พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .




    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันศุกร์แห่งชาติครับ

    มีคำถามมาถามชาวชมรมพระวังหน้าครับ

    [​IMG]



    1.เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า แท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระขรรค์และกฤชของวังหน้า หรือ พระขรรค์และกฤชของวังหลวง แสดงว่า เป็นพระขรรค์และกฤชของเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ



    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มาเฉลยหน้าบอร์ดอีกเช่นกัน

    สงสัยว่าน่าจะมีการโหลดกันไปบ้างแล้ว

    ผมจะไปดูว่า มีการโหลดกันไปแค่ไหนแล้ว

    [​IMG]
    598.7 KB, ดาวน์โหลด 2 ครั้ง

    อ๊ะ โหลดไปแค่ 2 ครั้งเอง

    งั้นนำมาให้ชมอีก 2 รูป

    [​IMG]
    500.0 KB, ดาวน์โหลด 0 ครั้ง


    [​IMG]
    524.5 KB, ดาวน์โหลด 1 ครั้ง


    รูปที่นำมาให้ชมอีก 2 รูป ด้ามเป็นรูปหลวงพ่อเดิมครับ

    รูปพระขรรค์และกฤช ทั้ง 3 รูป เป็นของเก๊ทั้งหมด

    แต่มีการนำไปเสก โดยการเสกนั้น เป็นพวกไสยดำครับ

    ปัจจุบัน ผมจัดการไสยดำไปเรียบร้อยแล้ว และจะเก็บไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างของเก๊ครับ

    ระมัดระวังกันครับ ปัจจุบันพระวังหน้าที่เป็นของเก๊นั้น ผมเคยบอกในกระทู้พระวังหน้าในเรื่องนี้ หลายปีแล้ว มีทั้งการนำมวลสารที่พระภิกษุที่เก่งได้อธิษฐานจิต นำมาสร้างเป็นพระวังหน้า หรือ การนำไปเสกโดยใช้ไสยฯดำเสกก็มีครับ

    เท่าที่ไปดูในเว็บต่างๆ ของเก๊เยอะมาก บางเว็บฯยังนำของเก๊ไปยัดไว้ในปี 2411 ก็มีมาก

    ผมคงไม่บอกว่า เป็นเว็บไหนบ้าง แล้วแต่วาสนาและบารมีของแต่ละบุคคลที่จะได้พบสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ที่แท้จริง

    ที่สำคัญ ผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด ต้องได้รับผลกรรมนั้นๆอีก แบบนี้ต้องปล่อยไปตามกรรมของผู้กระทำ ดีที่สุดครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    มาเฉลยตาม <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->กูรู<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5430062", true); </SCRIPT> แล้วน๊ะครับ



    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .


    ผมได้ส่งเรื่อง "เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า โดย....." ไปให้สมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกๆท่านได้อ่านกันทางEmailครับ

    ให้ชมกันเป็นตัวอย่าง

    อย่าเอาเป็นแบบอย่าง แบบนี้เรียกว่า มั่วดีครับ
    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปฐม [​IMG]
    รับทราบครับคุณพี่ท่านเจ้าสัว..... ขอบพระคุณสำหรับความรู้นะครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ------------------------------------------

    ก็บอกแล้ว เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า

    พวกนี้ โง่แล้วอวดฉลาด

    หากไปเชื่อก็ตัวใครตัวเผือก เอ๊ย ตัวใครตัวมัน(สำปะหลัง) ครับ

    อีกเรื่องที่สำคัญ ก็จะได้รู้ว่า ผู้ที่ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นฆารวาส หรือ พระภิกษุ เก่งหรือไม่ ตรวจสอบได้ หรือ ตรวจสอบเป็น

    จะบอกว่า ยังไม่มีความสามารถในการตรวจสอบได้เลย คงไม่ต้องถึงกับตรวจสอบเป็น

    การตรวจสอบได้ กับ ตรวจสอบเป็น แตกต่างกันอย่างไร ผมเคยอธิบายไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ หลายปีแล้วเช่นกันครับ

    ในกระทู้พระวังหน้าฯ ยังมีองค์ความรู้ที่ผมได้รับการสอนมาอีกมาก ต้องเข้าไปอ่านดูแล้วจะรู้ว่า องค์ความรู้ที่แท้จริงคืออะไร

    ปัจจุบันนี้ มีบางเว็บนำองค์ความรู้ในกระทู้พระวังหน้าฯ ไปผสมปนเปกับความรู้ที่ผิดๆ ไปเผยแพร่อีกมาก ซ้ำร้าย แถมนำของเก๊ไปยัดไว้ในพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงในปี 2411 อีกมาก

    เพราะอะไรทราบหรือไม่ว่า ทำไมต้องนำของเก๊ไปยัดไว้ในพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงในปี 2411 เพราะว่า เขาจะได้ขายพระเก๊ได้ในราคาที่แพงๆไงครับ คำตอบอยู่ที่เรื่องเงิน โดยไม่สนใจว่า ผู้ทำจะได้รับผลกรรมอย่างไร ผมเห็นเขาปล่อยกันองค์ละหลักพันกลางๆครับ

    อีกเรื่อง การแยกแยะพระวังหน้า กับพระวังหลวง ยังแยกกันไม่เป็นเลย แล้วจะไปดูได้อย่างไรว่า พระแท้เป็นอย่างไร พระเก๊เป็นอย่างไร

    เลือกอ่านและเลือกที่จะรู้กันเองครับว่า ต้องการที่จะได้องค์ความรู้ที่ถูกต้อง กับ ความรู้ที่ผิดๆ

    ผมเองไม่สนใจว่า ผู้อ่านจะได้ความรู้แบบไหน ส่วนตัวผมและสมาชิกชมรมพระวังหน้า ได้เลือกแล้วว่า จะเลือกองค์ความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อเป็นฐาน เป็นสติและปัญญาในอนาคตครับ

    .
     
  4. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ชัดแจ้งเลยครับพี่ท่าน ตาถั่วอย่างผมรึจะสู้ตาเหยี่ยวอย่างพวกพี่ๆท่านทั้งหลายได้ ช่างแหลมคมยิ่งนัก ยอมรับเลยครับต้องอาศัยความชำนาญอย่างแท้จริง
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เปิดคู่มือรู้สู้เชื้อรา ! วิธีทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราอย่างปลอดภัย



    ในระยะหลังน้ำท่วม จะพบเชื้อราขึ้นเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในอาคาร รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ ในครัวเรือน โรงเรียน สำนักงาน และสถานที่ต่างๆ


    การสำรวจเบื้องต้นของกระทรวงสาธารณสุขและหลายหน่วยงาน พบว่า เชื้อราส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เชื้อชนิดที่ก่อโรคในคน แต่เป็นเชื้อชนิดที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมากกว่าปกติ เพราะความชื้นจากน้ำท่วม



    คนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง หากสัมผัสกับเชื้อราเหล่านี้ มักไม่มีปัญหาต่อสุขภาพ ส่วนคนที่อาจมีปัญหาสุขภาพจากเชื้อราได้แก่

    ผู้ ที่เป็นภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แพ้ละอองเกสร ก็อาจแพ้เชื้อราด้วย หากสูดหายใจเอาละออง (สปอร์) ของเชื้อราเข้าไป โดยอาจเกิดอาการโพรงจมูกอักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ ระคายเคืองนัยน์ตา หอบหืด หรือปอดอักเสบจากการแพ้ เป็นต้น



    ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรับเคมีบำบัด ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่เคยเป็นวัณโรคหรือโรคปอดเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอหรือผู้สูงอายุ อาจติดเชื้อราในปอด ซึ่งบางรายอาจมีอาการรุนแรงได้ แต่ปัญหาเหล่านี้พบไม่มากนัก



    ปัญหาสุขภาพจากเชื้อราจะเกิดมากหรือน้อย ขึ้นกับโอกาสการสัมผัสกับเชื้อรา ดังนั้น จึงต้องทำความสะอาด ทุกอาคารบ้านเรือนรวมทั้งเครื่องใช้ต่างๆ ที่เคยถูกน้ำท่วม และกำจัดเชื้อราออกให้มากที่สุด โดยผู้ที่ทำความสะอาดจะต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน และใช้วิธีทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
    จะทำความสะอาดและกำจัดเชื้อรา อย่างปลอดภัย อย่างไร

    ผู้ ที่ทำความสะอาด ต้องสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือยางหรือถุงมือพลาสติกสำหรับทำงานบ้าน ควรสวมรองเท้าบู๊ตหากพื้นยังเปียกหรือมีน้ำขัง และหากหาได้ควรสวมแว่นตาครอบรอบตากันฝุ่นเข้าตา ในขณะทำความสะอาดต้องเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ระหว่างทำความสะอาดอาจเปิดพัดลมเพื่อช่วยระบาย ด้วย


    เนื่องจากเชื้อราเจริญได้ในที่ชื้น ดังนั้นแนวทางหลักในการกำจัดเชื้อรา คือ การล้างหรือเช็ดเอาเชื้อราออกให้มากที่สุด และทำให้แห้ง สำหรับ ผนัง พื้น เครื่องใช้ อุปกรณ์ ควรล้างด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอก หรือน้ำยาล้างจาน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกให้มากที่สุด พร้อมทั้งเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อลดความชื้นและช่วยให้แห้ง เร็ว


    ในบริเวณที่มีความชื้นอยู่เสมอ เช่น ห้องน้ำ ฯลฯ อาจล้างด้วยสารที่ช่วยฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำยาซักผ้าขาว หรือผงฟอกขาว (ใช้ผงฟอกขาว1 ส่วน ผสมกับน้ำ 10 ส่วน) ทั้งนี้ต้องสวมอุปกรณ์ ป้องกัน เพราะสาร ดังกล่าว มีพิษระคายเคืองต่อผู้ใช้ได้ เสื้อผ้าที่จมน้ำควรซักให้สะอาด แล้วลวกน้ำร้อน ภาชนะและอุปกรณ์เกี่ยวกับอาหาร ควรล้างใหม่ให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอก หรือ น้ำยาล้างจาน


    สิ่งของที่ล้างแล้วควรทิ้งให้แห้งสนิท หากสามารถผึ่งแดดหรือใช้พัดลมเป่าด้วย ก็จะช่วยให้แห้งเร็วขึ้น

    วัสดุที่มีรูพรุน ซึ่งไม่สามารถชำระล้างได้ทั่วถึงและทำให้แห้งได้ จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา หากทิ้งได้ก็ควร ทิ้ง



    ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีร่างกายไม่แข็งแรง ตามที่กล่าวข้างต้น ไม่ควรร่วมในการทำความสะอาด กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำการการเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบการป่วยรุนแรงจากเชื้อราในระหว่างน้ำท่วมและในระยะน้ำลด อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามเฝ้าระวัง และศึกษาปัญหาสุขภาพจากเชื้อรา เพื่อเป็นฐานความรู้สำหรับการป้องกันและดูแลสุขภาพในระยะต่อไป


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323418180&grpid=&catid=19&subcatid=1904-


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ถวายพระพร - ถวายพรพระ : คำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์

    "ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน, ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์, ขอพระองค์ทรงหายจากอาการพระประชวรในเร็ววัน" ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นบางส่วนของคำลงนามถวายพระพร ที่พสกนิกรเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช เพื่อแสดงความจงรักภักดี และร่วมเฉลิมพระเกียรติ พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นพุทธมามะกะ และเป็นอัครศาสนูปถัมภก


    อย่างไรก็ตาม คำว่า "ถวายพรพระ" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายไว้ว่า การที่พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแด่พระเจ้าอยู่หัว หรือ พระราชินี ด้วยบทบาลีตอนหนึ่ง แล้วประธานสงฆ์จะถวายพระพรต่อด้วยบทว่า "อดิเรกวัสสสตัง ชีวตุ..." จบด้วย "ขอถวายพระพร" และพระสงฆ์นั้นจะถวายอนุโมทนาต่อไปจนจบ บางครั้งก็เรียกว่า "ถวายอดิเรก" ซึ่งมีความหมายเดียวกัน เพราะขึ้นต้นด้วย "ติเรก..." และจบลงด้วยคำว่า "ขอถวายพระพร" จึงเรียกรวมว่า ถวายอดิเรกถวายพระพร"

    ทั้งนี้ มีข้อกำหนดว่า ประธานสงฆ์ที่ถวายอดิเรกนั้น ต้องเป็นพระราชาคณะ หรือพระครูสัญญาบัตรชั้นเจ้าคณะจังหวัด พูดแบบทั่วๆ ไปว่า "ต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ ถือพัดยอดแหลมเท่านั้น"

    ส่วนคำว่า "ถวายพรพระ" เจ้าคุณทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นชื่อเรียกการสวดบทสวดของพระสงฆ์อย่างหนึ่ง

    ถวายพรพระ คือ การสวดของพระก่อนที่จะฉันภัตตาหารในงานพิธีบุญต่างๆ ไม่ว่าในวัดหรือในบ้านใช้บทสวดเดียวกัน ประกอบด้วยบท อิติปิ โส… บท พาหุง… และบท มะหาการุณิโก… ถ้าในงานมีการสวดมนต์ด้วยจะสวดถวายพรพระต่อจากสวดมนต์จบแล้วจึงฉัน ถ้าเป็นการทำบุญในวัด เช่นทำบุญในวันพระ จะสวดถวายพรพระอย่างเดียวแล้วฉัน หากเป็นพิธีทำบุญหลังเพลไปแล้ว จะสวดมนต์อย่างเดียว ไม่มีถวายพรพระ เพราะไม่มีการถวายภัตตาหาร

    กล่าวโดยสรุป คือ ถวายพรพระ เป็นบทสวดที่ชอบพูดกันว่า “สวดพาหุง มหากา” คือ "บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ" นั่นเอง

    จากคำสอนของ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านเล่าว่า ได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยาในนิมิต และได้ทราบว่าคาถาพาหุงมหากานี้ เป็นบทสวดที่สมเด็จพระพนรัตน์ ได้จารึกถวายต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำระหว่างอยู่ในพระบรมหาราชวัง หรือระหว่างออกศึกสงคราม เพื่อให้มีชัยต่อพระมหาอุปราชแห่งพม่า และกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากกรุงหงสาวดีได้สำเร็จ


    -http://www.komchadluek.net/detail/20111209/117225/%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0.html-


    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อย.เตือนผู้ประกอบการ 'ของขวัญ-กระเช้าปีใหม่' ต้องติดฉลากหมดอายุ ขู่คุก2ปี

    นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าว เรื่องการควบคุมกระเช้าของขวัญในเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาส ว่า อย.อยากฝากย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการและผู้แทนจำหน่ายชุดของขวัญ " target="blank_">กระเช้าของขวัญ ตาม ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าทั่วไป ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการแสดงฉลากของอาหารจัดรวมในภาชนะ พ.ศ.2553 อย่างเคร่งครัด


    นพ.พิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสาระในประกาศระบุว่า การนำผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ขนม คุกกี้ นม ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ฯลฯ มาจัดเป็นกระเช้าของขวัญจำหน่ายให้แก่ประชาชนอย่างแพร่หลาย ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องจาก อย., ฉลาก ผลิตภัณฑ์ต้องแสดงวันเดือนปีที่หมดอายุ และต้องไม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุ หรือใกล้หมดอายุที่ชัดเจน ทั้งนี้หากพบผู้ประกอบการรายใด จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารหมดอายุ และผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพพบสิ่งที่น่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือมีการปนเปื้อนวัตถุอันตราย จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่าผลิตภัณฑ์อาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น ไม่แสดงรายการผลิตภัณฑ์, ไม่ระบุวันหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน จะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท


    "ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย.ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง แต่มีสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คอยดูแลอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปไม่อนุญาตให้นำมารวมกับกระเช้าของขวัญเพื่อแสดงโชว์สินค้า หรือตราสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว เพราะผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ในส่วนของมาตรการขั้นต่อไป คือ ทาง อย.จะลงพื้นที่สุ่มตรวจห้างสรรพสินค้า และร้านค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลบางส่วน เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้บริโภค โดยจะเริ่มลงพื้นที่ได้ราวสัปดาห์หน้า” นพ.พิพัฒน์กล่าว



    -http://www.komchadluek.net/detail/20111209/117189/%E0%B8%AD%E0%B8%A2.%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8.html-



    .

     
  9. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    “ผำ”สุดยอดแหล่งโปรตีนเพื่อสุขภาพ
    วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->
    <!-- /.images-list-container -->
    <!-- /.images-list-wrapper -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    <!-- /.slide-container -->
    <!-- /.slide-wrapper -->
    <!-- /.more-img -->

    <!-- /.featured-img -->จากอาหารพื้นเมือง-เมนูจานเด็ด สู่ “ผำอัดเม็ด” สะดวกบริโภค ต้านอนุมูลอิสระ แก้ท้องผูก
    <!-- /.content -->
    <!-- /.content -->
    <!-- /.content -->
    <!-- /.content -->
    <!-- /.content -->
    <!-- /.content -->
    <!-- /#featured-caption -->รู้จัก “ผำ” พร้อมแนะนำเมนูเด็ด “คั่วผำ”
    “ผำ” มีชื่อสามัญคือ Wolffia, Water meal เป็นพืชน้ำ และพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก รูปร่างทรงรี มีขนาดตั้งแต่ 1-2 มิลลิเมตร อาจเกิดเดี่ยว หรือ ติดเป็นคู่ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเป็นเม็ดเล็ก ๆ ลอยเป็นแพอยู่บริเวณผิวน้ำ ไม่มีราก โดยใบ และลำต้นรวมกันลักษณะคล้ายเฟิร์น พบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใส นิ่ง ปัจจุบันมีการเลี้ยงในบ่อที่มีน้ำใส สะอาด โดยสปีชีส์ที่ศึกษานี้คือ Wolffia arrhiza (L.) วงศ์ Lemnaceae วงศ์ Lemnaceae จากแหล่งเพาะเลี้ยงในอำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่
    “ผำ” เป็นอาหารพื้นถิ่นในแถบประเทศพม่า ลาว ภาคเหนือ และภาคอีสานของไทย ชื่อเรียกจะต่างกันบ้างในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาคเหนือ จะเรียก ผำ, ไข่ผำ หรือ ไข่แหน ภาคกลาง เรียก ไข่น้ำ ส่วนเมนูอาหารนิยมทำ “คั่วผำ” โดยนำผำสดล้างสะอาดมาปรุงด้วยตะไคร้ พริก กระเทียม หอม ใบมะกรูด ได้รสอร่อย
    เพื่อความสะดวก ล่าสุด มีการพัฒนา “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากผำ” เป็นผลงานศึกษาของ นายพิพัฒน์พงษ์ วงศ์ใหญ่ นางสาวศศิธร ชาววัลจันทึก และ ผศ.ดร.สุนีย์ จันทร์สกาว คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่ง นางสาวศศิธร กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทโปรตีน ได้รับความสนใจในฐานะผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จึงมีความสนใจแสวงหาแหล่งโปรตีนจากพืชพื้นบ้านไทย พบว่า มีพืชน้ำที่ชาวบ้านนำมารับประทานเป็นอาหารอยู่แล้วคือ “ผำ” ซึ่งมีสารอาหารประเภทโปรตีน และกรดอะมิโนจำเป็นปริมาณสูง จึงนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบ “ยาเม็ดเคี้ยว” เพื่อให้สะดวก รับประทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ชีวิตเร่งรีบ โดยเฉพาะนักศึกษา และวัยทำงาน ที่มีเวลาน้อย อีกทั้ง เป็นการเพิ่มทางเลือกดูแลสุขภาพ ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในราคาเหมาะสม
    เมื่อนำผำมาวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร พบว่า มีโปรตีน 20% นอกจากนี้ ยังมีคลอโรฟิลล์ โครงสร้างมีลักษณะเป็น Cyclic Tetrapyrolle คล้ายคลึงกับฮีม (Heme) ที่อยู่ในฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเลือด มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ต้านการติดเชื้อ ปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือ ร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และรักษาภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจาง
    โดยการศึกษาเพื่อพัฒนาตำรับผำ ได้ประเมินคุณภาพเชิงปริมาณโปรตีนรวมของผำ ทั้งก่อน-หลังการตั้งตำรับ และทำการตรวจวิเคราะห์โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งการตั้งตำรับเป็นรูปแบบยาเม็ดเคี้ยว ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด มีสีเขียว กลิ่นคล้ายสาหร่าย ความเป็นกรด-ด่าง (pH) เป็นกลาง ผลการวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนเท่ากับ 231.4 มิลลิกรัมต่อหนึ่งเม็ด ผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประเมินคุณภาพยาเม็ดเคี้ยว.

    ที่มาเดลินิวส์ออนไลน์
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    "วาซาบิ" ป้องกันฟันผุ

    วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.


    [​IMG]



    เครื่องปรุงสุดซีดจี๊ดขึ้นสมอง แต่ในเมนูซุปครีมลดความจัดจ้านให้นุ่มลิ้น วาซาบิ สรรพคุณป้องกันฟันผุและเลือดจับตัวเป็นก้อน ลดเสี่ยงมะเร็ง





    "วาซาบิ" ป้องกันฟันผุ

    วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.

    -http://beta.dailynews.co.th/article/822/2213-



    [​IMG]



    เครื่องปรุงสุดซีดจี๊ดขึ้นสมอง แต่ในเมนูซุปครีมลดความจัดจ้านให้นุ่มลิ้น วาซาบิ สรรพคุณป้องกันฟันผุและเลือดจับตัวเป็นก้อน ลดเสี่ยงมะเร็ง

    ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ต้องรู้จัก "วาซาบิ" เครื่องปรุงรสเผ็ดฉุนกันเป็นอย่างดี ยิ่งถ้ากินมาก ก็ยิ่งจี๊ดจ๊าดขึ้นสมอง ใครเป็นหวัดคัดจมูกช่วยเปลี่ยนให้รู้สึกโล่ง หากแตะลองแค่ผิวๆ ก็ช่วยชูรสอร่อยอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์อาหารญี่ปุ่น
    อันที่จริงแล้วในวาซาบิ มิได้มีเพียงรสจัดจ้าน เพราะมีสารไอโซทิโอไซนาเนตส์ ที่ คอยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ตัวการทำฟันผุ นอกจากนี้ วาซาบิ ยังมีประโยชน์ในการป้องกันภาวะเลือดจับตัวเป็นก้อน เส้นเลือดอุดตัน ป้องกันโรคหอบหืด และลดเสี่ยงโรคมะเร็ง
    การลิ้มรสวาซาบิอย่างนุ่มนวล อาจต้องนำไปเป็นส่วนผสมหนึ่งในเมนูซุปครีม สำหรับ "ซุปครีมวาซาบิ" มีส่วนผสมดังต่อไปนี้...

    • กระเทียม 7 กลีบ
    • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
    • มันฝรั่ง พอประมาณ
    • หัวไชเท้า พอประมาณ
    • แครอท พอประมาณ
    • แรชดิช พอประมาณ
    • น้ำมันมะกอก พอประมาณ
    • นมสด 100 ซีซี
    • วิปครีม 50 ซีซี
    • น้ำซุปหรือน้ำเปล่า 1 ถ้วย
    • วาซาบิ พอประมาณ
    • ต้นหอมซอย พอประมาณ
    ขั้นตอนในการทำ สับกระเทียมและหอมหัวใหญ่ ส่วนมันฝรั่ง หัวไชเท้า แครอท แรชดิช ให้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก กระเทียม แล้วเจียวให้หอมจึงใส่หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง และหัวไชเท้า
    ต่อมาใส่นมสด ตามด้วยวิปครีม น้ำเปล่า พอน้ำเดือดให้ใส่แครอท แรชดิช ปรุงรสด้วยวาซาบิ เกลือ พริกไทย เมื่อส่วนผสมเริ่มสุกยกลง รอให้อุ่นจึงนำไปปั่นให้เนียนละเอียดแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้ซุปครีมวาซาบิละมุนลิ้น สามารถเสิร์ฟในแก้วชอตในงานปาร์ตี้ หรือใส่ชามซุปอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทานเป็นอาหารว่างก็ย่อมได้.
    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com


    .
     
  11. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอความรู้ด้วยได้ไหมครับ ไม่ได้เป็นสมาชิกชมรม ขอความเมตตาด้วยครับ สนใจและขอร่วมศึกษาด้วยคนนะครับ
    E-mail: trainsss@hotmail.com
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]ราคาที่อยู่อาศัยลดลง

    เศรษฐกิจติดดิน
    นายอธิป นาทีกาญจนลาภ กรรมการบริหาร บริษัท ยูเค แวลูเอชั่น แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด


    น้ำ ท่วมครั้งใหญ่ทำให้ครัวเรือนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้รับผลกระทบถึง 2.4 ล้านครัวเรือน ในจำนวนนี้กระทบแล้ว 40% หรือประมาณ 1 ล้านครัวเรือน

    จาก การประเมินเบื้องต้นพบว่า หลังน้ำลด ครัวเรือนเหล่านี้ ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมบ้านรวม 1 แสนล้านบาท โดยแต่ละครัวเรือน คาดว่าจะใช้งบเพื่อซ่อมแซมบ้านประมาณ 5 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท จึงประเมินว่าภายหลังปัญหาอุทกภัยสิ้นสุดลง จะมียอดการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมบ้าน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งอาจมาจากทั้งเงินกู้-เงินออม

    ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำ ท่วม ยังก่อให้เกิดความเสียหายทางจิตใจของผู้อยู่อาศัย รวมทั้งความไม่มั่นใจในความปลอดภัยในที่อยู่อาศัยของตน หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอีก ปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในเขตที่ถูกน้ำท่วมลดลงในช่วงระยะสั้น

    เนื่อง จากความต้องการขายที่อยู่อาศัยเพื่อย้ายไปที่อยู่ใหม่ที่มีความปลอดภัยจาก สภาวะน้ำท่วมมากกว่า และเกิดจากการที่ผู้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในบริเวณที่ถูกน้ำท่วมใน ปริมาณที่ลดลง ซึ่งทำให้มูลค่าที่ยอมจ่ายเพื่อที่อยู่อาศัยนั้นลดลงในทิศทางเดียวกัน

    อย่าง ไรก็ตาม หากไม่เกิดเหตุน้ำท่วมซ้ำอีก ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติได้ เนื่องจากความต้องการด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้นยังเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของขนาดเมืองทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเลือก ที่อยู่อาศัยอย่างจำกัด รวมทั้งพื้นที่เมืองชั้นในไม่มีที่ว่างสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากนัก และผลจากความตื่นตระหนก จากการเกิดน้ำท่วมส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยในระยะสั้น ราคาที่อยู่อาศัยในบริเวณน้ำท่วมจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จึงค่อยๆ ปรับตัวกลับเข้าสู่สภาวะปกติในกรณีที่ไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงอีกภายใน 2-3 ปีข้างหน้า

    ในกรณีที่ภาครัฐไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจนทำ ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงขึ้นอีกภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ อาจส่งผลต่อ "โครงสร้างตลาดที่อยู่อาศัยและราคาที่อยู่อาศัย" ให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในระยะปานกลางจนถึงระยะยาวได้

    เนื่องจากภาครัฐ และภาคเอกชนมีความจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจย้ายศูนย์กลางในการบริหารและการ ผลิตออกไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมที่ต่ำกว่า ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในบริเวณที่เคยถูกน้ำท่วมลดลงไปด้วย

    อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมิใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่ายเนื่องจากมีต้นทุนมหาศาลและใช้เวลานาน

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHpNakV3TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB4TUE9PQ==-

    .
    [/FONT]
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    .



    [​IMG]
    598.7 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง


    [​IMG]
    500.0 KB, ดาวน์โหลด 1 ครั้ง


    [​IMG]
    524.5 KB, ดาวน์โหลด 3 ครั้ง


    เหอๆๆๆๆ

    แทบไม่มีโหลดกันไปเลย

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    .

    [​IMG]
    152.8 KB, ดาวน์โหลด 8 ครั้ง


    [​IMG]
    169.5 KB, ดาวน์โหลด 7 ครั้ง


    [​IMG]
    111.8 KB, ดาวน์โหลด 7 ครั้ง


    [​IMG]
    95.9 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง


    [​IMG]
    77.4 KB, ดาวน์โหลด 8 ครั้ง


    นี่ก็แทบไม่ได้โหลดกันไปอีกเช่นกัน

    ผมเคยบอกในกระทู้พระวังหน้า ในเรื่องของพระปลอมไว้ค่อนข้างเยอะแล้ว อยากรู้ ต้องเข้าไปอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯนี้





    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    มีหลายสิ่งหลายอย่างหลายเรื่องที่ผ่านมา ทำให้ผมไม่บอกข้อมูลที่ผมทราบอีกมากกับบุคคลภายนอกชมรมพระวังหน้า

    นับตั้งแต่อดีตสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า (ปัจจุบันชมรมรักษ์พระวังหน้ายุบไปแล้ว) , สมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด (ปัจจุบันกองทุนหาพระถวายวัดยุบไปแล้วเช่นกัน) ที่ได้โจมตีผมมามาก อีกทั้งอดีตสมาชิกชมรมพระวังหน้าที่ได้ฝ่าฝืนกติกาของชมรมฯ ทั้งๆที่ได้มีการตั้งจิต ตั้งสัจจะและสาบานแล้วก็ตาม

    ข้อบังคับ(บางส่วน)ของชมรมพระวังหน้า

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    กระทู้พระวังหน้าฯ หน้าที่ 2212 ลว.22 กพ.54


    อีกทั้งปัจจุบัน มีหลายๆเว็บไซด์ที่ได้นำข้อมูลที่ผมได้ลงไป นำไปลงโดยไม่มีการอ้างอิงถึงลิงค์ของกระทู้พระวังหน้าฯ รวมทั้งมีการนำข้อมูลต่างๆ ไปผสมปนเปกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จนกลายเป็นข้อมูลที่มั่วมาก

    ทำให้ผมถึงไม่ต้องการที่จะเผยแพร่้ข้อมูลเรื่องของพระวังหน้า ผมจะปล่อยให้คนเหล่านั้น รับผลกรรมที่เขากระทำขึ้น เพราะในอนาคตรวมทั้งในชาติต่อๆไป คนพวกนี้จะโง่กันมากขึ้น

    บางเว็บอ้างอิงถึงว่า ตนเองเป็นต้นแหล่งของข้อมูล หรือ ตนเองมีพระวังหน้า หรือ ตนเองมีพระกรุหลวงปู่โลกอุดรกรุแรกที่มี 15 พิมพ์เท่านั้น ส่วนพิมพ์อื่นๆผู้อาวุโสตั้งขึ้นมาเอง มีผู้อาวุโสเ้ข้าไปขอพระจากเจ้าของเว็บเพื่อไปขาย แต่พอดูกันจริงๆแล้ว ผู้อาวุโสที่เขาว่ากันนั้น ก็เป็นคนที่ไปหลอกพระจากครูบาอาจารย์ผม ส่วนคนที่อ้างว่า พระกรุหลวงปู่โลกอุดรมีเพียง 15 พิมพ์ ในเว็บเขาที่ขายอยู่ ก็ยังมีพระเก๊ที่เขาเอาไปแต่งนิทานขายอีก แถมขายในราคาแพงมาก บางองค์ขายเป็นหมื่นก็มี ย้ำ พระเก๊ขายองค์เป็นหมื่น ดันบอกว่าตัวเองดูพระเก่งอีก


    ไว้ผมมีโอกาส และเวลา จะนำมาให้ศึกษากัน แต่ก็คงไม่มากนัก เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนนำข้อมูลผมไปอ้างอิงเวลาในการซื้อขายพระครับ



    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มีคำถามมาถามครับ

    รูปพระพิมพ์ทั้งสองรูป และเครื่องราง

    รูปที่ 1

    [​IMG]

    รูปที่ 1

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่

    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ




    รูปที่ 2

    [​IMG]


    รูปที่ 2

    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่


    [​IMG]

    รูปที่ 3

    1.เป็นเครื่องรางของวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า เป็นเครื่องรางของวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นเครื่องรางของวังหน้า หรือ เครื่องรางของวังหลวง แสดงว่า เป็นเครื่องรางของเก๊ ใช่หรือไม่


    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ต่ออีกสัก 1 คำถาม


    [​IMG] [​IMG]



    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>

    ----------------

    มาเฉลยหน้าบอร์ดดีกว่า

    ที่นำมาให้ดูนั้น อยากจะบอกว่า ทองที่ปิดนั้น ทำได้ใกล้เคียงกับของแท้มากๆ ดูยากมาก

    ทั้ง 5 องค์ เก๊หมดครับ

    สององค์แรก เป็นองค์เดียวกัน ผมถ่ายทั้งสองหน้า แถมมีแม่เหล็กอีกต่างหาก
    [​IMG]
    152.8 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง

    [​IMG]
    169.5 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง

    เหล็กไหลที่ดูดได้นั้น ต้องไม่มีขั้ว และต้องชี้ไปทางทิศตะวันออก และ ทิศตะวันตก ไม่ใช่ชี้ไปทางทิศเหนือ และ ทิศใต้

    ที่บอกว่า ชี้ไปทางทิศเหนือและทิศใต้ เป็นแม่เหล็กธรรมด๊า ธรรมดา

    นำมาให้ชมกัน ท่านผู้อ่านจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง

    และอีกเรื่อง ผมจะได้ไม่โง่ในชาติต่อๆไป เนื่องจากนำความรู้มาให้ท่านผู้อ่าน ไม่นำความรู้ที่ผิดๆมาให้ท่านผู้อ่านครับ

    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    .

    รูปพระเก๊ที่ผมบอกที่เป็นแม่เหล็ก


    [​IMG]

    ไม่มีนะครับที่เป็นเหล็กไหลที่มีการโฆษณาว่า เป็นเหล็กไหลดูดไ้ด้

    อย่าโง่ให้เขาหลอกได้

    ผมลงในทราบกันแล้วครับ


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    มีคำถามมาถามครับ



    [​IMG]





    1.เป็นพระวังหน้าแท้หรือไม่แท้

    2.หากไม่เป็นพระวังหน้า เป็นพระวังหลวง ใช่หรือไม่

    3.หากไม่เป็นพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง แสดงว่า เป็นพระเก๊ ใช่หรือไม่



    หากท่านใดตอบองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ด้วย เชิญตอบได้ครับ

    .

    สิ้นสุดรับคำตอบ ในวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ








    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แบบนี้ ต้องถอนตัวออกจาก UN ครับ

    UN หากบอกมาแบบนี้ ไม่ต้องไปอยู่ในสังคมเดียวกันกับพวกมัน

    ระยำจริงๆ

    พวกมันคบไม่ได้ เอาประโยชน์ตัวเองอย่างเดียว

    อีกอย่าง อย่าไปเทียบกับเหี้ย หรือ ควาย เลย เพราะเหี้ยมีประโยชน์ ช่วยกินสัตว์ที่ตายแล้ว ส่วนควาย ช่วยคนไทยทำนามาตั้งแต่โบราณ แถมยังเคยช่วยออกรบอีก ทั้งเหี้ย ทั้งควาย มีประโยชน์กว่าไอ้พวก UN นี่เยอะเลย พวก UN นี้ บัดซบจริงๆ



    -----------------------------------------------------



    UN จี้รื้อกฎหมายหมิ่นฯ แถลงอัดไทยละเมิดพันธะ


    UN จี้รื้อกม.หมิ่นฯ แถลงอัดไทยละเมิดพันธะ (ไทยโพสต์)

    เมื่อ วันที่ 9 ธันวาคม นางแคธรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงสภายุโรป ได้ออกแถลงการณ์เนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคมว่า ไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกในโลกที่รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเมื่อวัน ที่ 10 ธ.ค.2491 และไทยมีพัฒนาการดีมาตลอดหลายทศวรรษ แต่ยังมีความท้าทายอีกมาก โดยสหภาพยุโรปสนับสนุนไทยในการส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศ รวมทั้งเสรีภาพในการแสดงออกและการใช้สื่อสังคมออนไลน์

    ช่วงค่ำ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนัก งานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้แถลงเรียกร้องที่นครเจนี วาเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมทั้งวิจารณ์ว่า การที่ไทยมีการลงโทษประชาชนด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ นับเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ

    "เราวิตกกังวลเกี่ยวกับการไต่สวนคดีและการลงโทษอย่างรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น กับประชาชนที่ได้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย และผลของเรื่องนี้ที่มีต่อเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทย" โฆษกหญิงของข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เนวี พิลเลย์ แถลงกับผู้สื่อข่าว

    โฆษกอีกผู้หนึ่ง ราวีนา ชัมดาซานี กล่าวเสริมว่า "การ ลงโทษทางอาญาอย่างรุนแรงเช่นนี้ ทั้งไม่จำเป็น และเกินกว่าเหตุ รวมทั้งละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน" และว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในไทยกำลังหยิบยกประเด็นนี้ ขึ้นหารือกับเจ้าหน้าที่ของไทย ทั้งนี้ ชัมดาซานียังกล่าวด้วยว่า "เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยควรสั่งให้ตำรวจและอัยการยุติการจับกุมและตั้งข้อหาประชาชนด้วย "กฎหมายที่เขียนด้วยถ้อยคำที่คลุมเครือ" นี้

    "นอกจากศาลได้ตัดสินจำคุกด้วยระยะเวลานานเกินกว่าเหตุแล้ว เรายังวิตกด้วยว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาในคดีเช่นนี้ต้องถูกควบคุมตัวก่อนการไต่สวนคดีเป็นเวลา นาน" โฆษกของสหประชาชาติผู้นี้กล่าว

    รอยเตอร์รายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากศาลไทยได้ตัดสินจำคุกพลเมืองสหรัฐ ซึ่งเกิดในไทย นายโจ กอร์ดอน หรือนายเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ อายุ 55 ปี เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง หลังจากเขาได้สารภาพว่าได้เผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตในบล็อกของเขาใน สหรัฐ ซึ่งมีเนื้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

    ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้เผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 โดยตอนท้ายรายงานมีข้อเสนอแนะที่ส่งถึงรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ความกังวลต่อสถานการณ์เกี่ยวกับการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนส่งผลกระทบในทางการเมือง และกลายเป็นประเด็นที่สหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และนานาประเทศให้ความสนใจติดตามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.thaipost.net/news/101211/49418-

    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/65502-


    *******************************************

    UNจี้รื้อกม.หมิ่นฯ แถลงอัดไทยละเมิดพันธะ ทูตสหรัฐย้ำช่วย‘กอร์ดอน’



    "เหลิม" ฝอยรายวัน ประชุมปราบเว็บหมิ่นฯ ฟุ้งมีข้อมูลหมดแล้ว แต่ออกตัวจะทำให้เหลือน้อยที่สุด เผยไม่แก้ ม.112 ขู่จัดการเจ้าของเว็บอุบาทว์ชาติชั่ว "เทพเทือก" ไม่เชื่อน้ำยา เพราะพวกหมิ่นฯ อยู่ในกลุ่มเสื้อแดง "ยูเอ็น" ออกโรงแล้ว แถลงที่เจนีวาบีบไทยทบทวน กม. "ทูตสหรัฐ" ยันเดินหน้าช่วย "กอร์ดอน" เต็มสูบ
    ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันที่ 9 ธันวาคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการ นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร โดยมีกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ผบ.ตร., อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น โดยใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง
    โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การประชุมวันนี้เน้นเรื่องเว็บไซต์ที่กระทบความมั่นคงและหมิ่นสถาบัน ซึ่งตำรวจมีความชำนาญอยู่แล้ว ไม่ต้องวางกรอบ โดยสามารถทำงานได้ทันที ที่ผ่านมางานด้านนี้แยกหน่วยกันทำ จึงไม่ได้ผล เรื่องนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.รับผิดชอบ ประสานกับหน่วยข้างเคียง โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ตั้งตนเป็นประธาน ซึ่งจะทำงานอย่างจริงจังจริงใจ หวังผลสัมฤทธิ์ของงาน
    “เลิกพูดว่ามาจากต่างชาติแล้วแก้ไขไม่ได้ บางทีข้อความมาจากต่างชาติได้ แล้วไม่ส่งต่อได้ไหม ไอ้พวกอุบาทว์ พวกชาติชั่ว พวกเลวทรามที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ แต่ผมจะเน้นเรื่องการจับกุม เนื้อหาจะไม่นำเสนอต่อสื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องไม่สมควร และไม่บังควร ตรงนี้เน้นปราบเว็บไซต์กระทบสถาบัน ไม่เกี่ยวกับการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 จะไม่แก้ไขกฎหมายอะไรทั้งสิ้น จะแก้ความเลวร้ายของพวกเจ้าของเว็บไซต์ของพวกที่เห็นแก่ตัว เสียชาติเกิด ที่เกิดในแผ่นดินไทยแต่ยังมีความคิดชั่วช้าสนับสนุนคนต่างชาติ ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้หากยังมีเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงอีกจะทำอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ลองกันดู ไม่มีปัญหา ตนถือกฎหมาย ใครต้องรับผิดชอบบ้างยังบอกไม่ได้ ถามแบบนี้มันกว้างไป หากจะบอกว่าพรุ่งนี้เว็บหมิ่นฯ หมดเลยก็โกหก แต่จะให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งข้อมูลเป้าหมายมีหมด ส่วนที่ตั้งชุดปฏิบัติงานใช้พื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะเฮี้ยน คนชั่วกลัว คนเลวเกรง เอาจริงแล้วรอบนี้
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการตั้ง ร.ต.อ.เฉลิมดูแลเกี่ยวกับเว็บหมิ่นสถาบันว่า ยังไม่ทราบเกี่ยวกับโครงสร้างว่าอำนาจหน้าที่เป็นอย่างไร โดยรัฐบาลสมัยที่ตนบริหารจะมีกรรมการที่ปรึกษาเพื่อช่วยกลั่นกรอง เพราะการตีความหรือการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ต้องรอบคอบ คำนึงถึงผลที่ตามมา ต้องดูที่เจตนา ต้องมีความเข้าใจ โดยเฉพาะมีประเด็นเหล่านี้ที่ต่างชาติเกิดความไม่เข้าใจ ซึ่งหากแนวทางรัฐบาลทำตามนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมาย
    ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงต้องรอดูต่อไป แต่ส่วนตัวไม่เชื่อมั่นใน ร.ต.อ.เฉลิม เพราะรู้จักมานาน และกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันนั้นยังถือว่าอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงที่ เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นจึงเชื่อได้ยากว่าจะมีการจัดการผู้สนับสนุนของตัวเอง
    ที่รัฐสภา พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการ เกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม กมธ.ว่า กรรมาธิการได้สอบถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอ ข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายฯ และแนวทางการทำงาน ในเบื้องต้นนั้น ร.ต.อ.เฉลิมได้ให้คำมั่นว่า "จะจัดการเรื่องดังกล่าวโดยไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น"
    "กรรมาธิการได้แสดงความเป็นห่วงถึงการทำงานด้วยว่า เรื่องการปราบปรามเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบันถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นการทำงานต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบต่อองค์พระมหากษัตริย์" พญ.พรพันธุ์กล่าว
    ขณะที่นางคริสตี เคนนี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทสไทย ได้ทวีตตอบคำถามของประชาชนที่ตั้งคำถามผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่จะสอบถามและแสดงความกังวลว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างไรต่อ กรณีของนายโจ กอร์ดอน จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ที่อ้างตัวเป็นผู้แปลหนังสือ "เดอะคิงเนเวอร์สไมล์" หรือ "กษัตริย์ผู้ไม่เคยยิ้ม" หนังสือต้องห้าม เนื่องจากมีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งศาลได้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้เหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
    นางเคนนีทวีตตอบว่า สำหรับประเด็นนี้ สหรัฐจะดำเนินการเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับเผยว่า มีชาวอเมริกันหลายรายเรียกร้องให้ช่วยเหลือนักโทษการเมืองสหรัฐอีกหลายรายใน ไทยด้วย
    ด้านแคธรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงสภายุโรป ได้ออกแถลงการณ์เนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธ.ค.ว่า ไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกในโลกที่รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเมื่อวัน ที่ 10 ธ.ค.2491 และไทยมีพัฒนาการดีมาตลอดหลายทศวรรษ แต่ยังมีความท้าทายอีกมาก โดยสหภาพยุโรปสนับสนุนไทยในการส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศ รวมทั้งเสรีภาพในการแสดงออกและการใช้สื่อสังคมออนไลน์
    ช่วงค่ำ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้แถลงเรียกร้องที่นคร เจนีวาเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมทั้งวิจารณ์ว่า การที่ไทยมีการลงโทษประชาชนด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ นับเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ
    "เราวิตกกังวลเกี่ยวกับการไต่สวนคดีและการลงโทษอย่างรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น กับประชาชนที่ได้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย และผลของเรื่องนี้ที่มีต่อเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทย" โฆษกหญิงของข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เนวี พิลเลย์ แถลงกับผู้สื่อข่าว
    โฆษกอีกผู้หนึ่ง ราวีนา ชัมดาซานี กล่าวเสริมว่า "การลงโทษทางอาญาอย่างรุนแรงเช่นนี้ ทั้งไม่จำเป็น และเกินกว่าเหตุ รวมทั้งละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน" และว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในไทยกำลังหยิบยกประเด็นนี้ ขึ้นหารือกับเจ้าหน้าที่ของไทย ทั้งนี้ ชัมดาซานียังกล่าวด้วยว่า "เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยควรสั่งให้ตำรวจและอัยการยุติการจับกุมและตั้งข้อหาประชาชนด้วย "กฎหมายที่เขียนด้วยถ้อยคำที่คลุมเครือ" นี้
    "นอกจากศาลได้ตัดสินจำคุกด้วยระยะเวลานานเกินกว่าเหตุแล้ว เรายังวิตกด้วยว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาในคดีเช่นนี้ต้องถูกควบคุมตัวก่อนการไต่สวนคดีเป็นเวลา นาน" โฆษกของสหประชาชาติผู้นี้กล่าว
    รอยเตอร์รายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากศาลไทยได้ตัดสินจำคุกพลเมืองสหรัฐ ซึ่งเกิดในไทย นายโจ กอร์ดอน หรือนายเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ อายุ 55 ปี เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง หลังจากเขาได้สารภาพว่าได้เผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตในบล็อกของเขาใน สหรัฐ ซึ่งมีเนื้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
    ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้เผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 โดยตอนท้ายรายงานมีข้อเสนอแนะที่ส่งถึงรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ความกังวลต่อสถานการณ์เกี่ยวกับการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนส่งผลกระทบในทางการเมือง และกลายเป็นประเด็นที่สหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และนานาประเทศให้ความสนใจติดตามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
    คอป.จึงเสนอให้รัฐบาลต้องดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้ กฎหมายเกี่ยวกับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีความเป็นเอกภาพและดำเนินงานร่วม กันอย่างบูรณาการ มีกลไกที่สามารถกำหนดนโยบายในทางอาญาที่เหมาะสม ให้อัยการซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการใช้ดุลพินิจว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ ขณะเดียวกันรัฐบาลควรดำเนินการเพื่อให้ผู้ต้องหาและจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพได้รับการปล่อยชั่วคราว และควรพิจารณาทบทวนการดำเนินคดีที่นำเอาประเด็นเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพมาขยายผลในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง.


    -http://www.thaipost.net/news/101211/49418-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    กรมขนส่งเตือน! ซื้อรถมือสองเจอรถจมน้ำ





    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    จาก สถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นอย่างมาก รวมถึงรถยนต์ที่หนีน้ำท่วมไม่ทันต้องเสียหายไปหลายคัน แต่รถยนต์จมน้ำที่ผ่านมา กลับกำลังเป็นที่ต้องการของอู่ซ่อมรถ หรือ เต้นท์รถมือสอง ที่ต้องการซื้อรถในราคาถูก แต่เมื่อนำไปปรับปรุงสภาพหรือถอดชิ้นส่วนขยาย สามารถทำกำไรได้อย่างดี ทำ ให้นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ออกมาเตือนผู้กำลังคิดจะซื้อรถมือสองให้ระวังรถประเภทดังกล่าว อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลัง โดยจะต้องให้ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของรถยนต์ หรือให้อู่ซ่อมรถเข้าไปพิจารณาด้วย

    โดย นายอัฌษไธค์ กล่าวถึงรถที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมคือ รถ ที่ขายผ่านบริษัทประกันภัย เพราะหากมีน้ำท่วมรถจนไม่สามารถใช้งานได้ บริษัทประกันภัยจะซื้อเป็นซากกลับไปเพื่อปรับปรุงแล้วเอาไปประกาศขายต่อ โดยรถยนต์ที่ขายผ่านบริษัทประกันภัย จะมีอยู่ 2 กรณี คือ

    1. ถูกน้ำท่วม โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถใหม่ ประมาณ 80-90% เนื่องจากต้องทำประกันภัยชั้น 1 เท่านั้น

    2. เกิดอุบัติเหตุจนพังทั้งคัน

    นอก จากนี้ หากในกรณีที่รถถูกจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น เต้นท์รถยนต์ หรือเจ้าของขายเอง ก็ให้สังเกตบริเวณหัวน็อตหรือแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าเป็นรถถูกน้ำท่วมก็จะมีคราบสนิมเกาะอยู่

    อย่างไรก็ตาม ทางกรมขนส่งทางบก ได้ประสานไปยังบริษัทรับซ่อมรถยนต์ รวมถึงอู่ซ่อมรถประมาณ 10 กว่าราย เพื่อให้บริการประชาชนที่จะมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยจะมอบบัตรส่วนลด 10-30% ทั้งในส่วนของการเช็กสภาพรถยนต์ และซ่อมแซมรถที่ถูกน้ำท่วม จะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

    ด้านนายกิจ มหาจุนทการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม ส่งผลให้ตลาดรถยนต์มือสองขาดตลาด ตลาดรถยนต์มือ 1 ไม่สามารถส่งมอบรถได้ ทำให้ลูกค้าที่มีความต้องการนำรถยนต์เก่ามาแลกซื้อรถยนต์ใหม่ไม่ได้รับความ ชัดเจนในการรอ ส่งผลให้ลูกค้าต้องใช้รถเก่าไปก่อน และความต้องการซื้อลดลง

    นอกจากนี้ นายกิจ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ตลาดรถมือสองเริ่มต้องการรถปิกอัพมากขึ้นเพราะคาดว่าลูกค้าต้องการนำไปใช้ งาน โดยพบว่าราคารถปิกอัพมือสองในตอนนี้เริ่มสูงขึ้น และในลานประมูลรถมือสองมีการแย่งกันซื้อขายรถปิกอัพ ซึ่งเป็นผลมาจากรถใหม่ไม่มีในตลาด อีกทั้งยอดขายรถปิกอัพมือสองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โชว์รูมขายรถมือสองโตโยต้า สาขาใหญ่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ไม่สามารถเปิดบริการได้หลายแห่ง โดยความต้องการรถยนต์มือสองได้ไปเติบโตขึ้นในภาคอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่เป็นฐานใหญ่ของลูกค้ารถยนต์มือสอง


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323408793&grpid=03&catid=&subcatid=-

    [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view34930.html-


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...