พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tiger-k007, 6 มิถุนายน 2011.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ลอกเขามาจากหนังสือเหมือนกันค่ะ พี่รุ่ง หุหุ...
    นำมาให้อ่านค่ะ...rabbit_
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    วันพุธ (กลางคืน)
    คนที่เกิดวันพุธกลางคืน ตามหลักโหราศาสตร์จะหมายถึง เวลาของพระราหู
    อาหารคาว ที่ควรนำมาถวายจึงควรมีสีดำอย่าง ไข่พะโล้ หรือเป็นของหมักดอง อย่างผักกาดดอง หมูยอ ห่อหมก ไข่เหยี่ยวม้า ส่วน
    อาหารหวาน ก็ควรมีสีดำเช่นกัน เช่น ขนมเปียกปูน เฉาก๋วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มังคุด
    ส่วนสิ่งของที่ใช้ถวายพระควรเป็นยารักษาโรค เช่น ยาแก้ลม ยาหอม หรือพัดลม เป็นต้น หลังจากทำทานด้วยของแล้ว ให้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นทานอย่างการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทรมาน ห้ามซ้ำเติมค่ะ ปล่อยสัตว์ ทำบุญกับโรงพยาบาลสัตว์ที่บาดเจ็บ ทำทานกับมูลนิธิต่อต้านยาเสพติดเป็นต้น และลดเลิกกิจกรรมที่จะทำร้ายตัวเอง อย่างเลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด ลดละการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกเล่นการพนันหรือทำตัวเหลวไหลไร้สาระ ดังนี้ ก็จะเกิดเป็นผลบุญบารมีและเป็นสิริมงคลอย่างสมบูรณ์กับผู้ให้ทานและปฏิบัติ...
     
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    วันพฤหัส
    คนเกิดวันพฤหัส ถือเป็นวันครู อาหารที่ควรนำมาทำทานควรเป็นอาหารที่มาจากเถาเพื่อสื่อความหมายในการอ่อนน้อมและเจริญเติบโตได้ดี อย่าง แกงเลียง ผัดบวบใส่ไข่ หรือ น้ำเต้า
    อาหารหวานก็ควรเป็น แตงโม แตงไทย ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านห่างจระเข้ ส่วนสิ่งของถวายพระก็ควรเป็นของที่แสดงออกซึ่งความเคารพแก่พระภิกษุ อย่างสบง จีวร หนังสือธรรมะ หนังสือความรู้และโต๊ะหมู่บูชา
    หลังจากทำทานด้วยของแล้ว ให้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นทานต่อผู้ให้ความรู้ อย่างการทำทานกับโรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคอุปกรณ์การเรียน ข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว หมั่นเจริญสมาธิให้เกิดปัญญา สวดมนต์บทใดก็ได้บ่อยๆ ฝึกฝนความคิดให้มากกว่าผู้อื่นดังนี้แล้ว จะเกิดเป็นผลบุญบารมี และเป็นสิริมงคลแด่ผู้ให้ทานและปฏิบัติตามอย่างแน่นอน
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    วันศุกร์
    การให้ทานของคนวันศุกร์ เลือกอาหารความประเภทที่มีกลิ่นหอมหวาน อย่างข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวใส่หอม ยำใหญ่ ยำหัวหอม รวมไปถึงของหวานที่กลิ่นหรือชื่อหอมด้วย อย่างน้ำเก๊กฮวย กล้วยหอม เค้กกล้วยหอม เป็นต้น
    สำหรับของที่เหมาะกับการถวายพระ ได้แก่ นาฬิกา โต๊ะรับแขก ระฆังใบเล็กๆ ย่ามและดอกไม้ที่มีสีสวยกลิ่นหอม อย่างมะลิ เป็นต้น
    เสร็จแล้วให้ดำเนินที่เป็นทานกับคนที่ขาดโอกาสโดยบริจาคเงิน หรือเสื้อผ้าให้กับเด็กยากไร้ อาหารที่อร่อยหวานชวนกิน อย่างขนมหวาน ไอศกรีม เพราะวันศุกร์เป็นวันดีที่เหมาะกับการจะให้โอกาสคนและเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใสดูแลตนเองให้ดูดีอยู่เสมอ แต่ต้องงดเว้นสิ่งที่จะทำให้ตนใช่จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเป็นอันขาด เมื่อให้ทานและปฏิบัติได้ดังนี้แล้ว ก็จะนำความเป็นสิริมงคลที่สมบูรณ์มาให้กับผู้ปฏิบัติ
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    วันเสาร์
    การให้ทานของคนวันเสาร์ อาหารคาวที่ควรจะนำมาทำบุญ ควรเป็นประเภทรสขม หรือมีสีดำ เช่น ต้มมะระ ยัดไส้ สะเดา น้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู ตำมะเขือ ส่วน
    อาหารหวาน ก็เน้นไปที่ของที่มีสีม่วงหรือสีดำ อย่างลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง โอวัลติล สำหรับของที่ควรนำถวายพระ ก็ควรเป็นขอที่ให้ร่มเงา หรือป้องกันธรรมชาติได้ เช่น ร่ม กระเบื้องมุงหลังคา อุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาด หากมีกำลังทรัพย์มากหน่อยก็สร้างห้องน้ำถวายวัด
    เสร็จแล้วให้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นทานกับคนที่มีปัญหาด้านความคิดหรือจิตประสาท เช่น ทำทานกับผู้ป่วยโรงพยาบาลโรคจิต หรือ โรงพยาบาลโรคประสาท ฝึกตนเองให้อยู่อย่างมีระเบียบและมีความสะอาดอยู่เสมอ เข้ามาช่วยกวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดีบ้าง และเลิกนิสัยหมักหมมของสกปรกทั้งหลายไว้ในบ้าน เมื่อให้ทานและปฏิบัติดังนี้แล้ว จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลเป็นมากแก่ผู้ให้ทานและปฏิบัติตน

    ขอให้เรารำลึกตั้งจิตมั่นไว้ว่า ในแต่ละวันหากเรายังไม่ได้ให้ทาน หรือบำเพ็ญกิจกรรมที่เป็นทานใดๆ แม้แต้น้อย ก็จะยังไม่หาอะไรรับประทานให้อิ่ม เป็นการตั้งมั่นในปณิธสานให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นที่สำคัญขอให้ทำทานด้วยใจที่บริสุทธิ์ที่จะเต็มใจให้ เต็มใจทำทานของเราก็จะมีอนิสงส์และเกิดความเป็นสิริมงคลมากมาย

    การให้ทานทันทีไม่รั้งรอ แก่ผู้ยากไร้หรือผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ ท่านว่าจะเกิดลาภและโชคแบบไม่คาดฝัน
     
  6. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ผมเกิดวันพ(ระ)ฤหัส ทำอยู่เป็นนิจครับ ถวายหนังสือ สื่อความรู้แด่พระภิกษุและศาสนา ทำทานเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน:cool: สาธุครับพี่นวล
     
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    3.รักษาศีลเป็นประจำ
    การจะดูดซับเอาสิ่งที่เป็นสิริมงคลทั้งหลายเข้าหาตัว เราต้องพยายามรักษาศีลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และจะดีที่สุดหากถือศีลไว้ตลอดเวลาซึ่ง
    ศีล แปลกว่า ปกติ เป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังรักษาให้เหมาะสมตามเพศและฐานะและมีหลายระดับ แต่บุคคลธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ขอให้บำเพ็ญศีล 5 อันเป็นศีลประจำของมนุษย์ให้ได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมและประเสริฐแล้ว

    ศีล 5 ประกอบด้วย
    การละเว้นการตัดชีวิต
    การละเว้นจากการลักทรัพย์
    การละเว้นการผิดประเวณีใดๆ
    เว้นจากการพูดโกหก
    เว้นจากการเสพของมึนเมา

    คำว่า "มนุษย์" แปลว่า ผู้ที่มีน้ำใจอันประเสริฐ คุณธรรมปกติของมนุษย์เราจึงเป็นศีล 5 ในสมัยพุทธกาลถือศีล 5 กันเป็นปกติและเป็นมนุษยธรรมส่วนหนึ่งที่คนเราทุกคนจะขาดไม่ได้เลยไม่เช่นนั้นก็จะดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างอยากลำบาก
    หากต้องการนำสิ่งที่เป็นสิริมงคลเข้าหาตัวมากๆ ศีลที่เรารักษาได้ ก็จะเป็นพลังให้เราดูดซับสิ่งดีๆ ทั้งหลายเข้ามาได้เช่นกัน เมื่อรักษาศีลได้ 1 วัน เราก็ได้สิริมงคล คุณความดี บารมี เพิ่มมาอีก 1 วัน หากเรากระทำได้นานเท่าใด ก็เป็นโอกาสที่ของดีๆ เข้ามาหาตัวได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งผู้ที่เจริญศีลจนถึงขั้นสูงแล้ว จะไม่ยอมแม้กระทั่งแลกด้วยชีวิตหากต้องให้เกิดการ "ศีลขาด" หรือผิดศีล

    "ศีล" นั้น เป็นความเพียรพยายามที่จะระงับการเกิดกฎแห่งกรรมในทางที่ไม่ดี (อกุศลกรรม) ซึ่งเป็นกิเลสอย่างหยาบไม่ให้เกิดขึ้น
    กิเลสนั้น เสมือนของสกปรกที่จะเข้ามาจับยึดตัวเราที่เหมือนฟองน้ำได้ตลอดเวลา หากเราปล่อยใจล่องลอยไปกับกิเลสโดยไม่มีศีลมาคอยล้าง

    ศีลจึงเป็นบาทฐานกำลังที่สำคัญที่จะนำเราไปสู่ความเป็นสิริมงคลทั้งหลาย เปรียบเสมือนเราเคยเป็นฟองน้ำที่สกปรกดำด้วยคราบต่างๆ ของกิเลส แล้วมีศีลบริสุทธิ์มาชะล้างให้เราสะอาด พร้อมจะดูดซับสิ่งดีๆ เข้าตัวได้ไม่จำกัด เราเองจึงต้องพยายามรักษาศีลให้ได้อย่างนั้น รักศีลให้พอๆ กับชีวิต เมื่อทำได้ก็จะเกิดความมีความสุขมากยิ่งขึ้นและความเป็นสิริมงคลก็เข้ามาหาได้ง่ายขึ้นนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2011
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    อนุโมทนาบุญค่ะน้องพล

    อานิสงส์ การจัด สร้างพระพุทธรูป หรือ สิ่งพิมพ์ อันเกี่ยวกับ พระธรรมคำสอน เป็น กุศล ดังนี้

    1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
    2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้ว ก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัย อยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้า ผู้คนนับถือ
    6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
    7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
    8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
    10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิด จะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    4.ออกบวชเอาบุญใหญ่
    การที่คนเราควรออกบวชนั้น เป็นเพราะการที่เราแม้จะตั้งใจรักษาศีล แต่ก็ไม่วายมีเหตุการณ์มาบังคับให้ต้องศีลขาด ด้วยอาชีพหน้าที่การงานมันบังคับ เช่น คนที่เป็นเลขานุการหน้าห้องมีหน้าที่จัดการต้อนรับแขกที่มาพบ แต่บางวันเจ้านายก็ไม่อยากจะพบใครก็เลยแจ้งให้เลขานุการ บอกกับคนอื่น ๆ ว่าไม่อยู่ซึ่งเลขาฯ ก็จำเป็นต้องทำตาม ต้องพูดปดตามคำสั่งเจ้านาย

    หรือยกตัวอย่างอาชีพเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคมอย่างคุณครู ทีมีหน้าที่อบรมสั่งสอนคนให้มีปัญญา มีคุณธรรม ให้กับศิษย์ หรือแพทย์ เภสัชกร ที่มีอาชีพที่ดีอย่างช่วยเหลือคนป่วยให้หายจากโรค ให้เขาเหล่านั้นได้กลับไปทำงานเลี้ยงชีวิตได้เป็นปกติต่อไป
    แต่ไม่วายที่ทั้งสองอาชีพ จะมีโอกาสที่จิตใจจะขุ่นมัว เพราะหน้าที่การงานและอาชีพอย่างคนที่เป็นเกษตรกร ก็ไม่วายจะต้องฆ่าสัตว์ อย่างแมลงศัตรูพืช หรือพ่อค้าที่ต้องพูดปดซ้ำๆ ซากในหลายๆ กรณี

    "ทั้งที่ไม่อยากทำ แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องทำ ถึงจะบาปก็คงไม่บาปมากเพราะไม่ตั้งใจ ไม่ได้เจตนาทำ" เราทุกคนเคยคิดอย่างนี้ รู้สึกอย่างนี้ใช่หรือไม่

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้แนะกุศโลบายในการบวชเพื่อเป็นหนทางแห่งนิพพานว่า
    "ฆราวาสนั้น เป็นที่คับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสที่สว่าง ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติหรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บริบูรรฤด้วยดีเหมือนสังข์ที่ขัดแล้วย่อมไม่ได้ เราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมฝาดจากรากไม้ ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด"

    หมายความว่า ชีวิตแบบฆราวาสนั้น มีความคับแคบ ไม่สามารถเปิดโอกาสให้ทำความดีไม่เต็มที่ ต้องอดทน ดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ หาเลี้ยงชีวิต บางทีก็ถึงกับต้องก่อบาปก่อเวร เพื่อให้อยู่รอดพอได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็มีกิเลสอย่างใหม่เข้ามาครอบครองจิตใจอีกไม่มีสิ้นสุด
    ช่องทางชีวิตที่เป็นฆราวาสแบบนี้ โอกาสรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไปตลอดรอดฝั่งและการจะประพฤติธรรมเพื่อหาความสงบ จึงมีอยู่น้อยเต็มทีและถึงแม้ว่า บางคนจะเห็นถึงคุณค่าของการบวชก็ตาม การละทิ้งชีวิตฆราวาสและบ้านเรือน ก็ยังไม่สามารถทำได้ง่ายๆ อย่างที่คิด ต้องอาศัยบุญบารมีที่สั่งสมมานานและมีกัลยามิตรที่ดีคอยช่วยเหลือสนับสนุน แต่บางคนหรือหลายๆ คน เลือกการเข้ามาบวชเพียงเพราะทนต่อความทุกข์ทางโลกไม่ได้ จึงเข้ามาแสวงหาความสุขในพระธรรมซึ่งก็มีทั้งคนที่สามารถเข้าถึงพระธรรม ละกิเลสได้อย่างแท้จริงและคนที่เพียงพอกับการพักใจดับทุกข์ได้แล้ว

    การออกบวชจึงถือได้ว่าเป็น "บุญใหญ่" หรือเป็นการมอบสิ่งที่เป็นสิริมงคล ที่มีคุณค่ามากมายมหาศาลกับตนเองสามารถทำได้ทั้งชายและหญิง หากเป็นชายก็ควรบวชอย่างน้อยสัก 9 วัน หรือถ้าเป็นหญิงก็ไปบวชชีพราหมณ์ ถือศีล อย่างน้อย 3 วัน ตามแต่เวลาจะอำนวยให้ตามที่ปฏิบัติธรรมต่างๆ เพื่อขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงและนำความเป็นสิริมงคลมาให้มากมายได้แก่
     
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สิริมงคลที่เกิดขึ้นจากการบวชแบบถาวร
    *เกิดอนิสงส์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
    เป็นเนื้อนาบุญที่ดีของคนเราที่พึงจะทำได้สูงสุด
    ทำให้ตัวเองมีความบริสุทธิ์ทางกาย วาจาและใจ
    *เกิดอานิสงส์ที่เป็นประโยชน์เกิดกับคนอื่น
    สิริมงคลที่เกิดขึ้นจากการบวชแบบชั่วคราว
    1.ทำให้เรากลายเป็นคนรู้จักบริหารเวลา
    2. ทำให้เราได้ใช้ความรู้ที่มีไปในทางที่ถูกที่ควร
    3. ทำให้ได้ฝึกความมีวินัยและเข้าใจการร่วมกัน
    4. ทำให้ได้ฝึกสมาธิ
    5. ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค
    6. ทำให้รู้จักตัวเองยิ่งขึ้น
    7. รู้จักเอาชนะในสิ่งที่สมควรเอาชนะ ฯลฯ
    การบวช หรือการบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นบุญกุศสลและสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ ที่เราทุกคนควรจะได้ผ่าน หากเรามีโอกาสปฏิบัติธรรมแบบใกล้ชิด ด้วยการบวชสักครั้ง ทั้งบุญบารมีและสิริมงคลจะเกิดแก่ผู้กระทำอย่างแน่นอน
    และในการบวชนั้นเชื่อกันว่าสามารถคลายวิบากกรรมไม่ดี เคราะห์ร้ายต่างๆ ได้ดีที่สุดและเกิดผลดีมากที่สุด


     
  11. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดียามเช้าครัจทุกๆท่าน (^^)
     
  12. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    สวัสดีครับพี่รุ่ง พี่นวลพี่ลับแล พี่เสือ พี่น้าหมู คุณนอร์ คุณญาณพล ท่านมหา พี่ปื้อ พี่สุข และทุกๆ คนครับ ช่วงนี้อากาศไม่คงเส้น คงว่า เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ยังไงดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ เดินทางไปไหนช่วงปีใหม่ ขอบารมีสิงศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุกๆคนครับ<!-- google_ad_section_end --> .........
     
  13. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    สวัสดีครับ คุณ นอร์
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    สวัสดีครับ น้อง เอท
     
  15. ลับแล

    ลับแล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +848
    :z5 น้องพลศฺิริเนี่ย ...ตลกเป็นเหมือนกันนะคะ
     
  16. ลับแล

    ลับแล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +848
    สำหรับ......ทุกๆท่านค่ะ
    วันนี้ลับแล ยอมสละเวลาเที่ยว....มานั่งหยอกทุกท่าน อุ๊ย....เขียนอะไรหน้าจอสักพักนะคะ (ไปธุระมาเพิ่งเสร็จ.......)
    :z1แต่ยังไม่ได้ on air นะคะวันนี้
    ลับแล มา on line น่ะค่ะ
    (kiss) ยังไม่ต้องจองคิวรอนะคะ น้องNor น้องญานพล น้องแกงส้ม พี่รุ่ง และอีกหลายๆท่าน (หลับเอาแรงไปก่อนนะค้า.......หวานใจ..)
     
  17. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ คุณ ลับแล
     
  18. ลับแล

    ลับแล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +848
    ;aa13 น้องญานพลคะ
    fairy3 พี่อ่านเรื่องเล่าที่น้องญานพล เล่าว่าไป ที่"วัดชะอางโอน"มา (พี่ลับแลพูดชื่อผิดหรือเปล่าคะ?) สุดปลื้มและสุดโมทนาบุญด้วยนะคะ
    ;aa7 แค่...จิตคิดว่าอยากจะ"ไปวัด" กุศลก็มาเป็น"กระบุง"แล้วค่ะ
    และเมื่อเข้าวัดไปพบ"พระอริยสงฆ์"ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ยิ่งเป็น"มหากุศล" เบิ้ลเข้าไปอีก
    rabbit_heart มงคลเกิดตั้งแต่"จิตเริ่มเป็นกุศล"แล้วนะคะ เรื่องจิตเนี่ย "ละเอียดอ่อน " ต่อไปพี่ลับแลจะได้เล่าประสบการณ์เรื่อง" จิต" ที่มีโอกาสได้เรียนรู้ ( ก็รู้จากผู้มีภูมิธรรมสูงกว่า ) จึงได้ถึงบาง"อ้อ" ว่าอ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ที่เขาว่ากันว่า "ความไวของจิต มันไวกว่าเสียง"เสียอีกนะคะ.....
    :z8พี่นี่แหละค่ะชอบนักชอบหนาเรื่องไปทัวร์ตามวัดวาอารามเนี่ย (แต่เวลาไปถึงวัดแล้ว มักเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำเลยนะคะ) ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ มันก็มี "กาย" กับ "ใจ" ของพี่นี่แหละค่ะ ก้อ...กายมันจะกลับให้ได้...แต่ใจเนี่ยสิ..มันไม่ยอมท่าเดียว ..จริง...จริงเลยนะคะ..
    sleeping_rbชาตินี้เลยอธิษฐานซะทุกรอบเมล์เลยว่า เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ลับแลอย่าได้เป็น"ลับลวงพราง"แบบนี้ ขอให้ได้เกิดเป็น "ชาย" ได้กายมหาบุรุษ ได้บวชแต่"เยาว์วัยจนละโลก" เอาไปถึงขั้นนั้นเลยนะคะ......
    :z11หลวงพ่อบอกพี่ลับแลว่า จะสมหวังดังอธิษฐานได้........เราต้องสร้างบารมีควบคู่กับการ"อธิษฐานตอกย้ำซ้ำเติมบ่อยๆ" จนกว่าจะ"ลาลับโลก"ไปนะคะ
    :z6สัปดาห์ที่แล้วพี่ลับแลก็ไปถวายสังฆทานมา สัปดาห์หน้าไปถวายกลด 2 หลังให้แก่วัดป่ากันตพงษ์ อ.ควนเนียง จ.สงขลา(วัดป่่าสายอีสาน ร่มครึ้มเชียวที่วัดเนี่ย) เป็นวัดที่พี่ลับแลไปปฏิบัติกรรมฐานทุกๆปี 10 ปีเศษเเล้ว (ไม่เคยขาดซักปีเลย)ขอให้ทุกๆท่านอนุโมทนาบุญเอาเองนะคะ
    rabbit_cryที่จังหวัดชลบุรีนี่หลายปีก่อน พี่ลับแลเคยไปวัดแห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้นะคะ)อยู่บนเขาสูงๆ มองลงมาก็เห็นบ้านเรือนคนด้านล่าง (พี่ลับแลก็จำอำเภอก็ไม่ได้อีก) เพราะเพื่อนชวนไป ตอนนั้น พี่ลับแลก็ไม่ได้ตั้งใจใป จึงจำชื่อวัดไม่ได้ค่ะ.........ได้ข่าวว่า ...เคยมีพระระดับเจ้าอาวาสหรือไงนี่แหละค่ะ.......ท่านเคยเข้า"ฌานสมาบัติ" เป็นข่าวดังในตอนนั้นด้วยนะคะ แต่น้องญานพลเป็นคนที่นั่น น่าจะนึกออกนะคะว่า ชื่อวัดอะไรคะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2011
  19. ลับแล

    ลับแล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +848
    :z16สวัสดีค่ะ พี่รุ่ง
    พี่รุ่งคะ หายขาดแล้วหรือคะ?(หวัดลางานกลับบ้านกี่วันแล้วคะ?)
    :mad:.......จะไปวัดชะอางโอนกันหรือคะ?
    ไม่ด้ายส์ส์ส์....นะคะ ถ้าพี่รุ่งจะไปเที่ยววัด...โดยไม่ชวนลับแลไปด้วยละก้อ ......รับรอง ไม่ถึง"วัด"หรอกค่า
     
  20. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    พึ่ง (โดดงาน) กลับจากเอาของไปฝากส่งกลับบ้านที่ สถานีรถไฟดอนเมือง ไปเจอพระสูงอายุแล้วความนั่งรอรถไฟอยู่ ผมกับแฟนก็เลยซื้อลูกชิ้นทอด + ข้าวเหนียวไปถวายท่าน ท่านให้ศีลให้พร อยู่ที่ชานชลาเลย แหะๆๆๆ....... พอเสร็จปุ๊บแฟนผมนึกได้ว่ายังไม่ได้ถวายน้ำ ก็เลยไปซื้อน้ำมาถวายท่านครับ ...... สบายใจดีจัง.......
     

แชร์หน้านี้

Loading...