พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    เตือนภัยฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้






    [​IMG]
    เตือนภัยฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้ (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เตือนฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้สูง พร้อมแนะประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟทุกประเภท ปิดสวิทซ์ไฟ ถอดปลั๊กไฟ ปิดวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง กรณีก่อกองไฟ เผาขยะ สูบบุหรี่ จุดธูปเทียนบูชาพระ ควรดับไฟให้สนิท ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร พร้อมจัดสิ่งของภายในบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางหนีไฟ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยในช่วงฤดูหนาว

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สภาพ อากาศในฤดูหนาวจะแห้งแล้ง มีความชื้นต่ำ และลมกระโชกแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยมากกว่าปกติ เมื่อเกิดเพลิงไหม้จึงลุกลามอย่างรวดเร็วและยากต่อการควบคุม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟทุก ประเภท ดับไฟ ธูปเทียนให้เรียบร้อย ปิดสวิทซ์ไฟ ถอดปลั๊กไฟ และปิดวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง ห้ามเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ เช่น เครื่องต้มน้ำไฟฟ้า เปิดพัดลม เป็นต้น ไม่ปล่อยให้ถ่านในเตาไฟมอดดับไปเองอย่างเด็ดขาด ไม่อุ่นอาหารทิ้งไว้ ดับก้นบุหรี่ให้สนิท ไม่โยนก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับลงบนพื้นบ้าน กองหญ้า หรือแหล่งเชื้อเพลิงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ไม่เผาขยะและหญ้าแห้งในที่โล่งแจ้งบริเวณที่มีลมพัดแรง และดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมถังใส่น้ำไว้ใกล้ๆ เพื่อป้องกันไฟลุกลาม พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าให้อยู่สภาพปลอดภัย หาก ตรวจสอบพบว่าชำรุดให้รีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ในทันที ไม่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดในเต้าเสียบเดียวกัน เพิ่มความระมัดระวังในการก่อกองไฟเพื่อผิงไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ห้ามก่อกองไฟบริเวณใกล้บ้าน ที่นอน พงหญ้าแห้ง เพราะสะเก็ดไฟอาจกระเด็นไปติด ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ ควรดับไฟให้สนิทก่อนเข้านอน เพราะหากเผลอหลับในขณะที่ไฟยังติดอยู่ อาจถูกไฟคลอกเสียชีวิตได้ สุดท้ายนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและความสูญเสียที่เกิดจากอัคคีภัย ควรติดตั้งระบบป้องกันเพลิงไหม้ และเครื่องดับเพลิงไว้ประจำบ้าน โดยติดตั้งไว้ในจุดที่สามารถใช้งานได้ง่าย รวม ทั้งจัดสภาพบ้านเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กำจัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบไม่กีดขวางประตู เส้นทางอพยพหนีไฟ หากเกิดเพลิงไหม้จะได้อพยพหนีไฟได้ทันท่วงที
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2554


    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3241-

    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    .

    ไม่อยากไฟไหม้บ้านต้องอ่าน!!!!!


    [​IMG]

    ไม่อยากไฟไหม้บ้านต้องอ่าน!!!!! (Forward Mail)

    ผม เป็นคนชอบ”ไฟฉาย”มาก ๆ และตามท้องตลาดเดี๋ยวนี้ก็มี”ไฟฉาย”ที่ผลิตมาจาก”จีน”มากมาย โดยเฉพาะชนิดที่ชาร์ทแบตเตอรี่กับไฟบ้านได้นั่นแหละผมชอบซื้อมาใช้จริงๆ ราคาก็ประมาณกระบอกละ 100-150 บาท

    เช้า วันนั้นประมาณกลางเดือนตุลาคม 2552 นี้ที่ผ่านมา ผมตื่นขึ้นมาก็เอาไฟฉายไปเสียบชาร์ทแบตกับปลั๊กแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวแล้วก็กินกาแฟ สักพักก็ได้กลิ่นไหม้โชยมาพร้อมกับเขม่าสีดำ ใน ใจก็นึกไปว่า...คงเป็นการเผาขยะจากข้างบ้านเพราะเค้ามักจะเผาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยิ่งแปลกใจเพราะว่าทำไม่มันกลิ่นแรงและมีเขม่าเข้ามามากอย่างนี้ และ ดูเหมือนเขม่าจะออกมาจากจุดที่ผมชาร์ตไฟฉายเอาไว้ ผมเลยรีบเดินมาดูตรงจุดที่ชาร์ทไฟฉายเอาไว้ ...ปรากฏว่าเปลวไปกำลังลุกติดปลั๊ก ลามมาติดชั้นลิ้นชักพลาสติกอย่างน่ากลัว ตอนนั้นรู้สึกตกใจมากแต่ก็พยายามคุมสติ แล้วก็รีบวิ่งไปเอาหม้อที่แขวนไว้ตักน้ำจากถังมาดับได้ทันที

    หาก ผมเห็นช้ากว่านี้แค่ไม่กี่นาที ป่านนี้ผมคงไม่มีบ้านอยู่แล้ว เพราะจุดที่ผมชาร์ทไฟฉายมีทั้งลิ้นชักพลาสติก หนังสือ กระดาษต่างๆและเสื้อผ้าที่ล้วนแต่เป็นเชื้อไฟอย่างดี

    ผมจึงอยากขอเตือนเพื่อนๆทุกคนที่ซื้อสินค้าจาก”จีน” ชนิดที่ชาร์ทแบตเตอรี่กับไฟบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟฉาย,ไม้ตียุง,โคมไฟหรือแม้กระทั่งแบตฯมือถือ ของพวกนี้มีอันตรายอย่างคาดไม่ถึง อาจทำให้ไฟไหม้บ้านง่ายๆ ทางที่ดีอย่าไปซื้อมาใช้เลย หรือถ้าใครซื้อมาใช้แล้วถ้าจะชาร์ทไฟก็ขอให้นำมาชาร์ทตรงที่โล่ง ไม่มีสิ่งใดติดไฟได้ และที่พลาดไม่ได้คือ......ต้องนั่งเฝ้า อย่าให้คลาดสายตาในขณะที่เสียบชาร์ทไฟ แบตฯพวกนี้ชาร์ทประมาณ 30 นาทีก็เต็มแล้วเพราะเป็นแบตฯคุณภาพต่ำมาก ๆ

    [​IMG]

    รูปที่ 1 ให้ดูอีกมุมหนึ่งของ”ไฟฉาย”มฤตยู


    [​IMG]

    รูปที่ 2 นี่คือลิ้นชักพลาสติกที่อยู่ติดกับปลั๊ก ลุกติดไฟอย่างรวดเร็ว

    คำแนะนำ และข้อควรระวัง

    สำหรับอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยโลหะ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ข้อควรระวัง และคำแนะนำ มีดังนี้
    1. ห้ามตักน้ำมาราดดับไฟที่ลุกกับปลั๊กไฟ เนื่องจากน้ำอาจไหลมาถูกตัวเรา และเป็นสื่อของไฟฟ้าได้
    2. การดับไฟ ให้ใช้ของแห้ง ๆ เช่น ทรายหรือน้ำตาลทรายมากลบถ้าอยู่กับพื้น หรือใช้ผ้าแห้งมาตบเพื่อให้เปลวไฟดับ
    3. ทางที่ดีที่สุด ควรรีบสับคัตเอาท์ เพื่อตัดแหล่งกำเนิดไฟฟ้าให้เร็วที่สุด

    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ข้อมูล และภาพประกอบจาก Forward Mail

    วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2553

    -http://icare.kapook.com/caution.php?ac=detail&s_id=19&id=3061-

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อบก.เตือนประชาชนระวังขบวนการหลอกขายคาร์บอนเครดิตป่าไม้ที่แพร่ระบาดในภาคเหนือ



    [​IMG]
    อบก.เตือนประชาชนระวังขบวนการหลอกขายคาร์บอนเครดิตป่าไม้ที่แพร่ระบาดในภาคเหนือ (สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ )

    องค์การ บริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเตือนประชาชนระวังขบวนการหลอกขายคาร์บอนเครดิต ป่าไม้ที่แพร่ระบาดในภาคเหนือ พบมีการหลอกขายต้นกล้าไม้และขอเก็บเงินค่าสมาชิกเพื่อดำเนินโครงการ ซึ่งไม่ได้มาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง

    นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีขบวนการหลอกขายคาร์บอนเครดิตป่าไม้แพร่ระบาดในภาคเหนือ โดยมีการหลอกขายต้นกล้าไม้ และเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก ซึ่งเมื่อสอบถามไปตามองค์กรที่ได้รับการร้องเรียน ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ มีปัญหาผู้ที่ดำเนินโครงการพัฒนาคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่าไม่เข้าใจกลไก การพัฒนาโครงการตามกลไกการพัฒนาที่สะอาด (CDM Project) ซึ่งมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน แม้ว่าการขายคาร์บอนเครดิตสามารถขายได้ทั้งในตลาดคาร์บอนภาคทางการ และตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ

    สำหรับตลาดคาร์บอนภาคทางการตามพิธีสารเกียวโตนั้น ที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการต้องเป็นป่าเสื่อมโทรมมาก่อนปี พ.ศ.2533 ส่วนพื้นที่ที่ไม่เคยเป็นป่าจะต้องพิสูจน์ว่าเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา พื้นที่นั้นไม่เคยเป็นป่า โดยมีขั้นตอนที่ต้องผ่านการเห็นชอบจาก อบก. และการรับรอง/ตรวจประเมินว่ามีการปลูกป่าจริง ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่จะขายได้จริง ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 5 ปี และจะได้รับเงินจากการขายคาร์บอนเครดิตอย่างเร็วไม่ต่ำกว่า 7 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการประมาณ 4-8 ล้านบาท (ไม่รวมเงินลงทุน) จึงต้องมีทุนสำรองเพื่อดำเนินการ และใช้พื้นที่หลายพันไร่หรือหมื่นไร่ จึงจะคุ้มทุน ขณะที่ตลาดภาคสมัครใจ มักเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อดำเนินโครงการธุรกิจที่รับ ผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ซึ่งไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจาก อบก. มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และไม่ต้องใช้พื้นที่มาก จึงมีราคาคาร์บอนเครดิตต่ำกว่าตลาดทางการค่อนข้างมาก

    อย่างไรก็ตาม ผู้ ที่ประสงค์จะพัฒนาโครงการปลูกป่าขายคาร์บอนเครดิตไม่ว่าจะเป็นภาคทางการ หรือสมัครใจ ขอให้แจ้งความประสงค์ในการพัฒนาโครงการมาขึ้นทะเบียนที่องค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อความโปร่งใส ซึ่งรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตอาจได้รับการยกเว้นภาษีฯ 3 รอบปีภาษีด้วย

    <hr align="center" size="2" width="100%"> ​
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    -http://thainews.prd.go.th/index_th.php-
    [​IMG]

    วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2553



    -http://icare.kapook.com/caution.php?ac=detail&s_id=19&id=3030-

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรมควบคุมโรค แนะไม่ควรแจกข้าวกล่องปรุงไว้นานกว่า 4 ชั่วโมง
    ให้ผู้ประสบภัย เสี่ยงอาหารเป็นพิษ อุจาระร่วง


    นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการระบาดของโรคอุจจาระร่วง ในศูนย์อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วม 2 แห่ง ขณะนี้ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ และหยุดการระบาดได้แล้วภายใน 24 ชั่วโมง สาเหตุมาจากการที่ผู้ประสบภัยรับประทานข้าวบูดจากข้าวกล่องที่มีผู้นำไปแจก โดยไม่รู้ว่าอาหารนั้นบูดหรือเสียแล้ว ทั้งนี้ได้แจ้งให้ผู้ที่นำอาหารไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย ไม่ควรนำข้าวกล่องหรืออาหารที่ปรุงไว้ล่วงหน้านานกว่า 4 ชั่วโมงไปแจก เพราะอาจเป็นอาหารที่เสีย หรือมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงได้ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ตั้งจุดเป็นครัวปรุงในพื้นที่ เพื่อให้ได้อาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ จะช่วยป้องกันอาหารเป็นพิษ ที่นำไปสู่การเกิดอุจจาระร่วง

    นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่งขณะนี้ คือ การจมน้ำเสียชีวิต ซึ่งจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมกว่า 300 คน พบว่า มีสาเหตุจากการจมน้ำมากถึง 85 % ส่วนใหญ่เกิดจากเมาแล้วพลัดตกน้ำ, ทอดแหหรือหาปลาแล้วเจอน้ำวน, กระโดดลงไปช่วยคนที่ตกน้ำและเด็กลงเล่นน้ำ จึงอยากเตือนสติผู้ประสบภัยว่าอย่าประมาท อย่าปล่อยให้เด็กลงไปเล่นน้ำ หรือผู้ใหญ่ไม่ควรทอดแหหรือจับปลา เพราะไม่รู้ว่าสภาพด้านล่างของน้ำที่ลงไปนั้น เป็นหลุมหรือมีน้ำวนหรือไม่ ส่วนกรณีเจอคนตกน้ำ ให้โยนเชือกให้เกาะแทนการลงไปช่วยด้วยตนเอง

    อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า สำหรับโรคที่พบมากในศูนย์อพยพผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ และต้องเฝ้าระวังขณะนี้มี 4 โรคหลัก คือ โรคเท้าเปื่อยหรือเท้าอักเสบ ประชาชนที่เดินย่ำน้ำ ควรล้างด้วยน้ำสะอาด หากไม่มีจะต้องเช็ดเท้าให้แห้ง และทายาที่หน่วยแพทย์จากให้ทันที โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากมีผู้ป่วยเพียง 1 คน จะลามให้คนอื่นติดเชื้อและป่วยเป็นจำนวนมาก ผู้ที่มีอาการป่วยควรใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่น โรคตาแดง ผู้ป่วยควรแยกตัวเองออกจากผู้อื่น และโรคอุจจาระร่วง ซึ่งที่พบระบาดแล้วในศูนย์อพยพ 2 แห่ง
    ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำเริ่มลด ไม่ควรชะล่าใจ เมื่อต้องเดินในพื้นที่ที่มีความเฉอะแฉะ ต้องใส่รองเท้าป้องกันเชื้อโรคฉี่หนู ซึ่งมักพบในช่วงหลังน้ำลด เมื่อขึ้นจากการลุยน้ำหรือพื้นที่เปียก ต้องรีบล้างด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งโดยเร็วที่สุด และหากพบว่ามีอาการเป็นไข้ ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่องให้รีบไปพบแพทย์ เพราะโรคฉี่หนูสามารรักษาให้หายขาดได้ หากพบแพทย์ทันท่วงที

    -http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/tv/2554_10_20_dia.html-

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG] Spot วิทยุอุจจาระร่วง [​IMG] บทความวิทยุอุจจาระร่วง

    ------------------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • r1.JPG
      r1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97 KB
      เปิดดู:
      101
    • r2.JPG
      r2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.3 KB
      เปิดดู:
      99
    • 2554_10_17_dia.jpg
      2554_10_17_dia.jpg
      ขนาดไฟล์:
      210.5 KB
      เปิดดู:
      430
    • water_flood1.pdf
      ขนาดไฟล์:
      571.8 KB
      เปิดดู:
      88
    • new10.gif
      new10.gif
      ขนาดไฟล์:
      2.2 KB
      เปิดดู:
      639
    • new21.gif
      new21.gif
      ขนาดไฟล์:
      785 bytes
      เปิดดู:
      636
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กลโกงมิเตอร์ แท็กซี่


    กลโกงมิเตอร์ แท็กซี่ (Forward Mail)

    ปกติเวลาเรานั่ง TAXI จะมีมิเตอร์อยู่ข้างหน้าใช่มั้ย ที่จะมีเลขวิ่งตามระยะทาง ยิ่งทางไกลขึ้น มิเตอร์ก็ยิ่งวิ่งแพงขึ้นๆ
    สมมุติว่าเรากะลังเดินทางไปถึงระยะที่ 79 บาท ... TAXI ปกติเมื่อกำลังวิ่ง ให้สังเกตุตรงด้านหลังตัวเลขมุมขวาล่าง จะมีจุดเล็กๆกระพริบปิ๊บ ๆ อยู่เสมอ อย่างนี้ ...

    [​IMG]


    แต่!!! ไอ้จุดนี่จะกระพริบก็ต่อเมื่อ TAXI กำลัง วิ่งเท่านั้น เมื่อไหร่ที่รถหยุดวิ่ง จุดนี้จะหายไป เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น จะไม่มีจุดกระพริบอีกต่อไป.. มันจะไปกระพริบที่เวลาแทน และจุดที่ช่องราคาจะเริ่มกระพริบใหม่เมื่อรถออกวิ่งต่อ


    [​IMG]

    แต่ถ้า TAXI คัน ไหนจอดแล้วจุดยังกระพริบอยู่ล่ะก็ .. แสดงว่ารถคันนั้นได้ทำการปรับแปลงมิเตอร์ให้โกงระยะทางอยู่ตลอดเวลา ทำให้ค่าโดยสารมันแพงขึ้นกว่าปกติ
    ข้อมูล และภาพประกอบจาก


    Forward Mail
    วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2553
    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=2520-
    <hr align="center" size="2" width="100%">



    เตือนภัยบนห้างสรรพสินค้า (Forward Mail)
    เมื่อเย็นวันที่ 25 เมษายน 2553 เวลาประมาณหกโมงครึ่งกว่า ๆ ขณะที่ผมกำลังเดินไปหาทางออก ชั้นจอดรถ A1 ของห้างเดอะมอลล์ บางแค มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณ สามสิบกว่า ๆ แต่งตัวใส่กางเกงยีนส์ นุ่งทับเรียบร้อย ผมสั้น ออกอาการคล้ายทอม สูงประมาณ 170 cm. ได้ตะโกนทัก ทำเป็นคนรู้จักกันแล้วเข้ามาตีสนิท ถามผมว่าอยู่ที่ไหน ตอนนี้ แล้วก็ทำเนียนให้เบอร์โทร ตอนนั้นผมเดินอยู่คนเดียว ก็ยังงง ๆ เลยคุยด้วย
    แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ปากหนักไม่ยอมถามให้ละเอีียด คิดว่าเป็นน้อง ๆ ที่เคยทำงาน หรือเคยอบรมด้วยกัน แล้วหล่อนก็เอามือถือผมไปกดเบอร์ให้ แล้วก็โทรออก ผมก็สังเกตุ ดูสายไม่มีคนรับ หล่อนก็แกล้งบอกว่าแบตมือถือหล่อนหมด แล้วก็กดเบอร์ใหม่อีก และบอกย้ำผมว่าถึงบ้านให้ไปเซฟชื่อเอา บอกว่าชื่อเอ๋ ระหว่างนั้นก็ถามโน่นถามนี่
    เมื่อผมได้มือถือคืนแล้ว จะเดินจาก หล่อนก็อ้อนวอน ขอกินขนมเค็ก S&P ซึ่งร้านก็อยู่ใกล้ ๆ ซักปอนด์นึง จะกลับแล้วและจะแวะไปเอาคอมพ์ ที่ซ่อมไว้บนชั้นสามหล่อนบอก ด้วยไม่ทันยั้งคิดของผมเลยควักตังค์ไปให้หนึ่งร้อย หล่อนบอกไม่พอปอนด์นีง สองร้อยกว่าบาท สุดท้ายด้วยความใจซื่อจนเซ่อของผมเลยไม่ลังเลควักให้ไปอีกสองร้อย ใจก็คิดแต่สงสารคนมันคงจะหิว พอแยกจากกันหล่อนก็ยังพูดว่าเดี๋ยวเจอกันที่บ้านแล้วจะคืนให้ เมื่อผมไปถึงรถเปิดเอาของเข้าเก็บก็ถึงมานึกได้ ว่าเราไม่น่าจะรู้จักคน ๆ นี้ และโกรธตัวเองทำไมซื้อบื้ออย่างนี้ ให้เงินเขาไปได้อย่างไรให้เงินเขาไปแบบง่ายๆ ไม่คิดไม่ถามให้ถ้วนถี่ ซัีกพักผมลองกดเบอร์ที่หล่อนให้ ปราำกฏว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดบริการ ถูกหลอกเข้าเต็ม ๆ เสีียหน้ามาก
    ก็จึงใคร่อยากฝากเรื่องให้ได้ช่วยเผยแพร่ และเตือนให้คนทั่ว ๆ ไปได้ทราบว่า เมื่อเดินบนห้างหรือที่ไหนๆ ก็ตามถ้ามีคนทักโดยที่เราไม่รู้จักก็จงเลี่ยงอย่าได้ไปคุยหรือสนทนาด้วย จะพาลให้เสียเงินเปล่าๆ ซึ่งถ้าวันๆ หนึ่งเขาหลอกได้สิบคนก็จะเป็นเงินไม่ใช่น้อย หรือเผลอไผลอาจจะเสียมากกว่านี้ก็เป็นได้


    ที่มา : Forward Mail
    วันจันทร์ที่ 26 เมษายน2553


    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=2505-


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    สิ่งที่ชาวญี่ปุ่นใช้รับมือกับภัยธรรมชาติร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ

    ที่มา : Forward Mail

    TNN ติดตาม ข่าวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุน อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกด้วยความรู้สึกตกตะลึงและตามมาด้วยความน่า สะพรึงกลัวต่อพลังมหาศาลของธรรมชาติด้วย ความสงสาร และ เห็นใจอย่างจับใจ ต่อทุกข์แสนสาหัส ที่ประชาชนญี่ปุ่นประสบอยู่ในปัจจุบัน

    ในระหว่างติดตามดูข่าวทางโทรทัศน์ และ อินเตอร์เนตเหล่านี้... ท่าม กลางความโหดร้ายน่ากลัว เรากลับพบความดีงามที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งและชื่นชม นั่นคือ ความสงบ นิ ่งของชาวญี่ปุ่น ภายหลังเหตุการณ์รุนแรง ที่ทำลายชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีพ เราไม่พบข่าวการบุกทุบร้านสะดวกซื้อ เพื่อแย่งชิงอาหาร น้ำ ฯลฯ ทั้งที่ทุกแห่ง ต่างขาดแคลนอย่างสาหัส แต่สิ่งที่เราพบเห็นตามข่าว ก็คือ “วินัย”ของชาวญี่ปุ่น ที่อดทน รอคอย และ ร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้รู้สึกว่าสิ่งนี้นั่นเองที่จะเป็น “เคล็ดลับ” สำคัญที่สุด ที่ชาวญี่ปุ่นใช้เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติร้ายแรงในครั้งนี้

    ลองจินตนาการดูนะคะว่า หากปราศจาก ความอดทน วินัย เช่นนี้ สถานการณ์ที่เลวร้ายในปัจจุบัน จะยิ่งเพิ่มความร้ายแรงมากขึ้นเพียงใด ???

    วันนี้ OPEN UP ขอ เผยแพร่เรื่องราวน่าประทับใจที่ได้ไปอ่านเจอ จากนักเรียนไทยในญี่ปุ่ นที่เปิดเผยบรรยากาศหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และคลื่นยักษ์สึนามิถล่มใน Twitter ของเขา และมีคนนำมาแปลเป็นภาษาไทยค่ะ

    เรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติการณ์ในประเทศญี่ปุ่น

    เรื่องที่หนึ่ง ข้าพเจ้าได้เห็นเด็กน้อยพูดกับพนักงานรถไฟ “ขอบคุณค่ะ/ครับ ที่เมื่อวานพยายามอย่างสุดชิวิตทำให้รถไฟเดินรถได้อีกครั้ง”พนักงาน รถไฟร้องไห้ ส่วนข้าพเจ้าร้องไห้ฟูมฟายไปแล้ว (คืนวันที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟซึ่งเป็นการคมนาคมหลักของชาวญี่ปุ่นหยุดวิ่ง กว่าจะวิ่งได้ก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว)

    เรื่อง ที่สอง ที่ดิสนีย์แลนด์ คนติดกลับบ้านไม่ได้จำนวนมาก และทางร้านขายของก็ได้เอาขนมมาแจกนักท่องเที่ยว ก็ได้มีนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มหนึ่งไปเอามาจำนวนมาก มากเกินพอ แว่บแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีคือ อะไรวะ เอาไปซะเยอะ! แต่วินาทีต่อมากลายเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเด็กกลุ่มนั้นเอาขนมไปให้เด็ก ๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่สามารถไปเอาเองได้เพราะต้องอยู่ดูแลลูก ๆ

    เรื่องที่สาม ใน ซุปเปอร์มาร์ทแห่งหนึ่ง ของตกระเกะระกะเพราะแรงแผ่นดินไหว แต่คนซื้อก็เดินไปช่วยกันเก็บของ แล้วก็หยิบส่วนที่ตนอยากซื้อไปต่อคิวจ่ายเงิน ในรถไฟที่เพิ่งเปิดให้ใช้บริการ และคนที่ตกค้างจำนวนมากกำลังเดินทางกลับ ก็ได้เห็นคนแก่คนหนึ่งลุกให้สตรีมีครรภ์นั่ง คนญี่ปุ่นแม้ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ก็ยังมีน้ำใจ มีระเบียบ

    เรื่อง ที่สี่ ในคืนแรกที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟไม่วิ่ง ทำให้คนจำนวนมากต้องเดินกลับบ้านแทนการนั่งรถไฟ ขณะที่ข้าพเจ้าต้องเดินกลับจากมหาวิทยาลัยมายังที่พัก ร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ผ่านร้านขนมปังร้านหนึ่งซึ่งปิดไปแล้ว แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็ได้เอาขนมปังมาแจกฟรีแก่คนที่กำลังเดินกลับบ้าน ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ น้ำใจที่มีให้กันทำให้หัวใจข้าพเจ้าอบอุ่น ตื้นตัน

    เรื่องที่ห้า ในขณะที่รอรถไฟให้กลับมาวิ่งได้ ข้าพเจ้าก็ได้รออยู่ในอาคารสถานีอย่างเหน็บหนาว โฮมเลสก็ได้แบ่งปันแผ่นกล่องกระดาษให้ โฮมเลสที่ข้าพเจ้ามองด้วยหางตาทุกวันที่มาใช้สถานี คืนนั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

    เรื่องที่หก (เรื่องราวคืนรถไฟไม่วิ่งเยอะหน่อยนะครับ) ด้วยระยะเวลาสี่ชั่วโมงที่ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ก็ได้ผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตาก็ไปสะดุดกับแผ่นกระดาษที่เขียนว่า “เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ”หญิง สาวท่านหนึ่งได้เปิดบ้านตัวเองให้แก่คนที่กำลังเดินกลับบ้านได้ใช้ วินาทีที่ได้เห็นแผ่นกระดาษนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้ำใจคนญี่ปุ่น

    เรื่องที่เจ็ด แม้ ว่าไฟดับ ก็ยังมีคนที่สู้ทำงานให้ไฟกลับมาติด น้ำไม่ไหลก็ยังมีคนไม่ยอมแพ้ทำให้น้ำกลับมาไหล เกิดปัญหากับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีคนที่พร้อมจะเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมมัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้กลับมาสู่สภาพปกติด้วยตัวมันเอง ขณะที่พวกเราอยู่ในบ้านอันอบอุ่นแล้วก็พร่ำบ่นว่าเมื่อไรไฟมันจะติด น้ำจะไหลน้า ก็มีคนที่อยู่ข้างนอกท่ามกลางความหนาวเหน็บกำลังพยายามสู้อยู่

    เรื่องที่แปด ในจังหวัดจิบะ คน ลุงคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ก็ได้เปรยออกมาว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรน้า เด็กหนุ่มม.ปลายก็ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไปเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พวกผมจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน (ไม่เป็นไร พวกเรายังมีอนาคต!!!)

    เรื่องที่เก้า ขณะที่กำลังได้รับความช่วยเหลือ หลังจากที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านมากว่า 42 ชั่วโมง คุณลุงก็ได้กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ เคยมีประสบการณ์สึนามิที่ชิลีมาแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเรามาช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันนะ”แกกล่าวด้วยรอยยิ้ม (สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราคือ ต่อจากนี้ไปเราจะทำอะไรต่างหาก)

    OPEN UP หวัง ว่าเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ จะสะท้อนใจให้เราเห็นถึงสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายคลี่คลายและ ผ่านพ้นไป นั่นก็คือ น้ำใจ วินัย และ สปิริต ค่ะ สำหรับใครที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นในครั้งนี้ มีหลายหน่วยงานนะคะที่พวกเราจะสามารถไปร่วมบริจาคเงินหรือสิ่งของ ตลอดจนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้เรามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือค่ะ ถ้ามีกำลังและโอกาส...ก็ร่วมด้วยช่วยกันนะคะ 
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    Forward Mail

    วันที่ 25 เมษายน 2554
    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3117-

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ทีมกรุ๊ป เสนอโมเดลมอเตอร์เวย์น้ำ แก้น้ำท่วมภาคกลาง


    [​IMG]


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก TEAM Group

    ทีม กรุ๊ปเสนอแนวทางแก้น้ำท่วมภาคกลาง-กทม. ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว – หนุนระบบระบายน้ำมอเตอร์เวย์ คาดสามารถระบายน้ำได้ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

    วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ทีมกรุ๊ปได้เสนอแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคกลางเชิงบูรณาการอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จากความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ทางรัฐจึงต้องมีการดำเนินการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นที่เกิดในปี 2554 ขึ้นอีก

    โดยทีมกรุ๊ป ระบุว่า จากการศึกษาของทีมกรุ๊ป โดยใช้แบบจำลองชลศาสตร์-อุทกวิทยาที่สร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะสำหรับลุ่มน้ำ เจ้าพระยา พบว่า มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำ เพื่อให้สามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็วทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังจากมวลน้ำขนาดใหญ่ไหลเข้าสู่พื้นที่ในเขตภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร

    ทั้งนี้ การก่อสร้างดังกล่าวประกอบด้วย 7 โครงการหลักที่สำคัญ แบ่งเป็นแผนการดำเนินงานในระยะสั้น กลาง ยาว ได้ดังนี้


    แผนระยะสั้น ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    (1) การปรับปรุงระบบระบายน้ำในปัจจุบัน : ประกอบด้วย การขุดลอกคูคลอง ปรับปรุงพนังกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำ

    การปรับปรุงคลอง : มีคูคลองจานวนมากที่มีการตกตะกอน รวมทั้งการที่ประชาชน รุกล้าเข้าไปอยู่อาศัยในเขตคลอง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการขุดลอกตะกอนดินอย่างสม่าเสมอ และป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่ในเขตคลอง โดยเฉพาะคลองสายหลัก และสายอื่นๆ ที่ใช้ในการระบายน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งจากประสบการณ์น้ำท่วมในปี พ.ศ 2554 นี้ก็สามารถจะกำหนดได้ว่าคลองใดบ้างที่จะต้องใช้เป็นคลองระบายน้ำลงสู่แม่ น้าเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน เพื่อระบายลงสู่ทะเล ในบางแห่งจะต้องขยายคลองปรับเปลี่ยนจากคลองส่งน้ำมาเป็นคลองระบายน้ำด้วย อย่างไรก็ตามการขุดลอกคูคลองนี้มีความจำเป็นต้องดาเนินการในทุกๆ คลอง หมุนเวียนกันไปโดยจะต้องกำหนดไว้ว่าคลองใดจะเป็นคลองสายหลัก และ คลองสายรองที่จะใช้ระบายน้ำเพื่อจะได้จัดเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังในการ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การปรับปรุงพนังกั้นน้ำ : จะต้องมีการปรับปรุงพนังกั้นน้ำต่างๆ ที่เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 นี้ รวมทั้งในจุดที่มีความสาคัญมีความเสี่ยง ควรมีการเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำ และพิจารณาความสูงให้เหมาะสม เป็นไปตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์เพื่อสามารถป้องกันน้ำท่วม ในภาพรวมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างแท้จริง

    การปรับปรุงประตูระบายน้ำ : จะต้องมีการบารุงรักษาให้ประตูระบายน้ำสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยู่เสมอ ปรับปรุงบานและเครื่องกว้านให้มีขนาดเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำในปริมาณ มากๆ เท่ากับในปี 2554 นี้ได้อย่างเพียงพอ โดยที่สามารถใช้งานได้ทั้งการส่งน้ำ และระบายน้ำ ซึ่งในบางแห่งอาจจะต้องมีการขยายเพิ่มขนาดบานและอาคารด้วย นอกจากนี้ ในส่วนอาคารโครงสร้าง ชุดเครื่องกว้าน บานระบาย ก็จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงให้มีสภาพดี แข็งแรง สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา

    สถานีสูบน้ำ : จะต้องมีการบำรุงรักษา และซ่อมแซม ปรับปรุงเครื่องสูบน้ำและอาคารประกอบให้มีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นชนิดและขนาดของเครื่องสูบน้ำจะต้องมีความเหมาะสมทั้งที่จะใช้ในการสูบ ส่ง และการสูบระบาย

    อนึ่งการปรับปรุงคูคลองทั้งหมดนี้ย่อมจะมีปัญหาด้านมวลชนที่อาศัยอยู่ในเขต คลอง จะต้องมีการศึกษาด้านการเวนคืน การจ่ายค่าชดเชย ซึ่งในปี 2554 ที่เกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่นี้ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่รัฐจะทำความเข้าใจกับ ประชาชนได้ง่ายขึ้น เพราะทุกคนได้เห็นถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบุกรุกที่ดินเขตคลองและการ สร้างโรงงาน อาคาร และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอยู่ในเส้นทางน้ำ (Floodway) ที่จะระบายลงสู่ทะเล


    แผนระยะกลาง ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2-5 ปี

    (1) พัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่แก้มลิง : จะต้องมีการกำหนดให้พื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีศักยภาพที่ จะเป็นพื้นที่แก้มลิง ซึ่งจากผลการศึกษาของทีมกรุ๊ปร่วมกับกรมชลประทานพบว่า สามารถดำเนินการ โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ตอนบน บริเวณเหนือจังหวัดนครสวรรค์ และพื้นที่ตอนล่าง บริเวณจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งในปัจจุบันในส่วนนี้ได้ศึกษากำหนดพื้นที่ไว้ แล้ว รวม 8 พื้นที่ ศึกษาถึงระบบพนังของพื้นที่ปิดล้อม และระบบประตูระบายน้ำต่างๆ อย่างครบถ้วน และได้กำหนดค่าชดเชยให้แก่ประชาชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ แก้มลิงดังกล่าว โดยได้ทำความเข้าใจจนเป็นที่ยอมรับว่าเกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชต่างๆ ไปตามปกติ และหากปีใดที่มีน้ำปริมาณมาก ก็จะขอใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแก้มลิงเพื่อใช้ในการตัดยอดน้ำหลากในภาวะ วิกฤติ แล้วทางรัฐก็จะจ่ายค่าชดเชยให้ในราคาที่เหมาะสมกับความเสียหายในปีนั้นๆ ต่อไป จากการศึกษาพบว่าสามารถใช้พื้นที่แก้มลิงซึ่งมีความจุรวมประมาณ 1,000 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ดังกล่าวในการตัดยอดน้ำ ลดความลึกของน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    (2) ปรับปรุงคลองบางแก้ว-แม่น้ำลพบุรี : จะต้องปรับปรุงและขยายคลองบางแก้ว-แม่น้ำลพบุรี และเพิ่มช่องการระบายน้ำของ ปตร.ปากคลองบางแก้ว ปตร.ปากคลองพระครู และ ปตร.ปลายคลองบางแก้ว และปลายแม่น้ำลพบุรี เพื่อให้สามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่มอเตอร์เวย์น้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถลดระดับน้ำท่วมในพื้นที่อาเภอเมืองอ่างทองลง ได้ 49 เซ็นติเมตร และสามารถลดระยะเวลาการท่วมในพื้นที่ดังกล่าวลงได้ 18 วัน

    (3) ขุดช่องลัดแม่น้ำท่าจีนและก่อสร้างประตูระบายน้ำควบคุม 4 แห่ง : เป็นการเร่งระบายน้ำทางฝั่งตะวันตก โดยน้อมนำพระราชดาริที่ดำเนินการที่บางกระเจ้า โดยการขุดคลองลัดโพธิ์ และก่อสร้างบานประตูเพื่อควบคุมและระบายน้ำ เพื่อการบรรเทาอุทกภัย ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริดังกล่าวมาใช้ในแม่น้ำท่าจีน เพื่อช่วยให้ระบายน้ำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

    จากการศึกษาพบว่า มีความเหมาะสมที่จะขุดช่องลัดในคุ้งน้ำที่คดเคี้ยวของแม่น้ำท่าจีน จานวน 4 แห่ง และก่อสร้างประตูน้ำในทุกๆ ช่องลัด เพื่อควบคุมการปิด-เปิด ระบายน้ำให้สอดคล้องกับจังหวะการขึ้น-ลง ของน้ำทะเล จะลดระยะทางการไหลของน้ำในส่วนดังกล่าวจาก 48 กิโลเมตร ลดลงเหลือ 10 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้เพิ่มมากขึ้นอีกวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร


    แผนระยะยาว ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จมากกว่า 5 ปี

    (1) การก่อสร้างมอเตอร์เวย์น้ำ : เนื่องจากปริมาณการจราจรของเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความ หนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงธัญญบุรี ถึงลาดกระบังซึ่งได้มีการขยายเส้นทางไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พอเพียง จึงมีความจาเป็นต้องพัฒนาโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบที่ 3 ในขณะเดียวกันในด้านการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกนั้นก็จำเป็นจะต้องเพิ่มการ ระบายน้ำ เพื่อทดแทนทางน้ำหลาก (Floodway) ที่มีอยู่ในสมัยโบราณ เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถระบายน้ำได้สูงสุด 300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น

    ในปี พ.ศ. 2542 ทีมกรุ๊ปได้เคยร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency- JICA) ศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคกลางและได้ร่วมกันวางแนวทางในการก่อ สร้างคลองผันน้ำขนาดใหญ่จากบางไทรระบายลงไปสู่อ่าวไทยผ่านทุ่งตะวันออก ของกรุงเทพฯ

    จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 นี้ ทำให้เห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องหาวิธีการเร่งระบายน้ำในพื้นที่ภาคกลางตอน ล่างและกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมนอกเหนือจากการระบายน้ำผ่านทางแม่น้ำเจ้า พระยา และแม่น้ำท่าจีนเท่านั้น
    ทีมกรุ๊ปได้เคยศึกษาการก่อสร้างมอเตอร์ เวย์น้ำ ควบคู่ไปกับถนน วงแหวนรอบที่ 3 ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเร่งการก่อสร้างโครงการดังกล่าว

    อนึ่งในอดีตได้เคยมีการศึกษาเรื่องการก่อสร้าง Floodway แบบธรรมชาติ โดยวิธีการนี้จะใช้พื้นที่เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2-5 กิโลเมตร เพื่อเป็นทางน้ำผ่านระบายน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านทางทุ่งรังสิต หนองเสือ และผ่านทุ่งด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ลงไปสู่ทะเล ซึ่งในปัจจุบันสภาพการใช้ที่ดินได้เปลี่ยนแปลงไปมากมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เป็นจำนวนมาก การก่อสร้างทางน้ำหลาก (Floodway) ในพื้นที่บริเวณกว้างจะทำได้ยากขึ้น และทางน้ำอาจจะคดเคี้ยวเนื่องจากต้องหลบสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เหล่านั้น ทีม กรุ๊ปจึงได้เสนอแนวทางในการก่อสร้างมอเตอร์เวย์น้ำ ซึ่งกำหนดไว้เป็นการขุดคลองระบายน้ำ ในขนาด 1,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถระบายน้ำได้ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

    มอเตอร์เวย์น้ำ จะขุดเป็นคลองที่มีความกว้าง 180 เมตร ลึกประมาณ 8 เมตร มีประตูควบคุมน้ำที่ตอนเหนือบริเวณบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีประตูควบคุมน้ำที่บริเวณท้ายน้ำ รวมทั้งมี ประตูเรือ (Navigation Lock) ที่ให้เรือผ่านเข้าออกได้ ใช้เป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกสินค้าขนาด 3,000 ตันได้ ซึ่งจะทาให้ลดปริมาณการจราจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้น้ำในคลองจะถูกเก็บกักและควบคุมให้เป็นน้ำจืดที่สามารถใช้เป็นน้ำ สำรองสาหรับใช้เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาสำหรับกรุงเทพฯ ด้านฝั่งตะวันออกได้อีกด้วย

    มอเตอร์เวย์น้ำ นี้จะก่อสร้างคู่ขนานไปกับถนนวงแหวนรอบที่ 3 โดยมีคลองอยู่ตอนกลาง ซึ่งจะมีส่วนของถนนที่ใช้เป็นทางด่วนเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอยู่ด้านหนึ่ง และมีถนนคู่ขนาน (Local Road) สองข้าง สามารถบริการประชาชนได้โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม

    ส่วนที่ดินบริเวณสองข้างของถนนคู่ขนานเลียบมอเตอร์เวย์น้ำนี้ จะมีโอกาสพัฒนาให้มีความเจริญขึ้น ทั้งทางด้านการพัฒนาเป็นชุมชนที่พักอาศัยที่ทันสมัย อยู่ใกล้คลองที่จะมีน้ำอยู่ตลอดปี และพื้นที่ใกล้เคียงถัดออกไปสามารถใช้ในการเกษตรกรรมแผนใหม่ โดยในปัจจุบันบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จากัด (มหาชน) ได้เริ่มมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นปาล์มแทนสวนส้มที่ได้รับความเสียหายใน พื้นที่บริเวณทุ่งหนองเสือ โดยจะใช้น้ำมันปาล์มมาผลิตเป็น Bio Diesel ต่อไป

    นอกจากนี้ยังพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทางน้ำได้อีกด้วย และส่วนของทางด่วนนั้นจากการศึกษาพบว่าจะสามารถเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางได้ ประมาณ 3,500 ล้านบาท ต่อปีอีกด้วย

    จากการใช้แบบจำลองชลศาสตร์-อุทกวิทยา (River Network Model) ที่ทีมกรุ๊ปได้พัฒนาขึ้นมาเป็นการจำเพาะสาหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยาซึ่งได้สอบ เทียบ และใช้งานอย่างได้ผลดีมาตลอด 30 ปี และในการศึกษา ระบบระบายน้ำที่ปรับปรุงใหม่นี้ทั้งระบบดังกล่าวแล้วพบว่าการใช้มอเตอร์เวย์ น้ำเป็นทางระบายน้ำหลักอีกสายหนึ่งบูรณการร่วมกับแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และการปรับปรุงทั้งระบบแล้วจะสามารถระบายน้ำจากตอนเหนือ และจากลุ่มน้าเจ้าพระยาทั้งหมดได้รวม 550 ล้าน ลบ.ม./วัน สามารถบริหารจัดการน้ำท่วมใหญ่ที่มีมวลน้ำที่มากมายทั้งในสภาพปี พ.ศ. 2538 และปี พ.ศ. 2554 นี้ได้อย่างเพียงพอแน่นอน ไม่เกิดความเสียหายอย่างที่เกิดในปีพ.ศ. 2554 อีกต่อไป

    (2) ปรับปรุงคลองชัยนาท-ป่าสัก : จะต้องปรับปรุงคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งปัจจุบันมีขนาดความจุ 210 ลบ.ม./วินาที ส่งน้ำได้วันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ขยายขนาดคลองและปรับเปลี่ยนไปเป็นคลองระบายน้ำขนาด 500 ลบ.ม./วินาที ระบายน้ำได้วันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเร่งการระบายน้ำจากนครสวรรค์และชัยนาท ไม่ให้เกิดการสะสมในทุ่ง โดยก่อสร้างให้ไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์นำ เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลต่อไป

    (3) การก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น และเขื่อนแม่วงก์ : จะต้องพิจารณาคัดเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาโครงการก่อสร้าง เขื่อนแก่งเสือเต้นที่มีความจุอ่างเก็บน้ำ 730 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแม่วงก์ ที่มีความจุอ่างเก็บน้ำ 230 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และสามารถใช้บรรเทาอุทกภัยได้ในฤดูฝนอีกด้วย



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กรุงเทพธุรกิจ

    [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view34151.html-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    น้ำท่วมนาน ระวังยุง! หวั่นไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม

    กระทรวง สาธารณสุข เตือนภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องนาน ระวังยุงลาย-ยุงรำคาญ ด้าน ผอ.โรคทางสมอง จุฬาฯ หวั่นไวรัสไข้สมองอักเสบ-ไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่แพร่เข้าไทย

    เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งประชาชนต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ส่งผลให้ทุกพื้นที่ในขณะนี้เกิดปัญหายุงแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว และสร้างความดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

    ทั้งนี้ ประชาชน จึงต้องระวังยุงลาย ซึ่งก่อโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะในศูนย์พักพิงที่หากมีผู้ป่วยติดเชื้อ อาจแพร่ไปยังคนอื่นได้ ดังนั้น จึงต้องนอนในมุ้ง ทายากันยุงป้องกัน นอกจากนี้ ต้องระวังยุงรำคาญด้วยเช่นกัน เนื่องจากโรคจากยุงรำคาญจะเป็นไข้สมองอักเสบ เท้าช้าง แต่น้อยมาก อย่างไข้สมองอักเสบ ไม่ต้องกังวล เพราะมีการฉีดวัคซีนป้องกันแต่เด็กๆ แล้ว

    ณะที่ทางด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า สิ่ง ที่เป็นกังวลมากในเวลานี้ คือ เรื่องของเชื้อโรคที่มียุงเป็นพาหะ โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบที่เกิดจากยุงรำคาญ และไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่ ล่าสุด มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการของวงการแพทย์ของแอฟริกาและมาเลเซียว่าพบคนไข้ ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากยุงลายที่มีสายพันธุ์มาจากป่า (sylvatic) เดิม ยุงชนิดนี้จะกัดและปล่อยเชื้อเฉพาะในสัตว์ป่า เช่น ลิง เท่านั้น แต่ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่า ผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกจากยุงที่มีสายพันธุ์จากป่า ได้อย่างไร เป็นเรื่องของวิวัฒนาการของยุงที่กลายพันธุ์หรือไม่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งค้นคว้าหาข้อมูลอยู่

    ส่วนไวรัสไข้สมองอักเสบพันธุ์ใหม่ ที่เกิดจากยุงรำคาญที่ชื่อ เวสต์ ไนล์ ไวรัส (west nile virus) เริ่มระบาดครั้งแรกประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1999 และหลังจากนั้นภายในเวลา 3 ปี ก็ลุกลามทั่วสหรัฐ กระทั่งเวลานี้ได้เริ่มระบาดเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแล้ว กลัวว่าช่วงเวลาที่จำนวนยุงรำคาญเพิ่มขึ้นสูง อาจจะมีกลไกบางอย่าง ทำให้ไข้สมองอักเสบพันธุ์ใหม่ระบาดเข้ามาในไทยช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมองได้เตรียมแผนเพื่อรองรับการระบาดของทั้งสองโรคนี้ เอาไว้แล้ว


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์

    [​IMG]



    -http://thaiflood.kapook.com/view34168.html-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="mainmap" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td width="62%">สธ.เปิดสายด่วน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม

    </td> <td width="32%">
    </td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    หลัง จากที่สถานการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ เริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่องบ้างแล้วนั้น ล่าสุดวันนี้ (26 พฤศจิกายน) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ออกมาแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดให้บริการโทรศัพท์สายด่วน เพื่อรับปรึกษาและให้คำแนะนำปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หลังจากน้ำลดได้

    ทั้งนี้ บริการโทรศัพท์สายด่วน มีหมายเลขต่าง ๆ ดังนี้...

    [​IMG] สายด่วนสุขภาพจิต โทรศัพท์ที่หมายเลข 1323

    [​IMG] สายด่วนกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ที่หมายเลข 1422

    [​IMG] สายด่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม โทรศัพท์ที่หมายเลข 1668 กด 1

    [​IMG] สายด่วนอุบัติเหตุฉุกเฉิน โทรศัพท์ที่หมายเลข 1669

    [​IMG] ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ที่หมายเลข 0 2590 1994




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวสด
    [​IMG]

    -http://thaiflood.kapook.com/view34173.html-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรมวิทย์แนะ 5 ขั้นตอนกำจัดเชื้อราในบ้านหลังน้ำลด <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">26 พฤศจิกายน 2554 09:14 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">บ้านขึ้นราทำไงดี?</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะ 5 ขั้นตอนในการกำจัดเชื้อราในบ้านหลังน้ำลด เพื่อป้องกันสุขภาพของเจ้าของบ้าน พร้อมเตือนประชาชนอย่าเสียดายเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวเป็นรูพรุน ไม่สามารถทำความสะอาด และทำให้แห้งได้ เพราะจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา

    นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากภาวะอุทกภัยส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เมื่อน้ำลด บ้านและเครื่องเรือนต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วมจะมีความชื้นสูงทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เราสามารถมองเห็นกลุ่มก้อนของเชื้อราอยู่บนพื้นผิวของวัสดุได้ด้วยตาเปล่า กลุ่มของเชื้อรามักมีรอยจุด สีต่างๆ เช่น สีดำ สีน้ำตาล สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีขาว เป็นดวง และมีกลิ่นเหม็นอับ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน เชื้อรามักจะเจริญเติบโตซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ฝ้าเพดาน ผนังใต้พื้น ใต้พรม วอลเปเปอร์ ตู้เสื้อผ้า ฟูก หมอน เครื่องหนัง เป็นต้น เมื่อประชาชนเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเองก็อาจจะสูดหายใจสปอร์ของ เชื้อราที่ปลิวอยู่ในอากาศภายในบ้านเข้าไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล โรคปอดอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหอบหืด ก่อให้เกิดระคายเคืองต่อตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษ

    กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีข้อแนะนำในการกำจัดเชื้อราสำหรับประชาชนที่จะเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด 5 ขั้นตอน ดังนี้

    1.การป้องกันตนเอง ควรสวมรองเท้าบูตยาง สวมถุงมือยาง
    เพื่อ ป้องกันเชื้อราสัมผัสผิวหนังโดยตรง ใส่แว่นตาป้องกันเชื้อกระเด็นเข้าตา และใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันการหายใจเอาสปอร์เชื้อราและไอระเหยสารเคมี เข้าสู่ร่างกาย

    2.การระบายอากาศ ใน ระหว่างทำความสะอาดควรเปิดประตู หน้าต่าง ม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทและให้มีแสงแดดส่องถึงที่สำคัญไม่ควรเปิดแอร์ และพัดลมในระหว่างการทำความสะอาดเพราะจะทำให้สปอร์ของเชื้อราฟุ้งกระจายได้

    3.การทำความสะอาด ให้ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ให้เร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังน้ำลด โดยให้ล้างด้วยน้ำและสบู่เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน หลังจากนั้น ให้ล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือผงปูนคลอรีน 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนน้ำยาซักผ้าขาว 3-5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร) สำหรับเชื้อราที่ขึ้นเป็นจุดๆ บนวอลเปเปอร์และผนัง ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล 70 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับกรดซาลิไซลิกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 แต่หากพบว่ามีเชื้อราเป็นจำนวนมาก ควรเปลี่ยนวอลเปเปอร์และผนังใหม่ ส่วนเชื้อราบนเครื่องหนังให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถูหลายๆ ครั้ง เมื่อเครื่องหนังแห้งแล้วให้เช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอีกครั้งและใช้ครีม เช็ดรองเท้าเช็ดถูปิดท้าย หลังจากการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เสร็จแล้ว ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ดหรือพ่นบริเวณที่มีเชื้อราเจริญต่อเนื่องทุกวันจน เชื้อราหายไป จากนั้นเว้นระยะเช็ดหรือพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ เชื้อราเจริญเติบโตอีก

    อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว เพิ่มเติมว่า สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อราและทำให้แห้งได้ เช่น พรม เบาะผ้า ที่นอน ฟูก วอลเปเปอร์ ฯลฯ ไม่ควรเก็บไว้ใช้ต่อควรทิ้งโดยใส่ในถุงพลาสติกและมัดอย่างดีเพื่อป้องกันการ แพร่กระจายของเชื้อราสู่อากาศ

    4.การทำให้แห้ง หลังทำความสะอาดและฆ่าเชื้อราในบ้านเสร็จแล้วให้เปิดพัดลมเป่าในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
    เปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อให้อากาศถ่ายเทเอาสปอร์ของเชื้อราออกจากตัวบ้านจนมั่นใจว่าบ้านและ อุปกรณ์ต่างๆ แห้งสนิท

    5.ตรวจสอบเชื้อรา หลัง จากทำความสะอาดไปแล้ว 2-3 วัน ให้สังเกตว่ามีเชื้อราเจริญเติบโตอีกหรือไม่ ถ้ายังพบว่ามีเชื้อราให้ทำความสะอาดซ้ำ หากมีเชื้อราเกิดขึ้นอีกให้ประชาชนตรวจสอบระบบระบายอากาศ ระบบแอร์ทั้งหมด และระดับความชื้นภายในบ้านด้วย


    -http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000150614-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แย่เลยครับ

    ----------------------------------


    ผียิงสาลิกา 10 ตัวไม่เข้าเจ๊า 1-1

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    26 พฤศจิกายน 2554 23:55 น.


    [​IMG]

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดเกมรุกกระหน่ำระลอกแล้วระลอกเล่าแต่ก็เจาะ นิวคาสเซิล ไม่สำเร็จ



    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกกระหน่ำเข้าใส่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่เหลือ 10 คนในช่วงท้ายเกมอย่างบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายก็เจาะไม่เข้ารวมทั้งถูก ทิม ครูล โชว์ซูเปอร์เซฟหลายครั้ง ทำให้จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์

    ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

    บิ๊กแมตช์ประจำคืนวันเสาร์ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงเปิดบ้านต้อนรับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 ที่เพิ่งปราชัยหนแรกในฤดูกาลนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยการพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี เกมนี้เจ้าถิ่นได้ เวย์น รูนีย์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษหายเจ็บสะโพกกลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ “ชิชาริโต” ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ อีกครั้ง แต่ก็เพิ่งเสีย อันแดร์สัน ที่เจ็บเข่าพักยาวจนถึงต้นปีหน้า

    ส่วนทีมเยือนไร้เงา ชีค ติโอเต กองกลางตัวตัดเกมที่เจ็บเข่า และ ลีออน เบสต์ หัวหอกที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ขณะเดียวกันก็ส่งเด็กเก่าของเจ้าบ้านอย่าง กาเบรียล โอแบร์ตอง และ แดนนี ซิมป์สัน ลงสนามพร้อมกัน ด้านแดนหน้าใช้บริการของ อาเต็ม เบน อาร์ฟา กับ เดมบา บา

    เปิดฉากในช่วงแรก “ปิศาจแดง” มีลุ้นก่อนโดย ชิชาริโต ได้โอกาสซัด 2 หนในนาทีที่ 6 และ 7 ตามลำดับ แต่ก็ไม่ผ่านมือ ทิม ครูล ส่วน “สาลิกาดง” ก็ตอบโต้คืนในนาทีที่ 11 เมื่อ เบน อาร์ฟา วางบอลให้ บา จับบอลลงแล้วกดเรียด ทว่า ดาบิด เด เคอา ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ก่อนที่บอลจะเสียบเสาแรก ตามด้วยนาทีที่ 19 โอแบร์ตอง โยกหลอก ปาทริซ เอฟรา แล้วหยอดไปที่เสาไกลให้ ไรอัน เทย์เลอร์ เติมขึ้นมายิงแต่โดนไม่เต็มเท้า ลูกเข้ามือ เด เคอา

    ผ่านมาถึงครึ่งชั่วโมงแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตู 2 ครั้งติดต่อกัน เริ่มจากจังหวะสวนกลับนาทีที่ 30 หลุยส์ นานี จ่ายทะลุช่องให้ ชิชาริโต หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษทว่าเสียหลักเนื่องจากสนามลื่นทำให้ช้อนใต้ลูกโด่ง หลุดกรอบไปไกล จากนั้นนาทีที่ 31 ฟาบิโอ ดา ซิลวา วางบอลจากกราบขวาให้ ไรอัน กิกส์ โฉบเข้ามาดีดเล่นทาง แต่ ทิม ครูล โชว์ซูเปอร์เซฟล้มตัวปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

    กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่ทันไร ปิศาจแดงก็ออกนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 49 จากจังหวะที่ รูนีย์ ปั่นฟรีคิกไปติดกำแพงแล้วกระดอนมาให้ซ้ำอีกครั้ง สตีเวน เทย์เลอร์ พยายามสกัดแต่ลูกไปติดตัว ชิชาริโต กระดอนกลับเข้าไปซุกก้นตาข่าย ถัดมา 2 นาที ฟาบิโอ เติมขึ้นมาแล้วทำชิ่งกับ ชิชาริโต ก่อนล็อกหลบ ฟาบริซิโอ โคลอชชินี แล้วกระทุ้งด้วยขวาส่งลูกเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเจ็บใจ

    หลังจากเสียประตู นิวคาสเซิล ก็เดินหน้าเปิดเกมรุกหวังทวงประตูตีเสมอ นาทีที่ 60 โคลอชชินี ได้โอกาสล้มตัววอลเลย์จ่อๆ ลูกกระดอนพื้นหนึ่งที แต่ เด เคอา ยังไวพอผวาปัดข้ามคานออกไป แต่แล้วนาทีที่ 62 เดอะ แม็กพายส์ ก็มาได้ลูกจุดโทษ เมื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ล้มตัวสไลด์ดัก เบน อาร์ฟา ทั้งคนทั้งบอล ซึ่งผู้ตัดสิน ไมค์ โจนส์ ปรึกษากับผู้กำกับเส้นก่อนให้เป็นจุดโทษ เดมบา บา รับหน้าที่สังหารไม่พลาดตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 64

    ล่วงมาถึงนาทีที่ 79 สาลิกาดงต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ โฮนาส กูเตียร์เรซ ที่โดนใบเหลืองไปแล้วก่อนหน้านี้หวด นานี จากด้านหลังแบบดื้อๆ จึงรับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งจังหวะต่อมา เนมานยา วิดิช ได้โขกจ่อๆ ติดตัว ครูล แบบหวุดหวิด นาทีที่ 83 เอฟรา ยิงไซด์ก้อยหน้าเขตโทษทำท่าจะเสียบเสา แต่ ครูล ยังบินปัดออกหลังได้อย่างเหนียวแน่นอีก 4 นาทีให้หลัง ชิชาริโต ได้โหม่งสะบัดส่งลูกหนีมือ ครูล ได้แล้ว ทว่า แดนนี ซิมป์สัน ยังยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาหวดเคลียร์ออกจากเส้นได้อย่างจวนเจียน

    ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายนาทีที่ 4 ชิชาริโต มีโอกาสเข้าฮอสระยะเผาขนตุงตาข่าย แต่ไม่ได้ประตูเนื่องจากหัวหอกทีมชาติเม็กซิโกอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเพียง ครึ่งช่วงตัว จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด จึงืทำได้แค่เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 แต้ม ทำให้ "ปิศาจแดง" มี 30 คะแนนรั้งอันดับ 2 ต่อไป ตามหลัง แมนฯ ซิตี จ่าฝูงอยู่ 4 แต้ม ส่วน "สาลิกาดง" เก็บเพิ่มเป็น 26 คะแนน ยึดอันดับ 4 เอาไว้ได้อีก 1 สัปดาห์

    รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ดาบิด เด เคอา, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, หลุยส์ นานี, ไมเคิล คาร์ริค, ไรอัน กิกส์, แอชลีย์ ยัง, ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ, เวย์น รูนีย์

    นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด - ทิม ครูล, แดนนี ซิมป์สัน, สตีเวน เทย์เลอร์, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ไรอัน เทย์เลอร์, กาเบรียล โอแบร์ตอง, โยอัน กาบาย, แดนนี กัทธรี, โฮนาส กูเตียร์เรซ, อาเต็ม เบน อาร์ฟา, เดมบา บา

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    สโต๊ค ซิตี ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-1 (รอรี ดีแล็ป 1-0 นาที 28), (เกล็น วีแลน 2-0 นาที 58), (ปีเตอร์ เคราช์ 3-0 นาที 72), (รูเบน โรชินา 3-1 นาที 86)

    โบลตัน วันเดอเรอร์ส แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 (มารูยาน เฟลลายนี 0-1 นาที 49), (อปอสโตลอส เวลลิออส 0-2 นาที 78)


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เชลซี คืนฟอร์มถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน</td> </tr> </tbody></table>

    เชลซี ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 (จอห์น เทอร์รี 1-0 นาที 7), (ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ 2-0 นาที 30), (ฆวน มาตา 3-0 นาที 45)

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-1 (ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ 1-0 นาที 49), (เดมบา บา 1-1 จุดโทษ นาที 64)

    นอริช ซิตี ชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 (รัสเซลล์ มาร์ติน 1-0 นาที 15), (ลุค ยัง 1-1 นาที 59), (แกรนท์ โฮลท์ 2-1 นาที 73)

    ซันเดอร์แลนด์ แพ้ วีแกน แอธเลติก 1-2 (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-0 นาที 8), (ฆอร์ดี โกเมซ 1-1 จุดโทษ นาที 44), (ฟรังโก ดิ ซานโต 1-2 นาที 90+3)

    เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แพ้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 1-3 (ยุสซุฟ มูลุมบู 1-0 นาที 10), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-1 นาที 26), (เจอร์เมน เดโฟ 1-2 นาที 81), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-3 นาที 90+3)

    อาร์เซนอล เสมอ ฟูแลม 1-1 (โธมัส แฟร์มาเลน 0-1 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 65), (โธมัส แฟร์มาเลน 1-1 นาที 82)

    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000150982-

    ------------------------------------------------------------


    ผีดวงแตก!!! ยิงแทบตายสุดท้ายเจ๊าสาลิกา 1-1

    ข่าวฟุตบอล "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเก็บได้แต้มเดียว หลังโดน "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ที่เหลือ10ตัว หลังจาก โจนาส กูเตียร์เรซ โดนใบแดง ยันเสมอไปอย่างสนุก 1-1 เก็บได้เพียงแต้มเดียว

    ผลบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
    วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2554

    สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 : 1 นิวคาสเซิ่ล
    ประตู : 1-0 เอร์นานเดซ น.49, 1-1 บา(จุดโทษ) น.64

    ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

    1-0 Hernandez 49'

    [​IMG][​IMG]


    1-1 Ba (PG) 64'
    Advertisement<center>
    Close to play
    </center>

    [​IMG][​IMG]


































    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14544&key=news-

    .

    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14544&key=news

    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14544&key=news(เป็นลิงค์)


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ธนาคารโลก เผยเศรษฐกิจไทยเสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท


    <table class="mainmap" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td width="62%">
    </td> <td width="32%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" width="33%">
    </td> <td align="center" width="33%">
    </td> <td align="center" width="33%">
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="1000"> <tbody><tr> <td width="660">
    [​IMG]



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Chatchai, Senlektomyum/Shutterstock.com

    ธนาคารโลก เผย ผลสำรวจความเสียหายน้ำท่วมใหญ่ 3 สัปดาห์
    ฟัน 1.4 ล้านล้านบาท ดึงจีดีพีปี 54 ลดลงเหลือ 2.4%


    เมื่อ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ธนาคารโลกได้ทำการสำรวจความเสียหายทางเศรษฐกิจ
    จากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อภาพรวมในด้านต่าง ๆ อย่างมาก
    พบว่า ไทยมีความเสียหายรวม 1.4 ล้านล้านบาท
    ซึ่งเป็นตัวเลขสูงกว่าที่ภาคเอกชนได้ประเมินไว้ถึง 1.12 ล้านล้านบาท


    โดย นางแอนเน็ต ดิกสัน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย
    ได้แถลงข่าวภายหลังจากที่ธนาคารโลกร่วมกับยูเอ็น ไจก้า
    และหน่วยงานราชการ 40 หน่วยงาน
    รวมทั้งเอ็นจีโอ ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายตามวิธีมาตรการสากลเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในเบื้องต้น
    ครอบคลุมทั้ง 18 กลุ่ม 4 ด้าน คือ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านภาคการผลิต ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม

    นาง ดิกสัน เปิดเผยต่อไปว่า ผลของน้ำท่วมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)
    ประมาณ 1.2% ทำให้ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 2.4% จากเดิมมองว่าจะขยายตัว 3.6%
    ซึ่งเป็นการคำนวณบนพื้นฐานของปัจจัยบวกที่จะมาจากการลงทุน การอัดฉีดเงินเข้าไปฟื้นฟูของรัฐแล้ว
    ส่วนปี 2555 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 2.5%
    และเชื่อว่าปี 2556 ภาคการผลิตน่าจะกลับสู่ภาวะปกติทั้งหมด


    นอก จากนี้ นางดิกสัน ได้กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาว่า ธนาคารโลกได้เสนอมาตรการระยะสั้น
    ตั้งแต่ 6 เดือน , 1 ปี , 2 ปี และมากกว่า 2 ปี ทั้งการฟื้นฟูในด้านสังคมและการผลิต
    แต่ไม่ได้เสนอแนะต่อรัฐบาล เพราะเชื่อว่าผลจากการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน
    จะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้เอง ส่วนการประเมินผลหลังน้ำลดหรือประเมินผลรอบสอง
    คาดว่าจะมีการดำเนินการโดยกระทรวงการคลัง
    แต่ธนาคารโลกจะประเมินผลกระทบและแนวทางการฟื้นฟู ซึ่งจะแถลงในวันที่ 28 พฤศจิกายนอีกครั้ง

    ขณะ ที่ทางด้าน น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย
    กล่าวว่า แม้ปัญหาอุทกภัยส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2554
    ลดลงเหลือ 2.4 % แต่ในทางกลับกันก็จะมีหลายโรงงาน และหลายครัวเรือนที่จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
    เช่น การอพยพไปอยู่ในต่างจังหวัด การซ่อมแซมโรงงาน
    ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะทำให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีปีหน้าเป็นบวกได้อย่าง น้อย 0.1
    และในปี 2556 จะไม่มีผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้อีก




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไทยโพสต์ และ คมชัดลึก
    [​IMG][​IMG]
    </td></tr></tbody></table>

    -http://thaiflood.kapook.com/view34142.html-

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • f1.jpg
      f1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.7 KB
      เปิดดู:
      39
    • f2.jpg
      f2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      36
    • f3.jpg
      f3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.1 KB
      เปิดดู:
      39
    • f4.jpg
      f4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.5 KB
      เปิดดู:
      36
    • f5.jpg
      f5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      32
    • f6.jpg
      f6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      42
    • f7.jpg
      f7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      35
    • f8.jpg
      f8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29 KB
      เปิดดู:
      36
    • f9.jpg
      f9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.7 KB
      เปิดดู:
      34
    • f10.jpg
      f10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41 KB
      เปิดดู:
      39
    • f11.jpg
      f11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      38
    • f12.jpg
      f12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      28
    • f13.jpg
      f13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.8 KB
      เปิดดู:
      42
    • f14.jpg
      f14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      41
    • f15.jpg
      f15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.7 KB
      เปิดดู:
      42
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ใต้ฝั่งตอ.มีฝนคะนอง-ภาคอื่นหนาวเย็น


    ฝั่งตะวันออก ฝนคะนองกระจาย โดยเฉพาะพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ขณะที่ ภาคอื่นๆ อากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง บนยอดดอยภาคเหนือมีน้ำค้างแข็ง
    กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 เมื่อเวลา 04.00 น. มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจาก
    ประเทศจีน ยังคงปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง กับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่บริเวณยอดดอยของภาคเหนือในระยะ 1-2 วันนี้

    ภาคเหนือ ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว

    ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้า

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) จังหวัดชุมพรขึ้นมา มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้า
    คะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน

    Link : http://www.innnews.co.th/ใต้ฝั่งตอ-มีฝนคะนอง-ภาคอื่นหนาวเย็น--323809_03.html


    -http://www.innnews.co.th/%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%AD-%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87--323809_03.html-

    -------------------------------------------------------



    อุตุฯแจ้งอากาศเริ่มหนาวเย็นหลายพื้นที่


    กรมอุตุฯแจ้งเตือน ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนภาคอื่น ๆ อากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง

    เมื่อวันนี้ (27 พ.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย
    ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้

    ขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง กับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่บริเวณยอดดอยของภาคเหนือในระยะ 1-2 วันนี้.


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=561&contentId=178192-

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กำจัดยุงตัวร้ายด้วย “ถุงดักยุก”

    [​IMG]


    น้ำท่วมขังแบบนี้ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นเยี่ยม วันนี้แนะนำอีกหนึ่งวิธีในการกำจัดยุงตัวจิ๊ดแต่ฤทธิ์เยอะ

    ช่วงนี้หลายพื้นที่น้ำท่วม ปัญหาหนึ่งที่แม้ว่าจะดูไม่ใหญ่โต แต่ก็ก่อให้เกิดความรำคาญอย่างใหญ่หลวง นั่นก็คือ ถูกยุงกัด เพราะแหล่งน้ำขังทั้งหลาย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ ที่จะเจริญเติบโตต่อไปกลายเป็นยุงได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งยุงบางชนิดไม่เพียงแค่ทำให้เราแสบ ๆ คัน ๆ เท่านั้น แต่สามารถเป็นพาหะก่อให้เกิดโรคร้ายแล้วแต่ชนิดของยุง เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย ไข้สมองอักเสบ โรคเท้าช้าง ฯลฯ เพื่อป้องกันตัวเองและคนที่คุณรักไว้แต่เนิ่น ๆ “กรมควบคุมโรค” ได้แนะนำวิธีในการทำ “ถุงดักยุง” มาฝาก โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ถุงดักยุง” นั้น มีไม่มากและหาได้ง่าย คือ ถุงดำ ขวดน้ำพลาสติก และเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว

    ขั้นตอนแรกเป็นวิธีล่อยุง ให้นำเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ใส่ลงไปในถุงดำ แล้วยุงจะได้กลิ่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ระเหยออกมาจากผิวหนังมนุษย์แล้ว ติดอยู่กับเสื้อผ้าเหล่านั้น เสร็จแล้วทำปากถุงให้เป็นลักษณะท่อ โดยใช้ขวดพลาสติกที่เตรียมไว้ หรืออาจจะใช้แกนทิชชู่ก็ได้ เนื่องจากพฤติกรรมโดยทั่วไปของยุงจะชอบบินเข้าที่แคบ ๆ

    ขั้นตอนต่อมา เป็นขั้นตอนสำคัญ นั่นก็คือ “การดักยุง” ให้นำถุงที่เตรียมไว้แล้วไปวางไว้ในบริเวณที่มืด ๆ ไม่พลุกพล่าน เพียงเท่านี้ เจ้ายุงทั้งหลายก็จะบินเข้ามายังกับดักที่จัดไว้เอง

    วิธีสุดท้าย “การกำจัดยุง” เมื่อยุงเข้ามาสู่ “ถุงดักยุง” แล้ว ให้ปิดปากถุง แล้วนำไปวางกลางแดดสัก 1-2 ชั่วโมง แสงแดดจะช่วยแผดเผาจนยุงตาย เพียงแค่นี้ก็กำจัดยุงได้แล้ว แถมยังนำอุปกรณ์ทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ได้อีกต่างหาก เป็นวิธีที่สุดแสนประหยัดจริง ๆ.


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=178171-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kred.jpg
      kred.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.3 KB
      เปิดดู:
      438
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    จูบคนแปลกหน้าอันตราย!!ติดเอดส์สายพันธุ์ใหม่ ลูกผสม ..เติบโตได้ ในน้ำลาย!




    เรื่องราวของการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่ทันจางหายไป ซ้ำยังกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ล่าสุด!!! กลับพบเชื้อสายพันธุ์ใหม่อีกแล้ว...หลังหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ต่างลงข่าว “พบหญิงไทยติดเชื้อเอดส์ลูกผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ครั้งแรกของโลก” ข่าวคราวแพร่ออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการแพร่ระบาดแพร่หลายก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า “เอดส์” ก็ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวและอันตรายแล้ว...!

    เชื้อ HIV หรือที่เราเรียกว่า เอดส์ นั้น ในประเทศไทยเรา พบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2527 เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน!! พบผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ถึงวันละ 32 คน และในปี 52 นี้ คาดว่าจะมีมากถึง 9.4 หมื่นราย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง...

    ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอดส์หรือ HIV ที่ระบาดในประเทศไทย มีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ที่เหลือเป็นสายพันธุ์บี

    และในทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอ วี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ หลังจากที่ทำการวิจัยตามปกติ ก็พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้ โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)

    เชื้อสายพันธุ์ใหม่จีกับดี ส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่า เป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง!!!!

    แต่เรื่องที่น่า กลัวนั้น คือ เชื้อเอดส์ลูกผสมจะมีจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งที่มีความเข้มข้นมากกว่าสาย พันธุ์ไทย เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อไวรัสเอดส์ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมอาจจะมีเชื้อไวรัสเอดส์ 20 ตัว เป็นต้น ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงการสมมติให้เห็นภาพเท่านั้น ..แม้แต่พฤติกรรมธรรดา แค่จูบ ยังสามรถนำไปติดเอดส์ชนิดใหม่นี้ได้ เพราะ ปริมาณเชื้อโรคที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

    ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปริมาณเชื้อไวรัสจะเข้มข้นต่างกันกี่เท่า ต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดต่อไป เมื่อมีเชื้อไวรัสเข้มข้นจำนวนมาก ก็ยิ่งจะทำให้การแพร่ระบาดเชื้อนั้นเป็นไปได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น

    เรื่องทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข


    นับว่ายังมีข่าวดีในภาวะเช่นนี้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ยาต้านไวรัสที่ผู้ป่วยเอดส์รับประทานในปัจจุบันนั้น สามารถใช้ได้ผลกับเชื้อเอดส์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะดื้อยาได้ง่าย รวมถึงความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาส อาจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์มีความเข้มข้นในน้ำเมือกหรือสารคัดหลั่งมาก อาจนำไปในสู่การระบาดของเชื้อเอดส์ระลอกใหม่ได้

    ดังนั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งศึกษาความเป็นมา และผลกระทบของเชื้อเอดส์ลูกผสมทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย รวมถึงแนวทางป้องกันรักษาและการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน...


    ในด้านของอาการและความรุนแรงของเอดส์สายพันธุ์ใหม่นี้ ในทางการแพทย์ก็ไม่แตกต่างจากเอดส์ที่พบปกติในประเทศไทย เพียงแต่สามารถติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ยิ่งผู้ที่ติดเชื้อ HIV อยู่แล้ว เกิดติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ซ้ำกัน จำนวนเชื้อไวรัสยิ่งเพิ่มมากขึ้น อาการของโรคแย่ลง การดื้อยาก็มีโอกาสสูง

    แต่ทางที่ดีที่สุด!!! หากไม่อยากจบชีวิตลงเพราะเชื้อร้ายแล้วละก็ ก่อนที่เราจะรู้จักวิธีป้องกัน เราต้องรู้การติดต่อของเอดส์เสียก่อน ว่ามันติดต่อได้ทางใดบ้าง ซึ่งจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาประมาณร้อยละ 84 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด

    นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อได้จากทางเลือด การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด รวมถึงการรับเลือดในขณะผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิดก็สามารถติดได้ แต่ในปัจจุบันมีการดูแลคัดเลือกเลือดที่ได้รับบริจาคทุกขวด ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อเอดส์เสียก่อน และสุดท้ายเอดส์สามารถติดจากแม่สู่ลูกได้ ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อ HIV จะแพร่ไปยังลูกได้ ในอัตราร้อยละ 30

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทางป้องกันที่ดีที่สุดคงจะเป็นการ สวมถุงยางอนามัย และการดูแลเอาใจใส่สุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะร่างกายแข็งแรงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อโรคต่างๆ ได้ แค่นี้ไม่ว่าจะเชื้อสายพันธุ์เก่าหรือสายพันธุ์ใหม่ ก็ไม่สามารถทำอะไรคุณได้....




    เรื่องโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322369277&grpid=01&catid=&subcatid=-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรมควบคุมโรคแนะวิธีปฏิบัติหลังน้ำลด ห่วงที่สุด "ไฟช็อต-ดูด-โรคฉี่หนู"


    นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ ในฐานะโฆษกกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ในหลายจังหวัดสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะ ปกติ กรมจึงมีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังน้ำลด โดยในส่วนของการดูแลบ้านเรือนสิ่งของ เครื่องใช้ และอาหาร ทุกครอบครัวต้องทำความสะอาดเสื้อผ้า เครื่องใช้ภายในบ้านและบริเวณบ้านให้สะอาด จากนั้นตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนนำกลับมาใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องตรวจเช็กปลั๊กไฟ สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้ปกติเหมือนเดิมและปลอดภัยหรือ ไม่

    "สิ่งที่ห่วงที่สุดคือ หลังน้ำลดประชาชนส่วนมากจะชะล่าใจ จนละเลยการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องของการถูกไฟช็อต ไฟดูด ซึ่งหลังน้ำลดโอกาสที่จะเกิดขึ้นยังมีอยู่เช่นเดียวกับช่วงน้ำท่วม จึงควรสับคัตเอาต์ลงหรือแจ้งช่างให้เข้าไปตรวจสอบก่อน รวมทั้งโรคฉี่หนูที่ส่วนใหญ่จะมาหลังน้ำลด ประชาชนที่จะเข้าไปทำความสะอาดบ้าน ต้องใส่รองเท้าบูต ถุงมือและเครื่องป้องกันอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย ปลอดโรค" นพ.รุ่งเรืองกล่าว


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322378955&grpid=&catid=19&subcatid=1904-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    นั่งล้อมวงกินข้าว สุขสันต์กับสามเมนูครอบครัว

    [​IMG]


    นั่งล้อมวงกินข้าว สุขสันต์กับสามเมนูครอบครัว (หนังสือแม่บ้าน)

    ปัจจุบันนี้อะไร ๆ ก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไปเสียหมด แทบจะจำภาพเก่าภาพเดิมกันไม่ได้ เช่น การร่วมนั่งล้อมวงกันกินข้าว ปัจจุบันนี้ลองเถอะลองให้ไปนั่งเชื่อได้เลยว่ายังไม่ทันเคี้ยวอาหารเป็นต้อง ขยับพลิกซ้ายพลิกขวาแน่นอน การตำน้ำพริกแกงด้วยครกก็เช่นกัน ก็จะใช้เครื่องบดแทน ถ้าลองให้ไปตำเองล่ะก็ เห็นทีจะได้กินอาหารกันก็คงจะบ่าย ๆ เย็น ๆ โน้นเลย แต่ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เราก็แค่มาสะกิดสะเกาเสียหน่อยเผื่อท่านจะนึกครึ้มอกครึ้มใจชวนญาติพี่น้อง ลูก ๆ หลาน ๆ เข้าครัวช่วยกันทำกับข้าว ต้ม ยำ ทำแกง โขลกน้ำพริกแกงเอง แล้วร่วมนั่งล้อมวงกินพร้อมหน้าพร้อมตากัน โอ๊ย! รับรองว่าท่านจะรู้สึกได้ถึงคำว่าบ้านคือวิมานของเราเชียวล่ะ...

    ได้เลย "สำรับไทยวันนี้" สนับสนุนเต็มที่กับครอบครัวสุขสันต์หรรษา จัดให้ค่ะ แกงจืดสามเซียน แกงสามผัก และยำสามสี มื้อนี้ท่านได้ต้ม ยำ ทำแกงได้โขลกน้ำพริกแกงเอง แสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่กันไปเลย อ่ะแน่นอนไม่ต้องมายิ้ม "เสน่ห์ปลายจวัก" ไงล่ะคะ


    [​IMG] แกงจืดสามเซียน


    [​IMG]



    ส่วนผสม

    กุ้งสด 10 ตัว
    ปลาหมึก 2 ตัว
    เนื้ออกไก่หั่นชิ้น 50 กรัม
    สาหร่ายแห้ง 1 แผ่นเล็ก
    แปะก๊วย 50 กรัม
    เห็ดหอมสด 5 ดอก
    ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
    เกลือป่น ¼ ช้อนชา
    น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
    ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อน ๆ 1 ต้น
    กระเทียมเจียวเล็กน้อย สำหรับโรยหน้า

    วิธีทำ

    1. ปลาหมึกลอกเอาเยื่อออก บั้งและหั่นเป็นชิ้นขนาดพอควร
    2. กุ้งสดปอกเปลือกเหลือหางไว้ ผ่าหลังดึงเส้นดำออก
    3. สาหร่ายแห้งปิ้งพอหอม บิดเป็นชิ้น ๆ ใส่ชามเตรียมไว้
    4. นำน้ำเปล่าใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือด ใส่เนื้ออกไก่ ปลาหมึก กุ้ง พอเดือดใส่เห็ดหอมสด แปะก๊วย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือป่น ชิมรสตามชอบ ใส่ขึ้นฉ่ายคนให้ทั่ว ยกลงตักใส่ชามสาหร่ายที่เตรียมไว้ โรยด้วยกระเทียมเจียว

    Note…

    • สาหร่าย เป็นพืชน้ำดีมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ป้องกัน โรคคอพอก ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ท้องไม่ผูก แถมทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางามอีกด้วย


    [​IMG] แกงสามผัก

    [​IMG]


    ส่วนผสม

    ปลาเนื้ออ่อน (ขนาด 700-800 กรัม) 1 ตัว
    ยอดมะพร้าว 100 กรัม
    เมล็ดถั่วลันเตา 100 กรัม
    ฟักทองแก่ ๆ 100 กรัม
    กระชายซอย 30 กรัม
    ใบมะกรูด 2 ใบ
    ใบกระเพรา 3-4 กิ่ง
    พริกชี้ฟ้า (สีเขียว สีแดง สีเหลืองอย่างละ) 1 เม็ด
    น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    เกลือป่น 2 ช้อนชา
    น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
    น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วยตวง
    น้ำมันพืช, น้ำส้มสายชู

    ส่วนผสมน้ำพริกแกง

    พริกแห้ง (เม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ) 5 เม็ด
    ข่าหั่นละเอียด ¼ ช้อนชา
    พริกไทย 10 เม็ด
    ลูกผักชีคั่ว ½ ช้อนชา
    ลูกยี่หร่าคั่ว ¼ ช้อนชา
    ตะไคร้หั่นบางๆ ¼ ช้อนชา
    ผิวมะกรูดหั่นละเอียด ¼ ช้อนชา
    รากผักชีหั่นละเอียด ¼ ช้อนชา
    หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
    กระเทียมซอย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
    เกลือป่น ¼ ช้อนชา
    กะปิ ¼ ช้อนชา

    วิธีทำ

    1. โขลกส่วนผสมน้ำพริกแกงให้ละเอียด
    2. ยอดมะพร้าวหั่นชิ้นเล็กพอควร แช่ในน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย
    3. ฟักทองล้างน้ำปอกเปลือกออก หั่นชิ้นเล็กเท่า ๆ กับยอดมะพร้าว
    4. ปลาเนื้ออ่อนควักไส้ออก หั่นเป็นท่อน ๆ ยาว 2-3 นิ้ว ล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ
    5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ปลาเนื้ออ่อนลงทอดพอเหลือง ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
    6. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ พอร้อนนำน้ำพริกแกงที่โขลกไว้ลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่ฟักทองลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าลงไปพอเดือด ใส่ยอดมะพร้าว เมล็ดถั่วลันเตา กระชาย ปลาเนื้ออ่อนทอด ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือป่น น้ำตาลปี๊บ พอเดือดชิมรสตามชอบ ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ ใบมะกรูดฉีกเป็นชิ้น และใบกะเพรา คนให้เข้ากันยกลงตักใส่จานเสิร์ฟร้อน ๆ

    Notes…

    • ยอดมะพร้าว เลือกยอดที่อ่อนสดสีครีม ไม่แก่
    • เมล็ดถั่วลั่นเตา เลือกฝักสีเขียว แน่นอน ตรง ๆ ไม่คดงอ
    • ฟักทอง เลือกผิวเปลือกที่ขรุขระ เนื้อแน่น สีเหลืองเข็ม


    [​IMG] ยำสามสี

    [​IMG]

    ส่วนผสม


    เนื้อหมูสับรวน 50 กรัม
    กุ้งสดปอกเปลือกลวกหั่นชิ้น 50 กรัม
    หนังหมูต้มซอยบางๆ 40 กรัม
    ถั่วพูต้มพอสุกซอยหยาบๆ 150 กรัม
    หัวปลี (ลอกเป็นกลีบๆ ซอยหยาบๆ) 70 กรัม
    แคร์รอตซอยเส้น 50 กรัม
    กระเทียมเจียว 150 กรัม
    หอมแดงเจียว 150 กรัม
    มะพร้าวขูดขาวคั่ว 10 กรัม
    ถั่วลิสงคั่วโขลกละเอียด 50 กรัม
    ไข่นกกระทาต้มปอกเปลือก 5 ฟอง
    พริกขี้หนูแห้งทอด 10 เม็ด
    น้ำพริกเผาชนิดไม่ผัด 30 กรัม
    น้ำปลา 30 กรัม
    น้ำมะนาว 40 กรัม
    น้ำตาลปี๊บ 90 กรัม
    หัวกะทิ 30 กรัม

    วิธีทำ

    1. เตรียมน้ำยำโดยผสมน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากัน
    2. จัดเนื้อหมูสับ กุ้ง หนังหมู ถั่วพู หัวปลี แคร์รอต กระเทียมเจียว หอมแดงเจียว มะพร้าวคั่ว ไข่นกกระทา พริกขี้หนูแห้ง และถั่วลิสงใส่จาน จัดเสิร์ฟคู่กับน้ำยำ

    Note…

    • หัวปลีซอยแล้วควรแช่ในน้ำเปล่าผสมน้ำมะนาวจะทำให้มีสีขาวน่ากิน
    • ถั่วพูต้องต้มให้สุกจะทำให้ไม่ดำ และรีบแช่ในน้ำเย็นจะทำให้มีสีเขียวสด



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก -http://www.maeban.co.th/-
    [​IMG]



    -http://women.kapook.com/view33933.html-


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • menu_3.jpg
      menu_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35 KB
      เปิดดู:
      142
    • p75.jpg
      p75.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      154
    • p76.jpg
      p76.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30 KB
      เปิดดู:
      131
    • p77.jpg
      p77.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      147
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์แจ่มใส

    วันนี้ ผมมีคำถามมาถามสมาชิกชมรมพระวังหน้ากันครับ

    พระวังหน้า รุ่นเมตตา 3 โลก

    รูปที่ 1
    [​IMG]


    รูปที่ 2

    [​IMG]


    รูปที่ 3

    [​IMG]


    คำถามถามว่า

    รูปที่ 1 เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่

    หากไม่แท้ มีการอธิษฐานจิตเพิ่มเติมหรือไม่

    รูปที่ 2 เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่

    หากไม่แท้ มีการอธิษฐานจิตเพิ่มเติมหรือไม่

    รูปที่ 3 เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่

    หากไม่แท้ มีการอธิษฐานจิตเพิ่มเติมหรือไม่


    สิ้นสุดรับคำตอบ วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา 18.00 น.

    คำตอบผมจะส่งให้ทาง pm ครับ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kp1.JPG
      kp1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.3 KB
      เปิดดู:
      83
    • kp2.JPG
      kp2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.4 KB
      เปิดดู:
      83
    • kp3.JPG
      kp3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      124.6 KB
      เปิดดู:
      67

แชร์หน้านี้

Loading...