พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ผมดูซีดีของผู้พันช้าง

    ที่ผู้พันช้างถ่ายไว้ในการทำงานของค่ายนเรศวร ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    รู้สึกได้ครับ ผมดูไป ด่า(พวกก่อการร้ายที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในใจ)ไป

    รู้สึกได้ว่า มีความเห็นใจในตำรวจตะเวณชายแดน ที่เป็นด่านหน้าในการเข้าหามวลชน ในการปะทะกับพวกก่อการร้ายที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    ผมบอกได้ว่า หากเทียบกัน ตัวต่อตัว ปอนด์ต่อปอนด์ น้ำหนักตัวเท่าๆกัน ทหารทั่วโลกสู้ทหารไทยไม่ได้

    ดูไป ก็ยิ่งเกลียดพวกก่อการร้ายที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น พวกนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดิน พวกนี้ ต้องยิงทิ้งให้หมด

    ขอบารมีคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร คุ้มครองตำรวจตะเวณชายแดนผู้เสียสละเพื่อชาติไทย , ทหารผู้เสียสละเพื่อชาติไทย ให้ปลอดภัยจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับประเทศไทยครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ศาลฎีกาสั่ง"สมิติเวช"จ่าย 8.3 ล้านพร้อมดอกเบี้ย ทำคลอดตายทั้งกลม สู้คดีนาน 16 ปี ทวงความยุติธรรม


    ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 เมื่อวันที่ 24 มกราคม ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีที่นายบุรินทร์ เสรีโยธิน กับ ด.ช.บดินทร์, ด.ญ.บุษรินทร์, ด.ช.ศุภโชค เสรีโยธิน บุตรของนายบุรินทร์ และนายเขษม นางนารี กีรติธรรมคุณ บิดามารดาของ นางจุรีรัตน์ เสรีโยธิน อายุ 36 ปี ผู้ตาย และบริษัท ขอนแก่นแห-อวน จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-7 ยื่นฟ้องบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) นพ.เกรียงไกร อัครวงศ์ ผู้อำนวยการ รพ.สมิติเวช สาขาสุขุมวิท พญ.สุภัค จันทร์จำปี วิสัญญีแพทย์ และ นพ.ชลัท ตู้จินดา แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ เรื่อง ละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 700 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

    คดี นี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชดใช้เงิน ฐานกระทำละเมิดจำนวน 10 ล้านบาทเศษ ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1, 3, 4 ได้ยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้อง ขณะที่โจทก์ก็ยื่นฎีกา เฉพาะจำเลยที่ 1, 3 และ 4 เท่านั้น

    ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดแล้ว รับฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 สมรสกับนางจุรีรัตน์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีของบริษัทโจทก์ที่ 7 ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือโจทก์ที่ 2-4 ต่อมา นางจุรีรัตน์ ได้ตั้งครรภ์ และโจทก์พาผู้ตายไปฝากครรภ์และคลอดที่ รพ.จำเลย เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2538 คณะแพทย์ได้ฉีดยาและให้นอนพักเพื่อดูอาการ วันรุ่งขึ้นผู้ตายมีอาการปวดท้องและน้ำคร่ำเดิน แพทย์ได้ฉีดยาอีก จนเช้าวันที่ 8 ก.ย. 2538 ผู้ตายส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด โจทก์ที่ 1 เข้าไปดู แต่ไม่พบแพทย์และพยาบาล จึงไปตามแพทย์ โดยมีจำเลยที่ 4 มาดูอาการ ซึ่ง นพ.ชลัท จำเลยที่ 4 มีอาการตกใจ ต่อมา นางจุรีรัตน์ได้ถึงแก่ความตาย พร้อมบุตรในครรภ์ เนื่องจากน้ำคร่ำไหลย้อนเข้ากระแสโลหิต และปอด ทำให้เกิดภาวะหายใจติดขัด เลือดไม่สูบฉีด จนหัวใจวาย

    การเสียชีวิตของผู้ตาย ทำให้โจทก์ขาดไร้ค่าอุปการะ ค่าจัดการงานศพ ค่าเลี้ยงดู ขาดค่าการงานในการประกอบอาชีพแห-อวนของบริษัท

    มีประเด็นต้องพิจารณาว่า จำเลยที่ 1, 3, 4 กระทำละเมิดหรือไม่ เห็นว่า ขณะทำคลอด โจทก์ที่ 1 อยู่ในห้องคลอดตลอดเวลา ส่วนจำเลยที่ 3 และ 4 ได้จ่ายยาชา จับชีพจร จากนั้นพากันออกไป แล้วให้พยาบาลดูแลแทน โดยที่จำเลยที่ 3, 4 ไม่ได้อยู่ดูแลตลอดเวลา ซึ่งตำราทางการแพทย์ และวิสัญญีแพทย์ ระบุว่า เมื่อคนไข้รับยา แพทย์ต้องอยู่ดูแลตลอดเวลา เพราะยามีอันตราย อาจทำให้คนไข้ตัวสั่นตาเขียว

    โดยโจทก์มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิสัญญีแพทย์ เบิกความว่า พยาบาลที่ไม่เคยให้ยาด้านวิสัญญีแพทย์ จะกระทำหน้าที่วิสัญญีแพทย์ไม่ได้ และคนไข้ต้องอยู่ในความดูแลของวิสัญญีแพทย์ เพราะระหว่างให้ยาอาจเกิดอาการแทรกซ้อน แพทย์ต้องไม่ละทิ้งผู้ป่วย และต้องรับผิดชอบ คดีนี้ไม่ใช่เสียชีวิต 1 คน แต่เป็น 2 คน แพทย์ยิ่งต้องรับผิดชอบเป็นทวีคูณ ถือว่าจำเลยที่ 3, 4 ไม่รับผิดชอบ ละเลยต่อหลักวิชาชีพ ทั้งที่ต้องคอยดูชีพจร ซึ่งคดีนี้ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หากจำเลยที่ 3, 4 อยู่ดูอาการ ก็จะพบอาการที่เกิดขึ้น ลำพังพยาบาลไม่อาจแก้ไขได้ทัน นอกจากนี้ จำเลยที่ 3, 4 ยังทำผิดรัฐธรรมนูญ เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งแพทยสภาก็รับรองไว้ว่า แพทย์ต้องรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงของคนไข้ แต่จำเลยที่ 3, 4 ไม่บันทึกอาการของผู้ป่วยแสดงให้เห็นถึงความชุ่ย

    ศาลฎีกายังมีความสงสัยในการสอบสวนของคณะกรรมการแพทยสภาชั้นอนุกรรมการกับ ชั้นอนุกลั่นกรอง ซึ่งมีความขัดแย้งกัน และท้ายสุดก็มีการลงโทษจำเลยที่ 3, 4 เพียงภาคทัณฑ์ และว่ากล่าวตักเตือน

    นอกจากนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสูตินรีศาสตร์ ยังเบิกความว่า การที่โจทก์พาผู้ตายไปคลอดที่ รพ.จำเลย ที่เป็นเอกชน ก็เพราะเชื่อมั่นว่าจะได้รับการบริการที่ดีกว่าของรัฐ แม้จะเสียค่าบริการสูง ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ดูแลให้ดีที่สุด แม้อ้างว่าห้องคลอดมีระบบตรวจชีพจรแบบอัตโนมัติ แต่จากคำเบิกความพยาน พบว่า เครื่องดังกล่าวไม่มีจอแสดงผลตลอดเวลา ซึ่งหากจำเลยอยู่ดูแลในห้องคลอด ก็จะสามารถเยียวยาแก้ไขดูแลคนไข้ได้ทัน ความตายของคนทั้งสองจึงเกิดจากความละเลยของจำเลย

    ส่วนที่ จำเลยอ้างว่า โจทก์ที่ 1-6 สร้างเรื่องขึ้นมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ที่ 1 อยู่ในห้องคลอดตลอดเวลา สามารถเบิกความถึงช่วงเวลาต่างๆ อย่างละเอียด และนำพยานมาสืบจำนวนมาก จึงไม่มีเหตุกลั่นแกล้งจำเลย โจทก์เองก็ใช้บริการ รพ.จำเลยนานนับสิบปี ปกติก็ไม่มีใครอยากฟ้องร้องแพทย์ การที่จำเลยที่ 3, 4 ไม่อยู่ในห้องคลอดตลอดเวลา จึงเป็นการกระทำโดยประมาท ปราศจากความระมัดระวัง จนเป็นอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์ของผู้เสียหาย จึงต้องรับผิดฐานละเมิด แม้ผู้เสียหายไม่ติดใจเรื่องเงินค่าเสียหาย แต่ต้องการฟ้องให้แพทย์มีความรับผิดชอบและระมัดระวังในการดูแลรักษาคนไข้มาก ขึ้น แต่จำเลยยังต้องรับผิดในผลแห่งละเมิด จำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชาจำเลยที่ 3, 4 เมื่อจำเลยที่ 3 ทำละเมิด จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

    พิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1, 3, 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 2.8 ล้านบาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 1 ล้านบาท แก่โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท แก่โจทก์ที่ 4 เป็นเงิน 2 ล้านบาท แก่โจทก์ที่ 5 และ 6 คนละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 8.3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 8 ก.ย.2538 และให้จำเลยจ่ายค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์รวม 1.5 แสนบาทด้วย

    ภายหลัง นายบุรินทร์เปิดเผยว่า ที่ต้องดำเนินการฟ้องร้องในครั้งนี้ เนื่องจากการรักษาของโรงพยาบาลไม่ได้มาตรฐานทำให้ภรรยาตนถึงแก่ชีวิต กระทั่งวันนี้ศาลฎีกาตัดสินให้ชนะคดีใช้เวลานานกว่า 16 ปี เพื่อความเป็นธรรมให้ภรรยา

    "คดีนี้จะเป็นเทียนไขให้แสงสว่างให้กับผู้ป่วยและคนไข้ได้รับรู้สิทธิของ ตนเอง ทำให้วงการแพทย์ รพ.ต่างๆ จะต้องตระหนักระวังในการรักษาคนไข้ให้ได้มาตรฐาน มีจริยธรรมความสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คดีนี้ตอนไกล่เกลี่ยตนต้องการแค่คำขอโทษ ที่รู้สำนึกในการรักษาคนไข้ ไม่ใช่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้ จะนำไปบริจาคทำคุณประโยชน์แก่วงการแพทย์ หรือสาธารณชนด้านอื่นๆ ทั้งหมด ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมคดีแพ่งถึงที่สุดแล้ว ส่วนอาญาต้องรอปรึกษากับคนในครอบครัวก่อน" นายบุรินทร์กล่าวตอนท้าย

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327400538&grpid=00&catid=&subcatid=-

    .
     
  3. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    2-3วันนี้ ผมไม่เห็นว่ามีใครดูกระทู้ฯอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด
    ไม่ทราบพี่ๆท่านอื่นเป็นไหมครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    ครับ...ก็เลยไม่เห็นว่าใครดูอยู่บ้าง รู้สึกโหวงเหวง เหมือนเข้ามาคนเดียวเลยครับ
    ไม่รู้สึกอบอุ่น เหมือนตอนเมื่อได้เห็นว่ามีพี่ๆอยู่ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มกราคม 2012
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รอยุโรปจัดการปัญหาหนี้ให้ชัดเจน <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" valign="middle" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="middle" align="left">24 มกราคม 2555 01:11 น.</td></tr></tbody></table>

    ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส มองครึ่งปีแรกเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว เพื่อรอให้ยุโรปจัดการปัญหาหนี้สาธารณะให้ชัดเจน ขณะที่ไทยยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประเทศอย่างน้อย 3-6 เดือนหลังได้นับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม พร้อมมอง GDP Growth อยู่ที่ 4%

    รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด เปิด เผยว่า World Bank เป็นได้ทำการปรับลด GDP Growth ของเศรษฐกิจโลก โดยในปี 2554-2556 โดยเฉพาะในปี 2555 ได้ปรับลดลงจาก 3.6% เหลือ 2.5% ส่วนในปี 2556 ปรับลดลงเหลือ3.1% จากเดิม 3.6% ซึ่งถือว่าการปรับลดลงครั้งนี้ถือเป็นการปรับลดสอดคล้องกับสำนักวิจัยชั้นนำ ขอโลกที่ได้รับลดไปก่อนหน้าคือ HSBC, CITI, UBS ปรับลดลงระหว่าง 2.8-3.2% ตั้งแต่ปลายปี 2554

    อย่างไรก็ตามWorld Bank ก็เตือนต่อไปว่ามีโอกาสจะปรับลดอัตราการเจริญเติบโตในรอบถัดไป หากวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปยังยืดเยื้อเป็นปีที่ 3 โดยหากมีการปรับ GDP Growth ในรอบถัดไป คาดว่าอาจจะลดลงไปใกล้ 2% ซึ่งจะถือว่าเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เศรษฐกิจได้ผ่านพ้นวิกฤติซับไพร์มในปี 2551-2552 ซึ่งช่วงเกิดวิกฤติซับไพร์มGDP Growth โลกชะลอตัวจาก 3.96% ปี 2550 เหลือ 1.49% ในปี 2551 และติดลบ 2.3% ในปี 2552 ก่อนที่จะฟื้นตัวมาเป็นบวก 4.1% ในปี 2553

    โดยการปรับลดประมาณการ GDP Growth โลกในปี 2555 ลงนั้นหลัก มาจากประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะ ในกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป กล่าวคือลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.8% จากปี 2554 เป็นภาวะหดตัว หรือติดลบ 0.3% ตามมาด้วยสหรัฐ ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 2.9% เหลือ 2% ส่วนประเทศกำลังพัฒนาได้มีการปรับลด GDP Growth ของหลายประเทศลง โดยเฉพาะในฝั่งเอเซียตะวันออก และแปซิฟิค(East Asia and Pacific) ได้ปรับลดประเทศจีน ลงจากเดิม 8.7% เหลือ 7.4% และปรับลดลงอีกเล็กน้อยในปี2556 จากเดิม 8.8% เหลือ 8.3% ตามมาด้วย ประเทศอินโดนีเซีย โดยปรับลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิม 6.5% เหลือ 6.2%

    ส่วนประเทศไทยยังคงยืนตัวเลขอัตราการเติบโตที่เดิมคือ 4.2% ในปี 2555 แต่กลับประเมินว่าในปี 2556 ประเทศไทยจะเติบโตในอัตราสูงถึง 4.9% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 4.3% และเป็นที่สังเกตว่าในปี 2554 ประเทศไทยถูกปรับลด GDP Growth ลงจากเดิม 3.7% เหลือเพียง 2% นั่นหมายความว่าในงวดไตรมาส 4/54 GDP Growth น่าจะหดตัวราว 1% เนื่องจากผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ทั้งนี้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 เติบโตแล้วกว่า 3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า

    ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส มองต่อว่า นอกจากปัจจัยกดดันจากภายนอกแล้ว ผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่าน ทำให้ทางฝ่ายวิจัยฯ ได้ประเมินว่า GDP Growth ในปี 2554 จะเติบโตเพียง 1.5% ต่ำกว่าของ World Bank โดยประเมินว่าในงวดไตรมาส 4/55 GDP Growth ของไทย น่าจะติดลบ 3.1% ขณะที่ในงวด 9M54 GDP Growth อยู่ที่3.1% ส่วนปี 2555 คาดว่า GDP Growth จะเติบโตในอัตรา 4% โดยคาดว่าจะฟื้นตัวจากที่ติดลบมากในงวดไตรมาส4/54 อย่างมากดังกล่าวข้างต้น ลงมาเหลือติดลบเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 1/55 และ จะค่อยๆเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ของปี 2555 พร้อมกับอัตราการเติบโตจะสูงสุดที่ 7%ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555

    ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างน้อย 6 เดือนแรกของปี 2555 จนกว่าแผนการปรับโครงสร้างหนี้ในยุโรปจะแก้ไขเป็นรูปธรรม ขณะที่ประเทศไทย ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอย่างน้อย 3-6เดือน คือ ในช่วงปลายปี 2554 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 อันเป็นผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของปัญหาว่าได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากน้อยเพียงใด เช่น อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยตรง อาจจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูกิจการนานถึง 6 เดือน ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อย หรือ เป็นผลทางอ้อม เช่น น้ำท่วมทำให้การขนส่งไม่สะดวก กระทบทำให้ยอดขายตกต่ำกลุ่มนี้จึงน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มแรก

    อย่างไรก็ตามในสถานการณ์นี้ คาดว่า น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกนง. ยังคงเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2555 ราว0.75% ไปอยู่ที่ 2.5% โดยในการประชุมในวันที่ 25 ม.ค. นี้ คาดว่า กนง. น่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง0.25% เหลือ 3% ส่วนในช่วง 6 เดือนหลังของปี คาดว่าโอกาสการลดดอกเบี้ยน่าจะน้อยลง และเพื่อรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และภาวะเงินเฟ้ออีกรอบ

    ทั้งนี้ในช่วงปลายปี 2554 พบว่ามีหลายประเทศที่ได้เดินหน้าลดดอกเบี้ยไปแล้ว โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป ส่วนประเทศในแถบเอเซีย มีอินโดนีเซียนำร่องลดดอกเบี้ยไปนโยบายไปก่อน ตามมาด้วยไทย และจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศเดียวที่ใช้วิธีการลดอัตราการดำรงเงินสดสำรอง(Reserve Requirement) โดยลดลงไป 0.5% เหลือ 21% และทาง RBS (Royal Bank of Scotland) คาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกของป ? 2555 มีโอกาสลดลง 1-2% หรือลดลงมากสุดเหลือ 19-20% ซึ่งปัจจัยนี้อาจจะเป็นประเด็นเดียวที่น่าจะหนุนสภาพคล่องโลก และหนุนให้ตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้



    -http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010191-

    .____________________________________.


    ธปท. เปิดทางแบงก์พาณิชย์ลุยธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" valign="middle" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="middle" align="left">24 มกราคม 2555 21:25 น.</td></tr></tbody></table>

    ธปท. เพิ่มเครื่องมือให้แบงก์พาณิชย์ทำธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ เนื่องจากต้องการขยายขอบเขตการทำธุรกรรมของธนาคารให้สอดคล้องกับธุรกรรมใน ตลาด ที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตให้ทำได้ และเพิ่มผู้เล่นในตลาด เพิ่มช่องทางให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้มากขึ้น และที่สำคัญช่วยให้นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี มีช่องทางลงทุน พร้อมกระจายความเสี่ยง

    นางปรียานุช จึงประเสริฐ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายธุรกิจและบัญชีสถาบันการเงิน ฝ่ายนโยบายความเสี่ยง สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้าได้เพิ่มเติม ตามประกาศที่เคยออกไปเมื่อ 14 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการขยายขอบเขตการทำธุรกรรมของธนาคารพาณิชย์ให้สอดคล้องกับธุรก รรมในตลาด ที่สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ทำได้ และเพิ่มผู้เล่นในตลาด เพิ่มช่องทางให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้มากขึ้น ที่สำคัญช่วยให้นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

    “การเปิดให้ทำธุรกรรมสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้เพิ่ม จากเดิมที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารทำได้อยู่แล้ว เพราะจะได้ขยายธุรกรรมไปถึงลูกค้ารายย่อย ลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารได้ จากเดิมที่ทำเฉพาะรายใหญ่กับรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียน ตัวแทน ผู้ค้าที่ปรึกษา และผู้จัดการ ในสินค้าที่เป็นตราสารหนี้ ทองคำ หุ้น น้ำมัน หรือสินค้าอื่นๆ ภายใต้ พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ช่วยให้มีผู้เล่นในตลาดเพิ่ม เกิดการแข่งขัน ทำให้ราคาถูกลง ทำให้รายย่อยที่เดิมมีช่องการบริหารความเสี่ยงน้อย สามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น กระทบกำไรไม่มาก”

    นางปรียานุช กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ทำธุรกรรมดังกล่าวได้เพิ่มเติมนับเป็นการเตรียมพัฒนาระบบ ตลาดการเงินไทยให้มีความกว้างและลึกมากขึ้น เพิ่มเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงในตลาดให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และรายเล็ก เพราะเดิมถ้าเอสเอ็มอีไม่มีวงเงินกับธนาคารก็ไม่สามารถเข้าถึงการป้องกัน ความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ช่วยให้มีช่องทางป้องกันความเสี่ยงได้มากขึ้น เพราะปีนี้ที่น่าจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น กระทบการลงทุนในสินค้าในทุกรูปแบบ


    -http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010826-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ที่ผมเคยบอกไว้เมื่อตอนที่ไปงานวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และ ไหว้พระพุทธสิหิงค์ วันที่ 7 มกราคม 2555

    บอกไว้ว่า มีพิมพ์พระพุทธมหาธรรมราชาเก๊ออกมาแล้ว

    [​IMG]

    เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า เหอๆๆๆๆ

    .
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ที่ว่าโหวง เพราะไม่ได้ชมการโชว์พระ ระหว่างตาลุง กับลุง อ.เพชร สิ ครับ หุ หุ
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แงๆ ตาลุงบอกหาพระไม่เจอ จะนำมาโชว์ ลุง หนุ่มกับ ลุง อ.เพชรหน่อยครับ พระในตำนานหลวงพ่อเงิน เนื้อเมฆพัด ครับ หุ หุ
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..หุ..หลายวันนี้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาแล้ว ไม่มีโอกาสเข้าweb ด้วยซ้ำไป ติดเรียน และก็ติดทำไฟฟ้าที่บ้านแม่ยังไม่เสร็จครับ ใกล้สอบอีกด้วย อีก 3 เดือน ก็สอบรับใบอนุญาตที่กระทรวงอีกแล้ว แต่ก็แปลกที่ในช่วง 1 อาทิตย์ ได้ออกปฏิบัติการตามหาพระทวาฯ ก็ได้พระทวาฯ และพระศรีวิชัย รวม 5 องค์ มีอาที่เป็นเสี้ยนพระสมเด็จก็ offer หลวงปู่ทวดปี 2497 มาให้อีกละ พูดว่า กรูเป็นอาเมิง เมิงไม่เคยมาหากรู แล้วจู่ๆกรูจะเอาพระไปให้เมิงมันก็ไม่มีเหตุผล เขาว่ากันเป็นล้าน เฮ้อ..ผมตอบไปว่า อ๋อ.. ผมมีพระหลวงปู่ทวดอายุ 400 ปีแล้ว แต่เขาก็เหมือนไม่เข้าใจ ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำไป และก็พูดมาตลอด 3 ปีว่าพระร่วงหลังรางปืนองค์นั้นของเมิงสวยมาก ผมก็ว่า สวยตั้งแต่ปู่วิเคราะห์ให้ฟังเอาไว้แล้วนะ ไม่ใช่เพิ่งมาสวยเอาตอนอาผมชม...ก็เป็นทัศนะของเสี้ยน เสี้ยนหนอเสี้ยน..เมื่อไหร่จะตื่นก็ไม่ทราบ พระเกือบ 60 ปี เขาว่ากันเป็นล้าน 400 ปี นี่ต้องเท่าไหร่หว่ากูรูน้องนู๋...

    แต่ที่สะใจคือ พระทวาฯ ให้เขาไปเป็นค่าเก็บปีละบาท...ก๊ากกกก
     
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุง อ.เพชร เค้าขอชมแบบใหญ่ๆ ชัดๆไม่ เมตตาเค้าหน่อยหรือครับ อ้าวว่าแต่ไหนว่า มือผีกันไงครับ หุ หุ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ให้เสี้ยนชมพระกรุเชิงท่าไป 3 องค์จาก 30 องค์ เขาบอกว่า สวยมาก มากกว่าของเค้าอีก เขาไม่เคยเห็นพระพิมพ์นาคปรกแบบนี้ เสียดายรูปเล็กไปหน่อย ร้องขอชมอีก ผมบอกพอละ เอาไว้อารมณ์ดีก่อน ทำนองทำให้อยากแล้วจากไป 555555

    ยิ่งพอบอกข้อมูลว่า ใต้ฐานอุดชันโรง เสี้ยนยิ่งงงใหญ่ ไม่เคยเห็น เลยพาให้สงสัยว่า กรุเชิงท่าของเรากะเชิงท่าของเสี้ยนมันที่เดียวกันหรือเปล่าหว่า สงสัยว่า ของเราจะมือผีทำเทียมจากโรงงานเลยจัดให้ตามคำขอ จะเอาใหม่ เอาเก่า เอาละเอียด เอาหยาบโบราณทำได้ม๊ดดด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..หุ..หนักกว่านั้นก็มีครับ ลุงกูรูน้องนู๋ มาให้ช่วยดูพระกรุฮอดอีกละ..
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG] ทวา6.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 88 ครั้ง
    [​IMG] ทวา5.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 87 ครั้ง
    [​IMG] ทวา4.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 88 ครั้ง
    [​IMG] ทวา3.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 89 ครั้ง
    [​IMG] ทวา2.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 88 ครั้ง
    [​IMG] ทวา1.JPG
    1.1 KB, ดาวน์โหลด 89 ครั้ง

    โหลดไปมากขนาดนั้น ขอยืมคำพูดกูรูน้องนู๋ดีกว่า...หุ..หุ..เห็นยังยาก อย่าว่าแต่ไปหา
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อารายกัน ลุง อ.เพชร อุดชันโรงแล้วลงรักทับ ทำไมเสี้ยนไม่ทราบอ่ะครับ หุ หุ
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ต้องยืม คำพูด ลุง อ.เพชรครับ "ชอบ มาย ชอบมั้ย" ชอบมากเลยครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ถ้าทราบ เค้าจะได้ค่าเก็บปีละบาทหรือครับ 55555:cool:
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ตาลุง เล่าให้ฟังว่าขณะจะหา หลวงพ่อเงินมาโชว์แล้วไม่เจอ ปรากฎพบ ปูนสอ อัศนี จำนวนนับไม่ถ้วนจริงๆครับ หุ หุ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    [​IMG]
    ว่าแต่องค์นี้ต่าง จากพระกรุเชิงท่า ของตาลุงผมเลยนะครับ สงสัย นอกจากพิมพ์แล้วคงเป็นอายุต่างหลายๆร้อยปีมั้งครับ หุ หุ
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เพียงอ่านตำรา "บรมครูเทพโลกอุดร" "ตำรายา"พระอาจารย์อภิชิโต หลวงปู่ท่านเลยจัดหนักจริงๆ เริ่มด้วยหัวเชื้อพิมพ์อรหันต์กลาง ทองลูกบวบ ตามด้วยพิมพ์จงกรม ทองลูกบวบ และศรีวิชัย และทวาฯ เพียง 1 อาทิตย์

    ชอบมาย ชอบม๊าย...
     

แชร์หน้านี้

Loading...