จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,905
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    คิดถึงคุณครูเพ็ญค่ะ(ยังไม่ลืมความตั้งใจที่ให้ไว้ค่ะ)(f)catt1
     
  2. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    อ่านจบแล้วค่ะ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างค่ะ อาเป็นเพราะยังเด็ก และการศึกษาเรื่องธรรมะยังน้อย บางอย่างที่คุณกล่าวผึ้งสามารถเข้าใจและนำมาใช้ได้ทันที เพราะเป็นคำที่เข้าใจง่ายและ คนภูมิธรรมน้อยอย่างผึ้ง ก้อเอามาปรับจิตตนเองใช้ได้เลยจ้ะ แต่บางคำที่เป็นคำศัพท์เฉพาะมันยากเกินไปสำหรับผึ้งจะแปลหรือเข้าใจทันทียังไม่ได้ มันก้อเลย ยัง งง ว่ามันคืออะไร ปริยัติผึ้งน้อย แต่จิตน้อยๆดวงนี้ก้อพร้อมที่จะนำธรรมะของทุกท่านมาปรับจิตตนเองให้เดินได้ตรงทาง ไม่ยึดว่าธรรมะนั้นจะมาจากใคร หรือที่ใด แต่น้อมนำเอาธรรมที่เราสามารถใช้ได้ทันที และเหมาะสม มาใช้ค่ะ ขอขอบพระคุณ ที่โพสข้อความเหล่านี้ให้ได้อ่านค่ะ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

    จบ.124
     
  3. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    อยู่คนเดียวให้ระวังอารมณ์จิต อยู่หลายคนให้ระวังวาจา

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตา ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

    ๑. รักษาอารมณ์ของจิตให้ดีๆ อยู่หลายคนให้ระวังวาจา และพยายามทำตนให้เหมือนอยู่คนเดียว

    ๒. ทุกคนไม่ช้าไม่นาน ก็ต้องพรากจากกันไปหมดคือ มีความตายเป็นที่สุด อย่าถือเขาถือเราให้มันมากนัก ร่างกายเป็นเพียงธาตุ ๔ ที่ประชุมกันขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น มีความทุกข์เป็นพื้นฐาน มีความแปรปรวนในท่ามกลาง และมีความตายไปในที่สุด

    ๓. บุคคลผู้ยังเกาะติดร่างกาย ต่างก็เป็นผู้น่าสงสาร เพราะหลงวนอยู่ในความทุกข์

    ๔. การมีอารมณ์ไม่พอใจ หรือพอใจเขา นั่นคือการพอใจหรือไม่พอใจในร่างกาย หรือติดอยู่ใน สักกายทิฎฐิ นั่นเอง

    ๕. จงเห็นตามความเป็นจริงว่า คนทุกคน สัตว์ทุกตัว รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน แม้แต่ตัวเจ้าเองก็เป็นอยู่ เพราะฉะนั้นจงอย่าตำหนิใครว่าเลว ให้เห็นใจซึ่งกันและกัน และอย่าแบกเอากรรมของใคร ๆ มาเป็นที่หนักใจ แค่กรรมของเจ้าเองก็หนักโขอยู่แล้ว

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=nosubyg_Nqk]สองหน้าของสัจจธรรม - YouTube[/ame]​
     
  5. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154

    ในสมัยพุทธกาล พระจักขุบาลเถระ ท่านเป็นพระอรหันต์ประเภทสุขวิปัสโก
    ท่านก็ปฏิบัติลำบาก ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ

    หรือแม้แต่พระโสณะเถระ เดินจนฝ่าเท้าแตก ทางจงกรมท่านนี่ เปื้อนด้วยเลือด

    ดังนั้น เราเชื่อนะว่า ล่วงกึ่งพุทธกาลมานี้ ผู้เป็นขิปปาภิญญา อินทรีย์แก่กล้า มีน้อยนัก
    (ในปฏิปทา4 ไปศึกษาดู มีอะไรบ้าง)

    คำว่า "อรรถพยัญชนะ" นั่นหมายถึง การกล่าวธรรม ที่งามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด
    เพื่อน้อมจิตของผู้สดับรับฟัง

    จะยกตัวอย่าง ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ท่านยสะ ที่ว่าด้วย อนุบุพพิกถา5
    เป็นกล่าวถึงเหตุ และให้เห็นโทษ เพื่อให้มีจิตน้อมตาม
    พอเมื่อน้อมตามแล้ว พระองค์แสดงถึงทางที่จะออกจากโทษภัยในวัฏฏะวน

    เสร็จแล้วพระองค์ได้สำแดงธรรมฤทธิ์ว่าด้วย อริยสัจ4
    พระยสะมีดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา และพระองค์ได้กล่าวซ้ำอีก ในอนุบุพพิกถา
    จนได้สำเร็จพระอรหันต์ด้วยการฟังธรรม เหล่านี้คือผู้มีอินทรีย์แก่กล้า

    หรือจะอีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นธรรมที่งามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด
    คือการประกาศประกาศพรหมจรรย์ ให้กับผู้สดับพิจารณาตาม
    ก็ที่คุณ supatorn เอาธรรมหลวงปู่เทสก์ มาลงในกระทู้หน้านี้ นั่นแหละครับ
    ในเรื่อง "สิ้นโลก เหลือธรรม" ในโพสที่ #11063,#11064 (ข้างบน)

    มีการกล่าวถึงในเหตุ คือ ให้เชื่อในกฏแห่งกรรม จากนั้น พรรณาคุณแห่งศีล
    และวิธีการปฏิบัติเพื่อเข้าไปหาจิต โดยในภาคสมาธิฌาน
    โดยพรรณาถึงสิ่งที่เป็นอุปสรรค ทั้งในแง่ของนิมิต
    จนในที่สุดกล่าวถึงในภาคปัญญา จนเกิดญาณ เกิดวิชาและจรณะ คือ การได้ชำระจิตให้ผ่องแผ้ว

    นี่ล่ะลักษณะ ของการแสดงธรรม "งามทั้งในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
    ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ ครบบริบูรณ์ บริสุทธิ์"
    ให้ได้พิจารณาตามในไตรสิกขาบท


    ดังนั้น ผู้เป็นขิปปาภิญญา หรือทันธาภิญญา ก็ตาม
    ธรรมทั้งหลายที่ประจักษ์กับผู้ประพฤติปฏิบัติ ย่อมมีที่มา ที่ไป ให้ได้พิจารณา
    ย่อมไม่ง่ายเหมือนแตงกวา แตงโม ที่ไม่ต้องปอกเปลือก

    แต่หากจะเป็นส้ม หรือมะพร้าว ทุเรียน ก็ไม่ต่างกันหรอก
    ย่อมแสดงเหตุ และวิธีในการปอกเปลือก คือการเข้าไปหาจิต และชำระจิต
    ทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดได้ นั่นแหละ คือ สงฆ์สาวก (สาวกสังโฆ)

    ดังนั้น หากถ่อมตนว่า ยังเป็นเด็ก มีภูมิธรรมน้อย อะไรนั้น
    ไม่สำคัญ เท่ากับการรู้จักพิจารณาด้วยเหตุ หรือเรียกว่า ธัมวิจยะ กับสิ่งใดๆในโลก จึงจะรู้จักผล
    เรียกได้ว่าคนๆนั้น รู้จักสดับฟังธรรม หรือฟังธรรมะเป็น "ไม่หลงโลก ไม่หลงธรรม" ว่างั้นเหอะ

    แต่หากเป็นการเจริญด้วย อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา เหล่านี้เราย่อมเห็นด้วย ก็ขอโมทนา

    จบ.◎
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2013
  6. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    เปิดฟังและดปิดให้คุณแม่ฟังด้วยค่ะ ฟังแล้ว พิจารณา สดับฟัง ปรับปรุง แก้ไข ขออนุโมทนาบุญที่พี่ภูได้นำคลิปนี้มา เพื่อพัฒนาจิตแก่ผู้ที่ได้สดับฟัง วันนี้เป็นวันหยุด เวลาที่ขันธ์ได้พักผ่อน แต่เป็นเวลาที่จิตได้ลุยงานมากกว่าทุกวัน ^^
     
  7. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    การเพ่งโทษผู้อื่น​

    อุปสรรคขวางความดีที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ นิสัยชอบจับผิดผู้อื่น
    ภาษาพระเรียกว่าการ เพ่งโทษผู้อื่น

    ครูบาอาจารย์มักเตือนเสมอว่าถ้ารักดี ควรหลีกเลี่ยงไม่ไปเพ่งโทษผู้อื่น แล้วหันมาเพ่งโทษตัวเองให้มาก เตือนตัวเองให้มาก บางคนมีความตั้งใจดีในการปฏิบัติ หรือมีความเคร่งครัดในการปฏิบัติ กิเลสก็มักจะมาหลอกเจ้าของ (ตัวเรา) ว่าไม่มีใครใคร่เคร่งเท่าฉัน ไม่มีใครตั้งใจปฏิบัติเท่าฉัน ไม่มีใครมีปัญญาเท่าฉัน ฯลฯ แล้วสอดส่ายสายตามองภายนอก คนนั้นก็ทำไม่ถูก คนนี้ก็ทำไม่ถูก มุ่งแต่จะไปแก้ไขคนอื่นยิ่งกว่าแก้ไขตนเอง

    สุดท้ายใจเจ้าของนั้นเองแหละที่เศร้าหมอง ไม่แจ่มใสเบิกบาน
    ดังนั้น ความตั้งใจปฏิบัติในตอนต้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นกุศล ก็เลยแปรเปลี่ยนเป็นอกุศล ขวางทางสร้างความดีไม่ให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ดังที่หลวงปู่กล่าวว่า มุ่งแก้ไขคนอื่นเขาเป็นเรื่องโลก แต่มุ่งแก้ไขที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม​

    รูปขนาดเล็ก


    http://www.watthummuangna.com/board/...ead.php?t=8925
    __________________
    ^__^
     
  8. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    นี่ล่ะ จังหวะ ของการที่จะนำธรรมแปะ ซึ่งไม่ใช่กาลที่ควร

    ความเป็นกัลยาณมิตร ที่ดีต่อกัน ควรหรือที่จะยกธรรม "การเพ่งโทษผู้อื่น" มาลง

    ซึ่งเปรียบเสมือนซีดีคนละเรื่อง ไม่ต่อเนื่อง โดยไม่ดูต้นเรื่อง พอดูที่กลางเรื่อง ก็เปลี่ยนเรื่องซะงั้น

    คุณ มณีตรี อุลต้าซาวด์ ขอรับ
     
  9. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    ไปแล้วนะคะ ไปทำหน้าที่ทางโลกก่อนค่ะ พาแม่ไปกินก๋วยเตี๋ยว ใครจะสั่งเส้นอะไรบ้างคะ เดี๋ยวซื้อมาฝาก ท้องได้อิ่ม อิ่มแล้วก้ออิ่ม อิ่มแล้วก้ออิ่ม อิ่มทุกวันจนเบื่ออิ่ม แต่ก้อต้องอิ่มเพราะยังต้องอยู่ อยู่แล้วไม่อิ่มก้อแปลว่าไม่อยู่ อยู่ๆ อิ่มๆ อิ่มๆอยู่ๆ งงตัวเอง 55555+ ไปแล้วจ้า...แบร่ๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • khk.gif
      khk.gif
      ขนาดไฟล์:
      121.4 KB
      เปิดดู:
      38
  10. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/7z56bJvynow" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  11. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    ขออภัยเป็นอย่างสูง..ค่ะ เราอ่านข้อความข้างบนไม่ทันครบ ประจวบกับอ่านเจอธรรมที่สอนตัวเราเอง....ก็เลยรีบนำมาแบ่งปัน โดยมิทันได้ SCAN ว่าท่าน zero อยู่ด้านบน....กำลังแสดงธรรมเรื่องใดอยู่ ...พลาด...โอ้ ไหว.....อย่างแรง!!!
    โปรดอภัยให้เราด้วย...จึ๊ก!!​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2013
  12. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    ขออภัยเป็นอย่างสูง..ค่ะ เราอ่านข้อความข้างบนไม่ทันครบ ประจวบกับอ่านเจอธรรมที่สอนตัวเราเอง....ก็เลยรีบนำมาแบ่งปัน โดยมิทันได้ SCAN ว่าท่าน zero อยู่ด้านบน....กำลังแสดงธรรมเรื่องใดอยู่ ...พลาด...โอ้ ไหว.....อย่างแรง!!!
    โปรดอภัยให้เราด้วย...จึ๊ก!!​
     
  13. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    เป็นไปเสียอย่างนั้น?
    ฮ่าๆ ขอขำหน่อยนะคะ
    ธรรมดา ธรรมชาติของหลายท่านในกระทู้นี้
    ที่ได้ธรรมทานจากที่อื่นมาลง (หรือที่มีบางท่านเรียกว่า "ธรรมะตัดแปะ" ก็ดี)
    จะต่อเนื่อง ไม่ต่อเนื่อง
    ควร ไม่ควร
    มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย

    เพราะส่วนใหญ่ที่มาลงกันเพราะเป็นสิ่งที่ถูกจิตตน
    สอดคล้องกับเหตุการณ์ในจิตตน หรือเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับที่ตนได้ไปเรียนรู้
    อะไรมา จึงได้อยากมาโพสท์ลงในกระทู้นี้

    อาจเพื่อ
    ๑. เป็นการย้ำเตือนในสิ่งที่ตนพบมา
    ๒. สอนจิตตนให้พัฒนาไปตามธรรมทาน หรือคำสอนครูอาจารย์นั้นๆ
    ๓. เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนในกระทู้

    ฯลฯ

    ก็มีอยู่หลายเหตุผลกัน แต่คงไม่มีใครจะไปล่วงการกระทำของใครว่า "ควร-ไม่ควร" โพสท์เรื่อง หรือธรรมให้ต่อเนื่องกันหรอกค่ะ

    คนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาแชร์ธรรมทานครูบาอาจารย์ในกระทู้นี้มีมากมาย
    จะให้เรื่องราวกระทู้ เดินไปในทิศทางเดียว หรือมีธรรมะประเด็นเดียวก็คงจะไม่ได้ เพราะเราก็ทราบกันดีว่าธรรมะมีในทุกที มีในทุกเรื่อง


    ขอให้กำลังใจคุณมณีตรี และทุกท่านที่ได้แชร์ธรรมทานให้ชาวกระทู้ และชาวเว็บได้อ่านนะคะ เพราะแม้กระทั่งลำพัง ตัวหมูเองนั้น ก็ยังไม่ได้ค่อยได้เข้ากระทู้ธรรมะเลย การที่หลายท่านได้มาโพสท์ลงตรงนี้ เป็นเหมือนได้มาอ่าน "Dhamma Mini Book" ที่รวมคำสอน และธรรมที่น่าเรียนรู้ต่างๆ ให้กับคนที่ไม่ค่อยได้อ่านธรรมทานอย่างหมู ได้มาเรียนรู้กันค่ะ


    ปล. กระจกนั้นยังมีหลายประเภท จะมองมุมใดก็ย่อมไม่ผิด-ไม่ถูก เพราะสามารถมองได้หลายมุม ในกระจกบานเดียว มันก็แล้วแต่คนจะมอง จะส่องอะไรไป แต่สัจธรรมอะไร มันก็ยังคงจะอยู่ในกระจกบานนั้น ไม่ได้มาเพ่ง หรือมองใครไม่ดี เพราะเป็นธรรมดาที่เราจะมองได้หลายมุม ตามที่กล่าวมานั้นล่ะค่ะ และหมูก็แค่มองในมุมนี้มุมนึง จึงอยากโพสท์บ้างเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2013
  14. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2461405/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    โมทนาสาธุ สำรับ ซีดีเพลง ถ้าฟังเพื่อฝึกจิตไม่ให้ไหลไปกับจังหวะที่มันไม่สมำ่เสมอ(ระงับความโกรธ)
    หากนำจิตคลื้มไปด้วยคงเหนื่อยใจน่าดู....!!!สำหรับอินทรีย์แก่แล้วคงไม่กระทบ
    ส่วนเพลงเพราะๆ ในยูทูป เอาไว้ฟังผ่อนคลาย....แผ่นแรกคงฟังบ่อยไม่ได้ และสิ่งที่ท่านทักท้วงมาเราขอน้อมรับไปแก้ไขค่ะ....มณีตรี​
     
  16. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ตั้งใจของตนเกิดมาชีวิตนี้
    ได้พบปะศาสนาของพุทธะ หน้าที่ทำความดี ไม่ทำความชั่ว
    เราทุกคนนี้ เมื่อใจจากไปเสียจากกาย
    ใจก็ถือเอาบุญและบาป

    บาปพาไปนรก
    บุญพาไปสวรรค์ - เราเป็นมนุษย์นี้ดีเกิดได้ ชั่วก็ได้
    ชีวิตใดเกิดมาพบปะบัณฑิต ก็ถึงสุขสวรรค์ได้
    ชีวิตใดเกิดมาอยู่กับคนพาล ก็ได้นรกตกต่ำ
    นรกมี สวรรค์มี พรหมมี เปรตมี ผีมี เดรัจฉานมี คนมี หนทางของความหลุดพ้นมี

    เรามีกายเรามีใจ - หากเพิ่มชั่วก็ได้บาปกรรม
    - หากเพิ่มดีก็ได้กุศลกรรม

    บุญ-บาป-ใจ-ไม่เป็นตนเป็นตัว
    แต่เป็นของมีอยู่ หาใช่ตัวคนแก่นสารอะไรไม่
    เราเป็นมนุษย์จะเพิ่มดีหรือจะเพิ่มชั่ว
    หากรังเกียจบาปกรรมความชั่ว ก็ทำดีได้ง่าย


    หากรักบุญธรรมบุญ ก็ทำดีได้ผล
    นั้นคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้


    อะไรคือ สมบัติของใจ
    อะไรคือ เครื่องรักษาใจ
    ส่วนใดของกาย ตายไปเราถืออะไรไปด้วย
    คิดอ่านในตน

    ปฏิปทาของตนในวันนี้


    1. ให้ไหว้พระสวดมนต์
    2. ศีล 5 ศีล 8
    3. เคารพ
    4. เลี้ยงบิดามารดา
    5. พิจารณา อภิณห เกิดแก่เจ็บตาย (เพิ่มเติม อภิณหปัจจเวกขณ์๕ โดย ◎)
    6. เมตตา
    7. ภาวนา
    8. พิจารณาทุกข์
    การเจริญภาวนา ก็คือ การทำบุญกุศลให้เกิดขึ้นแก่ตนให้งอกงาม เกิดแล้วในใจ
    บุญไม่หาย
    บาปไม่หาย
    กรรมไม่หาย
    ธรรมไม่หาย

    อบรมอย่างใด-สะสมอย่างใด-นิสสัยปัจจัย ก็เดินไปอย่างนั้น
    เดี๋ยวนี้ตัวเราอะไรมากกว่ากัน
    ชีวิตนี้เกิดมาแต่เกิดมาจนวันนี้ ชั่วมากกว่าดี บาปกรรมมากในใจ
    ให้ตั้งใจให้บุญกุศลเกิดขึ้น
    ได้เท่าใดก็ยินดีในตนเท่านั้น

    ตั้งใจรักษาใจบำรุงใจ ให้ใจเราอยู่ด้วยสุขสงบ
    อยู่ด้วยบุญกุศล
    อยู่ด้วยธรรม
    ตัวเราทุกคนเดี๋ยวนี้ ใจมันอยู่ยาก
    ใจมีอยู่
    กายมีอยู่
    ใจผู้นึกคิด
    กายตั้งอยู่-นั่งอยู่


    การฝึกหัดตนมิใช่ของง่าย
    อดทนพากเพียรตั้งใจไปเรื่อย ๆ
    ให้ตั้งใจ พยายามกันไป อย่าทำชั่ว ใส่ใจความดี
    ตัวเราวันนี้ ดีมีอยู่ แต่มันยังน้อย
    เดี๋ยวนี้ รู้ภาวะ ได้เดียงสา
    ในตนของตนก็ให้รักษาไป
    บุญกุศลของตนอย่างใด
    ธรรมมะปัญญาของตนอย่างใด
    อะไรมันเป็นของชั่วในใจให้ทิ้งเสีย
    ธรรมรักษากาย
    ธรรมรักษาใจ
    กายใจเป็นธรรม
    รูปนามเป็นองค์พระธรรม
    นั้นเองจึงพ้นทุกข์ได้


    เอ้า ! ตั้งใจภาวนา
    มันเผลอไป ตั้งใจใหม่
    ตั้งใจ กายอันนี้
    ใจอันนี้
    ใจผู้รู้สึก
    จับตรงนั้นเอาไว้

    http://palungjit.org/threads/หนึ่งวัน-หนึ่งเวลา-หนึ่งบุญ-หลวงปู่จาม-มหาปุญโญ.202083/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2013
  17. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การเรียนเรื่องภพ- ชาตินั้น ได้เรียนลงที่ตัวเราก่อน ถ้าเรารู้เรื่องของตัวเราแล้ว ก็จะรู้และเข้าใจเรื่องภพชาติ เพราะกิเลสที่มีอยู่ในใจนั้นทําให้เกิดภพ เกิดชาติ ต้องพิสูจน์ได้ที่กาย ใจเรานี่ ต้องแยกแยะออก ให้เห็นความจริงว่าเหตุของการเกิดต้องขุดคุ้นออกดู ที่กาย และใจ เพราะกิเลสอยู่ที่ใจ ที่อื่นไม่มี กิเลสไม่ได้อยู่ที่ทองฟ้า อากาศ ไม่ได้อยู่ใน ดิน นํ้า ภูเขา แต่อยู่ที่ใจของเราๆท่านๆจึงแก้ลงที่ใจเท่านั้น .เทศน์ขององค์หลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน.
    ขอน้อมกราบองค์หลวงตา ด้วยเศียรเกล้าคะ.
     
  18. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    นิทานธรรมะ "ทำไมไม่สมหวัง"
    อ่านเพื่อให้เป็นคติเตือนใจ เกิดสติปัญญา..@

    มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก
    คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
    เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย
    ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
    ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า
    คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
    โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
    เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก
    ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

    เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ
    ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
    ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น
    มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
    เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
    แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
    เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ
    จึงบอกว่า " ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า"

    หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า "อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว"
    เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า
    "อยากเข้ามา ก็เข้ามา!"

    เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
    ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
    หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า "อาการหนักเลยนะ"

    ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
    หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า
    "โทรมมากเลยนะ" ชายคนนั้นไม่สนใจ
    หลวงตาบอกว่า "ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ"
    ชายคนนั้นไม่สนใจ

    แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
    เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น
    ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
    กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

    ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
    ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

    เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
    เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ
    แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา
    เขามองเห็นศพนั้น
    เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุม
    ร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

    พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
    เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู
    เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร
    จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
    เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆ
    กอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
    จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

    จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพ
    ของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
    พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
    แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

    ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า "ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน"

    เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา
    เด็กรับใช้ตกใจมาก
    หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า "โยมรอดแล้ว
    เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว"

    ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด

    ^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
    ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
    ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
    เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
    เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

    ทุกๆวจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิด
    พูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นบุญหรือบาป ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น ^_^

    ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้
    คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
    เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน
    ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
    ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้
    ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
    เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ui.gif
      ui.gif
      ขนาดไฟล์:
      26.5 KB
      เปิดดู:
      155
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2013
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สัจจะธรรม คือ ความจริงที่มีอยู่ในกายในใจของเรา เราต้องนํามาพิจารณาความทุกข์ ที่มีสภาพความเป็นจริงที่มีอยู่ในกาย เพราะทุกข์เป็น"สัจจะธรรม" ความเป็นจริง คืออาศัยร่างกายคือ "ขันธ์"เป็นที่ทํางาน
    เป็นที่พิจารณา ถึ่งเรื่อง "การเกิด แก่ เจ็บ ตาย" อะไรเป็นทุกข์ ถ้าเราเข้าใจความจริงที่ว่าอะไรมันเป็นทุกข์แล้ว... ที่ว่าเป็นทุกข์ในร่างกายนั้นก็คือ...ธาตุที่มีอยู่ในร่างกายคือ "ดิน นํ้า ลม ไฟ "นั้นหรือ? เป็นทุกข์ เราต้องพิจารณาให้เห็น ต้องขุดคุ้นลงใน "สัจจะธรรม" ความเป็นจริง ต้องพิจารณาเพื่อความถอดถอนกิเลส ด้วย การมี"สติ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร" ลงที่ใจที่อื่นไม่มีต้องลงที่ใจ.
    เทศน์ขององค์หลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน.
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=GJ1ThKeKTuw]ไม่แน่ - YouTube[/ame]​
     

แชร์หน้านี้

Loading...