พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คุณๆๆ เนื้อหาในหนังสือ"เล่มนั้น"ที่คุณว่านี้คุณเคยมีโอกาสได้หยิบมาอ่านบ้างหรือเปล่า ? หากได้อ่านจะรู้ว่า ข้างในไม่เพียงความรู้ของพระวังหน้าเท่านั้น หาเอาตามหอสมุดแห่งชาติ แต่...ที่สำคัญอย่าไปหยิบเอาเล่มที่มีคนเขาแอบฉีกไปล่ะ บางทีความรู้ที่คุณสงสัย อาจจะอยู่ในหน้าที่ขาดหายไปนั้นก็ได้ เลยไม่ได้รู้กัน ...สาธุ

    ในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา ร้านหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง ตั้งราคาหนังสือสมเด็จโต ของตรียัมปวาย เล่มละ ๗๐,๐๐๐บาท หากแต่เล่มนี้ของอาจารย์ปู่ประถม ๓๐๐,๐๐๐ บาทยังต่ำไป


    และทราบไม๊ว่า บรรณานุกรมท้ายเล่มท่านได้อ้างอิงหนังสือ จดหมายเหตุ พงศาวดาร เล่มไหนมาบ้าง แต่เล่มไหนก็แล้วแต่ไม่มีการอ้างอิงจากหนังสือของอ.ตรียัมปวาย
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จากเวบหนังสือเก่า....

    http://www.soonphra.com/board/index.php?showtopic=18531

    เป็นหนังสือที่พิมพ์เมื่อ 10 สิงหาคม 2513 เป็นหนังสือที่ได้กล่าวถึง สารคดีเชิงตำราที่ได้กล่าวถึงเรื่องราวของพระเครื่องนับตั้งแต่อดีต พร้อมด้วยภาพพระเครื่องประกอบ ซึ่งประกอบด้วยเรื่อง
    -พระสมเด็จ,พระสมเด็จจิตรลดา,พระสมเด็จอรหัง,พระสมเด็จวัดเกศฯ,พระปิลันทน์,พระวัดสามปลื้ม,พระวัดพลับ,พระวัดท้ายตลาด,พระวัดเงินคลองเตย,พระทุ่งเศรษฐี,พระซุ้มกอ,พระเม็ดขนุน,พระพลูจีบ,พระฝักดาบ,พระกลีบจำปา,พระกำแพงขาว,พระเชยคางข้างเม็ด,พระกำแพงห้าร้อย,พระกำแพงขาโต๊ะ,พระนางกำแพง,พระซุ้มยอ,พระซุ้มนครโกษา,พระยอดขุนพล 3 นคร,พระเมืองสรรค์,พระซุ้มไข่ปลา,พระโคนสมอ,พระรอดหนองมนต์,พระขรัวอีโต้,พระเดี่ยวดำ-แดง,พระร่วงยืนกรุต่างๆ,พระร่วงนั่งซุ้มเรือนแก้ว,พระร่วงนั่งหลังลิ่ม,พระผงสุพรรณ,พระสุพรรณหลังผาน,พระมเหศวร,พระกำแพงศอก,พระกรุเขาพนมเพลิง,พระหลวงพ่อจุก,พระถ้ำเสือ ฯลฯ ทั้งหมด 417 หน้า
    สนใจติดต่อ หมู มรดกไทย ที่ 01-6324576 <!--TEMPLATE: skin_topic, Template Part: Show_attachments_img-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    สวัสดีค่ะ ท่านพี่ ทุกท่านๆๆๆ อิอิ
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ๓๓)
    อิสรภาพที่เกิดขึ้นร่วมกันจะเห็นดั่งภาพมายากล
    สรรพสิ่งทั้งหลายหาได้กำเนิดขึ้นมาก่อนไม่
    ความว่างเปล่าอันจำเป็น กับพื้นฐานอันไม่มีแก่นสาร
    เป็นอิสระจากส่ำสัตว์น้อยใหญ่ไปสุดหล้า
    ๓๔)
    ด้วยความรู้แจ้งในห้วงแห่งอวกาศที่มิอาจแบ่งแยกได้
    ปวงสรรพสิ่งมิอาจจำแนกแยกแยะ แหล่งกำเนิดแห่งสรวงสวรรค์ของพระพุทธองค์
    เบื้องหน้าความดำรงอยู่อันสับสน และการหยุดอันเต็มไปด้วยสันติ
    การมีชัยอันยิ่งใหญ่ต่อความทุกข์ทรมานจะแผ่ซ่านไปถ้วนทั่ว
    ๓๕)
    ความบริสุทธิ์อันสำคัญยิ่งแลความสุขอันยิ่งใหญ่
    มันได้รับการขนานว่าบุญบารมีอันสมบูรณ์
    นี่คือการถือเอาบุญบารมีแห่งตน
    คือการไม่อยู่เลยเถิด และอยู่นอกเหนือสรรพสิ่ง
    ๓๖)
    ในทันทราส(tantras) อาติ(Ati) อานุ(Anu) และมหาโยคะ(Mahayoga)
    บุญบารมีแห่งสรวงสวรรค์ และห้วงอวกาศอันบริสุทธิ์มาร่วมกัน
    ในลักษณะของความเข้าใจโดยง่ายอันเกิดขึ้นเอง
    ครั้นแล้ววิถีทางนั้นจักสมบูรณ์
    ๓๗)
    ปฏิบัติไปตามคำชี้แนะแห่งพระลามะ
    ด้วยความบริสุทธิ์เริ่มแรกแห่งแนวทางปกติ
    ทั้งพระสูตร และมันตรมหายาน
    ตามขนบธรรมเนียมในการเปิดเผยชี้แนวทางแห่งความสมบูรณ์ของบุญบารมี
    ๓๘)
    ไถ่ถอนความยุ่งยากลำบากใจจากสภาวะ
    บนแนวทางอันประเสริฐของความใส่ใจ
    ด้วยการตรวจสอบคุณงามความดีเป็นสิ่งแรก
    ปฏิกิริยาอันร้อนแรงไม่นานพลันจักเกิด
    และแล้วด้วยความแน่นอนในความว่างเปล่าแห่งกายใจ
    กิเลสตัณหาทั้งมวลในโลกีย์ทั้งสามจะถูกทำลายสิ้น
    ๓๙)
    แนวทางแห่งมายาภาพทั้งปวง
    จักค่อยๆสิ้นสุดเข้าไปสู่ความปลดเปลื้องแห่งความว่างเปล่า
    งดเว้นจากยามาถอนพิษ
    ในที่สุด"ข้า"และ"ของข้า"ก็ถูกทำลายไป
    ๔๐)
    ไม่ยึดติดสิ่งใด แต่ปรารถนาในความเมตตาปรานี
    ดุจดั่งวิหคผกผินในห้วงเวหาอย่างชัดเจน
    ถลาร่อนไปชั่วชีวิตโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว
    พระบุตรแห่งองค์พุทธเจ้าได้เข้าถึงระดับสูงสุด
    ๔๑)
    ในการสอนของธรรมเนียมประเพณีชั้นสูง
    ความสะอาดบริสุทธิ์โดยความใส่ใจ
    การตระเตรียมต่อความสงบ และความชัดแจ้ง
    มีความบีบคั้นที่รุนแรงอยู่ในการปฏิบัติสามประการ
    ๔๒)
    ในการฝึกฝนตรวจสอบจิตอยู่อย่างต่อเนื่อง
    การตรวจสอบผ่านความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
    แล้วจักพบอุปสรรคเล็กจิ๋วเป็นที่สุด
    ร่องรอยอันเล็กน้อยที่สุดแห่งกิเลส
    ๔๓)
    การพิจารณาอย่างละเอียดจะก่อให้เกิดความสงบเยือกเย็น
    ดุจดังทองคำอันบริสุทธิ์เมื่อถูกอัคคี
    กลายเป็นสิ่งที่ดัดแปลงได้ อ่อนนุ่ม
    ดุจดังจิต อันหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาย่อมถูกทำให้ตอบสนอง
    ๔๔)
    ในพระสูตรนั้นกล่าวเอาไว้ว่า
    พิธีสวดแต่สิ่งประเสริฐสามประการ
    นับด้วยหลายพันปีแห่งความผิดหวัง
    ได้รับประโยชน์น้อยเกินกว่าที่จะยอมรับ
    ความไม่จิรัง ความว่างเปล่า และความไม่เห็นแก่ตัว
    ฉับพลันชั่วนิ้วมือดีด
    ๔๕)
    มันเป้นการแสดงความจริงแห่งมหายานสี่ส่วน
    อีกทั้งเป็นการอธิบายถึงแปหมื่นสี่พันแห่งกฎเกณฑ์
    ซึ่งมีคุณค่าอันเท่าเทียมกัน เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า
    การนั่งสมาธิก็อยู่บนความเหมาะของคำสอนเหล่านี้
    มันคือเนื้อแท้ที่เหมือนกันกับพระสูตรอันมากมาย
    แล้วการให้คำมั่นต่อตัวเองต่อการฝึกในรูปแบบนี้
    เป็นที่มาแห่งความรู้อันไพศาล ง่ายต่อการพบเห็น
    นำไปสู่การปลดเปลื้องได้อย่างรวดเร็ว
    ๔๖)
    โดยคุณงามความดีแห่งการอธิบายนี้
    และโดยพลังแห่งน้ำทิพย์ของการปลดเปลื้อง
    ขอให้ส่ำสัตว์ทั้งมวลที่กำลังทนทุกข์ทรมานจากกาลเวลาแห่งความเจ็บปวดเหล่านี้
    จงได้บรรลุผลภาวะอันเปี่ยมด้วยความสุขสงบ และสันติ!


    บทกวีเหล่านี้ประพันธ์โดย Mi-pham rNam-par rGyal-ba ในปีกระต่ายเหล็ก(1891) ในเวลาสิบแปดวันแห่งเดือนดาวลูกไก่ ขอมวลหมู่มนุษย์จงเป็นสุขๆเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2007
  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เชน [​IMG]
    ต่างคนต่างก็เกิดไม่ทันกันทั้งนั้นแม้แต่คนแต่งหนังสือที่แอบอ้างมาทั้งหมดไม่รู้แต่งกันมาเมื่อไหร่ททำไมถึงกล้ายืนยันกันหนักแน่นเยี่ยงนี้ อนิจจัง


    ก็แปลกดีเน๊าะ ! ที่คนขายพระเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปรวมทั้งประวัติความเป็นมาของพระที่ตัวเองจะขายเขา แถมยังไม่เชื่อถือประวัติความเป็นมาที่มีผู้พยายามค้นคว้าเพื่อหาที่มาที่ไป เมื่อไม่เชื่อถือแต่กลับเอาพระมาเร่ขายทางเว็บเสียในราคาแพงหูฉี่ พอไม่มีคนซื้อไม่ได้ ก็เลยลดราคากระหน่ำก็ยังหาคนซื้อไม่ค่อยจะได้...สุดท้ายเลยต้องเอาออกไปทำบุญ น่าฉงฉานคนที่ซื้อหรือบูชาพระไปจากคุณจัง นรกมีจริงนะคุณกฏแห่งกรรมไม่ละเว้นใครทั้งนั้นต่อให้รวยมีเงินล้นฟ้าก็เถอะ ทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจตัวเองดีใช่ไหม? เร่งหาบุญและความดีใส่ตัวดีกว่า....ยังไม่สายหรอกนะ

    มหาโมธนาสาธุทิพย์ มหาโมธนาสาธุทิพย์มหาโมธนาสาธุทิพย์

     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เราไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยม...

    เรารู้จัก อาจจะต้องไปเยี่ยม...


    โมทนาสาธุครับ
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    copy ลง word ใน word จากนั้น copy จาก word ลงบอร์ด ให้กด"แสดงผลข้อความก่อนส่ง"ก่อน แล้วจึงเอาอักษรแปลกๆ และเครื่องหมาย>> ออกก่อน จึงค่อยกด"ส่ง"
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้าว....ท่านปา-ทาน แล้วคุณตั้งใจจะจองยังงั้ยครับ...งง!!!(b-ng)
    nongnooo...
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องพระพิมพ์ต่าง ก็ไม่ต้องลงเช่นกัน สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่ต้องการศึกษาจริงๆ ก็จะต้องดูกันต่อว่า มีความศรัทธา มีความเคารพ มีความเพียรและความพยายามมากเพียงไรก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนอันดับอื่นๆค่อยว่ากันอีกเรื่อง

    ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของกรรม แต่ละบุคคล จากเหตุหลายๆเรื่อง คนเราสามารถคิดหาเหตผลให้ตนเองถูกได้เป็นล้านเหตุผล แต่จะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงนั้นอีกเรื่อง

    ในความคิดของพี่ใหญ่และอีกหลายๆท่าน ควรจะจัดเป็นWorkshop ศึกษากันเป็นเรื่องๆไป ผมจะไปปรึกษากับหลายๆท่านอีกครั้งก่อน แล้วผมจะมาแจ้งทางโทรศัพท์ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกท่านทราบ หรืออาจจะทราบกันในการปรึกษาหารือกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ

    ต่อไปนี้ อย่าลงรูปพระพิมพ์อีกครับ

    เพื่อป้องกันหลายๆเรื่อง

    โมทนาสาธุครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ถ้าพระพิมพ์ที่จะมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญ ผมจะนำมาลงครับ

    (b-glass)
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผู้เขียนเข้าใจนำเรื่องราวที่ผ่านหู ผ่านตามาสังเคราะห์ แล้วนำเสนอในรูปของวิธีคิดเชิงปรัชญา เชิงธรรมะ ที่น้อยคนทำได้ คิดได้ ขอโมทนา...
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ลองอ่านบทการวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาผสานกับปรัชญาของตัวแสดงในภาพยนตร์เรื่อง"มังกรหยก"นี้นะครับ ผม save เก็บไว้นานแล้ว น่าสนใจมาก ขอบคุณ โดย ถาวร สิกขโกศล ผู้วิเคราะห์ได้อย่างละเอียดจริงๆ

    [​IMG]
    ในมังกรหยกกิมย้งสร้างตัวละครทั้งสองแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้าง ตัวแบน ก่อนในภาคแรก ลักษณะเด่นสลักเสลาทำให้ประทับใจผู้อ่าน และฝึกฝีมือตัวเองไปด้วย จนชำนิชำนาญพอจึงสร้าง ตัวกลม ในภาคหลังจึงประสบความสำเร็จอย่างดงาม ทำให้มังกรหยกเป็นวรรณกรรมที่จะอ่านเอาสนุกก็ได้หรือจะอ่านเอาสาระก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านตัวละครอย่างพินิจในเชิงจิตวิทยาหรือปรัชญา ดังที่จังเจียวเฮียกได้วิเคราะห์ตัวละครเอกของเรื่องมังกรหยกสองภาคแรกในเชิงจิตวิทยาผสานกับปรัชญาไว้อย่างน่าสนใจพอสรุปได้ว่า.-

    [​IMG]

    ก๊วยเจ๋ง เป็นตัวแทนของความหนักแน่นจริงจังผุดผ่องแห่งเหตุผลฝ่ายธรรมชาติ อึ้งย้ง เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ร่าเริงแห่งพลังชีวิต เอี้ยก้วย คือความก้าวแกร่งรุนแรงของพลังชีวิต เสียวเล้งนึ้ง คือความบริสุทธิ์สงบดีงามของธรรมชาติ ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งเป็นคู่สร้างคู่สม ที่ไม่สมบูรณ์อย่างน่าเสียดาย ส่วน เอี้ยก้วยกับเสียวเล้งนึ้ง เป็น คู่สร้างกึ่งสม ที่สถานการณ์ในเรื่องทำให้ต้องเป็นคู่ชีวิตกันไปชั่วกาล.-

    [​IMG]
    จังเจียวเฮียกให้เหตุผลว่า ความดีของก๊วยเจ๋งเป็นความดีงามตามธรรมชาติ ดั้งเดิมของมนุษย์ ไม่ได้พัฒนาไปตามประสบการณ์ชีวิต ขณะที่พลังร่าเริงบริสุทธิ์ของอึ้งย้งพัฒนาไปตามวัย แม้เรื่องสำคัญก๊วยเจ๋งจะตัดสินใจได้อย่าถ่องเที่ยงเช่นจะลงโทษตัดแขนก๊วยฮูที่ทำผิดตัดแขนเอี้ยก้วย แต่ไม่สามารถควบคุมบงการอึ้งย้งได้ นางจึงปฏิบัติต่อเอี้ยก้วยอย่างผิดพลาดหลายประการการคล้อยตามก๊วยเจ๋งนั้นเกิดจากศรัทธาของอึ้งย้งเอง คู่สันนิวาสคู่นี้จึงขาดความสมบูรณ์อย่างน่าเสียดาย
    ส่วนเอี้ยก้วยกับเสียวเล้งนึ้งนั้นมีธรรมชาติดั้งเดิมของตนต่างกันอย่างไม่มีทางเข้ากันได้ เอี้ยก้วยแกร่งกร้าวเปี่ยมพลังที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมมนุษย์ พื้นนิสัยของเอี้ยก้วยร่าเริง รักสนุก มีไหวพริบ แค่ชะตากรรมทำให้เอี้ยก้วยขาดความอบอุ่นขาดคนเข้าใจ ในขณะที่เสียวเล้งนึ้งเป็นคนที่ฝึกตนตามแนวปรัชญาเต๋าจนแทบจะไปอยู่ในโลกของเซียนผู้วิเศษแล้ว ย่อมไม่อยากอยู่วุ่นวายกับสังคมมนุษย์ แต่เป็นผู้เดียวที่มีความเข้าใจให้ความอบอุ่นเอี้ยก้วย จึงเป็นฟางเส้นเดียวที่เอี้ยก้วยยึดไว้ไม่ให้ตัวจมไปในทะเลแห่งความอาภัพของชีวิต แม้ว่าตนจะไม่ชอบการใช้ชีวิตอย่างวิเวกเงียบเหงาแบบที่เสียวเล้งนึ้งชื่นชมก็ตาม เอี้ยก้วยกับเสียวเล้งนึ้งมีความขัดแย้งกันด้วยเรื่องนี้ตลอดมา เสียวเล้งนึ้งพยายามจะคล้อยตามมาอยู่ ในสังคมมนุษย์กับ เอี้ยก้วยแต่ จารีตประเพณีที่บีบบังคับ กับอุบัติการณ์อันเป็นเคราะห์กรรม ทำให้นางต้องใช้ชีวิตวิเวกเดี่ยวในก้นหุบเหวอีก 16 ปีและเอี้ยก้วยก็บอบช้ำจนไม่อาจอยู่โดยไม่มีเสียวเล้งนึ้งอีกได้ ฉากสุดท้ายเมื่อเอี้ยก้วยเลือกเดินทางร่วมกับเสียวเล้งนึ้งจึงต้องสละความสนุกสนานของสังคมมนุษย์ที่ตนเคยชื่นชอบ เป็นเหตุให้ก๊วยเซียงต้องหลั่งน้ำตาครั้งสำคัญในชีวิต

    ก๊วยเซียงร้องไห้เพราะอะไร? ผู้อ่านส่วนมากคิดว่าเพราะเสน่หาอาวรณ์เอี้ยก้วยที่จะไปอยู่กินกับเสียวเล้งนึ้ง จังเจียวเฮียกวิจารณ์ว่าผู้ที่คิดเช่นนี้ อ่านก๊วยเซียงไม่แตก เข้าไม่ถึงตัวละครของกิมย้ง ก๊วยเซียงไม่ใช่คนที่จะหลั่งน้ำตาเพื่อตัวเอง
    นักวิจารณ์ท่านนี้กล่าวว่าก๊วยเซียงคือสติปัญญาและความดีงามของธรรมชาติ จึงเข้าใจและเห็นใจเอี้ยก้วยอย่างลึกซึ้ง แม้ตนเองจะแอบรักเอี้ยก้วยอยู่ แต่ก็เห็นว่าไม่มีใครเหมาะกับเอี้ยก้วยเท่าเสียวเล้งนึ้ง ทั้งยังอ่านคนทั้งสองทะลุด้วยว่ามีธรรมชาติดั้งเดิม (อันเกิดจากการกล่อมเกลาในวัยเด็ก)ต่างกัน คนหนึ่งโตมากับสังคมมนุษย์ติดสังคมมนุษย์ รักความสนุกจากแสงสีและอารยธรรมของมนุษย์ อีกคนหนึ่งโตมากับธรรมชาติพอใจความสุขสงบของธรรมชาติมากกว่ากลิ่นไอมนุษย์เมื่อเอี้ยก้วยยอมสละชีวิตคล้อยตามเสียวเล้งนึ้งไป ในส่วนลึกของหัวใจมีความเศร้าอาวรณ์ชีวิตที่ตนเคยคลุกคลีมาแต่น้อยแม้จะช้ำแต่ก็ชิน เมื่อต้องจากก็สุดหวนหาความรู้สึกนี้มีก๊วยเซียงเพียงผู้เดียวที่หยั่งถึงและร่วมรู้สึกจนต้องหลั่งน้ำตาออกมาเป็นหยาดน้ำตาแห่งความอาทรที่มีต่อชีวิตเงียบเหงาในวันหน้าของเอี้ยก้วย น้ำตานี้แม้อึ้งย้งผู้ปราดเปรื่องก็หาเข้าใจไม่ เพราะอึ้งย้งไม่มีธาตุแห่งการเห็นใจผู้อื่นเท่าบุตรีของตน
    ก๊วยเซียงจึงเป็นตัวละครที่กิมย้งสร้างขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามของมนุษย์ที่จะอยู่เพื่ออนุเคราะห์ผู้อื่น การตามหาเอี้ยก้วยก็เพียงเพื่อปลอบประโลมพี่ชายให้คลายความว้าเหว่ที่ต้องจากสังคมมนุษย์มาแต่กลับได้เป็นเหตุชักนำให้เตียกุนป๊อให้เกิดความมุมานะฝึกฝนวิทยายุทธ์ด้วยตนเองจนกลายเป็นเตียซำฮงปรมาจารย์ของสำนักบู๊ตึ๊ง บทบาทของก๊วยเซียงจึงเทียบได้กับบทบาทของจูล่งในสามก๊กและบทบาทของแก้วกิริยาในขุนช้างขุนแผน
    ก๊วยเซียงเป็นผู้รับเอาข้อดีของบุพการีมา บริสุทธิ์ยุติธรรมและใจกว้างเหมือนก๊วยเจ๋ง หลักแหลมมีไหวพริบเหมือนอึ้งย้ง เปี่ยมปัญญาลึกซึ้งและเป็นตัวของตัวเองเหมือนอึ้งเอี๊ยซือ ทั้งยังติดเอาความ
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คงจะวุ่นวายกันน่าดูนะครับ คุณหนุ่ม
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องพระพิมพ์ต่าง ก็ไม่ต้องลงเช่นกัน สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่ต้องการศึกษาจริงๆ ก็จะต้องดูกันต่อว่า มีความศรัทธา มีความเคารพ มีความเพียรและความพยายามมากเพียงไรก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนอันดับอื่นๆค่อยว่ากันอีกเรื่อง

    ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของกรรม แต่ละบุคคล จากเหตุหลายๆเรื่อง คนเราสามารถคิดหาเหตผลให้ตนเองถูกได้เป็นล้านเหตุผล แต่จะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงนั้นอีกเรื่อง

    ในความคิดของพี่ใหญ่และอีกหลายๆท่าน ควรจะจัดเป็นWorkshop ศึกษากันเป็นเรื่องๆไป ผมจะไปปรึกษากับหลายๆท่านอีกครั้งก่อน แล้วผมจะมาแจ้งทางโทรศัพท์ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกท่านทราบ หรืออาจจะทราบกันในการปรึกษาหารือกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ระยะเวลา 10 ปีที่ผมตามหา ตามเรื่องราวต่างๆ กว่าจะได้เจอก็เลือดตาแทบกระเด็น หมดเงินไปไม่รู้เท่าไร หมดแรงหาก็บ่อยมากแต่พอหมดแรงก็พักสักหน่อย แล้วก็ลุกขึ้นตามหาต่อ หนังสือไม่รู้จะกี่เล่มต่อกี่เล่มซื้อมาอ่าน เช่นหนังสือของคุณมัตตัญญู ,ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และวังหน้า ฯลฯ แต่ก็มีแค่รายละเอียดว่า พิมพ์นี้เรียกพิมพ์อะไร ใครอธิษฐานจิต สร้างปี พ.ศ.ไหน

    พอผมมาเจอเรื่องราวที่อ่านแล้วเข้าใจ เข้าใจในธรรมชาติของวัศดุหรือมวลสารต่างๆ พิธีต่างๆเป็นอย่างไร ฯลฯ ก็คุ้มค่าครับ รุ่นเราก็ต้องต่อยอดต่อไป เรียนกันไม่มีวันจบสิ้น เช่นหลวงปู่...(ซึ่งเป็นพระอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ที่ผมพึงเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อวานนี้ เป็นต้น

    ผมเองยังเคยคิดว่าจะสร้างพระพุทธรูปบูชา เป็นพระประจำตัวผม แต่พอเห็นแค่มวลสาร ผมก็หงายท้องแล้ว แค่เรื่องแรกเรื่องไม้ที่จะนำมาแกะก็หมดปัญญาไปหา แล้วแต่วาสนาบารมีดีกว่า


    และคนรุ่นหลังก็ต้องศึกษาและต่อยอดกันต่อไป เพื่อไม่ให้องค์ความรู้สมบัติของแผ่นดิน สมบัติของพระศาสนา สูญหายไป

    โมทนาสาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2007
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...