'นาซา'ยัน 21-12-12โลกไม่แตก!?!

นักวิทยาศาสตร์'นาซา'มีคำตอบ ทำไม21-12-12โลกไม่แตก!?!
สำนักข่าวอิศรา แปลโดยฉัตรณรงค์ เมืองวงษ์

จากความเชื่อที่ว่า วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 อันเป็นจุดสิ้นสุดของปฏิทินมายันโบราณจะเป็นวันมหาวิบัติหรือ “วันสิ้นโลก” ส่งผลให้เกิดการตื่นตระหนกไปทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้วันดังกล่าวเท่าไร ข้ออ้างทางความเชื่อเหล่านั้นก็ยิ่งถูกล้มล้างด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซา (National Aeronautics and Space Administration: NASA) สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาตอบคำถามในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก พร้อมทั้งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ขององค์การนาซา NASA - Home ไว้ดังนี้


Q: มีสัญญาณเตือนอะไรเกี่ยวกับวันสิ้นโลกอย่างที่หลายๆ เว็บไซต์อ้างถึงบ้างไหม?

A: โลกจะไม่แตกในปี 2012 นี้ โลกของเราคงอยู่มาได้อย่างปลอดภัยตลอดเวลามากกว่า 4 พันล้านปี นอกจากนี้ เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ทั่วโลกต่างก็ตรวจไม่พบสัญญาณเตือนใดๆ


Q: คำทำนายที่ว่าโลกจะแตกในปี 2012 มาจากไหน?

A: เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากความเชื่อเกี่ยวกับ “นิบิรุ” ดาวเคราะห์ที่อ้างว่าถูกค้นพบโดยชาวสุเมเรียนกำลังมุ่งหน้ามายังโลก ในตอนแรก ภัยพิบัติครั้งนี้ถูกทำนายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2003 แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วาระสุดท้ายของโลกจึงถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคม 2012 โดยมีการเชื่อมโยงไปถึงการสิ้นสุดหนึ่งรอบอันยาวนานของปฏิทินมายันโบราณในวันที่มีกลางวันสั้นที่สุดหรือ “Winter Solstice” ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง


Q: ปฏิทินมายันสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงหรือ?

A: มันเป็นแค่ของที่ไม่ต่างไปจากปฏิทินแขวนบนผนังครัวของคุณ ปฏิทินธรรมดาสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี ส่วนปฏิทินมายันก็จะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคมหลังจากครอบรอบการนับอันยาวนานนั่นเอง และเช่นเดียวกัน ปฏิทินธรรมดาจะเริ่มนับใหม่ในวันที่ 1 มกราของปีใหม่ ปฏิทินมายันก็จะเริ่มนับรอบใหม่อีกเช่นกัน


Q: นาซาได้ทำนายว่าไฟฟ้าจะดับทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 23-25 ธันวาคมหรือไม่?

A: ไม่ใช่อย่างแน่นอน ทั้งนาซาและองค์การวิทยาศาสตร์อื่นๆ ไม่ได้มีหน้าที่ทำนายเรื่องไฟฟ้าดับทั้งสิ้น การรายงานที่บิดเบือนนี้อ้างว่า การจัดเรียงของดวงดาวบางกลุ่มในอวกาศจะทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ซึ่งจริงๆ แล้วจะไม่มีการเรียงตัวใดๆ ในลักษณะที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ข่าวลือบางข่าวได้อ้างถึงข้อความของเจ้าหน้าที่นาซาชื่อ Charles Bolden ซึ่งในเนื้อความเป็นเพียงการกระตุ้นให้ประชาชนเตรียมพร้อมในภาวะฉุกเฉิน และแนะนำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือภัยพิบัติให้แน่นหนาขึ้น โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องไฟฟ้าดับแต่อย่างใด


Q: ดาวเคระห์ต่างๆ มีโอกาสเรียงตัวในลักษณะที่จะส่งผลกระทบต่อโลกได้หรือไม่

A: จะไม่มีการเรียงตัวของดาวเคราะห์อย่างน้อยในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า แต่หากการเรียงตัวจะเกิดขึ้นจริง มันก็ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น ผลกระทบจากการเรียงตัวของดาวเคราะห์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 1962 และอีกสองครั้งเล็กๆ ระหว่างปี 1982 ถึงปี 2000 โดยในทุกๆ เดือนธันวาคมของทุกปี โลกและดวงอาทิตย์และเรียงตัวกันในแนวที่ใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเพียงเหตุการณ์ประจำปีที่ไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ ต่อโลก


Q:ดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์แคระสีน้ำตาลชื่อ “นิบิรุ” หรือ “แพลนเน็ตเอ็กซ์” หรือ “อีริส” ที่กำลังมุ่งหน้ามายังโลกและจะก่อให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่

A: นิบิรุรวมถึงดาวดวงอื่นๆ เป็นเพียงแค่เรื่อง “ลวงโลก” ที่แพร่กระจายอยู่บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ มารองรับคำกล่าวอ้างพวกนี้เลย ถ้า นิบิรุ หรือ แพลนเน็ตเอ็กซ์ มีอยู่จริงและจะชนกับโลกในปี 2012 นี้ นักดาราศาสตร์คงตรวจพบได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมาแล้ว และที่สำคัญตอนนี้เราจะมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า สรุปได้ว่า มันไม่ได้มีอยู่จริงอย่างแน่นอน ส่วน อีริสนั้นมีอยู่จริง แต่เป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์แคระคล้ายพลูโตที่โคจรอยู่ในระบบสุริยะชั้นนอก ระยะที่มันเข้าใกล้โลกได้มากที่สุดคือ 4 พันล้านไมล์


Q: ทฤษฏีขั้วโลกพลิกด้านคืออะไร พื้นโลกสามารถหมุนกลับด้าน 180 องศารอบแก่นโลกในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมงได้จริงหรือไม่

A: การพลิกด้านของโลกมีโอกาสเป็นไปได้จริง หากแต่เป็นปรากฏการณ์ที่แผ่นเปลือกโลกขยับอย่างช้าๆ อาทิ แผ่นแอนตาร์กติกาที่เข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่าเดิมหลายร้อยไมล์ เมื่อเทียบหลายล้านปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำกล่าวอ้างที่ว่า ขั้วโลกทั้งสองจะพลิกกลับด้านกัน เว็บไซต์หลายๆ แห่งได้ใช้เทคนิค bait-and-switch กับผู้อ่าน พวกเขามักจะผูกเรื่อง “การสลับขั้วสนามแม่เหล็กที่ขั้วโลก” กับ “การพลิกกับด้านของขั้วโลก” เข้าด้วยกัน ซึ่งการสลับขั้วสนามแม่เหล็กจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 แสนปีโดยประมาณ เท่าที่ความรู้ที่มนุษย์มีตอนนี้ เชื่อว่า การสลับขั้วสนามแม่เหล็กไม่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ต่างเชื่อว่า มันมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้ และอีกหลายพันปีข้างหน้า


Q: โลกมีความเสี่ยงที่จะถูกอุกกาบาตพุ่งชนในปี 2012 หรือไม่

A: โลกตกเป็นเป้าของดาวหางและดาวเคราะห์น้อยเสมอ แม้ว่าการพุ่งชนครั้งใหญ่ๆ เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก การพุ่งชนครั้งใหญ่ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว นำไปสู่การสูญพันธ์ของไดโนเสาร์ในที่สุด

ปัจจุบัน นักดาราศาสตร์ของนาซากลุ่มหนึ่งกำลังทำหน้าที่ “ยามสำรวจอวกาศ” หรือ Spaceguard Survey เพื่อเฝ้าระวังและตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะเข้าใกล้โลก พวกเรามั่นใจว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัตถุอันตรายขนาดใหญ่เท่ากับตอนที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ การทำงานทุกอย่างจะได้รับเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Near-Earth Object Program ซึ่งตั้งขึ้นโดยเฉพาะเป็นประจำทุกวัน คุณสามารถเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลยว่า ไม่มีอะไรที่เชื่อได้ว่าจะพุ่งชนโลกในปี 2012 นี้เลย


Q: นักวิทยาศาสตร์ในนาซารู้สึกอย่างไรบ้างกับข่าวลือเรื่องวันสิ้นโลก

A: สำหรับข้ออ้างเรื่องภัยพิบัติหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งมหึมาต่างๆ ของปี 2012 วิทยาศาสตร์คืออะไร? หลักฐานอยู่ตรงไหน? ไม่มีเลย และสำหรับข้อมูลยืนยันต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่แต่งขึ้นมา ไม่ว่ามันจะถูกพิมพ์เป็นหนังสือ สร้างเป็นหนัง สารคดี หรือเป็นข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วโลกไซเบอร์ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของแท้ได้หรอก ไม่มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือที่จะสามารถสนับสนุนเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ในเดือนธันวาคม 2012 เลย


Q: พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่มีการทำนายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2012 มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

A: พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะเกิดขึ้นประมาณทุกๆ 11 ปี ในช่วงที่ดวงอาทิตย์แผ่รังสีออกมามากที่สุด พายุสุริยะสามารถทำให้การสื่อสารผ่านดาวเทียมขัดข้องได้ และถึงแม้ว่าวิศวกรกำลังพัฒนาอุปกรณ์ป้องกันพายุสุริยะดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แสดงว่า มีความเสี่ยงใดที่เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลก พายุสุริยะครั้งใหญ่รอบต่อไปจะเกิดระหว่างปี 2012-2014 นี้ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะอยู่ในระดับปกติที่ไม่ต่างไปจากรอบที่ผ่านๆ มา

Don Yeomans นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของนาซายังกล่าวอีกว่า “เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับความสนใจของผู้คนเกี่ยวกับวัตุบนท้องฟ้า ทั้งในเรื่องตำแหน่งและวงโคจรของมัน โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี 2012 แต่สำหรับผมคงเอาเวลาไปใส่ใจกับหนังสือดีๆ หรือหนังซักเรื่องเท่าๆ กับใส่ใจคนรอบข้างด้วย แม้ว่ารายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์สักนิด ตลอดจนข่าวจากนาซาปลอมพวกนั้นจะยังคงอยู่บนโลกไซเบอร์ก็ตาม”

และล่าสุด องค์การนาซาได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ Why the World Didn't End Yesterday หรือ ”ทำไมเมื่อวานโลกไม่แตก” ทาง YouTube โดยบรรจุเนื้อหาชุดเดียวกันนี้ลงไป พร้อมทั้งยังเชื่อมั่นด้วยว่า คลิปวิดีโอนี้จะแพร่สะพัดไปทั่วโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็วในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 อันเป็นวันถัดจากคำทำนายวันโลกแตกหนึ่งวัน

_____________________________________
ภาพและข่าวจาก คมชัดลึกออนไลน์ 17 ธันวาคม 2555

 

nasa เป็นคนสร้างข่าว nasa ก็ต้องแก้ข่าว เป็นธรรมดา

 

* Nasa เค้าจะบอกความจริงกับชาวโลกเพื่ออะไร
ตลอดมา NASA และ USA ก็ไม่เคยบอกอะไรกับชาวโลกอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นความลับหมด

ใครเค้าจะออกมาบอกล่ะครับว่า เดี๋ยวโลกกำลังจะวิบัติ ใครเค้าจะบอกแบบนั้นล่ะครับ
เค้าก็ต้องห่วงเศรษฐกิจของตัวเองเป็นธรรมดา

ขืนประกาศออกมาว่า เดี๋ยวโลกจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้ยครับ
- เกิดการกักตุนอาหาร
- เกิดการจารจล
- เกิดการ ปล้น ฆ่า ข่มขืน (เพราะไหนๆก็จะตายแล้ว)
- มวลชนลุกฮือกันขึ้นมาเพื่อ ทำตามใจตัวเอง เพราะความกลัวตาย
- และอีกมากมายครับ

*ใช้ปัญญาคิดเอาเองครับ Nasa เค้าจะบอกความจริงกับชาวโลกมั้ย
อะไรๆๆๆๆ ก็ NASAๆๆๆๆๆๆ Copy ต่อๆกันมาจนมั่วไปหมดแล้ว

 

ไม่มีคนที่นับถือศาสนาพุทธ(ที่มีสัมมาทิฏฐิ)คนใด
เชื่อว่าโลกจะแตกในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ แน่นอนค่ะ
ไม่อย่างนั้นพระพุทธศาสนาจะยืนนานถึง ๒,๐๐๐ ปีได้อย่างไรคะ
มันขัดแย้งกันในเหตุและผลค่ะ

 

NASAตอแหลรายวัน
ผมว่าNASA กลับไปบอกคนอเมริกันก่อนดีกว่ามั้ย
ตอนนี้ในข่าวชาวอเมริกันนั่นแหละกลัวจนขี้จะแตกอยู่แล้ว

ถ้ามันไม่จริงทำไมคนในประเทศอเมริกา ถึงได้ออกมาดิ้นพล่านกักตุนสะเบียงขนาดนั้นด้วยล่ะ

แล้วไอ่ความรู้ที่ได้จากต่างดาวหายไปไหนฟะ ไม่เอามาบอกประเทศอื่นมั่งล่ะ เก็บเงียบเชียวนะ ไอ่มะกัน

หนอยทำเป็นลูกพี่ใหญ่จุ้นชาวบ้านเค้าไปทั่ว ไอ่กันอยากจะครองโลกล่ะซี้

ไม่รู้อะไร ไทย นี่ต่างหาก ที่ครองโลกของจริง 55555

 

NASA บอกความจริงวันที่ 21 ธค ฟ้ามืดแน่นอน หลังเวลา 19.00 น.เรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า กลางคืน แบบนี้น่าจะถูกจริตแถวนี้นะ 5555

 

นาซ่าหาทางออกไม่ได้ เลยเล่นมุขฮา ฮาบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร
คนที่มีบุญกุศลพอตัวนาซาไม่บอกอะไรก็รอดได้
คนที่มีแต่บาปอกุศล นาซามากระซิบข้างหูเป็นการส่วนตัวก็ช่วยให้รอดตายไม่ได้

 

คุณครูไม่แก้เป็น ๕,๐๐๐ปีเเน่หน่ะ

 

บอกความจริงก็โดนหั่นงบ แล้วจะบอกทำไม?
นาซาไม่ใช่องค์กรเพื่อมวลชนพลโลก เป็นองค์กรที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้USเพื่อเอาชนะทางด้านอวกาศกับประเทศคู่เเข่ง ประเทศเราไม่ได้อยู่ในอันดับที่จะไปแข่งอะไร?มีแต่รับใช้US

 

ผมว่าเถียงกันคนละเรื่องเลยล่ะนี่

เหมือนมีคนถามว่า ไปไหนมา

อีกคนตอบว่า กินแล้ว

ตอนนี้ หลายคนเชื่อเรื่องภัยพิบัติ ( เขาก็ไม่เชื่อเรื่องโลกแตก เช่นกัน )

ฝ่ายที่ไม่เชื่องเรื่องภัยพิบัติ

ก็ประกาศว่า โลกไม่แตกนะ นาซาว่า พระพุทธเจ้าก็ตรัส

แล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมล่ะนี่

 

คุยแบบไม่รู้เรื่องก็คุยได้
คุยกันไปนานๆเข้ายังไม่รู้เรื่องซักพักก็จะเบื่อกันไปเอง
แล้วต่างคนก็แยกกันไปทำมาหากิน แล้วก็ไปตายก่อนหมดโอกาศได้ชมโลกโลกแตก

 

มารอลุ้นแผ่นดินไหว10ริคเตอร์ที่ญี่ปุ่นออกมาเตือนดีกว่า ว่าจะลงตรงไหน ^^

 

เรื่องภัยธรรมชาติ ควรตระหนัก แต่ถ้าตระหนกเกิน ไม่ทำ รึไม่คิดอย่างสายกลาง พอดีๆ มันก็มีตัวอย่างให้เห็นเหมือนกัน

ญาติมิตรเผย แม่มือปืนกราดยิง ร.ร. “วิตกจริต” เชื่อ โลกใกล้ล่มสลาย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2555

เดลิเมล์/เอเจนซีส์ - บรรดาเพื่อนฝูงและคนในครอบครัวของมือปืนผู้ก่อเหตุบุกเดี่ยวกราดยิงโรงเรียนประถมในมลรัฐคอนเนตทิคัต เผย แนนซี แลนซา มารดาของฆาตกรสังหารหมู่รายนี้ อาจเป็นต้นเหตุสำคัญสำหรับอาการผิดปกติทางจิตของเขา เนื่องจาก เธอมีความเชื่อว่าโลกกำลังเผชิญภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจ และคอยวิตกกังวลว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้รอดชีวิต

ญาติสนิทมิตรสหายของแนนซี แลนซา วัย 52 ปีกล่าวว่า เธอกำลังเตรียมตัวสำหรับเอาตัวรอดจากการล่มสลายของสังคมศิวิไลซ์ ด้วยการสะสมอาหาร น้ำ และปืนไว้ในบ้านหลังใหญ่ ที่เธออาศัยอยู่กับลูกชาย อดัม แลนซา วัย 20 ปี เพียง 2 คนในคอนเนตทิคัต

เธอกลายเป็นหมกมุ่นกับปืน และคอยสอนวิธีการยิงแก่อดัม และไรอัน ลูกชายคนโต หรือแม้แต่พาพวกเขาออกไปสนามฝึกยิงปืนในละแวกบ้าน

มาร์ชา พี่สะใภ้เล่าว่า นางแลนซาเป็นคนที่พึ่งพาตัวเอง พวกเธอมักคุยกันเรื่องการเตรียมตัวสำหรับการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องปืน นางแลนซาเป็นคนรอบคอบมาก ไม่เคยนำออกมาเปิดเผย แต่ก็ไม่ได้ปกปิดว่าเธอครอบครองคอลเลกชันอาวุธอะไรไว้บ้าง

ไม่เพียงแต่ปืนพก 2 กระบอก และไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติซึ่งเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุสะเทือนขวัญ แต่นางแลนซายังมีปืนสำหรับล่าสัตว์อีก 2 กระบอกด้วย

ด้าน แดน โฮล์มส์ คนดูแลสวนของบ้านแลนซาเผยว่า เขาเคยเห็นนางแลนซาพาลูกๆ ออกไปยิงปืนค่อนข้างบ่อยทีเดียว และเธอก็ไม่ชอบใครคนอื่น สอดรู้สอดเห็นเข้าไปภายในบ้านของเธอ

“ผมจะต้องกดกริ่งที่หน้าประตู และเธอจะออกมาด้านนอกเพื่อพบผม มันค่อนข้างประหลาดทีเดียว เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น” โฮล์มส์เล่า

ส่วนตัวอดัมซึ่งถูกระบุว่า มีความผิดปกติทางจิตขั้นรุนแรงนั้นเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว จนกระทั่ง ญาติสนิทเองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเขามาหลายปีแล้ว

นอกจากนี้ รอนดา คอลเลนส์ เพื่อนบ้านที่มักเล่นเกมทอยลูกเต๋ากับนางแลนซามานานถึง 15 ปี เผยว่า กลุ่มเพื่อนที่เล่นเกมกันมานั้น ไม่เคยมีใครได้เข้าไปในบ้านของแนนซีเลย และเมื่อถึงคราวแนนซีเป็นเจ้าบ้าน เวลาสลับสับเปลี่ยนสถานที่เล่นเกมกัน เธอก็ขอยกเลิกเสมอ

เพื่อนๆ เล่นเกม และเพื่อนบ้านต่างระบุว่า แนนซีเป็นคนใจกว้าง แต่เก็บตัว เป็นผู้หญิงจิตใจดี ซึ่งชอบพูดคุยเกี่ยวกับต้นไม้ดอกไม้ในสวน แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นลูกชายคนเล็กของเธอมาก่อน เช่นเดียวกับคนสวนโฮล์มส์

เพื่อนบ้านหลายรายเล่าว่า นางแลนซาเพิ่งลาออกจากงานเกี่ยวกับการเงิน เพื่อใช้เวลาดูแลลูกชายที่มีปัญหาของเธอ

แม้เบื้องต้นจะมีรายงานว่า เธอเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนประถมแซนดี ฮุก ซึ่งลูกชายของเธอเข้าไปก่อเหตุ แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น

สำหรับ ไรอัน ลูกชายคนโตวัย 24 ปี มีหน้าที่การงานดีในบริษัททางการเงินในนิวยอร์ก ขณะที่ไม่มีหลักฐานว่ามือปืนซึ่งเป็นน้องชายของเขาเคยมีงานทำหรือไม่

และแม้ว่าอดัมจะเป็นคนติดคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เพื่อเล่นเกมที่มีแต่ความรุนแรง แต่เขากลับไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์กใดๆ ทั้งเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

ยิ่งไปกว่านั้น ไรอัน คราฟต์ พี่เลี้ยงเด็กซึ่งเคยดูแลอดัมเมื่อตอนอายุ 10 ปีเล่าว่า เด็กชายคนนี้มีแนวโน้มเป็นคนโมโหร้าย

ส่วนแม่ของเขาก็ปกป้องลูกจนเกิดเหตุ ถึงกับไม่เคยปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ แต่เขาก็จำได้ว่านางแลนซาเป็นแม่ต่อสู้และทำทุกอย่างที่ดีที่สุดเพื่อลูก

ในวันอาทิตย์ (16) เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามซ่อมฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งพบพังเสียหายอยู่บนพื้นในห้องนอนของอดัม โดยพวกเขาเชื่อว่า น่าจะมีร่องรอยสำคัญที่นำไปสู่แรงจูงใจในการก่อเหตุสยองครั้งนี้ได้
__________________

 

เราเชื่อคำบอกเล่าของพระอภิญญาเมืองไทยมากกว่า..

NASA โกหกสีขาว

"..เท่าที่ผมทราบมาจากการสนทนากับลุงของผมที่กลับมาเยี่ยมจากสหรัฐอเมรีกาเมื่อคืนนี้ ก็พบว่าชาวอเมริกันจำนวนมากที่เตรียมการณ์อย่างเปิดเผย สำหรับเหตุการณ์อะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นภัยจากธรรมชาติ สาธารณภัย ครับ คุณลุงของผมบอกว่า แม้ว่าพวกฝรั่งจำนวนมากไม่เชื่อว่าจะมีวัน doomsday หรือ วันที่ 21 ธันวา ก็เป็นเพียงวันหนึ่ง แต่แล้วสิ่งที่ฝรั่งจำนวนมากกำลังเร่งซื้อข้าวของนั้น มันช่างดูขัดกับสิ่งที่กล่าวครับ.."

จากกระทู้.. http://palungjit.org/threads/ด่วน-ท...รร่วมภาวนาให้รอด-17-31-ธันวาคม-2012-a.332300/