พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    แบบนี้คงต้องขอความกรุณาคุณลุงไฟดูดนำรูปมาให้เด็กรุ่นหลังอย่างผมได้ชมเป็นขวัญตาบ้างแล้วละครับ
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุง ลุง ฮับ กะแวะ ไว้พระ วัดคลองข่อย ด้วยฮับ สนใจปล่าวฮับ หุ หุ
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วัดกลางคลองข่อยมีพระอุ้มบาตร+พิพิธภัณฑ์ ตรงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์น่าสนใจจริงๆ...หุ..หุ...
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โบสต์ เก่า ไม่ได้เปิดให้ชมครับ แต่ไม่แน่ดีลดีๆอาจจะได้นะครับ หุ หุ
     
  5. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    อ้าวๆๆๆยังกะรู้นะนี่ วันนี้ห้อยปูนสอพิมพ์ใหญ่วัด.....บรรจุที่วัดกลางคลองข่อยมาด้วยนิ.อิอิ
     
  6. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    สี่ทหารเสือ มีหรืออะไรจะมากั้นได้ถ้าใจเป็นใหญ่ เห็นแล้วไม่ใช่หรือเมื่อวันที่เจ็ดมกราคม
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุง ฮับ โม้มาก เดี๋ยวจากรถ บีเอ็ม จะต้องเป็นรถบัส นาคร๊าบ หุ หุ
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ก๊ากกก..ลุงไฟดูดยังประทับใจเหตุการณ์วันที่ ๗ มกราคมไม่หาย ฤกษ์งามยามดีฟ้าเปิดซะขนาดนั้น ขนาดเข้าไปเสกรอบนึงแล้ว ยังวนรถเข้าไปเสกอีกรอบ Deal นี้สงสัยว่าลุงไฟดูดอาจจะต้องเตรียมปูนสอไปถวายบรรจุที่พิพิธภัณฑ์ถึงจะเข้าไปได้นะ อย่าลืมเผื่อผู้ร่วมสังเกตุการณ์ด้วยนาลุง...
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ faidood [​IMG]
    เด็กๆๆๆรุ่นนี้ถ้าได้เห็นผ้าไหมไทยเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมาและถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีแล้วไม่บอกว่าเป็นของเก่า ก็ไม่รู้ เพราะอยู่ในสภาพที่ดีลวดลายก็ยังทันสมัย แต่วิธีการทอก็โบราณ งานปราณีกว่าปัจจุบันมาก เพราะเป็นงานที่สร้างขึ้นด้วยจิตและวิญญาน การที่จะมอบผ้าไหมทอมือให้ใครสักคนนี้เค้าจะคิดแล้วคิดอีกครับ มีที่มาก็ฟังมาจากคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังครับ ไปเมื่อไหรบอกด้วยครับจะได้ถือติดมือเป็นผ้าไหมลายดอกพิกุลให้ชมเป็นของอดีดอันดับหนึ่งในประเทศไทย ลาว พม่า และเพื่อนบ้านที่เคารพ ศรัทธากราบไหว้บูชา ขอบอก ขอบอกครับท่าน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปฐม [​IMG]
    แบบนี้คงต้องขอความกรุณาคุณลุงไฟดูดนำรูปมาให้เด็กรุ่นหลังอย่างผมได้ชมเป็นขวัญตาบ้างแล้วละครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ลุง ลุง ฮับ กะแวะ ไว้พระ วัดคลองข่อย ด้วยฮับ สนใจปล่าวฮับ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    วัดกลางคลองข่อยมีพระอุ้มบาตร+พิพิธภัณฑ์ ตรงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์น่าสนใจจริงๆ...หุ..หุ...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    โบสต์ เก่า ไม่ได้เปิดให้ชมครับ แต่ไม่แน่ดีลดีๆอาจจะได้นะครับ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ faidood [​IMG]
    อ้าวๆๆๆยังกะรู้นะนี่ วันนี้ห้อยปูนสอพิมพ์ใหญ่วัด.....บรรจุที่วัดกลางคลองข่อยมาด้วยนิ.อิอิ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ faidood [​IMG]
    สี่ทหารเสือ มีหรืออะไรจะมากั้นได้ถ้าใจเป็นใหญ่ เห็นแล้วไม่ใช่หรือเมื่อวันที่เจ็ดมกราคม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ลุง ฮับ โม้มาก เดี๋ยวจากรถ บีเอ็ม จะต้องเป็นรถบัส นาคร๊าบ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ก๊ากกก..ลุงไฟดูดยังประทับใจเหตุการณ์วันที่ ๗ มกราคมไม่หาย ฤกษ์งามยามดีฟ้าเปิดซะขนาดนั้น ขนาดเข้าไปเสกรอบนึงแล้ว ยังวนรถเข้าไปเสกอีกรอบ Deal นี้สงสัยว่าลุงไฟดูดอาจจะต้องเตรียมปูนสอไปถวายบรรจุที่พิพิธภัณฑ์ถึงจะเข้าไปได้นะ อย่าลืมเผื่อผู้ร่วมสังเกตุการณ์ด้วยนาลุง...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อะไร อะไร ก็เป็นใจ ดีจังเลย ลงตัวเหมาะดี จะได้แวะหลายๆที่

    อ่า ขอบัส 2 ชั้น ครับ ไว้ด้านล่าง จะได้ไปนั่งคุยกับท่านโด 2 ต่อ 2 อิอิ

    ถึงเวลา ผมได้กล้องถ่ายรูปมาแล้วแน่นอนเลย คงได้ถ่ายรูปมันมือ

    .<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    โฮๆๆโฮๆๆนี่พ่อหนุ่มกะไปรถบัสสองชั้นเลยละ ไชโย หนุ่มเป็นคนเหมารถบัสสองชั้นให้เรานั่งไป...ต้องขอขอบคุณคร้าบๆๆๆๆจะได้อบอุ่นเดี๋ยวจะออกเทียบเชิญให้ไปกันมากๆๆนะหนุ่มน้ำใจงาม(เจ้ามือ) จะได้ไม่ต้องเอาโลละเท่าไหร่ไปด้วย ขอบคุณคร้าบๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  11. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    นี่นะลุงหนู...เช้านี้นะลองแวบไปดูไม่มาด้วยละเหมือนที่คิดไว้เลยละ..ครั้งก่อนก็แบบนี้ละ..มันทำให้เราเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้วละ..จะไม่ปล่อยให้ลอยไปต่อหน้าต่อตา..ต่อยายอีกต่อไปละ แต่ดูแล้วว่าถ้าจะเจออีกก็ขอบอก ขอบอกละ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อวันอาทิตย์ขณะที่ชมพิพิธภัณฑ์ของเก่า + ยาอยู่ที่รพ.อภัยภูเบศว์ เกิดอยากได้น้ำผึ้งมาทำยา แต่ก็นึกเล่นๆว่า อยากได้น้ำผึ้งแท้๑๐๐% แบบไม่ใช่เดินไปซื้อหาตามร้านขายยาทั่วไป เมื่อครู่ไปหาซื้อถั่วเขียว อาแปะเจ้าของร้านกำลังไปตักชั่งกิโลอยู่ ก็มีคนขายน้ำผึ้งแบกใส่เป้ดำมาคะยั้นคะยอขายให้อาแปะเจ้าของร้าน ๖ ขวด อาแปะเขาปฏิเสธว่า ยังมีอยู่ แต่จิตสัมผัสได้ว่า อาแปะไม่ค่อยเชื่อถือคนขายน้ำผึ้งเลยหาข้ออ้างเบี่ยงประเด็น จนผมสงสาร ก็ถามซักไซ้ไปมา จนรู้ว่าเป็นคนชัยภูมิ น้ำผึ้งนี้เป็นน้ำผึ้งป่าจากภูนกแซว พอตรวจดูน้ำผึ้งก็พบว่า เป็นน้ำผึ้งแท้ เหมาะจะนำไปทำยาอายุวัฒนะตามตำราเก่าที่ขุดได้ในเจดีย์เมืองย่างกุ้ง เท่าที่ลองตรวจสอบดูขนานยาอายุวัฒนะหลายขนานล้วนแล้วแต่มีน้ำผึ้งเป็นตัวยาอยู่ด้วยทั้งสิ้น สุดท้ายคนขายน้ำผึ้งเขาแบ่งมาให้ ๔ ขวดจาก ๖ ขวด เพราะถือไม่ไหวครับ ไม่งั้นเอาหมด ตอนนั้นอาแปะบอกว่า ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ต้องซื้อกับคนที่รู้จักเท่านั้น 5555 พอผมหิ้วขวดน้ำผึ้ง ๔ ขวดนี้ ยิ่งชัดกันไปใหญ่ เพราะความถ่วงจำเพาะของน้ำผึ้งมากกว่าน้ำ หากเป็นน้ำ ๔ ขวด บรรจุขวดละ ๑ ลิตร อย่างมาก ๔ ก.ก. แต่นี่น้ำหนักราว ๖-๗ ก.ก.

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=800 bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD width=775 colSpan=2>
    [​IMG] น้ำผึ้ง (Honney)

    ความหมาย
    น้ำผึ้ง ตามความหมายที่ใช้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึง ของเหลวรสหวานซึ่งผึ้งผลิตขึ้นมาจากน้ำหวานจากดอกไม้ หรือจากส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้แล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง

    ผึ้งผลิตน้ำผึ้งได้อย่างไร

    เมื่อผึ้งเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะจะมีน้ำย่อย (enzyme) จากต่อมน้ำลายขับออกมาย่อยเปลี่ยนหรือเรียกว่า

    เมตาบอไลซ์ น้ำตาลกูลโคส และฟรุคโตส ให้เป็นน้ำตาลแปรรูป (invert sugar) คือ น้ำตาลลีวูโลส เดกซ์โทรส และมอลโตส นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลอื่น ๆ อีกแต่มีจำนวนน้อยมาก ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตั้งแต่ผึ้งเริ่มบินกลับรัง ในขณะที่ผึ้งกระพือปีกจะเกิดพลังงานความร้อนช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ ตลอดจนช่วยเผาผลาญลดความชื้นในน้ำหวานให้กลายเป็นน้ำผึ้งเร็วขึ้น เมื่อผึ้งงานกลับมาถึงรังจะคายน้ำหวานแปรรูปนี้ให้กับผึ้งงานประจำรัง ซึ่งจะรับกันด้วยปากต่อปาก น้ำหวานแปรรูปนี้ยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ เพราะยังมีความชื้นหรือน้ำในน้ำหวานมากถึงร้อยละ 30-40 ต่อมาผึ้งงานประจำรังจะนำน้ำหวานนี้ไปเก็บในหลอดรวงน้ำผึ้ง ตอนเย็นกลับรังกันเป็นส่วนใหญ่จะช่วยกันกระพือปีกช่วยให้มีการระเหยของน้ำหวานอีกจนเป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ มีน้ำเหลืออยู่เพียงร้อยละ 20 - 25 เท่านั้น หลังจากนั้นผึ้งงานจะใช้ไขผึ้งปิดหลอดรวงที่เก็บน้ำผึ้งนี้ไว้เป็นอาหาร เพื่อใช้เป็นพลังงานในชีวิตประจำวันและยามขาดแคลนอาหารต่อไป

    เมื่อผึ้งงานสร้างฝาขี้ผึ้งปิดหลอดรวงแล้วแสดงว่าน้ำผึ้งเข้มข้นได้ที่แล้ว ผู้เลี้ยงจะนำรวงผึ้งมาปาดฝารวงด้วยมีดปาดฝาแล้วจึงนำรวงผึ้งนั้นเข้าเครื่องสกัดหมุนให้น้ำผึ้งไหลออกจากรวงโดยแรง แล้วจึงนำรวงผึ้งนั้นเข้าเครื่องสกัดหมุนให้น้ำผึ้งไหลออกจากรวงโดยแรงเหวี่ยง จะได้น้ำผึ้งที่สะอาด แต่อาจมีเศษไขผึ้งหรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ติดมา จึงต้องกรองด้วยผ้ากรองแล้วเก็บไว้ในถังสูงที่ฝาปิดมิดชิด ป้องกันมดและฝุ่นละอองตกลงไปในถัง การบรรจุน้ำผึ้งจากถังลงสู่ขวดจะเปิดวาล์วให้น้ำผึ้งจากก้นถังลงสู่ขวดบรรจุ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีฟองอากาศติดปนมา


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    ความแตกต่างของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหาร

    เป็นธรรมชาติของรังผึ้งที่จะเก็บน้ำหวานสะสมไว้ภายในรัง ดังนั้น หากผู้เลี้ยงมีกรรมวิธีจัดการดูแลที่ดี และมีรังผึ้งอยู่ในบริเวณ
    ที่ในช่วงเวลาหนึ่งที่มีพืชชนิดเดียวกัน ออกดอกบานพร้อม ๆ กัน น้ำหวานที่ผึ้งงานดูดเก็บสะสมแปรรูปเป็นน้ำผึ้งไว้ภายในรังส่วนใหญ่ก็มาจากแหล่งพืชเดียวกัน โดยปกติแล้วน้ำหวานที่ปล่อยออกมาจากต่อมน้ำหวานของพืชแต่ละชนิดจะมีกลิ่น รส สี แตกต่างกันออกไปเฉพาะตัว และองค์ประกอบโครงสร้างของน้ำตาลก็อาจผิดแผกจากกันไปบ้าง จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหารได้เช่น น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกส้ม น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกสาบเสือ ฯลฯ ซึ่งน้ำผึ้งแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้

    1. ความแตกต่างในเรื่องกลิ่น รส และสีของน้ำผึ้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับน้ำหวานของดอกไม้ที่ผึ้งเก็บ มีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน น้ำตาลอ่อน
    ไปจนถึงน้ำตาลไหม้ ตัวอย่างเช่น น้ำผึ้งที่ได้จากดอกลำไยจะมีสีเข้ม มีกลิ่นหอมและมีรสหวานกว่าน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลิ้นจี่ ดอกเงาะ ดอกทุเรียน ดอกนุ่น

    2. องค์ประกอบของน้ำตาล เช่น สัดส่วนของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุคโตสไม่เท่ากัน มีผลถึงความแตกต่างทางด้าน

    คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำผึ้ง เช่น

    - การตกผลึก น้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในสวนยางพารา สามารถตกผลึกได้ทั้งหมด เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็นหลายชั่วโมง
    ในขณะที่น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ตกผลึกได้น้อยกว่า หรือน้ำผึ้งจากดอกลำไยและนุ่น ไม่ค่อยตกผลึกเลยในสภาพเดียวกัน

    - ความสามารถในการอุ้มน้ำ ซึ่งน้ำผึ้งบางชนิดจะอุ้มน้ำไว้ในปริมาณมากกว่าน้ำผึ้งอีกชนิดหนึ่ง
    คุณสมบัติของน้ำผึ้ง

    1. คุณสมบัติทางกายภาพ ​
    - ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส มีความถ่วงจำเพาะประมาณ 1.4225
    - น้ำผึ้ง 3,785 มิลลิลิตร ( 1 แกลลอน ) หนัก 5,375 กรัม
    - น้ำผึ้ง 0.453 กิโลกรัม ( 1 ปอนด์ ) ให้พลังงาน 1,380 แคลอรี
    - น้ำผึ้ง 1 กิโลกรัม ให้พลังงาน 3.03 แคลอรี

    2. คุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรีย (antibiotic)​
    - มีค่าความเป็นกรด (ค่า pH เฉลี่ยเท่ากับ 3.9) เพียงพอที่จะยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดได้
    - มีความสามารถดูดซับน้ำได้สูงมาก (hyperosmosis) ดึงดูดน้ำออกจากเซลล์แบคทีเรีย
    - มีความสามารถในการเกิดสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogenperoxide) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สารนี้เกิดจากปฏิกิริยาของเอนไซม์เมื่อน้ำผึ้งมีความชื้นมากกว่า 20 เปอร์เซนต์

    องค์ประกอบของน้ำผึ้ง

    องค์ประกอบของน้ำผึ้งจะผันแปรไปตามชนิดของดอกไม้ที่ผึ้งบินออกไปเก็บรวบรวมเข้ามาไว้ในรังของมัน แต่จะอยู่ใน ​
    ค่าพิสัยที่ไม่กว้างมากนัก น้ำผึ้งที่มาจากดอกไม้ชนิดเดียวกัน แต่ขึ้นหรือปลูกอยู่ต่างพื้นที่ก็ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน เช่น สี ความชื้น โดยทั่วไปองค์ประกอบของน้ำผึ้งจะเป็นดังนี้

    1. ปริมาณความชื้น น้ำผึ้งที่ดีควรมีปริมาณความชื้นไม่เกินร้อยละ 18 เพื่อให้มีรสชาติที่เข้มข้น สามารถเก็บไว้ได้นาน​
    โดยจะเปลี่ยนแปลงสภาพเล็กน้อยและป้องกันไม่ทำให้น้ำผึ้งเสียคุณค่าจากการหมัก

    2. น้ำตาลของน้ำผึ้ง น้ำผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ เพราะถ้าหักปริมาณน้ำหรือความชื้น เพราะ ถ้าหักปริมาณน้ำหรือความชื้นออกเสียแล้ว ร้อยละ 95-99 ที่เหลือจะเป็นน้ำตาลชนิดต่าง ๆ ชนิดที่สำคัญคือน้ำตาลลีวูโลส (ฟรุคโตส) และเดกซ์โตส (กลูโคส) ที่ผึ้งย่อยสลายจากน้ำตาลซูโครสในน้ำหวานน้ำตาลทั้งสองชนิดซึ่งเป็นน้ำตาลในโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันที และทำให้น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางกายภาพอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น ดูดความชื้นจากบรรยากาศ น้ำผึ้งที่ดีควรมีน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 นอกจากนี้น้ำตาลลีวูโลสยังมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 1.6 เท่า ขณะที่ร่างกายดูดซึมได้ช้า จึงสามารถใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทั่วไปได้ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักในระดับที่ไม่เคร่งครัดนัก น้ำผึ้งที่ได้จากน้ำหวานดอกไม้จะมีน้ำตาลลีวูโลสมากกว่าน้ำตาลเดกซ์โตส นอกจากน้ำตาลทั้งสองชนิดแล้ว น้ำผึ้งยังประกอบด้วย ซูโครส มอสโทส แล็กโทส และน้ำตาลอื่น ๆ รวม 17 ชนิด ​

    3. กรดในน้ำผึ้ง เนื่องจากน้ำผึ้งมีรสหวานจัด รสเปรี้ยวของสภาพความเป็นกรด จึงถูกปิดบังเอาไว้ กรดในน้ำผึ้งมีหลาย ​
    ชนิด เช่น กรดฟอร์มิก อะซีติก มิวทาร์ก ซีตริก และซักซินิก กรดที่สำคัญที่สุดในน้ำผึ้ง คือ กรดกลูโคนิก ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของน้ำตาลเดกซ์โตสในน้ำผึ้งยังมีกรดอะมิโนถึง 16 ชนิด นอกจากนี้ยังมีกรดอนินทรีย์ คือ กรดฟอสฟอริก และกรดเกลือ (ไฮโดรคอลริก) อีกด้วย

    4. แร่ธาตุในน้ำผึ้ง ปริมาณเถ้า (ส่วนของแร่ธาตุต่าง ๆ) ในน้ำผึ้งมีค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 0.17 ของน้ำหนักน้ำผึ้ง แร่ธาตุที่พบในน้ำผึ้ง ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำผึ้งแม้จะมีไม่มากนัก แต่อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม การเติมน้ำผึ้งลงไปแทนน้ำตาลในอาหารชนิดต่าง ๆ จะเป็นการเพิ่มปริมาณแร่ธาตุที่จำเป็นของร่างกาย และยังเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหารอย่างอื่นอีกด้วย ​

    5. เอนไซม์ในน้ำผึ้ง เอนไซม์คือสารประกอบเชิงซ้อนที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิด ปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเซลล์นั้น ๆ เอนไซม์ที่สำคัญที่สุดที่พบในน้ำผึ้ง คือ “อินเวอร์เทส” ซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครส ในน้ำหวานของดอกไม้ให้เป็นน้ำตาลแปรสภาพ น้ำตาลเดกซ์โตส และลีวูโสล ในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ “ไดแอสเทส หรือ อมัยเลส” เอนไซม์ชนิดอื่น ๆ ในน้ำผึ้งมี เอนไซม์คาตาเลส และฟอสฟาเทส และในรายงานล่าสุด พบว่าในน้ำผึ้งมีเอนไซม์อีกชนิดหนึ่งคือ กลูโคออกซิเดสเป็นเอนไซม์จากฟารังเกลแกลนด์ของผึ้ง ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดกลูโคนิก และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ “อินฮิบิท” ที่ทำหน้าที่ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้ ​

    6. วิตามินในน้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมีวิตามินอยู่หลายชนิด ได้แก่ ไทอามีน (บี 1) ไรโบฟลาวิน (บี 2) กรดแอนคาร์บิก (วิตามินซี) ไพร์ด็อกซิน (บี 6) กรดแพนโทธินิก กรดนิโคดินิก หรือที่เรียกว่ากรวมกลุ่มว่า วิตามินคอมเพล็กซ์ ปริมาณวิตามินในน้ำผึ้ง แต่ละชนิดแตกต่างกันตามที่มาของน้ำผึ้ง เดกซทรินในน้ำผึ้งเป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลของกลูโคสต่อกันเป็นโซ่ยาว เป็นส่วนที่ทำให้ชุ่มคอและเคลือบผิว​

    7. สารแขวนลอยในน้ำผึ้ง สารแขวนลอย หมายถึง โมเลกุลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของโมเลกุลขนาดเล็ก และกระจายตัวอยู่ในของเหลวนั้น ๆ โมเลกุลของสารแขวนลอยจะไม่ตกตะกอน สารแขวนลอยส่วนใหญ่ในน้ำผึ้งจะเป็นเกสรดอกไม้ ทั้งที่ไม่ถูกน้ำย่อยย่อย และที่ถูกน้ำย่อยแล้วบางส่วน และพบว่ามีโปรตีน 4-7 ชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันปริมาณโปรตีนในน้ำผึ้งมีอยู่ประมาณร้อยละ 0.1-0.6​

    8. อินฮิบิทหรือคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรคของน้ำผึ้ง สารอินฮิบิทมีผลต่อต้านเชื้อโรค เพราะการผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในปฏิกิริยาเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคส เป็นกลูโคลในแลคโดนโคเอนไซม์กลูกโคออกซิเดส จึงมีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการรักษาแผล้ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลติดเชื้อ สารกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพอื่น ๆ ในน้ำผึ้ง วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำผึ้งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสารที่กระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพด้วย แต่ในน้ำผึ้งยังมีอีกหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันไม่สามารถค้นพบได้ มีการทดลองหลายอย่างที่พิสูจน์ว่าน้ำผึ้งมีส่วนในการกระทำปฏิกิริยาทางชีวภาพ เช่น ช่วยการสร้างรากของกิ่งไม้ช่วนในการเจริญเติบโตของยีสต์ ช่วยเร่งการย่อย ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยในการเจริญเติบโตตามภาวะปกติหรือยามเจ็บป่วย​
    จากการวิเคราะห์คุณภาพของน้ำผึ้งจากดอกไม้ชนิดต่าง ๆ พบว่าน้ำผึ้งจะดอกเงาะมีปริมาณซูโครสน้อยที่สุด (1.66%) และมีความชื้นน้อยที่สุด (14.87%) กล่าวได้ว่า น้ำผึ้งจากดอกเงาะมีความบริสุทธิ์มากกว่าน้ำผึ้งจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ
    ตารางแสดงผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งบางชนิด




    <TABLE border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=138>ชนิดน้ำผึ้ง








    </TD><TD vAlign=top width=85>ความชื้น


    (%)​











    </TD><TD vAlign=top width=93>น้ำตาลซูโครส


    (%) ​








    </TD><TD vAlign=top width=56>แร่ธาตุ
    (%) ​


















    </TD><TD vAlign=top width=133>
    ความเป็นกรด (มก.ของกรด/น้ำผึ้ง 1กก.)













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    ความใสของน้ำผึ้งที่ 20 องศาเซลเซียส













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    น้ำตาลทั้งหมด













    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=138>น้ำผึ้งลำไย




    </TD><TD vAlign=top width=85>
    15.42













    </TD><TD vAlign=top width=93>
    6.70













    </TD><TD vAlign=top width=56>
    0.2659













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    31.54













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    1.42













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    71.78













    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=138>น้ำผึ้งมะพร้าว




    </TD><TD vAlign=top width=85>
    19.26













    </TD><TD vAlign=top width=93>
    5.34













    </TD><TD vAlign=top width=56>
    0.9064













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    71.88













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    1.37













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    71.49













    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=138>น้ำผึ้งสาบเสือ




    </TD><TD vAlign=top width=85>
    18.48













    </TD><TD vAlign=top width=93>
    8.55













    </TD><TD vAlign=top width=56>
    0.2187













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    25.95













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    1.04













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    73.77













    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=138>น้ำผึ้งเงาะ




    </TD><TD vAlign=top width=85>
    14.87













    </TD><TD vAlign=top width=93>
    1.66













    </TD><TD vAlign=top width=56>
    0.086













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    38.04













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    1.41













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    73.00













    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=138>น้ำผึ้งนุ่น




    </TD><TD vAlign=top width=85>
    17.84













    </TD><TD vAlign=top width=93>
    12.02













    </TD><TD vAlign=top width=56>
    0.277













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    34.66













    </TD><TD vAlign=top width=133>
    1.43













    </TD><TD vAlign=top width=95>
    86.76













    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

    น้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งเลี้ยงมีคุณสมบัติเหมือนน้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาติและยังสามารถเจาะจงให้ได้น้ำผึ้งจากแหล่งของดอกไม้​
    ตามความต้องการ เช่น น้ำผึ้งจากสวนลำไย ลิ้นจี่ เป็นต้น โดยที่ผึ้งจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ มีวิธีการจัดการที่ดีทำให้ได้น้ำผึ้งมากกว่าผึ้งที่หาอาหารจากธรรมชาติ ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี ควรเป็นดังนี้

    1. มีความข้น และหนืดพอสมควร ซึ่งแสดงว่ามีน้ำน้อย น้ำผึ้งที่ดีไม่ควรมีน้ำเกินร้อยละ 21 หากมีเจือปนมากกว่านั้นจะทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโตและทำลายคุณค่าของน้ำผึ้งได้ ​

    2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล ใสไม่ขุ่นทึบ ​

    3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มา ปกติพืชที่ใช้ผลิตน้ำผึ้งมีหลายชนิดที่นิยม คือ ลำไย ลิ้นจี่ และสาบเสือ น้ำผึ้งลำไย นับเป็นน้ำผึ้งที่มีรสหวานเป็นพิเศษเหนือกว่าน้ำผึ้งจากพรรณไม้อื่นทั้งหมด ​

    4. ปราศจากกากไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปนรวมทั้งวัสดุต่าง ๆ แขวนลอยอยู่ ​

    5. ปราศจากกลิ่น รส ที่น่ารังเกียจอื่นใด หรือกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง ​

    6. ไม่มีการใส่สารปรุงรสแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง ​

    จากลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีดังกล่าวข้างต้น สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการรับประทานน้ำผึ้ง สามารถพิสูจน์ได้ง่าย ๆ จากการดูลักษณะ ดมกลิ่น และชิม แต่ถ้าไม่คุ้นเคยก็เป็นการยาก นอกจากจะใช้การวินิจฉัย โดยการตรวจสอบทางเคมี การที่น้ำผึ้งมีฟองอากาศอยู่มากและมีลักษณะเหลว ถ้าเปิดภาชนะดมดู มีกลิ่นบูดเปรี้ยวแสดงว่าน้ำผึ้งนั้นบูดแล้วโดยมีเชื้อยีสต์ทำปฏิกิริยาเปลี่ยนน้ำผึ้งบางส่วนไปเป็นแอลกอฮอล์ เห็นได้ชัดจากฟองอากาศที่มีอยู่มากบริเวณผิวของน้ำผึ้ง ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของยีสต์นั่นเอง ​

    น้ำผึ้งที่ดีควรมีรสหวาน หอม ไม่ขมเผื่อน ไม่มีรสหรือกลิ่นไหม้ที่แสดงว่าน้ำผึ้งนั้นได้รับความร้อนสูงเกินไปในขบวนการเก็บหรือบรรจุในบางครั้ง น้ำผึ้งดีแต่ถูกเก็บไว้นานในที่เย็น หรือน้ำผึ้งจากดอกไม้บางชนิด อาจตกผลึกเป็นตะกอนนอนก้นอยู่ก็เข้าใจผิดว่าน้ำผึ้งนั้นเสีย ซึ่งสามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมไดผู้บริโภคบางรายนิยมรับประทานน้ำผึ้งที่ตกผลึกเพราะมีรสชาติอีกแบบหนึ่ง และง่ายต่อการรับประทานด้วย มีบางบริษัทผลิตน้ำผึ้งในรูปของน้ำผึ้งครีม หรือน้ำผึ้งที่ตกผลึกจำหน่าย ​


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>การเก็บรักษาน้ำผึ้ง

    1. ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ที่ได้มาตรฐาน คือ มีน้ำไม่เกินร้อยละ 18 สามารถเก็บไว้ได้ โดยไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นเพราะน้ำผึ้งแท้เป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี ๆ โดยมีเปลี่ยนแปลง

    2. เก็บในภาชนะบรรจุอาหารที่สะอาด

    3. ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำ ๆ เพราะประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน ทิ้งไว้นาน ๆ ทำให้น้ำผึ้งเปลี่ยนสี ถ้าไม่สามารถเก็บไว้้ในอุณหภูมิต่ำ ๆ ได้ให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง และไม่ควรให้แสงแดดส่องถึง

    วิธีการดูน้ำผึ้งแท้

    1. ต้องมีกลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ที่ระบุไว้บนฉลากข้างขวดน้ำผึ้ง เช่น น้ำผึ้งลำไย ก็ควรมีกลิ่นดอกลำไย แต่ไม่สามารถเปิดขวดน้ำผึ้งเพื่อจะดมกลิ่น หรือไม่มีตัวอย่างให้ลองชิมได้ก็ต้องพิจารณาคุณสมบัติอื่นที่มองเห็นได้ เช่น สะอาดปราศจากสิ่งเจือปนสี ความหนืด การแยกเป็นชั้น ตกตะกอนที่ก้นขวด เป็นต้น ​

    2. ต้องมีความเข้มข้น คือ มีความหนืด แม้ในอากาศร้อนหรือที่อุณหภูมิร้อน ถือว่าเป็นน้ำผึ้งที่สุกผ่านขบวนการบ่มจากผึ้งมาอย่างดี มีน้ำย่อยหรือเอนไซม์ ​

    3. ต้องมีสีตามธรรมชาติที่ได้เก็บเกี่ยวมา ถ้าน้ำผึ้งมีสีเข้มมากจนดำแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งที่เก็บมานานแล้ว บางปีบางฤดูกาล​

    สีน้ำผึ้งมีสีค่อนข้างเข้มก็มี สำหรับน้ำผึ้งที่เก็บไว้นานจะมีคุณสมบัติลดลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ควรบันทึกวัน เดือน ปี ที่บรรจุก็สามารถรู้ได้ แต่ก็อาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่เที่ยงตรงนัก เพราะน้ำผึ้งอาจจะถูกเก็บไว้ในถังใหญ่เป็นปีก่อนนำมาบรรจุขวดก็ได้ ​

    4. ต้องไม่แยกชั้น ต้องอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน น้ำผึ้งที่มีความชื้นต่ำกว่าร้อยละ 18.6 สามารถเก็บไว้ได้เป็นปีโดยไม่เกิดการหมัก แต่ถ้าน้ำผึ้งมีความชื้นสูงหรือเหลวมากจะเก็บไว้ไม่ได้นานเพราะยีสต์ที่อยู่ในน้ำผึ้งสามารถเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ได้​

    5. ต้องสะอาดไม่มีสิ่งเจือปน ถ้ามีสิ่งเจือปนแสดงว่ากรรมวิธีการเก็บเกี่ยวไม่ดี ​

    6. ถ้าดูน้ำผึ้งไม่เป็นเลย ก็ใช้วิธีดูฉลาก ดูบริษัทที่ผลิตว่ามีความน่าเชื่อถือขนาดไหน หรือมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ อย. หรือ สมอ. ​

    วิธีพิสูจน์น้ำผึ้งแท้

    1. หยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษทิชชู ถ้าเป็นของปลอมหยดน้ำผึ้งจะขยายตัวเป็นวงกว้าง ​

    2. หยดน้ำผึ้งลงในน้ำ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะกองเป็นก้อนก่อนแล้วจึงจะค่อย ๆ ละลาย ​

    3. เมื่อใช้ไม้จิ้มน้ำผึ้งขึ้นมา น้ำผึ้งจะไหลเป็นสายบาง ๆ ไม่ขาดสายจะพันกองเป็นชั้น ๆ ก่อนที่รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ​

    4. ถ้าเก็บในที่อุณหภูมิต่ำ น้ำผึ้งจะมีผลึกน้ำตาลกลูโคส ตกเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ให้สังเกตจากการตกผลึก เนื่องจากผลึกของน้ำผึ้งเป็นผลึกที่ไม่มีเหลี่ยม จึงไม่เกาะกันแน่น อยู่อย่างอิสระ แตกตัวง่ายกว่าผลึกน้ำตาล ซึ่งจับแข็งเป็นก้อน ​

    5. น้ำผึ้งแท้มีผู้กล่าวว่ามดไม่ขึ้น ​

    6. เทน้ำผึ้งลงบนฝ่ามือ หากล้างออกง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ ​

    7. หยดน้ำผึ้งที่นิ้ว และคลึงไปมา ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่แห้ง และยังลื่นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอมปนน้ำผึ้งจะตกผลึกและเหนียว ​

    8. ใช้น้ำผึ้งทาขนมปัง น้ำผึ้งแท้ทาขนมปังจะแห้งแข็ง น้ำผึ้งปลอมทาขนมปังจะเปื่อยยุ่ย (เป็นขุย) ​

    9. จุ่มไม้ขีดไฟลงในน้ำผึ้ง ถ้าจุดไฟติดแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้แน่นอน ​

    10. ใช้ใบชา (ที่ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่ม) โดยใช้น้ำผึ้งประมาณ 2-3 ช้อนชา ใส่ในแก้วแล้วนำใบชามาใส่ลงไป สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงสีของน้ำชา ถ้าน้ำชาเปลี่ยนสีเป็นคล้ำค่อนข้างดำ แสดงว่าน้ำผึ้งนั้นจะมีส่วนผสมของแบะแซ ​

    อย่างไรก็ดี กรมวิทยาศาสตร์บริการได้เคยเสนอรายงานผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากลตามข้อกำหนดของ FAO / WHO (CPC/RS 12-1969) น้ำผึ้งแท้ควรมีลักษณะดังนี้ ​

    1. ปริมาณของน้ำตาลรีคิวซิ่งทั้งหมด (fructose , glucose , dextrose) ไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 60 (น้ำผึ้งดีควรมีอยู่ประมาณร้อยละ 65-70) ​

    2. อัตราส่วนน้ำตาลฟรุคโตส : กลูโคส : เดกซ์โตรส ควรอยู่ระหว่าง 90:110:100 น้ำผึ้งที่ดีควรมีน้ำตาลฟรุคโตสมากกว่าน้ำตาลเดกซ์โตรสเล็กน้อยหรือใกล้เคียงกัน ​

    3. ปริมาณน้ำตาลซูโครสควรมีประมาณร้อยละ 5 อนุโลมไม่เกินร้อยละ 10 ​

    4. ควรมีเอนไซม์เอสเทสอยู่ด้วยตามธรรมชาติ ​

    5. ความชื้นหรือน้ำควรอยู่ระหว่าง ร้อยละ 17-21 ​

    6. สังเกตจากกลิ่นและรสประกอบด้วยจะเห็นได้ว่าการพิจารณาคุณสมบัติน้ำผึ้งแท้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องพิจารณาประกอบกันหลายอย่าง จึงนับว่าเป็นการยากที่ผู้บริโภคจะวิเคราะห์ด้วยตนเอง นอกจากผู้ชำนาญจริง ๆ ​

    น้ำผึ้งตกผลึก (crystallized honey)

    น้ำผึ้งที่เปลี่ยนสถานะจากของเหลวมาเป็นของแข็ง หรือเป็นผลึก สาเหตุมาจากน้ำผึ้งชนิดนั้นมีความหวานมากหรือน้ำตาลกลูโคสหรือเดกซ์โตรสมากชักนำมาก่อผลึก โดยมีค่าของสัดส่วนระหว่างน้ำตาลกลูโคสกับน้ำหรือความชื้นมากกว่าร้อยละ 1.76 ขึ้นไปจนกระทั่งถึงร้อยละ 2.24 หมายความว่าปริมาณน้ำตาลกลูโคสมาก แต่น้ำหรือความชื้นในน้ำผึ้งมีน้อยก็จะตกผลึกได้ง่าย และจะตกผลึกเร็วขึ้นเมื่อเก็บน้ำผึ้งในอุณหภูมิต่ำ โดยปกติน้ำผึ้งทั่วไปไม่ต่อยตกผลึก เพราะมีน้ำตาลฟรุคโตสมากกว่าน้ำตาลกลูโคสอยู่แล้ว ถ้ามีน้ำตาลฟรุคโตสมากกว่ากลูโคสถึงเท่าครึ่งอย่างนี้แล้วน้ำผึ้งขวดนั้นก็ไม่มีวันตกผลึก ​

    การตกผลึกของน้ำผึ้ง อาจจะตกผลึกเป็นบางส่วนตกเพียงหนึ่งในสี่ สองในสาม หรือตกผลึกทั้งขวด แล้วแต่ค่าของสัดส่วน ระหว่างกลูโคสกับน้ำที่มีในน้ำผึ้ง น้ำผึ้งที่ตกผลึกไม่ใช่เสีย หรือบูดแต่อย่างใด เพียงแต่เปลี่ยนสถานะไปเท่านั้นเอง น้ำผึ้งที่ตกผลึกง่ายคือ น้ำผึ้งลิ้นจี่ น้ำผึ้งทานตะวัน และน้ำผึ้งจากยางพารา น้ำผึ้งเหล่านี้ควรบรรจุในขวดปากกว้างที่สามารถนำไปใช้บริโภคได้สะดวก ​

    สำหรับวิธีแก้น้ำผึ้งตกผลึกให้เป็นของเหลว โดยการนึ่งที่อุณหภูมิในน้ำผึ้งไม่เกิน 60 องศาเซลเซียสจนละลายหมด ​

    ข้อควรระวังในการใช้น้ำผึ้ง

    แม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์มากมายแต่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ไม่ควรดื่มน้ำผึ้ง ​

    1. คนเป็นโรคเบาหวาน ​

    2. คนที่มักมีอาการอาหารไม่ย่อย และอาเจียนบ่อย ​

    3. ไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบดื่มน้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งอาจมีสปอร์ของเชื้อคลอสตริเดียม โบทูลินัม ปนเปื้อนอยู่ซึ่งเชื้อนี้จะเจริญเติบโตได้ในทางเดินอาหารของเด็กเล็ก ทำให้เกิดสารพิษที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ กรณีดังกล่าวนี้แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ระมัดระวังป้องกันไว้ก่อนย่อมปลอดภัยกว่า ​

    4. บางครั้งน้ำผึ้งอาจจะได้มาจากน้ำหวานของเกสรดอกไม้ที่เป็นพิษ เช่น น้ำหวานจากดอกไม้ของต้นตาตุ่มทะเล ซึ่งเป็นไม้ชายเลนที่มีพิษ เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ท้องเดิน ดังนั้นก่อนซื้อน้ำผึ้งที่หาบเร่มาขาย หรือขายอยู่ริมทางควรสอบถามถึงที่มาของผึ้งให้้ละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ​

    ประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>





    <TABLE border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=770 align=center><COLGROUP><COL width=111><COL width=213><COL width=270><TBODY><TR height=31><TD height=31 borderColor=#999999 width=144>โรคและอาหาร







    </TD><TD borderColor=#999999 width=336>ปริมาณและวิธีใช้







    </TD><TD borderColor=#999999 width=282>สรรพคุณ







    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>1.บำรุงสุขภาพ</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น ๆ ดื่มทุกวัน</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่ออาหารผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ร่างกายอ่อนแอ
    น้ำหนักลด จะช่วยผื้นกำลัง -ได้เร็วขึ้น​





    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>2.อดนอน</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะหรือผสมน้ำ -ผลไม้</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>จะทำให้รู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวแรง เหมาะสำหรับ -ผู้ที่เคร่งเครียด
    อดนอน ทำงานหนัก และอ่อนเพลีย​





    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>3.ยาอายุวัฒนะ</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวันเช้าและ

    ก่อนนอน




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ทำให้สุขภาพแข็งแรง</TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>4.นอนไม่หลับ</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มกินเวลาอาหารเย็น

    หรือก่อนนอน




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>จะช่วยให้หลับดีขึ้น เพราะองค์ประกรอบส่วนใหญ่ของน้ำผึ้ง
    คือน้ำตาลเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลทันทีก็จะสร้างเคมีขึ้นมา
    ชนิดหนึ่งในสมองซึ่งสารตัวนี้มีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้
    ้ร่างกายสงบและหลับง่ายขึ้น​





    </TD></TR><TR height=32 borderColor=#b7a0e0><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>5.ไอ หลอดลมอักเสบ

    มีเสมหะ




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>กระเทียม 1-2 กลีบ(ตำให้ละเอียด)

    น้ำมะนาว1/2 ลูก เกลือเล็กน้อย พิมเสน

    หรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999></TD></TR><TR height=32 borderColor=#b7a0e0><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>6.ท้องอืด ท้องเฟ้อ</TD><TD borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงต้มเข้มข้น

    1/2 ถ้วยแก้ว เกลือเล็กน้อย ดื่มวันละ 3

    เวลาหลังอาหาร




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999></TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>7.ท้องผูก</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนนอน</TD><TD borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้งใหม่ไม่ค้างปี มีน้ำตาลฟรุคโตสมีฤทธิ์เป็นยา
    ระบายอ่อนๆ ใช้แก้อาหารท้องผูกในเด็กและผู้สูงอายุได้ดี​





    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>8. เด็กปัสสาวะ</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน

    ทุกวัน




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>อาการปัสสาวะระที่นอนจะหายไป</TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>9.ท้องเสียรุนแรง</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชาผสม

    ในน้ำอุ่น 1 แก้ว




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากการถ่ายท้องรุนแรง
    อาเจียนเป็นลม หรือ เสียเหงื่อมาก​





    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>10.เด็กแหวะนม</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>จะช่วยแก้อาการได้ เพราะในน้ำผึ้งมีน้ำย่อยที่ช่วยย่อยนม

    และย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี




    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>11.กล้ามเนื้อเป็นตะคริว</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>อาการจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ เมื่อหายแล้วถ้าดื่ม
    ต่อไปเป็นประจำจะป้องกันไม่ได้เกิดอาการเป็นซ้ำอีก​





    </TD></TR><TR height=32><TD height=32 borderColor=#999999 align=left>12.ล้างแผล</TD><TD borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้ง 1ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล</TD><TD borderColor=#999999 align=left>น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้</TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>13.แผลฝีมีหนอง</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>หัวหอมแดง 2 หัว ตำให้ละเอียดผสมกับ

    น้ำผึ้ง พอกที่หัวฝี




    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ทำให้ฝีแตกเร็ว หายเร็วขึ้น</TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>14.แผลเรื้อรัง</TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสุก(ที่เย็นแล้ว) ล้างแผล

    ให้สะอาด แล้วใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบ ​

    น้ำผึ้งปิดบริเวณแผล​





    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>จะช่วยให้แผลมีเนื้อใหม่เจริญขึ้นมาเร็วขึ้นเนื่องจากความ
    เข้มข้นของน้ำผึ้งosmoticpressure ทำให้เชื้อโรคฝ่อตาย
    ร่วมกันสารอินฮิบิทหรือไฮโดรเจนพอร์ออกไซด์ในน้ำผึ้งมีฤทธิ์​

    ิ์ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้​





    </TD></TR><TR height=32><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>15.แผลไฟไหม้น้ำร้อน
    ลวก ถูกท่อไอเสีย​






    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ใช้น้ำผึ้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วทาที่แผลหรือ
    ใช้ผ้าพันแผลที่สะอาดชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว
    แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมงหรือ​

    24 ชั่วโมง​





    </TD><TD vAlign=top borderColor=#999999 align=left>ช่วยลดการหลั่งของน้ำเหลืองที่บาดแผลลดอาการปวด ลดการ

    ติดเชื้อป้องกันการอักเสบ ทำให้แผลสมานกันได้เร็วขึ้น ทั้งนี้​

    ี้เพราะน้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง จึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบ​

    โตของเชื้อโรคและทำให้เชื้อโรคตายได้​





    </TD></TR><TR height=32><TD height=32 borderColor=#999999 align=left>16.โรคกระเพาะ</TD><TD borderColor=#999999 align=left>ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ ขณะปวด</TD><TD borderColor=#999999 align=left>จะทำให้ทุเลาอาการปวด และหายจากอาการโรคกระเพาะได้</TD></TR><TR height=32><TD height=32 borderColor=#999999 align=left>17.น้ำกระสายยา</TD><TD borderColor=#999999></TD><TD borderColor=#999999 align=left>ยาไทยส่วนใหญ่มักใช้น้ำผึ้งเป็นน้ำกระสายยา เพื่อช่วยกลบ

    รสยาและแต่งรส




    </TD></TR><TR height=32><TD height=32 borderColor=#999999 align=left>18.ยาลูกกลอน</TD><TD borderColor=#999999></TD><TD borderColor=#999999 align=left>ยาลูกกลอนนิยมใช้น้ำผึ้งผสมกับผงยาแล้วนำไปปั้นเป็นเม็ด

    กลม ๆ ช่วยให้เม็กยาเกาะกันดีขึ้น




    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากคุณประโยชน์ของน้ำผึ้ง รวมทั้งรสหวานตามธรรมชาติและกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงนิยมนำน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมในอาหารต่างๆ
    เพื่อเพิ่มคุณค่าและให้รสหวาน เช่น


    1. ผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้แก่ ชา กาแฟ นม โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือในต่างประเทศจะนำไปทำเบียร์หรือไวน์

    2. ผสมในขนมอบและขนมหวานต่าง ๆ คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของน้ำผึ้งในขนมปัง คือ น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุคโตส ซึ่งมีคุณสมบัติดึงความชื้นไว้ได้นาน ดังนั้นขนมปังหรือขนมที่ผสมน้ำผึ้งจะนิ่มอยู่นานกว่าใช้น้ำตาลทรายธรรมดา หลังจากนำ
    ออกจากเตาอบแล้ว

    3. ผสมในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชเป็นอาหารเช้า หรือผสมในอาหารเด็กอ่อน

    4. ทำเป็นสเปรด (spreads) สำหรับทาขนมปัง เป็นต้น

    น้ำผึ้งกับความงาม

    น้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกใช้เพื่อความงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงใช้มาจนถึงปัจุบันในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม เนื่องจากคุณสมบัติตามธรรมชาติที่มีในน้ำผึ้ง ​

    1. Humectant น้ำผึ้งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คือ สามารถดึงและเก็บความชื้นได้ทำให้ผิวหนังมีความอ่อน และยืดหยุ่น จึงเหมาะสมที่จะเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นต่าง ๆ ได้แก่ คลีนซิ่ง ครีม แชมพู และคอนนิชันเนอร์ เนื่องจากน้ำผึ้งจากธรรมชาติและไม่ระคายเคืองผิวหนัง จึงเหมาะอย่างมากกับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบาง และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ​

    2. Antioxidant น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ สารแอนตี้ออกซิแดนท์มีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสง UV และช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ ​

    3. Antimicrobial Agent น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านจุลินทรีย์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เนื่องจาก ​

    - น้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลสูง เป็นการจำกัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียจะสามารถเติบโตได้
    - มีความเป็นกรดสูง(pH ต่ำ) และปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนเป็นสำหรับการเจริญเติบโต
    - มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และแอนตี้ออกซิแดนท์อยู่ในน้ำผึ้ง ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ผมละขำๆอาแปะ อาซิ้มเจ้าของร้าน ล้วนแต่ติว่า น้ำผึ้งมันไม่ดำ มันใส หากอาแปะอาซิ้มได้มาอ่านบทความนี้ถึงจะรู้ว่า พลาดโอกาสไปแล้ว น้ำผึ้งคุณภาพดีต้องไม่ดำ ถึงจะมีคุณภาพสูง การทดสอบอื่น ก็เป็นไปตามน้ำผึ้งแท้ครับ เพราะความไม่เชื่อใจคนอื่นแท้ๆ อีกอย่างคนโกหกที่ไหนจะให้เบอร์โทรศัพท์กัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  13. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    ต้องขอบคุณ บทความที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะท่านเพชร ขอถามว่าถ้าเราทานใบมะยมอ่อนวันละห้าหกใบทุกวันมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรขอถามเป็นวิทยาการครับ
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..หุ..ลุงไฟดูดฮับ ลุงทานใบมะยม หรือเอาไปเคี้ยวๆแล้วเสกเป็นตัวต่อตัวแตนหรือลุงจะเอาใบมะยมแทนเส้นมะละกอ ทำเมนูส้มตำใหม่หรือฮับ...

    สรรพคุณใบมะยม เอาไว้ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน หากจะนำไปแก้โรคผิวหนังผดผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย ต้องใช้ส่วนราก แต่เวลาตัดรากมาใช้นี่ลุงอย่าไปตัดซะหมดละ ตายทั้งต้นแน่ ค่อยๆตัดข้างใดข้างหนึ่งก่อน เอาแต่น้อยๆ และไปเอาต้นอื่นบ้าง สรรพคุณยาของส่วนรากจะแรงกว่าส่วนอื่น

    ว่าแต่ลุงไม่มีไข้ ลุงจะทานไปทำไม เอาไว้ทานยาอายุวัฒนะดีกว่านะ ผมอ่านหนังสือหลวงปู่ ช่วงที่หลวงปู่ฝึกพระในดง นอกดง ล้วนต้องให้ทานยาเสมอ ช่วงแรกๆน่าจะเป็นตัวยาล้างพิษ ปรับธาตุ และสุดท้ายน่าจะเป็นตัวยาอายุวัฒนะ เพื่อให้ร่างกายทนต่อการฝึก ไม่ค่อยเป็นโรคง่าย อาจจะเป็นเพราะตามป่า ตามเขามีสัตว์ หรือแมลงที่มีพิษมาก ทำให้เกิดไข้พิษ ไข้กาฬมาก หรือจากอากาศในสภาวะต่างๆ ยาอายุวัฒนะขนานนี้ก็จะปรุงตามตำรายาของพระอาจารย์อภิชิโตที่มีบันทึกว่าขุดจากเจดีย์เมืองย่างกุ้ง หากทำเสร็จจะนำไปฝากอาจารย์ปู่ด้วย...
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เมื่อกลางวัน ผึ้งไม่ต่ำกว่า สิบตัว บินมาบุกรังของตาลุงข้างบ้าน โอ๊ยกว่าจะเชิญออกไปได้ ปิดหน้าต่างเสร็จ ผึ้งทั้งฝูง หึ่งเตรียมจะเข้า บรื่อๆๆ หุ หุ
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า ตาลุงข้งบ้านฝากมาโชว์ชัดๆ ครับ ไม่ต้องหา เห็นยังยากเลยครับ พทวารวดีเนื้อสัมฤทธฺ์เงิน ซึ่งถือเป็นช่วงท้ายของยุคครับ ดีปล่าวแรงปล่าวครับ ตอนนี้มีหลายลุงต้องเรียงลำดับดีๆครับ ลุงไฟดูด ลุง หนุ่ม ลุง อ.เพชร ครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2012
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    5555 ตาลุงข้างบ้านกำลังจะมีโชคลาภนะเนี่ย ไปปิดหน้าต่างรับโชครับลาภออกไปทำไมกาน..

    เรื่องน้ำผึ้งเมื่อครู่นี้ ผมลองชิมแล้ว หุ..หุ.. สุดยอด!!! ผมได้ยินว่า น้ำผึ้งจากภูนกแซว จ.ชัยภูมินี่ผมรีบเอาเลย ๒ ขวด คุยไปมา เขาเอามาให้อีก ๒ ขวดเป็น ๔ ขวด ก็เลยตามกำลังที่สามารถหิ้วได้ หากหิ้วได้มากกว่านั้นก็เอาหมด...
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หลายลุงหรือ....s6..s6..

    ตาลุงไม่ยอมให้ดูข้างหน้าครับ ดูข้างหลังก็คุ้มแล้ว พิจารณากันให้ดีๆว่า เพียงผ้าจีวร ก็พอจะรู้ว่า สมัยไหนเขาห่มกันอย่างนั้น หุ..หุ..:cool:

    เพิ่มเติมอีกนิดครับ ทายว่า พระพักตร์ออกทางอินเดีย ใช่เปล่า...ตาลุงข้างบ้าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่าวันนี้ตาลุง ใจดีครับ ร่ายคาถา ขยายองค์ให้ใหญ่ขึ้นครับ เป้นไงครับ ลุง อ.เพชร และลุงๆ ทั้งหลายครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2012
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]

    เนตรโปน สันนาสิกชัด..ใช่เปล่าๆๆ..

    ด้านหน้าเป็นคล้ายๆแบบนี้..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...