คำทำนายภัยพิบัติที่แม่นยำ และการปกป้องภัยพิบัติ ของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 15 กันยายน 2011.

  1. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ต้องขันติครับ ลุงมหา ใครอยากตอกย้ำกรรมของเค้าก็ให้ทำไปครับ เราก็ทำหน้าที่ในส่วนประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของเราไป เดี๋ยวเค้าเหนื่อย เค้าก็หยุดเองแหละครับ

    ถือเสียว่าเป็นการสร้างขันติบารมีแล้วกันนะครับ มารไม่มี บารมีไม่เกิด
     
  2. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    คำสอนของท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโน

    ขออนุญาตครับ

    ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโน ท่านสอนว่า


    "เส้นทางเดินของกิเลส คือ ผ่านสังขาร ออกมา"
    "สังขารที่มีทั้งที่เป็นมรรค และที่เป็นกิเลส"


    ผมคงไม่ต้องบอกว่า ใครคิดอะไร เขียนอะไร
    อะไรเป็นกิเลส อะไรเป็นมรรค

    เพราะผมก็เตือนมามากแล้ว

    คนที่กระทั้งตนคิดอะไร ตนเขียนอะไร
    อันไหนเป็นกิเลส อันไหนเป็นมรรค
    ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ

    แล้วผมจะไปยุ่งกับเขาทำไม
    คนที่อยากประจานตัวเองให้เขารู้
    ระดับสติ ปัญญา กิเลส ตัณหา ของตัวผมจะไปห้ามเขาทำไม

    แต่ก็อยากจะบอกให้ผู้มีปัญญาได้ติดตามดูว่า
    เวลากรรมให้ผลจะมาถึงเมื่อไร ช้าเร็วอย่างไร

    มีตาก็เฝ้าแต่สอดส่องมองหา จุดที่พอจะขุดคุ้ยโจมตีผู้อื่นได้ จะได้รับกรรมอย่างไร

    มีปัญญาก็เฝ้าแต่คอยถามเขาให้เขาตอบ
    เพียงเพื่อจะได้โจมตีจุดอ่อนที่พอจะขุดคุ้ยโจมตีได้ต่อไป...ได้ต่อไป

    ผู้มีปัญญาย่อมพิจารนาได้ว่า

    แม้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์อยู่เมืองไหน ก็ยังคงมีคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่เหมือนเดิม

    ผู้มีปัญญาย่อมเข้าใจว่า อะไรเป็นมรรค อะไรเป็นกิเลส
    ผู้มีปัญญาย่อมเข้าใจว่า ใครทำอะไร อันไหนเป็นบุญ เป็นกุศล
    ผู้มีปัญญาย่อมเข้าใจว่า ใครทำอะไร อันไหนเป็นบาป เป็นกิเลส


    คนที่เฝ้าจ้องโจมตีเขา แม้แต่ท่านอาจารย์ปู่ท่านก็เตือนแล้วเตือนอีกว่า
    "มันยังมีไหม พระเก่งๆนะ ในวัดนี้ยังมีอีกไหม"
    "พระที่เฝ้าแต่เพ่งโทษ จับผิดผู้อื่น ยังมีไหม"
    "ถ้ามีก็บอกมานะ ในพรรษา นอกพรรษา ขับออกจากวัดไปเลย"
    "ถ้าอยู่ในพรรษา ก็ให้ขาดจากความเป็นพระไปเลย"

    ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายพอจะเข้าใจไหม
    ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ให้ไปถามครูบาอาจารย์ของท่านเอาเอง

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2012
  3. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    จะทำบุญกับพระใหญ่ต้องทำไงบ้าง และอยากรู้ธรรมะที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อยากทราบวิธีปฏิบัติธรรมให้ถึงความพ้นทุกข์ที่ถูกต้อง จะทำต้องอย่างไรบ้าง อยากได้เมลล์ เบอร์โทรติดต่อครับ ผมว่าการสร้างพระพุทธรูปใหญ่เป็นบุญเป็นกุศลครับ ติดต่อมาด้วยนะครับ ทางเมลล์ผม my_eye_open@hotmail.com
     
  4. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    รบกวนด้วยนะครับ จากผู้หวังความพ้นทุกข์ ผมจะเฝ้าดูการตอบกลับอยู่นะครับ
     
  5. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ดีแล้วครับ เค้าอยากจะว่าก็ให้เค้าว่าไป ชัยชนะครั้งสุดท้ายและสำคัญที่สุดก่อนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้น ก็คือ ชัยชนะต่อพญามารและกองทัพพญามาร

    พระองค์ใช้บารมี 10 เข้าต่อสู้ และสุดท้ายเมื่อพระองค์ระลึกถึงบุญบารมีที่ได้สั่งสมมา ก็ร้อนถึงพระแม่ธรณีที่ต้องมากำจัดมาร เพราะฉะนั้น เราก็ต้องยึดมั่นตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในการผจญมารในครั้งนี้

    ซึ่งบารมีหลักๆในการผจญมารครั้งนี้ก็คือ เมตตาบารมี และขันติบารมี เมตตาในความไม่รู้ของเค้าเยอะๆ
    ส่วนขันติบารมีนั้นสำคัญมาก อดทนต่อความเข้าใจผิด อดทนต่อการถูกใส่ร้ายป้ายสี อดทนต่อความลำบาก เท่าที่ผมศึกษาประวัติอาจารย์ทิพากร ท่านก็ใช้ขันติบารมีในการแก้ปัญหาส่วนตัวของท่าน จนกระทั่งบารมีเกิด ได้รับเทวบัญชาให้เป็นผู้สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

    ผมเคยสนทนาธรรมกับพระสุปฏิปันโนบางรูป ท่านบอกว่ากว่าที่ท่านจะเอาชนะทิฐิในใจคน กว่าที่ท่านจะสร้างวัดได้ อย่าว่าแต่บิณฑบาต ชาวบ้านไม่ใส่บาตรเลย บางคนเอาก้อนหินปาหัวท่านจนท่านหัวแตกก็มี แต่ท่านก็อดทนพิสูจน์ตัวเองจนกระทั่งปราบมารเหล่านั้นหมด

    คนเราเดี๋ยวนี้ขาดขันติบารมี ทำอะไรสุกเอาเผากิน ที่สำคัญคนหลายคนใจไม่บริสุทธิ์ ขาดปัญญา ทำให้การคิด การพูด การกระทำของตนที่นอกจากจะเพิ่มกรรมให้กับตัวเองแล้ว ยังเป็นการบั่นทอนบุญบารมี ยิ่งนานวันยิ่งบารมีเสื่อม กว่าที่เค้าเหล่านั้นจะรู้ตัว ก็สายเกินไปเสียแล้ว นั่นแหละถึงบอกว่าให้เมตตาในความไม่รู้ของเค้าให้เยอะๆ ถือเสียว่าเค้าเหล่านั้นเป็นบททดสอบ ยิ่งบททดสอบยาก ก็ยิ่งต้องข้ามไปให้ได้ แต่ไม่ใช่ว่าไปเอาชนะเค้าด้วยวิธีการต่างๆนานาประเภทไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล แต่เอาชนะด้วยการเพิ่มพูนบารมีของเราเอง

    ขอให้ลุงมหาเจริญในธรรมและบารมียิ่งๆขึ้นไป
     
  6. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เดี๋ยวลุงมหาท่านคงจะให้ข้อมูลของอาจารย์ทิพากร ถ้ามีโอกาสคุณก็คงได้สนทนาธรรมกับอาจารย์ทิพากร แต่ถ้าคุณได้ศึกษาซีดีประวัติของอาจารย์ทิพากร ก็คงจะจับหลักได้ว่า ก่อนที่ท่านจะรู้ในสิ่งที่เป็นเรื่องลึกลับเหนือมนุษย์นั้น ท่านก็ทุกข์มาก่อน ทุกข์หนักด้วย

    แต่ท่านเอาชนะทุกข์ของท่าน......ด้วยการทำใจให้เบา !
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369

    คุณตาดำดำ เจตนาในการตั้งคำถามของคุณนั้น ถามเพื่อจะจับผิดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ดียิ่งกว่าคุณเอง ถ้าผมตอบ ผมก็ขอตอบรวมๆกันทั้งข้อ 1 และข้อ 2 ว่า แล้วแต่บุญจัดสรร แค่นั้นแหละจบ

    แต่ในฐานะที่เคยสนทนาธรรมกัน ผมเห็นข้อความของคุณที่ผมทำตัวเน้นไว้ บอกตรงๆว่าไม่สบายใจ เพราะคุณกำลังดูถูกบุญบารมีและความสามารถของคนอื่นอยู่
    คุณตาดำดำเอ๋ย สิ่งมหัศจรรย์ในโลกนี้มันมีอยู่เยอะมาก...........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2012
  8. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ท่านอยากพ้นทุกข์ระดับไหนละครับ?

    ขออนุญาตครับ
    ท่านอยากพ้นทุกข์ระดับไหนละครับ?

    เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสว่า


    "ตถาคต ไม่เห็นว่าจะมีธรรมข้อใด สำคัญกว่าความเพียรเลย"

    ชาวพุทธทั่วๆไป ก็เลย ท่องจำ อบรมสั่งสอนกันใหญ่ว่า

    1.เพียรละเลิก อกุศลกรรม อันเป็นบาป ที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น
    2.เพียรละเลิก อกุศลกรรม อันเป็นบาปที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
    3.เพียรกระทำ กุศลกรรม ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
    4.เพียรกระทำ กุศลกรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญงอกงาม ให้.......ยิ่งๆขึ้นไป

    จะมีสักกี่ท่านที่เข้าใจว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น

    กลับขึ้นอยู่ที่บทก่อนหน้านั้นที่ว่า


    "มีความเพียร เป็นเครื่องเผากิเลส มีสติ มีสัมปชัญญะ

    ละความพอใจ ความไม่พอใจในโลกออกเสียได้"


    ขอย้ำอีกที

    "ละความพอใจ ความไม่พอใจในโลกออกเสียได้"

    แค่นี้ก็พ้นทุกข์แล้วครับ

    ก็เพราะว่า ทั้งความพอใจ ความไม่พอใจ

    ก็คือ รากเหง้า สมุหทัย ทั้งหมด

    ไม่เชื่อ ก็ลองทำดู ลองพิจารนาดู


    ส่วนการพ้นทุกข์ชั้นสูงสุดนั้น มีร้อยแปด พันเก้า วิธี ตามบุญวาสนาบารมีของใครของมัน

    แต่วิธีของท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ง่ายที่สุด สะบายที่สุด
    แค่มาร่วมสร้าง มาร่วมโมทนา ร่วมสาธุการ การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
    เพื่อให้พระพุทธองค์ สามารถแผ่พระมหาพุทธานุภาพ ควบคุมธาตุทั้ง๔ ไม่ให้ปั่นป่วน

    (สาเหตุใหญ่ของการสร้างคือ เพื่อให้มนุษย์ และเหล่าทวยเทพทั่วจักรวาล
    ได้ทำบุญ สร้างกุศลร่วมกัน เพื่อนำพลังอันนั้น ไปต้านภัยพิบัติ)

    (เหตุที่ต้องสร้างองค์ใหญ่มากๆ ก็เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้ คนหมู่มาก
    ได้มีความเพียร ยังไงละครับ)

    เมื่อมาร่วมสร้างแล้ว บุญบารมีอันนั้น ก็จะส่งผลให้ท่าน ได้ไปเกิด บนเทวโลก บนพรหมโลก
    หรือสำเร็จได้เร็วขึ้น ตามบุญวาสนาบารมีของแต่ละท่าน

    ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านบอกเล่าว่า

    "บุญกุศลของการร่วมสร้างพระใหญ่ ส่งผลให้ไปเกิดบนเทวโลก"
    "บนพรหมโลก ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ชาติใด สำเร็จชาตินั้น"

    อย่างช้าที่สุด สำเร็จในยุคพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สิบ
    "พระพุทธเจ้าสุมังคละ"

    เห็นหรือยังละครับว่าทำไมผู้มีบุญ เขาถึงยอมลำบากสร้างบุญบารมีกันนัก
    เห็นหรือยังละครับว่า ผู้มีบุญบารมี ผู้รู้ธรรม เห็นธรรม ชั้นสูงนั้น
    ไม่จำเป็นต้องมียศมีศักดิ์ ขั้นพระอริยะเจ้า แต่อย่างใด


    เหมือนอย่างที่พระเจ้าพระสงฆ์เกือบทั้งหมดเข้าใจ
    เหมือนอย่างที่ชาวพุทธเกือบทั้งหมดเข้าใจ


    เข้าใจที่ว่า ผู้รู้ธรรม เห็นธรรม ต้องเป็นพระอริยะเจ้า ชั้นนั้น ชั้นนี้
    ชั้นที่สูงกว่า ก็รู้ธรรม ได้มากกว่า


    แล้วพากันเข้าใจกันไหม ว่าศรัทธา ก็พาให้ สำเร็จธรรมชั้นสูงได้ง่ายๆ

    แค่มาร่วมสร้างพระใหญ่ ตามบุญวาสนา บารมีของตน ตามความรู้ ตามความถนัดของตน

    แล้วรับอานิสงค์ใหญ่ ปิดอบายภูมิ ไปเกิดบนเทวโลก บนพรหมโลก
    ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ชาติไหน สำเร็จเป็นพระอรหันต์ชาตินั้น
    สำเร็จง่ายๆ โดยไม่มีความลำบากอะไรเลย

    เห็นหรือยังล่ะครับ เข้าใจหรือยังล่ะครับ

    แค่มีศรัทธาอย่างเดียวก็สามารถนำไปสู่ การพ้นทุกข์ได้ง่ายๆ
    โดยไม่ต้องลำบากอะไรเลย



    คำสอนขององค์หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โลกเทพอุดร ที่ท่านเมตตาสอนว่า

    "พระโพธิสัตว์ ที่ท่านบารมีเต็มแล้ว
    (ก็พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์ทั้งสิบพระองค์นั่นละ่ครับ)
    มีบารมีในการสงเคราะห์เทียบเท่าพระพุทธเจ้า"


    เห็นหรือยังละ่ครับ เข้าใจหรือยังละ่ครับที่ท่านอาจารย์ปู่ทวด
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านมอบมรดกสุดท้าย สั่งสอนเอาไว้ว่า


    "พระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีบารมีมาก"
    "เป็นผู้ที่จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต"
    "ต้องให้ความเคารพในท่านด้วย"


    ถึงแม้ว่าคำสอนนี้มีมูลเหตุมาจาก ซองยาที่มีรูปพระมหากัจจายนะ

    แล้วผมคงไม่ต้องบอกชาวพุทธว่า

    ถ้าท่านเจอพระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล
    เจอท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์
    เจอผู้ที่จะไปเกิดเป็๋นพระพุทธเจ้า พระนาม "สุมังคละ"
    แล้วท่านจะทำอย่างไร


    เพราะมันเป็นเรื่องที่ท่าน ต้องพิสูจน์ ต้องสืบเสาะ
    ต้องพิจารนากันเอาด้วยตัวท่านเอง


    เพราะไม่มีใครจะช่วยท่านได้ แม้แต่ผมก็ช่วยท่านได้เพียงแค่นี้

    ส่วนวิธีปฏิบัติที่แบบยากลำบาก ก็ "จิตที่พ้นจากทุกข์"
    ของคุณลุงหวีด บัวเผื่อน ยังไงละ่ครับ


    แล้วก็อย่าได้ เอาธรรมของฆราวาส
    ไปสับสนปนเปกับ ธรรมของพระสงฆ์นะครับ
    เพราะพระสงฆ์ท่านมีเป้าหมายของการ
    รักษาหมู่คณะ และการสืบทอดพระศาสนาเป็นหลัก

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับ ผู้มีบุญวาสนาบารมี มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  9. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ก็ในเมื่อทุกอย่างขึ้นกับบุญกรรมจัดสรร งั้นถือว่าตรงนี้เข้าใจตรงกัน เพราะคงจะได้ข่าวเรื่องคนไปทำบุญกลับมาโดนพลุระเบิดตาย ถ้าอาจารย์มีญาณจริงทำไมไม่ทราบ ทำไมไม่เตือน ดังนั้นต่อให้สร้างพระใหญ่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะรอดจากภัยพิบัติ
    - การที่ไปบอกว่าสร้างพระใหญ่ยับยั้งภัยพิบัติ จึงควรที่จะมองว่า การสร้างพระใหญ่นั้นได้บุญ แต่อย่างไรเรื่องภัยพิบัติ จะรอดหรือไม่ก็ขึ้นกับบุญกรรมแต่ละคน ทำบุญแล้วอธิษฐานให้รอดก็น่าจะบรรเทาได้ แต่ในเมื่อเราไม่รู้ว่าบุญพอมั้ย ก็ต้องไม่ประมาทหมั่นทำบุญเรื่อยๆ มีศีลธรรมอยู่เสมอ ขณะเดียวกันต่อให้ไม่สร้างพระใหญ่แต่ทำบุญกุศลอย่างอื่นก็รอดได้ อย่างไรก็ตามก็ถือเป็นกุศโลบายหนึ่งในการให้คนมาร่วมกันสร้างบุญ แต่อย่าให้ได้ชื่อว่าเป็นการชวนเชื่อ หรือโกหกเพื่อให้คนมาทำบุญ แบบนั้นนอกจากผู้ทำบุญได้อานิสงฆ์น้อย คนที่รับทำก็ยังบาปอีก
    - บางอย่างถ้าคนไม่มีศีลมีธรรมพอ คิดเอาเองว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มีประโยชน์ ฌาณก็เป็นฌาณโลกีย์มีกิเลสครอบงำ สิ่งที่สร้างนั้นก็อาจไม่เกิดประโยชน์อย่างที่หวัง อย่างเช่น เรื่องภัยพิบัติ สมมติว่านำเงินที่ได้ไปสร้างสถานที่สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัย เตรียมพื้นที่สำหรับผู้อพยพ ไม่ใช่อาศัยเพียงสร้างพระใหญ่แล้วภัยพิบัติไม่เกิด เพราะถ้ามันยังเกิดล่ะจะทำยังไง
    - ส่วนเรื่องอาจารย์ทิพากร ผมพิจารณาดีแล้วก็ไม่เห็นว่าเป็นของจริงครับ แต่ถ้าวันข้างหน้ามีการเปลี่ยนแปลง มีข้อมูลอะไรก็ยินดีรับฟังแลกเปลี่ยนครับ
    - ที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่เพราะผมไม่เชื่อเรื่องศาสนาหรือไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ เรื่องฌาณต่างๆ แต่เพราะเราต้องรู้จักแยกแยะดีชั่วด้วย ไม่ใช่สักแต่เชื่อ หรือไม่เชื่อไว้ก่อน
    - ผู้มีศีล 8 ที่มีฌาณก็มี มีทั้งโลกียะและโลกุตระ หรือแม้แต่แอบอ้างก็มี ซึ่งชาวพุทธที่ดีต้องรู้จักพิจารณา ผิดถูกก็ว่ากันไป ถ้ามีกรรมให้มองพลาดก็พยายามทำบุญอธิษฐานให้มองเห็นตามความเป็นจริงได้มากขึ้น
    - ต่อให้เป็นคนธรรมดาทั่วไปมาร่วมกันสร้างพระพุทธรูป ผมก็เห็นว่าเป็นสิ่งประเสริฐ แต่ถ้ามาสร้างศรัทธาโดยอ้างว่าตัวเองวิเศษแบบนั้นแบบนี้ หรือแอบอ้างผลบุญเกินจริง สมควรที่จะต้องคัดค้านหรือไม่ล่ะครับ

    ผมก็เลยกลับมาทบทวนว่า ที่เค้าเรียกว่า ถิ่นกาขาว ก็เพราะแบบนี้รึเปล่านะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    จริงๆคำถามของคุณข้างต้นนั้น ผมตอบได้หมด เพียงแต่ทิฐิคุณยังแรงกล้า ป่วยการที่จะไปอธิบายเพิ่มเติม

    แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ขอบอกก็คือ มีอยู่ตอนหนึ่งที่คุณพลาด คุณเขียนทำนองว่าอาจารย์ทิพากรในเมื่อท่านได้โน่นได้นี่ ลูกศิษย์ก็น่าจะต้องได้โน่นได้นี่บ้าง ซึ่งการที่คุณเขียนมาอย่างนี้ เพราะลึกๆคุณกำลังเข้าใจว่าผู้ที่มาสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ กำลังถูกหลอก กำลังหลง หลงตามอาจารย์ทิพากร หลงตามมงคลตื่นข่าว ปัญหาคือ คุณไม่รู้จริงว่าในบรรดาผู้ที่มาร่วมสร้างใครเป็นใคร แต่คุณเหมารวมไปหมดแล้ว คุณกำลังดูถูกและกำลังขวางการสร้างบารมีของผู้อื่นจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งในผู้ที่มาร่วมสร้างนั้นมีผู้มีศีลมีธรรมมีบุญรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก นั่นแหละคือข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของคุณ สิ่งที่คุณพยายามยืนกรานคำพูดของคุณผ่านข้อความ นับวันก็ยิ่งจะเพิ่มกรรมให้กับตัวคุณเอง สุดท้าย เมื่อบุญของคุณหมดลงเมื่อไหร่ คุณก็จะต้องเผชิญวิบากกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในส่วนของคุณตาดำดำ ผมก็คงขอยุติการตอบเพียงเท่านี้ ไม่ว่ากระทู้นี้หรือกระทู้ไหน ลองดูว่าผมรักษาสัจจะตามที่ลั่นวาจาได้หรือไม่

    เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
     
  11. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    อย่าถึงขั้นลั่นวาจาจะไม่พูดไม่คุยเลยครับ
    อย่างที่ผมบอก เราชาวพุทธมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน มีอะไรเตือนกันได้ก็เตือน

    ผมได้ยกตัวอย่างเรื่องวัดธรรมกาย ถามว่างานบุญของเค้ามีประโยชน์มั้ย ตักบาตรพระเป็นหมื่นรูป ชวนกันนั่งสมาธิ ก้ต้องตอบว่ามี แต่เพราะคำสอนเค้าผิดเพี้ยน ถามว่าก็ปล่อยเค้าไปสิ อย่างน้อยก็ทำให้คนมาสนใจพุทธศาสนา ทำให้คนมาทำบุญ ซึ่งจริงๆคนที่รู้จักศาสนามากขึ้นเพราะธรรมกายก็มีมาก ผู้ที่เข้ามาแล้วรู้ว่าไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องก็มี ผู้ที่ยังหลงอยู่ก็มี ซึ่งก็แล้วแต่บุญบารมีของแต่ละคน ผมก็ไม่รู็ว่าสิ่งที่ผมไปตักไปเตือนจะมีประโยชน์หรือโทษแค่ไหน หรือจะต้องเสียแรงเปล่า แต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมได้พยายามทำในสิ่งที่ดี ช่วยกันสอดส่องดูแล แลกเปลี่ยนความเข้าใจ เพราะเรื่องบางอย่างคิดเองเออเองคนเดียวไม่ได้

    เอาเป็นว่าขอโทษอีกรอบหากทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจ แต่ผมก็จะยังเข้ามาแลกเเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อไป ถ้าสิ่งที่ผมคิดเป็นสิ่งที่ผิดไม่ถูกต้องผมก็ยินดีจะขอโทษ ถ้าจะเป็นกรรมผมก้ยินดีรับ แต่ผมก็พยายามดูเจตนาของตัวเองอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ ยังมีที่ใช้อารมณ์บ้าง หงุดหงิดบ้าง(ยอมรับว่าบางทีก็เหน็บกันเกินไป) เอาเป็นว่าจะพยายามระวัง ตรงไหนแรงไปก็เตือนกัน แต่เจตนาไม่ได้คิดจะมาใส่ร้ายรังแกใคร ก็ผมรู้แบบนี้ เห็นแบบนี้ก็บอกไป ซึ่งอาจผิดก็ได้ ยังไงผมก็ยังรับฟังข้อคิดเห็นอยู่เสมอ ถ้าต่างกับที่ผมเห็นผมก็จะบอกว่าผมเห็นอีกแบบ สุดท้ายอาจไม่ตรงกัน แต่ก็ได้เปิดมุมมองอีกด้านหนึ่งนะ เรื่องจะให้อภัยหรือไม่ก็แล้วแต่จะพิจารณาละกัน

    ปล. ไม่ได้เหมารวม ผมรู้จักคนที่ไปทำบุญกับท่านก็เป็นคนมีศีลมีธรรม บางคนก็ภาวนาจนจิตสงบ ผมไม่ได้ว่าคนเหล่านี้ว่าทำผิด(แต่ก็อาจมีคนที่เข้าใจผิด ซึ่งสิ่งที่คุณด่าว่าผมแสดงว่าคุณไม่ได้อ่านความเห็นผมโดยละเอียด ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะผมพยายามอธิบายให้สั้นทีไรกลับยาวทุกที หวังว่าคงไม่ต้องถึงกับ quote มายืนยันนะ ถ้าใจเย็นแล้วกลับไปอ่านดีๆก็จะเห็น) ผมแปลกใจแค่ศิษย์เอกอย่างลุงมหาน่าจะได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่อะไรก็อาจารย์เห็นแบบนั้นแบบนี้ ผมมองว่าถ้าอาจารย์มีญาณวิเศษเลิศเลอจริง คนอยู่ใกล้ก็น่าจะได้ธรรม หรือบรรลุโสดาบัน บรรลุนั่นบรรลุนี่แบบที่เราเคยได้ยินในสมัยพุทธกาลบ้างสิ แต่อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้ ก็แค่สังสัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  12. chatchai74

    chatchai74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +501
    ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจังครับ...
    แต่สิ่งที่แน่แท้..ก็คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย...


    "สาธุ"
     
  13. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส คนเราต้องมีความเพียรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความเพียรอย่างใดเล่าจะมาสู้กับกิเลสที่หมักหมม สะสมอยู่มานานไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
    ฉะนั้นความเพียรที่จะเป็นเครื่องเผากิเลสต้องเป็นความเพียรอย่างยิ่งยวด สาธุครับ
     
  14. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    พอดีเห็นกระทู็นีของลุงมหา
    http://palungjit.org/threads/ขอหยุดภัยพิบัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ-ตอน-“แม่หมอเทวดา”.325218/

    ก็เลยสงสัยว่า ถ้าสร้างพระใหญ่เสร็จ พุทธานุภาพจะช่วยบันดาลให้คนไม่เป็นมะเร็งเลยเชียวเหรอ ก็ในเมื่อสังขารไม่เที่ยง จะไปห้ามป่วยกันได้เหรอ แม้แต่ยุคที่พุทธกาลก็มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย
    แต่ไม่เถียงว่าพุทธานุภาพมีจริง รักษาได้ บรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ ต่ออายุได้ แม้แต่การถือศีลก็ช่วยป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ เพราะไม่สร้างกรรมเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ไปดื่มสุราซึ่งทำลายสุขภาพและทำให้เกิดอุบัติเหตุ

    แต่การสร้างพระพุทธรูปใหญ่นี่ถึงกับป้องกันไม่ให้คนเป็นมะเร็งได้จริงเหรอ อย่างคนที่ทำบุญร่วมสร้างก็ถือว่าได้บุญแล้ว ถ้าบุญนั้นยิ่งใหญ่จริงทำไมยังไม่สามารถบรรเทามะเร็ง ต้องรอพระใหญ่เสร็จจึงจะบรรเทา ?? พุทธานุภาพจะเกิดต่อเมื่อพระใหญ่เสร็จงั้นหรือ

    ในความเห้นผม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ถ้ามีธรรมก็ย่อมเกิดพุทธานุภาพได้ครับ

    ฝากอีกเรื่องคือการเปิดบุญเป็นการบอกให้เทวดานำบุญมาให้เรา ทั้งที่จริงๆแล้วเราต่างหากที่ต้องทำบุญและอุทิศบุญนั้นให้แก่เทวดาให้ท่านมาปกป้องคุ้มครองเรา อย่างเช่นบทแผ่เมตตา - อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    ผมถึงได้มองว่าหลักการผิดเพี้ยนไปจากแนวทางของพุทธนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2012
  15. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขออนุญาต แนะนำเพิ่มเติมครับ ปัญญาธิกะ วิริยะธิกะ

    ถ้าท่านมัวแต่เดินตามธรรมเพื่อความหลุดพ้น แต่เพืยงอย่างเดียว
    เมื่อเจอ มหาภัยพิบัติใหญ่ๆ ท่านก็จะ หาทางออก หาทางแก้ไขไม่ได้
    เหมือนคณะสงฆ์ที่ท่าน ได้แต่มองดูตาปริบๆ
    เมื่อท่านมีบุญวาสนาเข้ามาอ่าน มาศึกษาในกระทู้นี้
    หวังว่าท่านจะเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นๆ


    เหมือนที่ผมได้เตือนท่านข้างบน
    และขอเพิ่มเติม


    และขอเพิ่มเติมให้อีกว่า

    พระพุทธองค์นั้น พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี แบบ ปัญญาธิกะ คือแบบ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไข กับอีกเศษ แสนมหากัป

    ส่วนองค์พระศรีอาิยะเมตตไตรย และ องค์พระสุมังคละ ท่านทั้งสองบำเพ็ญบารมีแบบ วิริยะธิกะ คือแบบ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไข กับอีกเศษ แสนมหากัป

    เมื่อองค์พระสุมังคละ ท่านจะไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สิบ
    นั่นแสดงว่าท่านเหลือเวลาอีกไม่นานนัก

    ท่านก็ลองเทียบเวลาการบำเพ็ญบารมีของท่านทั้งสามดูเอาเอง

    พระพุทธองค์นั้น พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไข กับอีกเศษ แสนมหากัป

    องค์พระศรีอาิยะเมตตไตรย บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไข กับอีกเกือบจะครบเศษ แสนมหากัป

    องค์พระสุมังคละ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไข กับอีกเกือบจะครบเศษ แสนมหากัป

    แม้แต่องค์ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ท่านก็บอกก็สอนว่า
    ผู้บำเพ็ญบารมีแบบ วิริยะธิกะนี้ จะไม่มีความยากลำบากในการปฏิบัติอะไรเลย
    เพราะออกบวชวันไหน สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าวันนั้น

    เมื่อองค์ท่านพระสุมังคละ ก็คือ ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ในชาตินี้

    ถ้าท่านมัวแต่อยู่ในกรอบของธรรม แบบ ปัญญาธิกะ ท่านจะเข้าใจได้อย่างไร

    ท่านต้องพิจารนาไปถึงธรรม แบบ วิริยะธิกะ ด้วย

    เมื่อท่านไม่พิจารนา ไม่มาดู ไม่มาสัมผัส

    แล้วท่านจะรออะไร หรือท่านจะรอ องค์พระศรีอริยเมตไตรย

    หรือท่านจะรอพระพุทธเจ้า ในอนาคตชาติ

    หรือท่านพอใจในการปฏิบัติแบบยากลำบากก็แล้วแต่ท่าน

    ผมถึงได้บอกว่า เมื่อ องค์ท่านสุมังคละ ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ท่านลงมาแล้ว

    ท่านยังรออะไรอีก เชื่อไม่เชื่อ มาไม่มา มาเร็วมาช้า

    ก็ขึ้นกับบุญวาสนาบารมีของท่านเองนั่นล่ะ

    ขออนุโมทนา

    ลองพิจารนาคำตอบข้างล่างดูนะครับ

    สำหรับท่านที่อดทนเดื้อด้านขนาดนี้
    เพียรพยายาม โจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ไม่รู้จักสำนึกบ้าง

    ก็ขอให้ท่านเข้าไปถามท่านอาจารย์ทิพากรด้วยตัวท่านเอง
    หรือถ้าความกล้าหาญของท่านไม่พอ ที่จะเข้าไปหาท่าน

    ก็ขอแสนอทางเลือกอีกท่าน
    คือท่านพระอาจารย์ หลวงปู่สายทอง เตชะธรรมโม
    ผู้นำ ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ สายปัญญา สายฤทธิ์
    หวังว่า บุญบารมีของคุณ คงจะเหลือพอให้ได้พบท่านใดท่านหนึ่ง

    แต่ถ้าคุณไปหาหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต
    ท่านจะตอบให้ว่า

    "คุณทำกรรมหนักมากๆ ใครก็ช่วยไม่ได้ คนอื่นๆอย่ามายุ่ง"

    พอจะเข้าใจไหม พอจะเหลือบุญบารมีพอจะช่วยตัวเองได้ไหม

    คุณคิดว่าคุณเหลือเวลาอีกเท่าไร?

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  16. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    002 ผลของศรัทธาในพระพุทธเจ้า
    ปัญหา ในศาสนาฝ่ายเทวนิยม ผู้ใดมีความเชื่อและความรักในพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นย่อมมีหวังเข้าสู่สวรรค์ ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างไรบ้าง ?
    พุทธดำรัส ตอบ “....บุคคลใดมีเพียงความเชื่อ เพียงความรักเราบุคคลนั้นทั้งหมดเป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า”
    ผลแห่งการละกิเลส
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย
    ปรากฏ แยกขยายแล้ว ภิกษุเหล่าใด เป็นพระอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
    มีกิจที่จำต้องทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระ ปลงลงแล้ว ลุถึงประโยชน์ของตนแล้ว มีสัญโญชน์ใน
    ภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่มีวัฏฏะ เพื่อจะบัญญัติต่อไป.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยาย
    แล้ว ภิกษุเหล่าใดละโอรัมภาคิยสัญโญชน์ทั้ง ๕ ประการ ได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
    โอปปาติกะ ปรินิพพานในโลกนั้น มีการไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
    ดูกรภิกษุทั้งหลายในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใดละสัญโญชน์ ๓ ประการได้แล้ว กับมีราคะโทสะและโมหะบางเบา
    ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด เป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้คราวเดียวเท่านั้น จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใดละสัญโญชน์ ๓ ประการได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด เป็นพระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็น
    ธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีปัญญาเครื่องตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรา
    กล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้นเปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว ภิกษุเหล่าใด ผู้เป็นธัมมานุสารี
    เป็นสัทธานุสารี ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด มีปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ดีเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เบื้องของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    บุคคลเหล่าใด มีเพียงความเชื่อ เพียงความรักในเรา บุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เป็นผู้มีสวรรค์
    เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มีใจชื่นชม
    เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
    จบ อลคัททูปมสูตรที่ ๒
    อลคัททูปมสูตร มู. ม. (๒๘๘)
    ตบ. ๑๒ : ๒๘๑ ตม. ๑๒ : ๒๓๐
    ตอ. MLS. I : ๑๒๘
     
  17. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    เราข้ามตรงนี้ไปไกลแล้วครับ

    ขออนุญาตครับ

    ผมเป็นศิษย์ ธรรมยุติ สายปฏิบัตินะครับ
    เราสนใจแต่ธรรมปฏิบัติ ธรรมแบบรู้ลงที่จิต เราไม่ได้สนใจ ธรรมกระดาษ
    ที่หลายๆท่านพยายามยกมาอ้าง จนผมเมื่อยแทน

    แม้แต่ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ สายปัญญาอย่างเดียว ยังไม่พอ
    ผมก็เฝ้าสอดส่องมองหา ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่โลกเทพอุดร
    ยังไม่พอ

    ผมก็เฝ้าสอดส่องมองหา จนมาได้เป็นศิษย์ของปู่ฤๅษีใหญ่
    ผู้เป็นปรมาจารย์ ของปู่ฤๅษีที่เป็นครูบาอาจารย์ของ พวกไสยเวทย์ หมอเขมรทั้งหลาย

    ปู่ฤๅษีใหญ่ ที่ท่านเหล็กไหลเต็มท้อง อยากได้ขนาดไหน สีอะไร ประเภทไหน
    ผมถึงได้รู้ว่า การตัดเหล็กไหล เขาทำกันอย่างไร ใครทำได้ ไม่ได้ เพราะอะไร
    ใครของจริง ใครขี้คุย ใครแค่ไปขอเขามา ใครแค่ไปขอดูของเขา

    ยังไม่พอ ผมก็เฝ้าสอดส่ิองมองหา ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ สายปัญญา สายฤทธิ์ ว่าครูบาอาจารย์ท่านไหน ที่จะมาแทนที่ หลวงปู่ตื้อ อาจลธรรมโม
    ที่เป็นที่รู้กันว่า ท่านเป็นอันดับหนึ่ง

    ผมเฝ้าสอดส่องมองหา ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ สายฤทธิ์ ที่ท่านมีความผูกพันลึกล้ำกับ ปู่พรหมฤๅษี ปรมาจารย์ใหญ่แห่งภูเขาควาย สปป. ลาว
    ผู้ที่จะมาอยู่เบี้องหลังเงียบๆ คอยดูแลบ้านเมือง คอยดูแลแก้ปัญหาให้ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ สายปัญญา ที่ถูกลองของ ถูกทำร้าย โดยกลุ่มไสยเวทย์ต่างๆ

    ปู่พรหมฤๅษี ผู้ที่ท่านอยู่มาจนเห็นโลกแตก สอง-สามครั้งแล้ว
    ผู้ที่ท่านบอกเล่า เรื่องราวการอุบัติของโลก การเกิดภัยพิบัติของโลกได้ละเอียดที่สุด เพราะท่านรู้ ท่านเห็นด้วยตัวท่านเอง

    นอกจากนี้ผมก็ยังเฝ้าสอดส่องมองหา ครูบาอาจารย์รุ่นใหม่ๆ ที่ท่านพอจะเมตตา แก้ปัญหาต่างๆ ในทางธุระกิจ แบบเฉพาะเจาะจง

    เพื่อจะได้สงเคราะห์ พรรคพวกเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง

    แต่แล้ว การปรากฏตัวของท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ พร้อม ปฏิธานอันยิ่งใหญ่ของท่าน

    สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
    สร้างพุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ
    ย้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทวยเทพเทวา ของชาวพุทธ มาไว้ที่ พุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิทั้งหมด
    เพื่อให้พระพุทธองค์ สามารถแผ่พระมหาพุทธานุภาพ ควบคุมธาตุทั้งสี่ ไม่ให้หวั่นไหว ไม่ให้โลกถึงกาลวิบัติ
    เพื่อป้องกันแก้ไขภัยพิบัติทั้งสี่

    เพื่อให้เหล่าทวยเทพ ได้ร่วมสร้าง ร่วมโมทนา ร่วมสาธุการ
    ในการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ สร้างพุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ

    ทวยเทพเทวาทั้งหลายก็จะผนึกกำลังกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือญาติธรรมพระใหญ่ชัยภูมิ
    ทวยเทพเทวาทั้งหลายก็จะผนึกกำลังกัน ชักชวน ญาติพี่น้องลูกหลาน บริวาร
    ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้มาร่วมสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

    เพื่อนำกุศลผลบุญไปแผ่ให้ เหล่าเจ้ากรรมนายเวร เหล่าบรรพชน เหล่าวีระชน
    เหล่าบูรพกษัตริย์ ที่ยังตกค้าง ยังไม่ได้ไปเกิด ให้ได้ไปเกิด

    ที่อยู่ในภพภูมิที่ดีอยู่แล้ว ก็ให้ได้ไปเกิดไปจุติในภพภูมิที่สูงๆยิ่งๆขึ้นไป

    เรื่องภูมิรู้ภูมิธรรมของผมนั้น ครูบาอาจารย์พระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุติ
    ท่านถึงกับบอกผมเมื่อประมาณยี่สิบปีที่แล้วว่า

    "ปฏิบัติมาได้อย่างไร ไม่มีครู ไม่มีอาจารย์ แล้วมันมาถึงนี่ได้อย่างไร"
    "ถ้าปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง ยังมาถึงนี่ได้"
    "ก็ขอให้ปฏิบัติเองต่อไป ไม่ต้องไปถามใครอีก"

    แม้มีครูบาอาจารย์ท่านใด มาสนทนาธรรมกับผม ก็จะถูกหลวงหลวงปู่เรียกไปหาว่า "ไปยุ่งกับโยม...... ทำไม"

    ที่พวกท่านพากันคิดว่า จะตักจะเตือนผมนั้น
    ผมก็จะบอกว่า ผมรู้ ผมเห็น ผมเข้าใจ ผมข้าม ผมผ่านไป ตั้งนานแล้ว

    จนมาช่วยท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ช่วยเหลือผู้อื่นอธิบาย ในสิ่งที่ท่านทำ
    ในสิ่งที่พระมหาโพธิ์สัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีมา เกือบจะพอๆกับองค์พระศรีอริยเมตไตรย
    ในสิ่งที่พระมหาโพธิ์สัตว์ ผู้มีปฏิธานอันแน่วแน่ไม่ท้อถอย ที่จะช่วยสงเคราะห์สัตว์โลก
    ช่วยให้โลกผ่านพ้น มหาภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามาๆ
    เราจะผลักมันออก เราจะดันมันออกๆ จนพระใหญ่ชัยภูมิสร้างเสร็จ

    ด้วยพระมหาพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ ก็จะปกป้องโลกเอง

    พวกรู้น้อย พวกใจเสาะ ใจปลาซึว ก็หลีกทางไป
    ปล่อยให้กลุ่มคนที่มีปฏิธานอันยิ่งใหญ่เขาได้ทำหน้าที่ของเขา

    เมื่อท่านอยากปฏิบัติ ธรรมเพื่อความหลุดพ้นของท่าน ท่านก็ทำของท่านไป
    เมื่อท่านอยากปฏิบัติ ธรรมเพื่อเอาตัวเองให้รอด ท่านก็ทำของท่านไป
    ท่านอยากทำของท่าน ท่านก็ทำของท่านไป เราไม่ได้ไปขัดไปขวางท่านซักหน่อย

    แต่พอเราจะทำของเรา ท่านมาขัดมาขวาง มาอ้างเหตุ อ้างผล สารพัด
    ท่านมาขัด ท่านมาขวางเราทำไม
    เราจะทำคุณงามความดีของเรา ท่านมาขัด มาขวางเราทำไม

    การที่เราบอกว่า ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านมีญาณที่พระอรหันต์ ส่องไปไม่ถึง
    ท่านก็ว่า ปรามาศพระอรหันต์
    การที่เราบอกว่า ท่านอาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัวบอกว่า ท่านไม่มีบุญบารมีพอที่จะแก้ไขภัยพิบัติใหญ่ๆได้
    ท่านก็หาว่าเราปรามาศครูบาอาจารย์ของเราเอง

    แม้เราจะชี้แจงว่า ถ้าองค์ท่านทำได้ ท่านทำไปแล้ว
    พวกท่านเพียรพยายาม อ้างธรรม แบบที่แก้ไขภัยพิบัติไม่ได้

    ท่านก็ขอให้ลองพิจารนาดูว่า

    พระโพธิสัตว์ที่ท่านบำเพ็ญบารมีมานานถึง ๑๖ อสงไข และใกล้จะครบเศษ แสนมหากัปนั้น

    ก็ลองคิดดูบ้างเป็นไรว่า ท่านจะมีบุญบารมีขนาดไหน

    บุญบารมีของท่านพอที่จะสร้างพระใหญ่ชัยภูมิได้หรือไม่
    บุญบารมีของท่านพอจะอำนวยความสะดวกให้พระพุทธองค์
    สามารถแผ่พระมหาพุทธานุภาพได้หรือไม่

    พระพุทธองค์ก็เหมือนกับ เจ้ากษัตริย์
    พระโพธิ์สัตว์ ก็แค่แม่ทัพใหญ่ของเจ้ากษัตริย์นั้น
    เมื่อพระโพธิ์สัตว์ เมื่อแม่ทัพใหญ่ ออกรบ ออกสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

    พวกท่านอยากอยู่กับเจ้ากษัตริย์ก็อยู่ของท่านไป
    แต่ทำไมท่านต้องมาโจมตีเรา มากล่าวหาเรา

    ก็ที่เราสร้างพระใหญ่ชัยภูมินี่ ก็เพื่อแก้ไขภัยพิบัติให้คนทั้งโลก รวมถึงพวกท่านด้วยไม่ใช่หรือ

    แล้วท่านมาขัดมาขวางเราด้วยเรื่องอันใด
    ท่านมีบุญบารมีพอที่จะต่อต้านขัดขวาง พระโพธิ์สัตว์ผู้ที่จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตได้หรือ

    ถ้าท่านมีบุญบารมี มีปัญญาจริง ทำไมท่านไม่พิสูจน์ ทำไมท่านไม่พิจารนาว่า
    ถ้าพระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาลท่านปรากฏออกมา ท่านจะต้องทำอะไร ท่านจะทำแบบไหน

    นับวันเราก็จะมีญาติธรรมพระใหญ่ขัยภูมิมากขึ้นๆ
    นับวันเราก็จะสร้างพระใหญ่ชัยภูมิของเราก้าวหน้ายิ่งขึ้นๆ
    นับวันพลังมหาชนก็จะสนับสนุนเรามากขึ้นๆ

    แล้วพวกท่านนั่นล่ะ่ที่เป็นผู้สลดหดหู่ กับการกระทำของพวกท่านในวันนี้
    หวังว่าท่านคงจะมีบุญบารมีพอที่จะอยู่ได้ถึงวันที่ ศรัทธามหาชนแตกตื่นมาร่วมสร้างพระใหญ่ร่วมกับเราแบบมืดฟ้ามัวดิน

    แม้เมื่อท่านเห็นดีเห็นงามกับการสร้างพระใหญ่ในอนาคต
    แต่มันจะเทียบกับเรา ที่ร่วมมาตั้งแต่ต้นๆได้หรือ

    แม้แต่การบอกบุญ ผมก็ไม่เคยบอกบุญในที่นี้ แม้ท่านที่ PM มาผมก็ไม่ได้บอกบุญ

    การบอกบุญของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมินั้น
    เราจะบอกแต่ญาติธรรมของเราเท่านั้น
    แล้วญาติธรรมของเรา ก็มีสิทธิ์บอกบุญ เฉพาะ ญาติพี่น้องของตน
    เพื่อนฝูง ในสถานศึกษา ในที่ทำงาน ในชุมชนที่อยู่อาศัยเดียวกันเท่านั้น
    เราไม่มีการบอกบุญแก่คนแปลกหน้า
    แม้การแจกซองบอกบุญ เราก็ไม่เคยตามไปเก็บ ท่านที่รับซองไป ต้องนำส่งด้วยตัวท่านเอง
    เราไม่เคยสนใจว่าใครเอาซองไปเท่าไร กลับมาหรือไม่
    แจกแล้วแจกเลย อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ

    ดังนั้น ท่านที่ไม่เห็นด้วย ก็อย่าได้กังวลใจวาเงินของท่านจะหายไปเพราะเรา

    ถ้าท่านอยากเดินสายธรรมที่แก้ไขภัยพิบัติไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของท่าน

    เราอยากเดินทางสายธรรมที่แก้ไขภัยพิบัติได้ มันก็เป็นเรื่องของเรา

    ถ้าท่านอยากแสดงธรรมที่แก้ไขภัยพิบัติไม่ได้ก็เป็นเรื่องของท่าน

    ธรรมที่แม้แต่ครูบาอาจารย์ของผมเองท่านก็บอกว่า
    "ให้ปฏิบัติเอง ไม่ต้ิองไปถามใคร"

    แล้วท่านคิดจะมาแสดงธรรมกระดาษ ตู้ คำภีร์ใบลานอันใด ให้ผมพิจารนาทำไม
    ท่านไม่มีธรรมปฏิบัติ มาเล่าสู่กันฟังบ้างหรือ

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับท่านที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ที่จะร่วมกอบกู้สู้ภัยพิบัติของโลก
    ขออนุญาติสลดหดหู่เล็กน้อย กับท่านที่มุ่งจะหลบลี้หนีภัยพิบัติ แต่เพียงอย่างเดียว

    ขออนุโมทนา
    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  18. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ผมอยากรู้เรื่องภูมิธรรมครับ รบกวนสนทนาธรรมะ ที่ได้ปฏิบัติให้ผมฟังด้วย ผมอยากรู้ให้มากๆ แลกเปลี่ยนกัน เรื่องธรรมะ อย่างเดียว มันเป็นมงคลกับตัวผมเอง เป็นการสนทนาธรรมตามกาล เป็นสุตมยปัญญา ตัวผมเองตอนนี้ก็ปฏิบัติอยู่
     
  19. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    อ่ออีกอย่าง ท่านเข้าใจเจตนาผมผิดแล้วครับ
    เจตนาของผมนั้นแค่จะสื่อว่า การศรัทธาในตัวองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นสามารถได้ไปอยู่ถึงชั้นพรหมได้เทียว พระโพธิสัตว์ ก็คือ ต่อไปจะได้เป็นพระพุทธเจ้า นั้นคือเจตนาของผม
    ธรรมะของผมนั้น ถ้าท่านสงสัยหรือเคลือบแคลงใจ สามารถสนทนาพาทีกับผมได้ผมศึกษามาในแนวของ หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธัมมปาโล ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินหรือไม่
    ผู้ประกาศคำสอนของพระตถาคต โดยการบันลือสีหนาท
     
  20. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ย้ำนะครับผมไม่ได้มีเจตนาคิดขัดขวางท่านเลย ผมแค่อยากสนทนากับท่าน แลกเปลี่ยนความรู้ตามภูมิธรรมที่มี ผมก็ศึกษาเอง ไม่ได้มีใครสอน เช่นกัน เรื่องที่ท่านทำมันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
    เป็นกุศล อย่าหาว่าผมจาบจ้วงหรือปรามาส ท่านหรือ อาจารย์ทิพากร เลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...