พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

จากกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3<O</O
<O</O

ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุธสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O</O
<O</O


ท่านใดที่บูชาไปแล้ว ขอให้แยกเก็บจากพระพิมพ์ทั่วๆไป และเก็บไว้ในที่สูง อีกเรื่องคือให้ระวังการปรามาสให้จงหนัก กรรมเร็วและแรงมากครับ<O</O

1.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีแดง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

2.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเหลือง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O

3.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีชมพู)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

4.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเขียว)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

5.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีน้ำเงิน)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O



6.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ซ้าย) (เนื้อกรมท่า)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
<O</O
<O</O

7.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ขวา) (เนื้อกรมท่า)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
<O</O
<O</O

8.พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) ด้านล่างองค์ซ๊าย<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O

9.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีขาว) ด้านล่างองค์กลางและองค์ขวา<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 400 บาท
<O</O
<O</O



10.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักสมุ รักพม่า สีน้ำเงิน)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O



11.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักไทย สีดำ)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O
<O</O



12.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (ชาด รักจีน สีแดง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O



เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ

ส่วนยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

โมทนาสาธุครับ

 

รายนามผู้ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

 

ยอดคงเหลือพระพิมพ์และวัตถุมงคลที่มอบให้กับผู้ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผยสถานการณ์วัณโรคในไทยทรุดหนัก พบแรงงานพม่าติดเชื้อ 2 รายยังไม่มียารักษา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 มิถุนายน 2550 15:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สธ.รณรงค์ให้คนไทยใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโรคทางเดินหายใจ เผยสถานการณ์วัณโรคในไทยทรุดหนัก หลังพบแรงงานอพยพชาวพม่าในไทย ติดเชื้อวัณโรคชนิดดื้อยารุนแรง 2 ราย ที่ไม่มียารักษา ถูกกักตัวไว้ในค่ายผู้ลี้ภัยที่แม่สอด แล้ว 1 ราย ส่วนอีกรายยังหาตัวไม่เจอ ขณะที่กองทุนวิจัยวัณโรคดื้อยาค้านเผยมีคนไทย 13 ราย เป็นวัณโรคชนิดรุนแรง ประสาน สธ.ตรวจยืนยันผล ด้าน สปสช.ทุ่ม 295 ล้าน ป้องกันรักษาผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=321 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=321> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> วันนี้ (13 มิ.ย.) นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมแถลงข่าว

 

นพ.ธวัช กล่าวว่า สถานการณ์วัณโรคทั่วโลกขณะนี้ มีผู้ป่วยวัณโรคจำนวน 14.6 ล้านคน 90% อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ปีละ 8.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ 3.9 ล้านคนอยู่ในระยะแพร่เชื้อ โดยมีผู้ป่วยวัณโรคทั่วโลกเสียชีวิตปีละ 1.7 ล้านคน 98% อยู่ในประเทศยากจน สำหรับประเทศไทยจากรายงานมีผู้ป่วยวัณโรคทั้งสิ้น 58,000 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในระยะแพร่เชื้อ 30,000 ราย อย่างไรก็ตาม ประมาณว่า มีผู้ป่วยวัณโรคจริงที่ไม่ได้อยู่ในระบบรายงานทั้งประเทศประมาณ 91,000 ราย ในจำนวนนี้ 40,000 รายอยู่ในระยะแพร่เชื้อ และไทยเป็นประเทศลำดับที่ 17 จาก 22 ประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูงสุด โดยอันดับ 1ได้แก่ อินเดีย รองลงมาคือ จีน และ อินโดนีเซีย ส่วนรายงานการติดเชื้อวัณโรคดื้อยา มีรายงานการดื้อยาขนานเดียว 14.6 % ดื้อยาหลายขนานหรือ MDR (Multi Drugs Resistance Tubucolosis) 0.93% ส่วน XDR ยังไม่มีรายงานในคนไทย แต่ทั่วโลกมีรายงานการติดเชื้อวัณโรคชนิดดื้อยาแบบสุดๆหรือ XDR จำนวน 269 รายจาก 35 ประเทศ ซึ่งเชื้อวัณโรคชนิดนี้ โอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตมีสูงถึง 85%

“ในสหรัฐอเมริกามีรายงานว่าพบผู้ป่วยวัณโรคชนิด XDR จำนวน 11 ราย รายล่าสุดกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก เพราะศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐหรือ CDC ต้องตามล่าหาตัวข้ามทวีป เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ เดินทางไปยังประเทศต่างๆหลายประเทศในยุโรป ทั้ง ปารีส เอเธนส์ โรม แล้ววกกลับมาที่แคนาดา ก่อนจะเข้าอเมริกาโดยทางรถยนต์ ซึ่งขณะนี้ กักตัวได้แล้ว รักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ควบคุมวัณโรคที่เดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา”นพ.ธวัช กล่าว

นพ.ธวัช กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับรายงานข่าวที่เกิดขึ้น เพราะประเทศไทยเรามีมาตรการในการควบคุมวัณโรคที่เข้มแข็ง มีการผสมผสานการดูแลผู้ป่วยวัณโรคร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หลังพบว่า ผู้ป่วยเอดส์หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคประมาณ 30% นอกจากนี้ยังมีการสร้างระบบควบคุมภาวะดื้อยาทั้งดื้อยาหลายขนาน(MDR)และ ดื้อยารุนแรงหรือ XDR รวมทั้งมีการพัฒนาระบบการวิจัยและพัฒนาวัณโรคแบบครบวงจร อย่างไรก็ตามในอนาคตหากมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจอาจต้องใช้มาตรการบังคับให้มีการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

ด้านนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ความจริงแล้วเชื้อวัณโรคชนิด XDR ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเชื้อที่พบมานานแล้วในหลายประเทศทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น สวีเดน รวมทั้งในประเทศไทย ทางศูนย์วิจัยวัณโรคดื้อยาได้รับเชื้อวัณโรคดื้อยามาทำการตรวจวิเคราะห์ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา จำนวน 15,000 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้พบเชื้อวัณโรคดื้อยาหลายขนานหรือ MDR จำนวน 500 ตัวอย่างและวัณโรคชนิดรุนแรง XDR จำนวน 13 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าคนไทยที่เป็นวัณโรคปีละ 80,000 ราย จะพบอีกกี่คนไม่ทราบได้ ดังนั้น หากระบุว่าประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อกลุ่ม XDR จึงเป็นไปไม่ได้ โดยจะประสานกับกรมควบคุม นำเชื้อไปตรวจรายงานผลอย่างเป็นทางการต่อไป

“ที่น่าเป็นห่วง คือ ขณะนี้วัณโรค และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ เป็นโรคของคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ ติดต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานที่ที่ติดเครื่องปรับอากาศ เช่น รถโดยสาร เครื่องบิน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม รวมทั้งโรงพยาบาล และหากมีการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคที่ดื้อยา ซึ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดน้อยมาก ในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็กเล็ก เด็กขาดสารอาหาร ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง โรคตับ หรือไตวาย ผู้ป่วยเอดส์ อาจเสียชีวิตได้” นพ.มนูญกล่าว

นพ.มนูญ กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ จัดโครงการสัปดาห์รณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พร้อมกันทุกจังหวัด ระหว่างวันที่ 23 – 29 มิ.ย. 2550 โดยในวันเสาร์ที่ 23 มิ.ย. 2550 จัดที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคู่สมรสคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยและบุคลากรในโรงพยาบาลใช้หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ

ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกความร่วมมือ การบริหารจัดการวัณโรคอย่างครบวงจรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระหว่าง สปสช. กับกรมควบคุมโรค ว่า จำนวนผู้ป่วยวัณโรคในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2550 มีจำนวน 60,000 ราย การลงนามครั้งนี้ เพื่อการบริหารจัดการโรคอย่างครบวงจร ตามแนวทางการบริหารจัดการโรคเฉพาะ เพื่อรักษาผู้ป่วยระยะแพร่เชื้อให้สำเร็จ เพิ่มความครอบคลุมและเร่งการค้นหาผู้ป่วยระยะแพร่เชื้อ ซึ่ง สปสช.สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรวมทั้งสิ้น 295 ล้านบาท แบ่งเป็นการสนับสนุนในรูปตัวยา 181 ล้านบาท และสนับสนุนในรูปตัวเงิน 114 ล้านบาท

รองเลขาธิการสปสช.กล่าวว่า การค้นหาผู้ป่วยในระยะแรกจะช่วยลดอัตราการป่วยได้ ซึ่งการรักษาแบบการมีพี่เลี้ยงดูการกินยาอย่างต่อเนื่องตลอด 6 เดือนหรือ DOT โดยเฉลี่ยจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 4,000-50,000 บาท ต่อการรักษา 1 ครั้งถือเป็นแนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยรายโรค โดยให้ผู้ป่วยลงทะเบียนและติดตามการรักษาผู้ป่วยต่อเนื่องจนครบ รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการแนวทางการดำเนินงานยึดการรักษาตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19></TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวอื่นๆ ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>โรคอันตรายของ “คนออฟฟิศ”</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>เจ้าของไข้ “นายสมชาติ” จวกกลุ่มเพื่อนไม่ห่วงจริง เอารูปประจานออกทีวี</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>อย่าตกใจ “โรคลิชมาเนีย” พบไม่บ่อยในไทย</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>สั่งตั้ง กก.สอบ “สมชาติ” บ้าไม่บ้า ผอ.สถาบันกัลยาณ์ยันจิตผิดปกติจริง </TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>สธ.เตรียมพร้อม 29 ว.พยาบาลรับนักเรียนพยาบาลชายแดนใต้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9500000059436
วิตามินดี...ดีอย่างไร/ เอมอร คชเสนี
</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย เอมอร คชเสนี</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 พฤษภาคม 2550 10:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show

วิตามินดีเป็นวิตามินจำพวกละลายในไขมัน ร่างกายได้รับวิตามินดี 2 ทางด้วยกันคือ จากการรับประทานเข้าไปแล้วดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทางลำไส้ไปพร้อมๆ กับอาหารพวกไขมัน อีกทางหนึ่งคือการที่ผิวหนังได้รับแสงแดด แล้วรังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ไปกระตุ้นคอเลสเตอรอลชนิดที่อยู่ในผิวหนังให้เปลี่ยนเป็นวิตามินดี ในกรณีที่ไม่ถูกแดด จำเป็นต้องได้รับวิตามินดีจากอาหารให้มากขึ้น แต่หากได้รับแสงแดดเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินเสริม หรืออาหารที่มีการเสริมวิตามินดี

วิตามินดีคงทนต่อความร้อน การหุงต้มตามปกติจะไม่ทำลายวิตามินดี ไม่ถูกทำลายโดยออกซิเจน และถึงแม้จะเก็บไว้นานก็ยังมีสรรพคุณดี

แหล่งที่พบ
พบมากในน้ำมันตับปลา ไขมัน นม เนย ตับ ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ไข่แดง และพบได้ในพืชผักผลไม้ แต่มีปริมาณน้อยมาก
ปริมาณของวิตามินดีในอาหารอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาลและภาวะแวดล้อมต่างๆ เช่น การได้รับแสงแดดมากหรือน้อย อาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์มีวิตามินดีมากหรือน้อยเพียงใด เป็นต้น

นมเป็นอาหารที่นิยมเสริมวิตามินดี เพราะเป็นอาหารที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และไขมัน ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย

ประโยชน์ต่อร่างกาย
- มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก
- ช่วยในการดูดซึมและรักษาภาวะสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัส และกระตุ้นการนำเอาฟอสฟอรัสมาใช้
- นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้จะสัมพันธ์กับการมีอยู่และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัสของร่างกาย

ปริมาณที่แนะนำ
บุคคลใดควรได้รับวิตามินดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ไขมันในอาหาร การดูดซึมของระบบทางเดินอาหาร ความบ่อยครั้งในการถูกแสงแดด ถ้าผิวขาว รังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์สามารถผ่านเข้าไปในผิวหนังได้มาก ก็จะมีการสังเคราะห์วิตามินดีได้มาก ถ้าผิวดำ รังสีอุลตราไวโอเลตจะผ่านเข้าไปได้น้อย ทำให้มีการสังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังน้อย อย่างไรก็ตาม โดยปกติร่างกายต้องการวิตามินดีวันละประมาณ 10 ไมโครกรัม หรือเท่ากับ 400 IU

ทารก 7.5-10 ไมโครกรัม หรือ 300-400 IU
เด็ก 10 ไมโครกรัม หรือ 400 IU
วัยรุ่นและผู้ใหญ่ 5-10 ไมโครกรัม หรือ 200-400 IU
หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร 10 ไมโครกรัม หรือ 400 IU

การขาดวิตามินดี
- ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่
- มีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ส่งผลต่อการสร้างกระดูก ทำให้รูปร่างของกระดูกไม่ปกติและเจริญไม่เต็มที่ กระดูกจะอ่อน ไม่แข็งแรง ไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ ทำให้กระดูกโค้งงอหรือผิดรูปร่าง เช่น ขาโก่ง หลังโก่ง ส่วนข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า จะโตผิดปกติ กระดูกจะเปราะและหักง่าย และมีอาการปวดตามข้อและกระดูก
- ฟันขึ้นช้า กระดูกฟันและกระดูกขากรรไกรผิดรูปร่าง และฟันผุเร็วกว่าปกติ
- ความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ ลดน้อยลง เช่น หวัด ปอดบวม วัณโรค
- กล้ามเนื้ออ่อนกำลัง ขาดความคล่องแคล่วว่องไว ไม่กระฉับกระเฉง ไม่กระปรี้กระเปร่า
- ต่อมพาราธัยรอยด์ทำงานไม่เต็มที่ เชื่อกันว่าวิตามินดีและพาราธัยรอยด์ฮอร์โมนทำงานประสานกันในการนำแคลเซียมไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้าขาดจะเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก

ผลข้างเคียงหากได้รับมากเกินไป
วิตามินดีในรูปอาหารเสริมมักจะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหากใช้ตามปริมาณที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม การได้รับในปริมาณสูงๆ หรือเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย และเกิดผลข้างเคียงได้ คือ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปัสสาวะมากกว่าปกติและบ่อย กระหายน้ำมาก เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด กล้ามเนื้อไม่มีแรง รู้สึกเหนื่อยอ่อน มีการสลายแคลเซียมออกมาจากกระดูกและมีการดูดซึมแคลเซียมเพิ่มขึ้น แคลเซียมและฟอสฟอรัสปริมาณสูงในเลือดอาจไปจับอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมทั้งหลอดเลือด ทำให้เป็นอันตรายได้ อาจทำให้ความดันเลือดสูง หัวใจเต้นผิดปกติ ในรายที่เป็นมากอาจเสียชีวิตเนื่องจากไตล้มเหลว ส่วนในรายที่ยังเป็นไม่มาก อาการต่างๆ จะหายไปภายใน 2 - 3 วันหลังหยุดวิตามิน

สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์
วิตามินดีจะทำงานได้ดีขึ้น เมื่อรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ แคลเซียม และฟอสฟอรัสร่วมด้วย ส่วนวิตามินซีจะช่วยไม่ให้วิตามินดีเกิดอาการเป็นพิษขึ้น

สารหรืออาหารต้านฤทธิ์ ได้แก่ สุรา และยาบางชนิด เช่น ยาจำพวกสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ยาแก้ชัก ยาขับปัสสาวะ และยาลดกรดบางชนิด

ติดตามฟังรายการ “สภาพสุข สุขภาพ”
ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00 – 12.00 น.
ทางคลื่นสามัญประจำบ้าน FM 97.75 MHz
และ www.managerradio.com

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19></TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวอื่นๆ ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>คุณค่าของวิตามินซี/เอมอร คชเสนี</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>วิตามินบี 12 โดย เอมอร คชเสนี</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>วิตามินบี 9 โดย เอมอร คชเสนี</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>วิตามินบี 6 โดย เอมอร คชเสนี</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>“ถูกข่มขืน-สิ้นอนาคต-เสียพ่อ” 3 คำพิพากษาชีวิตคนติดเหล้า</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD align=middle width=21 height=15></TD><TD align=right height=15></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9490000088352

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จงเดินตามรอยพระบาทในหลวง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.)</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 กรกฎาคม 2549 09:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยนั้น มีผลพวงมาจากแนวคิด วิธีการ ตลอดถึงนโยบายของผู้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ บางปัญหาเกิดขึ้นเพราะเป็นผลพวงมาจากสิ่งที่ผู้ใหญ่คิด และวางแผนขึ้นแทบทั้งสิ้น ธุรกิจต่างๆ มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน เพียงเพราะเชื่อว่าเด็กไม่ค่อยคิดอะไรมากนัก อยากได้ อยากมีหรืออยากเป็นก็ต้องได้ ต้องมีและต้องเป็นให้ได้ การยับยั้งชั่งใจไม่ค่อยเกิดขึ้นในวัยนี้

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับเด็กและเยาวชน สังคมมักจะโทษหรือมองเด็กเป็นตัวตั้ง เป็นเพราะไม่มีพ่อแม่ หรือมีปัญหาครอบครัว เด็กจึงทำผิดหรือเดินเข้าสู่เส้นทางที่ผิดๆ คบเพื่อนไม่ดี แต่เคยมีใครมองไปถึงปัญหาอื่นๆ บ้างหรือไม่? สังคมทุนนิยม พ่อแม่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อเงินไม่พอใช้ ทะเลาะกัน พ่อกินเหล้า แม่เล่นไพ่ หรือพ่อไปมีภรรยาใหม่ขณะที่ครอบครัวยังเดือดร้อน ดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ สิ่งยั่วยุทางเพศที่โฆษณากันให้เกลื่อนเมือง เกิดลัทธิเอาอย่างอยากทำอย่างโฆษณาบ้าง

เด็กอยู่โรงเรียนก็เรียนแบบไร้จุดหมาย ครูเองก็ไม่ได้ทำตัวเองเป็นที่พึ่งให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหา ครูยิ่งไม่เหลียวแล บางคนเป็นครูก็สอนๆ แบบวันต่อวัน ไม่มีจิตวิญญาณ หรือจิตสำนึกของความเป็นครู ไม่รักเด็กแถมยังเกลียดเด็กอีก ทุกๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยจึงเป็นผลพวงจากปัญหาสังคมอื่นๆ เสมอ เชื่อมต่อกันเป็นสายป่านที่ยาวมาก เด็กเกิดมาไม่ได้คิดอยากเลว อยากทำผิด หรืออยากชั่ว พวกเขาล้วนแล้วแต่อยากเป็นเด็กดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้รับความรักและเอาใจใส่จากคนใกล้ชิด อยากมีอนาคตที่ดี

บ่อยครั้งที่สังคมไทยไม่เคยสอนเด็ก แต่มักด่า พิพากษา วิพากษ์เด็กและเยาวชนในลักษณะที่เสียหาย มองเด็กแบบมุมเดียว มักฟันธง...ว่าเด็กไทยแย่อย่างนั้น แย่อย่างนี้ แต่ไม่เคยบอกหรือแนะนำวิธีแก้ไข ดูแล ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยหากินกับเด็กโดยพูดให้ข่าวเด็กและเยาวชนไทยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โพลระบุชัดเจน อ้างอิงโดยพูดผ่านสื่อต่างๆ คนพูดเป็นข่าว โด่งดัง คนรู้จัก แต่เด็กไทยกลับไร้ที่พึ่ง

“ภาพเด็กและเยาวชนไทยจึงถูกมองว่าเลวร้ายขึ้นทุกวันๆ”

ใครที่ชอบวิพากษ์เด็กควรจะให้มุมมองในการแก้ไข ช่วยเหลือ ดูแล เป็นเพื่อนกับเด็กด้วย ไม่ใช่เอาแต่วิพากษ์เพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีปัญญาหาวิธีช่วยเหลือปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นเช่นนี้มีมากในเมืองไทย

ชอบหนังสือเรื่อง “คำพ่อสอน”ซึ่งเป็นหนังสือที่ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 หนังสือเล่มนี้มีคุณค่ากับเด็ก เยาวชนไทยและผู้ใหญ่ทุกคน จะได้นำไปเป็นหางเสือแห่งชีวิตในการดำรงตัวเองให้เหมาะสมตามช่วงวัย

จะเห็นว่ามุมมองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีต่อเด็กและเยาวชนนั้น หลักแหลม มองอย่างรอบคอบ รอบทิศ และรอบตัว ไม่ได้ตำหนิเด็กและเยาวชน ทรงมีแต่เมตตา สอน แนะนำและให้แนวทาง นี่ต่างหากที่ผู้ใหญ่ในเมืองไทยควรเอาเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานกับเด็กและเยาวชนควรจะเข้าถึงเด็กอย่างที่พระองค์ท่านทรงเข้าถึงอย่างเข้าใจ

เหมือนเช่นที่พระบรมราโชวาทซึ่งได้พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ “วันเด็ก” ประจำปี 2521 ก็ยังไม่ล้าสมัย

...เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบ และคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเองแก่ส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน...

หรือเมื่อครั้งที่พระราชทานพระบรมราโชวาทให้แก่คณะอาจารย์ ครู และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2517

...การจะเล่าเรียนหรือทำการใดๆ ให้สำเร็จได้ด้วยดีโดยตลอดนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงเป็นใหญ่ เพราะความตั้งใจจริงนี้ เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยกำจัดความเกียจคร้าน ความอ่อนแอ และความท้อถอย ได้อย่างดียิ่ง จะปลูกฝังความเอาใจใส่ ความขยันหมั่นเพียรและความเข้มแข็ง ให้เกิดเป็นนิสัย และนิสัยที่ดี ที่ปลูกไว้แต่เยาว์วัย จะเป็นคุณสมบัติติดตัวไปในวันข้างหน้า จะช่วยพาตัวให้องอาจ สามารถเอาชนะอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ได้โดยตลอด และประสบความสำเร็จความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในชีวิต...

จะเห็นว่าถ้อยคำในพระบรมราโชวาท ที่ทรงมีต่อเด็กและเยาวชนไทยนั้น มิได้ทรงตำหนิ ดูถูกหรือประณามเด็กและเยาวชนเลยแม้แต่น้อย หากทว่าทรงสอนให้คติเตือนใจ แฝงไว้ซึ่งกำลังใจเพื่อให้ทุกคนเกิดแรงฮึดสู้ขึ้นมา เกิดความหวัง พลังใจที่จะก้าวต่อไป มีเป้าหมายมีอนาคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทำลายพลังใจและความหวังของเด็กและเยาวชน มีแต่จะสร้างให้พวกเขามีเพิ่มขึ้น นี่ต่างหากที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนไทยผ่านพ้นวิกฤต ปัญหาต่างๆ ไปได้ และนี่ต่างหากที่จะเป็นแบบอย่างให้ผู้ใหญ่ที่ชอบเอาแต่ตำหนิเด็กและเยาวชน พึงระลึกและสังวรเอาไว้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

กระทู้ มวลสารวัตถุมงคลรุ่น "สมหวัง โคตรอภิมหาเศรษฐี กินใช้ไม่หมด" เกาะยอ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=81548

รูปพิธีพุทธาภิเษกมวลสารและวัตถุมงคลองค์จตุคาม(บางส่วน)ครับ

.<!-- / message --><!-- sig -->

 

กระทู้ มวลสารวัตถุมงคลรุ่น "สมหวัง โคตรอภิมหาเศรษฐี กินใช้ไม่หมด" เกาะยอ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=81548

รูปพิธีพุทธาภิเษกมวลสารและวัตถุมงคลองค์จตุคาม(บางส่วน) ต่อครับ

<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

กระทู้ มวลสารวัตถุมงคลรุ่น "สมหวัง โคตรอภิมหาเศรษฐี กินใช้ไม่หมด" เกาะยอ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=81548

รูปพิธีพุทธาภิเษกมวลสารและวัตถุมงคลองค์จตุคาม(บางส่วน) ต่อครับ

<!-- / message --><!-- sig -->

 

กระทู้ มวลสารวัตถุมงคลรุ่น "สมหวัง โคตรอภิมหาเศรษฐี กินใช้ไม่หมด" เกาะยอ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=81548

รูปพิธีพุทธาภิเษกมวลสารและวัตถุมงคลองค์จตุคาม(บางส่วน) จบครับ

<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ให้หายเร็วๆนะครับ

---------------------------------------------------------------------
************************************************

<TABLE class=tborder id=post500091 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">24-02-2007, 08:38 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3683 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Dej Amarin<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_500091", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 18-05-2007 08:50 PM
วันที่สมัคร: Feb 2007
ข้อความ: 29 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 36 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 216 ครั้ง ใน 33 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_500091 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระวังที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกถ้าต้องการที่จะได้
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สวัสดีศิษย์ยานุศิษย์สายธรรมทุก ๆ ท่านผมสมาชิกใหม่ใจบริสุทธิ์นามเดชอัมรินทร์ ผู้เป็นศิษย์ปู่เทพโลกอุดรคนหนึ่ง แต่เป็นปู่โสณะเถระเจ้าครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้า ที่ตัวของข้าพเจ้าเห็นในนิมิตรระหว่านั่งกรรมฐานเมื่อปี 2543 ในระหว่าทำพิธีกับหลวงพรหมมา เขมจาโร และจะกล่าวนำเรืองรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร คือไขปัญหาว่าสิ่งที่กระทำนั้นไม่มีใครระเมิดหลอกครับแต่ทุกคนกระทำเพื่อ เผยแพร่ในพระพุทธศานสนา ของครูบาอาจารย์ยังดีที่เรายังได้พบพระเถระที่อายุเป็นร้อยเป็นพัน ถือว่าทุกคนเคนเจอกันหรือพบกันในอดีตชาติ อย่างแน่นอนหรือไม่ก็เคยรับใช้ ท่านหลวงปู่พระครูธรรมเทพโลกอุดรอย่างแน่แท้อย่าไปคิดอะไรมากผมจะเล่าให้ฟังภาพนี้วาดโดยท่านอาจารย์ รณณรงค์ ผ่องใส อายุตอนนี้ 60กว่า แล้วบ้านอยู่จังหวัดชลบุรี อยู่แถวพานทอง ไม่รู้จักกับอาจารย์ประถม วาดไม่เสร็จสมบูรณ์นำมาให้ใน สำนักพระราขวัง ลูกศิษย์ของกระผมวาด ต่ออยู่ในฝ่ายราชบูรณะ ชื่อ คุณรุ่งโรจน์ไมตรีวงษ์ เป็นผู้วาดและต่อเติมภาพให้เด่นชัดและเ ป็นผู้เติมและวาดรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้านบนและให้คณะทำงาน ในสำนักพระราชวังจบปรbญญาโทเป็นผู้ระบายสีให้ออกมาเป็นสีกัก ตามภาพที่เห็นนั่นและภาพที่สมบูรณ์นั่นใหญ่กว่าภาพที่เผยแพร่อยู่ในชณะนี้เป็นภาพต้นฉบับจริงที่วาดมาจากภาพเล็กอาจจะเป็นของใครคนหนึ่งที่เอไปวาดเพื่ออยากจะมีไว้บูชาจึงให้ลูกเขย ท่านรองสำนักพระราชวังขื่อ ท่าน จินตนา ชื่นศิริ เป็นผู้วาดเพิ่มเติมและผมเก็บภาพขนาดเดิมที่แท้จริงคือใหญ่กว่าภาพที่ตีพิมพ์ออกมาพอสมควรผมใส่กรอบไว้เป็นภาพใหญ่กว่าเห็นอยู่ในปัจจุบันภาพที่อยู่กับผมคือภาพที่วาดก่อนจะนำไปตีพิมพ์เพื่อจรรโลงพระพุทธศานสนาต่อไปโดยในงานนี้มีผู้บริจาคร่วมบุญกันพอสมควร บุคคลที่นำไปตีพิมพ์เป็นสุภาพสจรีก็เป็นศิษย์ของผมอีกชื่อคุณ คิง มีโรงงานอยู่บ้านโป่ง ชอบสะสมพระหลวงปู่มากและ มีพอสมควร จึงบอกกล่าวกับศิษยานุศิษย์ที่แท้จริงว่าภาพก็คือภาพ เอาไว้กราบไหว้บูชาอย่าถืออะไรกันเลยภาพจริงก่อนตีพิมพ์อยู่บ้านผม ครับ คุณ กฤตพล เกิดผล อยู่บ้านพักข้าราชการ กองร้อยทหารม้า (ลาดตระเวน) เกียกาย บางกระบือ ดุสิต กทม.ครับ ผมขออโสกรรมที่ได้กล่าวผิดหรือกล่าวถูกในข้อความข้างต้นไม่ว่าผิดหรือถูกแต่ผมรักปู่รักสายธารศรัทธาธรรมในสายปู่เทพโลกอุดรทุกท่าน( พิเศษเป็นอย่างยิ่งอยากได้พระที่ผ่านการอธิฐานจิตโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี อดีตอยู่วัด อินทร์บางขุนพรหมแล้วก็มาอยู่วัดระฆังและที่ท่านเสกก็ได้อัญเชิญครูบาอาจารย์มาเป็นบารมีก็คือมีจิตและฤทธิ์พระคาถาของหลวงปู่ท่านร่วมด้วยและยังมีครูบาอารย์ของท่านอีกคือ สังฆราชสุกไก่เถื่อนที่ท่านมองข้ามไปองค์นี้และก็สำคัญเพราะเป็นพระอาจารย์ที่ท่านให้หลวงปู่โตสร้างพระสมเด็จและท่านจะมีชื่อเสียงแล้วก็มีจริงด้วยพระของท่านสมเด็จสังฆราชสุกเป็นพระที่เมตตาสูงมากที่ผมเคยประสพมาถ้าหาใช้ก็จะดีมากพอกับของปู่เหมือนกัน )( หลวงปู่พระครูธรรมเทพโลกอุดร ) ขออนุโมทนากับศิษย์หลวงปู่ทุกท่าน ขอให้ท่านที่ได้อ่านจงดวงตาเห็นธรรม ครับ สาธุ สาธุ
<!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dej Amarin : 26-02-2007 เมื่อ 11:44 PM. เหตุผล: ข้อความผิดบางคำและขอเพิ่มบางคำ
<!-- / edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE>
.

 

หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (ตามที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเป็นผู้ที่ค้นคว้ามา) ผมเปิดให้จองแล้วครับ โดยจองเล่มละ 200 บาทและค่าจัดส่งเล่มละ 50 บาท(โดยหากค่าจัดส่งมากกว่านี้ ผมจะจ่ายให้เองครับแต่หากน้อยกว่านี้ ผมจะนำไปเป็นค่าพิมพ์หนังสือครับ) และกรุณาระบุด้วยว่า จองกี่เล่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
<O</O
<O</O
1.ต้องเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเท่านั้น<O</O

2.ผมขอสงวนสิทธิ์ในการรับจองหรือไม่รับจอง ถึงแม้ว่าจะได้มาร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งแล้วก็ตาม และผมไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบนะครับ<O</O

3.เงินค่าจองหนังสือ ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้ทราบทาง PM อีกครั้งเมื่อผมรับจองแล้ว
บัญชีที่จะให้โอนเงินค่าหนังสือนั้น เป็นบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมเองไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งได้เลย <O</O

4.เงินในส่วนต่างนั้น ผมจะนำเงินในส่วนนี้นำไปพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด<O</O
<O</O

ผมเริ่มให้จองตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2550 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เวลา 18.00 น. ครับ


รูปเล่มนั้น ต้องยอมรับว่าสวยงามครับ อีกทั้งมีรูปพระพิมพ์อีกพอสมควร ทางคณะผู้จัดทำ จะทำให้ดีที่สุด เพื่อเทิดพระเกียรติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่พระองค์ได้มีความเมตตาที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ และอยู่ดูแลพระศาสนาไปจนครบ 5000 ปีตามพุทธดำรัสครับ

ผมจะนำรายชื่อทั้งหมด ลงไว้ท้ายเล่มด้วยนะครับ

ผมเองก็ใช้หนังสือเล่มนี้เป็นครูในการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและเป็นส่วนหนึ่งในการเสาะแสวงหาพระของหลวงปู่ และอีกเล่มก็คือหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าครับ

ส่วนหนังสือปู่เล่าให้ฟังที่กำลังจะตามมานั้น เป็นเรื่องราวที่ท่านอาจารย์ประถมได้เคยเขียนลงในหนังสือต่างๆ และนำมารวบรวมไว้ในเล่มเดียวกัน แต่จะมีการปรับปรุงเนื้อหาบางเรื่อง ที่ได้ความรู้ใหม่ มาเพิ่มเติมขึ้นอีก และจะแตกต่างจะหนังสือปู่เล่าให้ฟังเล่มแรกและไม่ซ้ำกับหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

----------------------------------------------------------------------
*************************************************

<TABLE class=tborder id=post500162 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">24-02-2007, 09:56 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3684 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Dej Amarin<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_500162", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 18-05-2007 08:50 PM
วันที่สมัคร: Feb 2007
ข้อความ: 29 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 36 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 216 ครั้ง ใน 33 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_500162 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระวังหน้าที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ข้อความต่อขอโทษที่ครับต่อข้อคามที่แล้วการสร้างพระหลวงปู่เทพโลกอุดร
โลกนี้ต้องมีของคู่กันเป็นประจำ มีผู้หญิงก็มีผู้ชาย มีความดีก็มีความชั่วมีธรรมะก็มีอธรรม มีพระก็ต้องมีมาร พระผู้มีพระภาคเจ้าตอนตรัสรู้ก็ต้องมีมารจะโดยธรรมาธิษฐานหรือบุคลาธิษฐานก็ตามแต่ครั้นใกล้ปรินิพพานทรงเปดโอกาสให้ทานพระอานนท์มหาเถระเจ้าทูลขอให้ทรงดำรงพระชนม์อยู่เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ มารก็มาบังจิตพระอานนท์มิให้ทูลขอเป็นหลายครั้งหลายคลาท่านพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาแม้บรรลุมรรคผลแล้วมารก็นยังมากลั่นแกล้งท่าน
โมคัลาน์ก็โดนเหมือนกันนับประสาอะไรกับเราท่านที่เป็นสามัญชน จะพ้นจากการผจญของมาร เมื่อพูดถึงการสร้างพระโดยเฉพาะหลวงปู่พระครูธรรมเทพโลกอุดรไม่ใช่มีแค่ 15 แบบที่สร้างขึ้นแต่ครั้งกรมราชวังบวรฯ วังหน้าองค์ที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้นยังมีอีกหลายรูปแบบที่มีการสร้างขึ้นให้หลวงปู่ท่านทำการอธิฐานจิตปลุกเสกให้จะท้าวความถึงการสร้างพระครั้งแรกการเททองหล่อที่วัดโพธิ์งามอำเภอสรรคบุรีจังหวัดชัยนาทเมือวันที่ 4 ธันวามคม 2536ต่อมาได้มีเหตุมหัศจรรย์เบาหลอมหุ้มแม่พิมพ์ไว้เกิดทะลุน้ำทองไหลทะลักออกมาทางโบราณเขาเรียกว่า รกแตกแตกด้านซ้ายยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก( ขนาดน้ำทองที่ไหลออกมายังยิงไม่ออกมีผู้เอบไปลองยิง
พิธีปลุกเสก หลังจากอัดพระเป็นองค์ครบตามที่ต้องการ เสด็จวังหน้าท่านก็เข้าสมาธิห้องพระส่งจิตไปเรียนให้พลวงปู่ทราบ การมาอีกครั้งในพระราชวังบวรของท่านก็ตรงกับ 15 ค่ำเดือนเพ็ญพอดีในการเตรียมพิธีบวงสรวงสังเวยหรือตั้งพิธีกั้นราชวัตรฉัตรธง ดังพิธีพุทธาพิเษก พอถึงเวลาพระจันทร์ขึ้นอยู่กลางท้องฟ้าตรงศรีษะท่านก็ลุกขึ้นนำอาสนะผืนเล็กไปปูกลางสนามกับพื้นธรณีแล้วท่านก็นั่งขัดสมาธิเพชร ตั้งตัวตรงมือขวาทับมือซ้าย แน่วแน่นิ่งดิ่งลงไปแต่ที่แปลกก็คือพระที่จะทำการปลุกเสก เก็บไว้ในห้องพระบนตำหนักแต่ตัวท่านนั่งอยู่บนอาสนะตรงพื้นสนามข้างล่างค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยลงไป ปรากฏว่าแสงสว่างภายในบริเวณ วังกระจ่างจ้ากว่านอกวังเป็นอันมาก ในสมัยนั้น แม้ในพระราชวัง ก็ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องใช้ตะเกียงน้ำมันและจุดเทียนให้สว่างในยามค่ำ เพียงแค่ แสงตะเกียงและแสงเทียน นั้นจะสว่างสะเท่าใดกันแต่ปรากฏว่าทั้งในห้องพระที่เสด็จวังหน้า นั่งสมาธิตามวารจิต ของหลวงปู่พระครูธรรมเทพโลกอุดรและในตำหนักมีแสงสว่างเจิดจ้าดุจนีออนทั่วไปหมด ต่อมาก็ปราฏฏกลิ่นดอกมะลิล้วน ๆ ส่งกลิ่นอบอวลหอมฟุ้งชื่นใจไปทั่ววังทั้ง ๆ ที่ในวังไม่มีดอกมะลิมากพอที่จะส่งกลิ่นไ ด้มากมายถึงเพียงนี้จะมีก็แค่กอสองกอเท่านั้นจึงเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ข้าราชบริพาร ซึ่งเฝ้าห้อมล้อมมอยู่ในที่นั่นไปตาม ๆ กัน เช้าแล้วหลวงปู่ยังไม่ออกจากสมาธิ กลางคืนก็นั่งตากน้ำค้าง ไม่มีที่มุงที่บังแต่อย่างใดถึงเวลาเช้า กระทั้งแสงแดดจ้า หลวงปู่ ก็นั่งตากแดดนิ่งอยู่เช่นนั้น ท่านสมเด็จวังหน้าก็เข้าสามธิ เฝ้าดูวารจิตของหลวงปู่ในห้องพระรู้ว่าหลวงปู่ยังไม่ถอนจิตออกจากสามธิ พระองค์นั่งอยู่เข่นนั้น ไม่ยอมออกเหมือนกัน รอกันอยู่เช่นนั้นจนถึงวันที่ 3 พระอาทิตย์ตรงศรีษะหลวงปู่ท่านจึงถอนจิตออกจากสมาธิซึ่งพร้อมกับเสด็จวังหน้าก็ออกจากสมาธิลงมาหาหลวงปุ่ หลังจากนั้นหลวงปู่ก็พูดว่า( การปลุกเสกได้สิ้นสุดลงแล้ว ) ต่อไปจะไม่มีการปลุกเสกที่แก่กล้าเช่นนี้อีกถือว่าอย่างนี้ เป็นหนึ่งในแผ่นดิน และอาจจะเป็นหนึ่งในโลก ตามความประสงค์ของ เสด็จวังหน้า และท่านก็เรียนถามท่านว่าพระชุดนี้เด่นทางไหน ท่านตอบว่า รอบด้าน และเมื่อได้สั่งเสียว่าการที่จะให้พระใครก็ให้ดูว่าต้องเป็นคนดีและอยู่ใน ศีลในธรรมและ อย่าแจกพร่ำเพื่อและ เมื่อแจกแล้วเหลือจะเอาไปบรรจุที่ไหนก็แล้ว แต่เพื่อคนรุ่นหลังมีวาสนา ก็แล้วแต่บุญของใครของมันเมื่อท่านสั่งเสร็จ ท่านก็เดินออกหายไป เพียงแว็บเดียวเท่านั่น( ขอจบแค่นี่ก่อนคอยพบกับพระหลวงปู่ตอนยิงไม่เข้า - และแสดงปาฏิหารย์ ) ขออนุมโมทนาครับ( ขออภัยครับที่พิม์ข้อความผิดขอบคุณที่เตือนครับ )
<!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dej Amarin : 26-02-2007 เมื่อ 11:11 PM. เหตุผล: ข้อความผิด
<!-- / edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พันวฤทธิ์
เก็บตกมาได้เยอะ เพราะถูกคำสั่งก่อนไปให้ไปหาธรรมแล้วนำมาปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลเร้ว โดยก่อนกลับได้ทวนกับ อ.ประถมถึงหลักธรรม การทรงตัวของจิต อุบายวิธี พิจารณา เพื่อนำมาปฏิบัติแล้วรายงานผลไปยังผู้สั่ง (ขาใหญ่ในก๊วน) ไม่งั้นเดี๋ยวสอบตก สำหรับผู้ที่อยู่ในเวบ อยากชักชวนไปด้วยจริงๆ และทุกคนด้วยสาเหตุใดบอกไม่ได้จริงๆ อจินไตย แต่ได้รู้ได้เห็นได้ทราบมาและประสบกับตัวเองแล้ว สายบุญพวกเราต่อกันติดกับหลวงปู่ใหญ่ ลป.ทวด ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ก็ด้วยตรงนี้ อย่างน้อยผู้ดุแลกันย่อมไม่ทิ้งกันทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คำสุดท้ายก่อนลากลับ อ.ประถมแอบพูดว่า..(ชื่อผู้เขียน) พวกเรามานี่หลวงปู่รับรู้หมดแล้วน๊ะ อย่างน้อยคอยมีคนช่วยเราบ้างแล้ว อยู่ที่เราขยันทำจิตอีกนิดนึง ขี้หมูขี้หมาก็ปฐมฌาน ทุคติภูมิคงไม่เกิด ถึงจะเกิดเดี๋ยวสายบุญก็จะช่วยกันเอง ใครเป็นใคร ใครตามใคร ว่ากันอีกทีนึง...
</TD></TR></TBODY></TABLE>

หลายๆคนที่ไปบ้านท่านอาจารย์ประถม บางครั้งก็รู้สึกได้ บางครั้งก็ได้กลิ่นหอม พี่เองบางครั้งตอนเดินทางไปตอนเช้าได้กลิ่นหมากก็มี ยังคุยกับพี่ตุ่น กับโต้งเลยว่า ได้กลิ่นหมากและได้กลิ่นหมากกันทั้งรถ สงสัยหลวงปู่ท่านมารับละมั้ง

.

 

พ่วงผมไปด้วยซักคนนะครับ อยากไปฝึกบ้าง

 

ตั้งใจ ตั้งจิต ตรงนิพพาน

 

โห!! 2 ท่านนี้ ไม่รู้ใครรับ ใครส่งนะเนี่ย ???

 

สวาท ดี ครับพี่ๆทั้งก๊วนเสียดายจังที่ไม่ได้ไปด้วย.โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
กับทุกคนที่ไปด้วยนะครับ.

 

ไม่ได้ไปฝึก แต่ไปทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เมื่อเข้าใจโดยการฟัง และการทวนความแล้วนำมาปฏิบัติหนึ่ง สอง สาม หรือสี่ อาทิตย์เจอกันกับ อ.ประถม ติดขัดก็ทบทวนกันอีก แล้วไปปฏิบัติต่อ เพราะมรรคจิตจะเกิดได้ก็ด้วยสัมมาทิฐิ คือความเห็นชอบเป็นรากแก้วก่อนแล้วตามด้วยมรรคตัวอื่น เมือคล่องตัวแล้วจึงจะค่อยเข้าใจในแขนงอื่นๆ ที่เป็นรากฝอยเช่นการพิจารณาอย่างโน้นอย่างนี้เพื่อดับกิเลสหรือเป็นวิหารธรรม (เครื่องอยู่) เมื่อไปหาท่านส่วนใหญ่จึงทำความเข้าใจอย่างนี้ และวิธีการทำหรือพิจารณาวิหารธรรม ที่เหลือ 90% กลับมาปฏิบัติเองครับ คุณเพชรเก่งกว่าผมอีกนา..ช่วยตอบให้น้องๆ บ้างเน้อ นั่งดูอยู่คนเดียวแล้วไม่ตอบน้องๆ เป็นธรรมทาน ไม่ได้บุญนา ขอให้เกิดชาติหน้าปัญญาทึบเด้อ..

 

มาบ้านทีไร เจอทีมนี้เฝ้าบ้านประจำ สงสัยจะเป็นแม่บ้าน

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::, aries2947, chaipat, พันวฤทธิ์ </TD></TR></TBODY></TABLE>