เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเอกอิสโรนำเสนอ เชิญแสดงตัวครับ

จริง แต่มีมากกว่าที่อื่นหรือเปล่า?

 

พุทธประวัติที่อาจจะไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งอย่างที่ท่านรู้ในปัจจุบัน

รู้เรื่องจริงว่าตั้งอยู่ที่ใดก่อน เป็นการเริ่มต้นที่ดี

คนชั่วมักชอบทำลายประวัติศาสตร์และอารยธรรม เพื่อปกปิดความจริง
แล้วนำ ความรู้และอารยธรรมที่ขโมยมาไปเป็นของตนเอง

จะเกิดอะไรเมื่อ พรหม และนาราย ใฝ่ในพระธรรม

 

มองศาสนาที่คำสอน อย่ามอง ที่ตัวบุคคล

 

มันอาจจะเป็นปริศนาลับ ไม่ต่างจากว่า
ทำไมคนถึงอยากมีเทพ เป็นร่างเทพ หรืออยากให้พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย

หลายชายคนนึง เขาบอกว่าเขาจะฆ่าพม่าให้หมด (หลังดูหนังพระนเรศ)
เลยถามเขาว่า ถ้าเธอเกิดเป็นพม่าตอนนี้ล่ะ หรือชาติก่อนล่ะ
เขาตอบกลับว่า ก็จะฆ่าพม่าอยู่ดี (ดูมันตอบซิ)

 

ไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี เพราะว่าเราก็ไม่รู้
แต่ไม่ว่าความจริงเป็นยังไงก็ตาม พระไตรปิฏกยังมีค่าเสมอ ที่ผมสนใจมากกว่าคือความหมายอันลึกซึ้งของพระไตรปิฏกที่ผมพยายามจะเข้าใจ ซึ่งพระพุทธเจ้าพยายามอย่างยิ่งที่จะประกาศให้มนุษย์ทุกคนทราบเพื่อการหลุดพ้น

 

คุณคิดว่า เรื่องสำคัญระดับโลกขนาดนี้ เขาใช้ความเชื่อ หรือความจริงมาวัดกันละ

 

แม้ใครๆ ก็อย่าเพิ่งเชื่อครับ หากไม่ได้พิจารณา ตรึก ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ น้อมเข้ามาพิจารณา ตามหลักกาลามสูตร

จึงขอ นำเอา "ประกาศเจตนารมย์ พิทักษ์รักษาพระไตรปิฎก และอรรถกถา" ซึ่งเป็นเนื้อ "บทท้ายสุด" ในหนังสือ เล่มที่ ๒ มาแสดงไว้ ณ ที่นี้ ครับ



คำประกาศเจตนารมย์ย่อๆ



ประกาศเจตนารมย์ พิทักษ์รักษาพระไตรปิฎก และอรรถกถา

ตามที่ ผม ได้นำเสนอข้อมูล ความผิดพลาด ในการกำหนดสถานที่ต่างๆ ในประเทศอินเดีย และ เนปาล โดยการเทียบเคียงจากพระไตรปิฏกและพระอรรถกถานั้น ก็เพื่อ ให้ พุทธศาสนิกชน ได้ ใช้ "สติ" และใช้ "ปัญญา" ตามหลัก "กาลามสูตร" เพื่อพิจารณา ให้ถ่องแท้ก่อนที่จะเชื่อ อะไร? ที่ใคร? เป็นผู้กำหนด โดยไม่มีการสอบทาน กับพระไตรปิฎกและอรรถกถา และ เมื่อยอมรับในสิ่งที่เขากำหนดแล้ว กลับเป็นเครื่องย้อนกลับมาทำลายเสียซึ่งพระพุทธวัจนะ หรือถ้อยความที่พระอรหันต์ รวบรวมไว้ ว่า

"มีความคลาดเคลื่อน ยึดถือไม่ได้"

ข้อนี้ ท่านจะสำคัญเป็นไฉน? หากมีคนนอกเขตพระพุทธศาสนา กล่าวว่า

"จะเอาอะไรกับคำสอนของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เพราะแม้ขนาด ทิศก็ไม่รู้ ระยะทางก็ไม่รู้จริง"

นี่ต่างหาก คือ สิ่งที่ผม จะไม่ยอมให้ใคร มาดูถูก "พระไตรปิฎกและอรรถกถา" ได้

และ “จะไม่ยอมให้ใครผู้ใด มากล่าวตู่ว่า พุทธพจน์แม้เพียงเล็กน้อย เป็นเรื่องผิดพลาด เหลวไหล เชื่อไม่ได้” ดังที่ ได้มี บางท่าน ซึ่งเป็นพุทธสาวกในธรรมวินัยนี้เอง ที่พยายามอธิบาย ข้อสงสัยที่ผมตั้งเป็นข้อสังเกตถึงความคลาดเคลื่อนของ ทิศทางและที่ตั้งของสถานที่ บ้านเมือง แว่นแคว้น หรือระยะทางระหว่าง ที่ตั้งของสถานที่ บ้านเมือง แว่นแคว้น ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา เมื่อเทียบกับ สถานที่ เมืองในประเทศอินเดียและเนปาล ว่า

"แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าการคำนวนเส้นทาง ในสมัยก่อนย่อมพลาดได้เพราะว่าไม่มีเครื่องมือเหมือนระบบนำร่อง GPS เหมือนทุกวันนี้ อาศัยการคำนวนและอนุมานประมาณการกันส่วนใหญ่ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องเอาจริงจังอะไรนัก และแผนที่ที่นำมาเสนอนั้นหากได้มาอยู่พื้นที่จริงแล้วจะเห็นความผิดเพี้ยนเป็นอันมากจริง ๆ และการขุดค้นก็ทำกันในสมัยหลังเหตุที่อังกฤษค้นหาหลักฐานทางพระพุทธศาสนาเพราะว่าอังกฤษนั้นทราบว่าในอดีตอินเดียมีวิถีชีวิตความเชื่อที่มีต่อพระพุทธศาสนาพวกเขาต้องการหาประวัติศาสตร์เพื่อจักศึกษาหาวิธีการปกครองและเข้าถึงชีวิตจิตใจของคนอินเดียได้อย่างเบ็ดเสร็จจากประวัติศาสตร์ต่างหาก หาขุดด้วยศรัทธาใด ๆ ไม่ ดังนั้น หลักฐานและการบันทึกจะหาความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นคงไม่ได้"

ซึ่งเรื่องนี้ คือเรื่องที่ผมเห็นว่า มีความสำคัญ ๒ ประการ แม้ว่า ใครจะว่าผมยึดติดบัญญัติ ยึดติดตัวหนังสือ หรือไม่สนใจที่จะศึกษาแต่เฉพาะอรรถ หรือธรรมที่เป็นประโยชน์แก่ความหลุดพ้น ก็ช่างเถอะ เพราะสมัยนี้ ยังไม่ใช่สมัยกาลของผม ซึ่งผมรู้อยู่ภายในความรู้สึกของผม ว่ายังต้องใช้เวลาเกิดอีก อย่างน้อย ๗ ครั้ง จึงจะถึงกาลบรรลุธรรมขั้นสูงสุดทางพุทธศาสนาได้ ดังนั้น ชาตินี้ จึงขอทำหน้าที่พุทธภูมิผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ และการทำนุ บำรุง พิทักษ์รักษา ปกป้อง พระธรรมคำสอน เท่านั้นก่อน ความสำคัญ ๒ ประการ ที่ว่า ก็คือ

๑. ค้นหาสถานที่ให้ถูกต้อง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ไปนมัสการสังเวชนียสถาน ยังที่ที่ถูกต้อง

๒. ปกป้อง ไม่ให้ผู้ใดกล่าวหา ว่า "พระบาลีและอรรถกถา ที่เป็นพุทธพจน์ และ ได้รับการบันทึกไว้โดยพระอรหันต์ ผิดพลาด"

ผมจึงของ ประกาศเจตนารมย์ พิทักษ์รักษาพระไตรปิฎก และอรรถกถา ไว้ ณ ที่นี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลาย ได้ทราบ โดยทั่วกัน

 

ขอชื่นชมในความพยายามของคุณเอกอิสโรครับ

ต่อให้ผลสรุปต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมยังศรัทธาและยึดมั่นคำสอนของพระพุทธองค์เหมือนเดิม

คนไหนที่คิดว่าการกระทำของคุณเอกอิสโรไม่เหมาะสม คิดคัดค้าน หรือคิดว่าทำให้ความศรัทธาของชาวพุทธเปลี่ยนนี่ดูเหมือนจะคิดคับแคบไปหน่อย

การที่คุณเอกอิสโรมีความเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไร เค้าก็พยายามหาหลักฐานต่างๆมาพิสูจน์ยืนยัน เค้าเองก็ใจกว้างพอสมควรนะครับที่ยอมรับคำติติงหรือความคิดเห็นจากคนอื่น แล้วคนที่เชื่อตามฝรั่งที่บอกว่าพุทธศาสนาเกิดในอินเดียท่านก็เชื่อตามที่คนอื่นเค้าหาหลักฐานมาประกอบยืนยันเหมือนกัน

ตอนนี้ตัวผมเองก็ไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งฝรั่งหรือทั้งคุณเอกอิสโร มีคนที่เกิดในช่วงยุคนั้นเท่านั้นที่รู้ความจริง 100% ผมเองก็ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายอะไรจากการที่คุณเอกอิสโรค้นหาข้อเท็จจริง ยังไงก็จะยังคงติดตามดูเป็นระยะๆ

 

คนที่ออกมาท้วงติงต่างๆ..เค้าเสียหายอะไรอย่างไรกัน...งง?
ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปยังไง ชาวพุทธก็เป็นชาวพุทธเหมือนเดิม

__________________
อย่ารีบเชื่อ!!

เสียหายแน่นอนครับเพราะเค้าเชื่อว่าสิ่งที่คิดของเค้านั้นถูก เพราะอัตตามันมากเหลือเกินที่จะยอมรับฟังควาามเห็นต่าง (เหมือนเหตุการณ์ในบ้านเรานี่หล่ะครับ) อีกอย่างคือถ้าเกิดธุรกิจแล้วแน่นอน หัวชนฝาแน่ๆ ผมเชื่ออย่างงี้ครับ และผมคนนึงที่มีความเห็นด้วยกับคุณเอก นะครับ

 

เอาน่า...ทุกๆท่าน

ดีแล้วไม่ใช่หรือที่มีตัวแทนกระทำการให้ ในสิ่งที่บางคนสงสัย

ใช่ หรือ ไม่ใช่ เป็นเรื่องของระยะเวลา

 

อยากให้ได้ฟัง เรื่องราวต่างๆ ประกอบกันไปด้วย เช่น เรื่องลีลาวดีกับพระเรวต
ในเนื้อเรื่องจะมีสถานที่และปัจจัยต่างๆ ที่สอดคล้องกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ไม่ว่าจะลัทธิ ศาสนา หรือ สถานที่และแม่น้ำ
ถ้าใครยังไม่เคยฟัง และอยากฟัง จะอัฟโหลดให้

 

ผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้ของคุณtekapoทุกคำพูดเลยครับ และก็อย่างที่
คุณเอกอิสโรเคยกล่าวไว้ว่า ฝรั่งเพิ่งจะมาฟันธงให้ชาวโลกเชื่อกันว่าพุทธ
ศาสนารวมถึงสถานที่สำคัญทางพุทธประวัติต่างๆ ล้วนกำเนิดและตั้งอยู่ใน
ประเทศอินเดียเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วมานี่เอง ดังนั้นเมื่อมีข้อสงสัยที่เกี่ยวข้อง
กับจุดยืนของความถูกต้อง การที่จะช่วยค้นคว้าหาหลักฐานมาแสดงให้เห็น
ถึงข้อเท็จจริงจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายแต่ประการใด ดังนั้นการที่มีผู้กล่าว
ว่าการกระทำเช่นนี้ เป็นการบิดเบือนพุทธศาสนานั้น ผมเห็นว่าเป็นคำกล่าวที่
ไม่ถูกต้อง และเป็นการตีเจตนารมย์กันอย่างผิวเผินจนเกินไป

ผมขอยกตัวอย่างการฟันธงของฝรั่งในยุคที่เป็นใหญ่ในการล่าอาณานิคม ที่
ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้ประทับใจกันมาแล้วในอดีต มาให้ได้พิจารณากัน
นะครับว่า ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเขาพระวิหารตามที่ปักหมุดไว้ตามแผนที่ข้างล่าง
นี้ ไม่ได้เป็นของไทย โดยดูได้จากเส้นสีขาวที่ฝรั่งเป็นผู้ลากเส้นให้

 

สิ่งที่คุณเอกอิสโรค้นคว้า ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคำตอบที่สุด เพราะอาจจะมีหลักฐานอื่นมาหักล้างก็ได้

 

ถ้ารู้ความจริง คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ นอกจากเลี่ยงไม่ได้ เกิดมาแล้วจะเลือกยังไง?

บางคนเป็นร่างเทพ มีเมียมีผัวไม่ได้ เสพกามไม่ได้ ไม่อิสระ ทำผิดก็โดนลงโทษ เจ็บไข้ได้ป่วยแบบประหลาด (คนอื่นนะ)

เป็นคนธรรมดาดีที่สุด

ไม่ได้อยาก แต่ยึดถือความจริง และสมัยโน้นก็อาจจะไม่ใช่คนไทยที่อยู่ในดินแดนแถบนี้

 

แต่ถ้าพวกที่คิดว่ามี
แล้วต้องไปให้คนอื่นทัก คนอื่นบอก
วนเวียนอยู่กับเรื่องแบบนี้ จนคงต้องค้นหา หรือถึงกับเสียเงินกันไป
ทำไงดี

 

ผมถึงมีวิธีให้ตรวจสอบดูไง รู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปถามใครให้เสียเงิน

http://palungjit.org/threads/คนมีเท...เกิด-ว่าจะยืนยันได้อีกทางหนึ่งหรือไม่.273166/

 

เวียนกลับมากระทู้นี้ ก็ดีเหมือนกัน
เพราะคำตอบก็มีอยู่ชัดเจน เพียงแต่จะเห็นเหมือนกันหรือเปล่า

อ้างอิงคุณ manofkama
ผมถึงมีวิธีให้ตรวจสอบดูไง รู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปถามใครให้เสียเงิน
http://palungjit.org/threads/คนมีเท...เกิด-ว่าจะยืนยันได้อีกทางหนึ่งหรือไม่.273166/

 

ผมขอสนับสนุน..ทฤษฏีของคุณเอกอิสโร..ด้วยคนครับ....

..จากการที่ผมได้ติดตามอ่าน..การถามและตอบ..กระทู้ของคุณเอก..แบบทำใจให้เป็นกลาง..มาโดยตลอด..มีความรู้สึกเป็นห่วงคุณเอกมาก.ก.ในการพยายามที่จะหาคำตอบ..พยายามที่จะหาข้อมูลมาอ้างอิงตามทฤษฏีของตัวเองและนำมาตอบในกระทู้ต่างๆให้เคลียที่สุด..แต่ในความเป็นห่วงนั้น..ก็ยังแอบลุ้นอยู่ลึกๆกับทุกๆคำตอบของคุณเอกไม่ได้..และที่สำคัณที่สุดก็คือ..ความกล้าที่จะประกาศความเป็นตัวตนและจุดยืนของทฤษฏีของคุณเอก..ท่ามกลางความเชื่อในทฤษฏีเก่าครับ..น่าทึ่ง.ง.มากครับ..

 

แถมครับเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ เราพี่งพบของจริงก็ช่วงรัชกาลที่5นี้เอง(พบในปี 2439 โดยฝรั่งชื่อ นายวิลเลียม เปปเป วิศวกร ชาวอังกฤษขุดแล้วมีจารึกว่าเป็นของพระพุทธเจ้า(เขียนว่าราชวงศ์ศากยะได้บรรจุถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) อายุ 2,555 ปี ที่เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดียอันที่จริงฝรั่งนะไม่เชื่อว่าท่านมีตัวตนจริง จนขุดไปมาจนพบนี่แหละถึงเชื่อ)
นั้นหมายความว่าไอ้ที่มีมากก่อนหน้านี้เป็นของปลอมเรากราบของปลอมมาหลายร้อยปีแล้ว จนเสด็จพ่อร.5 เรายังต้องไปขอรับมาไว้ที่ไทยเลย โดยบางส่วนท่านให้แก่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ผู้แทนที่ได้อัญเชิญมา เก็บไว้นำไปสักการบูชา ซึ่งในปี 2551 ทายาทเจ้าพระยายมราช ได้นำมาถวายแด่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศครับ ทุกวันนี้ยังอยุ่เลย และ ที่สำคัญว่ากันว่าท่าน(ร.5)ไม่เคยมองดูมันเลย เพราะท่านรู้สึกขายหน้าเขา(ฝรั่ง)ที่คนชาติเรากราบหินกราบปูนอยุ่นาน

ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้ในตำราวิชาการหลายๆๆเล่มครับ ส่วนรายละเอียดถ้าสนใจไว้จะมาขยายครับ

 

กระทู้นี้ดีมาก เหมือนเห็นตัวตนของคนออกมา