พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ยูโรสะดุ้งS&Pขู่หั่นเครดิต15ชาติ


    บริษัทจัดอันดับเครดิตรายใหญ่ เอสแอนด์พี ก่อความปั่นป่วนในตลาดทุน ประกาศทบทวนความน่าเชื่อถือของกลุ่มยูโรโซน อาจลดเครดิต 15 ชาติที่ใช้เงินสกุลยูโรลง 1-2 ขั้น ทั้งที่ผู้นำสองชาติพี่เบิ้มเตรียมลุยปรับเปลี่ยนกฎเรียกความเชื่อมั่น ชี้คำขู่หั่นเครดิตอาจช่วยดันแผนปฏิรูปผ่านที่ประชุมอียูสัปดาห์นี้
    สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนจากสหรัฐ สร้างความประหลาดใจแก่นักลงทุนทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ ด้วยการประกาศว่าบริษัทอาจพิจารณาปรับลดความน่าเชื่อถือของ 15 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งรวมถึงเยอรมนีและฝรั่งเศส ลงตั้งแต่ 1-2 ขั้น เนื่องจากเหตุผลว่าบรรดาผู้แทนของชาติต่างๆ ในสหภาพยุโรปยังคงเห็นต่างกันว่าจะจัดการแก้ปัญหาวิกฤติความเชื่อมั่นในตลาด ปัจจุบันนี้อย่างไร
    คำขู่ของเอสแอนด์พีมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลังนายกฯ อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศสที่กรุงปารีส เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดทุนและป้องกันวิกฤติหนี้สินยูโรโซนบานปลาย เกินควบคุม โดยทั้งคู่ได้แสดงความแน่วแน่ว่าจะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของ อียู เพื่อกำหนดบทลงโทษชาติสมาชิกที่มีงบประมาณขาดดุลเกินเป้าที่วางไว้
    นางแมร์เคิลยังแสดงความมั่นใจภายหลังข่าวคำขู่ลดเครดิตว่า ยุโรปกำลังเข้าสู่เส้นทางการแก้ปัญหาวิกฤติ "สิ่งที่บริษัทจัดอันดับเครดิตทำก็เป็นความรับผิดชอบของบริษัทนั้นๆ" นางกล่าวโดยชี้ว่า พวกผู้นำยุโรปจะตัดสินใจกันในที่ประชุมสุดยอดวันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นได้
    ด้านนอร์เบิร์ต บาร์ธเลอ โฆษกด้านงบประมาณของพรรครัฐบาลเยอรมนี มองในแง่ดีว่า คำประกาศของเอสแอนด์พีอาจส่งผลในด้านบวกก็เป็นได้ "นี่จะช่วยให้ข้อเสนอของนายกฯ แมร์เคิลและประธานาธิบดีซาร์โกซีก่อเกิดผลในการช่วยสร้างเสถียรภาพแก่ยูโร โซน" เขากล่าวกับรอยเตอร์
    ขณะที่ฌอง-คล็อด ยุงเคอร์ ประธานที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง 17 ชาติยูโรโซน ให้ทัศนะว่า เขาประหลาดใจกับคำประกาศของเอสแอนด์พี ซึ่งเกินความจริงและไม่ยุติธรรม ทั้งยังไม่ได้นำแผนรัดเข็มขัดแผนใหม่ของอิตาลีที่เพิ่งประกาศเมื่อวัน อาทิตย์ มาร่วมในการพิจารณาด้วย สำนักงานของซาร์โกซีก็วิจารณ์เอสแอนด์พีประเด็นนี้เช่นว่า บริษัทตัดสินใจตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว ก่อนที่อิตาลีจะเสนอแผนลดค่าใช้จ่าย 3 หมื่นล้านยูโร และก่อนที่ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสจะหารือกัน
    แถลงการณ์ของเอสแอนด์พีระบุว่า บริษัทจะสรุปผลการทบทวน "โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้" ภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำอียู แสดงให้เห็นชัดเจนว่าบริษัทต้องการเห็นวิธีการแก้ปัญหาทางการเงินและทางการ เมืองออกมาจากที่ประชุมนี้
    บริษัทกล่าวว่า ประเทศที่อยู่ในข่ายถูกปรับลดเครดิตลง 1 ขั้น ประกอบด้วย ออสเตรีย, เบลเยียม, ฟินแลนด์, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ส่วนอีก 9 ชาติที่เหลือ ยกเว้น ไซปรัสซึ่งอยู่ในข่ายลดพิจารณาลดเครดิตอยู่แล้ว และกรีซที่อยู่ขั้น "ขยะ" อาจถูกปรับลดลง 2 ขั้น ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ AAA ด้วย
    ตลาดหุ้นทั่วยุโรป, ตลาดตราสารหนี้ และตลาดปริวรรตเงินตราสกุลยูโร ผันผวนอย่างหนักหลังคำประกาศชวนช็อกของเอสแอนด์พีครั้งนี้.


    -http://www.thaipost.net/news/071211/49251-


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ธปท.หวั่นน้ำลดหนี้ครัวเรือนผุด สศค.จับตาปัญหายุโรปฟาดศก.โลกวูบ


    -http://www.thaipost.net/news/061211/49201-



    ธปท.ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งหลังน้ำลด เหตุคนตกงานเพียบ พร้อมจับตาใกล้ชิด แนะรัฐยื่นมือช่วยเหลือให้คนมีงานทำ กำชับแบงก์คุมบริษัททวงหนี้อย่างเป็นธรรม เล็งผุดศูนย์คุ้มครองทางการเงิน เปิดตัว 9 ม.ค.นี้ ยันไม่ซ้ำซ้อน ศปส. สศค.หวั่นหนี้ยุโรปลามฉุดเศรษฐกิจโลกปีหน้าเดี้ยงหนัก ลุ้นการเมืองนิ่งไทยนิ่ง จีดีพีปีหน้าโตกระฉูด 5%


    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีความกังวลต่อปัญหาการเร่งตัวของหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปัญหาน้ำ ท่วม แม้จะเป็นในช่วงสั้นๆ ก็ตาม โดยเฉพาะในช่วงที่ประชาชนไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ลดลง เพราะนายจ้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน แต่กลับมีภาระความจำเป็นต้องใช้เงินในการฟื้นฟูและซ่อมแซมความเสียหายที่ เกิดขึ้นผ่านการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน


    ทั้งนี้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้บ้าง แม้ว่าเบื้องต้นนายจ้างและสถาบันการเงินก็เข้าไปช่วยเหลือระดับหนึ่งแล้วก็ ตาม
    “ยอมรับก็เป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือน เพราะช่วงที่น้ำท่วมส่งผลกระทบ ทำให้ทรัพย์สินลดลงหรือเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องต้องติดตาม แต่ถ้าเป็นช่วงสั้นๆ ก็ต้องช่วยกันไปก่อน ข้อสำคัญคือต้องทำให้คนมีงานทำ ถ้ามีงานทำก็มีรายได้มาใช้จ่าย ก็ไม่น่าเป็นห่วง” นายประสารกล่าว


    สำหรับเรื่องการติดตามทวงถามหนี้อย่างไม่เป็นธรรมนั้น ที่ผ่านมา ธปท.ได้เคยกำชับเตือนสถาบันการเงินให้ติดตามและดูแลบริษัทรับจ้างติดตามทวง หนี้ให้ปฏิบัติต่อลูกหนี้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมมาโดยตลอด โดย ธปท.อยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ซึ่งนับเป็น 1 ในยุทธศาสตร์ 9 ข้อของ ธปท.


    นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายวางแผนและงบประมาณ ธปท. กล่าวว่า ศคง.จะเปิดตัวเป็นอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ม.ค.2555 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำระบบคอลเซ็นเตอร์สำหรับให้บริการสายด่วนที่หมาย เลข 1213 ซึ่งศูนย์นี้จะให้บริการตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย และให้ความรู้ด้านบริการทางการเงินเป็นหลัก


    ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ทำงานทับซ้อนกับศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อ (ศปส.) ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการกำกับสถาบันการเงิน เช่น การไกล่เกลี่ยและเจรจาขอสินเชื่อ เป็นต้น


    นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.กำลังติดตามการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปอย่างใกล้ชิด แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจของสหรัฐจะมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ผิดกับภาวะเศรษฐกิจในยุโรปที่มีสัญญาณไม่ดี พร้อมกันนี้ต้องจับตาดูว่ากรีซจะสามารถชำระหนี้ก้อนโตในเดือน มี.ค.2555 ได้ตามแผนหรือไม่ หากการชำระหนี้ของประเทศในยุโรปมีปัญหาจะส่งผลกระทบต่อธนาคารในสหรัฐที่ไป ถือครองทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องของธนาคารในยุโรปอยู่มาก ถ้ายุโรปไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้จะกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโลกในปี หน้าได้


    สำหรับผลกระทบกับไทยนั้น น่าจะเป็นเรื่องของเงินทุนที่จะมีการเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างภูมิภาค และการท่องเที่ยวปัจจุบัน เพราะนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาไทยเป็นจำนวนมาก แต่การส่งออกของไทยไม่น่าจะมีปัญหามาก เพราะไทยส่งออกสินค้าไปยุโรปไม่มากนัก แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกของยุโรป แต่ สศค.ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะยังเติบโตได้ในระดับ 5% เพิ่มขึ้นปีนี้ที่คาดว่าคาดการณ์เติบโตที่ 1.7-2%.





    -http://www.thaipost.net/news/061211/49201-


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับเรื่องต่างๆของประเทศไทย ในการบริหารราชการแผ่นดิน

    ทุกรัฐบาลไม่ต้องฉลาดมาก ไม่ต้องเก่งมาก ก็สามารถพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน

    ไม่ยาก

    เพียงแค่ทำตามพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นก็มากเกินพอแล้ว



    -----------------------------------------------




    รับสั่ง'ทำได้ก็ทำ' ในหลวงทรงแนะผู้มีตำแหน่งบริหารน้ำอย่างยั่งยืน


    ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ มีพระราชดำรัสประชาชนทุกข์จากน้ำท่วม ขอให้ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งพลเรือน ทหาร ปัดเป่าโดยเร็ว จัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไปนั้น เป็นการแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่า และทำได้ก็ทำ

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่คนไทยทั้งประเทศต่างเฝ้ารอชมพระบารมีในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อรับการถวายพระพรชัยมงคล ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยไปทั่ว ประเทศนั้น

    โดยเมื่อเวลา 09.15 น. หน่วยทหารรักษาพระองค์ที่อัญเชิญธงชัยเฉลิมพล โดยมีกองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ จำนวน 48 หมู่ธง จำนวน 240 นาย พร้อมกับวงดุริยางค์ทหารบก ได้มาพร้อมกัน ณ ที่รวมพล บริเวณถนนหลักเมือง ข้างกระทรวงกลาโหม เพื่อร่วมในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

    ต่อมาเวลา 10.15 น. หน่วยทหารรักษาพระองค์กองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ และวงดุริยางค์ทหารบก จำนวน 2 วง วงละ 40 นาย โดยแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศของทหารรักษาพระองค์ของกองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยมี พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้บัญชาการกอง พลที่ 1 รักษาพระองค์ ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับกองผสม ซึ่งมีผู้บังคับการกรม 16 นาย จากกองทัพบก 12 นาย กองทัพเรือ 2 นาย และกองทัพอากาศ 2 นาย เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังลานหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง


    จากนั้นเวลา 10.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและ พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับโรงพยาบาลศิริราช โดยประชาชนที่มาเฝ้ารอชมพระบารมีเต็มสองฟากฝั่งต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" กึกก้องตลอดเส้นทางที่เสด็จฯ ผ่าน ขณะที่บรรยากาศหน้าประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ พระบรมมหาราชวัง ประชาชนต่างโบกสะบัดธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ พร้อมเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ตลอดเวลา

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ ถึงประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ พระบรมมหาราชวัง ในเวลา 10.43 น. ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศบอกถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อจบเพลง ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศบอกเลิกถวายความเคารพ

    จนกระทั่งในเวลา 11.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศผสมบอกถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมีทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อเพลงจบ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศผสมบอกเลิกถวายความเคารพ

    จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล
    ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีกระแสพระราชดำรัส โดยมีใจความว่า

    "ขอขอบพระทัย และขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำยึดมั่นสัญญาโดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองต่อพร และไมตรีจิตทั้งนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ท่านทั้งหลายในปีนี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้น จะเกิดมีขึ้นได้ก็ด้วยประชาชนในชาติอยู่ดี มีสุข ไม่มีทุกข์ยากเข็ญ


    ดังนั้น การใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน ทุกคน ทุกฝ่าย จึงต้องถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง โดยเฉพาะขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงขอให้ร่วมมือกันปัดเป่า แก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่าง ยั่งยืน ดังเช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไปนั้น ก็เป็นการแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่า และทำได้ก็ทำ


    ข้อสำคัญ จะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์ เพื่อความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุข ความเจริญ ให้แก่ท่านทั่วกัน"



    จากนั้นในเวลา 11.47 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ ซึ่งมีประชาชนที่มาเฝ้ารอต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ” ตลอดเส้นทางขบวนเสด็จฯ ตั้งแต่เสด็จฯ ออกจากพระบรมมหาราชวังจนถึง รพ.ศิริราช

    ที่โรงละครแห่งชาติ เย็นวันเดียวกัน นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานการแสดงมหกรรมรามายณะนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ โดยกล่าวว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ กระทรวง วัฒนธรรมบูรณาการความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและนานาชาติ จัดการแสดงมหกรรมรามายณะนานาชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมความเข้าใจด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และนานาชาติ โดยนำมหากาพย์เรื่องรามายณะ หรือที่ชาวไทยรู้จักในชื่อ รามเกียรติ์มาจัดแสดง ซึ่งถือเป็นวรรณกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภูมิภาค นำมาร้อยเรียงจัดเป็นมหกรรมการแสดงที่ผสมผสาน และสามารถสัมผัสได้กับอรรถรสและคุณค่าทางวรรณกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์ ตลอดจนคติสอนใจจากวรรณกรรมอันทรงคุณค่านี้

    สำหรับการจัดงานมหกรรมรามายณะนานาชาตินี้ ได้รับความร่วมมือจากประเทศต่างๆ รวม 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา, เมียนมาร์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยได้ร่วมจัดการแสดงบรรเลงเพลงโหมโรงเฉลิมพระเกียรติ, รำและระบำถวายพระพร รวมทั้งยังร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ในเวลา 19.19 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงอีกด้วย

    ในโอกาสอันสำคัญนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้รับพระกรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงรามายณะนานาชาติ และทรงระนาดเอกเพลงโหมโรงโขนร่วมกับวงดนตรีบ้านปลายเนิน ทั้งนี้ ได้กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2554 รอบ 16.00 น. วันที่ 6-7 ธันวาคม 2554 รอบ 19.00 น. และวันที่ 9 ธันวาคม 2554 รอบ 13.00 น. และรอบเสด็จฯ 20.00 น. ที่โรงละครแห่งชาติ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมการแสดงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
    นอกจากนี้ ในช่วงค่ำได้มีการจัดพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ท้องสนามหลวงและศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีประชาชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง.


    -http://www.thaipost.net/news/061211/49208-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มาทายกันครับว่า หลวงปู่องค์ไหน อธิษฐานจิต

    [​IMG]

    ส่วนรูปจริง ไว้ผมส่งให้ทาง pm สำหรับสมาชิกชมรมพระัวังหน้าท่านใดที่อยากเห็นครับ



    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    ------------------


    อ่า ไม่มีท่านใดตอบเลย

    เฉลย สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตครับ


    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีคำถามมาถามครับ

    รูปพระพิมพ์ทั้งสองรูป และเครื่องราง

    รูปที่ 1

    [​IMG]

    รูปที่ 1

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่

    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ




    รูปที่ 2

    [​IMG]


    รูปที่ 2

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่


    [​IMG]

    รูปที่ 3

    1.เป็นเครื่องรางของวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า เป็นเครื่องรางของวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า หรือ เครื่องรางของวังหลวง แสดงว่า เป็นเครื่องรางของเก๊ ใช่หรือไม่


    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต่ออีกสัก 1 คำถาม


    [​IMG] [​IMG]



    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ๒ วันนี้ได้เดินทางไหว้พระ ๑๒ วัดที่เชียงใหม่ ครบทุกรสชาดทั้งตั้งใจ และสื่อพาไปแบบไม่ได้ตั้งใจ และไม่เสียเวลาเลย เช่นสวนพฤษศาสตร์ในส่วนของสมุนไพรก็อยู่ในที่พักคือ Horizon ทางไปดอยสะเก็ด ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ในราว ๒๔ ก.ม. เจ้าของคือคุณทวีศักดิ์ ปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และเป็นพระยาแรกนาขวัญถึง ๗ ปี มีเนื้อที่กว่า ๓๐๐ ไร่ ไม่คิดว่าจะมีสวนสมุนไพรที่นี่ จัดแบ่งเป็น ๒๘ แปลง ตามอาการโรค ใช้เวลาชมในราว ๓ ช.ม.ก็ค่ำแล้ว ยังชมไม่หมด เลยเก็บภาพแนวคิดการจัดสวนเอาไว้ก่อน ผมแนะนำว่า เพื่อนท่านใดหาที่พักที่เชียงใหม่ ก็แนะนำลองมาพักที่สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล หรือ Horizon นะครับ อาหารอร่อยมากจริงๆ มื้อค่ำเป็นอาหารไทยจัด set ให้ ปลาดอลลี่สามรสอร่อยมากๆเรียกว่า ละลายในปากเลยทีเดียว นอกจากสวนสมุนไพรแล้ว ยังมีพื้นที่วางแปลนตามรูปแผนที่ประเทศไทย แล้วแบ่ง zone เป็นต้นไม้ที่ปลูกทางเหนือ กลาง ใต้ ออก ตก จัดเป็นกลุ่มๆ น่าสนใจมาก พนักงานที่นี่มีในราว ๗๐ คน ห้องพักก็มีการจัดวางตกแต่งภายในดูดีมากๆ ๓ วัน ๒ คืนคุ้มค่ามากครับ เอาไว้ชมภาพหลังจากกลับจากเชียงใหม่กันครับ..

    ๑๒ วัดนี้ ผมเห็นโปรแกรมทัวร์หลายที่มักจะเลือกวัดชื่อมงคลทั้งหลายจำนวน ๙ วัด แต่เมื่อดูการจัดเรียงลำดับแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า เขาจัดวางตามลำดับของเส้นทางเพื่อประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางที่จำกัด ส่วนผมไม่ได้ serious เรื่องเหล่านี้ เวลามากเพียงพอ และกลุ่มเล็กๆเพียง ๔ คน ก็เลยเรียงตามลำดับการแก้เคราะห์ร้าย เสริมความเป็นมงคล ยกตัวอย่างเช่น เราจะเติมน้ำลงในแก้วที่มีน้ำเดิมอยู่ไม่ได้ ต้องเทน้ำเดิมออกก่อน หรือครั้งหนึ่งการไปกราบไหว้พระพิฆเณศซึ่งท่านเป็นเทพปัดอุปสรรค และประทานความสำเร็จในพระองค์เดียว หลายท่านเวลาขอพรพระท่านก็มักจะไม่ค่อยได้เรียงตามลำดับเท่าไหร่ แต่สลับไปมา เช่น ขอให้ประสบความสำเร็จ ขอให้รวยๆ ขอให้ไม่มีอุปสรรค สุดท้ายก็ได้พรความสำเร็จได้ไม่เต็ม เพราะขอความสำเร็จก่อน ทั้งๆที่ยังมีอุปสรรคอยู่ หากสลับกันเล็กน้อย เช่น ขอให้อุปสรรคเบาบางลง ขอให้สำเร็จ แบบนี้เนื้อความเหมือนกัน แต่ความสำเร็จจะมากกว่า เช่นเดียวกัน ผมได้เรียงลำดับ ๑๒ วัดมงคลเอาไว้ดังนี้
    ๑ )วัดลอยเคราะห์
    ๒ )วัดดับภัย
    ๓ )วัดหม้อคำตวง
    ๔ )วัดเชียงมั่น
    ๕ )วัดดวงดี
    ๖ )วัดเจดีย์หลวง
    ๗ )วัดชัยพระเกียรติ
    ๘ )วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
    ๙ )วัดพระเจ้าเม็งราย
    ๑๐)วัดหมื่นเงินกอง
    ๑๑)วัดหมื่นล้าน
    ๑๒)วัดชัยมงคล

    ลองค้นหาด้วยคำว่า ไหว้พระ 9 วัดเชียงใหม่ ก็จะพบหลายเวปแนะนำคล้ายๆกัน ของเขาเรียงแบบนี้..

    เชียงมั่น-พระสิงห์-เจดีย์หลวง-ชัยมงคล-ดวงดี-ลอยเคราะห์-ดับภัย-เชียงยืน-หมื่นเงินกอง

    ๕ วัดแรกเป็นมงคลนามด้านบวก(+) ๒ วัดถัดมาเป็นมงคลนามด้านแก้ลบ(-) ๒ วัดสุดท้ายเป็นมงคลนามด้านบวก(+)
    ความเห็นผม: ขนาดเสริมมงคลด้วย ๕ วัดแรกแล้ว ยังเหลือ"เคราะห์ภัย"ที่ต้องไป"ลอยเคราะห์ดับภัย"กันอีก ๒ วัดถัดมาเลย จากนั้นค่อยไปเสริมมงคลให้อายุยืน เงินทองกองหมื่น มันขัดๆกันนะท่าน ไหนๆก็อุตส่าห์เดินทางกันมาหลายร้อยกิโลแล้ว ไหนๆก็อุตส่าห์เลือกวัดมงคลนามจากร้อยๆวัดกันมาแล้ว การเรียงลำดับให้ไหลลื่นอีกหน่อยก็คงจะไม่เสียเวลามาก เปรียบดั่งดวงชะตาไม่ไหลลื่น มีสะดุดอยู่บ้าง ก็เลือกเอาครับ

    บางวัดที่ได้ไป ก็ได้พบความพิสดาร ความลึกลับเฉพาะตัว บางเหตุการณ์ที่พบได้ยากก็ได้พบ อธิบายลำบาก อย่างวัดแรกนอกจากด้านหลังพระประธานอุโบสถจะมีดวงบรรจุไว้ ๓ ดวงแล้ว ยังได้พบรูปหล่อบรมครูแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีประดิษฐานตั้งวางมาก่อน และในรายละเอียดของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคลนามทั้ง ๙ วัดที่จัดกันทั่วไป ก็ไม่มีระบุรายละเอียดในส่วนนี้ การที่มีโอกาสได้เรียนแพทย์แผนโบราณก็ถือว่ามีความใกล้ชิด และผูกพันกับปู่มากกว่าคนทั่วไป วัดนี้มีเคล็ดลับการบูชาขอพรปู่ด้วยซึ่งหลายที่แม้จะมีรูปหล่อ รูปปั้นปู่ แต่ก็ไม่มีซักแห่งที่อธิบายได้ละเอียดขนาดนี้ต่างหากจากพระคาถาบูชาปู่(อย่าว่าแต่การขอพรปู่เลย หนำซ้ำหลายที่พระคาถาก็ยังผิดเพี้ยนด้วยซ้ำไป) วัดนี้มีทีเด็ดจริงๆ การขอพรปู่เท่าที่ผมรวบรวมได้จากที่นี่มี ๓ แบบเลือกเอาตามจริตของแต่ละคน ใครไม่ได้ติดตามกระทู้นี้ก็อดทราบ และเสียใจด้วยครับ ทำนองว่า ใครไม่ป่วย ไม่ทุกข์ใจ ก็คงไม่ทราบ ตราบเท่าที่เคราะห์กรรมใกล้หมดจึงจะได้พานพบปู่ซักวัน สถานที่ขอพรปู่ และใกล้ชิดปู่เท่าที่ผมได้เคยพบ ได้เคยไปกราบไหว้มาหากนับสถานที่นี้เข้าไปด้วยก็มีเพียง ๒ สถานที่เท่านั้นที่เปิดเป็นสาธารณะ(วัดสรณัมฯ และวัดลอยเคราะห์) หรือจะเป็นเพราะผมเดินทางน้อยก็เป็นไปได้ครับที่ไม่ทราบว่ามีมากกว่า ๒ แห่ง หากท่านใดทราบว่ามีสถานที่ดีเทียบชั้น ๒ สถานที่นี้ก็แนะนำเพื่อนสมาชิกด้วยละกันครับ หรือจะเป็นวัดที่ ๓ ก็เรียงลำดับเล่นๆ ไม่ได้จริงจังว่าจะได้ไป แต่เอาเข้าจริงๆ กลับได้ไป ได้"สิทธิพิเศษ"กราบหลวงพ่อทันใจทองคำ ๓ องค์ในตู้เซฟ ซึ่งปกติจะไม่ได้เปิดให้สาธารณชนได้กราบไหว้กันทั่วไป(ครูโหราศาสตร์ท่านใจดีมากๆพาคณะเราไปกราบไหว้ถึง"ในตู้เซฟ" ซึ่งขณะนี้กำลังบอกบุญสร้างฐานสำหรับประดิษฐานพระทันใจทองคำทั้ง ๓ องค์) และ"บังเอิญ"ได้กราบสถูปบรรจุอัฐิของพ.อ.อ.บุญช่วย ชุ่มเชิงรักษ์ ปรมาจารย์โหราศาสตร์ไทยบิดาโหราศาสตร์นิรายนะ ซึ่งวันที่ ๒๔ นี้ทางสมาคมโหราศาสตร์จะจัดพิธีไหว้ครูขึ้นที่นี่ ครูโหราศาสตร์ที่นี่ได้รับการยกย่องว่า มีชื่อเสียงด้านโหราศาสตร์มาก การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดนี้ถือว่าเป็นการเสริมพลังด้านลางสังหรณ์ เมตตามหานิยม....

    ลอยเคราะห์ ดับภัยเสร็จ ก็ปรับดวงใน อีกหลายวัดมีดีจริงๆ..รายละเอียดเอาไว้คุยให้ฟังหลังจากกลับก่อนครับ...
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ---------------------------------------------

    ข่าวฟุตบอล เอฟซี บาเซิล สร้างปาฏิหารย์บนหน้าประวัติศาสตร์เมื่อพลิกผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ด้วยการล้มรองแชมป์เก่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ด้วยฟอร์มสุดประทับใจ 2-1 ถีบทีมดังเมืองผู้ดีร่วงตกรอบทันที

    ผลบอล แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม ซี
    วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2554

    สนาม : จาค็อป ปาร์ค
    บาเซิ่ล 2 : 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
    ประตู : 1-0 สเตรลแลร์ น.9, 2-0 ฟราย น.84, 2-1 โจนส์ น.89

    ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

    ครึ่งแรก

    นาที ที่ 9 แฟนบาเซิ่ลก็ได้กระโดดกันตัวลอยเมื่อเซอร์ดาน ชากิรี่ได้ตั้งป้อมตักบอลยาวจากเส้นหลังด้านซ้ายเข้าเขตโทษแล้วมาร์โก สเตรลเลอร์ปรี่เข้าวอลเลย์ที่เสาไกลระยะสิบหลาตุงตาข่ายทำให้เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0

    นาทีที่ 34 หลังจากเกมที่แมนฯยูไนเต็ดพยายามจะทวงประตูตีเสมอคืนเอาได้นั้น ก็มาได้ลุ้นจากสองจังหวะของยังและรูนี่ย์ แต่ก็ยังไม่สามารถบวกสกอร์ขึ้นมาให้เท่ากันได้แต่อย่างใด

    นาทีที่ 42 นอกจากสกอร์ตามไม่พอ ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดก็ต้องมาเสียกัปตันทีมอย่างวิดิช ที่ไปเจ็บในจังหวะงัดกับผู้เล่นของบาเซิ่ล แล้วไปลื่น โดนทับขาลงพื้นผิดธรรมชาติ จนเจ้าตัวออกอาการโอดโอยทนไม่ไหว แมนฯยูไนเต็ดจึงต้องเปลี่ยนอีแวนส์ลงไปเล่นแทนแบบเสียไม่ได้

    เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ ยังก็ได้ใบเหลืองโทษฐานดึงชาก้าไม่ให้เล่นเกมโต้กลับหลังโดนแย่งบอล ครบ 45 นาทีบาเซิ่ลจึงนำหน้า 1-0 เช่นเดิม

    ครึ่งหลัง

    นาที ที่ 48 กิ๊กส์ ได้บอลกลางสนามก่อนโชว์สายตาปีกเวิลด์คลาสแทงทะลุช่องให้ รูนี่ย์ ได้หลุดทะลุเข้าเขตโทษ โดยเลือกจะปั่นอ้อมหวังเสียบเสาไกลแต่บอลโค้งไม่พอทำให้หลุดเลยเสาสองไป

    นาที ที่ 60 บาเซิล เกือบฆ่าตัวตาย โดย นานี่ เปิดบอลจากขวาเข้ามาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ มาร์คัส สไตน์โฮเฟอร์ กลับสกัดบอลผิดเหลี่ยมกลายเป็นจะยิงวอลเล่ย์ใส่ประตูตัวเอง เคราะห์ดีบอลไปชนคานกระเด้งออกมา

    นาทีที่ 84 สถานการณ์ผีแดงยิ่งเลวร้ายหลังมาโดนลูกที่สอง อเล็กซานเดอร์ ฟราย โหม่งโล่งๆให้ บาเซิ่ล นำห่าง 2-0

    นาที ที่ 89 ผีแดงมาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะหน้าประตู เฟเดริโก้ มาเคด้า ตัวสำรองซัดไปชนคาน ลูกกระดอนออกมาเป็น ฟิล โจนส์ ที่โหม่งซ้ำเข้าไปไล่มาเป็น 1-2

    กระทั่งหมดเวลาที่เหลือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถยิงประตูได้ จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกพ่าย บาเซิ่ล หมดรูป 1-2 ทำให้ผีแดงต้องตกรอบแรก แต่ยังได้สิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรป้าแทน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    บาเซิ่ล :
    แยนน์ ซอมเมอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, ดาวิด อับราฮัม, ปาร์ค ชู โฮ, มาร์คัส เสตนโฮเฟอร์, กรานิต ชาก้า [​IMG] (ชิปเปอร์ฟิลด์ น.83), คาบราล, ฟาเบียง ฟราย [​IMG], เซอร์ดาน ชากิรี่(สต็อคเกอร์ น.90), มาร์โก้ สเตรลแลร์[​IMG], อเล็กซานเดอร์ ฟราย[​IMG] (คูซุงกา น.88)

    ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : มัสซิโม่ โคลอมบา, ราโดสลาฟ โควัช, แจ็คเกส ซูอา, กวาง ยอง ปัค

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด:ดาวิด เด เกาอา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช(อีแวนส์ น.44), ปาทริซ เอฟร่า [​IMG], คริส สมอลลิ่ง, ไรอัน กิ๊กส์, ฟีล โจนส์, นานี่, ปาร์ค จี ซุง(มาเคด้า น.82), เวย์น รูนี่ย์, แอชลี่ย์ ยัง [​IMG] (เวลเบ็ค น.64)

    ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์รอน กิ๊บสัน, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด




    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14600&key=news-

    .


    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14600&key=news



     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม หากมีท่านเหล่านี้ เพียงแค่ 20% เข้าไปบริหารบ้านเมือง

    ประเทศไทย ต้องเจริญทั้งจิตใจ และ วัตถุ มากกว่านี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก





    +++++++++++++++++++++++++++



    15 สุดยอดคนแห่งปี ผู้ทำดีเป็นต้นแบบสังคม




    [​IMG]




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ค ฅน , youtube โพสต์โดย TheGuardianAngle1 , ทีวีบูรพา , รายการคนค้นฅน , [ame="http://www.youtube.com/watch?v=SLzp063Shtw&feature=BFa&list=PL0CB46F295FF522CC&index=2"]Youtube. โพสต์โดย uthestreet[/ame] , gog.com , chn.chinamil.com.cn

    สังคมของเราจะน่าอยู่ได้ ถ้าหากคนบนโลกใบนี้ รู้จัก "ให้" มากกว่า "รับ" ซึ่งก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่พร้อมจะเป็น "ผู้ให้" และ รังสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับสังคมของเรา ลองไปดูกันว่า ในรอบปี พ.ศ. 2554 เรื่องราวของใครที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจ และซาบซึ้งไปกับสิ่งดี ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้น เพื่อทำให้ผู้อื่นรู้สึกอิ่มเอมใจกันบ้าง รับรองว่าทุกคนที่ได้อ่านเรื่องที่กระปุกดอทคอมนำมาเสนอในวันนี้ ต้องรู้สึกภาคภูมิใจที่มีพวกเขาอยู่ร่วมในสังคม และคงเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ทำดี เพื่อผู้อื่นกันค่ะ

    [​IMG]

    [​IMG] ชีวิตที่มีความหมายของคนสร้างฝาย ... คุณย่ายิ้ม

    ใครที่ได้รับรู้เรื่องราวของ "ย่ายิ้ม" หรือ "ย่ายิ้ม เย้ยยาก" คงจะอดอมยิ้มตามไปกับแกไม่ได้แน่นอน เมื่อหญิงชราวัย 80 กว่า ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าทึบเพียงลำพัง กลับไม่เคยอยู่ห่างจากคำว่า "ความสุข" เลย

    นั่นเพราะทุก ๆ วัน "ย่ายิ้ม" จะไม่ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปอย่างไร้ค่า และสิ่งมีค่าที่ "ย่ายิ้ม" ทำก็คือ การเดินถือจอบเก่า ๆ 1 อัน ขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่หลายสิบท่อนเพื่อมาสร้างฝาย โดยหวังจะให้ผืนป่าประเทศไทยเป็นผืนป่าที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ ตามพระราชดำรัสของพ่อหลวงที่คุณย่ายิ้มเคยได้ยินได้ฟังมานานนับสิบปีแล้ว และตั้งแต่นั้นมา คุณย่ายิ้มก็จำคำสอนของพ่อหลวงใส่เกล้า และปณิธานกับตัวเองว่า จะต้องสร้างฝาย เพื่อสร้างประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสังขารของหญิงชราจะร่วงโรยลงไปตามวัย แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้ "ย่ายิ้ม" หยุด เพราะแกถือคติว่า วันนี้มีแรงแค่ไหนก็ทำเท่านั้น พอตื่นเช้าขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็ลุกขึ้นมาทำใหม่ แต่จะมีเพียงวันโกนและวันพระเท่านั้น ที่ "ย่ายิ้ม" จะหยุดพักจากการสร้างฝาย และการหยุดของแกไม่ใช่การหยุดพักผ่อนกาย เพราะในวันดังกล่าวนั้น ย่ายิ้มจะเดินทางลงจากเขากว่า 8 กิโลเมตร เพื่อไปเข้าวัดเข้าวาทำจิตใจให้สงบผ่อนคลายจิตใจ

    หลายคนสงสัยว่า "ย่ายิ้ม" จะมาลำบากทำไม ทั้งที่ลูก ๆ หลาน ๆ ของแกก็มีฐานะและอ้อนวอนให้ "ย่ายิ้ม" กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน แต่ "ย่ายิ้ม" กลับเลือกที่จะอยู่ที่นี่ นั่นเพราะแกคิดเสมอว่า "ทางสวรรค์จะเป็นทางที่รก ทางนรกจะเป็นทางที่เรียบ..."

    ตลอดหลายปีกับชีวิตกลางป่าเขาเพียงลำพัง ย่ายิ้ม สารภาพว่า เมื่อไหร่ที่ลูกขึ้นมาหาและมานอนด้วย แกก็ดีใจทุกครั้ง แต่พอกลับกันไป แค่เห็นเดินคล้อยหลังก็นั่งใจละห้อยแล้ว...แต่ถึงอย่างไร แกก็ยังยืนหยัดว่าจะขออยู่ในป่าในเขาอย่างนี้ไปจนตาย และคำขอสุดท้ายที่ฝากไว้กับลูกคือ...ถ้าแม่ตาย ก็ให้เผาให้ฝังไว้ที่ไร่บนเขานี้

    "ย่าไม่อยากตายหรอกหนา แต่ไม่เคยกลัว ถึงเวลาจะต้องละแล้ว ก็ต้องไป..." ถ้อยคำนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่า หญิงชราวัย 80 เข้าใจถึงแก่นแท้ของชีวิตแล้วจริง ๆ


    [​IMG]

    [​IMG] ชุดปฏิบัติการเหยี่ยวดง 60 ผู้ยอมเสี่ยงชีวิตปกป้องด้ามขวานไทย

    ไม่มีใครอยากทิ้งชีวิตไว้ยังพื้นที่สีแดงของปลายด้ามขวานไทย แต่สำหรับพวกเขา "ชุดปฏิบัติการเหยี่ยวดง 60" ทั้งหมด 15 ชีวิต นี่คือหน้าที่ในฐานะชายชาติทหารผู้ต้องเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ก่อนที่มันจะไปคร่าชีวิตของใคร นำทีมโดย ร้อยตำรวจตรีแชน วรงคไพสิฐ ซึ่งทุกคนในทีมล้วนผ่านเหตุการณ์ระเบิดมาหลายต่อหลายครั้ง ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมาก็มากมาย บาดเจ็บมาจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าก็ไม่มีใครยอมแพ้ และขอลาออกจากทีมชุดนี้ เพราะหัวใจยัง "สู้" อยู่

    ไม่มีใครรู้ว่า สถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกหน่วยเก็บกู้ระเบิดที่ไม่มีใครรู้ว่า วันใดที่พวกเขาจะออกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นวันสุดท้าย แต่พวกเขาตระหนักไว้เสมอว่า หากต้องตายก็ขอตายอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในฐานะของข้าราชการที่ปวารณาตัวเป็นข้าของแผ่นดิน

    "พวก ผมเกิดเป็นคนไทย เกิดในสามจังหวัดภาคใต้ พวกผมต้องตอบแทนพระคุณแผ่นดิน พวกผมทั้งหมดที่ยืนตรงนี้เป็นลูกชาวสวน ชาวนา ชาวไร่ อุปกรณ์ที่ชาวสวน ชาวนาใช้ทำงานก็คือ "ขวาน" หาก "ขวาน" ไม่มีด้าม ก็ใช้ทำอะไรไม่ได้ พวกผมขอสัญญาต่อหน้าพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้ว่า พวกผมจะดูแลรักษาด้ามขวานตรงนี้ตลอดไป"

    นี่คือคำปฏิญาณของนายทหารกล้าที่ประกาศก้องต่อหน้าทุกคน และถ้อยวาจานี้คงเป็นคำตอบว่า ทำไมทั้ง 15 ชีวิต ยังยืนหยัดที่จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อปกป้องคนไทยให้นอนหลับฝันดี


    [​IMG]

    [​IMG] น้ำใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของป้าหาบ...แม่ค้า 5 บาท

    ในยุคข้าวยากหมากแพง การจะหาอะไรรับประทานให้อิ่มท้องในราคาเพียงแค่ 5 บาท ดูจะเป็นเรื่องยากเสียยิ่งกว่ายาก แต่ทว่า...ในมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งของสังคม ยังมีแม่ค้าวัยย่างหกสิบปีคนหนึ่งประกอบอาชีพหาบเร่ขายกับข้าวมานานกว่า 30 ปีแล้ว และยังคงตรึงราคาเดิมที่ 5 บาท แม้ว่าข้าวจะยาก หมากจะแพง น้ำมันจะปรับขึ้นราคา แต่ "ป้าแดง บุญยัง พิมพ์รัตน์” หรือที่ทุกคนเรียกแกว่า "ป้าหาบ" แม่ค้าในซอยจรัญสนิทวงศ์ 33 แยก 3 ก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดปรับขึ้นราคา

    "นึกถึงตัวเองเวลาไม่มี ท้องหิวมันทรมานมากนะ คนเงินเดือนน้อย ๆ ก็อยากให้เขากินอิ่ม บางคนมีเงินมา 10 บาท มาซื้อกับป้า ป้าก็ให้เขาเยอะ ๆ เป็นข้าวเหนียวเป็นอะไรอย่างนี้ บางคนมาไกล ๆ ไม่มีเงินมา ป้าก็ให้ไปบ้าง หรือไม่ก็คิดเขาแค่ครึ่งเดียว 20 บาท เอา 10 บาทพอ" ป้าหาบ บอก

    เพราะความที่้ป้าหาบเคยอัตคัดขัดสนมาก่อน แต่ ณ วันนี้ แกสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนพอมีพอใช้อย่างพอเพียงแล้ว ก็ได้เวลาที่จะแบ่งปันความอิ่มท้องให้กับผู้อื่นบ้าง โดยป้าหาบบอกว่า ชีวิตของแกสุขสบายดี ไม่เป็นหนี้ ไม่ลำบาก ก็ไม่เป็นจำเป็นที่จะต้องเอากำรี้กำไรอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน สู้ "ให้ผู้อื่น" จะดีกว่า

    เห็นไหมว่า เพียงแค่ความคิดเล็ก ๆ ของป้าหาบที่เจือจานน้ำใจอันยิ่งใหญ่สู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กลับทำให้มุมหนึ่งของสังคมไทยในยุคข้าวยากหมากแพงดูแล้วมีความสุขขึ้นมาถนัด ตา


    [​IMG]

    [​IMG] เพ็ญลักขณา ขำเลิศ กับบทบาทหน้าที่พยาบาลไร้หมวก

    ณ โรงพยาบาลภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นภาพของ "เพ็ญลักขณา ขำเลิศ" พยาบาลวิชาชีพที่ประจำอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ในยูนิฟอร์มสีขาวของสาว พยาบาล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอละทิ้งหน้าที่ เพราะเธอบอกว่า หน้าที่ของเธอไม่ใช่แค่การดูแลผู้ป่วยตามเตียงในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่เธอยังอุทิศตัวเองให้กับเตียงผู้ป่วยนับร้อยนับพันหลังคาเรือนในอำเภอ ภาชี ในฐานะ "พยาบาลไร้หมวก"

    เพ็ญลักขณา บอกว่า การเป็นพยาบาลไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบ หากแต่ "หัวใจ" ต่างหาก คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นพยาบาลที่แท้จริง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม เพ็ญลักขณา หรือ พี่ติ๋ง จึงมักจะเลือกลงพื้นที่ไปดูแลผู้ป่วยใน 60 หมู่บ้านในอำเภอภาชี มากกว่าการทำงานอยู่ในโรงพยาบาลภาชี เพราะจะได้เห็นกับตาตัวเองว่า คนไข้กินอยู่อย่างไร และทำไมหลายคนจึงไม่หายจากโรคเสียที แม้ว่าตัวเธอเองก็กำลังทนทุกข์ทรมานจากการเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งต้องได้รับการเยียวยาไม่ต่างจากคนไข้รายอื่น ๆ ที่เธอรับผิดชอบอยู่ แต่พี่ติ๋งกลับมองว่า นี่ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะมาทำให้เธอย่อหย่อนต่อหน้าที่การงานได้

    "ที่พี่ทำทุกวันนี้ทำเพื่อคนไข้ ไม่ได้ทำเพื่อตอบสนองนโยบายเอาเงินมาแลกกับงาน งานที่พี่ทำคืองานที่ทำเพื่อแลกกับคน แลกกับชีวิตมนุษย์ เราต้องเป็นผู้ให้ อย่าเป็นผู้รับ เวลาที่เราเป็นข้าราชการ เราต้องนึกเสมอว่า จะทำอย่างไรที่จะมีโอกาส "ให้" ให้ประชาชนมีความสุข ให้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเขาพ้นทุกข์ได้ มันไม่มีอะไรมากนอกจากการให้"

    ...สิ่งที่พี่เพ็ญลักขณากำลังทำอยู่ใช่ไหม? ที่เขาเรียกว่า ทุ่มเททั้งกายและใจให้กับเพื่อนมนุษย์


    [​IMG]

    [​IMG] วิชิต คำไกร หมออนามัย...ผู้ทุ่มเทกายใจให้คนชายแดน

    หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัยสุขภาพ ชลบุรี เด็กต่างจังหวัดลูกชาวนาจากปราจีนบุรี อย่าง "วิชิต คำไกร" ก็ตัดสินใจเลือกบรรจุตัวเองให้มาทำงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทับพริก อำเภออรัญประเทศ พื้นที่ชายขอบซึ่งคงจะมีน้อยคนนักที่อยากจะมาอาศัยอยู่ แต่ "หมออนามัย" คนนี้ เลือกเส้นทางนี้ เพราะได้เห็นความทุกข์ยากของคนไข้ในเขตชายแดนที่ห่างไกล และคิดไปถึงตัวเองที่เป็นลูกชาวนาในพื้นที่ทุรกันดารเช่นกัน จึงตัดสินใจลงมาทำงานยังที่ตำบลทับพริก

    นอกจากการรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลแล้ว ภารกิจหลักของ "วิชิต" คือ การลงพื้นที่ไปเคาะประตูดูแลสารทุกข์สุกดิบด้านสุขภาพให้กับชาวบ้าน ด้วยความรู้สึกที่ว่า ชาวบ้านคือคนในครอบครัวเดียวกัน และหากมีเวลาว่าง หมออนามัยคนนี้จะลงพื้นที่ตระเวนตรวจความเรียบร้อยของหมู่บ้าน ร่วมกับผู้นำชุมชน เพื่อป้องปรามปัญหายาเสพติดในหมู่เยาวชนภายในตำบลทับพริก โดยหวังขจัดปัญหาต่าง ๆ และยกระดับชุมชนให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งเป็นงานที่คุณหมอลงมาทำด้วยตัวเองด้วยจิตใจที่หวังให้ประโยชน์เกิดแก่ ชาวชุมชนด้วยกัน

    "เราเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ทรงบอกว่า เมื่อจะทำงานอย่ายกเอาความขาดแคลนมาเป็นข้ออ้าง แต่ให้ทำงานท่ามกลางความขาดแคลนนั้นให้บรรลุผล เพราะฉะนั้นความขาดแคลนในพื้นที่ตำบลทับพริกอาจจะมีบ้าง แต่เราต้องแปรเปลี่ยนความขาดแคลนนั้นให้เป็นพลังในการที่จะสามารถแก้ไขปัญหา ได้ ก็จะทำให้เรามีพลังใจในการทำงานช่วยเหลือผู้อื่น"

    ...หากทุกคนคิดได้เหมือนกับพี่วิชิต ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล คงจะได้มีคุณภาพชีวิต และได้รับโอกาสทางสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน


    [​IMG]

    [​IMG] หน่อคำ สมสวัสดิ์ ผู้ทอแสงแห่งความหวังให้ผู้พิการ

    หนุ่มลูกจ้างชั่วคราวของโรงพยาบาลแม่ลาว อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ที่คอยช่วยเหลืองานในโรงพยาบาลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อย่าง "หน่อคำ สมสวัสดิ์" คนนี้ แต่เดิมเขาเป็นเพียง "จิตอาสา" ของชมรมพัฒนาผู้พิการ ที่มีหน้าที่ลงไปช่วยเหลือและเติมเต็มกำลังใจให้ผู้พิการในพื้นที่มีกำลังใจ ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้ในสังคม แต่เมื่อทางโรงพยาบาลแม่ลาวให้โอกาส "หน่อคำ" จึงได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นเลขานุการของชมรมพัฒนาผู้พิการ โรงพยาบาลแม่ลาว

    แม้ว่าร่างกายของหน่อคำจะไม่ปกติเหมือนใครหลาย ๆ คน แต่ทำสามารถทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองได้อย่างไม่ต้องเป็นภาระให้ใคร ทั้งการขี่มอเตอร์ไซค์ ใช้คอมพิวเตอร์ และจัดรายการวิทยุชุมชน นอกจากนี้ "หน่อคำ" ยังเป็นคนมองโลกในแง่ดี เพราะไม่เคยรู้สึกเป็นทุกข์กับความพิการของเขาเลย ตรงกันข้าม เขายังมองว่า ตัวเองโชคดีกว่าคนอื่นที่พิการไม่มาก เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่น่าเศร้ากว่าเขา นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ "หน่อคำ" ใช้ความจริงใจลงไปพบปะพูดคุยกับผู้พิการคนอื่น ๆ เพื่อสร้างกำลังใจให้พวกเขา

    "คน เราเกิดมาสามารถทำดีได้ทุกคน ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องมีการศึกษาสูง มีฐานะร่ำรวย หรือมีสภาพร่างกายปกติ แข็งแรง เราสามารถทำดีได้ทุกเวลา ไม่จำกัดเวลา ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะทำเพื่อผู้อื่น ชีวิตของเราจะมีค่าหรือด้อยค่า ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง หากมองตัวเองให้มีค่า มีประโยชน์ต่อคนอื่น ก็เหมือนกับเป็นภารกิจหนึ่งที่เราเกิดมาทำหน้าที่นี้โดยตรง เกิดมาเพื่อให้คนอื่นได้รับการปลดปล่อยความทุกข์" หน่อคำ ว่าไว้

    คำว่า "ขอบคุณ" คงไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดของผู้พิการที่อยู่ในความดูแลของ "หน่อคำ" เอื้อนเอ่ยออกมาจากใจให้กับชายหนุ่มคนนี้เพียงเท่านั้น แต่สำหรับคนทั่วไปที่ได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของ "หน่อคำ" ก็คงต้องกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" ให้กับชายหนุ่มคนนี้เช่นเดียวกัน เพราะชีวิตของเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนธรรมดา ๆ ที่กำลังหมดแรงจากการล้มลุกคลุกคลานมาหลายต่อหลายครั้ง มีรอยยิ้ม และมีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไปได้อีกครั้ง


    [​IMG]

    [​IMG] นภินทร์ จอกลอย ผู้ใช้ธรรมะ...สร้างแดนธรรมให้แดนคุก

    เมื่อ "เรือนจำ" คือสถานที่คุมขังผู้เคยกระทำผิด นั่นอาจจะทำให้ "นักโทษ" หลาย ๆ คน เกิดความอัดอั้นตันใจและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทดังที่เรือนจำหลายแห่งเคยเป็น ข่าว แต่ ณ เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานีแห่งนี้ "นักโทษ" เปรียบเสมือน "ลูก ๆ" ของ "พ่อ" ซึ่งมีตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี

    นภินทร์ จอกลอย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี ผู้คอยควบคุมดูแลรักษาความเรียบร้อยของเรือนจำแห่งนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่เซ็นเอกสารให้หมดไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่ทุกเช้า ผบ.นภินทร์ จะปั่นจักรยานมาทำงานตรวจดูความสะอาดเรียบร้อยรอบเรือนจำ ก่อนจะเดินสั่งงานทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว

    "ผมพยายามจะลบคำสบประมาทที่ประชาชนมีต่อข้าราชการ คือ ใต้โต๊ะ เรือเกลือ เช้าชามเย็นชาม ผมเกลียดที่สุดคือเรื่องผักชีโรยหน้า" ผบ.นภินทร์ ประกาศเจตนารมณ์

    ผบ.นภินทร์ รู้ดีว่า การที่นักโทษอยู่ในสภาพมีกุญแจมือ ติดอยู่ภายใต้ประตูรั้วที่กั้นดำทึบย่อมส่งผลต่อสภาพอารมณ์ นั่นจึงทำให้ ผบ.นภินทร์ พยายามหาโอกาสให้ผู้ต้องขังได้เข้าวัดเข้าวา ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และใกล้ชิดพระสงฆ์ เพราะจะช่วยระบายความเครียดได้เป็นอย่างดี และเป็นการลดช่องว่างระหว่างผู้ต้องขังกับเจ้าหน้าที่ที่ได้ผลดีด้วย นอกจากนั้นแล้ว "พ่อ" คนนี้ ยังนำเอาหลักธรรมมาใช้ขัดเกลาจิตใจผู้ต้องโทษ เพื่อทำให้พวกเขามีจิตใจอ่อนโยน รู้จักเสียสละ และพบกับความสุขที่แท้จริง เมื่อกลับออกจากดินแดนแห่งนี้ไปแล้ว จะได้สามารถใช้ชีวิตใหม่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า และไม่หวนกลับมา ณ ที่แห่งนี้อีก

    ...ไม่มีการให้อะไรจะยิ่งใหญ่เท่ากับการให้ชีวิตใหม่ และให้โอกาสกับผู้ที่เคยพลาดพลั้ง นี่กระมังที่ทำให้ ผบ.นภินทร์ ดำเนินตามเจตนารมณ์ของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง


    [​IMG]

    [​IMG] พีระพงษ์ วงศ์ศรีจันทร์ สายเลือดครู...ผู้แต่งแต้มผ้าขาว

    ณ โรงเรียนซับมงคลวิทยา พื้นที่ไกลปืนเที่ยงของอำเภอเทพสถิตย์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นสถานที่ที่ครูเอ หรือ ครูพีระพงษ์ วงศ์ศรีจันทร์ เลือกมาประจำการ โดยเห็นว่า เด็กอีสานเป็นเด็กที่ขาดโอกาสมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ และเขาก็ขอเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะมาเติมเต็มโอกาสให้กับผ้าขาวผืนบริสุทธิ์เหล่านี้

    ในฐานะครูสอนศิลปะ ครูเอ ได้พร่ำสอนเด็ก ๆ ให้ใช้ศิลปะสร้างความสุนทรีย์ และเพลิดเพลิน หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเรียน และการทำงานหนักช่วยพ่อแม่ที่บ้าน แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ศิลปะของครูเอไม่ได้เป็นไปเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ ครูเอ ยังหวังให้ศิลปะเป็นใบเบิกทางให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ดังที่เด็ก ๆ หลายคน นำความรู้วิชาศิลปะไปต่อยอดจนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ และได้รับรางวัลอีกมากมาย

    "ผม เป็นศิลปินประเภทที่ไม่ได้จะสร้างผลงานทางศิลปะบนเฟรมผ้าใบ แต่เฟรมของผมคือชีวิตของเด็ก ผมต้องรับผิดชอบสิ่งที่ผมเขียน ซึ่งก็คือชีวิตคน" ครูเอ บอก

    เมื่อถามถึงความคาดหวังของครูเอ เขาบอกว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะนี่คือความสุขของเรา แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขอะไรอีก แม้ว่าเขาอาจจะเสียโอกาสกับอาชีพที่ก้าวหน้า เงินทองก้อนโต แต่การที่ลงมาทำอย่างนี้ ทำให้เขามีความสุขทุกวัน และยิ่งเห็นเด็กมีอาชีพ มีความสุข มันคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ และเป็นความสุขที่สุดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ครู" แล้ว

    การ "สร้าง" และ "เปลี่ยน" ชีวิตของผู้อื่นให้ดำเนินอยู่ในเส้นทางแห่งความถูกต้อง และได้รับโอกาสทางสังคมมากขึ้น นี่คือหน้าที่ของครูอย่างแท้จริง...และครูพีระพงษ์ ก็กำลังทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ


    [​IMG]

    [​IMG] ธีรพันธุ์ บุญบาง ผู้ใหญ่บ้านใฝ่ธรรมะ

    ด้วยสไตล์การแต่งตัวนุ่งขาว ห่มขาว ไว้ผมเผ้าหนวดเครา อาจทำให้คนที่ไม่รู้จัก ไม่เชื่อว่าเขาผู้นี้คือ "ผู้ใหญ่บ้าน" แห่งบ้านเนินน้ำเย็น ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ และเมื่อมองข้ามเรื่องการแต่งตัวไป "ธีรพันธุ์ บุญบาง" คนนี้ คือผู้ปกครองหมู่บ้านที่ชาวบ้านรักและเคารพ ในฐานะผู้นำชุมชนที่ยึดวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

    หากเดินเข้าไปในที่ทำการผู้ใหญ่บ้านของผู้ใหญ่ธีรพันธุ์ หลายคนอาจจะแปลกใจที่ได้เห็นทุ่งนา แปลงผัก บ่อปลา บ่อกบ เล้าหมู เล้าไก่ และองค์ความรู้อีกมากมายภายใต้ชื่อ "โครงการเศรษฐกิจพอเพียง 1 ไร่แก้จน สวรรค์บ้านนา" ซึ่งผู้ใหญ่จัดสร้างขึ้นเพื่อทำการเกษตรแบบผสมผสานเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้าน เห็น และนำไปปฏิบัติตาม โดยหวังจะให้ชาวบ้านเลิกจน พึ่งพาตัวเองได้ และด้วยการจัดแปลงเกษตรแบบผสมผสานของผู้ใหญ่เป็นที่เลื่องลือไปทั่วจังหวัด ทำให้มีชาวบ้านในหลาย ๆ ชุมชนเดินทางมาศึกษาดูงานที่หมู่บ้านนี้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้บ้าง

    "ผู้นำต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เราต้องเป็นต้นแบบของการทำความดีให้ลูกบ้านได้เห็น ชุมชนจะเข้มแข็งได้ต้องเริ่มจากจิตใต้สำนึกก่อน ถ้าจิตใต้สำนึกเข้มแข็งก็เท่ากับมีความคิด มีปัญญา ถ้ามีปัญญาแล้วก็จะไม่ไปคิดทำเรื่องไม่ดี ดังนั้นเราต้องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมกับเยาวชนให้มากที่สุด และใช้การศึกษาสร้างคน" ผู้ใหญ่ธีรพันธุ์ บอกแนวคิด

    ผู้ใหญ่เดินหน้าสร้างคนด้วยการใช้ธรรมะที่เขาเลื่อมใสศรัทธา ชักจูงให้คนเข้ามาใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามากขึ้น โดยทำตัวอย่างให้ลูกบ้านเห็น ทำให้ ณ วันนี้ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านสีขาวที่น่าอยู่ และทำให้ผู้ใหญ่กล้าประกาศว่า ชุมชนแห่งนี้ปลอดอาชญากรรม และปลอดยาเสพติดแน่นอน

    เพราะธรรมะที่ผู้ใหญ่ธีรพันธุ์เลื่อมใส ได้บันดาลให้ชาวบ้านในชุมชนเนินน้ำเย็น เลื่อมใสผู้ใหญ่ใฝ่ธรรมะคนนี้เช่นเดียวกัน


    [​IMG]

    [​IMG] จ่าสิบตำรวจวิชิต กัลยาณวัตร นักพัฒนาขวัญใจชุมชนหลังสวน

    ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่สนุกสนานและเป็นกันเอง ทำให้พี่เล็ก จ่าสิบตำรวจวิชิต กัลยาณวัตร อดีตนายตำรวจชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ ผู้ผันตัวเองมาเป็นพัฒนากรชุมชน เข้ากับคนได้ไม่ยากนัก และส่งผลให้การทำงานพัฒนาชุมชนของเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น

    ทุก ๆ วัน พี่เล็ก จะต้องลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน หรือไปประสานงานติดต่อช่วยเหลือชาวบ้าน โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือกลางคืน จนใคร ๆ ต่างก็รู้จักแก และยิ้มต้อนรับโอภาปราศรัยด้วยดีในทุกครั้งที่พี่เล็กมาเยือน และทุกครั้งที่พี่เล็กลงพื้นที่ก็จะไม่ได้แต่งชุดราชการ หากแต่ใส่เพียงชุดลำลองเหมือนชาวบ้านทั่วไป เพื่อให้เข้าถึงและดูเหมือนเป็นญาติสนิทมิตรสหายกับชาวบ้านมากที่สุด โดยพี่เล็กจะเข้าไปสอนให้ชาวบ้านนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับวิถี ชีวิตของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแนวคิดนี้ก็ช่วยให้ชาวบ้านลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก

    "การ ได้ลงพื้นที่เป็นสิ่งที่มีความสุขมาก 11 ปีที่ผ่านมา เราก็ทำหน้าที่เต็มกำลัง ช่วยเขาเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเวลานอกราชการ หรือในราชการ เวลาลงพื้นที่เห็นพี่น้องประชาชนมีความสุข เราก็ภูมิใจ จริง ๆ ก็เคยมีท้อบางเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถอย เพราะคิดไว้แล้วว่า เกิดมาเป็นคนไทยก็จะต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน เลยคิดอยู่เสมอว่า เกิดมาชาตินี้จะสร้างความดีไม่เคยหวั่น จะเร่งสร้างทั้งคืนและทั้งวัน เพื่อชีวิตอันสั้นนั้นมีราคา คิดอยู่เท่านี้" พี่เล็ก บอก

    เป็นเรื่องดีจริง ๆ ที่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากหนทางที่จะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของชาวบ้านแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย


    [​IMG]

    [​IMG] แจ๊ค ธนบดี...จิตวิญญาณคือกันตรึม ตราบจนสิ้นลมหายใจ

    "กันตรึม" อาจเป็นคำที่ไม่คุ้นหูคนรุ่นใหม่ แต่หากใครได้เดินทางไปยังชุมชนจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เด็ก ๆ ที่นี่รู้จัก "กันตรึม" กันแทบจะทั้งหมู่บ้าน และยังรู้จักหนุ่มเลือดอีสานใต้วัย 29 ปี "แจ๊ค ธนบดี ถนอมเมือง" ในฐานะครูสอนกันตรึมอีกด้วย

    หลังจากเรียนจบ ม.6 ครูแจ๊คได้มีโอกาสเดินทางไปเรียนต่อที่จังหวัดสุรินทร์ และได้เริ่มหัดเล่นกันตรึม ดนตรีพื้นบ้านของชาวอีสานใต้ด้วยความรู้สึกหลงรักในจังหวะของมัน ก่อนจะคิดต่อไปว่า ในฐานะคนพื้นถิ่นควรจะสืบสานศิลปะพื้นบ้านชิ้นนี้ไว้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ครูแจ๊คก็เดินตามความฝันของตัวเองทันที ด้วยการพาเด็ก ๆ ในชุมชนมาฝึกกันตรึม และพาออกแสดงตามงานต่าง ๆ เพื่อหาทุนไปสร้างศูนย์ดนตรีนาฏศิลป์พื้นบ้านไว้ใช้จัดแสดงกันตรึม

    แรกเริ่มเดิมที ลูกศิษย์ลูกหาของครูแจ๊คมีเพียงไม่กี่คน แต่เมื่อนานวันเข้า เด็ก ๆ เริ่มสนใจและเข้ามาฝึกหัดกันตรึมกับครูมากขึ้น นอกจากจะช่วยสืบสานศิลปะพื้นบ้านอันเป็นรากเหง้าของพวกเขาไม่ให้สูญหายไป แล้ว ผลพลอยได้จากที่เด็ก ๆ เข้ามาฝึกกันตรึม ก็คือการได้เห็นรอยยิ้ม และภาพความรักของครอบครัวที่มาช่วยชมช่วยเชียร์ทุกครั้งที่ลูก ๆ หลาน ๆ เปิดการแสดงอีกด้วย

    "มันเหมือนเป็นปริญญาชีวิต เราจะขอตายเพื่อกันตรึมเลย เราเลือกแล้วและจะสืบสานต่อไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ว่าใครจะคิดยังไง มันเลิกไม่ได้ เหมือนกับเราปลูกผัก วันหนึ่งผักโตก็เก็บมากิน ปลูกพืชมันก็ต้องหวังผล ตอนนี้ผลเยอะแยะเลย ผลจากที่เราสอน ภูมิใจมาก ๆ ที่มีคนที่ชอบเหมือนกันมาช่วยสืบสาน เป็นอีกหนึ่งแรงช่วยเรา เพราะเราไม่ได้ทำคนเดียว แต่มีลูกศิษย์และคนจำนวนมากช่วยเราอยู่ ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำต่อไป..." ครูแจ๊ค ยืนยันด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่

    ความสำเร็จของการแสดงคือ การที่ผู้แสดงและผู้ชมมีความสุข แต่ความสุขของครูแจ๊คก็คือ การได้เห็นกันตรึม ศิลปะพื้นฐานแขนงนี้ยังดำรงอยู่ โดยเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน "กันตรึม" ให้อยู่ในวิถีชีวิตของคนในสังคมต่อไป


    [​IMG]

    [​IMG] กุ้ยย้ง แซ่ล้อ...เมื่องานจิตอาสาคือยารักษาโรคร้าย

    ภาพของหญิงวัยกลางคนเชื้อสายจีนคอยบริการผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเบตง จังหวัดยะลา ในฐานะผู้ปฏิบัติงานจิตอาสา คงเป็นภาพที่ชาวเบตงคุ้นตาเป็นอย่างดี แต่จะมีใครรู้ไหมว่า หญิงคนนี้...ในอดีตเคยเป็นผู้ป่วยจิตเวทขั้นรุนแรงที่ไม่มีใครอยากยุ่ง เกี่ยวด้วย

    "กุ้ยย้ง แซ่ล้อ" เธอคือขวัญใจของคนในโรงพยาบาลเบตง ก่อนหน้านี้เธอเคยมีอาการทางจิต หวาดระแวง เป็นภาพหลอน ทำให้ต้องแยกจากครอบครัว แต่เมื่ออาการดีขึ้น "กุ้ยย้ง" ก็ได้ผันตัวเป็นมาอาสาคอยดูแลผู้ป่วยคนอื่น รวมทั้งคอยให้คำแนะนำผู้ป่วยที่เดินทางมาติดต่อโรงพยาบาล และจัดเตรียมอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ได้ใช้ตั้งแต่เช้าตรู่ และไม่น่าเชื่อว่า งานที่ได้พบปะผู้คนและมอบน้ำใจ กำลังใจให้ผู้อื่นนี้ กลับส่งผลให้อาการป่วยของเธอดีวันดีคืน จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติ และมีเพื่อนเติมความอบอุ่นให้กับชีวิต

    "งานบริสุทธิ์อย่างนี้ชอบทำ ไม่มีอะไรต้องเขิน ต้องอาย เพราะทำแล้วสบายใจ มีความสุข ดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น" กุ้ยย้ง กล่าวถึงงานจิตอาสาที่เธอรัก

    สุดท้ายแล้ว การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยจิตใจจิตอาสา กลับกลายเป็น "ยาขนานเอก" ที่่ช่วยบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตของ "กุ้ยย้ง" ให้ดีขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ และด้วยจิตใจที่ดีงามนี้เอง ได้ช่วยให้ "กุ้ยย้ง" ฝ่าฟันอุปสรรคครั้งสำคัญของชีวิตมาได้ จนปัจจุบันเธอได้รับการยอมรับจากคนอื่น และกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดังเดิม


    [​IMG]

    [​IMG] ครอบครัววิลเลี่ยม...คนจากแดนไกล แต่หัวใจไทยแท้

    เพราะความหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองไทย ทำให้ ณ วันนี้ ครอบครัววิลเลี่ยม ครอบครัวใหญ่ชาวอเมริกัน ตัดสินใจมาตั้งรกรากที่เมืองไทยพร้อมกับสมาชิกอีก 15 ชีวิต แต่ที่นี่...พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ผู้พักพิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ "ครอบครัววิลเลี่ยม" ยังเรียนรู้วัฒนธรรมไทย และประเพณีไทย เพื่อปรับตัวให้เป็นคนไทยอย่างแท้จริง

    "วันแรกที่มาถึงประหลาดใจมากที่เมืองนี้เป็นเมืองที่มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความสุภาพ อ่อนโยน การไหว้ที่อ่อนหวาน อีกทั้งยังมีความใจดีที่มอบให้เธออย่างที่ไม่พบเคยเจอที่ไหนมาก่อน เลยพาครอบครัวมาซื้อบ้านที่นี่ แล้วให้ลูก ๆ ของทั้ง 13 คน ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และประเพณีไทย เพราะอยากให้ลูกมีนิสัยที่น่ารักแบบคนไทย และได้เรียนรู้วัฒนธรรมแห่งการให้ อยากให้ความเป็นไทยหล่อหลอมความคิดอ่านของลูก ๆ ให้เป็นคนดี ... และสุภาพอ่อนน้อม เพียงแค่ครึ่งนึงของคนไทยก็พอ" คุณแม่ไข่มุก วิลเลี่ยม ผู้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมไทย บอกถึงความรู้สึกรักแรกพบประเทศไทย

    หลังจากการศึกษาร่ำเรียนวัฒนธรรมไทยจนเข้าใจดีแล้ว ก็ได้เวลาที่ครอบครัววิลเลี่ยมจะขอนำวัฒนธรรมไทยเหล่านี้ รวมทั้งการฝึกร้องเพลงไทย เพลงหมอลำ ซึ่งได้ คริสตี้ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังมาช่วยฝึกซ้อม จัดแสดงให้คนไทยประจักษ์ในความสามารถกันเสียที บ่อยครั้งที่ครอบครัววิลเลี่ยมจะนำวัฒนธรรมไทยที่พวกเขาพร่ำเรียนรู้ไปสร้าง ความสุขและเสียงหัวเราะให้กับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นประจำ ในฐานะอาสาสมัครที่มาให้กำลังใจผู้ป่วย จนคนไทยชื่นชอบและปรบมือให้ยกใหญ่ ด้วยความประทับใจในหัวใจรักความเป็นไทยของครอบครัวต่างชาติน่ารัก ๆ ครอบครัวนี้

    แม้แต่คนต่างชาติยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนรู้วัฒนธรรมไทย เราคนไทยก็อย่าปล่อยให้มรดกที่มีค่าเหล่านี้สูญสลายไปต่อหน้าต่อตานะคะ


    [​IMG]

    [​IMG] น้ำใจงาม! สาวจีนนิรนาม ลุยฝนกางร่มให้ชายชราขาพิการ

    ภาพของสาวจีนน้ำใจงามที่วิ่งถือร่มออกไปกางให้ชายชราขาพิการคนหนึ่ง ที่กำลังเคลื่อนล้อรถเลื่อนไปหาที่หลบฝนซึ่งตกหนัก กลายเป็นหนึ่งในภาพที่ชาวไซเบอร์เมืองจีนพูดถึงกันมากที่สุดประจำปี ด้วยความประทับใจที่เห็นหญิงสาวคนนี้มีจิตใจงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ว่าสายฝนที่ตกหนักจะทำให้ร่มของเธอไม่สามารถต้านทานแรงฝนได้อยู่ จนเปียกปอนไปทั้งหญิงสาวและชายชรา แต่หญิงสาวก็มิได้หวั่นเกรงสายฝนยังคงพยายามช่วยเหลือบังสายฝนให้ชายชราผู้ น่าเวทนาให้เปียกปอนน้อยที่สุด ท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ที่มองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า

    เธอเป็นใคร? ไม่มีใครรู้ แต่เรื่องราวของเธอกลับสร้างความประทับใจไปทั่วโลกไซเบอร์ จนใคร ๆ ต่างก็ขนานนามเธอว่า "นางฟ้าที่สวยที่สุด" เพราะทุกคนได้เห็นความดีที่งดงามซึ่งอยู่ในจิตใจของหญิงสาวนิรนามผู้นี้นั่น เอง


    [​IMG]

    [​IMG] ฮีโร่! หนุ่มกว่างโจวไม่คิดชีวิต โดดช่วยคนจมน้ำจนตัวตาย

    ความมีน้ำใจที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นลงท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คน ทราบข่าวต้องหลั่งน้ำตาให้ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ชายชาวจีนนามว่า "หนิว จั้วเถา" อดีตนายทหารวัย 31 ปี ตัดสินใจกระโดดแม่น้ำจูเจียง ในเมืองกว่างโจว ลงไปช่วยหญิงสาวรายหนึ่งที่กำลังจะจมน้ำ แต่ในที่สุดแล้ว กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกลับพรากชีวิตของพลเมืองดี และหญิงผู้เคราะห์ร้ายให้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้กับบรรดาเพื่อน ๆ ของนายหนิวที่เห็นเพื่อนจมหายไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่ภรรยา และลูกสาววัย 5 ขวบ ของนายหนิว เมื่อได้ทราบข่าวร้ายนี้ ก็ตกใจและร่ำไห้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปก่อนวัยอันควร

    อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของนายหนิว พลเมืองดีผู้กล้าหาญครั้งนี้ ได้ทำให้ทางการเมืองกว่างโจวประกาศยกย่องให้นายหนิวเป็น "วีรบุรุษ" และขอให้ชาวจีนทั้งประเทศเอาเยี่ยงอย่างความกล้าหาญของนายหนิว นอกจากนี้ เรื่องราวของนายหนิว ยังเป็นการสะกิดสังคมของจีนที่กำลังเสื่อมโทรมอย่างแรง เพราะในขณะที่ชาวจีนหลายคนกำลังแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และลืมคำว่า "มนุษยธรรม" ไปเสียหมดสิ้น กลับยังมีชายอีกคนหนึ่งอยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน พยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่คิดชีวิต แม้กระทั่งตัวตายก็ยังได้รับการสรรเสริญ และยกย่องให้เป็น "วีรบุรุษ"

    และนี่ก็คือ 15 คนแห่งปีที่มีแนวคิดดี ๆ และทำความดีเพื่อผู้อื่น ซึ่งกระปุกดอทคอมขอยกย่องให้พวกเขาเป็นบุคคลต้นแบบสังคมประจำปี 2554 เชื่อว่าใครที่ได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้ คงรู้สึกประทับใจในความดีของพวกเขา และเรื่องราวเหล่านี้อาจจะช่วยเปลี่ยนมุมมองของใครหลาย ๆ คน ให้มองเห็นว่า โลกของเราใบนี้น่าอยู่ขึ้นอีกมากเลย จริงไหมคะ?



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG] , รายการคนค้นฅน , รายการฉันรักเมือง , รายการคนกล้าฝัน , นิตยสาร ค ฅน , นิตยสาร BE


    -http://hilight.kapook.com/view/65376-


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไว้ผมเฉลยกับท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าีที่ตอบมาดีกว่า อิอิ

    [​IMG]
    152.8 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง

    [​IMG]
    169.5 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง




    [​IMG]
    111.8 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง


    [​IMG]
    95.9 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง


    [​IMG]
    77.4 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง








    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .




    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันศุกร์แห่งชาติครับ

    มีคำถามมาถามชาวชมรมพระวังหน้าครับ

    [​IMG]



    1.เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า แท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า หรือ พระขรรค์และกฤชของวังหลวง แสดงว่า เป็นพระขรรค์และกฤชของเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    หนุ่มจีนขาพิการตะโกนเกลี้ยกล่อมชายคิดสั้นไม่ให้โดดตึก



    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก news.jinghua.cn

    เมื่อ วันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ชิลลี่เดลี่ เปิดเผยเรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อชายขอทานพิการชาวจีนรายหนึ่ง ได้ตะโกนเกลี้ยกล่อมให้ชายคิดสั้นที่กำลังจะโดดตึกได้ล้มเลิกความคิด ท่ามกลางการจับตามองของประชาชนที่มองมาด้วยรอยยิ้ม

    โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ชายวัยกลางคนรายหนึ่งได้ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึก 14 ชั้น และกำลังจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนักก็มีประชาชนที่สัญจรไปมาอยู่ด้านล่างสังเกตเห็น จึงโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาไกล่เกลี่ย ทำให้บรรยากาศบริเวณดังกล่าวเริ่มชุลมุนวุ่นวาย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่สนใจของผู้คนโดยรอบมากขึ้น

    [​IMG]

    แต่แล้วกลับมี เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อหนุ่มขอทานพิการขาทั้ง 2 ข้างรายหนึ่ง ได้ไถล้อเข้ามาในที่เกิดเหตุ แล้วป้องปากร้องตะโกนอย่างสุดเสียงขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 14 เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ชายคิดสั้นให้ลงมาจากบนดาดฟ้า ก่อนจะขอขึ้นนั่งลิฟต์ขึ้นไปชั้น 14 เพื่อไปเกลี้ยกล่อมชายคิดสั้นใกล้ ๆ แต่แล้วกลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าจะยิ่งทำให้ชายคิดสั้นคลุ้มคลั่งมากขึ้น เขาจึงยอมกลับมานั่งบนพื้นและยังคงพยายามร้องตะโกนเกลี้ยกล่อมชายคิดสั้นต่อ ไป สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

    อย่างไรก็ดี ในที่สุดชายคิดสั้นก็ล้มเลิกความคิดที่จะกระโดดตึก และได้รับการเกลี้ยกล่อมจากครอบครัวของเขาซึ่งเดินทางมาถึงในเย็นวันนั้น จนยอมลงมาจากดาดฟ้าแต่โดยดี

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    -http://hilight.kapook.com/view/65419-



    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักดาราศาสตร์ยืนยัน "แฝดของโลก" ที่ 600 ปีแสง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>6 ธันวาคม 2554 13:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพจำลองดาวเคระห์คล้ายโลกที่อยู่ไกลออกไป 600 ปีแสง (บีบีซีนิวส์)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพแสดงส่วนประกอบของกล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ (บีบีซีนิวส์)</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ภาพเปรียบเทียบดวาเคราะห์คล้ายโลก "เคปเลอร์ 22-บี" (ซ้ายสุด) ซึ่งโคจรรอบดาวฤกษ์ที่ระยะใกล้กว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 15% ซึ่งทั้งเคปเลอร์ 22-บี ในระบบดาวฤกษ์เคปเลอร์ 22 และ โลก (ที่ 2 จากขวา) พร้อมดาวเพื่อนบ้าน ดาวอังคาร (ที่ 1 ขวา) ดาวศุกร์ (ที่ 3 ขวา) และดาวพุธ (ที่ 4 ขวา) ล้วนอยู่ในบริเวณที่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ (habitable zone) ภาพจากบีบีซีนิวส์</TD></TR></TBODY></TABLE>






    นักดาราศาสตร์ยืนยันการมีอยู่จริงของดาวเคราะห์คล้ายโลก ที่อยู่ไกลออกไป 600 ปีแสง ในระบบดาวฤกษ์ที่ต่างไปจากดวงอาทิตย์ของเรา

    ดาวคราะห์ดังกล่าวคือ "เคปเลอร์ 22-บี" (Kepler 22-b) ที่อยู่ไกลออกไป 600 ปีแสง และมีขนาด 2.4 เท่าของโลก มีอุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส ซึ่งบีบีซีนิวส์รายงานว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ถือเป็นดาวเคราะห์ "เอิร์ธ 2.0" (earth 2.0) หรือ ดาวที่ได้รับการยืนยันแล้วซึ่งใกล้เคียงดาวเคราะห์คล้ายโลกมากที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ทีมนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้ ยังไม่ทราบว่าดาวเคราะห์เคปเลอร์ 22-บี เป็นดาวเคราะห์หิน ดาวเคราะหก๊าซ หรือเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยของเหลว และระหว่างการประชุมวิชาการที่ทีมนักดาราสาสตร์เผยถึงการค้นพบเรื่องนี้ พวกเขายังบอกอีกว่าได้ค้นพบสิ่งที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์อีก 1,094 ดวง

    ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler space telescope) ที่ออกแบบมาเพื่อศึกษาดาวฤกษ์ประมาณ 150,000 ดวงในท้องฟ้ายามค่ำคืน และกล้องโทรทรรศน์อวกาศนี้ยังมีความไวมากพอที่จะตรวจจับเมื่อดาวเคราะห์ผ่านหน้าดาวฤกษ์ของตัวเอง จากการวัดความสว่างของดาวฤกษ์ที่ลดลงแม้เพียงเล้กน้อย

    กล้องเคปเลอร์จะจำแนกการเปลี่ยนแปลงของแสงที่หรี่ลงเล็กน้อยนี้ให้เป็นสิ่งที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์ จากนั้นจะยืนยันจากการสังเกตเพิ่มเติมด้วยกล้องเคปเลอร์และกล้องโทรทรรศน์อื่นๆ ทั้งที่อยู่ในวงโคจรและอยู่บนโลก ซึ่งดาวเคราะห์เคปเลอร์ 22-บีเป็น 1 ในว่าที่ดาวเคราะห์ 54 ดวง ซึ่งได้รับรายงานการค้นพบโดยทีมวิจัยเคปเลอร์เมื่อเดือน ก.พ.54 ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ เคปลเอร์ 22-บีจัดเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากการยืนยันการค้นพบด้วยกล้องโทรทรรศน์อื่น ทั้งนี้ คาดว่าดาวเคราะห์ที่จัดเป็น “เอิร์ธ 2.0” อีกจำนวนหนึ่งจะได้รับการยืนยันในอนาคตอันใกล้นี้

    ตำแหน่งที่เคปเลอร์ 22-บีโคจรรอบดาวฤกษ์ของตัวเองนั้นน้อยกว่าระยะทางระหว่างโลกไปยังดวงอาทิตย์ 15% โดย 1 ปีของดาวเคราะห์ดวงนี้คือ 290 วัน แต่ดาวฤกษ์ของดาวเคราะห์คล้ายโลกนี้ก็มีแสงน้อยกว่าดวงอาทิตย์ของเรา 25% ซึ่งทำให้ดาวเคราะห์ที่เราพูดถึงนี้มีอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจัด ซึ่งอาจจะเอื้อต่อการมีน้ำในรูปของเหลว

    ทีมวิจัยต้องเฝ้ารอเคปเลอร์ 22-บีผ่านหน้าดาวฤกษ์ของตัวเองถึง 3 ครั้ง จึงสามารถเลื่อนฐานะจากการเป็นว่าที่ดาวเคราะห์ที่ “อยู่ระหว่างพิจารณา” เป็นดาวเคราะห์ที่ “ได้รับการยืนยันแล้ว” ซึ่ง วิลเลียม บอรุซกี (William Borucki) นักสังเกตการณ์หลักของกล้องเคปเลอร์จากศูนย์วิจัยเอมส์ (Ames Research Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) กล่าวว่า โชคเข้าข้างพวกเขาให้ตรวจพบดาวเคราะห์ดวงนี้

    “ครั้งแรกที่เราจับภาพการผ่านหน้าของดาวเคราะห์ได้คือ 3 วันหลังจากที่เราประกาศยืนยันความพร้อมในการทำงานของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เราได้เป็นพยานการผ่านหน้าครั้งที่ 3 ในช่วงเทศกาลวันหยุดประจำปี 2010” บอรุซกีกล่าว

    ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้รายงานผลการค้นพบภายในการประชุมวิชาการสำหรับกล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งมีการพบสิ่งที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์จำนวนมาก สำหรับ “ว่าที่ดาวเคราะห์” ที่ค้นพบด้วยกล้องเคปเลอร์นั้นมีถึง 2,326 ดวงแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 207 ที่มีขนาดใกล้เคียงโลก ซึ่งเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงโลกไปจนถึงดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลก 4 เท่า ที่เรียกว่า “ซูเปอร์เอิร์ธ” (super-Earth) นั้นอาจมีอยู่มากมายยิ่งกว่าที่คิดก็เป็นได้


    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000155166-


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอตอบครับ เป็นพระของวังหน้าแท้ทุกองค์ครับ เป็นคำตอบสุดท้ายครับผม ส่วนเรื่องอื่นยากจะตอบจริงๆครับ สติปัญญายังด้อยอยู่ครับ
     
  16. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอตอบเป็นกฤชและพระขรรค์ของวังหน้า แท้ครับ
     
  17. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    รับทราบครับคุณพี่ท่านเจ้าสัว..... ขอบพระคุณสำหรับความรู้นะครับ
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    หน้าตา มันดูแปลกๆนาน้องนาครับ หุ หุ
     
  19. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    โถพี่ท่านก็ไม่มาตอบนำน้อง น้องจะได้ตอบตามมั้ง555 ตารวมถึงความรู้จะสู้พี่ท่านทั้งหลายคงยากแน่นอนครับผม ถ้าผิดข้าน้อยขอน้อมรับความผิดเต็มๆครับผม
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มีคำถามมาถามครับ

    รูปพระพิมพ์ทั้งสองรูป และเครื่องราง

    รูปที่ 1

    [​IMG]

    รูปที่ 1

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่

    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ




    รูปที่ 2

    [​IMG]


    รูปที่ 2

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่


    [​IMG]

    รูปที่ 3

    1.เป็นเครื่องรางของวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า เป็นเครื่องรางของวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า หรือ เครื่องรางของวังหลวง แสดงว่า เป็นเครื่องรางของเก๊ ใช่หรือไม่


    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ต่ออีกสัก 1 คำถาม


    [​IMG] [​IMG]



    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ----------------

    มาเฉลยหน้าบอร์ดดีกว่า

    ที่นำมาให้ดูนั้น อยากจะบอกว่า ทองที่ปิดนั้น ทำได้ใกล้เคียงกับของแท้มากๆ ดูยากมาก

    ทั้ง 5 องค์ เก๊หมดครับ

    สององค์แรก เป็นองค์เดียวกัน ผมถ่ายทั้งสองหน้า แถมมีแม่เหล็กอีกต่างหาก
    [​IMG]
    152.8 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง

    [​IMG]
    169.5 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง

    เหล็กไหลที่ดูดได้นั้น ต้องไม่มีขั้ว และต้องชี้ไปทางทิศตะวันออก และ ทิศตะวันตก ไม่ใช่ชี้ไปทางทิศเหนือ และ ทิศใต้

    ที่บอกว่า ชี้ไปทางทิศเหนือและทิศใต้ เป็นแม่เหล็กธรรมด๊า ธรรมดา

    นำมาให้ชมกัน ท่านผู้อ่านจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง

    และอีกเรื่อง ผมจะได้ไม่โง่ในชาติต่อๆไป เนื่องจากนำความรู้มาให้ท่านผู้อ่าน ไม่นำความรู้ที่ผิดๆมาให้ท่านผู้อ่านครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...