เจ้าแม่กวนอิมอีกที

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย OMG_WTF, 14 สิงหาคม 2012.

  1. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    เจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งเป็นการผสมผสานกลมกลืนทางความเชื่อที่ปราศจากข้อขัดแย้ง เนื่องจากในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรนั้นสามารถแบ่งภาคเพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้มากมายทั้งปางบุรุษและสตรี และเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์มหายานที่เมื่อเข้าไปสู่ดินแดนอื่นทั้งทิเบต จีน หรือญี่ปุ่น ย่อมผสมผสานกลมกลืนได้กับเทพท้องถิ่นนั้น ๆ
    พระโพธิสัตว์กวนอิมในตำนานฝ่ายจีน

    พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด
    ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้
    พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก
    ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก
    ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    เอาล่ะ เชื่อตามนี้ใหม
    ถ้าไม่เชื่อบอกว่า เดี่ยวแก้ให้ okใหม ผู้ภูมิสูงทั้งหลาย
     
  3. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    พระอวโลกิเตศวร (เทวนาครี अवलोकितेश्वर , โรมัน Avalokiteśvara , จีน 觀世音) พระโพธิสัตว์องค์สำคัญของพระพุทธศาสนามหายาน ที่มีผู้เคารพศรัทธามากที่สุด และเป็นเสมือนปุคคลาธิษฐานแห่งมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เรื่องราวของพระอวโลกิเตศวรปรากฏอยู่ทั่วไปในคัมภีร์สันสกฤตของมหายาน อาทิ ปฺรชฺญาปารมิตาสูตฺร, สทฺธรฺมปุณฑรีกสูตฺร และการณฺฑวยูหสูตฺร
    ความหมายของพระนาม
    คำว่า อวโลกิเตศวร ได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายนัยด้วยกัน แต่โดยรูปศัพท์แล้ว คำว่าอวโลกิเตศวรมาจากคำสันสกฤตสองคำคือ อวโลกิต กับ อิศวร แปลได้ว่าผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือพระผู้ทัศนาดูโลก ซึ่งหมายถึงเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์นั่นเอง, ซิมเมอร์ นักวิชาการชาวเยอรมันอธิบายว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้ทรงเป็นสมันตมุข คือ ปรากฏพระพักตร์อยู่ทุกทิศอาจแลเห็นทั้งหมด ทรงเป็นผู้ที่สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ คืออาจจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อใดก็ได้ แต่ทรงยับยั้งไว้เนื่องจากความกรุณาสงสารต่อสรรพสัตว์ นอกจากนี้นักปราชญ์พุทธศาสนาบางท่านยังได้เสนอความเห็นว่า คำว่า อิศวร นั้น เป็นเสมือนตำแหน่งที่ติดมากับพระนามอวโลกิตะ จึงถือได้ว่าทรงเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์เดียวที่มีตำแหน่งระบุไว้ท้ายพระนาม ในขณะที่พระโพธิสัตว์พระองค์อื่นหามีไม่ อันแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญยิ่งของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้
    พุทธศาสนิกชนชาวจีนจะรู้จักพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ในพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม ซึ่งก็มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่าอวโลกิเตศวรในภาษาสันสกฤต คือผู้เพ่งสดับเสียงแห่งโลก แต่โดยทั่วไปแล้วมักให้อรรถาธิบายเป็นใจความว่าหมายถึง พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก (ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์) คำว่ากวนซีอิมนี้พระกุมารชีวะชาวเอเชียกลางผู้ไปเผยแผ่พระศาสนาในจีนเป็นผู้แปลขึ้น ต่อมาตัดออกเหลือเพียงกวนอิมเท่านั้น เนื่องจากคำว่าซีไปพ้องกับพระนามของ จักรพรรดิถังไท่จง หรือ หลีซีหมิง นั่นเอง
    พระอวโลกิเตศวรในฐานะเป็นพระธยานิโพธิสัตว์
    พุทธศาสนามหายานได้จำแนกพระโพธิสัตว์ออกเป็น ๒ ประเภท อันได้แก่ พระมนุษิโพธิสัตว์ และ พระธยานิโพธิสัตว์
    • พระมนุษิโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ในสภาวะมนุษย์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ ที่กำลังบำเพ็ญสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ่เพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐ ถ้าตามมติของฝ่ายเถรวาทก็คือผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารเพื่อบำเพ็ญ ทศบารมี ๑๐ ประการให้บริบูรณ์ เหมือนเมื่อครั้งสมเด็จพระผู้มีพระภาคได้ทรงกระทำมาในอดีต โดยที่ทรงเสวยพระชาติเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์จนได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระศากยมุนีพุทธเจ้า การบำเพ็ญบารมีดังกล่าวนี้เป็นความยากลำบากแสนสาหัส สำเร็จได้ด้วยโพธิจิต อีกทั้งวิริยะและความกรุณาอันหาที่เปรียบมิได้ ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานนับด้วยกัปอสงไขย สิ้นภพสิ้นชาติสุดจะประมาณได้
    • พระธยานิโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มิใช่พระโพธิสัตว์ผู้กำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อแสวงหาดวงปัญญาอันจะนำไปสู่ความรู้แจ้งเหมือนประเภทแรก แต่เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีบริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว และสำเร็จเป็นพระธยานิโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ในสมาธิโดยยับยั้งไว้ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด พระธยานิโพธิสัตว์นี้เป็นทิพยบุคคลที่มีลักษณะดังหนึ่งเทพยดา มีคุณชาติทางจิตเข้าสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดและทรงไว้ซึ่งพระโพธิญาณอย่างมั่นคง จึงมีสภาวะที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์ทั่วไป พระธยานิโพธิสัตว์มักจะมีภูมิหลังที่ยาวนาน เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มาเนิ่นนานนับแต่สมัยพระอดีตพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สุดจะคณานับเป็นกาลเวลาได้ พระธยานิโพธิสัตว์ที่พุทธศาสนิกชนมหายานรู้จักดี อาทิ พระมัญชุศรี พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต์ พระสมันตภัทร พระกษิติครรภ์ เป็นต้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    ประวัติความเป็นมาในคัมภีร์ฝ่ายมหายาน
    พระไตรปิฎกของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีปรากฏเรื่องราวหรือแม้แต่พระนามของพระอวโลกิเตศวรอยู่เลย ทว่าในส่วนของนิกายมหายานแล้ว พระอวโลกิเตศวรมีบทบาทปรากฏอยู่มากในพระสูตรสำคัญ ๆ และยังมีเรื่องราวปรากฏในพระสูตรมหายานว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกยังได้เคยตรัสสนทนาธรรมกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้อยู่บ่อยครั้งทีเดียว ในพุทธศาสนามหายานยกย่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่าเป็นพระผู้ได้รับธรรมจักรมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และเป็นผู้นำในการรักษาพระพุทธศาสนาและหมุนธรรมจักรต่อไป
    การอุบัติของพระอวโลกิเตศวรนี้สันนิษฐานว่ามีขึ้นภายหลังการเกิดนิกายมหายานขึ้นแล้วในราวพุทธศตวรรษที่ ๖-๗ ภายหลังพุทธปรินิพพาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากวรรณคดีสันสกฤตยุคต้น ๆ ของมหายานอย่าง ชาดกมาลา ทิวยาวทาน หรือลลิตวิสตระ ก็ยังไม่ปรากฏนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แต่อย่างใด แต่มีปรากฏขึ้นครั้งแรกพร้อม ๆ กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ในพระสูตรปรัชญาปารมิตาซึ่งถือว่าเป็นพระสูตรมหายานรุ่นเก่าที่สุด และในพระสูตรรุ่นต่อ ๆ มาก็ได้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ปรากฏขึ้นมากมาย
    พระสูตรมหายานกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรประทับอยู่ ณ สุขาวดีพุทธเกษตร คอยช่วยพระอมิตาภะโปรดสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ และเนื่องจากทรงเป็นพระธยานิโพธิสัตว์จึงมีความเป็นมาอันยาวนานสุดจะคาดคำนวณได้ นับแต่สมัยของ พระวิปัสสีพุทธเจ้า เป็นต้นมาก็ทรงได้โปรดสัตว์มาเป็นลำดับจนถึงบัดนี้ อันเป็นกาลสมัยของพระสมณโคดมศากยมุนีพุทธเจ้า ก็เป็นระยะเวลาเนิ่นนานสุดจะพรรณนา ใน กรุณาปุณฑริกสูตร อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรเป็นพระธรรมกายโพธิสัตว์ สูงกว่าพระโพธิสัตว์สามัญอื่น ๆ และเป็นเอกชาติปฏิพัทธะเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์อารยเมตตรัย กล่าวคือเป็นผู้ที่ยังข้องอยู่กับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ กล่าวกันว่าพระอวโลกิเตศวรจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังการดับขันธปรินิพพานของพระอมิตาภะ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ณ แดนสุขาวดี
    นอกจากนี้ในพระสูตรมหายานอื่น ๆ ก็ยังมีปรากฏว่าอธิบายแตกต่างออกไปอีก กล่าวคือ บางพระสูตรกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้นแท้จริงแล้วคืออวตารภาคหนึ่งของพระอดีตพุทธเจ้า ที่ได้ทรงบรรลุพุทธภูมิเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะแล้วในอดีตกาลอันยาวไกล ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าของเรา แต่ด้วยพระมหากรุณาที่เล็งเห็นสรรพสัตว์ยังตกอยู่ในโมหะอวิชชา ทำให้ต้องทนทุกข์อยู่ในวังวนแห่งสังสารวัฏยากจะหลุดพ้นไปได้ จึงทรงแบ่งภาคมาเป็นพระอวโลกิเตศวรเพื่อโปรดปวงสัตว์ให้เห็นธรรมพ้นทุกข์ด้วยพระเมตตากรุณา ในบางแห่งก็กล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรเป็นพุทธโอรสของพระอมิตาภะที่ทรงบันดาลด้วยพุทธาภินิหาริย์ให้อุบัติขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่งแก่โลก แต่ทางฝ่ายทิเบตเชื่อว่าพระอวโลกิเตศวรอุบัติขึ้นมาพร้อม ๆ กับพระนางตาราด้วยอานุภาพของพระอมิตาภพุทธ จากแสงสว่าง (บางแห่งว่าเป็นน้ำพระเนตรจากความกรุณาสงสารสรรพสัตว์) ที่เปล่งออกมาจากพระเนตรเบื้องขวาของพระอมิตาภะได้บังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรประทับบนดอกบัวที่ปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กับมนตร์ โอม มณี ปัทเม หูม ส่วนแสงจากพระเนตรเบื้องซ้ายก่อให้เกิดพระนางตาราโพธิสัตว์ อย่างไรก็ตาม ในพระสูตรอื่นบางแห่งก็มีกล่าวว่าแท้จริงแล้วพระอวโลกิเตศวรก็คือภาคหนึ่งขององค์พระอมิตาภะนั่นเอง
    ลักษณะทางประติมานวิทยา
    ภาพเขียนหรือรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรเริ่มแรกนิยมสร้างเป็นรูปบุรุษหนุ่ม ทรงเครื่องอลังการวิภูษิตาภรณ์อย่างเจ้าชายอินเดียโบราณ และมีอยู่หลายปางด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญคือศิราภรณ์บนพระเศียรพระอวโลกิเตศวรจะต้องมีรูปของพระอมิตาภะในปางสมาธิ หากเป็นปางที่มีหลายเศียร เศียรบนสุดจะเป็นเศียรพระอมิตาภะ นับเป็นข้อสังเกตในด้านปฏิมากรรมของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ ส่วนดอกบัวอันเป็นสัญญลักษณ์ของพระอวโลกิเตศวร คือ บัวสีชมพู ขณะที่สีขาวคือบัวของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์เท่านั้น และด้วยดอกบัวสีชมพูในตระกูลปัทมะนี้เอง ทำให้พระองค์ได้รับการขนานพระนามว่าปัทมปาณีโพธิสัตว์
    เมื่อพระพุทธศาสนามหายานได้เข้าสู่ประเทศจีนในช่วงแรกคือสมัยก่อนราชวงศ์ถัง ในยุคนั้นรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรยังสร้างเป็นรูปบุรุษตามแบบพุทธศิลป์ของอินเดีย หากในกาลต่อมาช่างชาวจีนได้คิดสร้างเป็นรูปสตรีเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร สะท้อนถึงความรู้สึกและความเชื่อของประชาชนพื้นถิ่นที่ห่างไกลแม่แบบซึ่งมาจากอินเดีย จนอาจจะเรียกได้ว่ากวนอิมในรูปลักษณ์ของสตรีเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในจีน และแพร่หลายมากกว่าปางอื่น ๆ กระทั่งแผ่ขยายเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย ทั้งนี้เพราะรูปลักษณ์ของฝ่ายหญิงแทนค่าในเรื่องความเมตตากรุณาได้ดี ในขณะที่รูปลักษณ์อย่างบุรุษเพศจะสะท้อนเรื่องคุณธรรมมากกว่าความเมตตา เมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าไปยังเกาหลี ญี่ปุ่นและเวียดนาม พุทธศาสนิกชนในประเทศนั้นก็พลอยสร้างรูปพระอวโลกิเตศวรเป็นสตรีตามแบบอย่างประเทศจีนไปด้วย
    เรื่องราวในสทฺธรฺมปุณฺฑรีกสูตร
    สัทธรรมปุณฑรีกสูตรเป็นที่นับถือโดยทั่วไปทั้งในทิเบต จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะนิกายเทียนไท้ทั้งในจีนและญี่ปุ่น รวมถึงนิกายนิชิเรนในญี่ปุ่นอีกด้วย ในญี่ปุ่นเจ้าชายโชโตกุได้ทรงแต่งอรรถกถาอธิบายความพระสูตรนี้ แม้ว่าเนื้อหาหลักของคัมภีร์นี้จะเป็นการอรรถาธิบายถึงหลักการของมหายานคือสัจจะเอกยาน และสอนมีศรัทธาในพระสัทธรรมอันเป็นหนึ่งเดียว แต่ในตอนหนึ่งได้มีการกล่าวสรรเสริญอานุภาพแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไว้ในบทหนึ่งชื่อว่า “สมันตมุขปริวรรต” ว่าด้วยการสำแดงร่างเพื่อโปรดสัตว์ของพระอวโลกิเตศวร เนื้อความในบทนี้เริ่มต้นด้วยการสนทนาระหว่างพระอักษยมติกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่องราวในอดีตกาลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ข้อความหลายตอนที่มีความสำคัญ อาทิ
    เนื่อด้วยเรื่องราวของพระสูตรเป็นลิขสิทธิ์ของวัดโพธิ์แมนคุณาราม ฉะนั้นหากท่านต้องการศึกษาเพิ่มเติมกรุณา เข้าไปอ่านในนี้เวปพุทธยาน (เวปของคณะศิษย์คณะสงฆ์จีนนิกาย วัด
     
  5. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    เอาล่ะ ที่จีนเขียนดีใหม

    ถ้าเขียนไม่ดีบอกด้วย เอ้า ชาวเว็ป palungjit ช่วยมาแก้หน่อยหน่อยเร็ว
    แก้ตรงใหนดีมะๆ มาช่วยกัน
    สามัคคีเข้าไว้
     
  6. มหาอธิษฐาน

    มหาอธิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +418

    พระมนุษิโพธิสัตว์ ประเภทแรกนี้เป็นโพธิสัตว์ในความจริง ซึ่งโพธิสัตว์ทุกพระองค์ก็เป็นเช่นนี้ล่ะ

    พระธยานิโพธิสัตว์ ประเภทสองนี่เป็นโพธิสัตว์ในตำนาน หรือความเชื่อเท่านั้นหรือที่คนบางส่วนเข้าใจว่าเป็น พระอรหันต์ที่ยังเวียนเกิดตายไม่ดับภพชาติอยู่นั่นล่ะ และยังยกขึ้นให้ประเสริฐกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ (ซึ่งไม่มีจริง)

    ซึ่งพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์รวมทั้งเจ้าแม่กวนอิมก็เป็นแบบประเภทแรกนั่นล่ะ เพียงแต่ทางมหาญาณเขาเขียนตำราต่อเติมให้พิศดารมากขึ้นเพียงเท่านั้น นี่ยังไม่เล่าถึงเรื่อง พุทธเกษตร และ แดนสุขาวดี นะแล้วจะเพลินพิศดารกว่านี้อีก

    พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าในยุคต่อไปคนจะเงี่ยหูฟังตำราและพระสูตรที่วิจิตรไพเราะแต่ต่อเติมขึ้นที่หลังซึ่งพระองค์มิได้กล่าวไว้ พระสูตรและพระธรรมเหล่านั้นถึงแม้จะไพเราะเพียงไรแต่หากมิไช่คำพูดหรือพระวจนะจากพระองค์ ก็ไม่น่าฟังทั้งสิ้น

    พึงพิจารณาให้ดีระหว่าง ความเชื่อ และ สัจจะความจริง ให้ดีมีโอกาสวิปัสนาให้แจ้งแม้ไตรลัษณ์อย่างหยาบก็นับว่าคุ้มต่อชีวิต พึงเห็นโอกาสที่ได้พบพระพุทธเจ้าแล้วในความจริงปัจจุบันนี้
    ธรรมมะอยู่ต่อหน้าต่อตา แท้ แท้.........

    (ปล. ติดตามกระทู้เดิมของเจ้าของกระทู้คุณ OMG_WTF ได้ที่ห้อง blackHole ตอนนี้ถูกย้ายไปแล้ว)

    ขอบคุณที่ได้อ่านเรื่องสนุก
    เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 สิงหาคม 2012
  7. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ===>แล้ว
     
  8. phai_unghaiyi

    phai_unghaiyi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +75
    สงบจิตสงบใจเถอด ชาวไทย
     
  9. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    ก็แล้วที่อย่างนี้ ไม่มีใครเถียง สรุปคือเชื่อตำรา
     
  10. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    คำว่ายูไล แปลว่า พระพุทธเจ้า
    ไม่ได้เสียงเพี้ยนมาจากอะไร
    อย่างตถาคต พระพุทธเจ้า ก็คือคำว่าพระพุทธเจ้า

    ไม่ได้แปลว่าพระสมณโคดม แต่ถ้าไม่ได้เอ่ยนาม
    พระยูไล องค์ปัจจุบัน ก็คือพระสมณโคดม
     
  11. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    การจะกระทำสิ่งใดควรศึกษาให้ลึกซึ้งก่อน

    พระยูไล หรือในสำเนียงจีนกลางเรียกว่า หรูไหลฝอ (如来佛) มีความหมายเดียวกันกับ หรูไหลฝอจู่ (如 来佛祖) พระนามคำนี้เป็นที่กังขาของหลายคนที่สับสนในความหมาย ว่าหมายถึงพระพุทธรูปหรือพระ โพธิสัตว์องค์ใด ซึ่งความหมายที่แท้จริงของพระนามคำนี้ ไม่ได้หมายถึงพระนามที่เป็น “ชื่อเฉพาะ” ของ พระองค์ใดเลย หากแต่เป็นเพียงคำเรียกแทนพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับคำว่า “ตถาคต” หรือ “พระนามพระพุทธเจ้า” มีความหมายว่า “พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น” ซึ่งเป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกตัวพระองค์เอง

    ดังนั้น “ยูไล (如来)” ก็คือ “พุทธ (佛)” และ “ยูไล” ก็คือคำคำเดียวกันกับ “พระพุทธเจ้า” ซึ่งชาวจีนนิยม เรียกว่า ซื่อเจียโหมวหนี (释迦牟尼) โดยในสำเนียงแต้จิ๋วจะออกเสียงเรียกว่า เส็กเกี่ยมอนี หรือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า นั้นเอง

    ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนิกายที่มีการเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวางในประเทศจีนนั้น มีความเชื่อกันอีกว่า “พระนาม” แห่งพระพุทธองค์ที่ทรงใช้เรียกแทนตัวพระองค์เองนั้นมีจำนวนถึง 10 พระนาม ดังที่มีปรากฏใน “คัมภีร์พุทธะวจนะสิบพระนาม(佛说十号经)” ดังนี้

    หรูไหล (如来)

    อิงกง (应供)

    เจิ้งเติ่งเจวี๋ย (正等觉)

    หมิงสิงจู๋ (明行足)

    ซ่านซื่อ (善逝)

    ซื่อเจียนเจี่ย (世间解)

    อู๋ซ่างซื่อ (无上士)

    เตี้ยวอวี้จ้างฟู (调御丈夫)

    เทียนเหรินซือ (天人师)

    ซื่อจุน (世尊)

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า คำว่า “หรูไหล”(ยูไล) เป็นพระนามแรกของพระพุทธเจ้า(พระศากยมุนีพุทธเจ้า) จึงทำให้คำว่า หรูไหล (ยูไล) เป็นคำที่คุ้นหูและได้ปรากฏในพระคัมภีร์อื่น ๆ ทางพระพุทธศาสนามากที่สุดเช่นกัน

    พุทธลักษณะขององค์พระยูไล มักอยู่ในปางประทับนั่งบนปัทมาสน์(บัลลังค์ดอกบัว) พระพักตร์อวบอิ่ม เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ด้านหลังของพระองค์มักสร้างเป็นรูปประกายรัศมีหรือประภามณฑล(คล้ายเปลวไฟ)

    บางครั้งจะวาดให้มีประกายรัศมีดุจดั่งดวงอาทิตย์บนพระอุระจะมีสัญลักษณ์ “สวัสติกะ” หรือ “ว่าน” อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งความสุขสวัสดีและเครื่องหมายประจำพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ดังนั้น การประดิษฐานองค์พระยูไลก็จะมีความหมายเช่นเดียวกับการประดิษฐานพระพุทธรูปในฝ่ายหินยาน เพราะสำหรับคติความเชื่อแบบจีนนั้น พระพุทธเจ้าก็คือพระองค์เดียวกันกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า และในการวางตำแหน่งของพระยูไล จะนิยมวางไว้ตรงกึ่งกลาง บางครั้งจะมีการตั้งพระยูไลเพื่อสักการะบูชา โดยด้านข้างอาจจะวางพระโพธิสัตว์องค์สำคัญไว้ก็มีให้เห็นเช่นกัน

    อ้างอิง
    如来佛
    หากไม่เชื่อแหล่งอ้างอิงสามารถไปสอบถามพระภิกษุในวัดจีนหรือวัดยวญในประเทศไทยหรือต่างประเทศได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  12. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
  13. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    ถึงผู้ไม่ยอมรับความจริง
    ก็บอกแล้วว่าให้ไปถามพระที่วัด

    จะก่อกวนไปเพื่ออะไร
    มันส์ เหรอ?

    เกลียดก็เกลียดไป ที่ทำไปก็ไม่ได้ทำให้สิ่งที่เกลียดมันหายไปหรอกครับ

    จบประเด็นหนึ่ง ก็ออกไปอีกประเด็นหนึ่ง
    ไม่รู้จักจบจักสิ้น
    ประเด็นที่คั่งค้างไว้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากท่านต่างๆที่ถามไว้เลย
    สนุกหรือ?
    สะใจมากเลยหรือ?
     
  14. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    ตอนแรก เอาตำรามาลง ก็อนุโมทนากัน
    แล้วพอเปรียบเทียบ ก็มาด่า

    ไม่ไปถามคนด่ามั่งล่ะ ว่า สนุกเหรอ

    จำได้ ผมไมได้เริ่มก่อนแล้วกัน
     
  15. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    ถ้าว่างจริงๆก็หยุดเถอะ
    เอาเวลาไปศึกษาธรรมของพระพุทธองค์ผู้ประเสริฐดีกว่า เห็นด้วยไหมครับ

    คุณอ้างว่าได้เกิดในสมัยเดียวกับพระพุทธองค์แล้วในกระทู้ความแตกต่างของโพธิญาณทั่วไป กับเจ้าแม่กวนอิมที่โดนย้ายไป
    ก็อย่าทำแบบนี้ต่อเลยครับ
    มันจะทำให้คุณต้องมาเกิดอีกหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้เกิดอีกเลย
    อย่าทำตัวน่าสังเวยเลย

    ด้วยความหวังดีนะครับ
    หากไม่เข้าใจผมก็จนด้วยปัญญาของผมล่ะ
     
  16. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    ใครน่าสังเวย ดูพวกคุณหลายคนบอกว่าเป็นคนดีกัน แต่ทุกคำก็เห็นเสียดสีทุกคำ

    หรือไม่จริงล่ะ
     
  17. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    ขออภัยพิมพ์ผิดครับ

    อย่าทำตัวน่าสังเวชเลย

    น่าสังเวช แปลว่า น่าเศร้าสลดหดหู่

    =======================

    สังเวชเป็นคำเสียดสีหรือ?

    การกระทำใดๆถ้ารู้ตัวมันก็ไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก
    ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี
    เห็นได้จากวาจาในกระทู้ดังกล่าว
    อ่านแล้วน่าอนาถ น่าสังเวชยิ่ง

    ไม่สมควรกระทำเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  18. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    เค้าคนนี้ น่าสงสารจังนะครับ คุณP184

    กลับตัวกลับใจได้นะ ไม่มีใครว่าหรอกครับ
    โอ๋...ๆ ไม่เป็นไรๆ เพื่อนๆในนี้ทุกคนให้อภัยแล้ว
    55555
     
  19. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    คูณน่ะ น่าสงสารเหมือนกันนะ

    เอ้าๆๆ เดี่ยวผมแผ่เมตตาให้นะ
     
  20. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809

    อย่าลืมแผ่เมตตาให้ตัวเองด้วยล่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...