หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ขอเชิญร่วมโชว์วัตถุมงคล พูดคุย ประสบการณ์ได้ทุกๆท่านครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 6 มีนาคม 2012.

  1. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ประสบการณ์จากคุณดอกรักสุดยอดมากๆครับบบบ(^^)
     
  2. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ปกติคุณtorresแขวนรุ่นไหนของหลวงพ่อครับบบบ(^^)
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ขอนำ บทความที่ ท่าน Pongpat86 ได้เคยนำมาเผยแพร่ แล้ว เป็นความรุ้ดีมากๆ ขอนำมาลงใว้ให้อ่านกันอีกครั้งครับ ขอบคุณท่าน Pongpat86 มา ณ. ที่นี้ด้วยครับ

    การสร้างพระผงญาณวิลาศ

    พระผงญาณวิลาศ(หลวงพ่อแดง) นี้ ผู้จัดสร้างได้สร้างขึ้นเป็นสองพิมพ์ คือแบบพิมพ์ตื้นกับแบบพิมพ์ลึก มีจำนวนถึง ๔๐,๐๐๐ องค์ ซึ่งไจดการนำออกให้เช่าในอัตราองค์ละ ๒๐๐ บาท โดยไม่มีการโฆษณาให้เอิกเกริกอย่างใดเลย แต่ก้มีชาวพุทธทั้งปวงมุ่งหน้ามาเช่าไปไว้บูชาอย่างมากมายผิดคาด


    ด้วยประการดังนี้ ผู้เขียนจึงชอบที่จะเขียนถึงการสร้างจาระไนถึงความเป็นมา เพื่อเป็นการประดับความรู้ของผู้สนใจในเรื่องของพระเครื่องโดยทั่วไป


    ผู้ร่วมมือกันสร้างพระเครื่องรุ่นนี้ มีรวมก้วยกันสามท่าน เป็นภิกษุสงฆ์ท่านหนึ่ง และฆราวาสอีกสอง ที่เป็นภิกษุสงฆ์คือ
    พระภิกษุบุญส่ง ธมฺมปาโล ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของ พระครูญาณวิลาศ(หลวงพ่อแดง) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ

    อีกสองท่านที่เป็นฆราวาสคือ
    เจิม พรหมประสิทธิ์ และ ประสงค์ เจิมพร

    ซึ่งทั้งสองท่านนี้ ต้องใช้เวลาถึง ๒๐ ปี ในการเสาะแสวงหาวัสดุต่างๆ ที่จะนำมาสร้างเป็นองค์พระขึ้นได้


    วัสดุที่นำมาสร้าง ก็คือ

    ผงหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ปัตตานี
    ผงกรุวัดสามปลื้ม
    ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ใบพระศรีมหาโพธิ์ ผงมหาโรช ผงพุทธคุณ ผงปฐมัง ผมตรีนิสิงเห และผงอิทธิเจ
    ผงกรุวัดเงิน(คลองเตย)
    ผงพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี) จากวัดระฆัง วัดใหม่อมตรส(บางขุนพรหม) วัดอินทรวิหาร
    เฉพาะวันอินทร์นี้ นอกจากผงพระสมเด็จที่หักป่นแล้วยังได้ปูนที่เป็นส่วนอุณาโลมหลวงพ่อโตจากการ ที่มีการกะเทาะของเก่าออกเพื่อซ่อมใหม่ (สมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์)ด้วย
    ผงพระหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี
    ผงพระที่ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต สร้างพระ ภูธรวดี
    ผงพระหลวงปู่พริ้ง(วัดบางปะกอก)ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของกรมกลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    ทองคำเปลวที่ปิดเสาหลักเมืองสำคัญทั่วราชอาณาจักรไทย
    เศษทองซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวภูมิพลฯ ได้ทรงเททองไว้ตามวัดต่างๆ รวม ๙ ด คือ วัดบวรนิเวศ, วัดมงกุฏกษัตย์, วัดราชบพิตร, วัดพระเชตุพน, วัดพระสิงห์(จังหวัดเชียงใหม่), วัดป่าเลไลก์(จังหวัดสุพรรณบุรี), วัดเทวสังฆราม(วัดเหนือ จังหวัด กาญจนบุรี) ซึ่งสร้างพระ ภ.ป.ร. เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ และชนวนพระกริ่งต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก
    น้ำพระพุทธมนต์พุทธาภิเษก จากวัดต่างๆ รวม ๑๐๙ วัด เทีนชัยจากวัดต่างๆรวม ๑๐๙ วัด
    ดินใจกลางเมือง ที่มีนามเป็นมงคลเก่าเมือง คือชัยภูมิ ชัยนาท ชัยบาดาล พิชัย เด่นชัย ไชยา มหาชัย นครไชยศรี และหริภุญชัย
    ทรายจากพระราชวังไกลกังวล และพระราชวังมฤคทายวัน
    เหล็กยอดปราสาท ๗ ยอด เหล็กยอดเจดีย์ ๗ ยอด เหล็กบ่อน้ำพี้ เหล็กตะปูหัวเห็ด เหล็กตรึงปั้นลม เหล็กปฏัก เหล็กหลักประตู และเหล็กสลักเพชร ทองคำขาวบริสทุธิ์(๒๕ เค.)ที่ขุดได้จากวัดดงศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
    ดินโป่ง ๗ โป่ง ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีปีศาจแรงและสัตว์ร้ายชอบกิน คือโป่งนางงาม โป่งสามพราน โป่งพรานเฒ่า โป่งขาวบาง โป่งแม่แฉลบ และโป่งศรีสวัสดิ์
    ไม้ประตูพระราชวัง ที่มีนามเป็นมงคลจากประตูไม้หลักเสาตะลุงช้าง ได้มาตากตำบลลังกา แถวทิวเขาตะนาวศรี ด้านตะวันตก ไม้และรากชัยพฤกษ์ ขนุน พยุง ชมพู่ มะขาม กาหลง มะยม รักซ้อน กาฝากชมพู่ กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน ใบหนาด ว่าน ๑๐๘ และเกษร ๑๐๘

    วัสดุตารายการที่กล่าวมานี้ นับเป้นสิ่งที่หาได้ลำบากยากยิ่งมาก เพราะกว่าจะเสาะหามาได้ครบถ้วนตามรายการก็ต้องใช้เวลาถึง ๒๕ ปี ซึ่งนานโขอยู่

    วัสดุที่เป็นพืช เมื่อได้มาแล้วก็ต้องเอาไปจ้างเขาบดให้เป็นผงละเอียด จากนั้นก็เอามาบรรจุผงรวมกันไว้

    และวัสดุใดที่เป็นโลหะ ก็ต้องใช้ตะไปๆ เพื่อเอาขี้ตะไป โดยเฉพาะทองคำขาวบริสุทธิ์นั้น การตะไบกว่าจะเสร็จ ก็ทำเอาสะบักสะบอมทั้งมือทั้งแขน เพราะว่าทองคำขาวเป้นโลหะที่มีน้ำหนักเช่นเดียวกับตะกั่ว แต่ความแข็งนั้น แข็งกว่าเหล็กหลายสิบเท่า ชนิดบริสุทธิ์แท้ คือ ๒๕ เค. แม้แต่จะหลอมให้ละลาย ในประเทศไทยเราก้ไม่สามารถจะหลอมได้


    หลักจากทำเป็นผงสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คอยเฝ้าดูว่า ที่วัดใด? ที่ไหน? มีพิธีพุทธาภิเษก คือพิธีบรรจุพระพุทธานุภาพลงในพระเครื่องและพระบุชา ทั้งเจิม พรหมประสิทะ และ ประสงค์ เจิมพร สองท่านผู้ดำเนินงานสร้างก็จะนำเอาผงที่ทำไว้ไปขอเข้าพิธีด้วย


    ซึ่งการกระทำดังว่านี้ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักมากและน้อย เท่าที่กรรมการจัดตั้งพิธีตั้งเป็นอัตรา และการนำผงไปเข้าพิธีตามวัดต่างๆนั้น รวมจำนวนวัดทั้งหมดถึงกว่า ๒๕๐ วัดด้วยกัน


    ด้วยเนื้อที่ซึ่งมีจำกัด จึงขอนำมาจาระไนในที่นี้ เฉพาะพิธีและวัดที่สำคัญจริงๆ คือ


    ๑.วัดเดิมบาง (สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๑๕ และ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗)

    ๒.วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ ในพิธีหล่อพระประธาน
    ๓.วัดเทวสังฆาราม(กาญจนบุรี) ในพิธีสร้างพระบูชา ภ.ป.ร. เป็นครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๖ พิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้รวม ๙ วัน ๙ คืน
    ๔.วัดชัยชุมพลชนะสงคราม(กาญจนบุรี)เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗
    ๕.เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ ลานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก เป็นพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งนเรศวรและเหรียญนเรศวรออกศึก เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๗
    ๖.วัดมกุฎกษัตริยาราม ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๑๐ ครั้งที่สอง วันที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๑๑ รวม ๓ คืน
    ๗.วัดพระสิงห์วรวิหารเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๑๒ เป็นพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งนเรศวรเมืองงาย และพระราวงรางปืน เมืองงาย
    ๘.วัดราชบพิตร เมื่อวันที่ ๒๘, ๒๙, ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๒
    ๙.วัดพระศรีรีตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี ในพิธีพุทธาภิเษกพระกำแพงศอก ของทางวัด เมื่อวันที่ ๗ และ ๘ มีนาคม ๒๕๑๓
    ๑๐.วัดป่าเลไลก์วรวิหาร จังหวัดสุพรณบุรี พิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งยุทธหัตถี ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๓
    ๑๑.วัดพันอ้น จังหวัดเชียงใหม่ ในพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งรอดพ้นภยันตรายของทางวัด ในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๑๓
    ๑๒.วัดเวฬุราชิน ธนบุรี เมื่อวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๑๓ ในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช
    ๑๓.วัดนางพญา จังหวัด พิษณุโลก ในพิธี พุทธาภิเษกนางพญาของทางวัด เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๑๔
    ๑๔.พิธีพุทธาภิเษก ที่ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๑๔
    ๑๕.วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วิหารพระพุทธชินราช พิษณุโลก ซึ่งเป็นพิธียิ่งใหญ่ เรียกว่า "พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" โดยทางวัดได้สร้างพระกริ่งนเรศวรวังจันทร์ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๑๕
    ๑๖.พุทธาภิเษกที่วัดโสธร เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๑๔

    นอกจากนี้ ท่าน ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ(พระยานรรัตนราชมานิต) แห่งวัดเทพศิรินทร์ ได้กระทำพิธีบรรจุพระพุทธานุภาพให้เป็นพิเศษ ๒ ครั้ง คือเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ และวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๓

    การนำไปร่วมพิธีพุทธาภิเษก ตามวัดต่างๆ นี้หลังจาก พ.ศ.๒๕๑๑ แล้ว จึงได้รับนามว่า พระผงญาณวิลาศ ก่อนหน้า พ.ศ.๒๕๑๑ คงเป็นแต่เพียงพระผงที่ยังไม่มีชื่อ


    โปรดติดตามเรื่องราวต่อไปนี้


    ก่อนอื่นขอแจ้งให้ทราบว่า
    ประสงค์ เจิมพร ผู้หาผงมาสร้างเป้นพระร่วมกับ เจิม พรหมประสิทธิ์ ปกติรับราชการตำรวจเป็นงานอาชีพ ประจำอยู่กองปราบสามยอดภายหลังได้ขอย้ายไปประจำกองกำกับการบุทธกาตระเวนชาย แดน ซึ่งจะต้องฝึกปฏิบัติการ โดดร่มดิ่งพสุธาด้วย และจะต้องไปฝึกซ้อมที่ค่ายนเรศวรหัวหินเสมอ

    ปีพ.ศ.๒๕๑๐ ประสงค์ได้ไปฝึกในเดือนสิงหาคม พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปรียะ สุวัณณะพยัคฆ์(เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองตำรวจจังหวัดเพชรบุรี) เป็นประจำทุกปี


    แต่มาคราวนี้ คล้ายมีอำนาจประหลาดอะไรสักอย่างมาดลใจให้ประสงค์ถามผู้กองปรียะว่า


    "ผู้กองเคยอยู่เพชรบุรี รู้จักกับหลวงพ่อแดง(พระครูญาณวิลาศ)แห่งวัดเขาบันไดอิฐไหม"


    "รู้จัก ทำไมเรอะ"


    "เห็นเขาร่ำลือกันว่า ท่านเป็นพระเกจิแจรย์ที่เก่งกาจนัก จริงหรือเปล่า"


    เมื่อผู้กองตอบว่าจริงทุกประการ ประสงค์จึงได้ขอร้องให้ผู้กองพาไปนมัสการท่านบ้าง


    การมานมัสการหลวงพ่อแดงครั้งนี้ มี ร.ต.ท.นิตย์ ศิริวิบูลย์ ผู้หมวด ร่วมทางมาด้วย


    เมื่อถึงวัดเขาบันไดอิฐ และได้สังสรรค์กันจนเป็นที่สบอามณ์กันดีแล้ว


    หลวงพ่อแดงได้หยิบผ้ายันต์ส่งให้ผู้หมวดนิตย์กับประสงค์คนละผืน พร้อมกับเหรียญรูปเหมือนของท่านด้วยคนละสองเหรียญ


    เป็นเหรียญทองแดง รูปไข่เหรียญหนึ่ง และเหรียญเล็กรูปไข่ ทำด้วยอัลปาก้า เหรียญหนึ่ง(ปีที่สร้างจารึกไว้ว่า พ.ศ.๒๕๐๓)


    ท่านส่งให้พร้อมกับบอกว่า


    "เก็บติดตัวไว้เถอะ ดียังไงแล้วก็จะรู้เอง"


    เย็นวันเดียวกันนั้น

    หลังจากที่กลับมาถึงค่าย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ประสงค์ก็ชวนผู้หมวดนิตย์ออกไปหาอาหารกินที่ตลาดหัวหิน ด้วยจักรยานสามล้อ(ใช้คนถีบ) ขณะนั้นเวลาประมาณ ๕ โมงเย็น


    จักรยานสามล้อโดยคนถีบ พาเราพ้นจากค่ายมาได้หน่อยเดียว ก็มีรถยนต์บรรทุก ๑๐ ล้อคันหนึ่ง วื่งตามมาข้างหลังด้วยความเร็วสูงมาก และแทนที่จะหลีกรถสามล้อที่ทั้งสองนั่งมาข้างหน้าตามระเบียบ รถบรรทุก ๑๐ ล้อคันนั้นกลับชนใส่สามล้อเข้าให้อย่างจัง โครมเบ้อเร่อเทียวแหละ


    ผลลัพธ์ที่ได้รับนั้นหรือ?


    ประสงค์กับผู้หมวดนิตย์ ปลิวลอยละลิ่วข้ามหัวสารถีสามล้อไปตกห่างจากจุดที่รถสามล้อถูกชน ประมาณ ๑๐ เมตรทางฝ่ายรถบรรทุกเล่า กว่าคนขับจะเบรครถให้หยุดสนิทได้ ก็ถลาเลยไปกว่า ๓ เสาไฟฟ้า


    รถจักรยานสามล้อพังยับ


    แน่แหละ! จะหาชิ้นดีที่ไหนได้


    ส่วนคนขับรถสามล้อนั้น บาดเจ็บแต่ก็ไม่สาหัส ประสงค์กับผู้หมวดนิตย์ ซึ่งอยู่ชิดกับการปะทะโครมใหญ่ของหน้าหม้อรถบรรทุก แล้วต้องมีอาการลอยละลิ่วไป กลับเพียงมีแต่อาการขัดยอกเล็กน้อย หาบาดแผลตามร่างกายไม่มีเลย อย่างดีก็แค่เสื้อกางเกงเปื้อนขึ้ฝุ่นเท่านั้น


    ท่านทราบไหมว่าเพราะอะไร?


    เพราะว่าประสงค์และผู้หมวดนิตย์ มีผ้ายันต์และเหรียญของหลวงพ่อแดงติดตัวมาด้วย


    เมื่อประสงค์ เจิมพร กลับมากรุงเทพฯ เขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าหวาดสยองขวัญที่ประสบมา ให้ เจิม พรหมประสิทธิ์ ฟังโดยละเอียด


    แล้วก็บอกว่า พระเครื่องที่สร้างไว้นั้น จะทำขึ้นถวายหลวงพ่อแดง(พระครูญาณวิลาศ) ทั้งหมด ซึ่งเจิม พรหมประสิทธิ์ ก็เห็นด้วยทุกอย่าง เพราะความจริง เจิม พรหมประสิทธิ์ ก็เคยเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด พระครูญาณวิลาศมานานแล้ว


    พระครูญาณวิลาศ เมื่อทราบเจตนารมณ์อันดีงาม ซึ้งถึงความเคารพเลื่อมใสในท่านจริงใจเช่นนั้น ท่านก็ยอมรับและให้ปรึกษาหารือกับพระภิกษุบุญส่ง ธมฺมปาโล ศิษย์ก้นกุฏิ และมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาส ว่าควรจะสร้างขึ้นในรูปแบบใดแบบไหน ให้เป็นพิเศาจากผ้ายันต์ และเหรียญรูปเหมือนของท่าน อันมีทั้งทางวัดสร้างเองและผู้สร้างมาขอให้ท่านปลุกเสกให้ เพื่อนำไปหารายได้เป็นสาธารณกุศล


    ในที่สุด... ภายหลังประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด และรอบคอบดีแล้ว


    ผลของการประชุมก็ลงมติ ให้สร้างขึ้นเป้นสามรูปแบบคือ

    ๑.รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเป็นรูปพุทธปฏิมานั่งสมาธิอยู่บนฐานสามชั้น เหมือนพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง ส่วนทางด้านหลังมียันต์ของพระคุณเจ้า พระครูญาณวิลาศ ประทับลึกลงไปในเนื้อ
    ๒.รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว องค์พุทธปฏิมาอย่างพระนางพญาพิษณุโลก
    ๓.รูปแบบป้อมๆ องค์พระเป็นภควัม(ปิดตา)

    รูปสี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม มีแม่พิมพ์ ๒ ชุด คือ ชุดพิมพ์ตื้น โดยฝีมือแกะของนายช่างกี่ หรือ "อาจารย์กี่" ที่บุคคลในวงการพระเครื่องรู้จักดี


    ส่วนพิมพ์ลึก ได้แม่พิมพ์จากนายบุง ซึ่งได้พิมพ์มาจากวัดระฆัง และพิมพ์แบบพระภควัม ก็ได้ฝีมือแกะ ของ นายเปล่ง ตันศุขะ จิตรกรเอกที่ดังเขียนสีชอล์ก แต่บัดนี้ถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕


    ข้อกำชับข้อหนึ่งของหลวงพ่อแดง ที่กำชับไว้ คือ ไม่ให้ใช้คำว่า "สมเด็จ" นำหน้าพระรุ่นนี้ ให้ใช้ได้แต่เกียง "พระครู" เพราะว่าท่านไม่ได้เป็นสมเด็จ และห้ามประกาศโฆษณาให้คนแตกตื่นมาเช่า ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง

    แต่แล้วก็เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก ที่พระเครื่องผงญาณวิลาศ ของหลวงพ่อแดง ทั้งๆที่ไม่มีการประกาศโฆษณาแต่อย่างใด ก็ยังมีประชาชนมาสละเงินบำรุงวัดเขาบันไดอิฐ จนกระทั่งพระผงญาณวิลาศพิมพ์ตื้นนับจำนวนหมื่นต้องหมดไป ภายในปีนั้นเอง จึงต้องนำแบบพิมพ์ลึกออกมาแจกจ่าย ผลที่สุดก็ใกล้จะหมดอีก ทางวัดจึงสงวนเอาไว้สำหรับสมณาคุณในงานกฐินหรือผ้าป่า


    พระผงพิมพ์ลึก ได้สร้างขึ้นเป็น ๒ สี คือ

    สีขาว(ไม่ขาวจริงๆ ส่วนมากจะเป็นเหลืองเข้มหรือค่อนข้างอมเขียว)
    แดง ผสมด้วยชานหมาก ที่หลวงพ่อสะสมไว้
    ดำ ผสมด้วยใบลานเผา

    เมื่อถึงเวลาที่ผสมผงกดพิมพ์เป็นองค์พระ ประสงค์ เจิมพร กับ เจิม พรหมประสิทธิ์ ก็จะพร้อมกันนำอุปกรณ์ซึ่งมีน้ำมันตังอิ๊ว น้ำผึ้งหลวงอย่างบริสุทธิ์ พร้อมด้วยพรรคพวกอีก ๒-๓ คน มายังวัดเขาบันไดอิฐ ร่วมมือกับพระภิกษุบุญส่ง ธมฺมปาโล รองเจ้าอาวาส


    หลังจากผสมผงได้ที่แล้ว ก็ถึงขั้นกดพิมพ์เป็นองค์พระแต่ไม่ใช่ว่าจะได้สำเร็จในวันเดียว ดังนั้นทั้งประสงค์ กับ เจิม ก็ต้องหมั่นเทียวไปเทียวมาในวันหยุดราชการ เป็นเวลาแรมเกือน และหลายเดือน แม่พิมพ์เก็บไว้ที่วัด เมื่อผงหมดก็ทำลายพิมพ์เสีย ตามปณิธานที่ตั้งกันไว้ว่า จะสร้างเพียงครั้งเดียว และเพื่อไม่ให้ใครใช้พิมพ์นี้ลอบทำขึ้นโดยหลวงพ่อแดงไม่รู้ไม่เห็น ทั้งในขณะที่ท่านยังมีอายุ หรือว่าท่านวิ้นอายุแล้ว


    ยิ่งไปกว่านี้ ท่านยังให้กรรมการวัดนำพระเครื่องที่สร้างขึ้นในนาม
    พระผงญาณวิลาศ ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ของท่าน มอบให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เก็บรักษาไว้สำหรับชนรุ่นต่อๆ ไปจะได้เห็น โดยพระภิกษุบุญส่ง ธมฺมปาโล ได้จัดการให้เป็นไปตามความประสงค์ จัดใส่กรอบกระจกทั้งพิมพ์สี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม จำนวน ๘๙ องค์

    ทั้งนี้ ทางกรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มารับมอบถึงวัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี

     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ดังมีหนังสือหลักฐานของกรมศิลปากรดังนี้


    กรมศิลปากร
    ที่ ศ.ธ. ๐๘๐๔/๔๑๓
    ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕
    เรื่อง
    มองสิ่งของแก่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
    นมัสการ
    พระบุญส่ง ธมฺมปาโล
    อ้างถึง หนังสือวัดเขาบันไดอิฐลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๑๔
    ตามที่พระคุณเจ้าประสงค์จะมอบพระพิมพ์ จำนวน ๙๖ องค์ ให้เก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร นั้น
    กรมศิลปากรได้มอบให้ นายบรรจบ เทียมทัด หัวหน้ากองโบราณคดี เป็นผู้มารับมอบพร้อมนี้ด้วยแล้ว จึงขอนมัสการมาเพื่อโปรดมอบให้ด้วย
    จะเป็นพระคุณยิ่ง

    ขอนมัสการด้วยความเคารพ
    นุ่ม อยู่ในธรรม

    (นาย นุ่ม อยู่ในธรรม)
    รองอธิบดี สั่งราชการแทน
    อธิบดีกรมศิลปากร
    กองโบราณคดี

    เป็นเพราะว่าในปี พ.ศ.๒๕๑๓ และปี พ.ศ.๒๕๑๔ พระผงญาณวิลาศจำนวนนับหมื่น ได้ร่อยหรอไปอย่างรวดเร็วกระทำให้ผู้ที่เดินทางไปเพื่อจะเช่าไว้บูชา ประสบความผิดหวังตามๆกัน ต้องขอเช่าต่อจากผู้ที่ได้มาในตอนแรกๆ เป็นราคาองค์ละ ๒-๓ พันบาท

    เหตุนี้เอง ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ จึงมีบุคคลผู้มีใจไม่สุจริต ร่วมกันคิดแกะแม่พิมพ์เลียนแบบ และหาวัสดุซึ่งมีอะไรบ้างก็ไม่ทาบ มาทำเป็นผง กดพิมพ์เป็นองค์พระ แล้วไปให้หลวงพ่อแดงช่วยเสกเป่า ลงพุทธานุภาพให้


    แต่ทว่า...หลวงพ่อแดงปฏิเสธ


    ถึงกระนั้น ด้วยความไม่รู้จักละอายแก่บาป บุคคลผู้ที่ลงทุนลงรอนไปแล้ว ก็พยายามหาทางถอนทุน ทั้งๆที่ไม่ได้มีการบรรจุพุทธานุภาพ เขานำออกให้เช่า ในอัตราองค์ละ ๑๐๐ บาท


    นี่แหละ คือความสัปปลับหลอกลวงของบุคคลบางจำพวก ขอสุจริตชนทั้งหลายพึงระมัดระวังให้จงหนัก


    ฉะนั้นทางที่ดีที่สุด ผู้ใดอยากมีพระผงญาณวิลาศที่เป็นของแท้ จากวัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรีละก็ ก็โปรดไปเช่าบูชาที่วัดนี้โดยตรง ด้วยทางวัดไม่เคยมีการมอบหมายให้ผู้ใดรับช่วงไป เพื่อให้บูชาเช่าเลย


    พระชินญาณวิลาศ

    กาลล่วงเลยมาถึงปี ๒๕๑๖ การณ์ก็ได้ปรากฏว่าพระผงญาณวิลาศ ซึ่งสร้างถึง ๔๐,๐๐๐ องค์ ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ เหลืออยู่แค่เพียง ๒,๐๐๐ องค์เท่านั้น ไม่พอที่จะนำเข้าบรรจุกรุ ภายหลังที่พระครูญาณวิลาศมรณภาพแล้ว (ตามที่ตั้งใจกันไว้) เพื่อสำหรับคนรุ่นต่อไป


    อีกประการหนึ่ง พระผงที่สร้างคราวนี้ เนื้อผงเปื่อยยุ่ยง่ายในเมื่อได้รับความชื้นแฉะ


    ท่านภิกษุบุญส่ง ธมฺมปาโล ซึ่งเป็นประธานกรรมการของวัด พระเนื้อผงรุ่นนี้จะให้เป็นของคนในรุ่นปัจจุบันทั้งหมดโดยไม่นำเข้าบรรจุกรุ ส่วนที่จะนำเข้าบรรจุกรุ ภายหลังจากหลวงพ่อแดงมรณภาพแล้ว ควรที่จะให้เป็นเนื้อที่คงทนต่อความชื้นแฉะภายในกรุ


    นั่นก็คือเนื้อชิน ซึ่งก็เลือกเอาชินตะกั่ว ด้วยว่าราคาย่อมเยาว์กว่า


    เมื่อนมัสการเรียนความประสงค์ ต่อหลวงพ่อแดงได้ทราบแล้ว หลวงพ่อแดงก็อนุญาต


    ฉะนั้น ในระยะต่อมา จึงดำเนินการสร้างขึ้นอีกเนื้อหนึ่ง โดยทางวัดเป็นฝ่ายลงทุน และมี ประสงค์ เจิมพร กับ เจิม พรหมประสิทธิ์ เป็นผู้วิ่งเต้นหาช่างทำแม่พิมพ์ ซึ่งมีสองพิมพ์ด้วยกัน คือพิมพ์ภควัม กับพิมพ์สี่เหลี่ยม


    พร้อมแล้ว ทั้งสองก็พานายช่างหล่อไปหลอมชินเทพิมพ์องค์พระที่วัด


    การหล่อพระครั้งนี้ เป็นเหตุให้องค์พระหนาและหนักมาก ผิดกับแบบที่ใช้ปั๊ม


    พระเนื้อชินที่สร้างในครั้งนี้ ก็เป็นเช่นเดียวกับพิมพ์ภควัมเนื้อผง ไม่เปิดให้เช่า ชื่อของพระเนื้อชินนี้มีชื่อว่า
    "พระชินญาณวิลาศ"

    หาใช่
    "พระผงญาณวิลาศ" ไม่
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    เหรียญหลวงพ่อแดง

    ผู้สนใจฝักใฝ่นิยมในเหรียญหลวงพ่อแดงทั้งหลาย จะรอดพ้นจากการถูกต้ม-คดโกง จากผู้ไม่สุจริตทั้งปวง หากพยายามรู้จักพินิจวิเคราะห์ในจุดตำแหน่งของแต่บะเหรียญ ก็ยากยิ่วที่จะได้เหรียญปลอมมาครอบครอง


    อีกประการหนึ่ง ที่ต้องพิจารณาประกอบด้วยคือ แม้ว่าจุดต่างๆ จะมีครบถูกต้องสมบูรณ์ก็ตาม เหรียญนั้นจะเป็นทองแดงหรือเงินเท่านั้น แต่ถ้ามีน้ำหนักมากผิดปกติจนเกินน้ำหนักของทองแดง ก็หมายความว่า เป็นเหรียญ เก๊ แน่นอน เพราะเป็นเหรียญที่หลอมจากตะกั่ว


    ส่วนเหรียญเงินแท้รุ่นหนึ่งนั้น ทราบว่ามีอยู่เพียง ๘๓ เหรียญเท่านั้นเอง จึงรู้สึกว่าเป็นการยากมากที่จะผ่านเข้ามาถึงมือท่าน


    เมื่อหลวงพ่อแดงอายุครบ ๘๒ ปี และได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น
    พระครูญาณวิลาศ เหรียญเงิน "พระครูญาณวิลาศ" ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเป้นพิเศษ ๘๓ เหรียญ เท่ากับจำนวนอายุของหลวงพ่อ ซึ่งย่างเข้าปีที่ ๘๓ แล้วหลวพ่อแดงได้แจกให้แก่ บรรดาผู้มาร่วมงานฉลองในวันนั้น แจกเรื่อยไปจนกระทั่งหมด

    แต่แล้วก็ มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างนักเลงพระว่า


    เหรียญหลวงพ่อแดง


    คนไม่นิยมหรือ


    ช่างที่ทำงานประจำอยู่กับหลวงพ่อแดงมานาน ก็มีโอกาสเป็นเจ้าของเหรียญเงินนี้ด้วยเหมือนกัน


    เมื่อได้มาเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว แกพิจารณาดู พลิกซ้าย พลิกขวา ทั้งหน้าและหลัง แล้วสีหน้าก็แสดงออกว่าไมพอใจในเหรียญนี้เท่าใดนัก เพราะแกลังเลใจในความไม่นิยมของคนที่แว่วมาเข้าหู


    กรรมการวัดท่านหนึ่งจึงกล่าวว่า


    "รับไปเถอะลุง เหรียญเงินเป็นอย่างนี้เกือบทุกเหรียญแหละ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของน่ะ ดีที่สุดแล้ว"


    แต่เพราะเสียงร่ำลือที่เป็นอกุศลนั่นเอง เพราะหูเบาและใจเขวนั่นเอง แกจึงมอบเหรียญเงินนั้นให้ผุ้อื่นไป


    เหมือนดวงแก้วหลุดจากมือ


    ครั้นแล้ว ท่านเชื่อหรือไม่ว่า นับแต่เดือน เมษายน พ.ศ.๒๕๑๓ จวบจนถึงบัดนี้


    บรรดาเหรียญรุ่นใหม่ในวงการพระเครื่อง คงไม่มีเหรียญใดจะดังห้องไปกว่าเหรียญเงินของหลวงพ่อแดง แห่งวัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรี เพราะราคาค่างวดขณะนั้น มีผู้ให้ราคาเกินกว่าหมื่นบาทแล้ว ด้วยเหรียญนี้แสดงพุทธนุภาพให้ประจักษ์ตาแล้วมากต่อมาก


    จริงอยู่! เหรียญเงินอาจจะมีสภาพไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง


    วินิจฉัยตริตรองดุให้ดี ก็เหมือนคนเราที่หัดสวดมนต์ครั้งแรกๆ ย่อมตะกุกตะกัก ผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา การพิมพ์หนังสือ การถ่ายรูป บรู้ฟ ครั้งแรกอาจไม่เรียบร้อย ขาดความสวยงามชวนพิศ ก็เช่นเดียวกับการทำเหรียญเงินนี้ออกมาครั้งแรกเหมือนกัน


    สาเหตุที่เหรียญรุ่นหนึ่ง ของหลวงพ่อแดงจะดังกังวานจนเป็นที่รู้จักของนักเลงพระทั่วประเทศ ยังมีเล่าเข้าหูอีกว่า

    ปีนั้น! พ.ศ.๒๕๐๗


    มีฝรั่งเชื้อชาติอเมริกันสองคนสามีภรรยา เดินทางมาทัศนาจรในประเทศไทย


    ไกด์ที่นำเที่ยงก็พาไปเที่ยวที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งโอกาสนี้ทั้งสองสามีภรรยาชาวอเมริกัน ก็ได้ไปถึงวัดเขาบันไดอิฐเพื่อดูถ้ำต่างๆ หลายถ้ำ หลังจากทัศนาจรจนทั่วแล้ว ไกด์ก็นำขึ้นไปบนกุฏิหลวงพ่อแดง ด้วยเผอิญขณะนั้น เหรียญหลวงพ่อแดงยังแจกไม่หมด เมื่อไกด์ได้ปนะนำให้ฝรั่งช่วยทำบุญด้วย ฝรั่งสองสามีภรรยาก็มีความศรัทธาวมทำบุญด้วย พระที่เฝ้าเหรียญจึงหยิบเหรียยให้ฝรั่งไปคนละหนึ่งเหรียญ


    ฝรั่งซักถามไกด์ว่า เหรียญนี้ใช้ทำอะไรได้ ไกด์ก็บอกว่า เก็บติดตัวไว้จะมีโชคลาภ และแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ เขาทั้งสองก็เลยเอาเหรียญนั้นติดตัวไว้ จากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินกลับไปยังสหรัฐอเมริกา


    ระหว่างทางที่นั่งรถกลับมาจากเพชรบุรี เข้ามายังกรุงเทพฯ อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน


    รถที่นั่งมาคันนั้นพลิกคว่ำลงข้างทาง ล้มกลิ้งไปเป้นหลายทอด รถพังยังเยิน ผุ้คนทั้งหลายที่แลเห็นเหตุการณ์ ต่างก็ต้องเชื่อและมีความเห็นพ้องกันว่า คนในรถคันนั้นต้องตาย ไม่มีทางรอดแน่


    แต่น่าแปลกที่สุด!


    ฝรั่งทั้งสองคน พร้อมด้วยไกด์นำทางที่ร่วมไปด้วย ไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ในตัวของฝรั่งทั้งสองคน ต่างก็มีเหรียญหลวงพ่อแดงติดตัวกันอยู่คนละเหรียญ


    เปล่า-เรื่องยังหาได้จบลงแค่นั้นไม่ เป็นธรรมเนียมของฝรั่งโดยมาก หลังจากผจญกับรถคว่ำมาแล้วเขาจะต้องไปให้ดรงพยาบาลกระทำการตรวจเช็คประสาท และเอ็กซ์เรย์ดูภายในร่างกายว่า ได้รับความกระทบกระเทือนมากน้อยเพียงใด หรือไม่


    ผลจากการเอ็กซ์เรย์ และตรวจโดยละเอียดปรากกว่าฝรั่งทั้งสองมีอาการปกติดี ไม่มีส่วนใดที่บอบช้ำเลย ซึ่งก็เพราะต้องเสียเวลามาตรวจเช็คที่โรงพยาบาลนี่เอง เลยกระทำให้เขาทั้งสองไปเครื่องบินโดยสารเที่ยวที่บุคไว้แล้วไม่ทัน จำต้องเลื่อนการเดินทางให้เนิ่นออกไปอีก ทั้งนี้ก้ไม่ใช่เพราะคราวซวยหรือคราวเคราะห์ของฝรั่งทั้งสองคนนั้นเลย ที่ไปเครื่องบินเที่ยวนั้นไม่ทัน กลับเป้นโชคอย่างมหาศาลเสียอีกด้วย


    เพราะเหตุว่า


    ในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวตัวใหญ่ พาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า เครื่องบินโดยสารเที่ยวนั้น พาผู้โดยสารจบ ๗๑ ชีวิต ดิ่งลงทะเล ขณะที่จะลงสนามบินไคตัก ทุกคนตายเรียบ เหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗


    เหมือนตายแล้วเกิดใหม่!


    ฝรั่งสองสามีภรรยา ได้เล่าถึงเหตุการณ์บังเอิญนี้ให้เพื่อนฝรั่งด้วยกันฟัง ฉะนั้น ในวันต่อมาจึงมีฝรั่งและคนไทยมากมาย รุดไปยังวัดเขาบันไดอิฐกันอย่างเนืองแน่น ต่างพากันขอเหรียญหลวงพ่อแดงรุ่น ๑ มาคนละเหรียญสองเหรียญพร้อมกับร่วมทำบุญเหรียญละ ๑ ดอลล่าร์


    ไม่ช้าเหรียญรุ่นนี้ก็หมดไปจากวัด
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    เรื่องนี้ เกิดขึ้นในสมรภูมิ

    ปี พ.ศ.๒๕๑๒


    ในขณะที่ทหารไทย คือ
    กองพันเสือดำ กำลังปฏิบัติการรบอย่างดุเดือดอยู่ในสมรภูมิที่เวียตนามนั้น

    ในแคมป์แบแค็ท มีชาวญวนวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุประมาณ ๑๒-๑๓ ปี เป็นเด็กกำพร้า หนูน้อยญวนคนนี้จัดว่ารู้ภาษาไทยพอสมควร เพราะได้มาอยู่คลุกคลีกับทหารไทยนับหลายรุ่นด้วยกัน


    ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ทหารสารวัตร ๒-๓ คน ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ ให้ไปทำการตรวจทหารไทยในหมู่บ้านญวนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพวกเวียตกง ดังนั้นทหารสารวัตรก็ชวนหนูน้อยชาวญวนให้ร่วมไปด้วย โดยหวังจะให้หนูน้อยรับหน้าที่ล่ามเจรจาภาษาญวนให้


    เนื่องจากเส้นทางสายนั้นเต็มไปด้วยอันตราย รถที่ผ่านไปมักถูกลอบยิงอยู่เสมอๆ


    ด้วยความนึกสงสารเอ็นดู แก่หนูน้อยชาวญวนคนนั้น ผู้หมู่ไทยของเราก็ปลดเหรียญหลวงพ่อแดงออกมาจากคอส่งให้หนูน้อย บอกให้ติดตัวไว้จะได้ป้องกันอันตราย หนูน้อยคนนั้นจึงเอาเหรียญนั้นผูกเชือกร่มห้อยคอไว้ แล้วก็ขึ้นรถติดตามทหารสารวัตรกลุ่มนั้นไปยังจุดหมาย


    ครั้นรถแล่นมาถึงโค้งซึ่งเป็นสวนยางทึบ บรรดาเวียตกงกว่า ๒๐ คน ที่ลอบซุ่มอยู่แล้ว ก็ยิงปืนกราดเข้าใส่มาที่หน้ารถเป็นห่าฝน


    ผู้หมู่สารวัตรเลือดนักสู้ของไทย ก็ต้องยิงต่อสู้ด้วยความจวนตัว เป็นธรรมดาที่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ผู้หมู่ทั้งสามนั้นถูกกระสุนปืนตายเรียบ คงเหลือแต่อ้ายหนูน้อยชาวญวน คนนั้นคนเดียวที่รอดไปได้ หนูน้อยเห็นท่าไม่ดี ก็ลุกขึ้นวิ่งหนีอุตลุด ปืนที่หมายมั่นระดมยิงทั้ง ๒๐ กระบอก ไม่ปรากฏมีกระสุนลูกใดถูกตัวเจ้าหนูน้อยเลย ประจวบกับขณะนั้นมีทหารไทยอีกจำนวนหนึ่งตามมาทันยังที่เกิดเหตุ พวกเวียตกงก็เลยถอยหนีไป พร้อมกับจุดไฟเผารถจิ๊ปและซากทหารไทยเสียสิ้น


    คุณผู้อ่าน - เหรียญหลวงพ่อแดงที่ทหารสารวัตรให้เจ้าหนูน้อยญวนคนนั้นห้อยติดไป ก็คือเหรียญรุ่น ๒ ครับ ที่เรียกว่ารุ่นหลังเลข ๘


    ไม่ใช่รุ่นหนึ่ง


    เรื่องนี้ยิ่งแปลก และประหลาดกว่า...

    ผู้เป็นสาเหตุของเรื่องนี้ คือ นายบุญชุบ บ้านอยู่บางกระบือ เป็นพนักงานขับรถสังกัดกองสำรวจ ของกรมชลประทาน ทำงานอยู่ปากเกร็ด


    ในงานวันเกิดของนายช่างสำรวจ ซึ่งเป้นเจ้านายของนายบุญชุบ นายบุญชุบก็ได้ไปช่วยงานด้วย ในฐานะที่เป็นคนขับรถ ในระหว่างงานเขาก็ได้จับกลุ่มสังสรรค์ อยู่ในกลุ่มโชเฟอร์ด้วยกัน ซึ่งต่างก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮาไปตามทำนอง


    งานเลิก เมื่อบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายต่างพากันทยอยกลับจวนจะหมดอยุ่แล้ว แต่ทางฝ่ายกลุ่มของนายบุญชุบนั้นยังคงครื้นเครงอยู่ด้วยฤทธิ์ของน้ำสุรา


    ยื่งนานก็ดูเหมือนยิ่งออกรส เมื่อรสออกมากเข้าก็กระทำให้เพื่อนโชเฟอร์คนหนึ่ง เหิมหาญถึงกับควักเอาปืนกระบอกหนึ่งพึ่งซื้อมาใหม่ เพื่อนคนนั้นอวดปืนแก่เพื่อนๆ พลางก้หันกระบอกปืนมาทางนายบุญชุบพอดี


    เพราะความกลัวปืนจะลั่นออกมา นายบุญชุบก็รีบเอื้อมมือไปปัดปืน พลางร้องว่า


    "เล่นบ้าๆ เดี๋ยวปืนลั่นนะ"


    แต่พูดยังไม่ทันจะขาดคำดี ปืนกระบอกนั้นก็ลั่นดัง "โป้ง!" ออกมาทันที


    ผลลัพธ์ก็คือ ทุกคนเห็นนายบุญชุบล้มหงายหลัง ตกจากเก้าอี้ลงไปต่อหน้าต่อตา


    ผู้คนต่างแตกตื่นมามุงดูกันแน่น ใครๆ ต่างก็นึกว่า นายบุญชุบคงไม่มีทางรอดเป้นแน่ ในเมื่อถูกกระสุนปืนกรอกเข้าไปในปากออกอย่างนั้น


    สวรรค์ช่วย!


    การณ์ปรากฏว่า นายบุญชุบลุกขึ้นยืนราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย


    เลือดสักหยดก้ไม่ออก นายบุญชุบเป้นปกติทุกประการ แต่รู้สึกว่ามีเศษอะไรสักอย่างติดอยู่ตรงลำคอ ทำให้เขารู้สึกรำคาญอย่างมาก

    วันรุ่งขึ้น นายบุญชุบได้ไปหานายแพทย์ที่กรมชลประทาน โรงพยาบาลปากเกร็ด ทำการเอ็กซเรย์ ก็ปรากฏว่ามีลูกกระสุนปืนหัวทองแดง ขนาด.๒๒ ติดค้างอยู่ระหว่างหลอดลม และหลอดอาหาร


    ทั้งนี้ หมายความว่า ถ้ากระสุนปืนเกิดพลาดไปถูกหลอดใดหลอดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหลอดอาหารหรือหลอดลม นายบุญชุบต้องตายแน่ๆ


    หมอได้บอกกับนายบุญชุบว่า


    "คุณจะเอาลูกปืนออกก็ได้นะ แต่ต้องผ่าคอ"


    แล้วจนกระทั่งบัดนี้ทราบว่านายบุญชุบก็ยังไม่ยอมผ่าคอ คงปล่อยให้กระสุนขนาด.๒๒ ลูกนั้นตุงอยู่ในลำคอต่อไปเช่นเดิม มิหนำซ้ำ บางวันเขาจะอวดแก่เพื่อนฝูงเสมอๆ ว่า


    "นี่ไงล่ะ ลูกปืน"


    มีสิ่งเดียวที่นายบุญชุบจะต้องนำติดตัว ไม่ยอมให้ห่างก็คือ เหรียญหลวงพ่อแดง แต่ว่าไม่ใช่เหรียญหลวงพ่อแดงรุ่นหนึ่ง


    เป้นเหรียญรุ่น ๒ หลังเลข ๘


    โดยเฉพาะนายบุญชุบแล้ว ใครจะเอาเหรียญรุ่นหนึ่งสักสิบเหรียญไปแลก นายบุญชุบก็ไม่ยอมแลก เพราะวันที่แกถูกกระสุนปืนกรอกปากนั้น แกมีเหรียญหลวงพ่อแดง หลังเลข ๘ อยู่เพียงเหรียญเดียวแท้ๆ

     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    อีกรายหนึ่ง

    เขาคือ คุณสีแสด สีใส อยู่บ้านเลขที่ ๓๓๓ ถนนชุมค้า อำเภอเมืองสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา


    คุณสีแสด เขียนเล่าประสปการณ์ของเหรียญหลวงพ่อแดงซึ่งไม่ใช่รุ่นหนึ่ง ให้ฟังว่า


    คุณสีแสดไปเล่นลิเกที่วัดอำเภอโนนทัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการเล่นแบบหาเสียงเลือกผู้แทนราษฎร


    ครั้นแต่งตัวเสร็จแล้ว คุณสีแสดเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกนานกว่าจะได้ออกโรงแสดง เขาก็เลยล้มตัวลงนอน เป็นการพักผ่อนเอาแรงเสียก่อน เพระคืนนี้ตามรายการ จะต้องแสดงถึงยันรุ่ง คือสว่างคาตา


    ขณะนอนกำลังจะหลับอยู่หลังโรงลิเก ซึ่งปลูกอยู่ใต้ต้นตาล หลังคามุงด้วยใบตาลผุๆ อยู่นั้น


    เป็นเพราะอะไรก็ไม่ทราบ บันดาลให้คุณสีแสดนึกรำคาญ เสียงฉิ่ง และเสียงตะโพน ที่ตีไม่ถูกจังหวะเสียเลย


    "ใครวะ เป็นคนตีฉิ่ง ตีตะโพน" เขานึกในใจแล้วรีบลุกขึ้นหมายใจที่จะไปตีฉิ่งเสียเอง จะได้หมดรำคาญ


    พอเขาลุกขึ้นได้และเดินไป ทันใดนั้น รู้สึกเหมือนปาฏิหารย์ ลูกตาลบนต้นหล่นตุบลงมาถูกกระป๋องขนมปังที่ใช้หนุนหัวอยู่ บู้บี้ยับเยิน


    ต่อมาอีกคราวหนึ่ง

    คุณสีแสดคนนี้แหละ ได้ไปร่วมแสดงลิเกกับคณะเฉลิมศิล์ป ที่อำเภอบำดหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ


    ครั้นแสดงเสร็จไปตอนหนึ่งแล้ว คุณสีแสดก็กลับเข้ามาหลังโรง เขายืนหันหลังพิงข้างฝาโรงลิเก แต่แล้วเพราะ อำนาจของสื่งใดมาบันดาลก็ยากจะรู้ คุณสีแสดก็ผละ-เดินออกมาจากข้างฝา ซึ่งห่างออกมาได้เพียงสองก้าวเท่านั้นเอง


    มีดพกปลายแหลมเล่มหนึ่ง แทงผลัวะทะลุฝาโรงลิเกซึ่งกั้นด้วยกล่องกระดาษตรงที่เขายืนพิงอยู่เมื่อครู่


    ปลายมีดปหลมคมโผล่ยื่นออกมาคืบกว่าๆ!


    เชื่อหรือไม่ว่า หากคุณสีแสดไม่มีอะไรมาดลใจจนรีบถอยผละออกมาแล้ว


    คุณสีแสดต้องตายแน่ ไม่มีปัญหา


    จากเหตุการณ์รวมสองครั้งที่ปรากฏขึ้นนี้ เพราะที่คอคุณสีแสด มีเหรียญหลวงพ่อแดงอยู่เหรียญเดียวเท่านั้น แต่ไม่ใช่เหรียญรุ่น๑ เป็นเหรียญรุ่นที่หลวงพ่อแดงนำออกแจกเมื่อไม่นานมานี้เอง


    เหตุการณ์ที่แปลกแต่จริงทำยองเดียวกันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งน่าจะอ่านไว้เป็นการประดับความรู้ต่อไป

    ประมาณต้นปี พ.ศ.๒๕๑๕ ที่ผ่านมานี้เอง


    นางแจ๋ว กับ นางใหม่ สองแม่ค้า ดำเนินอาชีพอยู่ที่ตลาดอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พากันเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี เพื่อซื้อหาของทะเลต่างๆ และเงาะมาขาย


    ทั้งสองนั่งอยู่ตอนหน้าของรถ อีซูซุ หกล้อ ในขณะที่ อีซูซุ คันดังกล่าว ห้อตะบึงมาถึงหนองคล้า อุบัติเหตุก็ปรากฏขึ้นอย่างนึกไม่ถึง โดยรถ อีซูซุ ได้พุ่งเข้าใส่ชนท้ายรถบรรทุกปลาสด ที่จอดสงบเสงี่ยมอยู่ข้างทาง


    ผลที่พึงได้รับคือ อีซูซุ ที่นางแจ๋ว นางใหม่ นั่งมา ตอนหน้าพังยับเยิน
    นางใหม่ ซึ่งนั่งเคียงคู่มากับ นางแจ๋ว ได้รับบาดเจ็บถึงอาการสาหัส ต้องใช้ชะแลงช่วยกันงัดอกมา แต่ในที่สุด นางใหม่ ก็ไปตายที่โรงพยาบาลจันทบุรี

    แปลกหรือปล่าวครับ?


    นางแจ๋ว
    ไม่แรกฏว่าได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่เล็กน้อย หนำซ้ำยังรีบจับรถอีกคันหนึ่ง บึ่งแน่วไปส่งข่าวให้ญาติที่บ้านนางใหม่ทราบได้อีก

    เพราะอะไร? ท่านผู้อ่านก็คงไม่ยากที่จะตอบปัญหานี้


    เพราะ...ในตัวนางแจ๋ว มีล็อกเก็ต ๑ อัน ผ้ายันต์ ๑ ผืน เหรียญ ๑ เหรียญ นี่คือสิ่งที่นางแจ๋วไปรับมาด้วยมือของตนเอง จากมือหลวงพ่อแดง เมื่อปี ๒๕๑๓

    คุณอัครเรศ สัญจรวารี มีบ้านอยู่ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกผู้หนึ่งเขียนเล่าให้ฟังดังนี้

    เขาได้ไปเช่าพระรูปเหมือนหลวงพ่อแดง ซึ่งเป็นเนื้อผงเกษร และเนื้อดินเผา จากวัดเทพธิดาม

    นับตั้งแต่ได้มาแล้วก็ได้ห้อยติดตัวไว้เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณอัครเรศได้ไปนั่งถูกเข็มเย็บผ้าเข้า เข็มเล่มนั้นติดมากับกางเกง ปลายเข็มห้อยลง ขณะจะนั่งลงทำงานก็จำเป็นต้องนั่งยองๆ ปลายเข็มก็เลยถูกขาที่ใกล้ตาตุ่มเข้า นึกว่าถูกยุงกัด จึงเลยเหยียดขาออกไป แต่เมื่อนั่งลงใหม่ก็รู้สึกเช่นเดิมอีก คราวนี้จึงลุกขึ้นยืนหลางเอามือลูบคลำดูก็พบเข็มเล่มนั้นติดอยู่ นี่ถ้าหากคุณอัครเรศนั่งลงไป เข็มก็ต้องแทงก้นทะลุแน่นอน

    นี่คืออภินิหารนานาประการ ที่เราควรต้องจดจำไว้ อภินิหารของเหรียญหลวงพ่อแดงที่ตึงตราอยู่ในความนิยม นับถือของชาวไทย

    แน่ละ! เราจะไม่ลืมกันเลยทุกคน
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    เพื่อให้เป็นที่กระจ่างใจและแจ่มอารมณ์ ในหมู่ผู้นิยมศรัทธาในตวามขลัง-ศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อแดง ต่อไปนี้จึงใคร่ขอเขียนถึงพระพุทธาภาพ ที่หลวงพ่อแดงบรรจุไว้ในพระเครื่อง ที่เรียกกันว่า พระผงญาณวิลาศ

    ท่านบรรจุพระพุทธานุภาพไว้ ให้เห็นเป็นที่อัศจรรย์เกินฝัน ยากที่ใครจะมี ยากที่ใครจะได้ประสบมา


    ก่อนอื่นขอพูดถึง ร.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร อีกครั้งด้วยว่าท่านผู้นี้ เป็นผู้ลงทุนทั้งเงินและแรง สร้างพระผงญาณวิลาศ โดยได้เขียนเล่าไว้ในตอนต้นๆ แล้ว


    ภายหลังที่พ้นจากอันตรายอย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับ ร.ต.ท.นิตย์ ศิริวิบูลย์ เพราะรถจักรยานสามล้อที่นั่งไปถูกรถยนต์บรรทุกสิบล้อ พุ่งชนเอาทางท้าย กระทั่งยังผลให้จักรยานสามล้อพังยับไม่มีชิ้นดี ตัวของเขาเองกระเด็นไปไกลเป็นระยะถึง ๑๐ เมตร แต่ไม่มีบาดแผลเลยแม้เท่าเพียงแมวข่วน ซึ่งก็เพราะมี เหรียญรูปเหมือนกับผ้ายันต์หลวงพ่อแดง


    ด้วยประการดังนี้เอง เขาจึงตัดสินใจนำวัสดุมงคลมาทำผงสร้างพระถวายท่านดังได้ทราบมาแล้ว

    ที่สุดหลวงพ่อแดงก็บรรจุพระพุทธานุภาพให้อย่างครบไตรมาส แล้วเขาก็ได้ไว้องค์หนึ่ง พกติดตัวไว้เป็นประจำด้วยความเคารพเชื่อมั่น


    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ เขาไปฝึกโดดร่มที่ค่ายนเรศวรหัวหิน อย่างที่เคยปกิบัติประจำทุกปี


    คราวนี้แหละ ที่เป็นคราวซึงเหมือนเจ้าพระคุณหลวงพ่อแดงต้องการให้เห็น และประจักษ์ถึงพระพุทธานุภาพอันสูงเยี่ยม ที่ท่านบรรจุอยุ่ในพระผงญาณวิลาศโดยเฉพาะ ฉะนั้นการโดดร่มของเขา จึงทำให้มีอันเป็นอย่างอัศจรรย์ เมื่อเขากระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ครั้งแรกนั้นรู้สึกว่ามันก็กางอย่างปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลกแต่ทว่า...ไฉนล่ะ มีนจึงดิ่งลงลิ่วๆอย่างผิดธรรมดาจริงๆ แล้วก็เฉพาะจะลิ่วลงไปตรงร่มของเพื่อนคนหนึ่งที่ได้กระโดดลงมาก่อนหน้าเขา แม้ว่าจะพยายามเหนี่ยวโน้มสายบังคับเพื่อให้มันหลีกไปอย่างสุดแรงก็แล้ว ร่มเจ้ากรรมของเขาก้หายอมเชื่อฟัง หรืออยู่ในบังคับบัญชาอย่าใดไม่ดันทุรังลิ่วลงไปยังร่มของเพื่อนท่าเดียว และร่มของเพื่อนคนนั้นก็ช่างกระไร มันช่างลอยอย่างแช่มช้าเนื่อยๆ ไม่เร่งร้อน


    เห็นจะแย่แน่ - หมดหนทางจริงๆ


    ผลที่สุด ตัวของเขาก็ลอยลงแหมะอยู่บนร่มของเพื่อนกัน ถึงจะถีบให้พ้นก็ไม่มีทาง ด้วยว่าลมที่พองลมมันหยุ่นตามเท้า พอร่มของเขาลดน้ำหนักถ่วง มันก้หุบ ในขณะนี้เขาจำได้ว่าอยุ่ในระยะสูงเพียงแค่ตึก ๕-๖ ชั้นเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อตัวเขากลิ้งลงจากร่มของเพื่อน ร่มของตัวเองก็ไม่ยอมกางอีก


    คุณพระช่วย!


    ตอนนี้เอง ร่างของเขาก็ดิ่งลงสู่พื้นชายหาดหัวหิน ส่วนเครื่องหลังของเขาเล่า ก็ติดอยู่ที่หลังเต็มอัตราศึก แน่ละ น้ำหนักของมันย่อมจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า


    เดชะ! เนื่องจากสติยังดีอยู่มาก เขาจึงได้จัดท่าของร่างให้อยู่ในท่า "ทิ้งดิ่ง" คือ ท่อนขาทั้งสองบีบชิดกันแน่นพยายามเกร็งให้แข็งทั้งท่อนขา


    เมื่อร่างลงสู่ถึงพื้นหาด ปรากฏว่าร่างของเขาจมลงไปในทรายถึงครึ่งตัว แต่แล้วลมที่ช่วยปะทะร่มได้ช่วยฉุดลากขึ้นมาได้ เขาเพียงแต่รู้สึกว่าขาข้างหนึ่งขัดยอกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


    เมื่อเทียบกับพระเอก มิตร ชัยบัญชา แล้วเป้นอย่างไร


    มิตร ชัยบัญชา หล่นลงมาต่ำกว่าเขาตั้งครึ่งเครื่องหลังก้ไม่มี
    มิตรยังไม่รอด

    อีกรายหนึ่งก็ไม่เบาเหมือนกัน

    น่าคิดไม่น้อยทีเดียว ในเมื่อท่านผู้นี้มีฐานะเป็นคหบดี ชื่อ
    ชุมพร มหัสพิเชียร บ้านอยู่ซอยสารภี ๒ เลขที่ ๖๕/๕ ถนนลากหญ้า กรุงเทพมหานคร

    คุณชุมพล เป็นนักสะสมทั้งพระบูชา และพระเครื่อง แต่สำหรับพระเครื่องนั้น เขาสะสมไปเรื่อยๆ ยังงั้นเอง เรื่องที่จะมีจิตศรัทธาเลื่อมใสนั้น หายาก ไม่ว่าจะเป็นพระอะไร สำนักใด วัดไหน ไม่เคยคิดเอามาไว้ติดกับตัว ได้พระอะไรมาก้เลี่ยมพลาสติก เก็บใส่พานทิ้งรวมกันไว้ที่หิ้งพระ มีประมาณทั้งสิ้นราว ๔๐ องค์ แล้วภายหลังต่อมา ได้พระผงญาณวิลาศจากเพื่อนองค์หนึ่ง เพื่อนผู้ให้บอกว่าได้มาจากวัดเขาบันไดอิฐ ตั้งแต่แรกที่ทางวัดนำออกแจกจ่าย


    แต่ครั้นได้พระผงญาณวิลาศนี้มา ราวกับมีอำนาจประหลาดสักอย่าง ดลบันดาลใจให้เขาบังเกิดความเลื่อมใสเป็นพิเศษ จึงได้นำเข้าบรรจุไว้ในกรอบทองคำอย่างหรูหราแต่อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ยอมห้อยคอหรือพกติดตัวคงปฏิบัติแบบเดิม คือเก็บรวบรวมเก็บไว้กับพระเครื่องต่างๆ ในพานหน้าหิ้งบูชา


    ครั้นวันหนึ่งมาถึง


    คืนวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๑๔ เวลาประมาณ ๒๓ น. (ห้าทุ่ม) เขาได้จุดธูปบูชาพระเช่นปกติ เมื่อสวดมนต์จบแล้วก็เข้านอน


    ครั้นเวลาล่วงไป-ล่วงไปจนถึง ๐๑.๐๐ น. เขาก้ต้องสะดุ้งตื่น เพราะภรรยาปลุกให้ลุกขึ้นไปดูที่ห้องพระ


    ที่-ที่ไฟลุกไหม้นั้นคือ พานที่เก็บพระเครื่องนานาชนิดและพลาสติกกรอบพระนั้น คือเชื้อเพลิงอย่างดีที่สุด เมื่อดับไฟเรียบร้อบแล้ว ตรวจดูก็ปรากฎว่าพระเครื่องบรรดาที่เลี่ยมพลาสติก ต่างถูกไฟไหม้จนดำเกรียม และได้ละลายรวมกันเป็นก้อน ทั้งพานพลาสติกด้วย อีกทั้งผ้ายันต์และตะกรุดที่วางอยู่ใต้พาน ไฟไหม้เรียบไม่เหลือเลย


    สำหรับพระเครื่องบางองค์ ที่ยังไม่ไหม้ไฟแต่ก็บุบสลาย บางองค์แตกเป็นเสี่ยง บางองค์ก็มีสภาพบิดเบี้ยว หงิกงอ


    ในที่นี้ก็มีอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น ที่ไฟอันร้อนแรงไม่สามารถจะทำอะไรได้


    พระองคืนี้คือ พระผงญาณวิลาศ ยังแลดูผุดผ่องวิไลทองคำที่เป็นกรอบก้ไม่ละลาย ไม่มัวหมอง และพลาสติกที่ปิดหน้าอยู่ก็ยังคงเรียบร้อยอยู่ในสภาพเดิมนี่แหละ ที่สร้างความอัศจรรย์ใจใหญ่หลวงแก่เขาอย่างยิ่ง ความเลื่อมใสศรัทธาเริ่มก่อตัว และประทับใจแก่เขาทันที


    นับแต่นั้นมา-เขา ก็ได้นำมาร้อยในสร้อยคอพร้อมกับห้อยคอแต่เพียงองค์เดียว ห้อยพระผงญาณวิลาศ ตลอดมาจนปัจจุบันนี้

     
  9. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    อ่านจนหมดทุกบรรทัด...สุดยอดมากครับที่ได้นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันกัน ^___^


    คุณย่าผมปัจจุบันอายุ 84 ปี เป็นคนท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยกำเนิด..เสียดายที่สมัยนั้นท่านยังสาวๆตอนอยู่เมืองเพชรก็ไม่ได้มีความสนใจด้านพระเครื่องเลย...จากนั้นก็แต่งงานมาอยู่ประจวบ,ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงมีของดีของหลวงพ่อแดงรุ่นแรกๆตกทอดมาถึงผมแล้วววว....เสียดายมากๆ 55
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    นักมวยชื่อดัง ตะลึงในอภินิหาร

    ปีนั้น ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๐๐


    ในประดาแฟน-แฟนมวยไทยด้วยกัน ย่อมจะรู้จักและคุ้นกับชื่อเสียงของนักมวยผุ้หนึ่งได้ดี เนื่องจากลีลาการชกหรือชั้นเชิง "มวยไทย" ของเขายุคนั้นดังมาก


    ท่านก็คงเป็นผู้หนึ่งที่รู้จักเขาดีใช่ไหมล่ะ ก็...


    สุชาติ ศ.บางคอแหลม
    ยังไงล่ะ

    นักดูมวยทุกคนรู้จักเขาทั้งนั้น เพราะเขาได้ครองตำแหน่ง แชมป์รุ่นหนัก จากฝีมือเชิงมวยไทยขนานแท้ของเขา


    ร่างของเขา สูงใหญ่ สมชายชาติ บึกบึน ทรหดเยี่ยงสิงห์ร้าย


    พูดก็พูดเถอะ ชื่อจริงๆของเขา ก็ยังมีน้อยคนที่จะรู้จัก


    นามจริงของเขาคือ
    ลอง หลั่งสาย

    ชีวิตของ ลอง หลั่งสาย หรือ สุชาติ ศ.บางคอแหลม คลุกคลีโชกโชนอยู่กับเวทีผืนผ้าใบ จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๐๖ จึงได้อำลา ละทิ้งอาชีพค้ากำปั้นไป


    เมื่อสละอาชีพมวย ก็หันมายึดอาชีพเป็นพนักงานคนหนึ่งของโรงงานยาสูบเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.๒๕๑๔ ปีที่เมืองไทยเราพร้อมสะพรั่งไปด้วยสถาน อาบ อบ นวด สุชาติ ศ.บางคอปหลม อดีตรองแชมป์มวยไทย จึงได้ออกหารายได้พิเศษ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำของโรงงานยาสูบ เขาสมัครเข้าเป็นผู้รักษาความสงบให้แก่สถาน อาบ อบ นวด ปห่งหนึ่ง ชื่อ "โจโจ้ซัง" ตั้งอยู่ถนนบรรทัดทอง ตำบลสวนหลวง อำเภอปทุมวัน


    ยุคนั้น การณ์ปรากฏว่า เป็นยุคของนักเลงอันธพาล วัยรุ่นกำลังเฟื่องฟู และดาษดื่นอยู่ และพวกนี้นิยมการ อาบ อบ นวด อยู่ไม่น้อยเลย ยิ่งไปกว่านี้ ยังชุกชุมไปด้วย แก๊งขโมยรถยนต์และรถจักรยานยนต์อีกด้วย นี่จึงนับว่าเป็นงานหนัก และหน้าที่ที่ สุชาติ ศ.บางคอแหลม จะต้องยอมผจญ และเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

    เมื่อ สุชาติ รู้ว่า ร.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร ได้สร้าง พระเครื่องไปถวายหลวงพ่อแดง บรรจุพระพุทธานุภาพ โดยในขณะเดียวกัน ท่านเกจิอาจารย์ท่านนี้เขาก็ให้ความเลื่อมใสศรัทธาสูงสุดอยู่แล้ว อีกประการหนึ่ง เขาเคยรู้จักคุ้นเคยกับ ร.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร ตั้งแต่มีชีวิตอยู่บนเวทีผืนผ้าใบมาด้วยกัน

    ดังนี้จึงไม่ยากเย็นนัก ที่เขาไปขอพระผงญาณวิลาศ ร.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร ก็มอบมาให้องค์หนึ่งด้วยความเต็มใจ เมื่อได้มาก้จัดการเลี่ยมทองห้อยติดกับรังดุมเสื้อเป็นประจำ


    ไม่ถึงเจ็ดวัน สุชาติก็ได้ประสบในอภินิหารของพระเครื่องที่ได้มา อย่างจัง


    กล่าวคือ - ขณะที่เขาปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้รักษาความสงบ ดูแลรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของบรรดาลูกค้าที่มาหาความเริงรมย์กับ "โจโจ้ซัง" สถาน อาบ อบ นวด


    ตอนนั้น เป็นเวลาประมาณ ๕ ทุ่มเศษๆ ได้มี รถยนต์คันหนึ่งวิ่งเนือยๆ เลียบมาริมทางเท้า แสดงท่าทีคล้ายกับว่าจะจอด แต่ก็ไม่จอดดังที่คาดไว้ แม้จะมีที่ว่างให้จอด


    พอมาถึงตรงที่เขายืนอยู่ ในลักษณะการเตรียมพร้อม จะให้การต้อนรับขับสู้อย่างสุภาพ ทันใดนั้นก็มีมือถือปืนกระบอกหนึ่ง สีดำมะเมื่อย ยื่นออกมาทางช่องประตูรถมหาภัยคันนั้น


    เสียงปืนดังขึ้น ๓ ครั้งซ้อนๆ เพราะอ้ายวายร้ายคนนั้น สาดกระสุนมุ่งมายังร่างของเขาถึง ๓ นัด ทั้งๆที่รูปร่างลักษณะของสุชาติ จะสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นและระยะก็ห่างเพียง ๓-๔ เมตรเท่านั้น


    เหมือนปาฏิหารย์อะไรเช่นนั้น กระสุนทั้งสามนัด ต้องพลาดผิดเป้าหมายอันใหญ่โตได้อย่างน่าประหลาดใจมาก กระสุนปืนกลับไปเจาะ ผนังอาคารจนเป็นรอยกะเทาะเป็นรูปวงกลมใหญ่เบ้อเร่อ เรารีบเผ่นโจรเกาะรถยนต์คันนั้นเพื่อจะเอาตัวคนร้ายให้ได้ แต่คนขับได้เร่งเครื่องบังคับรถให้พุ่งปราดออกไป มือที่เกาะหลังรถเก๋งจึงลื่นหลุดไป ยังผลให้สุชาติถึงกับก้นกระแทกลงกับถนน แต่ก็เพียงทำให้รู้สึกขัดยอกดล็กน้อยเท่านั้น


    เป็นอันว่า กลุ่มอันธพาลก็พารถหนีลอยนวลไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก้ได้แต่ลงบันทึกประจำวัน ไว้พร้อมกับไปตรวจดูรอยกระสุนที่เจาะผนังอาคารฝากไว้ให้เห็น


    หลังจากวั้นนั้นมา


    สุชาติ ศ.บางคอแหลม ก็มากว้านขอเช่าพระผงญาณวิลาศ จากบรรดาผู้ที่ได้รับแจกจาก ร.ต.ท.ประสงค์ ซึ่งก็ได้มาอีก ๔ องค์ รวมเป็น ๕ องค์ด้วยกันทั้งหมด

    อีกคืนหนึ่ง

    เป็นคืนของวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๔ เวลาประมาณตีหนึ่งเศษ (๐๑.๐๐ น.) สุชาติยังคงเตร็ดเตร่ดูแลรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของแขกที่มายังสถาน อาบ อบ นวด นั้นเช่นปกติ


    บัดดล - เขาก็เหลือบสายตาไป เห็นหนุ่มคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับรถจักรยานยนต์ เหมือนประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของรถคันนั้น ด้วยความสงสัย เขาจึงเดินเตร่เข้าไปหาเพื่อจะขอบัตรฝากคืน พอเดินเข้าไปถึง หนุ่มคนนั้นก็เผ่นหนีออกไปต่อหน้าต่อตา เพราะความจริงนั้น นายนั่นไม่ใช่เจ้าของรถสักหน่อย เขาเป็นขโมยต่างหากล่ะเมื่อเหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้ จะไม่ให้เผ่นหนีได้ยังไงไหวอีกประการหนึ่ง บุคคลที่เดินรี่เข้ามานั้น รูปร่างก็ยังกะยักษ์กะมาร วายร้ายวิ่งข้ามถนนไปฟากหนึ่ง สุชาติก็วิ่งกวดตามไปอย่างไม่ลดละ


    เผอิญขณะนั้นมีลังไม่ใบใหญ่ ตั้งทิ้งไว้ริมทางเท้า วายร้ายก็เกิดความคิดแวบหนึ่งผุดขึ้นมา จำจะต้องกำจัดฝ่ายที่ติดตามเสียก่อน การหนีจึงจะปลอดโปร่งโล่งอุรา มันจึงหันเข้ายึดลังไม้ใหญ่นั้น เป็นโล่กำบังพลางสาดกระสุนไปยังร่างที่วิ่งตามมาเป็นเป้าหมาย แต่เป็นคราวเคราะห์ดีที่กระสุนเฉียดฉิวผิวร่างไปหมด อีกราว ๑๐ เมตรเท่านั้น สุชาติก็จะได้เข้าถึงคนร้าย ในฉับพลันสุชาติก็จพต้องหยุดชะงัก เพราะว่ารู้สึกขาที่ขาซ้าชาไปทั้งแถบ


    สุชาติถูกกระสุนปืนเข้าให้แล้ว!

    ทันทีนั้น ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งผ่านมา คนร้ายจึงฉวยโอกาสหรือนาทีทองที่ฝ่ายไล่ชะงัก เผ่นถลาดจากลังไม้ยิงขู่คนขับแท็กซี่นัดหนึ่ง พร้อมกับตะโกนให้หยุด ด้วยความกลัวโชเฟอร์แท็กซี่จึงหยุด แต่ถึงกระนั้นฝ่ายไล่ก็ยังสามารถวื่งมาทันถึงรถแท็กซี่คันนั้น พอคนร้ายขึ้นไปนั่งแล้วยิงกราดมาอีกนัดหนึ่ง ส่วนคนขับแท็กซี่กลับเปิดประตูเผ่นหนี


    อย่างไรก็ดี กระสุนนัดสุดท้ายของคนร้ายที่ยิงมาก็พลาดเป้าหมายตามเคย สุชาติจึงยิงบ้างซึ่งเป็นกระสุนที่มีอยู่นัดสุดท้ายเช่นกัน แต่ก็เป้นนัดที่ตรงเข้าเจาะกกหูคนร้าย กระทำให้มันดับสิ้นชีวิตทันที ตายคารถแท็กซี่!


    วันรุ่งขึ้น ปรากฏการณ์นี้ ก็ตกเป็นอาหารอันโอชะของหนังสือพิมพ์ ต่างลงข่าวพาดหัวกันเป้นที่เกรียวกราวยิ่ง


    ผลการสอบสวนปรากฏว่า สุชาติรอดพ้นจากคดีฆ่าคนตาย เนื่องด้วยผู้ตายเป็นผู้ร้าย "ชั้นเสือ" เพิ่งพ้นโทษออกจากคุกได้ไม่นาน แต่ก่อนหน้าจะมาถูกสุชาติยิงตาย ได้คุมพวกเข้าปล้นทรัพย์ สังหารเจ้าทรัพย์ตาย และยังสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ที่เข้ากระทำการจับกุม จัดว่าเป้นอาชญากรที่เจ้าหน้าที่กำลังต้องการตัว ดังนั้นการถึงชีวิตครั้งนี้ ทางตำรวจจึงให้เป็นวิสามัญฆาตกรรม อันช่วยให้สุชาติ รอดพ้นจากคดี


    สุชาติขาข้างซ้ายชาเพราะเหตุใด ท่านผุ้อ่านกำลังจะทราบว่า เท่าที่กรุสุนปืนของคนร้ายทำให้สุชาติหยุดชะงักอยุ่ชั่วครู่นั้น เพราะว่ากระสุนเจาะทะลุกางเกงของเขา แต่ทว่ากระสุนไม่ได้เจาะเข้าไปในเนื้อของเขาเลย อย่างมากก็แค่ทำให้เนื้อตรงนั้น ช้ำๆ เท่านั้น


    นี่คืออภินิหารของ พระผงญาณวิลาศ ใช่หรือไม่วันอันน่าสยองขวัญนั้น สุชาติพกพระผงญาณวิลาศถึง ๕ องค์ยังแถมผ้ายันต์ และเหรียญรูปเหมือนของท่านอีกด้วย

     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ขอบคุณพี่นอร์ มากๆครับ ที่กรุณา ติดตามอ่าน ประสบการณ์หลวงพ่อแดง ที่ผมนำมาเผยแพร่ อีกทีครับ :cool::cool:
     
  12. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    เหรียญรุ่นใหม่ที่ผ่านพิธีจากเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ^__^
    [​IMG]
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093

    เหรียญที่ผมแขวน ผมไม่ทราบจริงๆครับพี่นอร์ว่าเป็น รุ่น 2 แท้ๆเลยใหม แต่ปรากฏการณ์ หรือ อภินิหาร ที่ผมเจอกับตาทั้งสองข้าง และปืนในมือที่ยิง เป็นเรื่องจริงครับ พูดแล้วพูดอีก

    ปืนจ่อๆ เหรียญ ลั่นไกร ปั้ง ! ลูกปืนออก แต่เหรียญหลวงพ่อแดงเหรียญนี้ไม่เป็นอะไรเลย นอกจากขะเมาดินปืนติดเต็มด้านหน้าเหรียญแถมเหรียญ กระเด็นขึ้นไปวางอยุ่บนก้อนอิฐ (ผมลองยิงบนดิน แต่มีก้อนอิฐอยุ่ด้านหลัง เฉียงๆ ไม่ตรงกับจุดที่ยิง ) ก่อนหน้านั้นใส่กรอบวางบนหิ้งพระ เพราะคิดว่าไม่น่าแท้หรือ แขวนพระที่แท้ๆ ดีกว่า แต่จากที่ได้ลอง เลยทำให้ผมต้องแขวนครับ และต้องมาเผยแพร่ ประวัติ หลวงพ่อแดง วันเขาบันไดอิฐ แบบนี้ ครับพี่

    ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และไม่ได้จะโปรโมทเหรียญที่ตัวเองมีอยุ่ เพราะเรื่องแบบนี้ อย่างว่าบุญใครบุญมัน ใช่ใหมครับ


    นี่คือต้นเรื่องที่มา ของความคิดผมครับ


    <table id="post5788698" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">keepbarking
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2010
    สถานที่: พระนครกรุงศรีอยุธยา
    ข้อความ: 263
    พลังการให้คะแนน: 52 [​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5788698" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> พ ร ะ ที่ นั ก ล อ ง ไ ม่ ก ล้ า ล อ ง
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG]
    </fieldset>
    </td></tr></tbody></table>

    <table id="post5790823" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">tee_tores
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2010
    สถานที่: ฉะเชิงเทรา
    ข้อความ: 4,886
    พลังการให้คะแนน: 518 [​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5790823" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ผม ว่าจะนำเหรียญ หลวงพ่อแดง ที่มีอยู่ ไปขอลองพุทธคุณ อยู่ครับ แต่ที่ผมคิดวิธีลองของผมจะไม่ยิงไปที่เหรียญตรงๆ คือจะเล็งปืนไปใกล้ๆ ตัวเหรียญพอแล้วอธิฐานขอขมาขอชมพุทธคุณ ว่า ถ้ามีจริงก็ขอให้ปื่นยิงไม่ออก ก็พอเพราะถ้าไม่มีจริงปืนยิงออก อย่างน้อยเหรียญก็ไม่เสียหาย ยังเก็บใว้ดูได้ ถ้าได้ขอผลอย่างไรจะนำมาบอกกล่าวให้ฟังกันนะครับ
    __________________
    ระฆังยิ่งตียิ่งดัง..บุญ..ยิ่งทำยิ่งได้รับ...ออมทรัพย์บุญ


    </td></tr></tbody></table>
    ครับพี่ แต่คงไม่แอ็คฯ ขนาดนั้น อะ ปืนสั้น กระบอกนี้นะครับ ลูกปืนนัดละ 50 บาท <fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    <table id="post5794746" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">tee_tores
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2010
    สถานที่: ฉะเชิงเทรา
    ข้อความ: 4,886
    พลังการให้คะแนน: 518 [​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5794746" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ขอ เล่าให้ฟังนะครับ เมื่อคืนประมาณ สองทุ่มกว่าๆ หน่อย หลังจาก เตรียมดอกไม้ธูปเทียน ดื่มเบียร์กับพี่เจ้าของปืนเริ่มมึนๆ ก็เลย นำเหรียญหลวงพ่อแดง ไปวางใว้กับผ้าขาวที่เตรียมรองวางกับพื้นดิน วางดอกไม้ จุดธูปเทียน ขอบอกกล่าว ว่า ลูกขอชมบารมีหลวงพ่อหรือขอชมพุทธคุณ ถ้าเหรียญนี้แท้ ดี ทันหลวงพ่อจริง ขออย่าให้ปื่นยิงออก หรือถ้ายิงออกก็ขอให้เหรียญอย่าเป็นอะไรเลย ที่ลูกได้ทำแบบนี้ไม่ได้จะลบหลุ่อะไร แค่ลูกอย่ากรู้จริงๆว่าเหรียญนี้เป็นอย่างไร ถ้าดีลูกจะขอนำติดตัวตลอดไป แล้วผมก็นำปืนจ่อที่เหรียญหลวงพ่อแดง ห่างแค่ไม่ถึงสองนิ้วครับ พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนจากที่ผมเคยเกริ่นใว้ว่าจะยิงเฉียงๆ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนใจ จ่อๆ เลย แล้วผมก็ยิง ปั้ง ...... พอสิ้นเสียงปื่นก็มองหาเหรียญ ปรากฏว่า เหรียญหลวงพ่อแดง ไม่เป็นอะไรเลย แล้ว ก็กระเด็นห่างจากจุดที่ผมวางแค่ฟุตกว่าๆ แปลก ครับ ผมคุยกับพี่เค้าว่าจะลองหาหัวกระสุนแกบอกว่าหาไม่เจอหรอกลงไปในดิน เกือบๆ เมตรโน่นแหละ

    ที่ผมเล่ามานี้ ขอบอกว่า ไม่ได้มาเล่า แต่งเรื่อง แต่ผมทำจริงครับ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายเป็นวิอิโอใว้ แต่ขอบอกว่า ถ้าผมโกหก ขอสิ่งศักสิทธิ์ ทั้งหลายในสากลโลกนี้ และ สิ่งที่ผมเคารพบูชาติดตัว ลงโทษผมถ้าผมแต่งเรื่องนี้ มีแค่ภาพปื่นและ ผ้า และเหรียญหลวงพ่อแดง ที่ผมใช้ โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยุ่ถ่ายใว้ ครับ

    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </fieldset>
    </td></tr></tbody></table>


    </fieldset>
     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    เหรียญหลวงพ่อแดง ของผม และ สภาพ พื่นที่ที่ใช้ลองครับ น่าประหลาดใจ 2ข้อครับ

    1. ลูกปืนที่ออก ทำไม ทะลุ ลงดิน แต่เหรียญหลวงพ่อแดง ไม่เป็นอะไรเลย ปืนจ่อๆ ห่างตัวเหรียญไม่เกิน 20 มิล เต็มที่

    2. ตัวเหรียญหลวงพ่อแดง กระเด็นไปวางบนก้อนอิฐ

    กราบหลวงพ่อแดง


    " หะอิอะปะ พุทธสังมิ นะชาลีติ เอหิมาเรติ นะโมพุทธายะ มะอะอุ เออะมะอุ "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_2990.JPG
      SAM_2990.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      1,173
    • SAM_2991.JPG
      SAM_2991.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      607
    • SAM_3006.JPG
      SAM_3006.JPG
      ขนาดไฟล์:
      563 KB
      เปิดดู:
      389
    • SAM_3009.JPG
      SAM_3009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      645.3 KB
      เปิดดู:
      356
    • SAM_3007.JPG
      SAM_3007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      571.3 KB
      เปิดดู:
      280
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093

    เหรียญสวยดีครับพี่ ถ้ามีโอกาส ผมอยากไปวัดเขาบันไดอิฐ สักครั้ง
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ต่ออีกนิดครับ เรื่องเล่า จาก ท่าน Pongpat86

    มือผี

    รายสุดท้าย หรือเรื่องล่าสุดอันเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งยงไม่รู้เสื่อมสลายของ พระผงญาณวิลาศอย่างสำคัญยิ่ง


    ดูเหมือนจะได้กล่าวมาแล้วในตอนที่สร้างพระผงญาณวิลาศว่า หลังจากพระเครื่องนี้ได้แจกจ่ายแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินบำรุงวัด การก็ประจักษ์ว่าพระจำนวนหนึ่งหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว


    ทั้งนี้ก็เลยมีผู้ไม่เป็นสุจริตชน คิดทำขึ้นโดยเลียนแบบพิมพ์ทรง แต่ทว่าเนื้อผงไม่เหมือนกัน แล้วผู้สร้างได้ไปขอให้หลวงพ่อแดงบรรจุพระพุทธานุภาพให้ แต่ท่านก็ปฏิเสธ


    ฉะนั้น ผู้นั้นก็ยังพยายามขืนนำพระนั้นออกเสนอให้บูชาเช่า เพื่อการถอนทุน, หากำไร ในฐานะ "พระมือผี"


    กรณีดังกล่าวนี้ เมื่อท่านทราบเรื่องจาก ร.ต.ท.ประสงค์ กับ เจิม ท่านก็กล่าวว่า "ไม่ต้องมาบอกรู้แล้ว ช่างมันเถิด ไม่ช้ามันก็หมด"


    คำว่า
    ไม่ช้าก็หมดฺ นี้ กินความหมายลึกซึ้ง สำคัญมาก แล้วท่านผู้อ่านจะเห็นความจริงในเมื่อได้พิจารณาเรื่องนี้จนจบ

    ในปลายปี ๒๕๑๕ เร็ว ๆ นี้เอง


    หลังจากที่เขากระทำหน้าที่เป็น
    มือผี สร้างพระเลียนแบบพระผงญาณวิลาศ โดยที่เขามีผีมือในการช่าง ทั้งทางปั้นแกะสลัก และเขียนภาพ เขาทำได้แนบเนียนดี ให้เพื่อนรุ่นลูกผู้เป็นนายทุนนำออกขายได้ไม่กี่เดือน

    ใคร ๆ ก้ตกอยุ่ในอาการตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อ ร.ต.ท.ประสงค์ มาบอกว่า เขาผู้นั้นตายเสียแล้ว ด้วยโรคหัวใจวาย


    "ในไม่ช้าก็หมด"
    หลวงพ่อว่า

    "อ๋อ ! หมดชีวิตด้วยหรือนี่"


    เรื่องราวของคน "ไม่ช้าก็หมด" มีดังนี้

    เขาและครอบครัว มีที่อยู่อาศัยเป็นห้องแถวไม้ริมถนนใหญ่ ที่ตำบลบางพลัด แต่เดิมทราบมาว่าครอบครัวนี้มีความปกติสุขมาช้านานแล้ว


    แต่ทว่าในคืนก่อนที่เขาจะ
    หมด คือตายในสองวันตอนดึกสงัด ทั้งเขาและภรรยาต่างตกใจตื่น เพราะลูกชายคนเล็กอายุ ๘-๙ ขวบ ซึ่งนอนในมุ้งกับพี่ต่างหาก แต่ก็ไม่ห่างไกลจากมุ้งที่เขากับภรรยานอน ร้องจ้าขึ้นเขาสะดุ้ง ลุกขึ้นออกจากมุ้งทันที เปิดไฟขึ้น

    เขาตกตลึงดุจคนตกใจสุดขีด ขวัญหายวูบ!


    เมื่อทอดสายตาไปที่ข้างมุ้ง ด้านที่ลูกชายคนเล็กนอนอยู่ งูเหลือมตัวมหึมาตัวหนึ่ง ใหญ่ขนาดลำแขนของชายฉกรรจ์ กำลังเขมือบแขนข้างหนึ่งของลูกชายคนเล็กที่พาดมุ้งตุงออกมา งูเหลือมได้เขมือบแขนนั้นเข้าไปแล้วต้งครึ่งท้งมุ้งด้วย ลูกชายของเขาก็ดิ้นกระชากแขนวุ่นวายอยู่ในมุ้งทั้งเขาและภรรยาต่างก็ส่ง เสียงร้องเอะอะขึ้น จนงูเหลือมได้ยินเสียงเอะอะนั้น มันก้ค่อยๆ ขยอกแล้วคายแขนลูกชายของเขา จากนั้นจึงค่อยๆ เลื้อยไปทางฝาห้องที่มีช่องโหว่อยู่หน่อยหนึ่ง ซึ่งเล็กกว่าลำตัวของมันตั้งครึ่งนิ้ว แต่ก็พยายามเลื้อยหายออกไปทางช่องโหว่นั้น ในอาการที่รวดเร็วอย่างน่าประหลาดจริงๆ


    หลังจากวันนั้นมา เขาซึ่งปกติเป็นชายชาติที่เข้มแข็งแบบชายชาตรีทั้งหลาย ก็กลับกลายเป็นคนที่ขวัญเสีย สติสัมปชัญญะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนคนที่เต็มไปด้วยฝันร้ายตลอดกาล ผิดแผกแตกต่างไปราวกับคนละคน

    หาใช่แต่เท่านั้นไม่


    เหตุที่จะกระทำให้เขาต้องพบพานกับความตกใจเป็นล้นพ้นยังมีอีก ด้วยในคืนวันรุ่งขึ้นนั้น


    ตอนใกล้จะสองยาม-ดึกสงัด


    เขามีอันเป้นต้องพรวดพราดลุกขึ้นอีก เมื่อเสียงดังโครมคราม อันเนื่องมาจากการชนกันของรถยนต์บรรทุกที่ถนนตรงใกล้ ๆ ห้องแถวที่เขาอาศัอยู่


    เมื่อเปิดประตูมาดูเหตุการณ์


    ตรงที่รถชนกันนั้น มีเจ้าหน่าที่ตำรวจและประชาชนจับกลุ่มกันอยู่ เขาจีงเดินเข้าไปดูบ้าง ทันใดเขาก็ต้องร้องโวยวายขึ้น ว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ นอนเลือดโซมตัวอยู่ใต้รถบรรทุกคันหนึ่ง เหตุใดตำรวจจึงไม่นำไปส่งโรงพยาบาล


    คำกล่าวและเสียงโวยวายของเขาสร้างความพิศวงสงสัยให้บุคคลในที่นั้นเป็นอย่างที่สุด


    แต่แล้วใคร ๆ ณ ที่นั้น ต่างก็ก้มลงดูใต้ท้องรถ ซึ่งเขาชี้ให้ดุ ตพรวจก้เลยเอาไฟฉายส่องดูเหมือนกัน


    น่าสนเท่ห์! น่าประหลาด!


    ไม่ว่าตำรวจหรือใคร ๆ จะได้เห็นคนเจ็บอย่างที่เขาเห็น อันกระทำให้เขาเพิ่มพูนอารมณ์เดือดดาลหนักยิ่งขึ้น แผดเสียงเอ็ดตะโรประหนึ่งคนบ้าคลั่งร้ายกาจอะไรเช่นนั้น หนัก-หนักเข้า เขาก็ถึงกับเป็นลมสิ้นสติอยู่ ณ ที่นั้น ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน


    ที่โรงพยาบาล นายแพทย์พยายามให้การแก้ไข และบำบัดเต็มที่ ไม่ช้าเขาก็อยรู้สึกตัว ดวงตาลอยเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ลักษณะการของเขาเวลานี้ คือลักษณะการของบุคคลที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ในดลกนี้ สืบไปอีกแล้ว


    อาการดังกล่าวนี้ ทรงอยู่มาได้จนถึงวันรุ่งขึ้น แล้วในที่สุดเสียงแผ่ว ๆ ประโยคหนึ่ง ก็ดังผ่านริมฝีปากของเขาออกมาว่า


    "เจ็บใจนัก เสียรู้เด็กคราวลูกคราวหลาน"


    เมื่อสิ้นเสียงเขาก็สิ้นใจ

    ท่านผู้อ่านที่รัก


    ผู้เป็นนายทุนให้เขาสร้างพระผงญาณวิลาศ เลียนแบบขึ้นนั้น...เป็นใคร?


    เขาเป้นหนุ่ม อายุอยุ่ในคราวลูกคราวหลานของเขา สมกับประโยคสุดท้ายที่เขาจะสิ้นลมปราณนั่นแหละ


    อีกประการหนึ่ง คำว่า


    "ช่างมันเถอะ ไม่ช้ามันก็หมด"


    ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ชวนให้คิด ชวนให้สะดุดใจในขณะเขาหมดชีวิตนั้น เป็นกาลเวลาที่ยังไม่ควรจะหมด แต่ทว่าก็ต้องหมดไป


    ข้อควรคิดอีกประการหนึ่ง คือที่วัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรีนั้น มีงูเหลือมชุกชุมมาก


    ดังน้นการสิ้นชีวิตของเขาผู้นี้ ก็เพราะเกิดจากผลกรรมที่ริเริ่มยอมรับเป็น
    มือผี สร้างพระผงญาณวิลาศปลอม เพื่อนำออกหลอกลวงขายให้แก่สุจริตชน ผู้มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระคุณเจ้าหลวงพ่อแดง ให้หลงเชื่อและเช่าบูชาไปเป็นจำนวนไม่น้อย

    ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม!


    ใช่ไหมครับ ท่านผู้อ่านที่รัก-นับถือ
     
  17. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    เป็นพระในดวงใจผมเลย กราบหลวงพ่อแดง ครับ
     
  18. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    ท่านเด่นในเรื่องเหนียวครับ... (^__^)
    ลองขนาดนี้...แขวนเหรียญท่านองค์นี้ไปได้ทั่วโลกตลอดชีวิตเลยครับคุณ Torres ^^
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ครับคุณทิพย์มงคล หลวงพ่อแดง ถึงท่านจะละสังขารไปแล้ว ผมเกิดไม่ทันท่าน ได้อ่านแต่ประวัติ แต่ ท่านสุดยอดจริงๆ แต่ก่อนผมก็ นับถือในแบบที่อ่านประวัติอะไรของคนอื่น แต่พอลองเจอด้วยตัวเองแล้ว ต้องขอบอกว่า เป็นอะไรที่ ทึ่ง คุณนอร์ตอนนี้ผมแขวนเส้นนี้อยุ่ครับ คงอีกนานเลยหละ

    ที่คิดๆใว้ ว่า เด๋วมีเงินพอจะเอาเหรียญหลวงพ่อแดงไปเปลี่ยนตลับใหม่อยุ่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_3124.JPG
      SAM_3124.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      401
    • SAM_3125.JPG
      SAM_3125.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      512
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,980
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ขอนำภาพ พิธีไหว้ครู ที่วัดเขาบันไดอิฐ มาให้ชมกันครับ

    เครดิต fb.
    Khaobandaiit Phetchaburi
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...