คำทำนายภัยพิบัติที่แม่นยำ และการปกป้องภัยพิบัติ ของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 15 กันยายน 2011.

  1. พิจิกา

    พิจิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +119
    ขอบพระคุณค่ะ คุณ ณ เขาควง ที่อธิบายแทนค่ะ แต่ไม่รู้ว่าท่าน มหา จะมีปัญญาเข้าใจหรือเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ
     
  2. hanky

    hanky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณมากครับ ขออนุโมทนา:cool:
     
  3. ภูทยานฌาน

    ภูทยานฌาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +188
    อ่านท่อนนี้มีดวงตาเห็นธรรมเลย (ที่เน้นสีแดง)กล่าวได้ตรงประเด็นจริงๆ วิเคราะห์ตรงมาก แหม๊ก็เป็นการยากนะ ผู้มีสติปัญญาสูงเท่านั้นถึงจะมองเห็นตามที่ท่านกล่าว แล้วเราจะทำยังไงกันเล่า จิตของแต่ละคนมันละเอียดไม่เท่ากัน เหมือนอยู่คนละที่กัน การมองเห็นก็ย่อมแตกต่างกันไป ได้แต่อุเบกขา เรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้จริงๆ คนจะรู้และเข้าใจธรรมละเอียดได้ทุกคนต้องปฎิบัติเอง ถึงจะรู้เอง คนที่มีภูมิธรรมสูงกว่าได้โปรดเมตตาเพื่อนมนุษย์ร่วมวัฎฎสงสารด้วยกันเถิด และขออนุโมทนาสำหรับผู้มีจิตหลุดพ้น(จริงๆ)
     
  4. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    เรียนท่านผู้สนใจในกระทู้นี้ทุกๆท่าน

    ขออนุญาตครับ

    มันไม่มีประโยชน์อันใด ที่จะมาถกเถียงกันไปมา
    เีราเป็นมูลนิธิ ชื่อ "มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ"
    เมื่อเราเป็นมูลนิธิ เราก็คือ องค์กรการกุศลที่ไม่ได้แสวงหากำไร

    เราไม่เคยเรี่ยไร เราไม่เคยเรียกร้องให้ใครบริจาคโดยไม่เต็มใจ

    ที่ท่านเห็นนั้นล้วนเป็นญาติธรรมของเรา ที่เขาเต็มใจเดินทางมาร่วมงานด้วยความเลื่อมใสศรัทธาทั้งสิ้น

    ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านก็มีวัตถุมงคลให้ตามสมควร เพื่อเป็นกำลังใจเป็นของที่ระลึก ให้ญาติธรรมที่มาทำบุญ

    ท่านใดไม่ประสงค์รับวัตถุมงคล ก็รับแต่ใบโมทนาบัตรก็ได้

    ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านก็บอกว่า เมื่อเขามาทำบุญกับเราแล้ว อย่าให้เขากลับบ้านมือเปล่า

    แม้แต่การสร้างพุทธมณฑล ก็มีการสร้างวัตถุมงคล ให้เป็นที่ระลึก
    ก็พระพุทธ ๒๕ ศตวรรษ ก็ไม่เห็นมีชาวพุทธ ว่ากล่าวคัดค้านแต่ประการใด

    เราไม่มีการเร่ขายวัตถุมงคลของพระใหญ่ชัยภูมิ ภายนอกเขตบุญของเราแต่อย่างใด

    ที่ท่านพากันกล่าวหาว่าเราเป็นต่างๆนาๆนั้น เป็นมุมมองของท่านเอง
    ท่านเห็น ท่านคิด ท่านเขียน ท่านกล่าวออกมาเอง

    ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์นั้น ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ญาณบารมีของท่านนั้น สูงส่งของท่านอยู่แล้ว

    ท่านบำเพ็ญเพียรมาของท่านอยู่แล้ว ผมไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปบอก ไปเล่า ไปเขียน อะไรที่เกินเลยความเป็นจริง

    ขอให้ท่านที่สนใจใคร่ศึกษา เสาะหาข้อมูลกันเอาเอง เรื่องพระโพธิสัตว์ วิกิพีเดีย ก็มีให้อยู่แล้ว

    ถ้าท่านไม่เห็นด้วย ถ้าท่านข้องใจ ทำไมพวกท่าน ไม่พากันตั้งกระทู้ของท่านเอง แล้วเขียนในสิ่งที่ท่านเห็นดีเห็นงาม

    การที่ผมเผยแพร่ เรื่องพระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาลก็ดี
    เรื่องข่าวสารการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิก็ดี
    เรื่องคำทำนายภัยพิบัติก็ดี
    ผมก็มีทั้ง คลิปวีดีโอเป็นหลักฐานมากมาย
    ผมก็เขียนเพิ่มเติม อธิบาย ขยายความเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

    ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านก็ได้บอก ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่า

    "ผู้ไม่มีบุญ แม้ได้ยิน ได้ฟัง ก็อย่าได้เชื่อ"


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=bcmHK7uNH6Q&feature=channel_video_title]อ ทิพากร รินไธสงค์ ทอดผ้าป่าฃื้อที่ดินสร้างพระใหญ่ขัยภูมิ ตอน 1 - YouTube[/ame]

    เมื่อท่านได้ยินแล้ว ได้ฟังแล้ว ท่านไม่เชื่อ มันก็เรื่องของท่าน ไม่เห็นจะเป็นไร

    แต่การที่ท่านมาแสดง ข้อความคัดค้าน ต่างๆนาๆ ในกระทู้ของคนอื่นเขา
    พร้อมกับโจมตี หัวเราะเยาะเย้ยเขา
    เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเขา
    เป็นการสมควรหรือไม่

    พวกท่านจะสามารถต้านทานบุญบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาลได้หรือ
    พวกท่านศึกษา พวกท่านปรึกษาหารือครูบาอาจารย์ของท่านแล้วหรือ

    แม้แต่บุญบารมีอันสูงส่งของท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโณ
    ที่ท่านช่วยชาติได้ในระดับสูงที่สุด เท่าที่มีพระเจ้าพระสงฆ์องค์ใดเคยทำมาก่อน

    ผลงานเผยแผ่ธรรม ผ่านเครือข่ายสถานีวิทยุเสียงธรรมของท่าน เป็นเอกไร้เทียมทาน ไปอีกนานแสนนาน

    องค์ท่านก็บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า ท่านแก้ไขภัยพิบัติใหญ่ๆไม่ได้

    แล้วการทำบุญแบบเดิมๆของชาวพุทธ จะแก้ไขภัยพิบัติได้อย่างไร

    แล้วพวกท่านละครับ หวังพึ่งบุญบารมี ท่านผู้ใดจะมาช่วยแก้ภัยพิบัติกันอยู่หรือ

    เมื่อท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ท่านทำ ท่านนำ ท่านพา ชาวพุทธสร้างบารมี ด้วยการสร้าง พุทธสถาน ด้วยการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

    เพื่อให้ญาติธรรมทั้งหลาย ได้มีโอกาสสร้างบุญใหญ่ร่วมกัน สร้างกุศลใหญ่ร่วมกัน เพื่อนำพลังแห่งบุญ พลังแห่งกุศลเหล่านั้น

    ไปแผ่ ไปอุทิศให้แก่เหล่าทวยเทพ เหล่าเทวดา เหล่าวีระชน เหล่าบรรพชน
    ญาติผู้ล่วงลับ ญาติที่ถูกลืม เหล่าดวงวิญาณเร่ร่อนที่ไร้ญาติขาดมิตร
    เหล่าเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

    เพื่อให้เกิดการอโหสิกรรม เพื่อเป็นการบันเทาเบาบางของกรรมลงเพื่อผลักดันให้กรรมไม่ดี เลื่อนออกไปไกลๆ

    เพื่อให้ญาติธรรมผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลเหล่านั้น สามารถหลบพ้น รอดพ้น จากภัยพิบัติต่างๆได้

    จนกว่าการสร้างพระใหญ่ไปถึงจุดที่สามารถแผ่มหาพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์
    ปกป้องชาวพุทธ ผู้มีจิตเป็นบุญ เป็นกุศล ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายได้ มีชีวิตที่เป็นปกติสุขสืบไป

    ท่านที่มีสายใยบารมีร่วมกัน เขาก็มาร่วมสร้างพระใหญ่ก่อนผู้อื่น
    ผมก็แค่มีหน้าที่บอกข่าวสารการสร้าง นำเสนอ งานต่างๆของท่านอาจารย์ทิพากร ของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ แล้วอธิบายมขยายความเท่านั้นเอง

    ท่านที่เห็นด้วยเขาก็มาร่วมสร้างบุญ สร้างกุศลของเขา

    ท่านที่ยังไม่เห็นด้วย เขาก็สร้างบุญสร้างกุศล ตามวิถีชาวพุทธแบบเดิมๆของเขาต่อไป

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมผู้ที่ได้ร่วมสร้างพระใหญ่แล้ว ตลอดจนญาติธรรมผู้ร่วมอนุโมทนาบุญทั้งหลายทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
  5. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219

    ชอบมาก เอาไป10กะโหลกกกกกก!!! เป็นอาจารย์สอนวิชาพระพุทธรึเปล่าครับ อิอิ :cool:
     
  6. bordintu

    bordintu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +951
    ถ้าได้ถึงทศพลญาณฏ้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการสร้างนี่ครับ ไม่เห็นต้องโกรธเลย หลวงตามหาบัวไม่มีญาณสูงขนาดนั้นยังสร้างบุญกุศลมหาทานได้ขนาดนั้น นี่ระดับที่สูงกว่าก็น่าจะทำได้สบายๆนี่ครับ มีญาณหยั่งรู้็ตั้ง 10 อย่างใกล้เคียงพระพุทธเจ้าที่สามารถทำนายได้กระทั่งพระมารดา พระบิดาของพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปหรือองค์ที่กำลังจะมาตรัสรู้ในอนาคตชื่ออะไร เกิดที่เมืองอะไร มีพระอัครสาวกซ้ายขวาชื่ออะไร ฯลฯ ก็น่าจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะสร้างได้เสร็จมั้ย เสร็จเมื่อไหร่ จำนวนเงินเท่าไรที่จะได้มาช่วยสร้าง ใครเป็นนายทุนใหญ่จะมาจากที่ไหนก็คงรู็หมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ ถ้าแค่นี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้เงินเท่าไร ใครเอามาให้บ้าง เสร็จตอนไหน จะเป็นทศพลญาณได้เหรอครับ

    พระอริยะเจ้าหลายๆท่านก็สร้างบารมีวิหารทาน พระพุทธรูปหรืออื่นๆให้พระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น โดยไม่ยากเย็น ระดับทศพลญาณนี่ไม่ต้องจินตนาการถึงทำได้อยู๋แล้วครับ แล้วจะเครียดไปทำไมกันลุงมหา

    อีกเรื่องก็แค่สงสัยว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนว่า จงอย่าประมาทในชีวิต, ทุกสิ่งทุกยอ่างล้วนเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง แล้วเหตุใดถึงมั่นใจว่าจะไม่ลงนรกไปอีก 64 มหากัป แสดงว่ามันเที่ยงแล้วหรือครับ เท่าที่ทราบความเที่ยงมีตั้งแต่ระดับพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น คือเที่ยงว่าเข้าสู่กระแสพระนิพพานแล้วแน่ๆ เทวดา พรหม มนุษย์ เอาอะไรมาเป็นความเที่ยงว่ากันนรกได้ แค่สงสัยน่ะครับ ว่าทำบุญแล้วครั้งนี้จะไม่ลงนรกไปอีก 64 กัป แปลว่าถ้าเกิดเผลอไปทำบาป ผิดศีล 5 นี่ตอนตายมันจะลงนรกมั้ยหรือรอไปลงตอนกัปที่ 65

    แล้วการที่มัั่่นใจว่าได้รับการพยากรว่าไม่ลงนรก 64 กัปนี่เค้าเรียกว่าความประมาทหรือป่าวครับ ตามที่พระพุทธเจ้าสอนรึป่าว เท่าที่ทราบจะพระพุทธเจ้าองค์ไหน กี่พระองค์ก็ทรงสอนเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอครับ

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้นับถือ ศรัทธา พระรัตนตรัยด้วยความจริงใจ ด้วยความฉลาด อย่างสูงสุด เหตุใดท่านจึงกล่าวว่าพระสงฆ์องคืไหนบ้างที่เคยทำแบบนี้มั้ย ออกมามั้ย ญาณไม่ถึงบ้างล่ะครับ ไม่ควรกล่าวนะครับ บอกแค่บุญเฉยๆก็พอ ด้วยกำลังบารมีที่เกือบเต้มแล้ว มีสูงกว่าพระอริยเจ้าทั้งหมด แค่นี้สบายครับสร้างเสร็จอยู่แล้ว มหาชนจะเข้ามาแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  7. bordintu

    bordintu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +951
    พระอริยะเจ้าท่านอื่นๆที่เราๆรู้็จักกัน ท่านอาจจะไม่ได้เอ่ยพระนามของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ แต่ท่านขึ้นไปนั่งเล่นที่พระนิพพานกันจนเบื่อแล้วมั้งครับไปกราบพระพุทธเจ้าข้างบนทุกๆพระองค์มาแล้วทั้งนั้น ทำพิธีพุทธาภิเษกทีนึงหลวงปู่หลวงพ่อท่านอาราธนานิมนต์เสด็จลงมาช่วยทั้งพระนิพพานนะครับ อีกทั้งเทวดา พรหม อื่นๆก็มาขอฟังเทศน์ ฟังธรรมกันเป็นปกติ อย่างหลวงปู่มั่น เป็นต้น แม่ชีบุญเรือนเดินกลางน้ำได้ เดินตากฝนได้โดยทางที่เดินไปกลางฝนฝนไม่ตก ทางไม่เปียกเว้นเป็นช่องให้เดิน หลวงปู่ปานท่านเนรมิตให้ฝนตกมาโดยที่ฝนไม่เข้ามาในรัศมี 2 เมตร เพราะใช้กสิณลมพัดออกไป พระอริยะเจ้าท่านอื่นๆก็มีย่นระยะทางบ้าง เสกวัตถุมงคลจนไฟลุกบ้าง บาตรลอยบ้าง ยิงไม่ออก อืมมีอีกเยอะจนกล่าวไม่หมด แล้วนี่ระดับทศพลญาณที่เหนือกว่าอภิญญาหกอย่างเทียบไม่ได้ ไม่เคยมีใครตั้งแต่สมัยพุทธกาลเคยได้มาก่อนต้องเหนือกว่าแน่นอน ทำพิธีให้ฝนตกแต่ศาลาพิธีถูกเว้นไว้ไม้เปียกสิครับ รับรองว่ามีคนมามืดฟ้ามัวดิน โดยเหตุแห่งความศรัทธา ลองเสนอดูนะครับ อาจจะทำให้งานเสร้จเร็วขึ้นก็ได้นะครับ


    อืม และหลายท่านก็ได้บอกกันอยู๋นะครับว่าให้ระวังน้ำ ให้อยู๋ที่สุงๆ เตือนมาเหมือนกันครับ แล้วไม่ทราบว่าปีหน้า มกราคมหรืออนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไรบ้างครับ ด้วยอำนาจแห่งทศพลญาณต้องระบุได้ชัดเจนแน่นอนว่าวันที่เท่าไร เดือนไหน เหตุใดจะเกิดขึ้นใช่มั้ยครับ คงไม่รู็แค่ผิวเผินแน่นอน พุทโธอัปมาโน ธัมโมอัปมาโน สังโฆอัปมาโน พระรัตนตรัยมีคุณประมาณค่ามิได้ ด้วยเหตุห่งอภิญญาและญาณหยั่งรู้ที่ยังไม่เคยมีใครได้มาก่อนน่าจะบอกรายละเอียดแบบลงลึกชัดเจนทุกกระเบียดนิ้วเตือนภัยไว้ให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  8. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    ผมขอเสริมคุณ bordintu อีกนิดครับ

    พระพุทธเจ้าสอนว่า สิ่งที่สูงที่สุดในโลกนี้มี 3 อย่างครับ ท่านลุงมหาเป็นถึงมหาน่าจะทราบนะครับ ว่า อะไรบ้าง ผมตอบให้ละกันครับ นั่นคือ แก้ว 3 ประการ หรือพระรัตนตรัยนั่นแหละครับ มีสอนตั้งแต่ นธ.ตรี เลยด้วยซ้ำนะท่าน
    1. พระพุทธเจ้า = ไม่ต้องอธิบาย
    2. พระธรรม = คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็คงไม่ต้องอธิบายเช่นกัน
    3. พระสงฆ์ = ในฐานะที่ใช้ชื่อว่า ลุงมหา เนี้ยทราบไหมครับ ว่ามีใครบ้าง และคืออะไร ผมหวังว่าท่านทราบดี แต่ผมไม่รอคำตอบนะครับ ขอกล่าวเลย
    พระสงฆ์ ไม่ได้หมายถึง พระภิกษุ ที่หลายคนเข้าใจแค่นั่นนะครับ แต่คำว่า สงฆ์ = แปลว่า หมู่ และ หมู่ในที่นี้ คือ พุทธบริษัท 4 นะครับ ซึ่งประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เห็นไหมครับคำว่า สงฆ์จึงหมายถึงพุทธบริษัท 4 และ พระสงฆ์ยังแยกแบ่งออกเป็น อีก 2 อย่างนะท่านมหา ก็คงทราบเป็นอย่างดี เพราะมีสอนอยู่แล้วหากจบมหามา นั่นคื 1.อริยะสงฆ์ 2.สมมติสงฆ์
    สังฆรัตนะ ที่พระพุทธองค์บอกว่าคือแก้ว 3 ประการนี้ ท่านระบุ เฉพาะ อริยะสงฆ์เท่านั้น ซึ่งก็หมายถึง พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เท่านั้น
    ลุงมหา ยังพอจำตำราได้ไหมละครับ ดังนั้น อริยะสงฆ์ จึงหมายถึง พุทธบริษัท 4 ที่บรรลุธรรม คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระสกทาคามีเท่านั้น
    ลุงมหาควรจะสังเกตอีกนะครับ ว่า พระพุทธองค์บอกว่านี้คือ พระรัตนตรัย เป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การกราบไหว้อย่างสูงสุด ครับ
    และก็มากล่าวถึงพระโพธิสัตว์ และพระมหาโพธิสัตว์ นะครับ มีอยู่ในพระรัตนตรัยด้วยหรือเปล่าครับ ลุงมหา ในฐานะที่เป็นถึงมหา ช่วยระบุหน่อยครับว่าตำราเล่มใด ระบุว่าพระโพธิสัตว์ หรือพระมหาโพธิสัตว์ เนี้ยอยู่ในพระรัตนตรัย ผมจะได้ขอไปศึกษาหน่อย
    ที่ผมกล่าวมานี่ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นพระโพธิสัตว์ หรือพระมหาโพธิสัตว์แต่ประการใด เพราะท่านเหล่านี้เสียสละ สร้างบารมีอย่างมากมาย บารมีนะไม่ต้องพูดถึงครับ แต่ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือลา ไปบรรลุเป็นพระอริยะเจ้าแล้ว ถึงมีบารมีล้นแค่ไหน หากพลาดก็ นรกครับ จำไว้นะครับ พระโพธิสัตว์ หรือพระมหาโพธิสัตว์ หากทำบาป ก็หนีไม่รอดนะครับ นรกจริงๆ ครับ (ผมก็เดาว่า อาจมีคนที่ทำบาปตามท่าน อาจต้องลงไปรับใช้ท่านในนรกด้วยละมั่ง) แต่ถึงท่านจะลงนรก วันหนึ่ง ท่านก็สามารถบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เช่นเดียวกันครับ

    พอจำได้ไหมครับว่าพระพุทธเจ้าของเราเอง ที่สร้างกรรมไม่ดีเอาไว้ในอดีตชาติก็ส่งผลเช่นเดียวกัน เนี้ยขนาดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วนะครับ
    เช่น 1. การอธิฐานเรื่องใครจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าก่อนกัน กับพระศรีอริยเมตตไตร แล้วพระองค์แอบมาสลับดอกบัว เห็นไหมครับ แค่สลับดอกบัว จะส่งผลให้ศาสนาของพระองค์เป็นเช่นไร 2.ก่อนปรินิพพาน ที่พระองค์กระหายน้ำเป็นอย่างมากแล้วใช้ให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ฉัน แต่ปรากฏว่าน้ำมีสภาพขุ่นมัวมาก ไม่สามารถ ฉันได้ เห็นไหมครับ ว่าเนี้ยคือกรรมอะไร (ผมไม่ตอบละกันให้ลุงมหาระลึกเองละกันครับ) แต่ที่ผมบอกมาจะสื่อว่า ใครทำกรรมอะไร ก็ได้รับผลเช่นนั้น
     
  9. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    การชวนคนไปก่อสร้าง หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆนะ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การทำบุญถึงแม้จะมีผลอย่างมหาศาล แต่ก็เป็นระดับที่ต่ำที่สุดนะครับ ตามที่พระพุทธเจ้าสอน
    1. ทาน ต่ำสุด ไม่ได้เป็นไปเพื่อหลุดพ้นจากกิเลส แต่มีส่วนช่วยให้หลุดพ้นได้บางส่วน) การบริจาคก็อยู่หัวข้อนี้ นะครับลุงมหา และคนจะบริจาค ก็ต้องมีสิ่งของบริจาค เช่นเงิน ทอง ทรัพย์สินนะครับ (จะรวมถึงอวัยวะด้วยก็ได้ครับ)
    2. ศีล กลางๆ เป็นพื้นฐานขั้นต้นที่จำเป็นต้องมี ส่งผลให้การภาวนา ไม่สะดุด ไม่ติดขัด คนรักษาศีลเนี้ย คนจนก็ทำได้นะครับ แล้วทำได้ทุกคนซะด้วย
    3. ภาวนา เป็นบุญขั้นสูงสุดนะครับ เพราะเป็นหนทางแห่งความหลุดพ้น เป็นหนทางของพระอริยะ คนจนก็ทำได้เช่นเดียวกันครับ

    เห็นไหมครับว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้า คนจนก็สามารถบำเพ็ญบารมีขั้นสูงสุดได้ โดยไม่ต้องใช้เงินเลยแม้แต่น้อย

    ระวังนะครับ ยิ่งระดมเงินมาก ระวังนะครับ พลาดขึ้นมา นรก นะครับ จำไว้ นรก นรก และ นรก
     
  10. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    ของแท้ ไม่พูด ไม่โอ้อวด (ไม่มีจริง ๆ) .. ที่อวดน่ะ ของปลอม ... ลองนึกย้อนดูก็ได้ครับ ว่าที่อวดอ้างกันในอดีตที่ผ่านมา มีของแท้ไหม ... 100% ก็แค่อวดอุตริฯ ทั้งนั้น ว่ากันตามเนื้อผ้า ไม่ได้เจาะจงเฉพาะผู้ใดโดยตรง ก็โปรดใช้วิจารณญาณ กันเอาเอง

    หลักศาสนาพุทธ สอนให้ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ไม่ใช่เพื่อเอามาอวดอ้างญาณกัน ... เราจึงไม่ได้เห็นพระโสดาบันท่านไหนออกมาอวดอ้างอะไร (มีแต่ไม่อวด ไม่บอกใคร คนเขารู้เขาเห็นกันเอง ไม่ต้องยกตน) เพราะไม่ใช่แนวทางของพุทธศาสนา นั่นเอง แต่ผู้ที่อวดอ้าง ส่วนใหญ๋ร้อยละ 99 เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ถ้าสมัยนี้ ก็น่าเชื่อว่าเพื่อ ความดัง แล้วเงินทองจะไหลมา เทมา... นั่นแหละครับ เพราะจะมีเรื่องเงิน เรื่องบริจาค เกี่ยวข้องด้วยทุกครั้งไป ... หรือไม่จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2011
  11. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    มีการแอบอ้าง ทศพลญาณ ...ซึ่งเป็นญาณของพระพุทธเจ้า ...พระโพธิสัตว์หรือผู้หนึ่งผู้ใด ไม่สามารถมีได้......ประกอบด้วยอะไรบ้าง ลองอ่านกันดูนะครับ

    [323] ทศพลญาณ (บาลีเรียก ตถาคตพลญาณ 10 คือ พระญาณอันเป็นกำลังของพระตถาคต 10 ประการ ที่ทำให้พระองค์สามารถบันลือสีหนาท ประกาศพระศาสนาได้มั่นคง — the Ten Powers of the Perfect One)

    1. ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะ คือ รู้กฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่งทั้งหลายว่า อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ และแค่ไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล และกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกรรมที่ดีและชั่วต่างๆ กัน — knowledge of instance and no instance; knowledge of possibilities and impossibilities)

    2. กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม คือ สามารถกำหนดแยกการให้ผลอย่างสลับซับซ้อน ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่สัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธ์ภายในกระบวนการก่อผลของกรรมอย่างชัดเจน — knowledge of ripening of action; knowledge of the results of karma)

    3. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง คือ สุคติ ทุคติ หรือพ้นจากคติ หรือปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่อรรถประโยชน์ทั้งปวง กล่าวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ ปรมัตถะ คือรู้ว่าเมื่อปรารถนาจะเข้าถึงคติหรือประโยชน์ใด จะต้องทำอะไรบ้าง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติอย่างไร — knowledge of the way that leads anywhere; knowledge of the practice leading to all destinies and all goals)

    4. นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรู้สภาวะของโลกอันประกอบด้วยธาตุต่างๆ เป็นเอนก คือ รู้สภาวะของธรรมชาติ ทั้งฝ่ายอุปาทินนกสังขารและฝ่ายอนุปาทินนกสังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆ ของชีวิต สภาวะของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้งลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิการปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์ อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้ เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น — knowledge of the world with its many and different elements)

    5. นานาธิมุตติกญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อธิมุติ คือ รู้อัธยาศัย ความโน้มเอียง ความเชื่อถือ แนวความสนใจ เป็นต้น ของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่างๆ กัน — knowledge of the different dispositions of beings)

    6. อินทริยปโรปริยัตตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คือ รู้ว่าสัตว์นั้นๆ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แค่ไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสน้อย มีอินทรีย์อ่อน หรือแก่กล้า สอนง่ายหรือสอนยาก มีความพร้อมที่จะตรัสรู้หรือไม่ — knowledge of the state of faculties of beings; knowledge of the inferiority and superiority of the controlling faculties of various beings; knowledge as regards maturity of persons)

    7. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ่ว การออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิและสมาบัติทั้งหลาย — knowledge of defilement, cleansing and emergence in the cases of the meditations, liberations, concentrations and attainments)

    8. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อันทำให้ระลึกภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้ — knowledge of the remembrance of former existences)

    9. จุตูปปาตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรม -- knowledge of the decease and rebirth of beings)

    10. อาสวักขยญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย — knowledge of the exhaustion of mental intoxicants)


    ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    <O:p</O:p
    <O:p....................................................................................................................

    <O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    จริงแท้แน่นอน ตามที่ท่านประยุตต์ ได้กล่าวไว้
     
  13. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม แต่การดำเนินชีวิตของชาวพุทธในยุคปัจจุบัน ทำให้วิถีชีวิตหลุดออกมาทั้งอเทวนิยม และเทวนิยม และผสมปนเปกับประเพณีวัฒนธรรมของศาสนาอื่น และบางครั้งตกต่ำถึงขึ้นนิยมไสยศาสตร์แทน เพื่อเป็นที่พึ่งที่หลบภัยของจิตใจที่ขาดสิ่งยึดเหนี่ยว จิตใจที่อ่อนแอ จึงทำให้ชาวพุทธที่หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน กลายเป็นผู้หลง-ผู้หลับใหล-ผู้ทุกข์ใจ

    ความเป็นพุทธจะกลับมาผงาดผุดผ่องสดใสอีกครั้งถ้าชาวพุทธต่างเชื่อมั่นใน "กรรม" ของตนว่า ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ และกรรมหรือการกระทำใดๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม เมื่อได้กระทำลงไปด้วยเจตนา ทุกๆ กรรมก็จะสั่งสมลงเป็น "ทรัพย์ของตนๆ" ถ้าทำดีก็จะเป็นทรัพย์ดี ถ้าทำชั่วก็ย่อมเป็นทรัพย์ชั่ว ย่อมส่งผลหรือดลบันดาลให้ชีวิต เกิดวิบากดีมีสุข หรือวิบากชั่วทุกข์ร้อนแสนสาหัสไปนานแสนนานเลยทีเดียว และไม่มีผู้ยิ่งใหญ่คนใดจะมาแก้กรรม หรือทำให้กรรมของเราหมดสิ้นไปหรือหายไปได้

    เมื่อใดที่ชาวพุทธหันกลับมาเข้าใจในเรื่องของ "กรรม"ได้อย่างถูกต้อง และพึ่งตนเอง (อัตตา หิ อัตตโน นาโถ)ตามคำสอนของพระพุทธองค์ โดยการให้ทาน ถือศีล และปฏิบัติภาวนา จนเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ในคำสอนของพระพุทธองค์ และเป็นที่พึ่งของตนได้ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ เมื่อนั้นแหละจึงเป็นชาวพุทธที่แท้จริง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2012
  14. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขอเตือนสติชาวพุทธอีกครั้งครับ

    ขออนุญาตครับ

    เห็นหลายๆท่านได้เมตตา แสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ

    ก็ขอขอบพระคุณในเมตตาจิต มิตรไมตรีของทุกๆท่าน

    แต่ที่ผมจะเตือนสติทุกๆท่าน ให้พิจารนาให้จงหนักว่า

    แม้องค์พระศรีอริยะเมตไตรย ถ้าท่านลงมาจุติในยุคนี้

    องค์ท่านก็จะทำเฉกเช่นเดียวกับ ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านสุมังคละทำ

    เพื่อปกป้องโลก เพื่อปกป้องชาวพุทธในยุคแห่งพระพุทธศาสนาเสื่อมลงนี้
    ในยุคแห่งภัยพิบัตินี้

    ก็ในเมื่อ องค์ท่านทั้งสองต่างก็เป็น ประเภท วิริยะธิกะโพธิสัตว์ เช่นเดียวกัน

    แล้วกาลเวลาที่ท่านทั้งสองสะสมมา ก็น่าจะต่างกันอย่างมากสุดแค่ 9 กัป

    ช่วงเวลาของการสะสมบุญบารมีอย่างเข้มข้นของท่านทั้งสอง
    16 อสงไข บวกกับอีก แสนมหากัป นั้น ต่างกันไม่เกิน 9 กัป

    แน่นอนผมก็เชื่อว่า องค์พระศรีอริยะเมตไตรยนั้น ท่านมีบุญบารมีสูงส่งกว่า
    ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านสุมังคละ

    แต่เมื่อองค์พระศรีอริยเมตไตรย ท่านยังไม่ลงมา แต่เป็นท่านสุมังคละที่ลงมาก่อน
    ผมและญาติธรรมผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศล ก็ต้องเข้าร่วมสนับสนุนในสายบุญอันยิ่งใหญ่นี้

    และถ้าองค์พระศรีอริยเมตไตรย ลงมาในช่วงอายุขัยของผมและของญาติธรรมทั้งหลาย เราก็จะเข้าร่วมสายบุญของท่านเช่นเดียวกัน

    ก็ในเมื่อองค์พระโพธิสัตว์ ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในเทวะโลก ท่านย่อมมีความเข้าใจในไตรโลกมาก เกินกว่ามนุษย์อย่างเราจะเข้าใจได้

    เมื่อท่านมั่นในในพระธรรมคำสอนที่แสดงโดยพระพุทธองค์
    ที่ถ่ายทอดผ่านเป็นตัวหนังสือก็ดี ผ่านครูบาอาจารย์ก็ดี
    ท่านก็ทำถูกของท่านแล้ว ส่วนมันจะดีพอหรือไม่เป็นเรื่องที่ท่านต้องพิจารนาเอาเอง

    แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ได้ทรงตรัสบอกเรื่อง ใบไม้ในกำมือ กับใบไม้ในป่าใหญ่

    ก็ในเมื่อท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโณ ท่านก็บอกลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า ท่านแก้ไขภัยพิบัติใหญ่ๆไม่ได้

    ก็ในเมื่อท่านอาจารย์ทิพากร ท่านบอกว่า
    ญาณพระอรหันต์ไปไม่ถึง ที่จะไปรู้ไปเห็น ภัยพิบัติใหญ่ๆ
    ถึงเห็นก็ขุ่นมัว ไม่ชัดเจน
    ถึงเห็น ก็ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้วิธีแก้ไข

    แล้วในเมื่อท่านอาจารย์ท่านทั้งเห็นภัยพิบัติล่วงหน้า ทั้งรู้สาเหตุ และรู้วิธีแก้ไข
    ยังไม่พอ ท่านยังนำพาสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ เพื่อแก้ไขภัยพิบัติทั้งสี่

    เมื่อท่านไม่เชื่อ ท่านไม่ดู ท่านไม่พิจารนา ผมก็บอก ผมก็แนะให้ท่านไปถามครูบาอาจารย์ที่ท่านเคารพนับถือดูเอาเอง

    ถ้าท่านลองหา ลองถามไปเรื่อยๆ ไปมากๆ แล้วพิจารนาเอาเอง ท่านอาจจะได้คำตอบก็ได้

    ถ้าท่านจะอยู่ในกรอบเดิมๆ ที่แม้แต่ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโณ ท่านก็บอกว่ามันแก้ไขภัยพิบัติใหญ่ๆไม่ได้

    ถ้าท่านอยากแค่เอาตัวเองรอด ท่านก็มุ่งหน้าปฏิบัติธรรมของท่านไป
    แล้วก็รอให้พระธรรมมารักษาท่าน

    แต่พวกผมไม่เพียงแต่จะเอาตัวเองให้รอด แต่เราจะร่วมกันกับญาติธรรม
    ผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทั้งหลาย ร่วมกับท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์
    เพื่อปกป้องภัยพิบัติใหญ่ๆของไทยและของโลก ให้เลื่อนออกไปอย่างน้อย 250 ปี

    เมื่อท่านอาจารย์ทิพากร ท่านได้บอกว่า ท่านไปรู้ ไปเห็น ในสิ่งที่แม้แต่พระอรหันต์ ยังไปไม่ถึง

    แล้วระดับท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นต่าง และไม่เห็นด้วยนั้น
    พวกท่านจะเข้าใจได้อย่างไร

    ในสิ่งที่แม้แต่ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโณ ท่านยังไม่เห็นท่านยังไม่เข้าใจ

    แล้วพวกท่านจะเข้าใจได้อย่างไร

    มันเป็นเรื่องของบุญบารมีของพวกท่านเอง

    แล้วทำไม คนที่มีบุญบารมีท่านอื่นๆเขาเชื่อได้ เขาเข้าร่วมได้

    แล้วท่านที่บอกว่าตนเองมีบุญมีบารมีเหมือนกัน แถมยังอ้างในพระธรรมคำสอนที่ใครๆก็รู้ มาบอกมาเล่าอีก

    พอผมนำเรื่องราวของท่านอาจารย์ทิพากร ของพระใหญ่ชัยภูมิ มาบอกมาเล่า มาให้ดู

    ท่านกลับพากันบอกว่า ออกนอกพระพุทธศาสนาบ้าง หลอกลวงต้มตุ๋นบ้าง

    ก็พระโพธิสัตว์ที่ท่านใกล้ไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เหลือแค่ไม่เกิน ๙ กัป
    ท่านยังไม่รู้ ท่านยังไม่เชื่อ ท่านยังไม่เข้าใจ

    แล้วพวกท่านยังหวังว่า เมื่อเจอองค์พระศรีอริยเมตไตรย ไม่ว่าในชาตินี้
    หรือในชาติหน้า
    หรือในชาติที่องค์ท่านจะมาตรัสรู้ พวกท่านจะรู้หรือ พวกท่านจะเชื่อหรือ

    ด้วยเรื่องราวเอาแค่เฉพาะที่ผมเขียนในเว็บนี้ ก็น่าจะทำให้ท่านผู้มีบุญ มีกุศลเข้าใจได้แล้ว

    เมื่อมีบางท่านไม่รู้ ไม่เชื่ิอ ไม่เข้าใจ ท่านก็ต้องช่วยตัวท่านเอง
    ท่านอย่าได้หวังว่าจะมีใครช่วยท่านได้

    พระโพธิสัตว์องค์เป็นๆ กับคำบอกคำสอนของครูบาอาจารย์ กับพระธรรมที่ถ่ายทอดมาเป็นตัวหนังสือ
    ที่ยังบอกไม่ถูก อธิบายไม่ได้ว่า กว้างขวางครอบคลุมขนาดไหน
    รายละเอียดปลีกย่อยมีอะไรบ้าง

    ก็เห็นแต่ในเว็บนี้ละครับ ที่เห็นเที่ยวยกพระธรรมคำสอน ไปบอกไปเตือน ไปว่ากล่าวคนอื่น
    ทั้งๆที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ว่า เข้าใจมากมายขนาดไหน
    ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าผู้ที่ไปบอกไปเตือน ไปว่าเขานั้น เข้ารู้ธรรม เห็นธรรมขนาดไหน

    ถ้าข้องใจ สงสัยในประเด็นไหน ยังพอจะชี้แจง บอกเล่าอธิบายขยายความเพิ่มให้ได้

    แต่ถ้าโผล่มาก็ ฉันเก่ง ฉันแน่ ฉันถูก ท่านผิด ก็ลองพิจารนาเอานะครับ

    ถ้ามาบอกว่า พระโพธิสัตว์ท่านผิด ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรแล้ว

    ก็รอดูไปเรื่อยๆเอาก็แล้วกัน เผื่อบุญเก่าจะตามมาทันบ้าง

    ขออนุโมทนาร่วมกับญาติธรรมผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา



     
  15. thee48

    thee48 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมเคยอ่านหนังสือของ อาจาย์ทิพากร มีตอนหนึ่งคนถามท่านว่า ทำไมท่านไม่ลงไปช่วยคนที่สามจังหวัดภาคใต้บ้าง ท่านก็ตอบประมาณว่า เป็นกรรมเก่าสมัยก่อนเคยเป็นที่ของสัตว์ดุร้ายอยู่ และบอกว่าจะสงบภายในปีหรือสองปี ผมจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าผ่านมาแล้วแต่ความรุนแรงยังมีอยู่ จึงอยากให้ลุงมหาช่วยหาคำตอบในเรื่องของสามจังหวัดใต้ ในหนังสือ "เสียดาย คนตายไม่ได้อ่าน"
    เมื่อท่านอาจารย์ทิพากร ท่านได้บอกว่า ท่านไปรู้ ไปเห็น ในสิ่งที่แม้แต่พระอรหันต์ ยังไปไม่ถึง แล้วทำไมถึงบอกผิด หรือว่าท่านไม่ได้พูดไว้
    อนุโมทนากับ การสร้างพระใหญ่ ผมก็เคยไปงานหลายปีก่อน
     
  16. Saksurat

    Saksurat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +529
    หากมีปัจจัยพอจะสนับสนุนได้จะส่งไปช่วยสร้างพระครับ สาธุ สาธุ ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในเขตของพระพุทธศาสนา
    ผมยังเป็นปุถุชนมีปัญญาเบาไม่รู้จิตของผู้ใดได้ หากมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ล่วงเกินไปต้องขออดโทษให้ผมด้วย

    อนุโมทนาสาธุกับการสร้างพระใหญ่ด้วยครับ
     
  17. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    ผมไม่ได้ค้านว่า สร้างพระใหญ่แล้วไม่ได้บุญ เพียงแต่ผมเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าบุญมี 3 ระดับ
    ทาน = การก่อสร้างทั้งหมด โบสถ์ วิหาร ศาลา อยู่ในข้อนี้ บุญเล็กสุด
    ศีล = การรักษาศีล ซึ่งเป็นพื้นฐานของโลก บุญกลางๆ
    ภาวนา = บุญใหญ่สุด

    ผมก็ชอบทำบุญมากคนหนึ่ง แต่ผมไม่ชอบวิธีการเชิญชวนที่ไม่ถูกต้อง

    แล้วที่ท่านกำลังกล่าวยกย่อง อาจารย์ทิพากร ให้ยิ่งใหญ่สุดประมาณ จนขนาดเหนือกว่า พระอริยเจ้าเนี้ย สำหรับผม ท่านไม่ได้เหนือกว่า พระโสดาบันเลยด้วยซ้ำ (ผมวัดกันตรงกิเลสนะครับไม่ใช้บุญ)

    แล้วท่านใช้หลักอะไรในการเชื่อว่าทุกสิ่งที่อาจารย์ทิพากร พูด จริงหรือไม่จริง คำสอนของพระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า ท่านกลับไม่เชื่อ กลับเชื่อ ใครสักคนที่อยู่ๆ ก็มาบอกว่า คือ พระโพธิสัตว์ (ซึ่งก็อาจจะจริง) แล้วมาบอกอะไรต่างๆ ท่านก็เชื่อทุกเรื่อง เสมือนหนึ่ง ว่า อาจารย์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้อย่างนั้นแหละ ยิ่งท่านกล่าวยกย่องว่ามี ทศพลญาณ ผมไม่รู้ว่า ท่านเห็นเองหรืออาจารย์บอกว่าตัวอาจารย์มี ทศพลญาณ ถ้ามีจริง จะสร้างพระใหญ่ไปทำไม ใช้ทศพลญาณ ต้านได้สบายมากเลยครับ ไม่ต้องสร้างให้เปลืองเงินหรอก เก็บเงินไว้ไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม

    ผมถามหน่อยเถอะครับ ท่านสร้างพระใหญ่เนี้ย โดยบอกว่าทำให้ภัยพิบัติหยุดไปอีก 250 เหรอ สรุปแล้วก็เกิดอยู่ดีนะซิ ทำไมไม่ทำให้ไม่ต้องมีเลยละ แล้วไง เอาตัวรอดเหรอ ปล่อยให้อีก 250 ปี คนที่เกิดตอนนั้นรับเคราะห์อย่างนั้นเหรอ โอ เก่งจริง ช่างคิดได้

    สำหรับผมนะครับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้เลย จะตายวันนี้หรือตายวันไหน ก็ต้องตายเช่นเดียวกัน ใครยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ที่สำคัญใครสอนเรื่องการยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่ใช้พุทธแท้ เป็นแต่พวกลวงโลกเท่านั้น

    พระโพธิสัตว์ โดยปกติแล้วมีบุญบารมีมาก แต่ยังทำผิดได้ครับ เพราะยังมีกิเลสอยู่อย่างบริบูรณ์ แต่ส่วนใหญ่ท่านมักจะไม่ค่อยทำผิด
    บางที ท่านก็สมบูรณ์แบบทั้งบุญ ปัญญา และบารมี แต่มีลูกศิษย์ท่านที่อาจแอบอ้างชื่อเสียงท่าน ทำความชั่วไปบ้าง ก็มีเยอะแยะ

    ผมอ่านในกระทู้เนี้ย ผมไม่เห็นมีใครอวดโอ้ว่า ฉันเก่ง ฉันแน่ เลยนอกจากท่านมหาท่านเดียว

    สิ่งที่ควรทำคือ ทำให้คนบรรลุเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นกิเลสให้มากที่สุดเลยครับ ไม่ใช้ชวนคนมาสร้างโน้นสร้างนี้ ซึ่งไม่ใช้แนวทางของพระพุทธเจ้า

    หากท่านชวนทำบุญด้วยบอกว่า เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของคนชัยภูมิ และพุทธศาสนิกผ่านไปผ่านมาได้เคารพสักการะ อันนี้ น่าทำครับ แต่มาชวนด้วยบอกว่าถ้าไม่ทำจะเจอโน้นเจอนี้ อันนี้ ผมไม่ทำกับท่านครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ร่วมทำบุญนะครับ หากผมผ่านไปทางนั้นผมก็จะแวะทำ แต่ผมก็ไม่ได้อธิฐานในเรื่องภัยพิบัติแน่ๆ ผมก็อธิฐาน หรือชื่นชมคนที่สร้างพุทธรูปเพื่อเป็นที่สักการะของชาวพุทธเท่านั้น
    ปกติแล้วผมก็ชอบทำบุญอยู่แล้ว ผมไม่เชื่อว่า ทำบุญเฉพาะที่นั้นแล้วจะพ้นภัยพิบัติ แล้วคนที่ทำบุญที่อื่นเขาไม่รอด หรือไง

    หากจะพูดถึงพระศรีฯ ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าพระศรีฯ ก็จะเป็นเหมือน อาจารย์ทิพากร ใครเป็นคน บัญญัติเหรอว่าจะเป็นเช่นนั้น เก่งนะ ท่านหยั่งรู้ ดินฟ้ามหาสมุทร

    ไหนที่อาจารย์บอกว่า ภาคใต้จะสงบภายในปีสองปีไง ทศพลญาณ ไหงเป็นงั้นละครับ มีผิดด้วยเหรอ อืม น่าเป็นห่วงนะ
     
  18. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    บุคคลทั้งหลายที่มาเป็นสานุศิษย์แห่งพระตถาคตนี้ ก็มี ความประสงค์ด้วยพระนิพพาน การที่จะรู้ว่าดีหรือชั่ว กว่ากัน ก็แล้วแต่กิเลสเป็นผู้ตัดสินด้วยว่า พระนิพพาน เป็นที่ปราศจากกิเลสตัณหา ... ถ้าผู้ใดเบาบางจากกิเลสตัณหา ผู้นั้นก็เป็นผู้ดียิ่งกว่าผู้ยังหนาอยู่ด้วยกิเลสตัณหา ผู้ใดตั้งอยู่ ในนิจศีล คือ

    ...ศีล ๕ ผู้นั้นยังหนาอยู่ด้วยกิเลส แต่ได้ชื่อว่า เป็นผู้บางจากกิเลสได้ชั้นหนึ่ง

    ... ถ้าตั้งอยู่ในอุโบสถศีล คือ ศีล ๘ ได้ชื่อว่าบางจากกิเลสได้ ๒ ชั้น

    ... ถ้ามาตั้งอยู่ใน ทศศีล คือศีล ๑๐ ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าบางจากกิเลสได้ ๓ ชั้น

    ... ผู้เข้ามาตั้งอยู่ในศีลพระปาติโมกข์คือศีล ๒๒๗ ผู้นั้นก็ได้ ชื่อว่า บางจากกิเลสได้ ๔ ชั้น

    ... ... ผลอานิสงส์ก็มีเป็นลำดับ ขึ้นไปตามศีลนั้น .... ผู้ที่มีศีลน้อยอานิสงส์ก็น้อย ผู้ที่มีศีลมาก อานิสงส์ก็มากขึ้นไปตามส่วนของศีล

    ... บุคคลที่มิได้ตั้งอยู่ใน ศีล ๕ ถึงจะมีความรู้ความฉลาดมากมายสักเท่าใดก็ดี ก็ไม่ควรจะกล่าวคำประมาท แก่ผู้ที่มีศีล ๕ ผู้ที่มีศีล ๕ ก็ควร ยินดีแต่เพียงชั้นศีลของตน ไม่ควรที่จะกล่าวคำประมาท แก่ผู้ที่มีศีล ๘ ผู้ที่มีศีล ๘ ก็ควรยินดีแต่เพียงศีลของตน ไม่ควรที่จะกล่าวคำประมาทในท่านที่มีศีล ๑๐ ผู้ที่มีศีล ๑๐ ก็ควรยินดีอยู่ในชั้นศีลของตน ไม่ควรจะกล่าวคำประมาท ในท่านที่มีศีลพระปาติโมกข์ ถ้าแลขืนกล่าวโทษติเตียน ท่านที่มีศีลยิ่งกว่าตน ชื่อว่าเป็นคนหลง เป็นคนห่างจาก ทางสุขในมนุษย์ และสวรรค์ และพระนิพพานแท้

    ... ดูกร อานนท์ บุคคลผู้ไม่มีศีลปราศจากการรักษาศีล ไม่ควรกล่าว ซึ่งคำประมาทแก่ท่านผู้มีศีล ตัวตั้งอยู่ภายนอกศีลแล้ว มาเข้าใจว่า ตัวเป็นผู้ดีกว่าท่านผู้มีศีล แล้วกล่าวคำสบ ประมาทดูหมิ่นในท่านผู้มีศีล บุคคลจำพวกนั้นชื่อว่าเป็น เจ้ามิจฉาทิฏฐิใหญ่ ชื่อว่าเป็นคนหลงทาง เป็นผู้ห่างจาก ความสุขในมนุษย์และสวรรค์

    ...ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ตั้งอยู่ ภายนอกศีลนั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ในกิเลส ยังเป็นผู้ หนาแน่นอยู่ด้วยกิเลส แม้จะเป็นผู้มีความรู้ความฉลาด มากมายสักปานใดก็ตาม ก็ไม่ควรถือตัวเป็นผู้ยิ่งกว่าผู้มีศีล เหตุว่าผู้ที่ไม่มีศีลนั้นยังห่างจากพระนิพพานมาก ผู้ที่มีศีล ชื่อว่าใกล้ต่อ พระนิพพานอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้อะไร มีเพียง ศีลเท่านั้น ก็ยังดีกว่าผู้ไม่มีศีลอยู่นั่นเอง เพราะท่านเป็น ผู้บางจากกิเลส

    ... บุคคลผู้ที่หนาแน่นไปด้วยกิเลส แม้จะเป็น ผู้รู้มากแตกฉานในข้ออรรถและข้อธรรม ประการใดก็ตาม ก็ควรจะทำความเคารพยำเกรงในท่านที่มีศีล จึงจะถูกต้อง ตามคลองธรรมที่เป็นทางแห่งพระนิพพาน ถ้าให้ผู้มีศีล เคารพยำเกรงในผู้ที่ไม่มีศีลและเป็นผู้หนาแน่นด้วยกิเลส เป็นความผิดห่างจากทางพระนิพพานยิ่งนัก ดูกรอานนท์ จะถือเอาความรู้และความไม่รู้เป็นประมาณทีเดียวไม่ได้ ต้องถือเอาการละกิเลสได้เป็นประมาณ เพราะว่า ...ผู้จะถึงพระนิพพานต้องอาศัยการละกิเลสโดยส่วนเดียว เมื่อละ กิเลสได้แล้ว แม้ไม่มีความรู้มาก รู้แต่เพียงการละกิเลสได้ เท่านั้น ก็อาจถึงพระนิพพานได้
    ... ดูกรอานนท์ การที่จะได้ ประสบสุขเพราะละกิเลสต่างหาก ผู้ที่มีความรู้แต่มิได้ละเสีย ซึ่งกิเลส ย่อมไม่เป็นประโยชน์ ผู้มีความรู้นั้น แม้จะรู้มาก แสนพระคัมภีร์ หรือมีความรู้หาที่สุดมิได้ก็ตาม ก็รู้อยู่เปล่าๆ จะเอาประโยชน์อันใดอันหนึ่งไม่ได้ และจะให้เป็นบุญเป็น กุศล และได้เสวยความสุขเพราะความรู้นั้นไม่มี เราตถาคต ไม่สรรเสริญผู้ที่มีความรู้มากแต่ไม่มีศีล ผู้มีความรู้น้อย แต่เป็นผู้ตั้งอยู่ในศีล เราสรรเสริญและนับถือผู้นั้นว่าเป็น คนดี

    คิริมานนทสูตร
     
  19. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เราตถาคตตั้งศาสนาไว้ ไม่ได้หวังเพื่อให้บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งบำเพ็ญหา
    ประโยชน์ อย่างอื่น ตั้งไว้เพื่อประสงค์จะให้บุคคลบำเพ็ญภาวนา เพื่อให้
    ระงับกิเลสตัณหาเท่านั้น
    การบำเพ็ญภาวนา เมื่อไม่คิดว่าจะให้ระงับดับกิเลส
    ตัณหาแห่งตน ก็ได้ชื่อว่า เป็นคนหลงโลกหลงทางส่วนกุศลที่เกิดจากการ
    บำเพ็ญ ภาวนานั้นจะว่าไม่ได้ไม่มีเช่นนั้นก็ไม่ปฏิเสธ อันที่จริง ก็หาก เป็นบุญ
    เป็นกุศลโดยแท้ แต่ว่าเป็นทางหลงจากพระนิพพาน เท่านั้น การกระทำความ
    เพียรบำเพ็ญภาวนา ทำบุญทำ กุศลอย่างใดอย่างหนึ่งมากน้อยเท่าใดก็ตาม ก็
    ให้รู้ว่าบำเพ็ญ บุญกุศลและเจริญภาวนา เพื่อระงับดับกิเลสตัณหาของตน ให้
    น้อยลง ให้พ้นจากกองกิเลสนั้น เช่นนี้ชื่อว่าเดินถูกทาง พระนิพพานแท้ ดูกร
    อานนท์ จงพากันประพฤติตามคำสอน ที่เราแสดงไว้นี้ ถ้าผู้ใดมิได้ประพฤติตาม
    ก็พึงเข้าใจว่า ผู้นั้นเป็นคนนอกพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่ข้าฯ อานนท์
    ดังนี้
     
  20. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    กระทู้นี้แรง เพราะ จขกท. เกรียนแตก นั่นแหละ ลองไปหาดูในหลาย ๆ กระทู้ เกรียนเขาไปทั่ว .... ลบหลู่เขาไปทั่ว แล้วก็มาหาว่าคนอื่นเขาลบหลู่ตัวเอง ..
    อาจารย์ท่านเสียหายก็เพราะท่านเองนั่นแหละ ... ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ????

    การมีบุญบารมี ไม่ได้มาจากแค่ออกมาทำนายอะไรแบบ คลุมเครือ (แบบเกิดก็ดีอ้างว่านั่นไงถูก ไม่เกิดก็ไหลไปได้เรื่อย ๆ แค่พูดว่าให้อยู่ที่สูง ๆ มีคนทำนายมาเป็นร้อย ๆ คนแล้วท่าน ไม่ต้องถึงขนาดใช้ทศพลญาณ หรอกกระมัง) แล้วอวดอ้างว่า ตัวเองมีฤทธิ์ มีเดช มากกว่าผู้อื่นหรอก พระอริยเจ้าผู้ที่มีญาณ มีบุญบารมี ที่แท้จริง ที่มรณภาพไปแล้ว และที่ยังอยู่ที่คนนับถือและเชื่อว่าเป็นพระโสดาบัน พระอรหันต์ ไม่เห็นท่านเคยมาประกาศ มาอวดฤทธิ์ อวดเดช อะไร ...พวกที่มาอวดอ้างต่าง ๆ นา ๆ ก็บอกแล้วว่า ไม่เคยมีจริงตามที่พูดซักคน ...ใครว่ามีหามาหน่อย

    ถ้าว่าแม่นยำจริง บอกมาสิว่าจะเกิดอะไรบ้าง กับประเทศไทย ที่ไหน ยังไง วันเดือนปี พ.ศ อะไร ไม่เห็นพูดเลยว่าจะเกิดอะไรบ้าง อ้างแต่ว่าจะเกิดภัยพิบัติ และให้รีบสร้างพระใหญ่อย่างเดียว แล้วก็ขายซีดี รับบริจาคไปเรื่อย กั๊กไว้ทำไม ก็บอกมาให้หมดเลย เขาจะได้รู้ จะได้เตรียมตัว เตรียมพร้อมกัน และเรื่องสร้างพระใหญ่จะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง ก็เห็นพูดแต่แทงกั๊กแบบคลุมเครืออยู่อย่างนั้น ... มันแม่นยำตรงไหนหรือครับท่าน ??? คันปากอยากถามคำนี้มานานแล้ว ขอหน่อยเถอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...