้องไปตามนั้น.......<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่ตัดสินใจวางแผนปล้น...อีกครั้งซึ่งอาจเป็นครั้งสุดท้ายโดยเขาหมายมั่นจะปล้นปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และแน่นอนแผนการครั้งนี้เสือคล้ำไปคาบข่าวกับตำรวจเรียบร้อย<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG] </O:p>
    มีข่าวลือ ข่าวอ้างว่า ขณะตี๋ใหญ่อยู่ระหว่างหลบหนี ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นาย<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="ทวีป เสือคล้ำ">ทวีป เสือคล้ำ</ST1:pERSONNAME> ได้ขโมยตะกรุดโทนของพระอาจารย์สุดแห่งวัดกาหลงมอบให้ตี๋ใหญ่ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้นายทวีปต้องเสี่ยงขโมย อาจเป็นเพราะอาจทำให้ตี๋ใหญ่ขาดมนต์คาถาอาคม หรือตำรวจสั่งให้ทำเพราะคาดว่าถ้าตี๋ใหญ่ทำตะกรุดหายเขาต้องมาวัดกาหลงแน่ซึ่งที่นั้นเหมาะสำหรับการล้อมจับตี๋ใหญ่อย่างยิ่ง(บางแห่งบอกว่าเขาได้ลืมตะกรุดโทนและเขี้ยวเสือที่รับจากหลวงพ่อสุดมา อยู่ในซ่องมหาชัย แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอ จึงต้องบากหน้ามาที่วัดกาหลง)<O:p></O:p>
    แน่นอนไปตามที่คาดเมื่อตะกรุดหาย ตี๋ใหญ่จำต้องเดินทางไปวัดกาหลง เพื่อไปขอตะกรุดอันใหม่จากหลวงพ่อสุดอีกครั้ง………….<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    และนี้คือจุดจบของตี๋ใหญ่!!<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    26 กุมภาพันธ์ ณ นากุ้ง ลึกเข้าไปที่วัดกาหลง เขตจังหวัดสมุทรสาคร <O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่และสมุนสามคนขับรถปิกอัพมาสด้าสีขาวหมายเลขทะเบียน ม 0063 ขนาด 1200 ซีซี. สมุทรสาคร ขับไปทางวัดกาหลงเพื่อมาหาพระอาจารย์หลวงพ่อสุด แห่งวัดกาหลง แต่ไม่พบตัว<O:p></O:p>
    ขณะที่เดินทางกลับ รถของตี๋ใหญ่มาถึงซอยวัดธรรม เขาก็พบด่านตำรวจและตำรวจรายล้อม........ ตำรวจโบกมือให้รถหยุด แต่ดาวโจรเลือดมังกรใช้กระสุนปืน 11 ม.ม. ยิงใส่ และใช้รถแหกด่านจ้าละหวั่น<O:p></O:p>
    จากนั้น รถตี๋ใหญ่ก็พุ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงบริเวณที่ตำรวจวางแผนซุ่ม จากนั้นทัเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้อาวุธปืนนานาชนิดยิ่งใส่รถส่ายไปส่ายมาจนลูกน้องที่นั่งอยู่ด่านหลังต้องหนีลงจากรถวิ่งหนีไปป่าละเมาะสองข้างทาง เพราะขื่นอยู่ต้องตายตามลูกพี่แน่นอน<O:p></O:p>
    หลังจากนั้นประชาชนอย่างเราก็ไม่ทราบแล้วละครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋ใหญ่?<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่ากันว่า ณ เวลานั้นเองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกบไล่ตามรถที่ตี๋ใหญ่ขับอย่างกระชั้นชิด<O:p></O:p>
    ตี๋ใหญ่รู้ตัวแล้วว่า ตอนนี้ตำรวจไล่ล่าตามติดมาและตัดสินใจสู้ ดีกว่าถูกจับไปขังที่คุกนรกนั้น<O:p></O:p>
    จากนั้นเสียงระเบิด ห่ากระสุน จากปลายกระบอกปืน ของผู้ไล่ล่า และผู้ถูกล่า ดังบกึกก้องกัมปนาท สนั่นหวั่นไหว สะท่านสะเทือน เลื่อนสั่น<O:p></O:p>
    พอฝุ่นจาง เสียงปืนสงบ ปรากฏร่างของตี๋ใหญ่เขานั่งที่คนขับ เขานอนสงบนิ่ง คราบเลือดแดงฉาดเปรื้อนเปรอะ เขาสวมยีนส์ เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน จากการสำรวจตามร่างกาย ตี๋ใหญ่โดนกระสุนทะลุทะลวงเข้าที่โหนกแก้มซ้าย 2 นัด กกหูขวา 1 นัด ไหล่ซ้ายและราวนมซ้ายอย่างละ 1 นัดรวมทั้งที่รักแร้ซ้าย และต้นคอ เขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ<O:p></O:p>
    แน่นอนเหตุการณ์นี้เป็นคำออกจากของ พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผบ.ช.น. กับ พล.ต.ท. สุขุมวาท ผบ.ช.ภ. 1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวทั้งหมดว่าตี๋ใหญ่ตายเพราะตำรวจยิง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    แต่ก็มีเสียงเล่าอ้างอีก ว่าตี๋ใหญ่อาจตายเพราะลูกน้องหักหลัง โดยสมุนสามคนอาจฆ่าตี๋ใหญ่ก่อนที่จะหนี เพราะกลัวตำรวจตามจับเพราะลูกพี่ตามหนีพร้อมสามคนมีหวังโดนจับพร้อมกันหมดแน่ จึงน่าจะทิ้งไว้สักคนเป็นตัวล่อถ่วงเวลาตำรวจ ซึ่งคนนั้นคงไม่มีใครเกินตี๋ใหญ่คนที่ตำรวจต้องการตจัวมากที่สุดนั้นเอง หรือไม่ก็ไม่ก็มีความแค้นกับตี๋ใหญ่อยู่ก่อนแล้วเพราะเงินจากการปล้นที่สมุทรสาครที่ผ่านมาไม่ลงตัวทำให้แตกแยกกันในแก๊ง<O:p></O:p>
    ภายหลังจากการเสียชีวิตแล้ว ยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า ตี๋ใหญ่แท้จริงยังไม่ตาย บ้างก็ลือกันว่าตี๋ใหญ่ได้หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา บ้างก็เชื่อว่าที่ตี๋ใหญ่เสียท่าแก่ตำรวจ เพราะได้หลบไปซ่อนอยู่ใต้ผ้าถุง อาคมในตัวจึงเสื่อม เป็นต้น เรื่องราวของตี๋ใหญ่ยังถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมา จึงได้ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 ทางช่อง 5 ผู้ที่รับบทตี๋ใหญ่ คือ ฉัตรชัย เปล่งพานิช พล.ต.ท.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สมเกียรติ พ่วงทรัพย์">สมเกียรติ พ่วงทรัพย์</ST1:pERSONNAME> รับบทโดย ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์ และในปี พ.ศ. 2543 ทางช่อง 3 ผู้รับบทตี๋ใหญ่ คือ ศรราม เทพพิทักษ์ และ พล.ต.ท.<ST1:pERSONNAME w:st="on" productid="สมเกียรติ พ่วงทรัพย์">สมเกียรติ พ่วงทรัพย์</ST1:pERSONNAME> รับบทโดย ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์<O:p></O:p>
    [​IMG]<O:p></O:p>
    ทั้งหมดนี้คือข่าวที่โด่งดังที่สุดในปีนั้นซึ่งยังอยู่ในความทรงจำต่อใครหลายๆ คนจนถึงทุกวันนี้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ก่อนจบ<O:p></O:p>
    ตะกรุดโทนของหลวงพ่อสุดนั้นเป็นตะกรุดดอกใหญ่ทำจากตะกั่ว หลวงพ่อลงมือจารด้วยตัวเอง เป็นการจารทีละตัวและท่องคาถากำกับแล้วปลุกเสกครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นเอาด้ายมามัดหุ้มตัวตะกร้ออีกทีแล้วก็ว่าด้วยคาถากำกับเป็นอันเสร็จพิธี สำหรับตะกรุดโทนที่ตี๋ใหญ่ใช้นั้นหลวงพ่อสุดใช้เวลาปลุกเสกเป็นพิเศษถึง 3 ไตรมาส และตะกรุดโทนนี้เองที่ทำให้ตี๋ใหญ่คงกระพันชาตรี นอกจากตะกรุดโทนแล้วยังมียันต์ตะกร้ออีกด้วย<O:p></O:p>
    หลวงพ่อสุด ศิริทฺโร มรณภาพในปี 2526 ภายหลังจากตี๋ใหญ่ถูกสังหาญไปแล้ว 2 ปีรวมศิริอายุได้ 81 ปี...แต่ตำนานของขลังของท่านกลายเป็นที่กล่าวขลังของคนชอบคาถาอาคมอย่างไม่รู้จบ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    จากหนังสือตามรอยคดีฆ่า โดยเจนจบ ยิ่งสุมล สำนักพิมพ์ ไต้-ตะเกียง<O:p></O:p>


    หนังสือ นักฆ่ามหากาฬตี๋ใหญ่ โดยสุริยัน ศักดิ์ไธสงสำนักพิมพ์ไพลิน<O:p></O:p>


    Cammy ดัดแปลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  15. เปิดโลก

    เปิดโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +2,479
    .....เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เรื่องราวของตี๋ใหญ่ถ่ายทอดโดยคุณอัสนี ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดีเลยครับ จะโทษว่าเป็นวิบากกรรม กรรมเก่าของแต่ละคน มันก็ดูจะปัดความรับผิดชอบเกินไป น่าเห็นใจทุกฝ่ายเลย ก็อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกคนในเรื่องนี้ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด สาธุ
     
  16. เปิดโลก

    เปิดโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +2,479
    มีเงิน พบสุข ทุกๆท่านครับ

    .....นึกถึงคำสอนของอาจารย์องค์อุปฌาย์ผมเอง ท่านสอนว่า "มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่เอาเรื่องไม่สบายใจไว้กับตัว ปล่อยวางได้เป็นสุขทุกคืนวัน" ท่านไม่ค่อยสอนให้ยึดติดวัตถุมงคลมากนัก (ถ้ามาเห็นผมตอนนี้ คงนึกปลื้มล่ะ ในตัวรวมตระกรุดเกือบ20องค์) ให้ปฏิบัติสร้างพระในตัวเอง แผ่เมตตาให้ทุกสรรพชีวิต

    .....แต่กิเลสก็เป็นมารที่ชนะได้ไม่ง่ายนัก จึงขอลาไปด้วยเหรียญคุณพระ หลวงปู่สุด วัดกาหลง รุ่นแรก ปี2506 ไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ยึดเหนี่ยว และแผ่บารมีมาคุ้มครองปกป้องเรา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -เรื่องราวของตี๋ใหญ่เป็นเรื่องราวที่สอนครับ คุณเปิดโลกสอนว่าแม้น มีของดีที่ครูบาอาจารย์สร้างและให้เพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อใช้ในทางที่ผิด ก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม ครับ ฉะนั้นสร้างแต่กรรมดีกันน่ะครับ อย่าไปสร้างกรรมชั่ว เหมือนตี๋ใหญ่ ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อน และเดือดร้อนถึงครูบาอาจารย์ ที่ต้องทำพิธีถอนครับ ถอนในที่นี้คือเรียกวิชาอาคมกลับ คืนสู่ที่เดิม เป็นการเล่นอาคมอย่างหนึ่ง วิชาต่างๆทุกอย่างมีลบก็มีบวก เหมือนเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ครับ ใครอยากได้เครื่องรางอะไรที่ไม่ใช่พระ ควรศึกษาให้ดีน่ะครับ บางอย่างให้คุณและให้โทษ เปรียบเหมือนกระแสไฟฟ้าใช้ถูกก็ให้คุณใช้ในทางที่ผิดก็ให้โทษ อย่างไรก็เอาทางพุทธดีกว่าครับ ถือศีลห้า ให้ครบ ไม่เบียดเบียนใคร แค่นี้ชีวิตก็ร่มเย็นเป็นสุขแล้วหล่ะครับ...
    - วันนี้ไปพบข้อมูลหนังสือครับ เกี่ยวกับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง ลงหามาอ่านดูน่ะครับ
    [​IMG]
    ปกหน้าหนังสือครับ ใครซื้ออ่านแล้วเป็นอย่างไรก็ธงไชย ให้ฟังบ้านน่ะครับ

    [​IMG]
    ตัวอย่างภายในเล่ม ​
    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร เจ้าตำรับเสือเผ่น ยันต์ตะกร้อ สุดยอดคงกระพัน
    ISBN 6167042787
    เขียนโดย ตีรธรรม
    พิมพ์ที่ ปราชญ์ พิมพ์ปี 2554
    หนา 144 หน้า น้ำหนัก 250 กรัม ราคาปก
    125 บาท
    ลด 12 บาท พิเศษ 113 บาท
    จากPutalay Bookshop : ร้านหนังสือปูทะเลย์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cover1.jpg
      cover1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.6 KB
      เปิดดู:
      3,260
    • sample.jpg
      sample.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      3,343
  18. mrchainarong

    mrchainarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +2,006
    สวัสดีคร๊าบบคุณอาและพี่ๆทุกๆคน...
    ...จบซะแล้วสำหรับตี๋ใหญ่ขอบคุณคร๊าบบบ คุณอาอัสนี หนังสือเล่มนี้แหล่ะครับที่วันนั้นไปเจอมาอ่านแบบรวดเดียวจบเลย เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาไปเจอหนังสือ "หลวงพ่อสุดและหลวงพ่อแดง" มาอีกเล่มนึงเเต่ไม่ได้ซื้อมาในร้านหนังสือเป็นหนังสือรวมเรื่องของทั้งสองเกจิแต่จำไม่ได้ว่าสำนักพิมพ์ไหนว่าเดี๋ยวจะไปจัดอีกรอบแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ...(อิอิ หน้านี้ตอนแรกผมก็ดูงงๆ เพราะเสือเผ่นกลับหัว ดูแล้วงงอยู่ตั้งนาน 555+)
    ...ได้กลับบ้านซักทีแล้วครับน่าจะขึ้นเมืองหลวงวันศุกร์ คงไม่ได้เข้ามาดูกระทู้นี้บ่อยๆเหมือนเคย ไปไซด์งานใหม่แถวชลบุรี เฮ้อๆๆ... ตะลอนทัวร์อีกแล้วเรา แต่ก็ดีใจครับได้ข้อคิดมุมมองดีดี จากคุณอาๆและพี่ๆทุกคนจากกระทู้นี้เยอะเลยย ยังงัยจะแอบเค้ามาดูบ่อยๆนะคร๊าบบ...
    ปล.ถ้าอยู่เมืองหลวงคราวนี้แหล่ะจะได้แอบเอารูปมาโชว์บ้าง ได้ขึ้นกลับบ้านไปอาราธนาหลวงพ่อสุดใส่กรอบซักที แล้วจะเอามาโชว์บ้างนะครับ...
     
  19. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -เข้ามาดูกระทู้บ่อยๆน่ะครับเดียวไม่ได้ดูของดีๆ ช่วงนี้แต่ล่ะท่านซุ่มโปร่ง หาของดีกันใหญ่เลย คุณดอกรักขนาดที่บ้านดอกไม้ยังสวยอย่างนี้แสดงว่ามีจิตใจงาม รักธรรมชาติ และช้างเผือกทุกเชือก คุณเปิดโลกก็ค่อยๆเอาพระเครื่องสายสมุทรสาคร ออกมาให้เพื่อนๆชม (แสดงว่าตัวเองเริ่มเบื่อๆแล้ว)คงทำอย่างพระอุปฌาย์ท่านว่าแน่ะๆเลย"อย่าไปสะสมมากวัตถุมงคลน่ะ" ฮิ...ฮิ...
    -เดนทางออนไลท์ ไปเจอมาสำหรับคนรัก ตะกรุดโดยเฉพาะหาซื้ออ่านเอาเองน่ะครับ และอย่าลืม ธงไชย ล่ะ....
    [​IMG]
    หนังสือ อาคม ตะกรุด

    ราคา 230 บาท

    วัตถุมงคลที่มีพลานุภาพแห่งอาคม เป็นหัวใจที่ก่อให้เกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำตะกรุดมีมากมาย นับจากโลหะ ทอง เงิน นาก ทองแดง แผ่นอลูมิเนียมกระดูก เขา และหนังสัตว์ ไปจนถึงสิ่งที่หายากที่สุด คือ ผ้า และกระดาษดังนั้นจุดใหย่ใจความแห่งพลานุภาพของตะกรุดจึงมิได้อยู่ที่วัสดุที่นำมาใช้ หากแต่อยู่ที่อาคมแห่งอักขระ พระเวทย์ ที่องค์พระคณาจารย์ต่างๆได้ตั้งจิตประจุไว้ในตะกรุด เนื้อหาในเล่มมีดังนี้ - ที่มาของตะกรุด -ตะกรุด วัดสะพานสูง -ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง -ตะกรุดหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ -ตะกรุดหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า -ตะกรุดหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง -ตะกรุดหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง -ตะกรุดหลวงพ่อเนียม วัดน้อย -ตะกรุดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค -ตะกรุดหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ -ตะกรุดหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ -ตะกรุดหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก -ตะกรุดหลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด -ตะกรุดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว -ตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน -ตะกรุดหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ -ตะกรุดหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง -ตะกรุดหลวงปู่จัน วัดนางหนู -ตะกรุดหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช -ตะกรุดหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี -ตะกรุดหลวงปู่ดู่ วัดสะแก -ตะกรุดหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ -ตะกรุดอาจารย์นอง วัดทรายขาว -ตะกรุดหลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข -ตะกรุดพระวิิเชียรโมลี วัดคูยาง -ตะกรุดหลวงพ่อบุญเทียม วัดลาดหลุมแก้ว -ตะกรุดหลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส -ตะกรุดหลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเงิน ความหนา ๕๘หน้า กระดาษอย่างดีภาพสีทั้งเล่ม



    งงเหมือนกันน่ะ ที่หนังสือราคา 110 แต่ ราคาขาย 230 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  20. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    -ซุ่มเงียบกันน่าดู มีทั้งมาเปิดอ่านแล้วแว๊บ หายไป วันเวลาช่างไวแท้ๆสิ้นเดือนอีกแล้ว อีกเดือนเดียวพวกเราก็จะแก่ กันไปอีกปีแล้วน่ะ อายุก็รุ่นแรกแย้มกันทั้งนั้น (แย้มฝาโลง ฮิ..ฮิ...) คุณดอกรัก ช้างเผือกแถวบ้านเป็นงัยไล่ฟาด(ไล่ตีน่ะอย่าคิดเป็นอย่างอื่น)แบบหยิกแกมหยอกไปกี่เชือกแล้ว คุณเปิดโลก ช่วงนี้น้ำหนุนมากจังทั้งเช้าและเย็น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ดวงอาทิตย์ร้อนแรงขนาดนี้ดูดน้ำขึ้นไปวันล่ะหลายตัน เดียวก็แห้ง เมื่อวานไปได้เบี้ยแก้หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วมา เป็นรุ่นปี48 คือโค้ต จะตีที่ห่วงทั้งสองข้าง ถ้าปี49 จะตีด้านเดียว(แท้จริงผู้รู้ช่วยแถลงไขด้วยครับ) เดียวนี้ของเยอะต้องหาเบี้ยแก้กันไว้ก่อน ยังพอเก็บได้ก่อนที่จะไม่มีพระเครื่องรางดังๆพอขึ้นแล้วขึ้นเลยไม่มีลง แถมอย่างเราไม่ใช่พุทธพาณิชย์ด้วยคือ มีเพื่อความชอบและศรัทธา อย่างที่เห็นบางครั้งเซียนที่ไปบูชาเอามาเป็นสิบ นั่นแหละเขาเตรียมไว้เพื่อปล่อยจากราคาบูชามาหลักร้อย พอข้ามปีก็ขึ้นเท่าตัว สามปีสี่ปีก็ ห้าร้อย อะไรอย่างนี้ หนักๆเข้า ก็ปลอมแปลงซะเลย ที่กระผมเห็นมาของหลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว ที่วัดออกมายังไม่ถึงสามเดือนมีทำปลอมออกมาแล้ว ทำให้เราๆท่านๆ เกิดความไม่มั่นใจในวัตถุมงคล ที่ได้มา ก็ไปตรงประเด็นว่า "ถ้าเองยังนับถือเชื่อถือข้า เองก็ไม่ต้องกลัวว่าของข้าจะเสื่อมหรอก" มันไม่มั่นใจตั้งแต่ทีแรกแล้วหล่ะหลวงพ่อ อย่างนี้จะไปเหลืออะไร เพื่อนๆพี่ๆน้องๆถ้าไม่มั่นใจอย่าไปเอามาน่ะครับไม่งั้นเป็นการส่งเสริมพวกที่ทำขึ้นมาได้ใจ แต่บางครั้งคนที่เอามาปล่อยให้เราเขาก็ไม่รู้หรอกครับว่าโดนมาแล้ว จะทิ้งก็ไม่ได้ เราจะว่าเป็นของปลอมก็ไม่ได้เพราะสร้างเป็นรูปหลวงปู่หลวงพ่อ ต้องใช้คำว่าไม่ทันท่าน
    -การจับพุทธคุณ ใช้ได้ดีพอสมควรแต่ พระที่สร้างขึ้นมาพวกหัวใส ก็เอาไปร่วมพิธี วัดโน้นวัดนี้บางที่ก็ ไปร่วมพิธี9วัด ก็มีทำให้พอจับพลังก็มีพุทธคุณมากแต่ก็ไม่ทันหลวงปู่หลวงพ่อ
    แต่ก็มีพลังพุทธคุณเหมือนกัน การจับพลังนี้มีหลายอย่าง คนที่ญาณสมาธิมั่นคงสูงๆจับแล้วสามารถรู้ถึงผู้สร้างวัตถุมงคล และใช้ด้านใดดีในสมัยโบราณ วิชาไสยศาสตร์ แขนงนี้มีทั้งการลงอักขระเลขยันต์เพื่อปิดกัน ไม่ให้ภูตผีร้ายออกอาละวาด ทำร้ายผู้คน พอนานปีเกิดมีคนใดคนหนึ่งไปพบเจอดึงแผ่นยันต์ออกคิดว่าเป็นของเก่าและด้วยที่ตัวไม่รู้เลขอักษร ขอม ในแผ่นยันต์นั้นว่าเขียนหมายถึงการทำอะไร กลายเป็นว่าปล่อยภูติ พราย ร้ายมาสู่ผู้คน โดยความที่รู้เท่าไม่ถึงการ แล้วใครจะเป็นผู้ปราบล่ะที่นี้ วิญญาณร้าย เมื่อถูกจองจำมานานได้รับอิสระเสรี ในยุคที่เวทย์มนต์คาถาที่มีผู้รู้น้อยกลายเป็นวิญญาณร้ายตนนั้น มีอำนาจมากขึ้นมาทันทีและได้อาศัยร่างผู้คนที่ตนเองสิงสู่ได้หาของเส้นของดิบกิน ดังที่มีข่าวให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ สิ่งเดียวที่จะกำหราบได้ก็คือวัตถุมงคลที่หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ ได้สร้างไว้ ก่อนล่ะสังขารนี่แหละ ขอให้เป็นของแท้จริงเถอะ เอาอยู่หมด แค่เราเดินผ่านก็ไม่กล้ามองเราแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ต่างๆต้องติดตัวไว้เสมอครับ
    ปล. ไปพบเจอเช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ ตามข้างทางหรือในป่าระวังเป็นยันต์ชนิดที่ใช้กำหราบวิญญาณร้าย น่ะครับเมื่อท่านดึงเอามาเป็นของส่วนตัวระวังกลายเป็นผู้ปลดปล่อยวิญญาณ ร้ายโดยไม่รู้ตัว.....
    -วันนี้มาดูเครื่องรางชนิดหนึ่งตะกรุดครับ ตะกรุดหลวงพ่อสุดวัดกาหลง ของคุณโก้บ้าง ของท่านอื่นๆบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเผื่อใครไปพบเจอจะได้ศึกษารายละเอียดปลีกย่อย ขอขอบคุณทุกท่านที่ลงภาพให้เพื่อนๆได้ทัศนา ครับ...
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ใครอยากได้ดอกไหน ก็ไปค้นคว้าหากันเอาเองน่ะครับ เห็นแต่ล่ะดอกแล้ว เอ้อ..น่าเอามาคาดเอวคล้องคอกันจริงๆๆๆๆๆ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10untitled9.jpg
      10untitled9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.1 KB
      เปิดดู:
      4,038
    • 11untitled10.jpg
      11untitled10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90 KB
      เปิดดู:
      3,319
    • 100474_20100917-112444_2.jpg
      100474_20100917-112444_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      285.3 KB
      เปิดดู:
      3,269
    • a021591.jpg
      a021591.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.7 KB
      เปิดดู:
      3,791
    • d0843.jpg
      d0843.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192.2 KB
      เปิดดู:
      6,939
    • qCYsk1248663593-1.jpg
      qCYsk1248663593-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.3 KB
      เปิดดู:
      3,379
    • y0844.jpg
      y0844.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.1 KB
      เปิดดู:
      3,168
    • poosuk.jpg
      poosuk.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192 KB
      เปิดดู:
      3,655
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...