ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    เข้ามาส่งพลังแห่งความสว่างไสวค่ะ

    เมื่อวานนี้ได้ไปร่วมงานมหากฐิน มหาสังฆทาน
    น้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    วันนี้เป็นวันพิเศษค่ะ

    จึงขออวยพรให้ท่านทั้งหลาย
    ตลอดจนถึงดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายทั้งปวง
    ในทุกชั้นทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า
    ตั้งแต่อเวจีมหานรกจนถึงพรหมโลก
    มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย
    จงได้มีส่วนในมหากฐิน มหาสังฆทาน
    ที่ข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วม
    น้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    และรวมถึงในการถวายมหาสังฆทานทุกครั้งทุกคราไป
    ที่ข้าพเจ้าได้มีส่วนน้อมถวายแด่พระพุทธองค์
    เพื่อให้ท่านทั้งหลายมีส่วนในพลังแห่งแสงสว่าง
    ตรงต่อพระสัจธรรม
    ตามองค์คุณพระพุทธะ พระมหาโพธิสัตว์
    โดยทั่วถึงกันด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

    และขอให้กรรมทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นแล้วในสังสารวัฏนี้
    ไม่ว่ากุศลกรรม อกุศลกรรมก็ตาม
    ขอใ้ห้ทั้งหมดทั้งมวลพึงเป็นอโหสิกรรมร่วมกัน
    ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  2. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะครับ พอดีเข้ามาอ่านนิดนึง
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอดีข้อความประจำสัปดาห์ของท่าน Hilarion ในรอบนี้..โดนใจมากกก
    เพราะว่าตัวเองกำลังเผชิญกับสถานการณ์นั้นอยู่หนะนะครับ
    ก็เลยแปลและอยากจะแบ่งปันให้ทุกๆท่านได้อ่านด้วยซักหน่อย

    โดยเฉพาะ ช่วงที่บอกว่า..ตอนนี้มีกระแสพลังงานจากเอกภพ
    กำลังหลั่งไหลเข้ามาสู่โลกมากขึ้นอีกแล้ว..
    ดังนั้น..เหล่า Light worker ทั้งหลาย จึงจะต้องทำหน้าที่
    เป็นภาชนะรองรับแสงสว่างเอาไว้ เพื่อให้แสงสว่างนี้
    รองรับและตรึงพลังงานจากเอกภพนี้เอาไว้ให้ได้อีกทีหนึ่ง

    และเพราะฉะนั้น ร่างกายของเหล่า Light worker ทั้งหลาย
    จึงจะต้องพร้อม และ มีความสามารถที่ว่านั้นด้วย
    และเพื่อที่จะทำให้ร่างกายมีความพร้อมและมีความสามารถที่ว่านั้น
    เหล่า Light worker ทั้งหลาย จะต้อง "เลิก" การเสพติดทุกๆชนิด
    และ "ปลดปล่อย" การถูกครอบงำจาก ego ของตัวเองออกไปให้หมดซะด้วย

    นั่นแหละ ที่ผมบอกว่าถูกใจผมหละครับ เพราะว่า มันเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก
    และก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดรวดร้าวมาก รวมถึง อย่างที่คุณ mead โพสต์ไว้ว่า
    มันจะมีความรู้สึกลังเล อ้างว้าง และเปล่าเปลี่ยนใจ ปนอยู่ด้วย
    มันจะเหมือนกับว่า เรากำลังจะตายจากโลกเดิม พฤติกรรมเดิมๆ ความคุ้นเคยเดิมๆ
    ความยึดติดเดิมๆ และบุคคลอันเป็นที่รักคนเดิม ไปอย่างนั้นแหละ..
    มันจะใจหายวูบวาบ มันเป็นไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูกครับ..แต่มันก็เป็นไปได้ของมันนะ

    แต่เดิมนั้น ผมจะหนักใจกับพฤติกรรมด้านลบบางอย่างของตัวเองมาก
    ว่าผมจะมีทางไหนหนอที่จะสามารถแก้ไขมันได้บ้าง นึกยังไงก็นึกไม่ออก
    เพราะว่ามันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน มันฝังรากลึกเหลือเกินในจิตใจของผม
    แต่มาตอนนี้ พอจะนึกออกแล้วหละครับ และมันก็มีเค้าลางว่าจะเป็นไปได้ด้วยนะ
    มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เมื่อความคิดเราเปลี่ยนไป
    เมื่อระดับความสั่นสะเทือนของเราเปลี่ยนไป พฤติกรรม อารมณ์ ความรู้สึก
    และการกระทำของเรา ก็จะเปลี่ยนไปด้วย
    แล้วโลกแห่งความเป็นจริงของเรา ก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

    key word มันอยู่ที่ "ความคิด" และ "ระดับความสั่นสะเทือน" ของเราเองครับ
    ซึ่งก็อย่างที่คุณ mead บอกเอาไว้แล้วอีกนั่นแหละครับว่า
    ถ้าไม่รู้จะทำยังไง ก็ขอให้เหล่าเทพผู้นำทางของเรา
    หรือครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ของเราช่วย ..แล้วไม่แน่นะครับว่า..
    "ท่านก็อาจจะโดนจัดหนัก" เหมือนกับผมด้วยก็ได้
    แล้วเมื่อนั้นหละ ท่านอาจจะเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้
    สำหรับการเปลี่ยนแปลงของตัวท่านเองบ้าง อย่างที่ผมกำลังเป็นอยู่นี้ก็ได้นะครับ

    มันเป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็เป็นอะไรที่ปวดร้าวไปทั้งกายทั้งใจด้วยนะครับ
    ผมใช้คำว่าปวดร้าวไปทั้งกายและใจนี่ ไม่ใช่ผมแค่เล่นคำให้สละสลวยหรอกนะครับ
    แต่ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เพราะว่าใจหนะปวดอยู่แล้วหละ
    แต่กายมันก็อ่อนเพลียเป็นระยะๆด้วย ซึ่งปกติเวลามีพลังงานเปลี่ยนแปลงไป
    ก็มีอาการนี้เกิดขึ้นเป็นระยะๆอยู่แล้ว แต่มาช่วงนี้ ก็ยิ่งเป็นบ่อยขึ้นไปอีก

    บางทีร่างกายมันก็รับรู้อยู่กับตัวมันเองเท่านั้นนะ..คือ มันอ่อนเพลีย
    มันสั่นระริก มันจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเองตุบตับตูมตามอยู่บ่อยๆ
    มันจะจดจ่ออยู่แต่กับตัวมันเอง โดยอัตโนมัต มันจะวิเคราะห์วิจารณ์
    และคอยรับรู้อารมณ์ความรู้สึกที่มากระทบอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ตลอดเวลาก็ตาม
    บางวัน ก็ไม่รู้สึกหิวข้าวเลย จนตกเย็นถึงทานอะไรได้เล็กน้อย

    และอย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า เวลานั่งสมาธิเนี่ย มันจะสงบลงกว่าเดิมมาก
    และมองเห็นแสงสว่างของตัวเอง ซึ่งเชื่อมต่อกับโครงข่ายคริสตัลไลน์ของโลกอยู่
    และเชื่อมต่ออยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รอบๆตัวเราอยู่ มากกว่าเดิมด้วย

    บางครั้งมันก็รับรู้ได้ถึงความรักจากต้นไม้ จากสนามหญ้า และจากก้อนหิน
    คือพอเรานึกแบบว่า "ตระหนักรู้" ว่า เออ..พวกเขาก็คือสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับเรานี่นา
    แล้วเราก็ส่งความรู้สึกรัก ความขอบคุณ ไปทักทายพวกเขา
    ความรู้สึกที่ตีกลับมาแทบจะทันทีเลย ก็จะเป็นความรู้สึกที่ ขำๆ จักกะจี้ และเบิกบาน อยู่ลึกๆ
    เหมือนความรู้สึกตอนที่เราเป็นเด็กๆ ที่เห็นอะไรก็หัวเราะแบบใสๆหนะครับ

    เดี๋ยวเรามาอ่านข้อความของท่าน Hilarion กันนะครับ ..โพสต์ต่อไปครับ..

    ..........................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่าน Hilarion
    ประจำสัปดาห์ที่ 11-18/11/12

    ผู้รับสาส์น: นาง Marlene Swetlishoff
    ที่มา: HILARION 2012 - The Rainbow Scribe


    พลังงานที่กำลังจะมาถึงนี้ จะทำให้ร่องรอยสุดท้ายของมายาการโผล่ขึ้นมาสู่พื้นผิวด้วย
    และจะนำพาแนวคิดที่ว่ามนุษยชาติทั้งผองล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไปสู่การยอมรับว่า
    มันคือสัจธรรมของชีวิตบนโลกใบนี้ด้วย และเมื่อสิ่งเหล่านี้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวแล้ว
    และถูกนำออกมาเปิดเผยแล้ว การปรับตัวครั้งใหญ่ของแต่ละบุคคล
    เพื่อให้สอดคล้องกับพลังอำนาจของตัวเอง ก็จะเกิดขึ้นตามมา

    และเมื่อใดที่สิ่งเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชนแล้ว การทบทวนความคิดและความรู้สึกของตัวเอง
    ก็จะเกิดขึ้นอย่างมากมายในแต่ละบุคคล และการปรับตัวใหม่ของสนามพลังงานแห่งจิตสำนึก
    ที่อยู่ภายในแต่ละบุคคลก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของมัน ก็จะทำให้เกิดพัฒนาการรุดหน้า
    ไปสู่ความเป็นรูปธรรมชีวิตที่สมบูรณ์มากขึ้นไปอีก

    โดยการสังเกตดูผลกระทบต่อผู้อื่น ที่เกิดจากการกระทำของคนเพียงคนเดียว
    มนุษย์โลกก็จะเริ่มขยายตัวออกนอกขอบเขตของขีดจำกัดเดิมๆ เพื่อไปสู่ความรู้ใหม่ๆ,
    การกระทำใหม่ๆ และความสำเร็จใหม่ๆที่สูงส่งกว่าเดิมได้

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ ดาวเคราะห์โลกอันเป็นที่รักของพวกคุณ
    กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์หรือ metamorphosis อยู่
    เพื่อกลายไปเป็นดวงดาวที่สว่างไสวเจิดจ้ายิ่งกว่า อย่างที่เธอควรจะเป็นตลอดมา
    ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยถูกเก็บซ่อนเอาไว้จากการมองเห็นตามปกติ
    ตอนนี้กำลังจะถูกนำออกมาเปิดเผยแล้ว เพื่อให้มนุษยชาติสามารถเริ่มมองเห็นแสงสว่างของตัวเอง
    ได้มากขึ้นกว่าเดิม มากกว่าที่เคยเป็นไปได้เมื่อในอดีต นานแสนนานมาแล้ว

    ความเข้มแข็งและการยืนหยัดอย่างมั่นคงของมนุษย์โลก กำลังถูกทดสอบ
    โดยวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณที่สูงขึ้น และโดยความรู้ความเข้าใจที่ออกมาจากหัวใจของพวกเขาอยู่
    โดยอาศัยการเปิดเผยต่างๆที่กำลังจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเปิดเผยต่อสาธารณชนผ่านทางสื่อต่างๆ
    ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้โซ่ตรวนแห่งการควบคุมทั้งหลาย ที่ได้ล่ามมนุษยชาติไว้กับความเข้าใจอันนั้น
    และนานแสนนานมาแล้วนั้น ขาดสะบั้นไป

    ตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังตื่นขึ้นอยู่ ตื่นขึ้นมาสู่ความเข้าใจที่ว่า ความรู้ทั้งหลาย
    ที่เกี่ยวกับเรื่องโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่นี้ แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเพียงมายาการเท่านั้นเอง
    และตื่นขึ้นมาสู่ความจริงที่ว่า ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาจะต้องเรียนรู้และก้าวหน้าต่อไปอีกอยู่

    การเจริญเติบโตครั้งยิ่งใหญ่ จะเริ่มต้นขึ้นในวันข้างหน้านี้ เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
    กำลังกลายเป็นสิ่งที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่การปฏิเสธสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้จะเกิดขึ้นก่อน
    แล้วจะตามมาด้วยการยอมรับแบบไม่เต็มใจ ว่าเรื่องราวทั้งหมดของมัน ยังมีอยู่อีกมากมาย
    มากกว่าที่ชาวโลกเคยถูกบอกเล่าเอาไว้ซะอีก

    และในทางกลับกันชาวโลกก็จะเริ่มเรียกร้องให้ผู้ที่ถูกเลือกมาเพื่อมาทำหน้าที่รับใช้พวกเขา
    มีจรรยาบรรณมากขึ้นกว่านี้อีก และสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกก็คือ ชาวโลกจะลุกขึ้นมา
    และตัดขาดตัวเองออกจากสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อมั่น ที่ได้เคยมอบให้กับผู้ที่พวกเขาเลือกมา
    เพื่อให้มาทำหน้าที่บริหารประเทศของพวกเขาเอง

    แล้วตอนนั้นการชำระสะสางครั้งใหญ่ ก็จะเป็นหน้าที่ของพวกเรา และข้อมูลข่าวสารมากมาย
    ก็จะถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน แล้วมันก็จะทำให้จิตสำนึกของมวลหมู่มนุษยชาติเกิดการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่
    ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกต่างๆมากมาย ต่อทุกๆระบบการบริหาร/การปกครอง
    ภายในระยะเวลาอันสั้น

    สรรพชีวิตที่กำลังอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณในขณะนี้นั้น
    กำลังยืนอยู่บนทางแยก และการเปลี่ยนแปลงก็คือคลื่นแห่งอนาคตสำหรับทุกๆชีวิตด้วย
    ความสามารถในการฟื้นคืนสู่สภาพปกติของทุกๆชีวิตบนโลก ควรจะปรากฎให้เห็นได้อย่างชัดเจน
    เมื่อแต่ละจิตวิญญาณได้เลือกทางเลือกของตัวเองแล้ว และทางเลือกอันนั้น
    ก็จะถูกทำให้ชัดเจนมากที่สุดสำหรับทุกๆคน (หรือทุกๆสิ่งก็ไม่รู้นะครับ
    เพราะประโยคนี้ค่อนข้างคลุมเครือ – ผู้แปล)

    และในช่วงเวลานี้แหละ ที่เหล่า Light worker ทั้งหลาย
    จะได้ทำตามความปราถนาอันสูงส่งกว่าของตัวเอง
    และเพราะว่ามันจำเป็นต้องมีแสงสว่างอย่างมาก
    เพื่อเก็บและตรึงพลังงานจากเอกภพเอาไว้
    ซึ่งกำลังหลั่งไหลเข้ามาสู่ดาวเคราะห์โลกอยู่ในขณะนี้

    และเพราะว่าไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ในทันทีทันใด
    เพราะว่ามันจำเป็นจะต้องมีการเสียสละอะไรบางอย่างจากแต่ละคนด้วย
    เพื่อให้ร่างกายเนื้อของพวกเขากลายเป็นภาชนะรองรับคลื่นความถี่
    และระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่าได้

    ดังนั้น การเสพติดทุกๆชนิด (ทั้งด้านจิตใจและร่างกาย -ผู้แปล)
    จะต้องถูกเลิกไปเสีย และการครอบงำด้วยอัตตาตัวตนหรือ ego ทุกๆชนิด
    ก็จะต้องถูกปลดปล่อยออกไปให้หมดด้วย
    เพื่อให้กระแสพลังงานที่ว่านี้ สามารถหลั่งไหลผ่านเข้ามา
    ในร่างกายเนื้อได้อย่างเป็นอิสระ

    มันถึงเวลาแห่งการปลดปล่อยครั้งใหญ่แล้ว
    ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่จะมาขัดขวาง
    หรือยับยั้งวิวัฒนาการก้าวต่อไปของมนุษยชาติ
    ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและในระดับจิตสำนึกมวลรวมให้ออกไปเสีย

    ซึ่งความรู้นี้จะค่อยๆชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับหลายๆคนที่กำลังตื่นขึ้นมาสู่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    เท่าที่เคยถูกบอกเล่า และบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของมวลหมู่มนุษยชาติอยู่ในขณะนี้

    จงเชื่อมั่นในความสามารถของมนุษย์ ว่าจะสามารถยกระดับขึ้นไปสู่โอกาสนั้นได้จริงๆ
    และจงเชื่อมั่นว่ามนุษย์จะสามารถขึ้นไปสู่ระดับความตระหนักรู้แต่ดั้งเดิมของตัวเอง
    ที่กำลังเจริญเติมโตอยู่ตลอดเวลานี้ได้จริงๆ ซึ่ง ณ.ระดับความตระหนักรู้นั้น
    ชีวิตก็จะวิวัฒน์ไปข้างหน้าด้วยอัตราเร็วที่น่าทึ่งและอย่างน่าอัศจรรย์
    และจงเชื่อมั่นว่ามนุษย์ได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้จริงๆ


    Until next week…

    I AM Hilarion

    ....................................
     
  5. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    (ตอนต่อจากข้อความที่ 6349 หน้าที่ 318)

    Trip to the Mothership Part XII Oversoul of the Mothership

    By Dr Suzan Caroll / Suzanne Lie – October 29, 2012
    http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/


    Arcturian Ascension Part 2

    Where we left off:

    The growing fear made the situation go from what was once positive into something that had become very negative. Fortunately, some of the individuals found a new kind of courage—the courage to remember. As these brave humanoids allowed themselves to remember their roots, they remembered their Arcturian family who had never taken forms. Finally, the formless Arcturians could communicate with their family members who had become lost in their own judgment. (See 10-22-12 Blog)


    การเติบโตของความกลัวทำให้สถานการณ์เปลี่ยนจากเป็นบวกไปสู่สถานการณ์ที่เป็นลบอย่างมาก. โชคดีที่, มีบุคคลบางคนค้นพบความกล้าหาญชนิดใหม่ - ความกล้าที่จะจำ. ซึ่งมนุษยษผู้กล้าหาญเหล่านี้ได้อนุญาตให้ตนเองจดจำรากเหง้าของพวกเขา, พวกเขาจำได้ถึงครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา ผู้ไม่เคยสวมใส่รูป. ในที่สุด, ชาวอาร์คทูเรี่ยนที่ไร้รูปก็สามารถติดต่อกับครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา ผู้ที่หลงทางอยู่ในการตัดสินของพวกเขาเอง. (ข้อความที่ 6329 หน้าที่ 317)

    MYTRE CONTINUES:

    The First Ones to Awaken

    In the last message the Arcturians wanted to interrupt the Mothership’s story of Arcturian Ascension to talk about Portals. Portals are an important component in ascension, as they are openings into the multidimensional aspects of all life.

    ข้อความล่าสุด ชาวอาร์คทูเรี่ยนได้แทรกการพูดเรื่องของประตู ระหว่างที่พูดเรื่องการยกระดับของชาวอาร์คทูเรี่ยน. ประตูเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญในการยกระดับ, ซึ่งมันจะเปิดเข้าสู่ด้านที่เป็นหลากมิติของทุกๆชีวิต.

    When the Arcturians who had become lost in form began to remember their roots, they wanted to join with their Arcturian family. Unfortunately, this re-joining would not be as simple as they desired.

    เมื่อชาวอาร์คทูเรี่ยนผู้หลงทางอยู่ในรูปเริ่มจดจำรากเหง้าของพวกเขาได้, พวกเขาต้องการจะร่วมกับครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา. โชคไม่ดีที่, การกลับมาร่วมกันอีกครั้งไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด.

    Much had occurred in their consciousness since they forgot who they were. For hundreds of thousands of turns of their planet, they believed they were separate. Within that belief in separation, grievous actions were committed. The Awakening Ones had created injury to the others and to the planet.

    มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในความตระหนักรู้ของพวกเขาเมื่อพวกเขาได้ลืมไปแล้วว่าพวกเขาคือใคร. เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันวัฏจักรของดาวเคราะห์ของพวกเขา, พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาถูกแบ่งแยก. ภายในความเชื่อของการแบ่งแยกนั้น, มีการกระทำที่ร้ายแรงเกิดขึ้นมากมาย. เหล่าผู้ที่ตื่นขึ้นได้สร้างบาดแผลให้กับผู้อื่นและดาวเคราะห์.

    Hence, to fully awaken, the Awakening Ones would have to heal the injury they had caused. Perhaps then, they could reunite with their family who had remained in a formless state. First, the Awakening Ones would have to forgive themselves for doing harm to others.

    ดังนั้น, เพื่อที่จะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์, ผู้ที่กำลังตื่นขึ้นจะต้องเยียวยาบาดแผลที่พวกเขาเป็นต้นเหตุ. บางทีหลังจากนั้น, พวกเขาจะกลับไปรวมกับครอบครัวของพวกเขา ผู้ที่ยังคงอยู่ในสถานะไร้รูป. ขั้นแรก, ผู้ที่กำลังตื่นขึ้นต้องให้อภัยแก่ตัวของพวกเขาเองในการสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น.

    Then, they would have to forgive themselves for falling into such a low state of consciousness that they believed that they were separate from their Arcturian family. Believing that they were separate from their Family had caused a deep loneliness, which had festered into fear. This fear gave them permission to do harm to others.

    หลังจากนั้น, พวกเขาจะต้องให้อภัยต่อตนเองในการตกลงสู่สถานะระดับต่ำของความตระหนักรู้ ที่พวกเขาเชื่อว่าถูกตัดขาดจากครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา. การเชื่อว่าพวกเขาถูกตัดขาดจากครอบครัวของพวกเขาเป็นเหตุให้เกิดความว้าเหว่อยู่ลึกๆ, ซึ่งเป็นความระทมทุกข์เข้าสู่ความกลัว. ความกลัวนี้ได้อนุญาตให้พวกเขาทำความเสียหายต่อผู้อื่น.

    Only the healing force of love could heal the scars that their fear had created. But, where would they begin? What and/or whom were they supposed to love? They were stumped by this question for a long time before they realized that any permanent solution must begin at the source of the problem.

    มีเพียงพลังการเยียวยาแห่งความรักเท่านั้น ที่เยียวยารักษาบาดแผลที่ความกลัวสร้างขึ้นนี้ได้. แต่, พวกเขาจะเริ่มขึ้นที่ตรงไหน? อะไรและ/หรือใคร ที่พวกเขาควรรัก? พวกเขาชะงักงันด้วยคำถามนี้เป็นเวลานาน ก่อนที่พวกเขาจะตระหนักรู้ว่าการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องเริ่มต้นที่เหตุของปัญหา.

    However, what was that source? Oh yes, judgment is where it all began. Since judgment had begun this cycle of fear—hurt—more fear, only the opposite of judgment could complete this cycle. But, what was the opposite of judgment? They pondered this question for more cycles of the illusion of time.

    อย่างไรก็ตาม, อะไรคือเหตุ? ใช่แล้ว, การตัดสินคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง. เนื่องจากการตัดสินเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรของความกลัว - ความเจ็บปวด – ความกลัวมากขึ้น, มีเพียงสิ่งที่ตรงข้ามกับการตัดสินเท่านั้นที่จะทำวงจรนี้ให้สำเร็จได้. แล้ว อะไรกันที่อยู่ตรงข้ามกับการตัดสิน? พวกเขาครุ่นคิดถึงปัญหานี้เป็นเวลาหลายวัฏจักรของมายาการของเวลา.

    Finally, after many attempts to find the opposite of judgment, they found the answer. The healing for judgment was forgiveness. In fact, to truly clear all judgment, the forgiveness must be unconditional. They also realized that the ones they had to forgive were not just the ones they had judged, but also the ones who had made the judgments—themselves.

    ในที่สุด, หลังจากที่ได้พยายามอย่างมากมายพวกเขาค้นพบสิ่งที่ตรงข้ามกับการตัดสิน, พวกเขาค้นพบคำตอบ. การเยียวยาสำหรับการตัดสินก็คือการให้อภัย. อันที่จริง, เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการตัดสินทั้งปวง, การให้อภัยจะต้องเป็นไปอย่างไม่มีเงื่อนไข. พวกเขาตระหนักเช่นกันว่าผู้ที่พวกเขาจะต้องให้อภัยก็ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาได้ตัดสิน, แต่เป็นผู้ที่ได้ตัดสิน - ตัวเอง.

    However, they did not know how to forgive themselves. They believed that first they would need to be forgiven by a Being higher and grander than them. Since they held that belief, they made this true. They believed this Higher Being was the Collective of the formless Arcturians.

    อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่รู้ว่าจะให้อภัยตัวเองได้อย่างไร. พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาต้องได้รับการให้อภัยจากรูปธรรมที่สูงกว่าและยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาก่อน. เมื่อพวกเขายึดถือความเชื่อนั้น, พวกเขาทำให้มันเป็นจริง. พวกเขาเชื่อว่ารูปธรรมที่สูงกว่าก็คือมวลรวมของชาวอาร์คทูเรี่ยนที่ไร้รูป.

    The important part of this belief was that it encouraged them to communicate with their formless Arcturian family. But, how would they communicate with a Being that they could not perceive? Perhaps they could open a kind of Portal through which they could transmit their need for assistance.

    ความสำคัญของความเชื่อนี้ก็คือมันสนับสนุนให้พวกเขาติดต่อกับครอบครัวชาวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา. แต่ พวกเขาจะติดต่อกับรูปธรรมที่พวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้อย่างไร? บางทีพวกเขาอาจจะสามารถเปิดประตูบางอย่าง ที่พวกเขาสามารถสื่อความต้องการของพวกเขาสำหรับความช่วยเหลือ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  6. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Fortunately, a Portal is a multidimensional tunnel through which they could connect with increasingly higher octaves of their SELF. Hence, in order to continue their quest to communicate with the Formless Ones, they would have to connect with their own higher expressions of SELF. In this manner the Awakened Ones commenced their journey back to SELF.

    โชคดีที่, ประตูคืออุโมงค์หลากมิติผ่านสิ่งที่พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับตัวตนที่สูงกว่าของพวกเขา. ดังนั้น, เพื่อที่จะค้นหาวิธีการติดต่อกับพวกที่ไร้รูป, พวกเขาจะต้องเชื่อมต่อกับตัวตนระดับสูงของพวกเขาเอง. ในหนทางนี้ผู้ที่ตื่นขึ้นได้เริ่มการเดินทางของพวกเขากลับสู่ตัวตนของพวกเขาเอง.

    The Merging of the Portal Openers

    Fortunately, the Awakened Ones were persistent and very determined. Hence, they became the Portal Openers, and Portals into the higher dimensions began to open. When the Portal Openers sent their consciousness through the Higher Dimensional Portals, they became aware of their own multidimensional nature.

    โชคดีที่, ผู้ที่ตื่นขึ้นมีความไม่ย่อท้อและมีความมุ่งมั่นอย่างมาก. ดังนั้น, พวกเขากลายเป็นผู้เปิดประตู, และประตูเข้าสู่มิติที่สูงกว่าเริ่มเปิดขึ้น. เมื่อผู้เปิดประตูส่งความตระหนักรู้ของพวกเขาผ่านประตูมิติที่สูงกว่า, พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับธรรมชาติหลากมิติของพวกเขาเอง.

    Furthermore, as the Portal Openers connected with higher and higher frequencies of their Expression of SELF, they developed a deeper and deeper connection with their Formless Family of Light. Eventually, they came to understand that their Formless Family was indeed their SELF at a higher frequency of reality.

    ยิ่งไปกว่านั้น, เมื่อผู้เปิดประตูเชื่อมต่อกับความถี่ของตัวตนที่สูงขึ้นสูงขึ้นของพวกเขา, พวกเขาพัฒนาการเชื่อมต่อที่ลึกขึ้นลึกขึ้นกับครอบครัวไร้รูปแห่งแสงสว่างของพวกเขา. ในที่สุด, พวกเขาเข้าสู่การเข้าใจว่าครอบครัวไร้รูปของพวกเขาที่จริงก็คือตัวตนของพวกเขาเอง ที่ความถี่ของความเป็นจริงระดับที่สูงกว่า.

    With this new belief about the nature of their true SELF, they could more readily accept the flow of unconditional love, which had always been flowing from the Formless Ones. Since unconditional love carries the gift of personal and planetary transmutation, the Formless Ones became known as the Transmuters.

    ด้วยความเชื่อใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติของตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา, พวกเขามีความพร้อมมากขึ้นที่จะยอมรับกระแสของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข, ซึ่งหลั่งไหลออกมาจากพวกที่ไร้รูปอยู่เสมอ. เนื่องจากความรักที่ไม่มีเงื่อนไขได้นำพาของขวัญแห่งการเปลี่ยนแปลงของบุคคลและดาวเคราะห์, พวกที่ไร้รูปเป็นที่รับรู้กันในนามของผู้เปลี่ยนแปลง.

    The first, and most obvious advantage of the acceptance of the unconditional love was that it allowed the Portal Openers to love all of life, free of any judgment. Another important consequence of accepting the unconditional love was that it transmuted the Portal Opener’s judgment into forgiveness.

    อย่างแรกสุด, และประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของการยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขก็คือ มันอนุญาตให้ผู้เปิดประตูได้รักทุกๆชีวิต, เป็นอิสระจากการตัดสินใดๆ. ความสำคัญอื่นของการยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขก็คือ มันได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินของผู้เปิดประตูไปสู่การให้อภัย.

    Because the Portal Openers accepted this unconditional love and allowed it to transmute their judgment into forgiveness, their myriad fears were transmuted into love. The return of the FEEL of love urged the Portal Openers to believe again in their Multidimensional SELF.

    เนื่องจากผู้เปิดประตูยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และอนุญาตให้มันเปลี่ยนแปลงการตัดสินของพวกเขาเข้าสู่การให้อภัย, ความกลัวนับไม่ถ้วนของพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความรัก. การกลับมาของความรู้สึกของความรักได้กระตุ้นให้ผู้เปิดประตู เชื่ออีกครั้งหนึ่งในตัวตนหลากมิติของพวกเขา.

    Hence, the Portal Openers found the courage to open more and more
    Portals into the unknown. As they opened these Portals, they increasingly cleared fear from themselves and from their planet. Thus, as they healed themselves they healed their Arcturian Family who was holding the form of the Planet.


    ดังนั้น, ผู้เปิดประตูได้ค้นพบความกล้าหาญที่จะเปิดประตูเข้าสู่ความไม่รู้มากขึ้นและมากขึ้น. จากการที่พวกเขาเปิดประตูเหล่านี้, พวกเขาได้ชำระล้างความกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตัวของพวกเขาเองและจากดาวของพวกเขา. ดังนั้น, เมื่อพวกเขารักษาตัวของพวกเขา พวกเขาได้รักษาครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา พวกที่สวมใส่รูปของดาวเคราะห์.

    As fear was cleared from their consciousness, they no longer reacted to the fear of others or the judgment that arose from that fear. Also, as the fear was cleared from the Planetary Arcturians, they could begin to heal the many wounds that had been created by the fearful, Humanoid Arcturians.

    เมื่อความกลัวถูกชำระล้างจากความตระหนักรู้ของพวกเขา, พวกเขาไม่มีปฏิกิริยาต่อความกลัวของผู้อื่นหรือการตัดสินที่เกิดจากความกลัวอีกต่อไป. เช่นกัน, เมื่อความกลัวถูกชำระออกจากดาวของชาวอาร์คทูเรี่ยน, พวกเขาสามารถเริ่มการรักษาบาดแผลต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดยความกลัวของมนุษย์อาร์คทูเรี่ยน.

    Knowing that the creators of fear were driven by fear, allowed the Portal Openers to unconditionally love those who were still lost in their judgment of others. With the release of all fear of judgment from these Lost Ones, the Portal Openers began to unite with each other in a very intimate manner.

    จากความรู้ที่ว่าผู้สร้างความกลัวได้รับแรงขับจากความกลัว, ได้อนุญาตให้ผู้เปิดประตูมอบความรักที่ไม่มีเงื่อนไขให้แก่ผู้ที่ยังคงหลงทางอยู่ในการตัดสินผู้อื่นของพวกเขา. ด้วยการปลดปล่อยความกลัวทั้งหมดของการตัดสินจากผู้ที่หลงทางเหล่านี้, ผู้เปิดประตูเริ่มรวมเข้าซึ่งกันและกันในหนทางที่ใกล้ชิดเป็นอย่างมาก.

    In fact, the Portal Openers were moving into a state of Unity Consciousness with each other, which felt vaguely familiar. Gradually, they began to remember how once they were all ONE. This memory planted the first seed of Unity Consciousness within the planet.

    อันที่จริง, ผู้เปิดประตูได้เข้าสู่สถานะของความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งกันและกันแล้ว, ที่รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยรางๆ. อย่างค่อยเป็นค่อยไป, พวกเขาเริ่มจำได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน. ความทรงจำนี้ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธ์แรกของความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันภายในดาวเคราะห์.

    The Expansion of Unity Consciousness

    Unity Consciousness with the Planet, actually meant Unity with the Arcturians who were the holders of the form of the Planet. Unity with the Planet had to occur because the humanoids WERE the Planet. Just as some Arcturians (actually pre-Arcturians) had chosen to BE humanoids, others had chosen to BE the Planet. In fact, these Arcturians who had chosen to BE the Planet had taken on a denser matter than they had ever known. Thus, they too were lost in form.

    ความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันกับดาวเคราะห์, ตามความจริงหมายความว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวอาร์คทูเรี่ยน ผู้สวมใส่รูปของดาวเคราะห์. ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับดาวเคราะห์จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพราะว่ามนุษย์ก็คือดาวเคราะห์. เช่นเดียวกันกับชาวอาร์คทูเรี่ยนบางคน (อันที่จริง พรีอาร์คทูเรี่ยน) ได้เลือกที่จะเป็นมนุษย์, ส่วนที่เหลือเลือกที่จะเป็นดาวเคราะห์. อันที่จริง, ชาวอาร์คทูเรี่ยนเหล่านี้ผู้เลือกที่จะเป็นดาวเคราะห์ ได้สวมใส่สสารที่หนาแน่นกว่าที่พวกเขาเคยรู้. ดังนั้น, พวกเขาจึงหลงทางอยู่ในรูปเช่นเดียวกัน.

    However, if the Portal Openers were to have Unity Consciousness with their Planet, they would have to return to Unity consciousness with ALL humanoids. In other words, they would need to include the Lost Ones in their Unity Consciousness. In this manner, they could know that they had totally released their judgment.

    อย่างไรก็ตาม, ถ้าหากผู้เปิดประตูมีความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันกับดาวเคราะห์ของพวกเขา, พวกเขาจะได้กลับไปมีความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันกับมนุษย์ทั้งหมด. พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า, พวกเขามีความจำเป็นต้องรวบรวมพวกที่หลงทางในความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขา. ในหนทางนี้, พวกเขาสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องปลดปล่อยการตัดสินของพวกเขาให้ได้อย่างสมบูรณ์.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  7. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Meanwhile, there were still many humanoids lost in their own judgment. Therefore, they lived in the fear and separation that judgment created. However, they did NOT want to change. They had experienced Power Over the others, and enjoyed that sensation. It had been so long since they had experienced unity that they only believed in separation. Hence, they continued to create separation by desiring the sensation of Power Over others.

    ในขณะที่, ยังคงมีมนุษย์จำนวนมากหลงทางอยู่ในการตัดสินของพวกเขา. ดังนั้น, พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่ในความกลัวและการแบ่งแยกที่การตัดสินสร้างขึ้นมา. อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง. พวกเขามีประสบการณ์กับการมีอำนาจเหนือผู้อื่น, และมีความสุขกับความรู้สึกนั้น. มันเป็นเวลายาวนานที่พวกเขาเคยมีประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งพวกเขาเชื่อแต่เพียงการแบ่งแยก. ดังนั้น, พวกเขาจึงยังคงสร้างการแบ่งแยกต่อไปโดยปรารถนาความรู้สึกของการมีอำนาจเหนือผู้อื่น.

    On the other hand, the Portal Openers were finding many Portals into the Planet, but they did not know how to open them. They imagined they would be opened in the same manner as the Higher Dimensional Portals were opened; however they did not really understand how they had opened the Higher Dimensional Portals.

    ในอีกด้านหนึ่ง, ผู้เปิดประตูได้ค้นพบประตูเข้าสู่ดาวเคราะห์เป็นจำนวนมาก, แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะเปิดมันได้อย่างไร. พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถเปิดมันได้ในหนทางเดียวกันกับการเปิดประตูมิติที่สูงกว่า; อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจวิธีที่พวกเขาเปิดประตูมิติที่สูงกว่า.

    They suspected that it had something to do with accepting the unconditional love sent to them by the Transmuters. Since the Portal Openers had established a line of communication with the Transmuters, they asked them how the Higher Dimensional Portals had been so easily opened.

    พวกเขาสงสัยว่ามันต้องมีบางอย่างที่ต้องทำกับการยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่ส่งมาให้พวกเขาโดยผู้เปลี่ยนแปลง. เนื่องจากผู้เปิดประตูได้สร้างสายการติดต่อกับผู้เปลี่ยนแปลง, พวกเขาจึงถามผู้เปลี่ยนแปลงถึงวิธีที่ประตูมิติระดับที่สูงกว่าจะเปิดขึ้นอย่างง่ายๆ.

    The formless Transmuters replied, “Our dear Portal Openers. The Higher Dimensional Portals opened so easily because we are ONE Being. We are YOU in the form of a humanoid, and you are US in a formless state of multidimensional light and unconditional love.”

    ผู้เปลี่ยนแปลงที่ไร้รูปตอบว่า, “ผู้เปิดประตูที่รักของพวกเราทั้งหลาย. ประตูมิติที่สูงกว่าเปิดขึ้นอย่างง่ายๆเพราะว่าพวกเราเป็นรูปธรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน. พวกเราคือคุณในรูปมนุษย์, และคุณคือพวกเราในสถานะที่ไร้รูปของแสงสว่างหลากมิติและความรักที่ไม่มีเงื่อนไข”.

    This answer was all they could receive. Some of Portal Openers were so confused by this answer that they did not give it any thought. However, other Portal Openers allowed this answer to live in their Heart, where they did not need to think about it, they could always FEEL it.

    คำตอบนี้คือทั้งหมดที่พวกเขาสามารถรับได้. ผู้เปิดประตูบางคนมีความสับสนอย่างมากกับคำตอบนี้ ซึ่งพวกเขาไม่ได้รับความคิดใดๆ. อย่างไรก็ตาม, ผู้เปิดประตูคนอื่นๆอนุญาตให้คำตอบนี้มีชีวิตอยู่ในหัวใจของพวกเขา, ที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับมัน, พวกเขาสามารถรู้สึกถึงมันอยู่เสมอ.

    Unfortunately, the Arcturians who were the holders of the form of the Planet had largely lost all Unity Consciousness with their Arcturian Family who lived in a formless state in the higher frequencies around the Planet. However, the Deep Core of the Planet had remained connected to its formless, Arcturian Source.

    โชคไม่ดีที่, ชาวอาร์คทูเรี่ยนผู้สวมใส่รูปของดาวเคราะห์โดยส่วนใหญ่สูญเสียความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมดกับครอบครัวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขา ผู้มีชีวิตในสถานะของการไร้รูปในความถี่ระดับสูงรอบๆดาวเคราะห์. อย่างไรก็ตาม, แก่นระดับลึกของดาวเคราะห์ยังคงเชื่อมต่อกับผู้ไร้รูป, ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชาวอาร์คทูเรี่ยน.

    The Planetary Core could FEEL the Portal Opener’s desire to open the Planetary Portals, but the Living Core could not remember how to send unconditional love as their formless family had so easily done. Perhaps the Core could accept the unconditional love sent from the Formless Ones, just as the humanoids as done.

    แก่นของดาวเคราะห์สามารถรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของผู้เปิดประตู ที่ต้องการเปิดประตูเมตริกซ์หลากมิติ, แต่แก่นที่มีชีวิตไม่สามารถจำได้ถึงวิธีการส่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขเหมือนกับครอบครัวไร้รูป ที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ. บางทีแก่นสามารถยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่ส่งจากผู้ไร้รูป, เช่นเดียวกันกับที่มนุษย์ทำได้.

    A Problem With The Lost Ones

    At the same time, the Lost Ones who had not become Portal Openers still believed in separation and judgment. Fortunately the Flow of unconditional love that the Portal Openers had accepted was so strong that the Lost Ones could vaguely feel it, but wondered if they were “good enough” to receive it.

    ในเวลาเดียวกัน, ผู้หลงทางซึ่งไม้ได้เป็นผู้เปิดประตูยังคงเชื่อในการแบ่งแยกและการตัดสิน. โชคดีที่กระแสของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่ผู้เปิดประตูยอมรับมีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งผู้หลงทางสามารถรู้สึกได้รางๆ, แต่ยังสงสัยว่าถ้าหากพวก”ดีพอหรือไม่”ที่จะรับมัน.

    This judgment of them selves and of the unconditional love created fear. Then, their fear created even more judgment, which created more separation. In response to their growing fear, the Lost Ones, who believed in separation, created a separate “God.”

    การตัดสินตนเองและการตัดสินความรักที่ไม่มีเงื่อนไขได้สร้างความกลัว. ดังนั้น, ความกลัวของพวกเขาได้สร้างการตัดสินมากขึ้นอีก, ซึ่งได้สร้างการแบ่งแยกมากขึ้นไปอีก. ในการตอบสนองต่อความกลัวที่เพิ่มขึ้นของพวกเขา, ผู้หลงทาง, ผู้มีความเชื่อในการแบ่งแยก, ได้สร้าง”พระเจ้า”ที่แบ่งแยกจากกัน.

    They could not believe in unconditional love, so they believed in a God that sent love to ONLY the chosen ones. Hence, the Lost Ones developed rituals and tests to make them good enough to receive love from the separate God high above them in a separate world. The Lost Ones had no idea that their God was their own SELF in its original, formless state of multidimensional light and unconditional love.

    พวกเขาไม่สามารถเชื่อในความรักที่ไม่มีเงื่อนไข, ดังนั้นพวกเขาสามารถเชื่อในพระเจ้าที่ส่งความรักให้เฉพาะผู้ที่พระองค์เลือก. ดังนั้น, ผู้หลงทางได้พัฒนาประเพณีและบททดสอบต่างๆ เพื่อทำให้พวกเขาดีพอที่จะรับความรักจากพระเจ้าที่แบ่งแยก ที่อยู่เหนือพวกเขาในโลกที่แบ่งแยก. ผู้หลงทางไม่มีความคิดว่าพระเจ้าก็คือต้นกำเนิดของตัวตนของพวกเขาเอง, สถานะที่ไร้รูปของแสงสว่างหลากมิติและความรักที่ไม่มีเงื่อนไข.

    The formless Arcturians realized that they had to assist the Lost Ones before they created even more judgment, fear and separation. Thus, the formless Arcturians realized that they had to transmute every molecule of matter back into light.

    ชาวอาร์คทูเรี่ยนที่ไร้รูปตระหนักว่าพวกเขาจะต้องช่วยเหลือผู้ที่หลงทาง ก่อนที่พวกเขาจะสร้างการตัดสิน, ความกลัว และการแบ่งแยกมากไปกว่านี้. ดังนั้น, ชาวอาร์คทูเรี่ยนที่ไร้รูปตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงทุกๆโมเลกุลของสสารกลับเข้าสู่แสงสว่าง.

    Thus, they created the Arcturian Corridor.

    ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างอุโมงค์อาร์คทูเรี่ยนขึ้น.

    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
    (ตอนต่อไปข้อความที่ 6396 หน้าที่ 320)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2012
  8. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    ขอเสริมเรื่องเทพฯผู้นำทางนิดนึงนะคะ โอ๋กับพี่มี๊ดได้ทดลองด้วยตัวเองกันแล้ว จึงไม่อยากให้เพื่อนๆเสียโอกาสดีดีไปค่ะ ร้องขอพวกท่านเถอะนะคะ แล้วจะรู้ว่าพวกท่านพร้อมจะช่วยเราเสมอ ซึ่งโอ๋และพี่มี๊ดรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่คอยช่วยเหลือเราอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ เปิดใจสักนิด แล้วเชื่อให้เต็มหัวใจค่ะ อย่ารู้สึกลังเลที่จะร้องขอ หากเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ขัดต่อพลังงานบวกค่ะ
    พี่ชยุตคะวันนี้น้องไม่ได้เพ่งพระอาทิตย์ให้พี่ชยุตเลยค่ะ เมฆเต็มฟ้าไปหมด รักพี่นะคะ จุ๊บๆๆ
    สู้ๆๆ นะคะพี่

    :cool::cool::cool:
     
  9. PARINDA MAI

    PARINDA MAI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +153
    การอยู่ถูกที่ ถูกกาล....

    คัดลอกจากหนังสือครายออน3......

    เรามีอีกสิ่งหนึ่งที่จะบอกคุณในคืนนี้
    และก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ในสถานที่ที่ถูกต้องและถูกกาล
    เพราะมีคนจำนวนมากรู้สึกว่าการอยู่ในสถานที่อันถูกกาละและถูกเทศะ
    นั้นหมายความถึงการหนีไปจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้

    .....วูกับพายุ.....

    วูเป็นปัจจเจกชนที่มีความรู้แจ้ง
    เขาอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งพร้อมกับคนอื่นๆ
    วูมีชีวิตที่สุขสงบดีเพราะเขากำลังดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางที่แท้จริงของตนเอง
    เราจะเรียกวูว่าเป็นนักรบแห่งแสงสว่าง
    เพราะวูทำสมาธิและปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าอย่างแท้จริง
    วูเป็นที่รักของเพื่อนบ้านยิ่งนักเพราะคนเหล่านี้ทราบดีว่าวูเป็นคนดี
    ทุกๆวันวูจะกล่าวว่า


    “ โอ้ พระเจ้า ข้ารักท่าน ข้าต้องการอยู่ในพันธสัญญาของตนเองเป็นอย่างมาก
    ข้าต้องการจะอยู่ในที่อันถูกกาละและเทศะ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ

    วันหนึ่งมีพายุพัดเข้ามาใกล้เกาะแห่งนี้ด้วยกระแสลมที่รุนแรง
    วูตื่นตระหนกตกใจกลัวมาก
    วูคาดหวังอยู่ทุกนาทีให้เกิดปาฏิหาริย์ให้พายุนั้นเปลี่ยนทิศทางไป
    แต่คุณคงเห็นแล้วว่ามันไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลย
    และสถานการณ์กลับเลวร้ายลงทุกที

    วูรู้สึกว่าตนเองถูกทรยศ
    และยิ่งพายุนั้นพัดแรงขึ้นเท่าใดวูก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
    เมื่อนั้น….วูจึงฉุกคิดสรุปขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
    เขาตระหนักว่าเขามิได้มีความหวาดกลัว
    เขาโกรธมาก แต่เขามิได้กลัว
    วูยังมองเห็นความตื่นตระหนกของคนอื่นๆด้วย
    ดังนั้นวูจึงยืนขึ้น เขาสวมกอดสมาชิกในครอบครัว
    “ดูสิ ไม่มีความกลัวอยู่ในดวงตาของพ่อเลย เพราะพ่อได้รับคำสัญญามาแล้ว
    ว่าเรากำลังจะปลอดภัย”

    จากนั้นวูก็เดินจากไปหาเพื่อนบ้านคนโน้นคนนี้ จากคนกลุ่มนี้ไปยังกลุ่มนั้น
    เขาบอกกับคนเหล่านั้นว่าพวกเขาต้องปลอดภัย
    เมื่อเขาเดินจากคนแต่ละกลุ่มไปเขาก็เห็นว่าความตื่นตระหนกนั้นได้จากไปด้วย
    เหมือนกับเมฆดำที่ค่อยๆจางหายไปคนเหล่านั้นถูกทิ้งไว้ด้วยความหวัง
    บางกลุ่มได้เริ่มร้องเพลง ดังนั้นแทนที่จะมีแต่ความกลัวกับความเงียบสงัด
    สถานที่นั้นกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องเพลง
    บางกลุ่มก็เริ่มหัวเราะออกโดยการเล่าเรื่องตลกๆในชีวิตของตนเอง
    แล้วความหวาดกลัวก็หายไป ความตื่นตระหนกได้จากไปแล้ว

    และเหมือนกับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์เพราะศูนย์กลางของพายุนั้น
    ไม่ได้ย่างกรายเข้ามาเลย แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพายุกลับถอยหลังกลับไปเอง
    ไปตามทางของมัน โดยที่ค่อยๆอ่อนแรงลงช้าๆ แทนที่จะมีกำลังแรงขึ้น
    (นี้จะเป็นจิตสำนึกมวลรวมหรือปล่าว) : PARINDA

    เมื่อนั้นเขาจึงตระหนักว่า
    การอยู่ในที่อันถูกกาละและถูกเทศะนั้น หมายความว่าอย่างไร
     
  10. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327

    สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หายหน้าไปเสียนานเลย
    มาช่วยเพิ่มพลังงานบวกค่ะ มีรูปงานกฐินจากมุกดาหารมาฝาก
    ไปรอบนี้ทั้งถวายกฐิน สร้างพระและถวายตู้พระไตรปิฎก
    นั่งรถกะบะไป10ชม. อดนอนอีก3คืน รอบเดียวคุ้มเลยค่ะ อิอิ
    แปะรูปไว้อีกกระทู้นึง ไปชมภาพกันนะคะ ^^


     
  11. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ส่วนชุดนี้เป็นภาพงานที่ตึกจามจุรีสแควร์นะคะ
    มีพระธาตุมาจัดแสดงเยอะเลยค่ะ เปิดตั้งแต่
    9โมง-2ทุ่ม พี่เค้าบอกว่ายังไม่มีกำหนดนะคะ
    ว่าจะจัดแสดงจนถึงวันที่เท่าไหร่

    ส่วนของงานแปลขอติดหนี้ไว้ก่อนนะค๊า
    ช่วงนี้งานเข้าค่ะ แต่ก็จะพยายามแปลเต็มที่
    ได้อ่านหลายๆความเห็น ช่วงนี้มีอาการไม่สบายตัว
    เหมือนๆกันเลย เรามีอาการแบบตัวร้าวๆไปหมดทั้งตัวเลย
    จะว่าป่วยก็ไม่ใช่อะ เมื่อไหร่จะหายซักทีน้อ T^T
     
  12. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า แห่ง The Galactic Federation
    ผู้รับสาส์น : Mike Quinsey
    ที่มา : http://galacticchannelings.com/english/index.html

    SaLuSa, November 12, 2012


    Dear Ones, matters have rally taken off with the coming of 11.11. which has opened a portal through which much Light has passed through you and into the Earth. Those of you who set the time aside to work with the Light have not only raised your own vibrations, but those of the planet. It is likely that as a result you felt uplifted and light headed, but it will settle down. Perhaps the most noticeable change within you, will be your recognition of a deeper sense of calmness and peace. As you partake in further upliftments, so you will become even more at One, and others will "feel" the powerful energies that you are sending out. You are now in the time you have been waiting for, and as you look around you will see changes taking place everywhere. It will bring joy and happiness into being, and that again will lift the vibrations.

    ที่รักทั้งหลาย, สาระต่างๆได้ทะยานขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว ด้วยการมาถึงของวันที่ 11/11 ซึ่งได้เปิดประตูสู่แสงสว่างมากขึ้น ได้ส่งผ่านไปสู่คุณและโลก. พวกคุณผู้ได้สงวนเวลาเพื่อทำงานกับแสงสว่าง ไม่เพียงแต่ยกระดับความถี่ของตัวคุณเองเท่านั้น, แต่ของโลกด้วย. มันคล้ายกับว่าผลลัพธ์ก็คือคุณรู้สึกยกระดับขึ้นและแสงสว่างนำหน้า, แต่มันจะตั้งหลัก. บางทีการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ภายในคุณ, จะเป็นการรับรู้ของคุณในความรู้สึกระดับลึกของความสงบและสันติสุข. เมื่อคุณมีส่วนในการยกระดับในอนาคต, ดังนั้นคุณจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น, และผู้อื่นจะรู้สึกถึงพลังงานที่ทรงอำนาจที่คุณส่งออกมา. ขณะนี้คุณอยู่ในเวลาที่กำลังรอคอย, และเมื่อคุณมองไปรอบๆตัว คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทุกๆที่. มันจะนำความสุขและความเบิกบานมาสู่ชีวิต, และอีกนั่นแหละจะยกระดับความถี่.

    On a personal level nothing is more important than your preparations for Ascension. Whatever form you expect it to take, you will ascend and then all else will follow in quick order. Do not concern yourselves with material things, as all you need will be available to you, and indeed more. The plan for your well being has considered all aspects of your needs, and there will be a smooth transition from your present dimension to the 5th. dimension. Set out to enjoy the experience as it is unique and you are privileged to be one chosen for it. There is absolutely nothing to fear, and every soul will be loved and cared for at every stage. We will be accompanying you and ensure the process passes smoothly, and welcoming you into the higher realms.

    ณ ที่ระดับบุคคลไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมการสำหรับการยกระดับ. อะไรก็ตามที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับ, คุณจะยกระดับและทุกๆสิ่งจะตามมาในลำดับที่รวดเร็ว. อย่ากังวลเกี่ยวกับตัวคุณเองในสิ่งต่างๆ, ซึ่งสิ่งที่คุณต้องการทั้งหมดจะมีให้คุณ, และอันที่จริงมากกว่านั้น. แผนสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณได้รับการพิจารณาในทุกๆด้านของความต้องการของคุณ, และมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นจากมิติในปัจจุบันของคุณสู่มิติที่ห้า. เตรียมการที่จะมีความสุขกับประสบการณ์ ซึ่งมันจะเป็นเอกลักษณ์และคุณจะได้รับสิทธิพิเศษที่จะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับเลือกสำหรับมัน. ไม่มีอะไรเลยที่จะต้องกลัว, และทุกๆวิญญาณจะเป็นที่รักและได้รับการเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน. พวกเราจะติดตามคุณและรับประกันว่ากระบวนการจะผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น, และยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่อาณาจักรที่สูงกว่า.

    Because your minds are otherwise occupied, there is one aspect of your future lives that does not seem to have received much consideration. We refer to your marriages or partnerships as they will relate to the higher dimensions. You will no longer be bound by 3D vows and it will be up to each individual as to whether you wish to continue on the same basis, and you will find that you have much more freedom. Also unlike Earth where attraction is largely of a physical nature, the love of other souls is an exchange of energy that will be quite normal, as those you will be in the presence of will all have a vibration that will be in harmony with yours. However, you can "join" energies at an even higher level and for whatever purpose become as One. It may for example be to serve the Light together, and even introduce another soul in to your world. Such a union is far beyond anything you will have already experienced.

    เนื่องจากจิตใจของคุณถูกครอบครอง, ยังมีอีกด้านหนึ่งของชีวิตในอนาคตของคุณ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้รับการพิจารณามากนัก. พวกเราหมายถึงการแต่งงานของคุณหรือความร่วมมือกัน ซึ่งมันจะสัมพันธ์กับมิติที่สูงกว่าของคุณ. คุณจะไม่ถูกกักขังด้วยการบนบานแบบมิติที่สามอีกต่อไป และมันจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนในสิ่งที่คุณปรารถนาจะอยู่ในพื้นฐานแบบนั้นต่อไป, และคุณจะค้นพบว่าคุณมีเสรีภาพมากขึ้น. ไม่เหมือนกับโลกที่แรงดึงดูดมีขนาดใหญ่ทางกายภาพทางธรรมชาติ, ความรักของวิญญาณอื่นคือการแลกเปลี่ยนของพลังงาน ที่มันค่อนข้างปกติ, ซึ่งพวกคุณจะอยู่ในการแสดงออกของความปรารถนาที่ทั้งหมดได้รับความถี่ ที่จะสอดคล้องกับของคุณ. อย่างไรก็ตาม, คุณสามารถรวมพลังงาน ณ ระดับที่สูงกว่า และเพื่อเหตุผลใดก็ตามที่จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน. มันอาจจะเป็นตัวอย่างของการรับใช้แสงสว่างด้วยกัน และแม้แต่แนะนำวิญญาณอื่นเข้าสู่โลกของคุณ. ความเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นก้าวล้ำกว่าสิ่งใดๆที่คุณได้มีประสบการณ์มาแล้ว.

    As we have told you before, almost every aspect of your life as you understand it now will change. You will quickly adapt to a new expanded way of life, that will offer you so many opportunities to travel, whereas previously you have been confined to Earth. Not only that, but also into the higher dimensions where some souls are ready to take their place. Your Earth has been referred to as a "prison planet" and it is an accurate description, as because of your low vibration you have been prevented from leaving it. It is also why the Earth's energies have been contained, to prevent them polluting space beyond it.

    ซึ่งพวกเราได้บอกคุณมาก่อนแล้ว, แทบจะทุกๆด้านของชีวิตของคุณที่คุณเข้าใจมัน จะเปลี่ยนแปลงในขณะนี้. คุณจะปรับตัวอย่างรวดเร็วสู่หนทางแห่งการขยายออกของชีวิตใหม่, ซึ่งนั่นจะให้โอกาสมากมายแก่คุณในการเดินทาง, ในขณะที่ก่อนนี้คุณถูกกักขังอยู่ในโลก. ไม่แต่เท่านั้น, แต่เข้าสู่มิติที่สูงกว่าด้วย ที่ๆบางวิญญาณมีความพร้อมที่จะเกิดขึ้น. โลกของคุณได้รับการขนานนามว่าดาวเคราะห์แห่งคุก และมันก็เป็นคำอธิบายที่ถูกต้อง เนื่องจากความถี่ระดับต่ำของคุณได้กีดกันไม่ให้ออกจากมัน. มันก็เป็นเหตุผลที่ทำไมพลังงานของโลกจึงไดถูกกักเอาไว้, เพื่อกักบริเวณพื้นที่ๆมีมลภาวะไม้ให้ขยายไปมากกว่านั้น.

    For the similar reasons you have also been kept in quarantine, so as to ensure that the experiment of experiencing duality was able to go ahead without outside interference. The only exception has been where certain Extraterrestrials have been given permission to contact you, because they have a similar low vibration to yours. Naturally as your vibrations have risen up which they have done so quite substantially over the last 30 years, you have attracted the attention of those who are more evolved. So you will in fact meet other civilizations of which you have little or no knowledge at present. We of the Galactic Federation of Light are of course already known to you, and are friends and family of long standing.

    ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันคุณจึงได้รับการรักษาไว้ในที่กักกัน, เพื่อรับประกันว่าการทดลองของการมีประสบการณ์ทวิภาวะ จะสามารถก้าวหน้าไปได้โดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก. ข้อยกเว้นหนึ่งเดียวก็คือรูปธรรมต่างดาวที่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อคุณ, เพราะว่าพวกเขามีความถี่ระดับต่ำคล้ายคุณ. โดยปกติเมื่อระดับความถี่ของคุณได้ยกระดับขึ้น ซึ่งมันได้รับการดำเนินการค่อนข้างมากตลอด 30 ปีที่ผ่านมา, คุณได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้ที่มีวิวัฒนาการมากกว่า. ดังนั้นอันที่จริงคุณจะพบอารยะธรรมอื่นที่คุณรู้เพียงเล็กน้อยในขณะนี้. พวกเราสมาพันธ์แกแลกติกแห่งแสงสว่างได้เป็นที่รู้จักของคุณแล้ว, และเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวที่ยืนหยัดมายาวนาน.

    The Earth will always hold fond memories for you in spite of the trauma and misery of many lives that have been severe challenges for you. This can be offset by the rapid spiritual growth that has resulted from such experiences. Nowhere else in the Universe can offer similar opportunities for growth, and it's one of the main reasons that you took on such challenges. Eventually your memories of this period will fade into the background, but you will always benefit from the growth in your levels of consciousness. You will leave duality a far greater Being than when you first entered it, eons of time ago. So enjoy the coming weeks that are about to spring into action and bring you many of the changes you have been expecting.

    โลกจะรักษาความทรงจำที่คุณพึงพอใจอยู่เสมอ สำหรับคุณทั้งๆที่เจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานนับชาติไม่ถ้วน ซึ่งเป็นความท้าทายที่รุนแรงสำหรับคุณ. สิ่งนี้สามารถได้รับการชดเชยด้วยการเจริญเติบโตทางวิญญาณอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ดังกล่าว. ในที่สุดความทรงจำของคุณของช่วงเวลานี้จะจางหายไป, แต่คุณจะได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตในระดับความตระหนักรู้ของคุณ. คุณจะจากทวิภาวะไปไกลกว่ารูปธรรมใดๆ หลังจากคุณเข้ามาสู่มันครั้งแรก, ยาวนานนับยุคสมัยมาแล้ว. ดังนั้นให้มีความสุขกับหลายสัปดาห์ที่จะมาถึง ซึ่งมันจะเป็นการกระโดดของกิจกรรมต่างๆ และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากมายที่คุณได้คาดหวังไว้.

    The old paradigm is collapsing beyond the point where it can be re-established, and we are ready to help you bring the new one into being. Indeed, behind the scenes much has been going on to this end and has advanced quite quickly. We continue to make more appearances in your skies than ever before, and when we can finally commence our flyovers we know they will be well received. We feel that at last you are beginning to relax and accept things as they happen, knowing that all is in order and you will benefit from our assistance which will speed matters up. Whatever is required to take place this side of Ascension will come about as intended.

    กระบวนทัศน์เก่ากำลังล่มสลายไกลเกินกว่าที่มันจะสามารถสถาปนาขึ้นมาใหม่, และพวกเราพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณนำสิ่งใหม่เข้ามาสู่ชีวิต. อันที่จริง, ในเบื้องหลังสิ่งต่างๆจำนวนมากกำลังดำเนินไปสู่จุดจบ และมีความก้าวหน้าค่อนข้างรวดเร็ว. พวกเราจะปรากฏตัวมากขึ้นต่อไปในท้องฟ้าของคุณมากกว่าเมื่อก่อน, และเมื่อพวกเราสามารถเริ่มต้นการบินของพวกเราได้ในที่สุด พวกเรารู้ว่าจะได้รับการยอมรับอย่างดี. พวกเรารู้สึกว่าในที่สุดคุณจะเริ่มผ่อนคลายและยอมรับสิ่งต่างๆอย่างที่มันเป็น, ให้รู้ว่าทั้งหมดเป็นไปตามลำดับ และคุณจะได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือของพวกเรา ซึ่งจะเพิ่มความเร็วของสาระต่างๆ. อะไรก็ตามที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในด้านของการยกระดับ จะปรากฏออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้.

    We wish that your media was released from the grip of those who adulterate your news, often deliberately distorting the facts to mislead you. Also so many laws have been introduced will be changed so that you have more freedom of information, and that no longer will secrecy be allowed as an excuse to hide the truth. The extent to which you have been kept in the dark is way beyond what you suspect, and you will be astonished at what has been developed for your Space programs. With the help of Extraterrestrials amazing advancements have been made in Space travel, as you will learn. Presently quite a few craft you see in your skies are your own, that you have been prevented from knowing about.

    พวกเราหวังว่าสื่อของคุณจะถูกปลดปล่อยจากอุ้งมือของเหล่าผู้ที่ปลอมปนข่าวของคุณ, บ่อยครั้งที่ตั้งใจบิดเบือนความจริงเพื่อให้คุณเข้าใจผิด. เช่นกัน กฎหมายมากมายจะได้รับการเสนอให้เปลี่ยนแปลง เพื่อให้คุณมีอิสระในการรับรู้ข้อมูลข่างสาร, และในไม่นานความลับจะได้รับอนุญาต ซึ่งมันเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบังความจริง. ขอบเขตที่คุณถูกกักขังอยู่ในความมืด เป็นสิ่งที่ไกลเกินความสงสัยของคุณ, และคุณจะประหลาดใจในสิ่งที่ได้รับการพัฒนาในโครงการอวกาศของคุณ. ด้วยการช่วยเหลือของชาวต่างดาว การพัฒนาที่น่าทึ่งได้สร้างการเดินทางในอวกาศ, ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้. ในปัจจุบันยานบางยานที่คุณเห็นในท้องฟ้าเป็นยานของคุณเอง, นั่นคือสิ่งที่คุณถูกปกปิดไม่ให้รู้เกี่ยวกับมัน.

    I am SaLuSa from Sirius, and looking forward to the occasion when we can meet you and exchange friendly greetings. You will easily take to us as we are you from a higher level of consciousness. We have so much to share with you, and it will be a wonderful time. Our love freely flows to you at all times.

    I am SaLuSa from Sirius, และกำลังมองไปข้างหน้าถึงโอกาส ที่พวกเราจะสามารถพบปะคุณ และทักทายซึ่งกันและกันอย่างเป็นมิตร. คุณจะมาสู่พวกเราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพวกเราก็คือคุณในระดับความตระหนักรู้ที่สูงกว่า. พวกเรามีเรื่องราวมากมายที่จะแบ่งปันกับคุณ, และมันจะเป็นเวลาที่น่าอัศจรรย์. ความรักของพวกเราหลั่งไหลอย่างอิสระสู่คุณตลอดเวลา.

    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey.

    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2012
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441


    ขอเล่าให้ฟังอีกนิดนะครับ
    คือเมื่อตอนที่เพ่งพระอาทิตย์เช้าวันที่ 11ที่ผ่านมา
    ขณะที่กำลังส่งความรักให้ทุกๆสรรพสิ่ง ให้แม่ไกอา ให้กับเทพผู้นำทางอยู่
    ก็มองเห็นแสงสีชมพูม่วงครอบคลุมรอบๆดวงอาทิตย์ไปหมดเลยครับ
    ก็เลยถามตั้งโอ๋ว่าเห็นเป็นสีอะไรอยู่ (ปกติเขาเพ่งแทบทุกเช้า) ตั้งโอ๋บอกว่าเป็นแสงสีทอง
    แต่ไหงเรากลับเห็นเป็นแสงสีชมพูม่วง ก็งงๆก็ว่าตาเราเป็นอะไรไปเนี่ย
    คิดว่าสายตาคงปรับตัว หรือพยายามลดความจ้าของพระอาทิตย์โดยอัตโนมัติรึเปล่า?
    วันรุ่งขึ้นอีกวันออกมาเพ่งท่านอีก ก็เห็นแต่แสงสีทอง...ไม่ยักเห็นแสงสีชมพูม่วงเลย...

    พอเมื่อเช้านี้ มาเห็นข้อความ่ต่างมิติชุดนึงเข้า สะดุดอย่างน่าอัศจรรย์เลยครับ
    เค้าบอกว่า..มีมหาเทพท่านนึงที่กำลังทำงานร่วมกับ "แสงสีชมพู "อยู่น่ะครับ
    เราจะได้เห็นท่านเติมแสงบนท้องฟ้าในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกเป็นสีชมพูสว่างไสว
    และเมื่อเราเห็นแสงสีชมพูนี้ นั่นก็คือการทักทายจากท่านมหาเทพ Chamuel เทพแห่งความรัก
    ท่านจะครอบคลุมในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันไปทั่วโลกด้วยแสงสีชมพูของท่าน ที่จับจ้องมองตาเราด้วยความรัก

    ท่านมหาเทพ Chamuel มีความประสงค์จะพูดคุยกับเราเกี่ยวกับเปลวไฟคู่ Twin Flame
    การกลับมารวมกัน reuniting ผู้ที่มีความพร้อมและมีคลื่นความถี่ระดับเดียวกัน

    สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่ มีการจับกุมครั้งใหญ่ มีการเปิดเผยตัว
    และยานอวกาศของสภากาแลคติกได้ลงจอดบนพื้นโลก
    เปลวไฟคู่ของเราจะกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง
    ผู้คนเป็นล้านจะ reuniting กับเปลวไฟคู่ของเราเอง
    ซึ่งความเป็นจริงนี้ อาจทำให้เกิดความชุลมุนหรือไม่สบายใจกับหลายๆท่านได้เหมือนกัน

    เราสามารถเรียกหาท่านได้ครับ ท่านอยู่ที่นี่เพื่อให้คำแนะนำและช่วยเตรียมความพร้อม
    เพื่อรักษาเยียวยาโลก โดยการร่วมมือกับทวินเฟรมของเรา พูดคุยหรือโทรจิตถึงกันด้วยความรัก
    เพื่อช่วยสะสางชำระล้างสิ่งลบๆที่ต้องการล้าง สิ่งที่ไมพึงปรารถนาที่หลงเหลืออยู่ในชีวิตออกไป
    ก่อนกลับมารวมกันของ Twin Flame ของเราครับ

    Archangel Chamuel About Twin Flames : Welcome the Light

    โมทนากับคุณ Isreal และคุณ Empty ทีมแปลและคนอ่านทุกท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2012
  14. Mickycc

    Mickycc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +158
    The Lightworkers | Facebook

    กลับมาอีกครั้ง ดังกว่าเก่า พร้อมภาพและเสียง ผ่าน Ustream รับรองว่ามันแน่ๆ คุณ Joy และ The Lightworker

    https://www.spreaker.com/user/tiraonline/3ujdq

    https://www.spreaker.com/user/tiraonline/2012c

    https://www.spreaker.com/user/tiraonline/lightworker

    https://www.spreaker.com/user/tiraonline/the_lightworkers_radi

    [ame=http://www.ustream.tv/recorded/26964820]วิธีคุยกับวิญญาณเบื้องต้น, 13.11.2012 solyproject on USTREAM. Blog[/ame]
     
  15. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความการสื่อสารจาก Sananda/Yeshua
    SENDING YOUR LOVE

    via Dhyana Markley May 9, 2008

    ที่มา...Ascended Masters Speak Spiritual Techniques - Sananda-Yeshua via Dhyana Markley - Sending Your Love

    [​IMG]

    ในความเร่งรีบและความสับสนวุ่นวายของโลกในทุกวันนี้
    คนเรามักจะลืมเลือนสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกในชีวิตของเราไป
    ...ครอบครัวและเพื่อนสนิท

    ธรรมดาคนเรามักจะไม่เห็นคุณค่าของคนใกล้ตัว
    แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาตายจากไปหรือ หมดรักเรา
    คนส่วนใหญ่ก็จะเพิ่งนึกได้ว่าคนเหล่านั้นมีความหมายต่อพวกเขาเพียงไร

    ดังนั้น ในวันนี้ฉันอยากจะแนะนำเทคนิคทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง
    นั่นก็คือวิธี "การส่งมอบความรักของพวกคุณ" ให้กับบรรดาคนที่พวกคุณรักและใส่ใจที่สุด

    อันดับแรก หาที่นั่งที่สงบๆท่ามกลางธรรมชาติและจดจ่อไปยังคนทุกคนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของพวกคุณ
    คิดถึงเหตุผลที่ทำไมพวกเขาจึงมีความสำคัญต่อพวกคุณและพวกเขาทำให้ชีวิตของพวกคุณรุ่มรวยขนาดไหน

    จากนั้นลองเลือกพวกเขาขึ้นมาสักคนแล้วจดจ่อไปที่คนผู้นั้น
    หรือจินตนาการภาพของพวกเขาด้วยจิตของพวกคุณ
    ด้วยเจตนาที่จะส่งมอบความรักที่ไร้เงื่อนไขให้กับคนผู้นั้น

    ส่งความรักนี้ให้ตรงเข้าสู่หัวใจของพวกเขา
    โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
    โดยไร้ความคิดในการที่จะไปเปลี่ยนแปลงพวกเขา
    โดยไม่คาดหวังอะไรจากพวกเขาหรือต้องการสิ่งใดตอบแทน


    จงพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่วางพวกเขาเอาไว้ในกล่องความคิดที่ว่า
    " ...ถ้าเพียงแต่เธอหรือเขามีความอดกลั้น หรือ รู้จักสำนึกบุญคุณให้มากกว่านี้
    หรือ โกรธให้น้อยลงสักหน่อย ฉันคงจะรักพวกเขาได้มากขึ้น"
    ในทางกลับกัน แค่รักพวกเขาอย่างหมดใจและสุดความสามารถของพวกคุณเท่านั้น


    พวกคุณอาจเพียงแค่อยากจะแสดงความขอบคุณพวกเขา
    สำหรับสิ่งต่างๆอันสุดวิเศษในชีวิตของพวกคุณ
    ที่พวกเขาช่วยให้พวกคุณได้เรียนรู้บทเรียนทั้งหลายในชีวิต

    ทำแบบนี้ประมาณ 3 นาที ให้กับคนที่พวกคุณต้องการจะ"ให้พร"จากความรักของพวกคุณ
    จากนั้นก็ต่อด้วยผู้อันเป็นที่รักในชีวิตคนถัดๆไปของพวกคุณ
    และส่งมอบความรักที่ไร้เงื่อนไขนี้ให้กับพวกเขาคนละ 3 นาที

    นี่เป็นเทคนิคง่ายๆ เพราะพวกคุณรู้จักคนเหล่านี้เป็นอย่างดี
    พวกคุณรักพวกเขาพอที่จะเก็บพวกเขาเอาไว้ในชีวิตของพวกคุณ
    3 นาทีสำหรับผู้อันเป็นที่รักที่สุดในดวงใจของพวกคุณทุกๆคน เป็นครั้งคราว
    ต่อให้พวกเราพูดทุกๆสัปดาห์หรือแม้กระทั่งทำให้บ่อยขึ้นก็ไม่มากเกินไปหรอก
    ที่จะขอให้ตัวเองส่งมอบสิ่งนี้ให้กับบรรดาผู้อันเป็นที่รักที่สุดของพวกคุณน่ะ

    ด้วยความขอบคุณอย่างสุดหัวใจที่จะพิจารณาคำแนะนำของฉัน
    ฉันคือ Sananda หรือรู้กันกันดีในนามของ Yeshua

    ...................................

    Note: คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "เยซุส" Ιησους [Iēsoûs]
    ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง
    คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีเรียก
    ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด"
    เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา

    ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู
    ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้
    ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos]
    ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม"
    ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่นพระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น

    ที่มา... พระเยซู - วิกิพีเดีย
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เมื่อคืนนี้ฝันว่าได้ไปเที่ยวดวงอาทิตย์มาครับ

    เริ่มต้นจากห้องแล็ปห้องหนึ่ง ซึ่งเขาเชิญให้ผมและอีกหลายๆคน
    เข้าไปฟังบรรยายอะไรซักอย่าง เกี่ยวกับความกังวลของมนุษย์
    ที่มีต่อพายุสุริยะในช่วงวันที่ 21/12/12 นี้

    มีผู้เข้าร่วมฟังบรรยายหลายคน พวกเขาก็พูดในทำนองว่า
    เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปทั้งหลายแหละบนโลกในขณะนี้
    มันถูกออกแบบ ถูกควบคุม และถูกตรวจวัดมาอย่างดี และอย่างพิถีพิถันแล้ว
    เพราะฉะนั้น อย่าได้เป็นห่วงเรื่องพายุสุริยะ
    ที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โลกเลย
    เพราะว่าพวกเขาคอยกำกับดูแลให้อยู่

    พวกเขาบอกว่าจริงอยู่ประวัติศาสตร์ และค่าที่มนุษย์ตรวจวัดได้นั้น
    มันอาจจะมีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าจงอย่าลืมว่า
    ยังไงเสียเครื่องไม้เครื่องมือของมนุษย์ก็ยังไม่ถูกต้องแม่นยำมากพอหรอก
    และก็อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้
    มันไม่ได้ถูกปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม มันไม่ใช่เกิดขึ้นโดยสุ่ม
    เพราะว่ามีพวกเขาคอยตรวจวัด ตรวจสอบ และควบคุมดูแลให้อยู่

    ซึ่งในขณะที่พวกเขาบรรยายอยู่นั้น พวกเขาก็ยกสูตร
    และสมการทางคณิตศาสตร์ และทฤษฎีหลายอย่าง ขึ้นมาแสดงด้วย
    ซึ่งแน่นอนว่า ผมต้องจำไม่ได้อย่างแน่นอนครับ แหะแหะ
    เพราะมันซับซ้อนมาก

    และพร้อมกันนั้น พวกเขาก็แสดงให้เห็นเครื่องมือ
    ที่พวกเขาใช้ควบคุมและตรวจวัดดังกล่าวนี้ด้วย
    มันเหมือนกับว่า ขณะที่กำลังบรรยายอยู่ในห้องแล็ปอยู่นั้น
    ภาพสามมิติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น มันก็ปรากฎออกมาให้เห็นได้เลยอะไรแบบนั้น

    แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือ อุปกรณ์ที่ว่านั้น เป็นหินจากดวงอาทิตย์
    ที่มีสีขาวแกมเขียว และแกมฟ้าด้วย เหมือนหินหยกขาว
    ที่มีสีเขียวและสีฟ้าแกมบ้าง บางส่วน อะไรแบบนั้นแหละครับ
    และหินนั้นก็ถูกแะสลักเป็นรูปพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซะด้วย

    พระพุทธรูปที่ว่านั้นเป็นสไตน์มหายาน
    และมีส่วนที่แกะสลักเป็นรัศมีรอบๆองค์พระด้วย
    แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นรัศมีหรอกนะครับ
    เพราะมันเหมือนลวดลายอะไรบางอย่างมากกว่า
    แต่นั่นก็เป็นส่วนสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวัดค่าจากดวงอาทิตย์หละ
    พวกเขาว่างั้นนะครับ ส่วนฐานของพระพุทธรูป เป็นหินสีดำ มีหลายชั้นด้วย
    พวกเขาบอกว่า อุปกรณ์ของพวกเขาชิ้นนี้สามารถวัดได้ละเอียด
    ถึงระดับค่า 10 ยกกำลังลบร้อยกว่าๆเลยทีเดียว

    พอพวกเขาพูดเท่านั้นแหละ ผมกับคุณ Falkman แห่งห้องภัยพิบัติ
    ก็พากันเอาข้อมูลที่พวกเขากำลังบอกมาอยู่นั้น
    มาลองคำนวณดูคร่าวๆตามไปด้วย แล้วพวกเราก็พากันแย้งเขาว่า จริงเหรอ
    เพราะว่าเท่าที่พวกเราคำนวณกันอยู่นี่ มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
    แล้วพวกเขาก็เลยบอกว่า มันยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง
    ที่พวกเขายังไม่ได้บอกพวกเรา แล้วจากนั้นพวกเขาก็พาเรามาดูของจริง

    ภาพตอนที่กำลังจะเดินทางไปดูของจริง ซึ่งตั้งอยู่บนดวงอาทิตย์เลยนี่นั้น
    มันเป็นภาพของการเดินทาง แต่ไม่รู้ว่าเดินทางไปด้วยอะไรนะครับ
    รู้แต่ว่ากำลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เข้าไปทุกทีๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
    แต่ในระหว่างที่เดินทางอยู่นั้น ทีมงานของ คุณหนุ่ม คงกะพัน
    ซึ่งเป็นตัวแทนภาคสื่อมวลชน ที่ร่วมเดินทางไปด้วย
    ก็ทำหน้าที่บันทึกวีดีโอหรืออะไรซักอย่างเอาไว้ โดยมีคุณหนุ่มเป็นผู้บรรยาย

    [​IMG]
    (คุณหนุ่ม คงกะพัน)

    ผมเห็นและได้ยินเสียงคุณหนุ่มบรรยายว่า มันร้อนเข้าไปทุกทีแล้วครับ
    และดูเหมือนว่า ผิวหนังจะค่อยๆระเหยไปแล้วครับ อะไรแบบนั้น
    ในใจผมยังคิดอยู่เลยว่า สงสัยที่แห่งนี้ ผู้ที่อยู่ที่นี่
    คงจะไม่ต้องใช้กายกันแล้วแน่เลย แล้วจากนั้นพวกเราก็ไปถึงกัน

    พวกเรากำลังยืนอยู่บนพื้นดิน ซึ่งไม่มีเปลวไฟอะไรแต่อย่างใดเลย
    มันเป็นพื้นทราย เหมือนในทะเลทราย แต่ไม่ร้อน เพราะไม่มีแดด
    บรรยากาศสะอาด ปลอดโปร่ง และแจ่มใสมากๆ
    พวกเรายืนกันอยู่หน้ารูปปั้น หรือรูปหินแกะสลักอะไรซักอย่างหนึ่ง
    ดูเหมือนจะเป็นรูปแกะสลักพระพุทธรูปที่ว่านั้นแหละครับ

    ที่ผมใช้คำว่าดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแกะสลักพระพุทธรูปอันนั้นก็เพราะว่า
    ในความรู้สึกนั้น มันจะเป็นอะไรก็ได้ มันจะเปลี่ยนรูปเป็นอะไรก็ได้
    เพราะว่าอุปกรณ์ หรืออะไรก็ตามที่อยู่ที่นี่
    มันจะเปลี่ยนรูปของมันเล่นอยู่ตลอดเวลา เป็นอะไรก็ได้

    สักพัก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างเหมือนมนุษย์ มีสองแขนสองขา
    มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่สีผิวเป็นสีฟ้าอ่อนๆ และบนศรีษะของเธอ
    แทนที่จะเป็นผมเหมือนเรา กลับเป็นเหมือนอะไรที่แข็งๆ เหมือนหิน
    และมีรูปร่างคล้ายๆม้วนเกศาที่เป็นรูปก้นหอยจำนวนมากมาย
    ที่อยู่บนเศียรของพระพุทธรูปอะไรแบบนั้นแหละครับ และก็สีฟ้าอ่อนเหมือนกัน
    เธอเดินมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง แล้วก็เริ่มบรรยายให้พวกเราฟัง

    รายละเอียดที่เธอบรรยาย ผมจนปัญาที่จะจดจำได้จริงๆ
    เพราะว่าในสภาวะนั้น ถึงแม้ว่าผมจะค่อนข้างรู้ตัวอยู่ว่า
    มันไม่ใช่สภาวะยามตื่นตามปกติของผมแน่ๆเลย
    และผมก็พยายามที่จะจดจำให้ได้ด้วยซ้ำไปว่ามีใครไปด้วยบ้าง
    เพื่อที่จะเอามาเล่าให้คนอื่นฟังยามตื่นแล้ว แต่มันก็เป็นอะไรที่คลุมเครือ
    อธิบายแบบทางโลก หรือแบบมิติที่สามของเราไม่ได้

    เช่น มีผู้ที่ไปด้วยหลายคนที่ผมไม่รู้จัก แต่ในความรู้สึกมันรู้ขึ้นมาเองว่า
    คนหนึ่งคือด็อกเตอร์หนุ่ม จบจากนอกคนหนึ่ง อาจจะเป็น ดร.ก้องภพ
    ส่วนอีกคนหนึ่งที่ในฝัน ผมพยายามจะระลึกให้ได้ว่าเขาเป็นใครบนโลกของเรากันนะ
    แต่ผมก็นึกไม่ออก เหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่รู้ว่าเขาเป็นหัวหน้าชุมชน
    หรือหัวหน้าหมู่บ้าน คนสำคัญคนหนึ่ง

    ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นบรรยายอยู่นั้น ดร.คนนั้นก็จดใหญ่เลย
    และผู้หญิงคนนั้นก็ย้ำให้เขารู้อีกว่า วิทยาการบนโลกมนุษย์ของเราหนะ
    ยังไม่สามารถทำอะไร หรือวัดค่าอะไร ได้ถูกต้องแม่นยำนักหรอก

    แล้วสักพักผมก็เหลือบไปเห็นอุปกรณ์สองชิ้น ที่มีขนาดราวๆลูกฟุตบอลเข้า
    รูปร่างมันเกือบจะกลม แต่มันมีเรด้าเป็นแท่งชูขึ้นมาอยู่หลายจุด
    มันเคลื่อนที่เข้ามาในบริเวณที่พวกเรากำลังบรรยายอยู่นั่นแหละ
    แล้วสักพักมันก็เปลี่ยนรูปร่างไป อันหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นแจกันใหญ่
    อีกอันหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นเข่งปลาทู ตลกดีไหมหละครับ ใครไม่รู้จักเข่งปลาทูบ้าง
    แล้วสักพักผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะตะโกนเอ็ดพวกมันไปว่า
    แอบอู้งานนอนหลับอีกแล้ว พวกมันก็เลยลุกขึ้นมา และกลับเป็นร่างเดิมทันที

    ผู้หญิงคนนั้นอธิบายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ ล้วนมีชีวิตทั้งนั้น
    พอผมได้ฟังดังนั้น ผมก็รู้ทันทีว่า งั้นดาวดวงนี้ก็ด้วยสิ พื้นดินก็ด้วยสิ
    เธอตอบผมว่า ใช่แล้ว ผมเลยใช้มือกำดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ
    แล้วผมก็จ้องมองลงไปที่พวกเขา ภาพขยายของพวกเขาก็ปรากฎขึ้นมาทันที
    คือผมเห็นดินทุกๆเม็ดที่ผมกำขึ้นมาอย่างชัดเจน มันเป็นสีน้ำตาล
    และผมรู้สึกว่าพวกเขาก็กำลังจ้องมองดูผมกลับอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
    จากนั้นผมอยากรู้ว่าพวกเขากำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ ผมเลยเอาหูแนบฟังพวกเขา

    ผมได้ยินเสียงดนตรี และเสียงร้องเพลงขับขานประสานเสียงกันของพวกเขา
    ที่ไพเราะเพราะพริ้งมากๆ พวกเขาไม่ได้ร้องออกมาเป็นคำพูด
    แต่เหมือนร้องเป็นโทนเสียงสอดประสานกันไปมาซึ่งไพเราะมากๆ
    ผมฟังไปก็ร้องตามพวกเขาไปด้วย ในช่วงขณะนั้น
    ผมรู้สึกว่า ตัวเองได้กลายไปเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาไปซะแล้ว
    แล้วความรู้สึก "จำได้" ถึงอะไรบางอย่างของผม ก็ผุดขึ้นมา

    ผมรู้สึกว่าผมจากที่ไหนซักแห่งมา นานแสนนานเหลือเกินแล้ว
    ผมคิดถึงที่นั่นมาก แล้วความรู้สึกเวิ้งว้าง และคิดถึงบ้านเก่า ก็ครอบงำผม
    จนผมรู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกๆ ผมรู้อีกว่าถ้าผมรู้สึกแบบนี้
    ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำ
    มันจะทำให้ผมหลุดออกไปจากระดับการตระหนักรู้นี้อย่างแน่นอน
    แล้วผมก็หลุดจริงๆด้วย คือผมตื่นขึ้นมาจากฝันอันนั้น

    ในความรู้สึกหลังจากตื่นขึ้นมานั้น ผมรู้ว่าที่พวกเขาเชิญให้พวกผมไปดู
    และไปฟังบรรยายมานั้น ก็เพื่อที่แต่ละคน จะได้กลับมาแจ้งข่าวให้
    คนที่อยู่ในประเทศของตัวเองได้รับรู้ว่า ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปด้วยดี
    ทุกสิ่งทุกอย่าง มันกำลังถูกกำกับดูแล และถูกตรวจวัด ตรวจสอบอย่างรอบคอบ
    และอย่างถี่ถ้วนดีอยู่แล้ว มนุษย์จงอย่าได้ห่วงกังวลอะไรไปเลย

    อะไรแบบนั้นหนะครับ..ก็ถือซะว่า..เล่าความฝันสนุกๆให้กันฟังนะครับ

    .....................................................................


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  17. chevasit

    chevasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +424
    เป็นฝันที่เยี่ยมมาก คุุณchayutt
     
  18. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ชอบความฝันของคุณ Chayutt มาก อ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นราวกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยจริงๆ ผมเคยทราบมาเหมือนกันว่าดวงดาวแต่ละดวงก็มีชีวิตเหมือนกัน รวมไปถึงส่วนประกอบต่างๆที่เป็นหิน คริสตัล แร่ต่างๆ ก็มักจะมีจิตวิญญาณบางอย่างอาศัยอยู่ ถ้าบางคนที่เคยสัมผัสถึงความมีอยู่ของเขาได้ จะรู้สึกว่ารอบๆตัวเราก็มีภพซ้อนอยู่มากมายเต็มไปหมด ในหินพลอยก้อนหนึ่งอาจเป็นภพที่อยู่ของจิตวิญญาณ(ขอเรียกว่าจักรพรรดิหรือกายสิทธิ์)ซ้อนอยู่ภายใน ลักษณะของภพเหล่านั้นบางอย่างก็คล้ายๆกับโลกเรา เช่น มีแผ่นดิน มีน้ำ มีต้นไม้ใบหญ้า แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปมากมาย มีทั้งที่ สวยงาม ร่มรื่น และแปลกตา ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผมเคยไปเห็นเองนะ แต่ภรรยาผมเคยไปสัมผัสทางความฝัน เพราะผมชอบเอาหินพลอยหลายชนิดไปให้เธอ แล้วบอกให้เธอลองติดต่อเขาดู เพื่อนๆในก้อนหินพลอยก็เลยพาเที่ยวชมโลกของเขา ได้เห็นความเป็นอยู่ ได้ไปทานผลไม้ทิพย์ที่นั่น เป็นประสบการณ์ดีๆที่เธอมาเล่าให้ผมฟังครับ โรสควอร์ทเขาชอบสีชมพู แต่งตัวด้วยชุดสีชมพูกันเป็นปกติ เพื่อนๆหินในนั้นเอาชุดสีชมพูมาให้เป็นของขวัญกับเธอในฝันด้วย

    ขอบคุณ คุณสันโดษ ที่เอารูปมาฝากทำให้เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น บางอย่างผมยังนึกไม่ถึงเลยว่าหมายถึงอะไร ^^

    ขอฝากเชิญชวนเหล่า Starseed Lightworker และผู้สนใจที่นี่ครับ
    http://palungjit.org/threads/รวมพลคนสู้ภัยพิบัติ-ตอน-ประกาศรวมพลบน-facebook.337576/page-11
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  19. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า แห่ง The Galactic Federation
    ผู้รับสาส์น : Mike Quinsey
    ที่มา : Galactic Channelings - English

    SaLuSa, November 14, 2012

    The love and peace being established on Earth is growing exponentially, and as each day now passes it is encompassing the whole world. To a greater or lesser degree every soul is being affected by it, and some find it more easy to take into their being than others. So each soul is given the same opportunity for growth into the Light, and to take part in Ascension. However, knowledge of the Ascension process is not necessary to be assured of rising up with it. There are many, many souls that are kind, loving and compassionate who are also ready for such an upliftment. In fact they may have quite a different view of the future, but that does not matter as they will soon adapt to the coming changes.

    ความรักและสันติภาพที่ได้สถาปนาขึ้นบนโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด, และในแต่ละวันที่ผ่านไปในขณะนี้มันกำลังห้อมล้อมโลกทั้งโลก. เพื่อเพิ่มหรือลดระดับ ทุกๆวิญญาณกำลังได้รับผลกระทบโดยมัน, และบางคนค้นพบว่ามันง่ายขึ้นที่จะเข้าสู่ชีวิตของพวกเขามากกว่าผู้อื่น. ดังนั้นแต่ละวิญญาณจะได้รับโอกาสเหมือนกันที่จะเติบโตเข้าสู่แสงสว่าง, และเข้าร่วมในการยกระดับ. อย่างไรก็ตาม, ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการของการยกระดับไม่ได้มีความสำคัญในการรับรองว่าจะได้ยกระดับไปกับมัน. มีวิญญาณมากมายที่มีความกรุณา, ความรักและความเห็นอกเห็นใจ ผู้ซึ่งมีความพร้อมเช่นกันสำหรับการยกระดับ. อันที่จริง พวกเขาค่อนข้างมีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับอนาคต, แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ เมื่อพวกเขาปรับตัวได้ในไม่ช้าต่อการมาของการเปลี่ยนแปลง.

    As you know, every encouragement has been given to Humanity for a considerable time, to turn to the Light as we desire that as many souls as possible are lifted up. Some souls turn down point blank any approach made to acquaint them with Ascension. In those circumstances they are provided for so that they can continue on their chosen path, that will give them further opportunities to ascend. There is no pressure put upon such souls, as life is infinite and you have as much time as you like to evolve. Although your coming Ascension is a high point in your growth you will continue to follow a path of soul evolution, but it will never be as tough or demanding as the period you have just gone through.

    อย่างที่คุณรู้, ทุกๆกำลังใจที่มอบให้กับมนุษยชาติเป็นเวลานาน, เพื่อหันกลับมาสู่แสงสว่างที่พวกเราปรารถนาให้วิญญาณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ได้รับการยกระดับ. บางวิญญาณหันกลับไปสู่จุดที่ว่างเปล่าต่อวิธีการใดๆที่ทำให้พวกเขารู้จักการยกระดับ. ในกรณีเหล่านั้นพวกเขาจะได้รับการตระเตรียมเพื่อที่จะสามารถเดินในหนทางของการยกระดับที่พวกเขาเลือกต่อไปได้, นั่นจะให้โอกาสพวกเขามากขึ้นในการยกระดับ. จะไม่มีการกดดันต่อวิญญาณใดๆ, ซึ่งชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด และคุณมีเวลามากพอถ้าหากคุณปรารถนาการวิวัฒนาการ. แม้ว่าการยกระดับที่กำลังมาถึงของคุณเป็นจุดที่อยู่ระดับสูงในการเติบโตของคุณ คุณก็ยังวิวัฒนาการทางวิญญาณต่อไปได้, แต่มันจะไม่ยากหรือต้องการเหมือนช่วงเวลาที่กำลังจะผ่านไปนี้.

    if you are well along the path of Light you will have determined what "baggage" you are carrying, that is best released to fully prepare you for Ascension. You are often tied to habitual practices that you attribute to the needs of your physical body. It could be addictive substances such as nicotine or drugs in general. Be assured that once you put your mind to giving them up, you will find it easier than you might have expected. Such pleasures of the body have no place in the higher dimensions, and the higher your own vibrations the less dependent you will be on them. So know that the answer is in your own hands, although you will get assistance from our side of the veil. You are never alone in your endeavors to lift yourselves up, so call upon your helpers to work with you.

    ถ้าหากคุณดำเนินไปด้วยดีในหนทางของแสงสว่าง คุณจะได้ตัดสินใจว่าภาระใดที่คุณกำลังยึดถืออยู่, การปลดปล่อยสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเตรียมตัวคุณอย่างเต็มที่สู่การยกระดับ. คุณมักจะยึดติดอยู่กับการปฏิบัติจนเป็นนิสัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติของความต้องการของร่างกายของคุณ. มันอาจเป็นการใช้สารเสพติดเช่น นิโคติน หรือยาทั่วๆไป. ให้มั่นใจว่าเมื่อคุณใส่ใจที่จะยกเลิกมัน, คุณจะพบว่ามันเป็นการง่ายกว่าที่คุณคาด. ความพึงพอใจทางร่างกายด้วยวิธีนั้นจะไม่มีที่ในมิติที่สูงกว่า, และยิ่งความถี่ของคุณสูงขึ้นมากเท่าใด ความพึ่งพาสิ่งเหล่านั้นก็ลดน้อยลงเท่านั้น. ดังนั้นให้รู้ว่าคำตอบอยู่ในมือของคุณเอง, คุณจะได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราในอีกด้านหนึ่งของผนัง. คุณไม่เคยอยู่คนเดียวในความพยายามของคุณเพื่อยกระดับตัวคุณเองขึ้น, ดังนั้นจงเรียกหาผู้ช่วยเหลือของคุณเพื่อทำงานร่วมกับคุณ.

    With your upliftment what you are discovering is that there is a distinct difference between physical love and soul love. One is for the satisfaction of the physical senses, whilst the other is Universal Love for all life everywhere. On Earth you tend to be led by physical attraction and often take up partnerships without really knowing the person. In the higher dimensions you see each soul as they really are and there is no hiding of the truth. Being of a higher vibration you can see each others auric colours, and with an understanding of their meaning you will know their soul path and energies that they are using. Twin flames and Twin souls will come to know each other, and usually decide to come together to further their evolution. There is so much for you to learn about your future opportunities, but there will be many of us on hand to help you.

    ด้วยการยกระดับของคุณ สิ่งที่คุณค้นพบก็คือความแตกต่างอย่างเด็ดขาดระหว่างความรักทางร่างกายและความรักทางวิญญาณ. สิ่งหนึ่งเพื่อความพึงพอใจทางด้านความรู้สึกทางร่างกาย, ขณะที่อีกสิ่งหนึ่งคือความรักของจักรวาลสำหรับทุกชีวิตในทุกๆที่. บนโลกคุณมีแนวโน้มที่จะตามความดึงดูดทางร่างกาย และมักจะเข้าร่วมโดยปราศจากความรู้จริงเกี่ยวกับคนนั้น. ในมิติที่สูงกว่า คุณจะเห็นแต่ละวิญญาณตามความเป็นจริง และไม่มีการปกปิดความจริง. ชีวิตในความถี่ระดับสูงคุณจะเห็นสีของออร่าของผู้อื่น, และด้วยความเข้าใจความหมายของมัน คุณจะรู้วิถีทางวิญญาณของคนผู้นั้นและพลังงานที่พวกเขาใช้. ความรักและคู่ทางวิญญาณจะมาให้รู้จักซึ่งกันและกัน, และปกติจะตัดสินใจไปด้วยกันเพื่อการวิวัฒนาการของพวกเขาต่อไป. มีสิ่งต่างๆสำหรับคุณที่จะรู้อีกมากเกี่ยวกับโอกาสในอนาคตของคุณ, แต่มีพวกเราจำนวนมากที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ.

    Some of your learning will take place on board our ships, which will be open to you after Ascension. It excites us to think of your joy and surprise when you can experience what it is like to be on a Mothership. There is much that you have not yet heard of or will be able to understand. However, we want you to become acquainted with our technologies, as some of you are ready to use them now. As you will probably know already, many of you have visited our ships in your sleep state but few of you retain the memories of it. It means that when you do visit us again, you will have subconscious memories of such visits and you will realize that it is familiar to you. You will find that many different types of Beings from other civilizations work side by side for the Galactic Federation of Light. We enjoy the knowledge and differences that other Extraterrestrials bring with them that we can all share. Sharing is the operative word that expresses everything that we do, and it is done for the good of all.

    บางส่วนของการเรียนรู้ของคุณจะเกิดขึ้นบนยานของพวกเรา, ซึ่งจะเปิดต่อคุณหลังจากยกระดับ. มันทำให้พวกเราตื่นเต้น เมื่อคิดถึงความสุขและความประหลาดใจของคุณ เมื่อคุณสามารถมีประสบการณ์ในสิ่งที่คุณชอบในการอยู่บนยานแม่. ยังมีเรื่องมากมายที่คุณยังไม่เคยได้ยินหรือสามารถเข้าใจได้. อย่างไรก็ตาม, พวกเราต้องการให้คุณคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของพวกเรา, ซึ่งพวกคุณบางคนมีความพร้อมที่จะใช้พวกมันแล้วในขณะนี้. ซึ่งคุณอาจจะรู้แล้ว, พวกคุณจำนวนมากได้มาเยือนยานของพวกเราในเวลาหลับ แต่มีน้อยคนที่จำได้เกี่ยวกับมัน. มันหมายความว่าเมื่อคุณมาเยือนพวกเราอีกครั้ง, คุณมีความทรงจำใต้สำนึกของการมาเยือนนั้น และคุณจะรู้ว่ามันเป็นที่คุ้นเคยสำหรับคุณ. คุณจะค้นพบว่ารูปธรรมที่แตกต่างกันหลายประเภทจากอารยะธรรมอื่น ทำงานเคียงข้างกันเพื่อสมาพันธ์แกแลกติกแห่งแสงสว่าง. พวกเราเพลิดเพลินกับความรู้และความแตกต่าง ที่รูปธรรมต่างดาวอื่นๆนำมากับพวกเขา ซึ่งพวกเราสามารถแบ่งปันกัน. การแบ่งปันคือถ้อยคำปฏิบัติการที่แสดงออกถึงทุกๆสิ่งที่พวกเราทำ, และมันทำเพื่อสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน.

    On Earth you have learnt to fight for possessions and talk of ownership as a right. That has largely been due to the dark Ones who have systematically kept you in constant need, even for the basic items that are needed to exist. In the future you will experience abundance and never again want for anything. God provided and it is Man who divided so that there were two classes of people, the rich and the poor. The so-called shortages have been the result of control and manipulation to enslave you to the big corporations. It has also meant that you have been denied advances, that would have immediately given you a better quality of life such as for example free energy. It will be given to you very soon, and at a stroke change the quality of your lives.

    บนโลกคุณได้เรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อดินแดนและพูดถึงการเป็นเจ้าของสิทธิ. ส่วนใหญ่เนื่องมาจากฝ่ายมืด ผู้ซึ่งควบคุมคุณอย่างเป็นระบบให้มีความต้องการอยู่ตลอดเวลา, แม้แต่เรื่องปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต้องมี. ในอนาคตคุณจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ และไม่ต้องการอะไรเลย. พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้และมันคือมนุษย์ผู้ที่แบ่งแยก เพื่อที่จะได้มีประชาชนสองชนชั้น, คนรวยกับคนจน. ความขาดแคลนเป็นผลมาจากการควบคุมและการจัดการเพื่อทำให้คุณเป็นทาสต่อบริษัทขนาดใหญ่. เช่นกัน มันหมายความว่าคุณได้ปฏิเสธความก้าวหน้าต่างๆ, ที่มันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นในทันที ยกตัวอย่างเช่นพลังงานฟรี. มันจะนำมาให้คุณในเร็วๆนี้, และที่จังหวะการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพชีวิตของคุณ.

    We know how patient you have been as the saga of defeating the dark Ones has dragged on. We are satisfied that they have little power left and we are in the throes of curtailing it now. With Obama at the helm once more matters can be speeded up and he will become a very busy person in short time. We have planned this time with him and nothing or no one will be able to stop progress. It is as you might say written in the stars, and he has received our protection at all times. Indeed every Light worker is protected, although we are bound by their life plan if they are intending to sacrifice their life for the greater good of all. You have many great Beings in your history who have done just that, and the manner of their going is no accident, it is planned. Perhaps your most loved President John F. Kennedy is a typical example of one in your recent times.

    พวกเรารู้ถึงความอดทนของคุณซึ่งเป็นความกล้าหาญที่ได้เอาชนะฝ่ายมืดอย่างยืดเยื้อ. พวกเราพึงพอใจที่ฝ่ายมืดมีอำนาจเหลืออยู่น้อยนิด และพวกเราหมายมั่นจะกำจัดมันในขณะนี้. จากการที่โอบามาได้ถือหางเสืออีกครั้ง สาระต่างๆจะสามารถเพิ่มความเร็วขึ้น และเขาจะกลายเป็นคนที่ยุ่งมากเวลาอันสั้น. พวกเราได้วางแผนมาทำงานกับเขาสำหรับเวลานี้ และไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดจะสามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าได้. คุณอาจพูดได้ว่ามันถูกเขียนไว้ในดวงดาว, และเขาได้รับการคุ้มครองจากพวกเราตลอดเวลา. อันที่จริง ไลท์เวิร์คเกอร์ทุกๆคนก็ได้รับการคุ้มครอง, พวกเราถูกจำกัดโดยแผนชีวิตของพวกเขา ถ้าหากพวกเขามุ่งหมายที่จะสละชีวิตของพวกเขาเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นของทุกคน. คุณมีรูปธรรมที่ยิ่งใหญ่มากมายในประวัติศาสตร์ของคุณที่ทำสิ่งนั้น, และวิถีชีวิตของพวกเขาไม่ใช่อุบัติเหตุ, มันเป็นแผน. บางทีประธานาธิบดีที่คุณรักที่สุด จอห์น เอฟ เคนเนดี้ คือกรณีตัวอย่างหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ของคุณ.

    I am SaLuSa from Sirius, and pleased to continue my messages, intended to prepare you for the New Age. Looking back it is quite extraordinary that we have been in contact with you for some 70 years, and look where you all are today. You are familiar with our presence, and in general accept that we are your family. We feel that we have achieved so much in a relatively short time, and here we are so near to being able to openly visit you. We look forward to those times when we can share many things with you.

    I am SaLuSa from Sirius, และยินดีจะสื่อข้อความต่อไป, ด้วยความมุ่งหมายที่จะเตรียมคุณสำหรับยุคใหม่. เมื่อมองย้อนกลับไปมันค่อนข้างน่ามหัศจรรย์มาก ที่พวกเราได้ติดต่อกับคุณมาเป็นเวลา 70 ปี, และมองมาที่คุณในวันนี้. คุณคุ้นเคยกับการดำรงอยู่ของพวกเรา, และโดยทั่วไปก็ยอมรับว่าพวกเราคือครอบครัวของคุณ. พวกเรารู้สึกว่าพวกเราประสบความสำเร็จอย่างมากในเวลาอันสั้น, และที่นี่พวกเราอยู่ใกล้กับการเยี่ยมเยือนคุณอย่างเปิดเผย. พวกเรามองไปข้างหน้าถึงเวลานั้น เมื่อพวกเราสามารถแบ่งปันหลายๆสิ่งกับคุณ.


    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey.

    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
     
  20. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    รู้สึกว่าตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้มา โลกกำลังเริ่มเข้าสู่มิติที่สูงกว่าแล้วละครับ เพราะก่อนหน้านี้ฝันบ่อยๆว่า ตนเองเข้าไปซื้อข้าวราดแกงที่ร้านอาหาร แต่ก็หมดทุกร้าน ตลาดกำลังปิดตัวลง ตลาดวาย อะไรประมาณนั้นครับ ฝันแบบนี้อยู่หลายครั้ง ทุกเดือน เพิ่งมาตีความออก อิอิ และที่น่าดีใจก็คือ ต้นสัปดาห์นี้ ก็ฝันว่า เข้าไปซื้อข้าวราดแกงอีก แต่ว่า เพิ่งมีร้านเปิดใหม่อยู่ร้านเดียว ใหม่ทั้งร้าน ทั้งตลาด ดูสะอาดมาก แล้วก็สั่ง ปูราดพริก กับ ผัดฉ่าทะเลรวมมิตร แม่ค้าตั้งให้เต็มจานครับ แล้วก็บอกว่า 60 บาท ผมก็ให้เงินไป เปิดในกระเป๋า มีแต่แบ้งใหม่ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ให้ไป100 แม่ค้า ทอนมา 70 สรุปข้าวราดแกงสุดหรู ราคา 30 บาทครับ อิอิ

    แวะมาเล่า ขำๆ (กำลังนึกถึงโฆษณา อะไรหว่า ที่มีผู้หญิงซื้อสร้อยเพชร แล้วเจ้เจ้าของร้านชั่งกิโลขาย 30 บาท อิอิอิ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...