ก สิ ณ แ ม่ ธ า ตุ - กสิณดิน

ญ ท่านหนึ่งไม่พ้นนรก​

ก็เพราะเรื่องพยากรณ์นี่แหละ ทำให้ชายท่านหนึ่งได้รับคำแนะนำมาให้ดูดวงชาตากับดิฉัน
ดิฉันเห็นแม่ของเขา ต้องผ่าตัด และโอกาสรอดยาก แต่ไม่ได้บอกเขา
ดิฉันให้ลูกชายเขาสวดมนต์ต่ออายุให้แม่เขา เขารับปาก​

สี่วันให้หลัง เขากระหือกระหอบโทรกลับมาหาดิฉัน พูดลิ้นรัว ๆ ว่า
แม่เขาเห็นคนเต็มโรงพยาบาลเลย (น่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร)
เธอบอกลูกชายว่า มึงไปให้ใครดูดวงมา
กู(อะไรสักอย่างที่แฝงแม่เขา) กูไม่ยอม กูจะเอามันไปให้ได้
ดิฉันถามว่าได้สวดมนต์ต่ออายุให้แม่หรือเปล่า เขาไม่ได้ทำ
ดิฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไม่ไม่ทำ ทั้งที่รับปากแล้ว

ที่นี่อย่างไรต่อ
ฟังดูเหมือนไม่แปลกอะไร แต่ทำไม การดูดวงชาตา ด้วยสัตตาภิธรรม
เกี่ยวข้องโดยตรงกับ วิบากกรรมของมนุษย์ได้ขนาดนี้
ดิฉันถามพระหลายรูปว่า เธอจะไปไหน พระก็ส่ายหน้าว่า คงช่วยไม่ได้
ขนาดนี้ เธอจะไปอบายแน่นอน​

ทำให้สะกิดใจดิฉันมาตั้งแต่นั้น
หากตอนนั้น ดิฉันเข้าใจธรรมได้มากกว่าที่เป็นอยู่ คงช่วย ญ คนหนึ่งพันนรกได้
ทำให้ดิฉันต้องตัดสินใจใหม่ ทำอะไรเล่น ๆ ไม่ได้
ต้องทำจริง จึงจะช่วยคนได้จริง​

ไม่ถึงปี ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่พยากรณ์ได้ จากความวิริยะของตน​

 

เกือบปีแล้ว ไม่เห็นกสิณดินเลย
​

เกือบปีได้แล้ว เพราะดิฉันเริ่มต้นฝึกไม่ฝึกบ้าง
กสิณดิน ไม่พัฒนาเลย ทำให้เริ่มท้อแท้ใจในตอนนั้น
ว่าเราไม่เห็นดวงกสิณกับเขาเลยหรือ

ดิฉันกลับมาฝึกกสิณใหม่ ไปไหนก็ตาม ต้องฝึกกสิณเพิ่มให้ได้

มาสุวรรณโคมคำครั้งที่สาม
คราวนี้ มาในฐานะเจ้าหน้าที่

เจ้ามีหน้าที่นะ
เพราะเป็นคนขี้เกรงใจ คนอื่นเขาดูแลเราอย่างดี
ให้เดินทาง ให้ได้กิน ให้ได้นอน ให้ได้ปฏิบัติ
แล้วเราจะมาสบาย อยู่เพื่ออะไร

ดิฉันอาสาเป็นเจ้าหน้าที่ ทำงานเพื่อสุวรรณโคมคำ
ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่การทำงานเช่นนั้น เป็นไปเพื่อสร้างบารมี

คราวนั้นมีคนเดินทางไปด้วยเยอะ
คนที่รับคำพยากรณ์ก็เดินทางไปเรียนกันหมด แถมชวนศรีภรรยาเดินทางด้วย
ดิฉันรู้จักคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

คราวนั้น ดูแลคนมากจริง ๆ เป็นร้อยคนได้ การเดินทาง ดูแลคน และ ปีนเขา
เพื่อไปสักการะสถานที่ ที่ปู้ศรีศรัทธา ท่านบำเพ็ญบารมี หนทางเดินลำบากมาก
ทำให้เหนื่อยจนท้อใจ ดิฉันรำพึงกับตนเองว่า ทำไมต้องมาเหนื่อยเช่นนี้
ไม่อยากทำแล้ว คราวนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่ทำอีก
พอพูดจบ ขาทั้งสองข้างก็เป็นตะคริวขึ้นมาถึงโคนขา ปวดมาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อน
เพื่อน คนไหนก็ไม่รู้ว่าเป็น จิตก็คิดว่า ต้องเป็นเพราะคิดจะเลิกช่วยงานชมรมฯนี่เอง

ดิฉันตั้งจิตใหม่ว่า จะทำต่อ แต่ท่านต้องให้การปวดครั้งนี้ หายตอนนี้เลยนะ จึงจะเชื่อว่า
ต้องทำจริง ๆ เมื่ออธิษฐานเสร็จเพื่อนก็เดินมา และดันขาเข้าหาลำตัวให้ ครั้งเดียว
หายเป็นปลิดทิ้ง ทำให้ดิฉันต้องกลับมาทบทวนว่า นี่คงเป็นกิจของตนเป็นแน่แท้


​

 

สัปปายะที่เหมาะกับตน​

ดิฉันเข้าวัดมเหยงคณ์ที่นั่น พระอาจารย์ฝึกวิปัสสนา
มีสระน้ำใหญ่อยู่กลางวัด ทุกกลางวันและเย็นค่ำ ก็จะนั่งกรรมฐานกันที่นั่น
เข้าวัดหลาย ๆ ครั้ง อารมณ์อยากได้โน่นนี่ก็ลดลงไป

ดิฉันนำผ้าไปปูริมสระ ด้วยใจสาย ๆ ไม่ได้มุ่งหวังอะไรกับการเข้าวัดอีก
เพราะเริ่มคุ้นกับวัดแล้ว เดินไปไหนก็ได้ทั่ว ๆ
วัดมีระเบียบปฏิบัติไม่เคร่งครัดนัก แต่ถึงเวลา แม่ชีจะไม่ยอมให้เกเร
ท่านจะบอก และไล่ให้ออกไปปฏิบัติหากยังนิ่งอยู่

เมื่อนั่งสมาธิเรียบร้อย ข้างหน้าเป็นสระน้ำ
เมื่อสวดมนต์ได้ และแผ่เมตตาเสร็จ ก็หลับตา สูดลมหายใจเข้าออกยาว
เพื่อลดความฟุ้งซ่านของจิต ไม่นาน ดวงปฐวีกสิณ ก็ปรากฏใหญ่โตมโหฬาร
ดิฉันมองดูพร้อมกับความแปลกใจตนเอง ว่าเหตุใดดวงกสิณจึงมาได้
เพราะตลอดเวลาที่ฝึกเป็นปี กลับไม่เห็นนิมิตกสิณเลยสักครั้ง

กลับมาก็ได้ตรวจดูว่า เพราะอะไร
ด้วยเรืองน้ำ มันสัมพันธ์กันอย่างไรกับดวงชาตา
ด้วยเหตุที่ น้ำ คือ ดาวจันทร์ เป็นสัปปายะ นี่เอง

ดิฉันจึงเริ่มค้นหา ว่า สัปปายะ เป็นความสำคัญในการนั่งกรรมฐานอีกด้วย
ความอย่างไร ดิฉันไม่ได้รู้ก่อนที่ไปนั่งกรรมฐาน เพราะดิฉันเป็นพวกเจโตวิมุตตินั่นเอง

 

องค์ประกอบในการเริ่มต้นการฝึกกสิณดิน ปฐวีกสิณ​

๑.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนปฏิบัติ ดื่มน้ำสักแก้วหนึ่ง
๒.เตรียมดวงกสิณ ขาตั้งหรือที่ตั้งที่เหมาะสม ขนาดมาตรฐาน ๑๑ นิ้วที่ทำจากดิน
๓.อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ตั้งนะโม สมาทานพระกรรมฐาน แผ่เมตตา
๔.สัมผัสดวงปฐวีกสิณด้วยจิต

แล้วค่อยดูต่อไปว่าต้องฝึกอย่างไร

..................................................................................
และต้องขออภัยบางท่านที่ส่งดวงปฐวีกสิณให้ท่านช้ากว่าที่เป็น
ขาตั้งกสิณเรายังไม่สามารถส่งให้ได้ในตอนนี้ หากท่านต้องการก็ต้องรอก่อน
..................................................................................

 

องค์ประกอบในการเริ่มต้นการฝึกกสิณดิน ปฐวีกสิณ​

๑.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนปฏิบัติ ดื่มน้ำสักแก้วหนึ่ง
๒.เตรียมดวงกสิณ ขาตั้งหรือที่ตั้งที่เหมาะสม ขนาดมาตรฐาน ๑๑ นิ้วที่ทำจากดิน
๓.อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ตั้งนะโม สมาทานพระกรรมฐาน แผ่เมตตา
๔.สัมผัสดวงปฐวีกสิณด้วยจิต
๕.ระยะห่างจากดวงปฐวีกสิณ คือ เหยียดกำไป เหยียดกำมา

 

องค์ประกอบในการเริ่มต้นการฝึกกสิณดิน ปฐวีกสิณ​

๑.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนปฏิบัติ ดื่มน้ำสักแก้วหนึ่ง
๒.เตรียมดวงกสิณ ขาตั้งหรือที่ตั้งที่เหมาะสม ขนาดมาตรฐาน ๑๑ นิ้วที่ทำจากดิน
๓.อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ตั้งนะโม สมาทานพระกรรมฐาน แผ่เมตตา
๔.สัมผัสดวงปฐวีกสิณด้วยจิต
๕.ระยะห่างจากดวงปฐวีกสิณ คือ เหยียดกำไป เหยียดกำมา<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

ระยะห่างของการนั่ง นี่เป็นส่วนสำคัญ ที่เป็นองค์ประกอบในการมองเห็นดวงปฐวีกสิณชัดเจน

ต่อไปให้ตั้งจิต ตอนนี้ เราจะเริ่มเพ่งดวงปฐวี กสิณ กันแล้วนะ

 

ตั้งจิต​

ทำอะไรก็ต้องตั้งจิต เพื่อให้รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่
จะเพ่งดวงปฐวีกสิณ เพื่อให้ผลเป็นดวงกสิณ เหมือนอย่างที่เรามองเข้าไปในกระจกเงา
เรายืนหน้ากระจก เราย่อมมองเห็นหน้าของเราปรากฏชัด เหมือนในอากาศที่แจ่มใส
เราก็จะเห็นดวงกสิณ ได้ชัดเจน จิตเราแจ่มใส เราก็จะเห็นดวงปฐวีกสิณได้ชัดเจน

ไม่เคร่งจนเกินไป
ไม่ตั้งจิตจะได้ดวงกสิณในทันที เพราะสิ่งนี้จะเป็นความอยาก เมื่อตั้งจิตเช่นนี้ ก็จะทำให้ไม่เห็นเลย ไม่เห็นแล้วก็เครียดอีก ว่าทำไมไม่เห็น ทั้งที่เพื่อนเขาเห็นไปแล้ว เห็นชัดไปแล้ว
พอเครียดว่า ทำไม่ได้ ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย

การตั้งจิตตอนนี้ ให้ตั้งจิตว่าได้ฝึกกรรมฐาน ว่าได้เจริญกสิณอันเป็นแม่บทที่พระพุทธองค์บอกว่า
ง่ายและเป็นพื้นฐานของจิต เมื่อได้ฝึกกสิณดิน จิตจะมีพลัง ความหนักแน่น ก็จะเกิดขึ้น
หลังจากนี้ หากไปฝึกกสิณกองไหน ก็จะไม่ย่อท้อโดยง่าย

 

ท่านั่งกรรมฐาน
การฝึกกรรมฐาน ควรฝึกทุกท่า ที่กระทำ ทั้ง นั่ง เดิน ยืน นอน เดิน หรือแม้แต่วิ่งก็ควรด้วย​

เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งในการปฏิบัติ เมื่อความคุ้นเคยของจิต คุ้นกับเรื่องทีจะฝึก
เมื่อนึกถึงกสิณกองนั้น ก็จะนึกได้ทันที ทำให้จิตตั้งมั่นได้เร็ว

ท่านั่งควรเริ่มที่ท่านสบาย ๆ ตามความสามารถของร่างกายก่อนแล้วค่อยพัฒนาไป

 

อุปสรรคในการเพ่งกสิณเพราะ​

๑.เพ่งกสิณกองที่ยากสำหรับตน จริตไม่ตรงกับกสิณที่เพ่ง ทำให้ได้ผลช้า
๒.เพ่งจนเกินไป เพ่งจะเอาให้ได้ อยากได้กสิณ อยากเห็นมาก จนทำให้เกิดความอยากมาก
ทำให้ได้ดวงกสิณช้า
๓.จิตฟุ้ง คิดเรื่องอื่น ๆ ในขณะปฏิบัติกรรมฐาน บ่อย ๆ
๔.เป็นไข้ ไม่สบายอยู่
๕.เพ่งขอบของกสิณ ทำให้ขอบหมุน วน ภาพกสิณไม่ปรากฏ
๖.สัปปายะไม่เหมาะสมกับตน

อธิบายเพิ่มเติม ข้อที่ควรเข้าใจ ว่าจริต หรือจิตเดิมของมนุษย์บางท่าน
อาจได้เคยเดินทางด้วยกสิณกองใดกองหนึ่งมาก่อน หลายพบ
บางท่านอาจเคยได้กสิณกองนั้น ๆ มาก่อนด้วยซ้ำไป
หากได้เริ่มฝึกกสิณกองเดิม เท่ากับท่านได้ต่อยอดของเดิม ทำให้ได้กสิณเร็วขึ้น
หรือได้ในทันที ที่ฝึกครั้งแรก
ฉะนั้น ท่านควรเช็คจริตของตน และกสิณที่ควรฝึกก่อนจะฝึก เพื่อให้เดินทางได้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น

 

เพ่งกสิณ​

เริ่มต้นเพ่งกสิณ โดยมองไปที่ดวงปฐวีกสิณประมาณ ๑๐-๑๕ วินาที
นำภาพที่ลืมตา ไปวางไว้ที่โล่ง เห็นวงกลมของกสิณสีขาวหรือต่างออกไป
ภาพเลือนหายไป แล้วกลับมามองใหม่ ทำเช่นนี้ สองสามครั้ง
ก่อนทีจะหลับตา
การเกิดภาพของกสิณในทันทีหรือไม่ นั้นขึ้นกับภูมิเดิมที่เคยฝึกมาด้วยเช่นกัน
หากท่านที่เคยฝึกมาในอดีตชาตก็อาจทำให้เห็นกสิณทั้งลืมตาและหลับตาได้

ทำเช่นนี้ ร้อยครั้งพันครั้ง หมื่นครั้งแสนครั้ง อสงไขยกัปป์กัล
ดวงปฐวีกสิณจะเข้าไปอยู่ในจิตของท่าน ณ ที่นั้น ท่านได้มีของเก่าคือกสิณดินแล้ว

ทำให้เกิดความตั้งมั่นของจิต เพื่อฝึกกสิณดินต่อไป
ทั้ง นั่ง เดิน ยืน นอน เดิน ทุกเวลาที่ท่านว่างเว้นจากการทำงาน
ให้จิตคิดถึงดวงกสิณไว้ตลอดเวลา​

<!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->__________________

 

กสิณโทษของปฐวีกสิณ​

นำดินมาเป็นอารมณ์ในการฝึกกรรมฐาน
กสิณดิน ย่อมมีสีอรุณดังภาพที่แสดง
ย่อมไม่เอาดินสีแดง ดินสีเขียว ดินสีเหลือง ดินสีขาวมาปั้นเพื่อฝึกกสิณดิน
ไม่นำกระดาษสีอรุณมาทำเป็นกสิณดิน
ไม่นำขนาดที่เล็กเกินไปมาเพื่อเพ่งกสิณดิน
สีที่เหมาะสมคือ สีอรุณ ขนาดที่เหมาะสมคือ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๑ นิ้ว​

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">

​

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">

​

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">

​

</TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>

​

</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

กสิณโทษในนิมิต​

เมื่อเพ่งกสิณดินแล้วนิมิตที่เกิดขึ้นย่อมเป็นกสิณดิน
ไม่ปรากฏเป็นสีอื่น เช่น สีเหลือง(ของวรรณกสิณ)
บางคนจะไม่เกิดภาพของกสิณ แต่กลายเป็นเทพไป หรือบ้างเป็นเทวดา
บ้างเป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือบ้างก็เห็นเป็นกษัตริย์ไป
จะอะไรก็ตาม ไม่ให้น้อมเข้ามาเป็นอารมณ์
หากน้อมจิตรับเทพเข้ามา อาจโดนสิง กลายเป็นร่างทรงไป

ดิฉันก็บอกแล้วบอกอีกว่า ไม่ให้น้อมเข้ามาเป็นอารมณ์
บางท่านก็มาฝึกกับเรา มาจากสำนักทรงแห่งหนึ่งที่องค์เทพทางฮินดู
ตลอดเวลาไม่เคยเห็นเทพมาปรากฏเลย พอมาฝึกกสิณไหงมาปรากฏองค์เทพได้หนอ
เลยเกิดความยินดี ปรีดาปราโมทย์กันยกใหญ่ ไปเข้านั่น

บางท่านเพ่งกสิณดินเป็นนานสองนาน บ้างก็สามนาน
แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของกสิณ จะเว้าแหว่ง จะเสี้ยวก็ไม่มาให้เห็น

พอไปฝึกกสิณน้ำ กสิณดินก็มาแจ่มใสเลย จะให้ว่าไงล่ะทีนี้
กสิณดิน เป็นกสิณโทษของกสิณน้ำไปแล้ว เพราะตอนนั้นฝึกกสิณน้ำอยู่
อย่างนี้ พอจะเป็นแนวทางได้ไหมคะ

อธิบายแบบนี้

 

ดิฉันก็เคยเห็นกสิณโทษเช่นกัน เพราะเริ่มจากการฝึกกสิณดิน
ก็เดินทางไปฝึกวรรณกสิณ ทั้งที่ไม่มีความรู้อะไรมากนัก(ที่เคยเล่าแรก ๆ )
คิดว่ากสิณคงเหมือน ๆ กัน ก็ไปคว้าเอากสิณสีเหลืองมาเพ่ง
กลับมาฝึกกสิณดินต่อ ในสัปดาห์ทีสอง กสิณสีเหลืองแจ่มจรัสไปเลย
จึงได้รู้ด้วยตัวเองว่า การฝึกกสิณไม่ควรฝึกไปพร้อมกันหลายกอง
จิตยังไม่ได้ตั้งมั่น ก็สับสนไปก่อนแล้ว เลยต้องกลับมาจับกสิณดินต่ออย่างเหนียวแน่น
ไม่ไปวอกแหวกที่ไหนอีก

เพราะครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่า กสิณดินเป็นรากฐาน ความหนักแน่น

และเปนพื้นฐานของกรรมฐานทั้งปวง

 

ท่านบางท่านที่ยังไม่เคยฝึกกสิณเลย ก็รอหน่อย คอร์สต่าง ๆ กำลังจะเริ่มต้น
ท่านอาจเข้าไปดูที่เวป ตรงลายเซนต์
ท่านอาจติดต่อ เพื่อเข้าฝึกกสิณแม่ธาตุ ได้ต่อไป
ตอบช้าไปหน่อยไม่ต่อว่ากันนะคะ

คอร์ส ๑ วันเต็ม กสิณภาคประชาชนทั่วไป
(ยังไม่ได้กำหนดเวลาเปิดอบรมราวอาทิตย์ต้นเดือน พย.)
คอร์ส ๔ วัน กสิณและโหราศาสตร์ ๒๐- ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
คอร์สนี้จัดขึ้นพิเศษ เพื่อให้ศิษย์เก่าได้เข้าไปเรียนทบทวน
หรือท่านใหม่ ได้เรียนอย่างรวบลัด เรียนเร็ว แบบคนหัวไว หรือ ทดลองเรียนเผื่อจะเข้ามาเรียนคอร์สเต็ม
คอร์สระยะยาว เรียนสัปดาห์ละ ๑ วัน
คอร์สนี้สำหรับท่านที่ต้องการปูพื้นทั้งกสิณและโหราศาสตร์

 

กสิณดินที่ได้แสดงมานี้ ก็พอได้เป็นแนวทางให้ท่านได้เริ่มต้นฝึก
โดยไม่ถึงกับอ้างว้างเกินไป ว่าไม่รู้จะค้นหาที่ใด
กสิณดินไม่ค่อยมีใครสนใจฝึก
แต่ก่อนที่ท่านจะเริ่มไปฝึกกสิณไฟ ท่านควรมีกสิณดินเป็นพื้นฐานก่อน

ส่วนต่อไปค่อยว่าเรื่องกสิณน้ำ กสิณไฟ กสิณลมต่อไป

 

กสิณเป็นทางต้นที่จะทำให้ท่านได้ปูพื้นก
เรียกว่าการฝึกจิตก็ต้องมีฐาน มีรากฐาน ความมั่นคงมาจากกสิณดิน
การเริ่มต้นกสิณดินที่พอเหมาะ ทำให้ท่านไม่ลดละ ที่จะฝึกกรรมฐานต่อไป

ท่านที่ได้ดวงปฐวีกสิณแล้ว ขอให้ท่านตั้งใจฝึก เพื่อจะนำกสิณเป็นพื้นฐานพัฒนาตนต่อไป
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=67UcCG9t9js&feature=player_embedded]Pra Song Chai Rattana ..Chiang Rai - 1 - YouTube[/ame]

 

ขอเชิญท่านที่สนใจ ฝึกกสิณกรรมฐาน ดิน น้ำไฟลม​

<O</Oวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา๘.๓๐น.​

เอกสารที่ต้องการ คือสำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
<O</O​

วันนี้ลงทะเบียนเรียนได้แล้ว​

""""""""<O</O​

 

คุณ แสนสวาท เคยลองกำหนดพลังงานในกสิณแต่ละรูปแบบ ไปไว้ที่วัตถุที่เราไม่ได้จับ
หรือเปล่าครับ..

 

ไม่เคยค่ะ
อยากเล่าอะไรก็เล่าได้นะคะ

 

กสิณโทษรึเปล่า

อาจารย์แสนสวาทเชคให้ทีครับว่าถ้างี้ควรเอาสีดำๆมาแปะเพิ่มดีมั้ยครับ เพราะตอนผมเพ่งนี้มาเป็นกรอบเลยครับ สูตรพื้นที่สี่เหลี่ยมเกือบลอยมาหน่ะ (ล้อเล่นนะครับ55)