คนบ้ากามครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wechza, 4 มกราคม 2012.

  1. nickylove

    nickylove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +1
    ได้คำแนะนำดีๆจากทุกท่านเลย
    แต่ตอนนี้ผมก็ยังอยู่เลย
    แต่จะพยายามให้ได้ (tm-love)
     
  2. songkranm005

    songkranm005 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +46

    ผมก็ลบไปเลยครับ แต่ก็ยังอยากอยู่นะครับ แต่ลบไปละ เพราะมันก็เช่นนั้น ดูไปสุดท้ายก็แค่นั้น ...แต่ก็ทำยากครับ
     
  3. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ surer
    เอ่อเอาแบบ ประสบการตัวเองเลยนะครับ
    กลั่นใจ ลบออกจากเครื่องให้หมด พอลบหมด
    แล้วทุกอย่างจะดีเอง และอย่าไปใจอ่อนเข้าไปดูคลิบละ
    คิดไว้ มันเป็นแค่ความสุขชั่วคราวที่ไม่รู้จักพอ


    ความสุขเล็กๆความสุขเล็กน้อยทีได้ชื่นชม โอ้ว!! เย เย!!
     
  4. dog053

    dog053 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +53
    เอ่อ ถ้าไม่ช่วยตัวเองเอาออก มันจะซึมออกมาเวลาหลับ นี่แก้ได้ไหม ติดตรงนี้หนะ ใช้วิธีไหนแก้ได้ไหมครับ
     
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    กระทู้นี้ไม่เห็นมีสุภาพสตรีมาตอบเลยนะ คงมีแต่อ่านอย่างเดียวล่ะสิ !!

    ขอตอบว่า ควรมาบวชดีกว่า ถ้าคิดจะเลิกจริงๆนะ มันจะยากแค่ 2-3 ปีแรกๆ
    ต้องอดทนให้ได้ ทำให้จริงๆ อย่าไปให้เชื้อมันเด็ดขาด...เข้าในหลักธรรมบทที่ว่า
    "ขันตีปรมัง ตโปตีติกขา" ขันติ คือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
    "ตปะฌายี ตปะ พรหมโน" คือ ความเพียรแผดเผ่ากิเลสให้เร้าร้อน
    ในขณะที่เราเผากิเลส กิเลสมันก็เผาเราคืน ต่างคนต่างเผา เพราะขยะในจิตมัน
    เยอะใช่มั้ย จึงเผานานหน่อย ขยะกองน้อยๆ มันก็เผากันแป๊บเดียวนะสิ !

    ผลสุดท้ายคืออะไร พอหมดเชื้อมันก็เย็นนะสิ เรียกว่า "วิราคะ" ความจางคลาย
    จากกำหนัด ความกระวนกระวายในจิตมันจึงค่อยๆลดลง ตามอัตตราส่วนของ
    ความเพียรนั้นๆ เข้าในบทที่ว่า "วิริเยนะ ทุขมเจติ" บุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ได้เพราะ
    ความเพียร "ตัณหา ทั้ง 3 "ก็พึงมาละได้ด้วยเหตุ ดุจเดียวกันนี้ แล

    ส่วนขั้นตอนหรือวิธีการทำความเพียร เราก็ต้องศึกษาดูให้ดี เอาให้มันเหมาะกับ
    อุปปนิสัยของเรา เรียกว่าใช้ "สุตตะมยะปัญญา"และ "จินตามยะปัญญา" ในระดับแรก
    ให้มันเกิดประโยชน์ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการเลือกท่าเรือลงจอด เพื่อเจริญ
    "ภาวนามยะปัญญา" เป็นลำดับต่อไป มันถึงจะขึ้นฝั่งได้โดยสวัสดิภาพ...มิฉะนั้นมันก็ยังลอยคออยู่ ลอยคออยู่ในทะเลเพลิงทุกข์ร่ำไป จะว่าไงล่ะ ฮึ...

    อย่าไปว่าเป็น ฆราวาส แล้วจะปฎิบัติได้ง่ายๆนะ ถ้ามันง่ายจริงๆ
    พระพุทธเจ้าท่านคงตรัสรู้ ในเวียงในวังไปแล้ว ไม่ต้องมาลำบาก ลำบนออกบวชหรอก
    พระสงฆ์จะมีไว้เพื่ออะไร ? เป็นหลักหัวตอหรืออย่างไง ?

    แหม ! ทุกวันนี้มีแต่คนเก่งๆนะ พ่อมหาจำเริญทั้งหลาย !!...

    เจริญในรสธรรม
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ช่างเหอะอายุยังน้อย มันก็บ้าไปตามฮอร์โมนแหละ ดูผมตอนนี้ อายุ 28 แรกๆก็เห็นเรือนร่างผุ้หญิงก็ชอบ แต่ทุกวันนี้มันเห็นความจริง ทำไมสาวๆ สมัย เรียนมันดูดี ดูน่ารัก แต่พอมาตอนนี้ มันไม่ใช่ มันเห็นความจริง ว่ามันน่าเบื่อ และยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่จะต้องหาคู่ชีวิต ผมกลับมองผู้หญิงแล้วไม่ไหว ปล่อยๆมันไปเหอะ อย่าไปคิดมาก เมื่อก่อนผมก็คิดมาก ผมพลาดเอง ไม่น่าเลย ถ้าสมัยนั้นไม่คิดมาก เราก็จะไม่ถลำตัว ผู้หญิงสมัยนี้เป็นเพศที่นำเรื่องปวดหัวมาให้เสมอ เพราะมันอบรมมาไม่ค่อยดีเท่าคนสมัยก่อน
     
  7. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    [​IMG]
     
  8. jack_za

    jack_za Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +74
    ผมก็อีกคนที่เป็นหมือนคุณ เห็นผู้หญิงเซ็กซีนี้คิดลามกตลอด ผมจะแก้โดยการฟังธรรมมะครับ
    ได้ผลดี (เป็นบางครั้ง)
     
  9. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +188
    อยู่ที่ตัวบุคคล หลังช่วยตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร สุขหรือทุกข์ สุขเกิดแน่
    แต่ถ้ารู้สึกว่า การช่วยตัวผิดในสามัญสำนึก จะทุกข์ทันที

    แท้จริงเป็นผลพวงจากธรรมชาติ พระเจ้าโปรแกรมมาในDNAของคนและสัตว์
    อย่าไปปิดกั้นมันเลย เมื่อถึงวัยฉกรรณ์ ภูเขาไฟระเบิด ลาวาทะลัก เป็นเรื่องธรรมชาติ

    หากท่านไม่ถือศีล227ข้อ ทางที่ดีควรปดปล่อย ไม่ผิดปกติไม่บาปแต่อย่างใด
    เป็นเพียงจินตนาการ ไม่ใช่มโนกรรม ไม่ได้คิดทำร้ายใคร คิดแต่ให้เขาสุขด้วย
    จึงไม่มีกรรมกับใคร เพียงปลดปล่อยแรงกดดัน

    แต่อย่าทำบ่อย สาดกระสุ่นทิ้งส่งเดช น่าเสียดาย ถนอมกระสุนไว้บ้าง จะได้ใช้ได้นานๆ..
     
  10. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ถ้าเป็นผมนะ จะเอารูปพระพุทธรูปไว้ที่เห็นง่ายๆ เช่นหน้าจอคอม หรือตั้งพระพุทธรูปไว้ที่ไหนก็ได้ หรือไม่มีจริงๆ เวลามีอารมณ์แบบนั้น ก็นึกถึงพระ คิดซะว่าอยู่ต่อหน้าพระเราจะทำแบบนั้น สงสัยจะต้องตกนรกแน่นอน เราก็จะเกรงใจไม่กล้าทำแน่ๆ ครับ
    อีกอย่างเห็นพระพุทธเจ้าบ่อยๆ ทำให้เรามีจิตเป็นกุศล ระลึกถึงให้เป็นอารมณ์เป็นพุทธานุสติ พอทำบ่อยๆ แล้วเวลาจะเกิดอารมณ์พวกนี้เราจะหาอะไรที่มันมีสาระทำเองอะครับ
     
  11. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    ขอโทษทุกท่านก่อนนะคะ ดิฉันประสงค์อยากช่วย ท่าน จขกท ค่ะ เลยขอลงรูปที่ดูแล้ว ไม่เจริญตานะคะ

    เรียน ท่าน จขกท ในเวลาเกิดอารมณ์ทางเพศแล้ว ลองเพ่งภาพนี้นะคะ อารมณ์นั้นจะหายไปในบัดดลค่ะคุณ ย้ำ ต้องเพ่งนะคะ ห้ามมองผ่านๆ ค่ะ















    [​IMG]
     
  12. tonnuch

    tonnuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +114
    อสุภะ

    <TABLE class=tborder id=post5552133 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>กสิน9สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2010
    ข้อความ: 280
    พลังการให้คะแนน: 64 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5552133 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ต่อให้เพ่งอสุภะก็ปลงได้แค่ตอนที่เพ่ง เพราะอะไรหรือก็เพราะผมลองมาหมดแล้วครับขนาดเพ่งทั้งรูปทั้งของจริงก็หยุดตรง ณ ขณะนั้น ชั่วคราว สรุปคือมันอยู่ที่ใจ ถ้าตัดได้เมื่อไหร่ก็จบเหมือนการสูบบุหรี่ที่เลิกยากนัก ถ้าเคยสูบจะรู้ครับว่ามันเลิกยากต้องอาศัยใจตัวเดียวแบบหักดิบ จะละกามได้ก็โน้นเลย พระอนาคามีขึ้นไปแล้ว ฉนั้นไม่ต้องกังวล แม้นแต่พระโสดาบันหรือพระสกิคายังละไม่ได้ นับประสาอะไรกับพวกเรา ๆท่าน ๆ ปฏิบัติต่อไปครับ สักวันหนึ่งก็สำเร็จได้ด้วยใจ<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .ใช่ครับ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ดังนั้นเราจึงควรทำอสุภะบ่อยๆๆ ดังที่พระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าเพียร เสมอๆๆ ทำต่อเนื่องทำเรื่อยๆๆ สุดท้ายผลมันก้เกิดเอง ครุบาอาจารย์ที่ท่านบรรลุ ท่านก้ทำ ตั้งนายหลายปี ใม่ใช่แคทำ แค่วัน2วัน เดือน2เดือน แล้วบอกว่าปลงใด้แค่ตอนที่เพ่ง แล้วใครที่ใหนเขาจะอยากทำกัน ใม่สร้างกำลังใจให้กับตนเองและคนอื่น คนก็ท้อแท้หมดสิครับ คุณทำตามที่พระพุทธเจ้าบอกสิครับ เพียรบ่อยๆๆเพียรสมำเสมอ ทำไปทั้งชีวิตนั่นแหละ ใม่บรรลุก้ให้มันรู้ไป ถ้าใม่ใช่วิธีการที่ละราคะกล้าใด้ พระสรรพพัญญูเจ้าคงใม่นำมาสอนหรอกครับคุนกสิน9ว่าจริงใหมละครับ ถ้าใม่เพียรเพ่งเร่งทำตั้งแต่ตอนนี้มัวแต่ท้อแท้กันอยู่ แล้วจะบรรลุอนาคามี ละกามใด้ยังใง ช่วยสร้างกำลังใจให้กันและกันสิครับ
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    "วู้ดดี้ เกิดมาคุย" ออกอากาศทางช่อง ๙ อสมท. เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๒

    www.jitdrathanee.com/aree26/Dhamma26/aroonchai07.htm

    [​IMG]
    [​IMG]

    วู้ดดี้ : มีหลายคนพูดว่าวู้ดดี้ไม่เหมาะสมที่จะสัมภาษณ์พระ ท่านมองว่าอย่างไรครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็คงต้องย้อนกลับไปถามว่าคุณเอาอะไรมาวัดว่าคนอย่างวู้ดดี้ไม่เหมาะที่จะคุยกับพระ พระอาจารย์มองในเวลานี้ ไม่มีใครเหมาะเท่าวู้ดดี้เลยนะ ถ้าวู้ดดี้ไม่มาสัมภาษณ์พระ เกิดมาคุยไม่สมบูรณ์แบบ



    วู้ดดี้ : ก้าวร้าว พูดตรง ถามตรง มีความรุนแรงบ้างในวาจา ไม่เหมาะสมกับพระ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าพระไม่ได้หมายความว่าต้องเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้ เราไปดูที่เนื้อหาสาระได้มั้ย หลายครั้งที่พระอาจารย์เปิดไปเจอวู้ดดี้สัมภาษณ์ บางทีบางตอนดีกว่าพระบางรูปเทศน์ เพราะฉะนั้นถ้าเราก้าวข้ามรูปลักษณ์ภายนอก เจาะไปที่เนื้อหาสาระก็ไม่มีปัญหาที่วู้ดดี้จะคุยกับพระไม่ได้

    วู้ดดี้ : งั้นในวันนี้ผมสามารถที่จะถามพระอาจารย์ได้ทุกเรื่อง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็แล้วแต่จะถาม แต่พระอาจารย์จะตอบทุกเรื่องหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    วู้ดดี้ : พระอาจารย์บวชตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเณรอายุ ๑๒

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ๑๓

    วู้ดดี้ : แล้วเป็นพระมาตลอดชีวิต ทุกวันนี้ที่ผ่านมาท่านจะเทศน์เรื่องของแฟน เรื่องของชีวิต การมีกิ๊ก การไม่มีกิ๊ก แต่ท่านไม่ได้คุ้นเคยกับทางโลกเลย ท่านสามารถที่จะเข้าใจโลกและเทศน์กลับไปสู่โลกได้อย่างไรในเมื่อท่านอยู่กับวัดตลอดเวลา

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เอางี้ วู้ดดี้เคยเห็นคนที่ติดยาเสพติดมั้ย

    วู้ดดี้ : เคยเห็นครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าคนติดยาเสพติดมันอันตรายมาก คุณไม่เคยลองสักนิดนึง

    วู้ดดี้ : ก็เห็นผลมัน เห็นว่าเขาไม่ไปโรงเรียน สุดท้ายเขาต้องเข้าโรงพยาบาลและตาย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็นั่นไง พระอาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องไปลองมีกิ๊ก พระอาจารย์ก็เห็นผลของมันเหมือนกัน พระอาจารย์ก็อนุมานเอาได้

    วู้ดดี้ : แต่พระอาจารย์อยู่ในวัด พระอาจารย์ไม่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับเขา

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยู่ในวัด แต่ไม่ได้หมายความว่าพระอาจารย์ถูกปิดหูปิดตา ตรงกันข้ามอยู่ในวัดบางทีรู้ดีกว่าชาวโลกด้วยซ้ำไป เพราะชาวโลกเปรียบเสมือนนักมวยที่อยู่บนเวที

    คุณชกสะเปะสะปะ คุณถูกต่อย คุณถูกน็อก คุณมึนไปหมด คนอยู่ข้างเวทีเห็นชัดที่สุดว่าคุณชกยังไง พระไม่จำเป็นต้องไปตะลุมบอนกับกิเลสเหมือนคุณหรอก แต่พระอยู่ข้างเวที พระรู้ว่ากิเสลมันร้ายแค่ไหน

    วู้ดดี้ : งั้นมีกิ๊กผิดมั้ยครับถ้าเต็มใจทั้งคู่

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เต็มใจทั้งคู่ กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิกใช่มั้ย นี่นิยามของกิ๊ก

    วู้ดดี้ : แต่ถ้าแฟนไม่รู้และทั้งคู่เต็มใจที่จะเป็นกิ๊กกัน

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติในระบบความสัมพันธ์แบบนี้ทำไมคุณต้องเลิก คุณก็คบกันต่อไปสิ

    วู้ดดี้ : ก็คงรู้สึกผิดไงฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็นั่นแหละ ถ้ามันรู้สึกผิดก็แสดงว่ามันชอบธรรมมั้ยล่ะ

    วู้ดดี้ : ไม่

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็มันไม่ชอบธรรม คำตอบมันอยู่ในตัวอยู่แล้วว่ามันไม่ดี

    วู้ดดี้ : งั้นสำหรับผู้ชายบางคนมีภรรยาสองสามคน แล้วภรรยาอยู่บ้านหลังเดียวกัน กินนอนด้วยกันได้ โอเคไม่มีปัญหา เมียคนที่หนึ่งคนที่สองคนที่สามยอมรับซึ่งกันและกัน อย่างนี้ครอบครัวนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำบาป

    ท่าน ว.วชิรเมธี : กิ๊กหมายถึงความสัมพันธ์ที่ละเมิดจริยธรรมทางเพศ แต่ที่คุณโยมวู้ดดี้เล่ามาน่ะ เขารู้เห็นเป็นใจกันทั้งหมดใช่มั้ย ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดใช่มั้ย

    วู้ดดี้ : ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : แต่เขาบริหารจัดการได้มั้ยล่ะ

    วู้ดดี้ : ได้ครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วภรรยาทั้งสามคนเขายอมรับได้มั้ยล่ะ

    วู้ดดี้ : ยอมรับหมดครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ถ้ารับได้หมดก็ไม่เป็นปัญหา

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=336>[​IMG]</TD><TD width=20></TD><TD>วู้ดดี้ : ท่าน ว. ตั้งแต่โตขึ้นมาผมสังเกตว่าคนมักจะชวนผมเข้าวัด

    ไปทำบุญกันเถอะ ไปนั่งสมาธิในวัด ไปไหว้พระแล้วคุณจะมีความสุข

    แต่ผมเห็นหลายคนเขาไปเพราะเขามีความทุกข์เรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องแฟน ชีวิตเป็นทุกข์เลยต้องเข้าไปในวัด

    แต่ผมเอง ผมมีความรู้สึกว่าผมไม่มีตรงนั้น ผมไม่ได้มีความต้องการที่จะไปไหว้พระ ไม่มีความต้องการที่จะไปเข้าวัด

    ถามว่าแล้วสุดท้ายวู้ดดี้จะต้องเข้าวัดทำไมล่ะครับพระอาจารย์


    ท่าน ว.วชิรเมธี :จริงๆ วัดก็ไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาเข้านะ พระอาจารย์ก็ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าบอกว่ามาเข้าวัดกันเถอะ

    พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะแล้วพระองค์ก็เดินไป ใครอยากฟังธรรมก็มาฟังเท่านั้นเอง ก็มีแต่เราคนไทยนี่แหละที่บอกว่าเข้าวัดๆ

    วู้ดดี้ : ต้องไปไหว้วัดนี้อยู่บนภูเขา วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ต้องบินไปถึงเชียงใหม่ ต้องมาเชียงราย ต้องลงมาภาคใต้ ต้องวัดนี้

    โห...สุดยอดมาก อยู่ใต้น้ำ พระธาตุนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก คนก็ต้องบินไป

    แล้วบางทีเราก็คล้อยตามไปด้วย อ๋อเหรอ ถ้าไหว้พระวัดนี้ที่องศาแบบนี้ ไหว้ทิศอย่างนี้แล้วกราบอย่างนี้

    คุณจะมีบุญมากกว่าทุกคนในประเทศชาตินี้ จริงหรือเปล่า

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ฟังดูมันยิ่งไม่ใช่ไหว้พระตามแนวพุทธเลยนะ

    เพราะว่าไหว้พระตามแนวพุทธมันไหว้ที่ใจ ฉุดเข้าวัดนี่ประเสริฐมั้ยล่ะ

    วู้ดดี้ : ครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เพราะฉะนั้นโชคดีขนาดไหนที่มีคนชวนคุณเข้าวัดมาตลอดเวลา

    คนที่โชคร้ายก็คือ ไป...คืนนี้ไปผับมั้ย คืนนี้ไปอาร์ซีเอ.มั้ย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วู้ดดี้ : แต่ถ้าไปแล้วไม่ดื่มเหล้าล่ะพระอาจารย์ ไปแล้วมันเต้นแล้วมีความสุข ผมก็มีความสุข มันร้องเพลงไปด้วย แล้วมันได้ปลดปล่อย นั่นมันคือความสุข มันไม่ใช่ความทุกข์ไม่ใช่เหรอพระอาจารย์

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยากจะบอกว่านั่นเป็นความทุกข์ที่รอเวลาอยู่

    วู้ดดี้ : ยังไงครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ผลไม้ทุกผลมีโอกาสที่จะหล่นมั้ย

    วู้ดดี้ : มีครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คนทุกคนก็เหมือนผลไม้ ขณะที่มันมีความสุขก็มีความทุกข์แฝงอยู่ในนั้นตลอดเวลา แต่ถ้าคนที่ไม่เคยเข้าวัดไม่เคยเรียนธรรมะเลยนะ วันนี้คุณจะสุข พรุ่งนี้คุณจะทุกข์ ชีวิตคุณจะสุขๆ ทุกข์ๆ กระเด็นกระดอน

    วู้ดดี้ : เพราะมีอบายมุขล้อมรอบเหรอ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คุณมีโอกาสที่จะทุกข์ได้ตลอดเวลา วันนี้ทุกข์ยังไม่มาถึงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มา ทุกข์ไม่ได้เกิดจากข้างนอก ทุกข์เกิดจากในนี้ เมื่อเรามีความเห็นผิด คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ทุกข์อยู่ตรงนั้น นรกก็อยู่ตรงนั้น

    (วู้ดดี้ : ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดสักเท่าไหร่นัก ทำไมคนเรามีความสุขแล้วต้องมีทุกข์รออยู่ คิดแบบนั้นก็ไม่ต้องมีกันพอดีสิครับ ผมชักจะหวั่นไหวแล้วล่ะครับว่าวันนี้ผมจะได้อะไรกลับไปหรือเปล่า

    เมื่อวู้ดดี้เดินเข้ามาที่ศูนย์วิปัสสนาอาศรมอิสรชน จ.เชียงราย ผมแปลกใจเลยล่ะครับ เพราะจะมีป้ายติดตามต้นไม้เต็มไปหมด ท่าน ว.วชิรเมธีบอกผมว่า เหล่านี้คือต้นไม้พูดได้)

    วู้ดดี้ : พึงชนะคนชั่วด้วยความดี มีให้อ่านทุกต้น

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มี คุณโยมเดินไป คุณโยมจะเห็นทุกหนทุกแห่ง อาตมามีความรู้สึกว่าเวลาเดินมาถ้าพระอาจารย์ไม่อยู่ ต้นไม้เทศน์แทนก็ได้

    วู้ดดี้ : ผมกลัวมากว่าที่แห่งนี้ห้ามฆ่าสัตว์ แต่มดมันเยอะมาก ถ้าผมเหยียบมดตายผมจะตกนรกมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เจตนาจะเหยียบมีมั้ยล่ะ

    วู้ดดี้ : ไม่มี

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ไม่บาปก็แค่นั้นเอง วัดกันที่เจตนา กรรมไม่มี บาปไม่มีแก่ผู้ไม่เจตนาแค่นั้นเอง

    วู้ดดี้ : ขับรถบนไฮเวย์เหยียบ 180 เพราะจะรีบไปหาภรรยาที่กำลังคลอดลูก แต่ดันไปชนคนแก่ตาย ไม่มีเจตนา บาปมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็เป็นแค่กิริยาไม่ถือเป็นกรรม แต่อย่าทำบ่อยๆ

    วู้ดดี้ : โอเค อันนั้นผมแค่ยกตัวอย่างมันไม่เกี่ยวกับผมนะครับพระอาจารย์

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร

    วู้ดดี้ : รายการของผมจะเสนอประเด็นหนึ่งอยู่บ่อยๆ ล่ะครับ ผมก็เลยอยากจะรู้ว่าท่าน ว. คิดยังไง พระอาจารย์เคยดูหมอดูมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่จำเป็น พระอาจารย์คิดว่าคนที่รู้จักตัวเองไม่มีใครไปหาหมอดู

    วู้ดดี้ : พระอาจารย์เชื่อเรื่องหมอดูมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่เชื่อ พระอาจารย์เชื่อกฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ กฎที่บอกว่าชีวิตของเราจะเป็นอะไร ยังไง ขึ้นอยู่กับเรา ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว

    วู้ดดี้ : แต่บางทีที่หมอดูแม่นมาก พระอาจารย์ จนบางทีทำให้เราหวั่นไหว โอ้โห...มันเป๊ะว่ะ เราจะเอาชนะตรงนี้ได้ยังไง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มันก็แล้วแต่เรานะ ถ้าคุณเลือกที่จะเชื่อ หมอดูก็จะมีอิทธิพลกับคุณ ถ้าคุณเลือกที่จะไม่เชื่อ หมอดูก็จะไม่มีอิทธิพลกับคุณ เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นปัญหา มันอยู่ที่เรานะ แต่พระอาจารย์พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าพระอาจารย์รังเกียจหมอดู หมอดูก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง

    อาจจะเรียกว่าเป็นสถิติศาสตร์เพราะว่ากว่าที่จะประมวลองค์ความรู้ ประมวลเหตุการณ์ต่างๆ แล้วมาฟันธงให้ใครมันมีที่มาที่ไป พระอาจารย์ก็เคยเรียนวิชานี้ แต่พระอาจารย์ไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง

    ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าหมอดูทายแม่นหรือไม่แม่นนะ ปัญหามันอยู่ที่หมอดูไปทายให้คนที่เต็มใจให้ทายหรือเปล่า ถ้าเขาเต็มใจให้ทาย คุณทายไปเหอะ แต่ถ้าเขาไม่อยากให้คุณดูแล้วคุณดัดจริตไปดูให้เขา คุณละเมิดสิทธิมนุษยชนนะรู้มั้ย

    วู้ดดี้ : นี่พระอาจารย์ไม่ได้แขวะใครใช่มั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ได้แขวะเลย พระอาจารย์ไม่ได้พูดถึงใครเลยในประโยคนี้ เป็นประโยคที่ไม่มีประธานไม่มีกรรมมีแต่กิริยาล้วนๆ

    วู้ดดี้ : ฮ่าๆๆๆๆ

    วู้ดดี้ : การห้อยพระเลยดีกว่าฮะ เขาสามารถที่จะทำให้ตัวเขาเองพ้นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทางอากาศ ทางน้ำได้หมด ต้องหลวงพ่อนี่ หลวงพ่อนั่น คือเต็มไปหมดเลย อันนี้มันจริงมั้ย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ถ้ามันจริงอย่างนั้น กฎแห่งกรรมพระพุทธเจ้าก็เป็นหมันน่ะสิ แสดงว่าการห้อยพระไปง้างกฎแห่งกรรม มันมีกฎอีกกฎหนึ่งที่เหนือกฎแห่งกรรมนะเนี่ย คือการห้อยพระแล้วมันไม่เป็นอะไรเลย

    ถ้ามันจริง ประเทศไทยผลิตพระยี่ห้อนี้ส่งออกนอก แล้วส่งคนไทยไปสงครามโลกเลยนะ เราจะเป็นมหาอำนาจโลก เพราะอะไรทำอะไรเราไม่ได้เลย ไม่ต้องไปวิจัยวิจารณ์อะไรแล้ว เอาพระรุ่นนี้ไป รับรองนะ

    วู้ดดี้ : มันบาปมั้ยสำหรับคนทำธุรกิจตรงนี้ คือพิมพ์พระเยอะๆ แล้วก็ต้นทุนอาจจะซัก ๕ บาทแต่อัพราคาเป็นค่าเช่ารูปละ ๑,๕๐๐ แล้วก็ได้กำไรเป็นล้าน สุดท้ายเขาช่วยคนไทยจริงมั้ยฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : บาปไม่บาปมันวัดกันที่เจตนา คุณห้อยพระ คุณปั๊มพระให้คนบูชา คุณอยู่กับพระนะ แต่บางทีคุณอาจจะไม่ได้อยู่กับพุทธ ถามว่ามันทำแล้วดีหรือไม่ดีให้วัดที่เจตนา

    ถ้าเขามีเจตนาว่าอยากให้พระที่เขาปั๊มออกมาเยอะๆ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นสัญลักษณ์ของความมีศีลมีธรรมนี้ไม่บาปแต่ถ้าเขาคิดแต่ว่าที่ฉันปั๊มออกมารุ่นนี้แล้วฉันจะรวยเป็นร้อยล้านเป็นพันล้าน เขากำลังทำธุรกิจพุทธพาณิชย์ ๑๐๐% น่าเป็นอย่างนี้ไม่ได้บุญ

    วู้ดดี้ : มาพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าครับพระอาจารย์ เรื่องของกรรม ช่วงนี้จะมีคนพูดถึงเยอะมาก แปลกนะทำไมมันกลายเป็น trend เมื่อปีที่ผ่านมา แก้กรรม จนกระทั่งศาสนาพุทธเองหลายๆ วัดผมก็ยังเห็น

    อ้าว...มาที่วัดนี้แล้วเราจะมาแก้กรรมได้ ชาติที่แล้วคุณมีกรรม ชาตินี้คุณจะต้องแก้แล้วชาติหน้าคุณจะได้ดีขึ้น ถามนะครับว่าตกลงมันจริงมั้ย การแก้กรรมด้วยการตัดกรรม

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คนไทยนี่ชอบแก้กรรม ก็ทำเหมือนว่าเรากำลังถูกมัดเอาไว้ก็เลยต้องมาแก้ หรือบางทีก็ต้องทำพิธีตัดกรรม ก็เหมือนกันว่ากรรมมันเป็นผ้าผืนหนึ่งหรือยังไง เป็นเชือกเส้นหนึ่งหรือยังไง กรรมก็คือตัวความคิดของเรานั่นเอง ฉะนั้นมันง่ายนิดเดียวนะถ้าจะตัดกรรมก็เปลี่ยนความคิด

    วู้ดดี้ : แล้วมันมีกรรมจริงมั้ยครับ โลกใบนี้ มันมีเวรมันมีกรรมมั้ย ถามจริงๆว่ามันมีชาติที่แล้ว ชาตินี้ ชาติหน้า มันมีจริงมั้ย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คือตามหลักพุทธมันมี

    วู้ดดี้ : แต่มันพิสูจน์ไม่ได้น่ะพระอาจารย์

    ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วมันจะเสียหายตรงไหนถ้ามันพิสูจน์ไม่ได้

    วู้ดดี้ : วู้ดดี้มีความรู้สึกว่าเวลาคนเราตาย มันก็แค่กลายเป็นผงธุลี แล้วมันก็ลงไปฝังในดินหรือเป็นขี้เถ้า มันจะไปชาติหน้าได้จริงเหรอ มันมีจริงเหรอ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มี หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเอาเข้าห้องแล๊ปไม่ได้นะ มันก็มีจริงๆ ฉะนั้น เราอย่าไปคิดว่าความจริงมันต้องเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้เท่านั้น อย่างความรักก็ดี ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี อิจฉาตาร้อนก็ดี เอาเข้าห้องแล็ปได้มั้ย

    วู้ดดี้ : ไม่ได้

    ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วมันมีมั้ย ความรักมีมั้ย ความโลภน่ะมีมั้ย กามารมณ์น่ะมีมั้ย

    วู้ดดี้ : เยอะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เอาไปพิสูจน์ได้มั้ยของพวกนี้

    วู้ดดี้ : ไม่ได้

    ท่าน ว.วชิรเมธี : นั่นสิ แต่มันมี เพราะฉะนั้นชาติหน้าเราก็ไม่ต้องไปคิดว่าพิสูจน์ยังไง พิสูจน์ไม่ได้แล้วมันจะมียังไง

    วู้ดดี้ : อาจารย์ไม่เคยเห็นใช่มั้ยฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ของพวกนี้เขาไม่เห็นด้วยตา ต้องเห็นด้วยปัญญาสิ ใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้คุณจะสงสัยก็ได้ไม่ได้ทำให้พุทธศาสนาสูงขึ้นหรือต่ำลง สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่โลกหน้ามีหรือไม่มีนะ มันอยู่ที่ว่าโลกนี้มันมีแล้วคุณใช้ชีวิตในโลกนี้ยังไง

    (วู้ดดี้ : เป็นครั้งแรกนะครับ ที่แขกรับเชิญทำให้ผมอึ้ง เพราะหลายเรื่องที่ผมถามคำถามยากๆ ท่านก็ตอบออกมาได้ง่ายๆ เสียเหลือเกิน แต่ผมก็ยังไม่ได้เห็นด้วยกับท่านทั้งหมดนะครับ


    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาตินี้ชาติหน้าและอีกหลายเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ผมอดคิดไม่ได้นะครับว่ายังไงธรรมะก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลจะตัวผมอยู่ดี

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=336>[​IMG]</TD><TD width=20></TD><TD>ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมสงสัย พุทธศาสนิกชนก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ เพราะคำถามที่ผมจะถามนี้อาจทำผมกำลังจะท้าทายท่าน)


    วู้ดดี้ : ขอพูดถึงพุทธพาณิชย์หน่อยดีกว่า ท่านเคยได้ยินมั้ยฮะ ถ้าบางคนจะบอกว่าพระเดี๋ยวนี้จะเริ่มค้าขายกันมากขึ้น ออกตามทีวี ออกตามรายการต่างๆ ขายหนังสืออะไรมากมาย ท่านเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มันจะเป็นพุทธพาณิชย์หรือไม่ มันไปวัดที่เจตนาสิ ถ้าพระอาจารย์เขียนหนังสือขาย มีเงินมีทองร่ำรวยมหาศาลแล้วก็ทำตัวเป็นหลวงเสี่ย

    พระอาจารย์กำลังทำพุทธพาณิชย์ แต่การเทศน์แต่ละครั้งฟังได้แค่คนเดียว

    เหมือนวู้ดดี้มาคุยกับพระอาจารย์ที่เชียงราย ถ้าเราถอดบทสนทนานี้พิมพ์เป็นหนังสืออ่านกันทั่วโลกทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาอะไรก็ได้ คนเปิดหูเปิดตาและเรียนรู้ธรรมะ

    พระอาจารย์ไม่ได้คิดถึงเงินที่จะได้ คิดถึงแต่ประโยชน์ที่จะได้แก่ชาวโลก อย่างนี้เรียกว่าพาณิชย์ได้มั้ย ไม่ได้

    เพราะฉะนั้น จะเป็นพุทธพาณิชย์ก็ต่อเมื่อเรามุ่งไปที่กำไรคือเม็ดเงิน แต่ถ้าเรามุ่งไปที่กำไรคือสติปัญญา

    คือความเฉลียวฉลาด คือความรู้ คือความหายโง่งมงาย ไม่มีทางเป็นพุทธพาณิชย์

    วู้ดดี้ : แล้วส่วนใหญ่กำไรที่ได้จากการตีพิมพ์อะไรต่างๆ หรือว่ากับหลายๆ อย่างที่เราทำ ท่านเอาเงินนั้นไปบริจาคต่อยังไง หรือว่าเอาไปใช้ลงทุนต่อยังไง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ใช้เป็นทุนการศึกษาทั้งหมด ไม่เชื่อไปดูได้เลย

    พระอาจารย์สร้างโรงเรียนให้สามเณรที่วัดบ้านเกิดของพระอาจารย์ มีนักเรียนที่รับทุนจากพระอาจารย์

    ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้นะ ทั้งพระทั้งเด็กทั้งเยาวชนเป็นพันคน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วู้ดดี้ : อย่างนึงที่ค้างคาใจก็คือเรื่องของเรต เอางี้ดีกว่ามีคนบอกว่าพระเดี๋ยวนี้ออกตามรายการต่างๆหรือว่าจะนิมนต์ไปไหนต่อไหน ไปสถานที่บางสถานที่ที่พิเศษจะต้องมีเรต เป็นแสนบ้าง เป็นล้านบ้าง

    วันนี้ผมมาเองยังถามทีมงานเลยว่าคุยกับท่าน ว.วชิรเมธีกี่บาท จริงมั้ยฮะว่ามันเป็นล้านๆ เลยหรือมันยังไง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าคนคิดอย่างนี้ต่ำนะ ไม่ใช่ว่าเรตมันต่ำ คือพระอาจารย์คิดว่า เขาคิดว่าพระเป็นดารา

    วู้ดดี้ : ท่านมีสังกัดมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มี วันก่อนมีคนโทรศัพท์มาหาพระอาจารย์ ขอโทษนะครับต้องขออนุญาตสังกัดพระอาจารย์มั้ย

    พระอาจารย์บอกว่า โยม...อาตมาเป็นพระนะ ไม่ได้เซ็นสัญญากะค่ายไหนเลยนะ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ เพราะฉะนั้นจะมีใครสูงไปกว่าอาตมา อยากนิมนต์อาตมา

    อาตมาเป็นต้นสังกัดของตัวเอง เวลานิมนต์อย่ามาถามเรต ถามอย่างนี้ถือว่าดูถูกกันมากเลย แต่อาตมาต้องทำความเข้าใจเพราะคนมักจะถาม เพราะฉะนั้นนิมนต์มาเลยนะ ถ้าพระอาจารย์ ๑. ว่าง ๒. เห็นว่ามีประโยชน์ ได้เจอกันแน่นอน

    วู้ดดี้ : มีงานไหนที่ไปแล้วงงมั้ยฮะ แบบว่าเอ๋อเลย มีมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ไปบรรยายงานแห่งหนึ่งที่โรงแรม ถัดจากพระอาจารย์เขากำลังจะเดินแบบกัน แล้วเขาก็ขี้เกียจตั้งธรรมาสน์ต่างหากก็ให้เทศน์บนแคทวอร์ค

    วู้ดดี้ : ฮ่าๆๆๆๆ จริงรึเปล่าฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : จริง...รู้สึกว่าวันนี้มาผิดฝาผิดตัว นางแบบทั้งนั้น

    วู้ดดี้ : แล้วท่านก็มายืนกลางแคทวอร์คเหรอครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่สถานที่นะ ถ้าใจคุณพร้อมที่ไหนก็ได้ ไม่เป็นปัญหา

    วู้ดดี้ : วัดอยู่ที่ใจใช่มั้ย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง ถ้าคุณเป็นคนดีแล้ว นั่นแหละคุณบรรลุวัตถุประสงค์ของการมีวัด วัดอยู่ในใจคุณแล้ว

    วู้ดดี้ : ชีวิตผมทุกวันนี้ต้องเข้าวัดก่อน ชัวร์

    ท่าน ว.วชิรเมธี : อาการอย่างนี้มันต้องเข้าแหละ

    วู้ดดี้ : ท่านชมใช่มั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ชม มั่นใจว่าชม

    [​IMG]

    วู้ดดี้ : วู้ดดี้มี twitter ไว้ล่าสุดเพื่อที่จะมีการโต้ตอบ real time กับคุณผู้ชมทางบ้าน วู้ดดี้ได้ฝากหัวข้อเอาไว้ว่าวู้ดดี้จะได้มีโอกาสเจอกับท่าน ว. ใครอยากจะฝากอะไรไว้บ้างมั้ย ประเด็นหรือว่าคำถาม

    ปรากฎว่ามีคนตอบมาเป็นหลักร้อย เยอะมาก คำถามน่าสนใจมาก วู้ดดี้ขอคัดออกมาซักคำถามสองคำถามแล้วกันนะครับ

    มีอยู่คนหนึ่งถามมาว่า เราไม่เคารพพระที่เราไม่ชอบหรือที่ประพฤติมิชอบแต่ยังเป็นพระ บาปมั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ไม่บาป คนจะเคารพใครสักคนหนึ่งอย่างน้อยเขาต้องดีกว่าคุณใช่มั้ย ก็ถ้าคุณตระหนักว่าเขาไม่ได้ดีกว่าคุณ คุณไม่เคารพก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ฉะนั้นเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีความดีให้เราเคารพ ท่านก็ไม่ได้รับการเคารพ

    วู้ดดี้ : แม้ว่าท่านจะห่มผ้าเหลืองก็ตามที

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มันก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ ตรงกันข้ามถ้าเราไปเคารพในคนที่ไม่ควรเคารพสิ อันนี้จึงบาป

    วู้ดดี้ : ถ้าหากให้เอานักการเมือง หรือแกนนำเหลืองแดงมาให้ท่านเทศน์ ท่านจะเทศนาอะไรครับให้เขายอมจับมือกัน

    ท่าน ว.วชิรเมธี : หนึ่ง...อยากจะฝากประโยคสั้นๆ ว่าอย่าเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นหัวประเทศไทย ประโยคที่สองพระอาจารย์จะบอกว่าต้องยอมถอยเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า

    คือถอยนี้ไม่จำเป็นต้องถอยหลังนะ พระอาจารย์คิดว่าเราสามารถถอยไปข้างหน้าได้ ถ้าถอยแล้วทำให้ประเทศชาติของเราราบรื่นแล้วก็เดินต่อไปได้ ก็ขอฝากสองเรื่อง

    วู้ดดี้ : ทุกวันนี้คนไทยเกิดอาการจิตตก จิตตกมาก ผมเลยถามว่าคนเราถ้าจิตตกจะมีวิธีแก้ยังไง ผมไปไหนเจอจิตตกๆ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : จิตตกก็ต้องยกจิตนะ คนส่วนใหญ่จิตตกก็ปล่อยให้ตกใช่มั้ย
    วู้ดดี้ : ครับ มันจะยกยังไงฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ยกจิตหมายความว่า ต้องออกจากสภาพแวดล้อมอย่างนั้น คุณไปคุยกับคนๆ นี้แล้วมันคุยแต่การเมืองๆๆ จนคุณรู้สึกแย่ไปเลย คุณก็เลิกคุยสิ ไปคุยกับคนอื่น อย่างน้อย ๓ ปี ๕ ปีใช่มั้ยที่ผ่านมา

    วู้ดดี้ได้เรียนรู้มั้ย ได้รู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองไทยมั้ย นี่คือสิ่งดีมากนะที่นักการเมืองสายพันธุ์นี้ได้มอบให้แก่เรา

    เขากำลังทำทุกอย่างให้เห็นว่านักการเมืองสายพันธุ์นี้จะเลวได้ถึงที่สุดขนาดนี้ พอเราเรียนรู้ถึงที่สุดแล้ว เชื่อมั้ย จากนี้ไป ๑๐๐ ปีข้างหน้า เมืองไทยจะไม่กลับมาตรงนี้อีก

    วู้ดดี้ : เพราะว่าคนเรามีความรู้มากขึ้นถูกมั้ย ในการที่จะดูออกว่าคนนี้เป็นคนเลว

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้ามองโลกในแง่ดี พระอาจารย์กลับรู้สึกว่าวันเวลาช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย เพราะเราได้เรียนรู้ครั้งใหญ่พร้อมกันทั้งประเทศ ห้องเรียนประชาธิปไตยเปิดให้เราได้ไป take course พร้อมกัน

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ได้พาผมเดินขึ้นมาถึงยอดเขาของอาศรมแห่งนี้แล้วผมก็ได้พบกับหลวงพ่อยิ้มที่งามที่สุดครับ

    วู้ดดี้ : จริงๆ วู้ดดี้มาจากวุฒิธรใช่มั้ย ทีนี้วุฒิชัยชื่อของท่านแปลว่าอะไร

    ท่าน ว.วชิรเมธี : วุฒิชัยใช่มั้ย ก็แปลว่าเจริญด้วยชัยชนะ วุฒิธรของคุณโยมคือทรงไว้ซึ่งชัยชนะ เวลาไปเมืองนอกฝรั่งเขาไม่เรียกพระอาจารย์ว่าพระมหาวุฒิชัย เขาออกเสียงไม่ได้ เขาเรียกว่ามาสเตอร์วู้ดดี้

    วู้ดดี้ : มาสเตอร์วู้ดดี้

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร ก็พระอาจารย์วู้ดดี้

    วู้ดดี้ : โห...ถ้าอย่างนั้น ถ้าเกิดว่าผมไปบวชมั่ง ก็จะมีสองวู้ดดี้สิ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ๒ ว.

    วู้ดดี้ : ก็มี ว.หนึ่ง ว.สอง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร

    วู้ดดี้ : ถ้าผมเป็นพระ ผมโทรหาท่านก็ ว.หนึ่ง นี่ ว.สอง ได้มั้ยครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ได้

    วู้ดดี้ : ฮ่าๆๆๆๆ น่าจะเป็นอะไรที่ดี

    ขึ้นมาทั้งทีก็ต้องไหว้พระขอพร และขออีกหลายอย่างที่ผมจะอยากขอ ซึ่งผมเพิ่งรู้ตอนนี้แหละครับว่า

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มาหาพระพุทธเจ้าอย่าขอ แต่บอกว่าพระองค์จะเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตของเรา

    วู้ดดี้ : อยากจะได้เงินเยอะๆ วันนี้ขอให้เงินไหลมาเทมา ไม่ใช่

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มีทาง พระพุทธเจ้าไม่ได้มีหน้าที่มาหาเงินให้ใคร ท่านมีหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา พระธรรมทำหน้าที่เป็นแผนที่ให้เรา พระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้เรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้านับถือให้ถูกต้อง ต้องเป็นแบบนี้นะ

    วู้ดดี้ : ขอให้พ่อแม่พ้นจากทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ หรือขอให้ครอบครัวมีความสุข อันนี้ก็ไม่ใช่

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าคุณขอให้โลกนี้จะมีคนผิดหวังมั้ย พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ คุณอยากได้อะไรดีๆ คุณทำเหตุให้ดีแล้วผลที่ดีจะตามมา คุณมาขอท่านแต่คุณไม่ได้ทำอะไรให้พ่อให้แม่เลย ท่านจะดีมั้ย

    วู้ดดี้ : วู้ดดี้ก็จะบอกว่าผมจะเริ่มจากการเป็นคนดี ผมจะมีสติในการใช้ชีวิต ผมจะดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่จะได้มีสติในการช่วยเหลือชาวโลก

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง เรามาหาพระองค์ท่านเพียงเพื่อขอให้พระองค์ท่านเป็นสักขีพยานให้เรา การลงมือทำเป็นเรื่องของเราทั้งหมด เคยได้ยินมั้ย อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน


    วู้ดดี้ : แสดงว่าตั้งแต่เกิดมาผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเวลาเจอพระคือขอๆๆๆๆ อย่างเดียว

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ใช่แล้ว พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เราเป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ ไม่ใช่ให้มาหาแล้วก็ขอๆๆๆ

    วู้ดดี้ : แล้ววู้ดดี้ควรจะตั้งจิตแล้วก็อธิษฐานว่ายังไงครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ตั้งสัตยาธิษฐานว่าวันนี้ข้าพระพุทธเจ้ามาอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์แล้ว พระองค์เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้วยความเพียรพยายามของพระองค์เองฉันใด

    ข้าพเจ้าจะขอเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้วยความเพียรพยายามของข้าพระพุทธเจ้าฉันนั้นเหมือนกัน นี่เป็นการขอที่ถูกต้องนะ ขอให้ตัวเองได้ทำอย่างที่พระองค์ทำสำเร็จมาแล้ว ไม่ใช่มาขอให้พระองค์มาทำให้เรา

    อยู่บนโลกนี้มา ๓๒ ปี เพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่าการที่คนเราจะทำอะไรได้หรือจะประสบความสำเร็จนั้น คนเดียวที่เราจะต้องพึ่งคือตัวเราเอง


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=336>[​IMG]</TD><TD width=20></TD><TD>วู้ดดี้ : ท่านพาผมมาที่กุฏิส่วนตัวของท่านด้วยครับ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริงเพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

    ก็สมกับที่ใครๆ ยกย่องว่าท่านเป็นพระนักปราชญ์

    ผมอยากรู้ว่าบุคคลต้นแบบหรือไอดอลของท่านนั้นคือใครครับ



    ท่าน ว.วชิรเมธี : แน่นอนที่สุดเบอร์หนึ่ง แล้วไม่มีเบอร์สองด้วยนะ ต้องพระพุทธเจ้า อันนี้ยกไว้เลยนะ เป็นพระถ้าไม่ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นไอดอลก็คงไม่ใช่พระแล้วนะ

    ทีนี้ในแง่คนทั่วไป พระคือ ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นแรงบันดาลใจให้พระอาจารย์

    ในแง่ของการเป็นพระที่กล้าที่จะคิดนอกกรอบ และมีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะเทศน์ที่จะสอน

    ท่านยินดีที่จะพูดความจริงโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องตาย

    รูปที่สองพระพรหมคุณาภรณ์ ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

    มีความแม่นยำในทางพระธรรมวินัยสูงมาก เป็นพระไทยรูปแรกที่ไม่ได้เรียนเมืองนอก แต่มีปัญญาพอที่จะไปสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด

    สาม หลวงพ่อชา สุภัทโท เพราะพระอาจารย์อยากเจริญรอยตามหลวงพ่อชา สุภัทโท อาศรมอิสรชนจึงเกิดขึ้น

    มิฉะนั้น พระอาจารย์ไม่มาปลีกวิเวกอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เพราะพระอาจารย์ฝันที่จะเป็นอย่างท่าน ต่อไป

    รูปที่สี่ ท่านดาไลลามะ เป็นพระที่มีชีวิตชีวามาก ความรู้ทางโลกดีมาก ความรู้ทางธรรมดีมาก แล้วเป็นพระที่นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ชาวตะวันตกยอมรับ

    ท่านเป็นพระของวันนี้ ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์กับชาวโลกแล้วชาวโลกสัมผัสได้

    แล้วก็รูปที่ห้า พระเซ็นชาวเวียดนามชื่อท่านติช นัท ฮันห์ เป็นพระวิปัสสนาญาณสายเซ็นที่ได้รับการยอมรับสูง หนึ่งในสองรูปของโลกนี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วู้ดดี้ : พระพุทธเจ้าบอกว่ากิเลสเป็นตัวทำให้เกิดทุกข์ แต่ถ้าวู้ดดี้เองไม่มีกิเลส เช่น ไม่อยากทำรายการ ไม่อยากมีรถยนต์เพื่อเดินทางมาหาท่าน ไม่อยากขึ้นเครื่องบินมาหาท่าน แล้วเราจะมีวันนี้ได้ยังไงครับท่านอาจารย์ มันต้องมีบ้างไม่ใช่เหรอ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คนไทยมักจะเข้าใจผิดนะ แท้ที่จริงถ้าคุณไม่มีความอยากอย่างนี้ คุณก็สามารถทำอะไรดีๆ และยิ่งกว่านี้ได้ ฉะนั้น ความอยากจึงมีสอง
    อย่าง

    ๑. อยากเพราะถูกผลักดันโดยตัวกิเลส

    ๒. อยากเพราะถูกผลักดันโดยตัวปัญญา ทีนี้ถ้าปัญญามันผลักดันคุณ มันจะให้คุณมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง

    เช่น อย่างพระอาจารย์อยากแสดงธรรม ปัญญามันพาทำนะ ปัญญามันจะบอกว่าทำเถอะ เพราะว่าธรรมะช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนพ้นทุกข์

    ทีนี้ ถ้าความอยากคือกิเลสมันพาทำนะ ทำเถอะไปออกทีวีเถอะแล้วท่านจะดัง

    วู้ดดี้ : ถ้าวู้ดดี้อยากจะเป็นนายก วู้ดดี้จะ manage กิเลสยังไงฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ต้องถามดูว่า คุณอยากจะเป็นนายกเพื่ออะไร

    วู้ดดี้ : เพื่อเปลี่ยนประเทศนี้ให้มันดีขึ้น

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าอย่างนี้นะ คุณไม่ได้ทำเพราะกิเลส คุณทำเพราะปัญญาเป็นความอยากที่ถูกต้อง

    วู้ดดี้ : ถ้าผมอยากจะเป็นนายกเพราะผมอยากจะโกงกินประเทศนี้ อยากเอาเงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองให้ครอบครัวเรารวย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : อันนี้คุณทำเพราะตัณหา แสดงว่าคุณเป็นนายกที่มีโอกาสจะเป็นทรราชย์สูงมาก

    วู้ดดี้ : ถ้าผมอยากจะเป็นนายกเพราะว่ามีคนแบ๊คแล้วก็สั่งให้ผมต้องเป็นนายก

    ท่าน ว.วชิรเมธี : อันนี้คุณทำเพราะตัณหา คุณเป็นตัวแทนของกิเลส หัวหน้าพรรคของคุณคือกิเลสไม่ใช่ปัญญา เพราะฉะนั้นวัดได้หรือยังว่าความอยากมันมีสองอย่าง อยากทำอะไรดีๆ เพราะมีปัญญาเป็นความอยากที่ถูกต้อง อยากทำอะไรดีๆ เพราะมีตัณหาเป็นความอยากที่ไม่ถูกต้อง

    ฉะนั้น วันหนึ่งคุณโยมทำรายการนะ แต่คุณโยมมีเงินมากแล้วมีชื่อเสียงมากพอแล้ว คุณอยากจะให้แต่สาระประโยชน์แก่คนไทยล้วนๆ นี่แหละความอยากของคน เป็นความอยากที่ถูกต้อง

    วู้ดดี้ : ตอนนี้คนไทยทั้งประเทศมีความทุกข์เยอะ บางทีหาทางไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย วู้ดดี้ออยากจะให้คนที่ดูอยู่และมีความรู้สึกแบบนั้น ได้มีโอกาสในการคิด อยากจะให้พระอาจารย์ช่วยให้เขามีสติหน่อย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยากให้เขาลุกขึ้นมา เดินออกจากสภาพแวดล้อมอย่างนั้น แค่คุณเดินออกไปพลังงานด้านลบก็จะหายไปจากตัวคุณแล้ว ถ้าคุณมีแนวโน้มกำลังจะฆ่าตัวตาย คุณพูดให้เพื่อนฟังนะ โทรศัพท์ไปหาเพื่อน เพื่อนจับสัญญาณได้ เพื่อนจะได้ช่วยคุณได้

    วู้ดดี้ : ถ้าคนที่ไม่มีเพื่อนล่ะครับ ไม่มีเพื่อนไม่มีครอบครัว อยู่คนเดียวล่ะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คุณก็สร้างขึ้นมาใหม่ให้มันมีได้นี่ เปิดโทรทัศน์ก็ได้ ไปหาเทปธรรมะมาฟังก็ได้ เพื่อนมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ขึ้นอยู่แต่ว่าคุณเปิดหูเปิดตาเปิดใจหรือเปล่า

    เคยได้ยินคำนี้มั้ย โลกของวู้ดดี้ต้องไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้แน่ๆ

    "กัลยาณมิตร" อีกคำหนึ่ง good friend เพื่อนแท้ แต่คนไทยไม่ชอบหรือบางทีไม่ให้ความสำคัญกับกัลยาณมิตรนะ บางทีเราไม่รู้จักด้วยซ้ำ เรามีสิ่งหนึ่งมากเกินไปนั่นคือ ปาปมิตร เพื่อนชั่ว เพื่อนเลว ชวนกันไปกิน ชวนกันไปเที่ยว

    วู้ดดี้ : สนุกมาก

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ชวนกันไปเล่น

    วู้ดดี้ : โห...มันมันส์

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ชวนกันไปเมา

    วู้ดดี้ : สนุกเลย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ปาปมิตรทั้งหมด เขาเรียกเพื่อนชั่ว คบแล้วต่ำลงๆๆๆ บางทีหน้าตาดีแต่ใจต่ำ

    [​IMG]

    (วู้ดดี้ : คำถามสุดท้ายที่ผมจะถามท่าน ว.วชิรเมธี เป็นคำถามที่หลายคนบอกว่า เราไม่ควรถามพระ แต่ผมเชื่อว่าท่านมีคำตอบครับ)

    วู้ดดี้ : ท่านเป็นเพศชายแน่นอน ท่านเข้ามาอยู่ในโลกของธรรมะ ท่านสามารถระงับอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่เรา จะไปให้ความสำคัญกับมันมากหรือน้อย คนทุกคนมีนะ อารมณ์ทุกอย่างที่มีในปุถุชนก็มีในพระทั้งหมด แต่พระเราจะถูกสอนให้เรียนรู้ที่จะไม่ต่อยอดสิ่งเหล่านี้

    วู้ดดี้ : แสดงว่าเวลาเกิดกำหนัดเราก็แค่ไม่ต่อยอด...จบ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : เราก็เดินหนี แค่นั้นเอง กามารมณ์เกิดจากความคิด

    วู้ดดี้ : งั้นเวลาสมมติว่าท่านท่องเน็ต แล้วดันเผอิญไปคลิกผิดแล้วมีไซต์โป๊ขึ้นมา เคยมีมั้ยฮะ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : มันแย่มากเพราะอาตมาไม่ไปท่องเว็บที่ไร้สาระแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามันเข้ามาก็ไม่เป็นปัญหาถ้าเราไม่ต่อยอด แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดแล้วหลังตรัสรู้ว่ากามารมณ์ก็คือความคิด ถ้าคุณไม่คิด ความรู้สึกเชิงกามารมณ์ไม่เคยมีตัวตน

    วู้ดดี้ : มนุษย์เราต้องมีเพศสัมพันธ์ใช่มั้ยฮะ มันก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความสุขทางโลก ถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่มีเราทุกวันนี้ เราจะอธิบายได้ยังไง เราจะแยกแยะได้ยังไง ไม่งั้นโลกทั้งโลกใบนี้ ผู้ชายทุกคนก็ควรต้องเป็นพระสิครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มีใครพูดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่พูดอย่างนั้น เรามักจะคิดว่าความสุขที่เข้มข้นที่สุด ถึงอกถึงใจที่สุดคือความสุขเชิงกามารมณ์ใช่มั้ย หยิบจับสัมผัสได้

    แต่คุณลืมไปว่าความสุขมันเป็นขั้นบันไดนะ แต่มนุษย์ติดอยู่บันไดขั้นแรกคือสุขจากกามารมณ์แล้วก็คิดว่าถึงที่สุดแล้วหลวงพ่อไม่เท่าฉันหรอกน่า

    ไอ้พวกนี้มันอยู่ในมูตรในคูถแล้วมีความสุขที่สุด แล้วมันไปสงสารคนอื่นที่ไม่มีความสุขเหมือนตัวเอง คิดว่าความสุขจากกามารมณ์เป็นสุขที่วิเศษที่สุด หลวงพ่อหลวงพี่ทั้งหลายไม่มีโอกาส สู้เราไม่ได้

    วู้ดดี้ : เราถึงจุดสุดยอดแต่พระไม่ถึง

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ช่ เราลืมไปว่าจุดสุดยอด ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเกิดจากกามารมณ์เท่านั้น มันอาจจะเป็น Spiritual Orgasm ก็ได้

    วู้ดดี้ : มันมี Orgasm หลายแบบ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ใช่ ทำไมคุณไปคิดว่ามันมีแค่ไหนล่ะ

    วู้ดดี้ : งั้นความสุขทางโลกของเราจริงๆ แล้วในหลักของพระพุทธศาสนามันไม่ใช่อย่างนั้นเลยใช่มั้ย

    ท่าน ว.วชิรเมธี : คือความสุขที่มนุษย์บอกว่าสุขที่ถึงที่สุดแล้วก็ทุกข์ถึงที่สุดก็เพราะความสุขชนิดนี้ คือสุขเพราะกามารมณ์ พระอาจารย์อยากจะบอกว่ามันเป็นแค่ความสุขขั้นต่ำที่สุด จุดสุดยอดในวงการพุทธศาสนาคือการเป็นพระอรหันต์

    การบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเหมือนที่พระพุทธเจ้าบรรลุ พอเราไปถึงที่สุดทุกข์เราบรรลุมรรคผล เราวิวัฒนาการถึงจุดสูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์ มีความสุขตลอดกาล ยังมีขั้นที่สองนะ ปัญญาสุข สุขจากการแสวงหาปัญญา

    วู้ดดี้ : แล้วขั้นต่อไปล่ะครับ

    ท่าน ว.วชิรเมธี : ขั้นที่สาม สมาธิสุข สุขจากการที่หลับตานั่งนิ่งๆ ตามดูลมหายใจ พอจิตสงบร่างกายก็สดชื่นเบิกบาน หลั่งสารเอนโดฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมานะ เท่านั้นแหละ วู้ดดี้จะรู้สึกว่ามันชุ่มเย็นมันเบิกบานทั้งเนื้อทั้งตัว

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า เวลาสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ไม่มีตรงไหนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่รังสีแห่งความสุขแผ่ไปไม่ถึง นี่เรียกว่าสมาธิสุข วันหลังลองนั่งสมาธินานๆ ซักครั้งละครึ่งชั่วโมง

    แล้ววู้ดดี้จะเห็นว่าสุขจากกามารมณ์ที่ตัวเองเคยผ่านพบมันเป็นแค่อะไรที่เล็กที่สุด ต่ำต้อยที่สุด แล้วเธอจะหันไปมองความสุขชนิดนั้นเหมือนคนที่ถ่มน้ำลายทิ้งแล้วไม่เสียหายเลย

    แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไปหลงอยู่ตรงนั้นเสียตั้งนาน สุขที่สูงกว่านั้นยังมีอยู่ทำไมไม่มอง บางครั้งมาดูถูกด้วยนะ นี่แค่ขั้นที่สามเองนะ สมาธิสุขจนน้ำหูน้ำตาไหล นี่ขั้นที่สาม

    สุขที่สี่ สุขสุดท้ายที่ปลายทางชีวิตมนุษย์ทุกคนควรไปให้ถึง นิพพานสุข เป็นความสุขที่เราเป็นอิสระจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง

    (วู้ดดี้ :ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยเสียน้ำตาแต่มีความสุขมากขนาดนี้ครับ อาจเป็นเพราะว่าผมได้คำตอบแล้วในที่สุด สุดท้ายเรื่องที่ผมคิดว่าไกลตัวผมมากกลับกลายเป็นสิ่งที่ใกล้มากกว่าที่คุณคิด

    เพราะทั้งหมดคือเรื่องของใจและตัวเราเอง และแล้วแขกรับเชิญที่ผมคิดว่าไม่ใช่มากที่สุดกลับกลายเป็นแขกที่ใช่ที่สุดสำหรับผม)


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  14. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอบคุณมากครับ
     
  15. thaijin

    thaijin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +16
    ไม่ต้องยกมาทั้งกระทู้แบบนี้ก็ได้ครับพี่น้องมันเปลืองพื้นที่

    ขอแชร์หน่อยครับเวลาจะอ้างอิงไม่ต้องยกมาทั้งหมดก็ได้ครับเอาพอเป็นกระสัยก็พอเช่นข้างบนนี้พอดีกว่ามั้ยจ๊ะ หรือจะขอบคุณ ก็ขอบคุณแล้วเอ่ยชื่อไปเลยก็ได้จ๊ะ ง่าย ๆ สั้น ๆ ไม่เสียเวลาลากเม้าส์

    ปล.ไม่ได้ว่า จขกท นะครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  16. dollyta

    dollyta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +297
    ออกมาเวลาหนัก และเบา เวลาเบ่งครับ ไม่ซึมครับ ผมก็เป็นอยู่ เอิ๊กๆ
     
  17. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    555 ครับรับทราบครับท่าน แหะๆ
     
  18. ปภาโส

    ปภาโส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +5
    ค่อยๆลดนะคับอย่าหักดิบ


    อย่าเอามือไปจับมันมันแข็งเอานิ้วดีดมันเลย


    บอกว่าอย่าแข็ง อย่าแข็ง ถ้าบอกไม่ฟังก็แสดงว่ามันแข็งเองไม่เกี่ยวกับเรา ดูซิว่ามันจะแข็งเองหรือว่าคุณไปบิ้วมัน


    เอ้อท่านที่ชวนไปบวชนี้ดีครับลองบวชสั้นๆดูก่อนนะครับทั่นถ้าบวชแล้วดันไปสาวนี้สังฆาทิเสสนะครับ


    ต้องไปปริวาสกรรมอีกน่ะคับทั่นผมบวชวัดท่าขนุนมาหลวงพี่กวางทั่นห้ามแม้กระเด้าลมน่ะครับ


    แล้วถ้าคิดจะทาถูทาถูผ้าห่มหรือหมอนข้างนี้ไม่ได้นะ ศึกษาก่อนนะครับถ้าจะไปบวชอะน่ะ


    สุดท้ายอสุภะคือคำตอบครับ ค่อยๆทำกันไปเนอะ ทุกวันนี้มิยาบิ ไม่อยากไปหาแล้วไล่ออกจากบ้านล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2012
  19. ddty2k

    ddty2k สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    ดีแล้วครับที่รู้ แต่เรื่องกาม มันเป็นเรื่องที่ตัดยาก แล้วใจคนเองก็ไม่อยากตัดด้วย
    กิเลสตัวนี้มันจะอ้อยอิ่งมาก ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ชีวิตฆราวาสมันไม่ใช่ว่า
    จะตัดกิเลสนู่นนี่ได้นะ แค่มีสติ รู้ว่าคิดอะไร ทำอะไร พยายามห้ามใจลดทอนกิเลสแค่นี้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ อนุโมทนา
     
  20. somkun62

    somkun62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +765
    เจอข่าวนู๊ดคอซองเข้าไปเป็นไงล่ะ เขื่อนแทบพัง อิอิ แดงแจ๋เลย กกน.
    ตามติดมาด้วย บ่อนหวิว เห็นใจนักพนันเหมือนกันนะ คงจะสับสนน่าดู เพราะเลือกไม่ถูกว่าจะแทงสูงหรือแทงต่ำ
    (smile) ลืมฟังเจ้ามือเขย่า สุดท้ายก็ แทงเสีย แทงเสีย
    มีข่าวแบบนี้บ่อยๆมีหวัง ฮา..นา..ก้า แน่กรู
     

แชร์หน้านี้

Loading...