โลกไม่แตกแน่ 'เทพนม เมืองแมน' ชี้ มนุษย์ต่างดาวการันตี

ควรจะปล่อยให้คุณลุงเชื่อในความคิดของแกไป (คนเดียว ?) ไทยรัฐ (หรือ อาจรวมถึงสื่อมวลชนต่างๆ) ไม่ควรไปขอความเห็น หากรู้ว่าการสัมภาษณ์คุณลุงนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล (หรือเฉพาะกลุ่มสาวก UFO) การนำเสนอสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ มันอันตรายต่อคนในสังคม เพราะคนเราวิจารณญาณ-การใช้เหตุผล ไม่เท่ากัน
คนเชื่อง่ายก็มาก คนเชื่อยากก็มี
(ถึงแม้ พวกคุณจะห้อยท้ายบทความว่า โปรดใช้วิจารณญาณ ก็ตาม)
ภาวะความวิตกกังวลตื่นตระหนก ทำให้คนวิปริต ไปได้ เช่น ซึมเศร้า เก็บตัว อาจคิดฆ่าตัวตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่
บ้างเตรียมย้ายบ้าน ลาออกจากงาน ลำบากลูกเมีย พ่อแม่
รุนแรงขึ้นคือ การต่อต้านสังคม สังหารหมู่ ก็ยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

ความจริง ก็คือ ความจริง ... คำสัตย์ ก็คือ คำสัตย์

พูดกี่ครั้งก็ไม่ผิดเพี้ยน-ผันแปร มิใช่จับเอาสถานการณ์โลกปัจจุบันมายำใหญ่ใส่สารพัด อ้างแหล่งที่มาอันคลุมเครือ เมื่อเหตุการณ์ไม่เกิดก็อ้างอีกว่าเพราะสิ่งนั้น ภัยพิบัติจึงเลื่อน

ภัยพิบัตินะครับ ไม่ใช่ ปุ่ม Tab-ปุ่ม space bar ฤาจะกดเลื่อนจนกว่าคีย์บอร์ดพัง ?

 

"ไทยแลนด์ดีสุด 'จารย์คง ร่างทรงเจ้าพ่อดำเกิงเดช ชี้ มนุษย์ต่างด้าวการันตี "

คุณโย ลูกจ้างร้านกาแฟที่ไม่ใช่คนไทย เป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน แกพูดและฟังภาษาไทยได้ดีเลยแหละ คงจะอยู่ไทยมาหลายปีดีดักแล้ว

พอถามคุณโยว่า ตอนนี้รัฐบาลประเทศเขาเปิดกว้างขึ้นแล้ว และหญิงเหล็กผู้นำมวลชนของบ้านเขา ออกมาเรียกร้องให้พวกเขากลับบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อพัฒนาประเทศร่วมกัน คุณโยอยากกลับไหม ?

คุณโยบอก ไม่กลับ เพราะถ้าเขาดีจริง คงไม่ปล่อยให้ชาวบ้านอย่างคุณโยลำบากขนาดนี้

ถามว่าลำบากขนาดไหน ?

คุณโยยกตัวอย่าง เช่น เวลาทำนา ได้ผลผลิตมา รัฐเอาข้าวไปห้าสิบ ชาวนาได้ห้าสิบ ถ้าปีไหนธรรมชาติไม่อำนวย ได้ข้าวน้อย ชาวนาต้องหาเงินซื้อข้าวไปเติมให้รัฐ ให้ได้ปริมาณตามที่รัฐกำหนด

และมีอีก เวลามีเรื่องมีราวในสังคมชุมชน ถ้าเป็นบ้านเมืองอื่น วิธีดำเนินการคือแจ้งความ ตำรวจรับแจ้งแล้วไต่สวน แต่ที่บ้านคุณโย ทหารจะเข้ามาทุบตีชาวบ้านก่อน แล้วถึงสอบสวน

เลยถามคุณโยว่า เมืองไทยกับบ้านคุณโยที่ไหนน่าอยู่กว่ากัน ?

คุณโยบอก เมืองไทยอยู่แล้ว

 

ประเทศไทยดีที่สุดแล้วแต่บางคนก็ยังไม่เคยพอ ร่ำร้องเรียกหาแต่คำว่าประชาธิปไตย
นักการเมืองก็เลยฉวยโอกาส ขายประชาธิปไตยแบบกินได้ให้กับประชาชน แถมสูบเลือดสูบเนื้อจากประชาชนอีก

 

ขยายความให้ครับ พอดีไปค้นเจอมา ตอนแรกคิดว่า พ.ศ.5000 จะเข้าสู่ยุคพระศรีอาริยะเมตไตร ซะอีก

มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความเข้าใจว่า เมื่อสิ้นศาสนาของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบันในปีพ.ศ.5,000 แล้วจะถึงยุคศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าทันที
การเข้าใจเช่นนี้ เป้นการเข้าใจที่ผิดและรู้กันมาอย่างผิดๆ ไม่ใช่ว่าเมื่อสิ้นศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดมแล้ว จะถึงยุคศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าโดยทันทีก็หาไม่
เมื่อกาลพุทธศาสนาครบ 5,000ปีแล้ว ศาสนาพุทธไม่มีเหลือ เหลือแต่มนุษย์ที่มากไปด้วยกิเลสกาม กิเลสหนา ปัญญาทราม โลกจะว่างจากพระพุทธเจ้า ว่างจากพุทธศาสนา ว่างจากพระธรรม
คำสั่งสอนทั้งปวง เรียกว่าสุญญกัป เป็นโลกที่มืดบอดจาดมรรคผลนิพพานไปอีกนานแสนนาน กว่าที่จะถึงยุคศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า

เมื่อสิ้นพ.ศ.5,000ศาสนาพระศรีอาริย์ไม่ได้ถึงทันที


ส่วนที่ว่าอายุยืนถึงขั้นหมื่นปี ตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าไม่ใช่การกลายพันธุ์จากกัมตภาพรังสีต่างๆ ก็อาจะเป็นวิทยาการทางการแพทย์ที่สามารถซ่อมแซมรักษาเซลล์มนุษย์ไม่ให้แก่(หรือแก่ช้ามากๆ) ได้กระมังครับ

 

เค้าทำนาย เค้าชี้ เราชี้บ้าง ว่า ผ่านไป พ.ศ. 5000 โลกก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ตื่นๆ ใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงกันดีกว่า

 

พระพุทธองค์ ไม่เคยตรัสจริงๆเหรอท่าน
แล้วที่ผมได้ยินเมือนกับว่า มีมนุษย์หน้าเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และอื่นๆอีก มาจากไหนหว่า

หรือว่าผมสับสนเอง ก็ต้องขอโทษไว้ ณ. ที่นี้ด้วยครับ.

 

๑) ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
-มีธาตุมรกตอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุมรกตทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของชมพูทวีปมีสีน้ำเงินแกมเขียว
-มนุษย์ที่ชมพูทวีป มีความสูง ๔ ศอก มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี (อาจตายก่อนอายุได้ ไม่แน่นอน)
-มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ อายุยิ่งหย่อนขึ้นอยู่กับคุณธรรม ไม่แน่นอน
-สมัยหนึ่งมนุษย์ในชมพูทวีปเคยมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปี แต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลง อาหารเลวลง อายุก็ลดลง
-ต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีป จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี เท่านั้น และตัวจะเตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกิน
-ดอกไม้ประจำชมพูทวีปคือ "ชมพู (ไม้หว้า)" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกว่า "ชมพูทวีป" เพราะดอกไม้ประจำทวีปนี้คือ ดอก "ชมพู"

๒) อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
-เป็นแผ่นดินกว้าง ๙,๐๐๐ โยชน์ ประกอบด้วยเกาะ และแม่น้ำใหญ่น้อย
-มีธาตุแก้วผลึกอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุแก้วผลึกทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของอมรโคยานทวีปมีสีแก้วผลึก
-มนุษย์ ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก มีใบหน้าวงกลม คล้ายวงพระจันทร์ คนหน้าเหมือนดั่งเดือนแรม จมูกโด่ง คางแหลม
-มนุษย์ที่อมรโคยานทวีป มีความสูง ๖ ศอก มีอายุ ๕๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
-ดอกไม้ประจำอมรโคยานทวีปคือ "กะทัมพะ (ไม้กระทุ่ม)"

๓) ปุพพวิเทหะทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
-เนื้อที่กว้าง ๗,๐๐๐ โยชน์ มีเกาะ ๔๐๐ เกาะ
-มีธาตุเงินอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุเงินทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของปุพพวิเทหะทวีปมีสีเงิน
-มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์เต็มดวง คนหน้ากลมเหมือนดวงจันทร์ มีใบหน้าตอนบนโค้งตัดลงมาเหมือนบาตร
-มนุษย์ที่ปุพพวิเทหะทวีป มีความสูง ๙ ศอก มีอายุ ๗๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
-ดอกไม้ประจำปุพพวิเทหะทวีปคือ "สิรีสะ (ไม้ทรึก)"

๔) อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
-มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม เนื้อที่กว้าง ๘,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่ราบ
-มีธาตุทองคำอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุทองคำทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของอุตรกุรุทวีปมีสีเหลืองทอง
-มนุษย์ ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ รูปร่างงาม มีลักษณะใบหน้าเป็นรูป ๔ เหลี่ยม รักษาศีล ๕ เป็นนิจ ไม่ยึดถือสมบัติ บุตร ภรรยา สามี ว่าเป็นของๆตน
-มนุษย์ที่อุตรกุรุทวีป มีความสูง ๑๓ ศอก มีอายุ ๑,๐๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
-มีต้นไม้นานาชนิด ดอกไม้ประจำอุตรกุรุทวีปคือ "กัปปรุกขะ (กัลปพฤกษ์)" ถ้าอยากได้อะไร ก็ไปนึกเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์ จะสมปรารถนา
-มนุษย์ที่อุตรกุรุทวีป เมื่อตายจากทวีปนี้ ทุกคนจะได้ไปเกิดใน "เทวภูมิ" ทุกๆคน เป็นกฏตายตัว

เครดิต PANTIP.COM : Y7901784 ทวีปทั้ง 4 ในพระไตรปิฏก []

 

ไม่ว่าใคร จะอยากให้มีภัยพิบัติเพราะเหตุผลส่วนตัวอะไรก็แล้วแต่

http://palungjit.org/threads/%E0%...A2.405946/

ยังไงๆ ธรรมชาติก็จัดให้อยู่แล้ว ในเมื่อสิ่งแวดล้อมมวลรวมประชาชาติ มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยหลายปัจจัย อย่างที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน

เพียงแต่ ภัยทั้งหลายแหล่ ต่างๆ นาๆ มันไม่ได้ถล่มตูมมาอย่างมโหฬารมหึมา จนโลกแหว่งครึ่ง รึระเบิดบึ้ม เหมือนการ์ตูน เหมือนหนังแนวทำลายล้าง ที่สร้างออกมาหลายต่อหลายเวอร์ชั่น

ผลกระทบกับคนทั้งหลาย ก็คือ จะอดอยากปากแห้งมากขึ้น ทำมาหากินฝืดเคืองมากขึ้น อยู่ยาก อยู่ลำบาก มากขึ้น ร้อนจัด แล้งจัด หนาวจัด ฝนจัด พายุจัด คลื่นจัดมากขึ้น

สำหรับประเทศไทย อยู่ในชัยภูมิค่อนข้างดีกว่าเขาเพื่อน ด้วยความที่มีเพื่อนบ้านรายล้อม บ้านข้างเคียงจะซับแรงจากภัยธรรมชาติ ประเภทมาเร็วเคลมเร็ว

อย่าง แผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ พายุ ทำนองนี้ไปก่อน ตกมาถึงไทยจริงๆ ก็เบาลงแล้วเกือบครึ่ง นานปีทีหน จะโดนอย่างจัง สักที

 

ผมอยากเจอ เมตตาตรอน และ ออพติมัส พราม

 

สติคือมิตรแท้ กันแก้ทุกข์ภัยนานา

กรรมเป็นผู้ลิขิต ชีวิตเป็นไปตามกรรม

อย่าเครียด จนเบียดความสุข
อย่าทุกข์ จนเบียดปัญญา

โลกจะโสภี เพราะมีน้ำใจ
โลกจะบรรลัย เพราะนำ้ใจไม่มี

สุขแบบโลกีย์ มีได้ชั่วคราว
สุขแบบยืนยาว ต้องเข้าหาธรรม

สุขแบบชาวโลก มีทุกข์โศกเป็นผล
สุขแบบอริยชน มีผลเป็นความสงบ

คนถึงคราวตาย อยู่ที่ไหนก็ตาย
คนไม่ถึงคราวตาย อยู่ที่ก็ไหนก็ไม่ตาย

สายนำ้ไม่ไหลกลับ
ปีล่วงลับไม่กลับคืน..

ไม่มีโศก ถ้ามองโลกเป็นอนิจจัง..

..สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น..

" นิพพานชาตินี้กันเถอะ "

 

มั่วเอาทั้งนั้น ถ้ารู้จริงแล้วพูดไม่มีใครว่า เมื่อเป็นเรื่องไม่จริงผลก็อย่างที่เห็น

 

ไร้สาระมากลุงคนนี้! แต่ก็ดี! จะได้ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท จะได้หมั่นทำความดีกันทุกวัน^^

 

ไปอ่านดูที่พิพิธภันณ์บ้านเชียง อุดรธานี เค้าว่าคนสมัยบ้านเชียง เมื่อ5000-6000 ปี มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 45 ปีเองครับ

 

ครั้งหนึ่ง อาจารย์ที่สอนกรรมฐาน ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ไม่ต้องใส่พระอะไรหรอก ให้ใส่แต่พระสติเอาไว้ก็พอ

 

คนสมัยก่อน เจอภัยต่างๆ ในการใช้ชีิตแต่ละวันเยอะ เช่น ภัยจากสัตว์ร้าย ภัยจากธรรมชาติ ภัยจากคนด้วยกัน ภัยจากโรคที่ยังไม่มียาซึ่งมีประสิทธิภาพดีๆ รักษา ฯ เลยอายุเฉลี่ย สั้นกว่าปัจจุบัน

 

ต่อให้อีกนิด สำหรับคนที่สงสัยเรื่องอายุ
หลังจากคนเลวๆตายหมดคนที่มีศิลก็ออกมาจากป่าเขาเขาก็จับคู่ผัวเมียกัน ลูกออกมาก็เป็นคนมีศิลมีธรรม เมื่อมีศิลมีธรรมแน่นอนว่ามาจากสวรรค์ (ถ้าเชื่องเรื่องนรกสวรรค์นะ)และเมื่อไม่ค่าสัตว์ตัดชีวิตผลบุญอายุยืนมันก็เพิ่มขึ้น หรือค่าเขาก็ค่าเอาแต่พอกิน สุรายาเมาไม่เสพ ผิดลูกผัวเมียไม่มี คนจิตใจดี ไม่มีการทะเลาะวิวาท ไม่มีการ อิจฉาริษยา หรือมีก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายกัน ด้วยเหตุและปัจจัยที่กล่าวมา อายุคงต้องยืนขึ้นเรื่อยๆ
นิทานปรัมปรา ของ ประเทศต่างๆมันก็มีอยู่นะพวกอายุเยอะๆ แต่กว่ามันจะมาถึงเรามันก็ค่อยๆเลือนหายไปจนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ อยู่กันจนเป็นเทพเจ้า ในนิทานนั้นไง เมื่อโลกหมดคนใจบาป แน่นอนว่าปืนผาหน้าไม้ อาวุธนิวเคลีย ก็ค่อยๆหายไป ธรรมชาติก็ค่อยๆกลับและคืนมา ยาวิเศษเอย ของดีๆ ที่หายไปจากโลกก็จะค่อยๆกลับมา บ่น้ำทิพย์ ใครได้อาบ อายุจะยืนเป็นหมื่นปีของพวกพรหมเขาอาบกันก็มีอยู่ในประวัติครูบาอาจาร์ท่านก็บอกว่ามี แต่ต้องคนมีบุญถึงจะเจอ นี่เอามาจากประวัติพระอรหันต์นะ หลวงปู่มั่นท่านยืนยันว่ามี บ่น้ำทิพย์มีในโลกนี้ละ ไม่ได้อยู่บนสวรรค์นะ อยู่บนโลกนี้มีในประเทศไทยนี้ละแต่พวกบุญไม่ถึงอย่างเราหาจนตายก็หาไม่เจอหรอก(นี่เองเป็นเหตุให้ผู้ที่เกิดในยุคของพระศรีอาริยะเมตไตรบรรลุธรรมกันหมดก็เพราะมีแต่คนมีบุญเขามาเกิดกันเพราะพวกเขาเหมือนดอกบัวรอแค่แสงพระอาทิตย์กันทั้งนั้น)
ปล.พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ท่านบรรลุธรรมอันเดียวกันแต่อายุของศาสนาและผุ้ที่จะเกิดในยุคของแต่ละองค์นั้นอยู่ที่ เหตุและปัจจัยของบารมีที่ท่านบำเพ็ญมาตอนที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์
เดียวจะสงสัยกันอีกว่าอายุตั้งหมื่นๆปีแล้วจะไม่แก่กันเหรอ ในยุคของพระศรีอาริยะเมตไตร แก่สุดของเขาหน้าตาผิวพรรณเท่ากับคนอายุ25ปีของเราจะ (สวยวิ้งหล่อวิ้งกันทุกคน)(เอาง่ายๆคือเขาย้ายจากสวรรค์มาอยู่โลกมนุษย์กันนั่นแระ)จบนะ

 

ใครว่าโลกไม่มีปุ่มแทบ-สเปซบาร์
เราไม่รู้ว่าปุ่มเหล่านี้อยู่ที่ไหนต่างหาก
หุหุ

 

ไปดูคลิปรายการเช้าดูวู้ดดี้ ตอนที่อ.เทพพนมพูดถึงภัยพิบัติและการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว อาจารย์เอารูปถ่ายมาประกอบ วู้ดดี้ถึงกับเอ๋อ แล้วถามว่า "แอร์แอร์เซียนี่นะครับ" คือรูปถ่ายเป็นเครื่องบินแอร์เอเซียเต็มๆขณะบินอยู่บนฟ้า แต่อาจารย์บอกเป็นยานมนุษย์ต่างดาว? สงสัยว่าถ้าใครอยากคุยกับมนุษย์ต่างดาวไม่ต้องไปควานในเอฟบี ขึ้นแอร์เอเซียก็ได้เจอตัวเป็นๆ ??

 

เคยดูมรณบัตรของของคนที่เสียชีวิต ก่อน พ.ศ.2500 เห็นว่าเสียชีวิตตั้งแต่อายุไม่มากค่ะ อายุ 50 ปี ก็ลงสาเหตุการตายว่าเป็นโรคชราแล้ว ผู้หญิงน่าสงสารมากเสียชีวิตเพราะคลอดลูก บางคนลงสาเหตุการตายว่าเป็นฝีในท้อง เป็นโรคลมปัจจุบันมากที่สุด เพราะไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่นอน ผู้ที่รับแจ้งก็คือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตในบ้าน เพราะไม่มีสถานพยาบาล

 

บางโรค อย่างฝีในท้อง ชื่อโบราณ ก็กลายมาเป็นวัณโรค ในสมัยนี้ ซึ่งเมื่อก่อน ย้อนไปสักสี่ห้าสิบปี ใครเป็นวัณโรคต้องทำใจ เพราะอายุมักจะไม่ค่อยยืน แต่เดี๋ยวนี้ไม่น่าหนักใจ