พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>chaipat, nongnooo, onimaru_u, บอนไซ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับ

    พี่น้องหนู

    สงสัยไม่นอน มาทุกครั้ง พบกันทุกครั้งนะครับ

    สาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ยังต้องเจออีกครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    http://matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03pro20080950&day=2007-09-08&sectionid=0313
    [​IMG]
    วันที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6127​

    ประเพณี"อุ้มพระดำน้ำ" ตำนานมหัศจรรย์"เพชรบูรณ์"

    รู้ก่อนเที่ยว



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>"เพชรบูรณ์" เป็นจังหวัดตั้งอยู่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศ มีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน ถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงชาวเพชรบูรณ์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    จนนำมาด้วยวิถีชีวิตและประเพณีวัฒนธรรมอันล้ำค่า โดยเฉพาะประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ที่มีการปฏิบัติสืบทอดมายาวนาน ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งเดียวในโลกประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ประเพณีที่แปลกและทรงคุณค่า ที่ชาวเพชรบูรณ์ร่วมกันปฏิบัติสืบทอดมายาวนานกว่า 400 ปี

    จากตำนานเล่าต่อกันว่า ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ออกหาปลาในแม่น้ำป่าสัก อยู่มาวันหนึ่งไม่สามารถหาปลาได้แม้แต่ตัวเดียว เมื่อมาถึง "วังมะขามแฟบ" หรือบริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมารในปัจจุบัน เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นเนื่องจากกระแสน้ำในบริเวณวังมะขามแฟบที่กำลังไหลเชี่ยวกราก เริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่

    จากนั้นก็ค่อยๆ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อย จนแลดูคล้ายน้ำเดือด กระทั่งกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ ค่อยๆ ดูดเอาองค์พระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ และมีลักษณะอาการคล้ายดำผุดดำว่ายตลอดเวลา ทำให้ชาวประมงกลุ่มนี้ต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าวขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ

    แต่ในปีถัดมา ตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือนสิบ วันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปดังกล่าวหายไป จนชาวบ้านต้องช่วยกันระดมหา ในที่สุดไปพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวกลางแม่น้ำป่าสัก บริเวณวังมะขามแฟบ สถานที่ชาวประมงพบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรก กำลังอยู่ในอาการดำผุดดำว่าย จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิเป็นครั้งที่สอง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พร้อมร่วมกันถวายนามว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" และกำหนดให้พ่อเมืองเพชรบูรณ์ ต้องอัญเชิญองค์พระไปประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำทุกปี เนื่องในวันสารทไทย หรือวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10

    เพราะต่างมีความเชื่อว่า หลังประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว จะทำให้ไพร่ฟ้าประชาชน ต่างอยู่เย็นเป็นสุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหาร มีความอุดมสมบูรณ์ และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ผลดี แต่หากปีใดมีการละเลย นอกจากจะทำให้เกิดความแห้งแล้งแล้ว ยังมีโรคระบาดเกิดขึ้นอีกด้วย

    "พระพุทธมหาธรรมราชา" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสมัยลพบุรี หล่อด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน มีพุทธลักษณะพระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ พระกรรณยาวย้อย จนจรดพระอังสา ที่พระเศียรทรงชฎาเทริดหรือมีกะบังหน้า ทรงสร้อยพระศอพาหุรัดและประคดเป็นลวดลายงดงาม อีกทั้งแลดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

    ส่วนประวัติการสร้างนั้นไม่ปรากฏเด่นชัด แต่ชาวเพชรบูรณ์มีความเชื่อว่า พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด อำเภอหล่มสักปัจจุบัน ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งนครธม ให้นำไปประดิษฐานเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง หลังจากทรงอภิเษกสมรสกับ พระนางสิงขรมหาเทวี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่หลังจากพ่อขุนผาเมืองร่วมกับพ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง อ.นครไทย ปัจจุบัน พระสหาย กอบกู้อิสรภาพทำให้พระนางสิงขรมหาเทวี แค้นเคืองถึงกับเผาเมืองราดจนย่อยยับ จากนั้นตัดสินใจกระโดดแม่น้ำป่าสักฆ่าตัวตาย ทำให้ไพร่พลเสนาอำมาตย์ ต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ลงแพล่องไปตามแม่น้ำป่าสัก เพื่อหลบหนีไฟ

    ปรากฏว่าแม่น้ำป่าสักมีความคดเคี้ยวและกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ทำให้แพที่อัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาแตก องค์พระจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำหายไป กระทั่งต่อมาชาวประมงได้ไปพบ จนก่อให้เกิดตำนานมหัศจรรย์และ "ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ"

    การอัญเชิญองค์พระพุทธมหาธรรมราชา และประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ต้องเป็นพ่อบ้านพ่อเมือง หรือผู้ที่มีวิญญาณแก่กล้าเท่านั้น ที่กระทำได้ ปัจจุบันคือผู้ว่าราชการจังหวัดนั่นเอง

    นอกจากงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ หนึ่งเดียวในโลกแล้ว ในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย ที่สามารถดึงให้นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวเพชรบูรณ์มาเที่ยวงานอย่างมากมายตลอดช่วงเวลาแห่งการจัดงานในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ

    สิ่งหนึ่งถูกกำหนดพร้อมๆ กับงาน คือ เทศกาลอาหารอร่อย ซึ่งทางเทศบาลได้ทำการคัดสรรร้านค้า อาหาร พื้นเมืองเพชรบูรณ์ อาหารสากล ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานแล้วว่า มีความสะอาด รสชาติอร่อย และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยจัดขึ้นตลอดถนนสายสันคูเมือง

    นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ การประกวดโต๊ะหมู่บูชา การแข่งขันตอบปัญหาท้องถิ่นและแต่งคำประพันธ์ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา การแสดงแสงสีเสียงตำนานมหัศจรรย์แห่งประเพณีอุ้มพระดำน้ำ การแข่งเรือทวนน้ำ ตลอดจนกิจกรรมงานมหรสพมากมาย

    โดยการจัดงานปีนี้ ขบวนแห่ทางบกจะมีในช่วงเย็นวันที่ 10 ต.ค. เวลาตั้งแต่ 18.30 น. ในวันที่ 11 ต.ค. เวลา 09.09 น. จะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาจากท่าน้ำวัดไตรภูมิ จัดขบวนแห่ทางน้ำไปประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำที่ท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร

    ปีนี้กำหนดจัดงาน 5 วัน 5 คืน แต่ละคืนก็จะมีการแสดงมหรสพ การแสดงแสงเสียง "บารมีพุทธมหาธรรมราชา ธ สถิต ณ นคราเพชบุระ" พิธียกนภศูลมณฑปพระพุทธมหาธรรมราชา ณ วัดไตรภูมิ

    มีโอกาสไม่ควรพลาด!!
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01lad03080950&day=2007-09-08&sectionid=0115


    วันที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10773​

    ถูกกำจัดมิให้รับมรดกหรือไม่


    คอลัมน์ ฎีกาชีวิต

    โดย รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช



    ครอบครัวใหญ่ บางครั้งความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องลูกหลานอาจแตกหักลงได้ เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม เกิดปัญหาการทวงสิทธิแบ่งทรัพย์มรดก

    การฟ้องร้องจึงเกิดขึ้น

    นางปี่ทิพย์เศรษฐินีย่านบางกะปิถึงแก่กรรมด้วยวัยชรา สามีของเธอตายไปก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว

    นางมีบุตรรวมทั้งสิ้นแปดคน บุตรชายคนโตเสียชีวิตแล้วมีบุตรชายหญิงรวมสามคน หลังจากเธอเสียชีวิตนายมานะบุตรชายคนรองเป็นผู้จัดการมรดก

    มานะขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 456 ให้กับน้องคนที่ 2 ถึงคนที่ 4 และจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมออกโฉนดที่ดินใหม่ สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 987 และได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินให้แก่น้องคนที่ 2 และที่ 4 และจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมออกโฉนดที่ดินใหม่

    ลูกของบุตรคนโตเจ้ามรดกเป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2536

    โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสามเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบุตรคนโตของปี่ทิพย์กับมนูญ ปี่ทิพย์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2518 ขอให้พิพากษากำจัดจำเลยทั้งเจ็ดไม่ให้รับมรดกของเจ้ามรดกและบังคับให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกและส่วนตัว กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 456 ให้แก่โจทก์ทั้งสาม

    จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ให้การว่าโจทก์ทั้งสามไม่มีสิทธิที่จะได้รับมรดก ปี 2527 จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกได้แบ่งที่ดินมรดกมอบแก่จำเลยทั้งหกเข้าครอบครองตามสัดส่วนเป็นต้นมา จึงถือว่าการจัดการมรดกสิ้นสุดแล้ว

    ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เปิดเผย ไม่ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นหรือยักยอกทรัพย์มรดก ฟ้องโจทก์ทั้งสองขาดอายุความ ทั้งส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการมรดกและการเรียกเอาทรัพย์มรดก โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดและเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี และ 10 ปี และได้ขายสิทธิที่จะได้รับมรดกของปี่ทิพย์ทั้งหมดแล้ว

    โจทก์ทั้งสามีไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดก จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

    คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าประเด็นที่จำเลยทั้งเจ็ดฎีกาว่า คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องเฉพาะผู้จัดการมรดกให้รับผิดเพียงผู้เดียว แต่ได้ฟ้องทายาทอื่นให้โอนคืนมรดกที่รับไปแล้วให้แก่โจทก์เท่ากับว่าเป็นการฟ้องเอาทรัพย์มรดกที่ได้แบ่งปันกันแล้ว อายุความจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 คือต้องฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย มิใช่มาตรา 1733 วรรคสอง ต้องฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกภายในกำหนด 5 ปี

    เห็นว่า คดีจัดการมรดกกับคดีมรดกเป็นคดีคนละประเภทกัน กฎหมายบัญญัติแยกไว้คนละส่วนและให้อยู่ในบังคับแห่งอายุความฟ้องร้องร้องคนละมาตราโดยมีอายุความต่างกัน

    แม้กองมรดกนั้นจะมีการตั้งผู้จัดการมรดกก็ไม่อาจทำให้สิทธิเรียกร้องขอแบ่งมรดกของทายาทกลายเป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไปได้ เมื่อคดีนี้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกถูกฟ้อง อายุความย่อมอยู่ในบังคับ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 มิใช่ผู้จัดการมรดกหากเป็นทายาทหรือผู้สืบสิทธิของทายาทเมื่อถูกโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้แบ่งมรดกให้แก่โจทก์ย่อมเป็นคดีมรดกอายุความ 1 ปี

    ดังนั้นเมื่อคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามอ้างว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ร่วมกันปิดบังทรัพย์มรดกขอให้กำจัดมิให้รับมรดกด้วย ซึ่งหากฟังได้ว่าจำเลยปิดบังทรัพย์มรดกจริงก็ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกเมื่อถูกกำจัดมิให้รับมรดก ย่อมถือว่ามิใช่ทายาทอันจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ แต่ถ้าจำเลยไม่ถูกกำจัดมิให้รับมรดกคดีนี้ย่อมขาดอายุความ

    การที่ศาลล่างทั้งสองไม่ได้วินิจฉัยว่า จำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกหรือไม่เสียก่อน แต่กลับไปวินิจฉัยว่าคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ไม่ขาดอายุความ จึงเป็นการข้ามขั้นตอน

    อย่างไรก็ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล

    พิพากษายืน แต่ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นเรื่องอายุความสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 เสียใหม่

    ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3575/2541
     
  4. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    "พอมีสติ ก็มีสตางค์
    พอมีสตางค์ ก็พลั้งสติ
    พอเผลอสติ ก็หมดสตางค์
    พอหมดสตางค์ ก็เลยต้องมาตั้งสติ(กันใหม่)"

    รูปพระอุโบสถและพระประธานปางห้ามสมุทร
    ของวัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้า

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Image4.jpg
      Image4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      377
    • Image.jpg
      Image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.2 KB
      เปิดดู:
      424
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6127​

    ความสุขที่น่าปรารถนา


    คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
    http://matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud10080950&day=2007-09-08&sectionid=0307


    ความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และพากันแสวงหา ด้วยวิธีการต่างๆ ตามแต่ระดับของสติและปัญญาที่จะอำนวยให้ได้ แต่ถ้าระดับของสติและปัญญาอ่อนลงมากเท่าไร การแสวงหาความสุขนั้นๆ ก็ย่อมจะพาเอาความทุกข์พ่วงเข้ามาด้วยมากเข้าเท่านั้น จะเห็นได้ว่า บางคนไปหลงเสพความทุกข์ แต่เข้าใจว่าเป็นความสุข เช่น การดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ สูบบุหรี่ ตลอดจนเครื่องดื่มบางชนิด เป็นต้น โดยหลงไปว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นสุข หรือยอดของความสุขไป กว่าจะรู้ตัวก็เกิดโรคร้ายแรงเสียแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตก็มาดับสลายลงกับสิ่งที่ไร้สาระอย่างน่าเวทนายิ่งนัก ความสุขโดยพื้นฐานได้แก่ ความพอใจ

    แต่ความพอใจนั้นจะซ่อนพิษภัยและโรคร้ายต่างๆ ไว้ด้วยหรือไม่ ก็จะต้องขึ้นอยู่กับระดับของสติและปัญญาในแต่ละคนด้วย

    ในทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องของความสุขไว้มากมาย และความสุขที่จะได้รับนั้นต้องประกอบด้วยฐานะ 4 ประการ คือ

    1.สุขเกิดแต่การมีทรัพย์ 2.สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค 3.สุขเกิดแต่การไม่เป็นหนี้ 4.สุขเกิดแต่การทำงานที่ปราศจากโทษ

    ประการที่ 1 สุขเกิดแต่การมีทรัพย์ มีความภูมิใจ มีความอุ่นใจ มีความสุขใจ ที่ตนมีโภคทรัพย์ เพราะทรัพย์เป็นเหตุให้ปลื้มใจคือความสมบูรณ์ในปัจจัย 4 คนมีทรัพย์ย่อมได้รับความสุข แต่ต้องรู้จักการใช้สอยทรัพย์สมบัตินั้น กล่าวคือการใช้จ่ายในทรัพย์สินเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์

    ถ้ามีทรัพย์ แต่ไม่รู้ในการที่จะใช้จ่ายทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ก็หาความสุขมิได้ มีแต่ความเดือดร้อน กังวลใจในการรักษาทรัพย์สมบัติที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น

    ประการที่ 2 สุขเกิดแต่การใช้จ่ายทรัพย์บริโภค การมีโภคทรัพย์แล้วไม่จับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ควรใช้สอยก็ไม่มีความสุข การได้ใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ควรจ่ายจึงจัดว่าเป็นความสุขชนิดหนึ่งของคน ผู้ที่ไม่มีปัญญาย่อมจับจ่ายใช้สอยทรัพย์โดยไม่คำนึงถึงความหมดเปลือง กล่าวคือการไม่รู้จักประมาณในการใช้จ่ายทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สมบัติก็มีแต่อันจะต้องสิ้นไปหมดไป ถูกทำลายไปโดยปราศจากประโยชน์

    ส่วนผู้มีปัญญาย่อมใช้จ่ายทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ รู้จักประมาณในการใช้จ่าย รู้จักการบริหารในทรัพย์สมบัติของตนให้เกิดประโยชน์ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่สุรุ่ยสุร่าย ให้เป็นไปแต่พอเหมาะพอควร ให้เกิดความพอดีกับกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ ให้พอเหมาะกับรายได้กับที่ตนได้รับ และให้เหลือพอที่จะอดออม เป็นทุนสะสมสำหรับชีวิตครอบครัว

    ประการที่ 3 สุขเกิดแต่การไม่ต้องเป็นหนี้ หนี้คือสิ่งที่ตกค้างจะต้องชำระเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และทำให้เกิดความทุกข์ คนที่ไม่เคยเป็นหนี้สินใคร หรือใครที่ไม่เคยเป็นหนี้ ย่อมจะไม่ซึ้งถึงทุกข์ภัยของการเป็นหนี้ คนมีหนี้จะเกิดอาการหวาดผวา นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สงบ คนมีหนี้สินมากๆ สังคมจะขาดความเชื่อถือ ไม่เป็นที่ยอมรับ ยิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญาหรือตามที่กฎหมายกำหนดก็จะกลายเป็นคนล้มละลาย เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะยากจนก็ตาม แต่การไม่มีหนี้สินใคร จัดว่าเป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง

    ประการที่ 4 สุขเกิดแต่การทำงานที่ปราศจากโทษ การประกอบการงานที่มีโทษ คือผิดกฎหมายและศีลธรรมนั้น แม้ว่าจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองมากสักปานใด ก็ไม่มีความภูมิใจในทรัพย์สินเหล่านั้น และหาความสุขใจอย่างแท้จริงไม่ได้ จะทำได้ก็เพียง "หน้าชื่นอกตรม" อุปมาเหมือนการเล่นละครเท่านั้น จะอยู่ที่ไหน จะไปที่ไหน ก็มีแต่ความหวาดระแวง หาความสงบใจหรือสุขใจไม่ได้เลย ผู้ที่ทำงานปราศจากโทษย่อมจะมีความสุข เพราะเป็นงานที่สุจริต ไม่ผิดต่อกฎหมาย ไม่ผิดต่อศีลธรรม ไม่เป็นที่เดือดร้อนแก่ใครๆ

    คนที่ทำงานที่ปราศจากโทษนั้น ย่อมได้รับความสุข ความอิ่มใจ ความปลื้มใจ ความภาคภูมิใจ เพราะไม่ต้องหวาดผวา ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานทุจริต ผิดกฎหมาย ประกอบไปด้วยโทษ เขาย่อมหวาดกลัวในขณะที่ทำ และเดือดร้อนในขณะที่ทำเสร็จแล้ว

    ความสุขดังกล่าวมา จะเกิดมีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกัน อย่าเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกันและกัน ให้คำนึงถึงส่วนรวมคือประเทศชาติเป็นสำคัญ เพื่อช่วยกันสร้างประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง

    เพราะเมื่อประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองแล้ว

    เราก็มีความสุข อยู่เย็นเป็นสุขโดยถ้วนหน้า
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    "พอมีสติ ก็มีสตางค์
    พอมีสตางค์ ก็พลั้งสติ

    พอเผลอสติ ก็หมดสตางค์
    พอหมดสตางค์ ก็เลยต้องมาตั้งสติ(กันใหม่)"

    ชอบมากเลยครับพี่คณะเรานี่มีแต่ผู้มีคำคมปรัชญาชั้นยอดกันทุกคน นับไม่หมดเลย อันนี้ประทับใจมาก ขออนุญาติ save เก็บไว้เตือนตัวเองให้จำ
    โมทนาสาธุครับ
    nongnooo...
     
  7. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=45442&NewsType=2&Template=1

    วิธีปฏิบัติเมื่อมือถือตกน้ำ
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีปฏิบัติเมื่อมือถือตกน้ำมาฝากกัน...
    1.หลังจากเอาเครื่องขึ้นจากน้ำแล้ว ห้าม! กด power เปิดเครื่องเด็ดขาด ถ้าเปิดจะเกิดการลัดวงจรขนานใหญ่ ให้ถอดแบตเตอรี่ออกด่วนที่สุด
    2.หาผ้าเช็ดให้แห้ง ทั้งด้านนอกตัวเครื่องและแบตเตอรี่ พร้อมทั้งสำรวจว่า น้ำเข้าส่วนไหนบ้าง
    3. หาถุงพลาสติกใส่เครื่องไว้แล้วรัดยางปิดถุง ไม่ต้องสลัดเครื่อง
    4. ห้าม! ใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งเด็ดขาด เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกกับความร้อน
    5. กลับถึงบ้าน หาถุงผ้าหรือผ้าบาง ๆ ห่อเครื่องไว้ อย่าลืมเปิดฝาหลังที่ครอบแบตเตอรี่ด้วย (ถ้ามี) หลังจากห่อดีแล้ว รัดยางเอาไปฝังไว้ในถังข้าวสาร 24 ชม.
    6.หลังจากนั้น 1-2 วัน ก็เอาออกจากถังข้าวสาร แล้วนำไปใส่แบตเตอรี่
    ลองนำวิธีที่แนะนำปฏิบัติตามกันดูได้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="VERTICAL-ALIGN: top; TEXT-ALIGN: left"><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message-bold>คอลัมน์ย้อนหลัง</TD></TR><TR><TD><TABLE id=ctl00_ContentPlaceHolder1_ctl00_Popup_news_15_oldcolumn1_dlsOColumn style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีปฏิบัติเมื่อมือถือตกน้ำ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ประโยชน์และโทษของน้ำแข็งแห้ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">สะระแหน่...คุณค่าที่มักมองข้าม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีบริหารเมื่อมีอาการปวดไหล่ ปวดเข่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ประโยชน์ของการดื่มคลอโรฟิลล์ พาวเดอร์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">8 วิธีที่ทำให้ผมเสีย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีบำบัดอาการอกหัก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีเก็บมะนาว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">"อียู" คืออะไร"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมเคยคุยกับหลายๆคนในกลุ่มเราแล้ว ในลักษณะของเรื่องนี้

    ผมเปรียบเทียบว่า เราต้องเคารพและเชื่อฟังพ่อองค์ปัจจุบันให้มากที่สุด ส่วนพ่อในอดึต เราก็เคารพได้ไม่มีปัญหา ส่วนพ่อในอนาคตนั้นถ้าเราทราบ เราก็เคารพได้เช่นกัน

    แต่ต้องเคารพและปฎิบัติตามคำสอนของพ่อองค์ปัจจุบันครับ

    .
     
  10. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    [​IMG]สงสัยพรุ่งนี้อดเจอะท่านพี่หนุ่ม แง๋ๆ เพราะมีธุระต้องทำ...ท่านพี่หนุ่ม อุ้ย ไม่ใช่สิ ท่านปรมาจารย์หนุ่ม มีไรดี เด๊ด ก้ออย่าลืมหนูน๊าคะ ฮิฮิ
     
  11. Windwaker

    Windwaker Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +72
    ขอความรู้หน่อยครับ

    ขอสอบถามพี่ Sithiphong หน่อยครับ แล้วถ้าในกรณีที่เราแขวนพระหลายองค์ ต้องมีการเรียงลำดับที่ถูกต้องมั้ยครับ สมมุติว่าแขวนพระสมเด็จ หลวงพ่อโสธร พระปิดตา พระสิวลี เหรียญหลวงพ่อที่เคารพนับถือ เหรียญพระพิฆเนศ เหรียญเสด็จพ่อ ร.5 แล้วจำเป็นต้องแขวนเป็นเลขคี่มั้ยครับ ถ้าผมแขวนเส้นนึง 5 องค์ แล้วอีกเส้น 1 องค์ จะเป็นอะไรมั้ยครับ รบกวนขอความรู้หน่อยครับ
    ขอบคุณครับ :)
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เวลาที่เราห้อยพระ สิ่งที่เรากำหนดว่า ควรห้อยพระจำนวนลขคี่นั้น เป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้น โดยใช้ความเชื่อของคนในยุคนั้นๆเป็นผู้ที่กำหนด หากว่าเราห้อยเลขคู่ละ จะเกิดอะไรขึ้น และห้อยมากกว่า 1 เส้นจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นความเชื่อของคนจีนหรือคนอินเดีย ที่ใช้เลข 8 เป็นเลขมงคล จะห้อยได้ไหม ,ความเชื่อของคนไทย คือเลข 9 ส่วนความเชื่อของชาติอื่นๆนั้น ผมไม่ทราบครับ

    ผมเองถ้าเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ผมจะใส่สร้อยครั้งละ 2 - 3 เส้น เลขนั้นก็เป็นเลขคู่ครับ

    สร้อยพระที่เราห้อยนั้น ถ้าห้อยเป็นเลขคู่ จะมีองค์ประธานหรือไม่ การห้อยพระนั้น ในความเห็นส่วนตัวผม ผมว่าก็ไม่ผิดกติกากันตรงไหน เนื่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่าจะต้องห้อยพระเป็นเลขคี่หรือเลขคู่ครับ

    สร้อยพระที่เราห้อยนั้น เวลาที่เราอาราธนาขึ้นคอ เราควรจะตั้งใจว่า จะอาราธนาองค์ไหนเป็นองค์ประธาน และองค์ประธานนั้น องค์ผู้อธิษฐานจิตต้องสูงกว่าองค์อื่น เรื่องนี้ไว้ผมจะไปค้นคว้าเพิ่มเติมและเรียบเรียงให้ดีกว่านี้

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท่านสมาชิก login เข้ามาอ่านก็ได้ครับ ส่วนท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ก็สมัครสมาชิกเข้ามา รับสิทธิพิเศษมากมาย ได้คุยกันในบอร์ดด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แต่ละองค์ท่านจะรู้ว่าระท่านดี ว่าเหตุการณ์ใด ท่านใดควรออกหน้า โดยมีกรรมเป็นตัวกำหนด บางองค์ทท่านอาจจะมีความสัมพันธ์กับผู้แขวนในฐานะที่เกียวพันกันมาก่อนไม่ทางใดทางหนึ่ง ท่านก็จะออกมาเร็วหน่อย เหมือนกันกับศิษย์สายนี้ ที่มีทั้งหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โต และกลุ่มลูกศิษย์คือหลวงพ่อเงิน หลวงปู่ศุข กรมพระราชวังฯ หลวงพ่อทา หลวงพ่อกบ ส่วนลูกศิษย์อีก 3 กลุ่ม คือกลุ่มหลวงปู่ทวด สำเร็จลุน หลวงพ่อปาน ก็จะมีกันเป็นสายๆ สำหรับสายสุขวิปัสสโกเช่นสายท่านอาจารย์มั่น ท่านก็จะมีอีกแบบ พี่ใหญ่บอกว่า พลังท่านจะสว่างจับดูว่างเปล่าแต่ล้ำลึกสุดคะเนและแปรเปลี่ยนไปได้ทุกรูปแบบนั่นคือพลัีงจิตของอริยเจ้าแบบอรหัตผลทางสุขวิปัสสโกจริง เช่นของหลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่เหรียญ แต่ก็มีบางท่านที่จิตโลดโผนเช่นหลวงปู่ฝั้่นซึ่งได้อภิญญา 8 ก่อนบรรลุหรือ หลวงปู่ตื๊อ ส่วนของทางหลวงปู่ใหญ่จะหนักแน่น ปรู๊ดปร๊าด รวดเร็ว เหมือนกระแสน้ำไหลบ่า ซึ่งหลายท่านที่ตรวจพระได้ก็ได้พบได้รู้โดยตัวเองแล้่ว
     
  15. Windwaker

    Windwaker Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +72
    ขอบคุณพี่ Sithiphong และคุณพันวฤทธิ์ ที่ให้คำแนะนำครับ ผมจะพยายามหาทางศึกษาเพิ่มเติมครับ และขอฝากตัวกับทุกท่านในกระทู้นี้ด้วยครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  16. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    วันนี้คุณสิทธิพงศ์ กับสมาชิกประจำส่วนใหญ่ไปกราบอาจารย์ พบปะเสวนาธรรมกันครับ คงกลับมาเข้ากระทู้ได้ตอนดึกๆ
    หากมีคำถามอะไรก็โพสต์ไว้ได้ครับ
    ถ้าสนใจรวมทำบุญสร้างเจดีย์ อาจเข้าไปดูในกระทู้ร่วมสร้างเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง(คลิกที่ลายเซ็นคุณ sithiphong) ก็จะติดตามอ่านได้ง่ายหน่อย
    ส่วนในกระทู้นี้ก็จะมีเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นศิลปการใช้พระเครื่องที่ท่านอาจารย์ประถมได้กรุณาถ่ายทอดให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา แต่ในกระทู้นี้ก็อาจผสมไปด้วยการพูดคุยระหว่างสมาชิกที่เข้ามาคุยเล่นทักทายกันบ้างแฝงธรรมบ้าง ท่านที่สนใจเข้ามาคุยกันได้ครับ ไม่จำต้องรู้จัก เพียงมีศรัทธาร่วม หนทางนั้นเราก็ไปด้วยกันได้คือทางบุญ ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่พยายามศึกษาอย่างเอนกอนันต์ มีศรัทธาแล้วต้องหาความรู้นะครับจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนจิตใจไม่งาม เมื่อศรัทธาฝังแน่นบนรากฐานของปัญญาแล้ว ขอเชิญท่านทั้งหลายมาร่วมกันสร้างบุญกุศลเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา จักไม่เสียทีว่าได้เกิดมาใต้ร่มพระพุทธศาสนา

    ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ

    โมทนาสาธุ
    (bb-flower [b-wai]
     
  17. narong_TANYA

    narong_TANYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +11
    แจกพระสมเด็จ

    ผมอยากได้พระสมเด็จ ตอนนี้ยังแจกอยู่หรือเปล่าครับ
     
  18. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752
    [​IMG]

    เรียน คุณสิทธิพงศ์ ที่นับถือ

    ผมของจองชุด สมเด็จผงยาวาสนา ด้วย อีกหนึ่งชุด นะครับ

    ขอคุณครับ
     
  19. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    พระพิมพ์มอบให้เป็นมงคลตอบแทนแก่ผู้ร่วมบุญ ดูรายละเอียดตามกระทู้ไปพลาง และร่วมทำบุญได้ครับ คิดว่าดึกๆวันนี้ถ้าไม่เหนื่อยนัก คุณsithiphong คงเข้ามาตอบกระทู้ได้ครับ
     
  20. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ผมได้นำโพสต์เกี่ยวกับการทำบุญและพระพิมพ์มาลงให้ดูข้างบนนี้แล้วครับ
    ลองดูไปก่อนนะครับ
    ขอบคุณครับ
    โมทนาสาธุ(b-smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...