เชิญเล่าประสบการณ์ ในการสร้างบารมีของท่าน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 2 พฤศจิกายน 2012.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มาเม้าต่อจากความเดิมที่แล้วครับ

    muj#Q ที่ ๒๐ / ๗ /๕๔ ก็จริงเหมือนกันนะ แต่ก็ยังได้เห็นรูป หงส์กับมังกร แต่ตัวเจ้าของผู้เขียนนี่ซี ไม่ได้เห็นหน้าจะสวย เหมือนกับ ชื่อหรือเปล่าน้อ ทำไมไม่เปิดโฉม มาให้ยลบ้างเลยเล่า จ๊ะน้องหงส์ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ มาว่ากันต่อ จ้า เมื่อปี พ.ศ.๓๖ เดือนกุมภาพันธุ์ เห็นจะได้ ตอนนั้นพระ อ.เล็กวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี ได้มาชวน ข้าพเจ้า กับพระโมเช่ ตอนนั้นท่านยังไม่บวช พระ เป็นฆราวาส แม่ชีท่านบวงสรวง ขุดบ่อหน้าถ้ำ เราทั้งสามเริ่ม ออกเดินทางแต่เช้า ไปทางลำห้าย ตะวันออกเฉียงใต้ ของหมู่บ้านตะเพินคี่ ที่นี่ มีที่น้ำออกหลายจุด เป็นต้นน้ำลำธาร หลายสาย ซึ่งผุดออกมา จากภูเขา เป็นสิ่งที่แปลกมากๆ เนื้อที่ไม่กี่พันไร่ กับเป็นต้นน้ำลำธาร ไหลตั้ง หลายแห่ง น่าอัษจรรย์แท้ๆ แ และมีน้ำตก หลาย แห่ง ไหลผ่านไปเขื่อนเจ้าเณร และไปทางหมู่ บ้านกล้วยที่ข้าพเจ้า อยู่นะปัจจุบัน อ .ด่านช้างถ้าจะพูดจริงๆ ถ้าว่าถึงน้ำฝนตกมา และซึม ไหลไปเป็นน้ำตกไม่น่าจะ จะถึงเดือนก็แห้งขอด ผม คิดเอาว่าในด้านคิดสดี แสดง ว่าความกฎดันใต้พื้นภิภพ มันดันน้ำขึ้นมาสุ่พื้นดิน กลางหมู่บ้านตะเพินคี่หรือหลายๆจุด ตามไหล่เขา ซึ่งน้ำไหลทั้งปี ยังไม่ปรากฏว่าจะหมด นี่เห็นไหมท่าน(ผู้อ่านที่เคารพ )น้ำพุร้อนๆต่างๆมันก็ดันมาจากพื้นดินฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมไม่ได้เรียน แต่เดาเอาน่ะครับ หรือใช้ทิษดี ที่ครูบาอาจารย์เคยพูดถึงจุดต่างๆของประเทศ ซึ่งมีทรัพย์พยากร ธรรมชาติมากมาย มาว่ากันต่อถึง เดินธุดงค์ต่อดีกว่าเดี๋ยวจะเสียเวลาท่านผู้อ่าน และจะลำคาญ ก่อนจะออกเดินทางฝนได้ตกลงมาพรำๆ และเป็นฝอย เหมือนจะอนุโมทนาในการทำความดีของพวกเรา ไม่อวดตัว หรอกนะ แต่มันเป็นเรื่องจริง เดินลัดเลาะไปเรื่อน แบบใจเย็นไม่รีบร้อนอะไร ข้าพเจ้าเตรียม ตำน้ำพริกไปด้วย ๒ ขวดใหญ่ เผื่อว่าเมื่อไม่เจอบ้านคนนานๆ จะได้เก็บ ผักนาๆชนิดในป่ามากิน ข้าพเจ้าและพระโมเช่ รู้จักหาของป่ากิน ยิ่งพระโมเช่ด้วยแล้วเก่งเรื่องนี้อย่างมากๆแล้วก็มาผ่านหมู่บ้าน น้ำพุ อ.ศรีสวัส เมืองกาญ ฝนตกต้อนรับ หนัก เข้าไปอีก และได้ค้างคืนนะที่นี้ หนึ่งคืน รุ่งเช้าเดินทาง ต่อไป จะไป หมู่บ้านตีนตก ซึ่งหมู่บ้านที่พวกข้าพเจ้าไปนี้ล้วนเป็นหมู่บ้านชาวไทยกระเหรี่ยง ทั้งสิ้นมีคนไทย ปนอยู่น้อยมากครับ เช้าวันนี้ก็เช่นกันฝนได้ตก ปอยๆ ต้อนรับไปเรื่อยๆ หยุดไปสองสามชั่วโมง แล้วตกมาใหม่เป็นอย่างนี้ ทุกวัน เดินลัดเลาะป่ามาครึงวันกว่าๆก็ทะลุ ถึงบ้านตีนตกพอดี ท่านทั้ง หลาย เดินแทบลิ้นห้อย เลย สมชื่อจริงๆๆว่าตีนตก ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆเดินลงเขาเข้าหมู่บ้านไปพัก ปรักกรดป่าใกล้หมู่บ้าน มีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะแต่จำไม่ได้ ครับ หยุดอยู่ที่นี่ หนึ่งคืน รุ่งอรุณอรุโณทัย เมื่อฉันอาหาร เสร็จสัพ ก็ออกเดินทางกันต่อไป พี่น้องที่รักทั้ง หลาย ฝนฟ้ายังตกเหมือนเดิม ทุกประการ ดูเหมือนจะหนัก ขึ้นๆเรื่อยๆ วันนี้เดินบนถนนลูกรังสลับกับป่า มาถึง วัด ถ้ำองจุ แล้วเลยมาที่วัด นาสวนคงค้างที่วัด นาสวนวันนี้ ฝนตกฟ้าร้องคำรามกำปนาท ดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งนัก ในระหว่างที่ข้าพเจ้าเดินทางไปนะที่แห่งหนตำบลใดก็จะจดบรรทึกเอาไว้ข้าวๆ เดี๋ยวนี้มันหายไปหมด รุ่งเช้าเมื่อฉันจังหัน เสร็จเราทั้งสาม นั่งเรือ ชาวบ้านให้ไปส่ง ที่หมู่บ้านองหลุ ต้องนั่งลงเรือ ไปในเขื่อนเจ้าเณร หรือเขื่อนศรีนัครินทร์ ใช้เวลานั่งเรือ ตก สี่ ชั่วโมง ก็บรรลุถึงชายเขื่อน ก็ต้องเดินต่อไป ตามทาง สี่ห้า กิโล ถึง หมู่บ้านองหลุ พวกเราคงค้างที่นี่ อีกหนึ่งคืน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆ พี่น้องที่เคารพ ฝนยังตกตามพวกเรา อย่างเคยครับ หนักบ้างเบาบ้าง รุ่งเช้า ฉันเสร็จออกเดินทางต่อครับ ขึ้นเขา ลาดชันไปเรื่อย จนถึงกลางเขา ที่ลาภอากาศเย็น สบาย หยุดที่นี่พักหนึ่ง คืน


    มีทากเยอะเลยขยืยบ ไปอยู่ที่สูงๆหน่อยๆ เมือ่ได้เวลา ก็เดินทางต่อไป ถึงหมู่บ้าน คลิตี้ล่าง ที่นี่เดี๋ยวนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว มีน้ำตก คลิตี้ หลายชั้น สวยงาม มากมายฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆ อากาศดีมากๆในป่า มนช่างสดชื่นยิ่งนัก ท่านผู้อ่านที่เคารพ หลับตานึกภาพตามผมมาว่ามันอลังการ อย่างไรบ้าง สบายเช่นไร ฝนฟ้าก็เป็นใจ คืนนี้ขอหยุดที่นี่สักคืนนะท่านผู้ อ่านพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางไปพร้อมๆกัน สวีสดี
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พิมมาตั้งเยอะหลุดไปเฉยๆ อยากจะลบทิ้งทั้งหมด เลยไม่รู้จะพิมมาใหม่ได้อย่างไรเราเรียกคืนไม่เป็นฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ( ที่ ๒๖ /๗ /๕๔ ) พิมด้านหน้าต่อ หายแล้วหายไป พิมใหม่จะดีกว่า อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เสียเวลาหน่อยไม่เป็นไรครับ มาว่ากันต่อ พักที่คลิตี้ล่างนานเกินไป ทำให้ขี้เกียจ ติดสถานที่ สุขสบาย มาค้างที่นี่ก็เป็น อาทิตย์แล้ว จึงออกเดินทางต่อไป ที่หมู่บ้าน คลิตี้บน ใช้เวลาเดินทาง ครึ่งวัน เห็นจะได้ จึงค้างที่ในวัดคลิตี้บน หลวงพี่ อ.เล็กท่านว่าอย่างนั้น หลวงพี่เล็กท่านเรียนวิชา ทำตะกรุด โทน จาก ปู่ เนป่อง ซึ่งเป็นชาวไทย กระเหรี่ยงท่านบวชเป็นพระ มีประสพการณ์มากมาย ท่านอายุ ๙๐ ปี คุยอย่างสนุกสนาน ฝนฟ้า ก็เป็นจริงไม่มีทีท่าว่า จะหยุด ซึ่งพวกเรา พากันมาก็ เป็นสิบวันแล้ว พอรุ่งสาง ก็คอยรอ ชาวบ้านมาใส่บาตร เพราะว่าชาวไทยกระเหรี่ยง ไม่นิยม ให้พระไปบินฑบาตร จะนำกับข้าวและข้าวใส่ภาชนะมาใส่ถึงที่ ในวัดเลย ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้เวลาขบฉัน เมื่อทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป จึงกราบลา หลวงปู่เนป่อง เดินทางเข้าสู่ทุ่งใหญ่นเรศวรทันที จากคลิตี้บน ไปถึงชายแดนไทย -พม่าต้องใชเวลา เดินหลายวัน ระยะทาง ๙๐ กิโลเมตร แต่พวกเราจะเข้าป่าใหญ่ ในดงดิบ ครับพี่น้อง เดินตามทาง มีทั้ง ต้นไม้ใหญ่น้อย เรียงรายสองข้างทาง เป็นทิวแถว ทั้งป่าดิบ ป่าโปร่ง ป่าผิใบ ร่มรื่น เสียงจิ้งหลีด เรไร จั๊งจั่น ร้องระงม ในราวไพร สัตว์นาๆชนิด เสียงนกกา พ่ำเพียกเรียกร้อง คุยกัน ระงมเซ็งแซ่ ฟังดูน่าใจหาย น่ากลัว แต่เราฟังดูแล้ว สบายตากายใจ ถ้าคนข้างล่างได้ฟัง คงทนบ่ได้ แน่นอน ขนาดเรายัง มีความวิตกอยู่บ้างเลย แล้วคนไม่เคย ศึกษามาเลย จะทนได้หรือหนอ ได้ผ่านลำห้วยน้อยใหญ่มามากมาย แต่ ในฐานะที่เรา เคยเข้ามาบ้าง ก็จะสุขใจ อยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเดินนานๆ จะทำให้เหนื่อย เมื่อยล้า ไม่อยากเดิน เสียมากกว่า แต่ก็ได้ อัธรส ดี ทั้งประสพการณ์เหตุการ สิ่งที่ไม่เคยไปก็ได้ไป สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยได้ยินก็ได้ยิน สิ่งที่ไม่เคยพบก็ได้พบประสพมามากมาย สุดจะพรรณาทีเดียวเห็นไก่ป่าคุ้ยขี่หาอาหารเป็นระยะๆ เสียงนกกา สัตว์นาๆชนิดหมู่ร้องเรียกหากัน ดังอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านไป เมื่อมาถึง บริเวณห้วย เซซ่าโหว่ จึงหยุดพักกลางกฎ ดังที่เคยปฏิบัติมา ฝนฟ้า ยังตก เช่นเคย พี่น้องที่เคารพ ตกหนักเสียด้วย ฮ๋าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆการเดินทางมาครั้งนี้นับเป็นสิบวันแล้ว
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เดินทางมาครั้งนี้นับเป็นสิบวันแล้ว ท่านผู้อ่าน ทั้งหลาย ฝนก็ตกแรงบ้างเบาบ้างสลับกันไป เมื่อค้างคืน เหมือนอย่างที่เคย แล้ว ก็ปรักกฏ เจริญสมณธรรม ดังที่ปฏิบัติมาครับ ตอนเช้า เก็บผัก อาหารป่า มาทำ แล้ว ฉัน เสร็จได้เวลาก็ออกเดินทางต่อ เข้าในทุ่งใหญ่ ดงดิบ ผ่านป่าโปร่งแล้วเข้า ป่าใหญ่ เดินร่มรื่น สบายไม่ร้อนไ ม่เหมือน ป่าโปร่ง ร้อน ต้นไม้ห่าง เดินไปก็เจอต้นมะขามป้อมมากมาย เยอะแยะไปหมด บางต้นไม่มีใบเลย มีแต่ลูก แต่ไม่อยาก ฉัน เมื่อเข้าไปลึกมาก แต่อยากฉันกลับไม่ได้ฉัน สมอ ไม่เคยเจอเลย สักต้นเดียว แต่ไม่อยาก ก็เจอ มากมาย แค่อยาก ฉันลูกสมอ ก็ไม่สมใจ ดังเจตนา ไม่อยากมันเจอแล้วเจออีกเห็นไหม พี่น้องที่เคารพ เข้าป่า สิ่งที่เราอยาก มันไม่ได้ดังใจเราหรอกนะจะบอกให้ ทั้ง ๆของเหล่านี้ ไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่อยู่ในป่า ผลไม้ป่า ถือว่า เป็นอาหารชั้นเลิศเลยทีเดียวนะจะบอกให้ มาหยุดพักสักประเดี๋ยว แล้วมาว่า คัทเศทต่อไปสวัสดี


    ที่ ๒๖ / ๗ /๕๔ วันนี้มาว่ากันต่อ พอมีเวลาอยู่ บ้างอากาศวันนี้รู้สึกว่า มืดครึ้ม ฝนตกลงมาตั้งแต่กลางคืน จนถึงสายๆถึงจะ เริ่มแดดออก แดดจ้าเลยพี่ทั้งหลาย จะไป กทม. ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจแต่เดิมทิ้งไป เลยมีโอกาศเข้ามาเล่า เรื่อง ธุดงค์ ให้พี่น้องได้ อ่านกันต่อไปครับ ความเดิม เมื่อเช้ามาหยุดอยู่ตรงที่แล้ว เข้าไปในทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อเข้ามาได้ระยะหนึ่ง ก็หยุด ใกล้กลับลำห้วย ตะวันบ่ายคล้อยแล้ว จึงหยุดพัก ปักกรด ข้าพเจ้า รีบหาฟืนกับ ท่านโมเช่ ไม้แห้ง เพื่อไว้สุมไฟ ให้พอ ใส่ทั้งคืน เพื่อทำความสว่าง ไม่ให้ สัตว์น้อยใหญ่มารบกวน เมื่อปักกรดเสร็จ เราก็นั่ง สทนากัน เมื่อเริ่มจะมืด เราสุมไฟ ไว้ป้องกันสัตว์ ก็เข้า กรดใครกรดมัน สวดมนต์ไหว้พระ ตามแบบฉบับ ที่ศึกษามา พอเจริญสมาธิกรรมฐาน แล้วนอนตื่น ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยิน เสียงเจ้า ป่า ร้องคำราม ระงม ไปทั้งป่า เพราะว่าพวกเราไปนอน ขวางทาง ลงมากินน้ำของเขา เลยเข้ามากินไม่ได้ เลยร้องขู่คำราม ไปทั้งป่า ใอ้เราก็นอนฟัง เสียงของเขา ก็เลยลุกขึ้นมาเจริญสมณธรรมต่อ จนกระทั่ง รุ่งสาง อ๋อลืมบอกพ่อแม่พี่น้องไปว่า ในกลางคืน ทุกคืนไป ก็ต้องคอย ระวังเวลานอน ว่าไฟที่จุดไว้ฟืนมันไหม้หมด หรือมอดลงขนาดไหน จะได้คอย ผัสกันมาใส่ ฟืน ให้สว่าง พวกเสือช้างจะได้ไม่เข้ามาทำอันตราย และสัตว์ต่างๆนาๆชนิดก็เช่นกัน ตอนเช้าก็คุย กันเรื่อง เสือที่มาร้องขู่ ก็พวกเรามานอน ที่ลงกินน้ำของเขา จะให้พวกเขาไม่โมโหได้ไง ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆตอนเช้า ไปหาผัก ป่า ใช้หม้อสนาม หุงข้าว มาม่าที่เตรียม มา บางทีก็เจอเห็ดหู หนู เกาะอยู่ตามต้นไม้แห้ง เก็บมาทำอาหาร และเห็ดหลายชนิด ผักหวานป่า ชอม ป่า มะเขือ พวงป่า ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ เยอะไปหมดพี่น้อง เมื่อทำภารกิจเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อ ไปพักปักกรด ในดงดิบ เมื่อเริ่มปักกรด ก็ท่อง พระคาบารมี ๓๐ ทัศ อัพภาน ขึงเชือก ใกล้ เสร็จก็ว่า พระคาถา ตวาดป่าหิมพาน จำได้ไม่หมด อิติปิโส ก็สวด เก็บฟืนเรียบร้อย ใกล้มืด ท่านทั้งหลายที่เคารพ ขี้เมฆ มาเต็มท้องฟ้า ลมพายุ รุนแรง พัดพาต้นไม้น้อยใหญ่หักโค่น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไปทั่วทั้งป่า ปานว่า ดินจะถล่ม ฟ้าจะทลาย ต้นไม้ไหวลู่ไปตามลม หลวงพี่ อ.เล็ก บอก พวกเราว่า รีบถอนกรด เข้ามาในเหลือบหินเถอะไม่ไหว มันรุนแรงมาก แหกกด ครูบาอาจารย์กันหน่อย พวกเราไม่ฟังเสียงทำตามทันที เพราะกดเกร็ดปิวว่อน เก็บแทบไม่ทัน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆดีว่าเปียกนิดหน่อยไม่มาก เจ้าประคุณรุนช่อง ตานี้ มันตก ถล่มถลาย เป็นว่าเล่น ทั้งลูกเห็บ ลูกเท่าหัวแม่มือ หรือใหญ่กว่ามันลงมาถ้าโดนคงเจ็นหน้าดู ขาวโพนไปหมดทั่ว ไป แต่ก็ไม่วาย กะเด็นมาโดนบ้างเก็นมาถ่ายรูป ไว้ดู ความมืดเข้ามาเยือน สุมไฟในหลืบ แทบไม่ติด แต่ก็ติด ตก อยู่หลายชั่วโมง พระโมเช่ในสมัยนั้น บอกเกิดมาในชีวิตไม่เคยเห็น อะไรเช่นนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เกิดมา และฝน อะไร ตก หน้าแล้ง ตั้งแต่พวกคณะของเราเดินธุดงค์กันมา วันนี้ ๑๓ วันครึ่ง หรือ ๑๔ วันครึ่ง ตกครึ่ง เดือนเลยเชียวนะ พี่น้อง ไม่ไม่แปลกได้ไงเล่า ไม่มีประวัติการณ์ มาก่อน วันนี้ขอค้างคืนที่นี่ก่อน เดี๋ยวมาว่ากันคัทเศทต่อไป พักผ่อนให้หายเหนื่อนก่อนนะจ๊ะสวัสดี
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    muj ที่ ๒๙ / ๗ / ๕๔ วันนี้มาว่ากันต่อนะครับ ท่าน ผู้อ่านที่เคารพ เมื่อคราวที่แล้วเรามานอนค้างคืนที่นี่กันก็ สามคืนแล้ว เป็นอันว่า พวกเราได้ นั่งสุมไฟ นั่งหลับ กันบ้าง ขดตัวนอนกันบ้างเดี๋ยวนั่งนอน อยู่รอบกองไฟ เพราะ ข้างนอกมันเปีอกไปหมด ที่แรกแรงลม ฝนตก ใหญ่หลายชั่วโมงกว่าฝนจะซาลง ก็ใช้เวลา หลายชั่งโมง ที่เราเข้ามาใหม่ๆ ตรงใกล้ที่เราอยู่ในลำห้วยไม่มีน้ำไหลผ่าน มีแอ่งน้ำเล็กๆบางช่วงบางตอนเท่านั้น เมื่อฝนตกหนักเช่นนี้ ทำให้มีน้ำไหลผ่านมาในลำห้วย เสียงดัง ซู่ซ่าไปหมด เมื่อรุ่งสางของวันใหม่ เมื่อหุงหาอาหาร และฉันเสร็จสัพเรียบร้อย แล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป วันนี้ รอยสัตว์มากมาย เดินให้เกื่อนกราด เห็นรอย เพราะรอยเปียกที่ฝนตก รอยเก้งกวาง หมูป่ามากมาย ท่านโมเช่พาเราเดิน ขึ้นเขาลูกสูงไปเรื่อยๆ ให้เราก็เดินออกหน้า ไปหลายสิบ วา ก้เห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ในหนังสือ หรือที่ไหนมาก่อน จึงเดินเข้าไปไกล้ เพื่อจะถ่ายรูป เข้าใกล้เขาวิ่งหนีเราวิ่งตามไป เพื่อจะดูให้แน่ชัด จะถ่ายรูปก็ถ่ายไม่ได้ไม่ได้ระยะ ตัวเหมือนวัวกระทิง แต้ตัวไม่ใหญ่ นัก เท่ากับวัวรุ่นๆ มีขนปุยยาว หน้าจดเท้า ที่กีบ สวยงามน่าดู วิ่งตามไปดูจนไก้ล ตามไม่ทัน ไกลหลวงพี่เล็กและพระโมเช่ กวัวจะพัดหลงเลยหยุดไม่ตามต่อ เล่าให้หลวงพี่เล็ก และโมเช่ฟัง ท่านบอกน่าจะถ่ายรูปไว้ บอกถ่ายไม่ทัน กล้องเราซูมไม่ได้ เข้าไกล้ก็ไม่ได้เขาวิ่งหนี เล่าให้ฟังปรากฎไม่มีใครรู้จัก แต่เคยไปประชุม กับอนุรักษ์ห้วยขาแข้ง อุทยานพุเตย ป่าไม้เขตบ้านโป่งราชบุรี และกรรมการมรดกโลกห้วยขาแข้ง มูลนิธิสืบนาคเสถียร เล่าให้เขาฟังเขาบอกว่าสัตว์พวกนี้ สูญพันธ์ไปเกือบร้อยปีแล้ว เขาว่าอย่างนั้น พวกเจ้าหน้าที่บอก ผมจำชื่อไม่ได้ว่าชื่อสัตว์อะไร มันนานแล้วมาว่ากันต่อไป ขณะที่เราเดินทุกวันจะเห็นไก่ป่ามากมาย บ่อย เก้งกวาง ลิงข้าง บ่างชนี โดยเฉพาะ พวกข้างสีเทามีเยอะ ชนีร้องหาผัวๆ ก็เยอะหลากหลายสี ผลไม้นาๆชนิดมีกินมากมายแต่รสเปรี้ยว เสียส่วนใหญ่ จะเป็นลิ้นจี่ มะไฟ เปรี้ยวจี๊ด หวานประแล่มๆ มีเม็ดใหญ่เนื้อน้อย เฮ้อ ขึ้นไปภูเขาสูงเมื่อก่อนคงเคยเป็นภูเขาไฟ แต่มันมอดมานาน เป็นเขาหินเสียส่วนใหญ่เทือกนั้น สูงแหลม ลมแรงน่ากลัว มองลงไป ในแม่น้ำแม่กลองเล็กนิดเดียว ลมแรงแทบจะคานเลยทีเดียวท่านโมเช่พาไปขุดยา บนยอดเขา ผมขุดไป ยี่สิบกว่าหัว จำไม่ได้แล้ว ว่ารักษาโรคอะไรบ้าง เนื้อข้างใน เมื่อถูกน้ำแล้ว น้ำจะแดงทันทีโดยยังไม่ต้ม หัวเหมือนรากโลดทนง แต่ข้างในไม่เหมือนกันครับ เมื่อพอสมใจอยากก็พากันลงเดิน ไปตาม ป่าเขา เรื่อยๆ เจอผึ้งหลวงเกราะตามหน้าผา รังใหญ่เท่ากระด้ง อย่างเล็กก็ เท่าถาด มีหลายสิบรัง เมื่อไปเจอ กำลังนั่งปรดทุกข์ ผมก็เห็นทากมาเกราะขา มันดีดมาเร็วมาก ผมตะโกนบอกทุกคน ท่านโมเช่เลยบอกเสร็จให้รีบออกทันทีเพราะหยุดอยู่ไม่ได้แน่นอนเพราะทากมันเยอะ อันตราย เมื่อทุกคนพร้อม ก็ลุก เดินแบบวิ่งทันที ใอ้เราก็คิดในใจ ไอ้ห่ามันล่อเราคนเดียวหรือนี่ ตรงบริเวนนั้น มันเป็นที่ดิบชื้น ทากถึงได้เยอะ เดินมาไกลพอสมควรแล้ว ได้ยินท่านโมเช่ ตะโกนบอกว่าเดี๋ยวหยุดก่อง แกพูดไทยไม่ค่อยชัด หยุดก่องๆๆๆๆๆ อาจารย์ปิงมังกัดควายผม พวกเราหยุดกึก ถามว่ามันกัดตรงไหน ท่านโมเช่ตอบว่า อาจางๆๆๆๆๆมังกัดควายผมคร้าบๆๆๆๆพวกเราหยุดหัวเราะ กันสนุก ไอ้เราก็คิด เฮ้อค่อยยังชั่ว เราไม่โดนคนเดียวฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราโดนไปสองที่ เมื่อถึงยอดเนินสูงที่แห้งจึงหยุดพัก หลวงพี่เล็ก ท่านก็ตรวจทานดูของท่านทั่วขาและที่ลับ ก็ไปเจอปิงทาก มันกินเสียตัวอ้วนใหญ่เลย ผลที่สุดโดนปิงทากกัดกันทั่วหน้า แค่นี้ก่อนเดี๋ยวไปว่ากันคัทเศทต่อไป
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ที่ ๙ / ๘ / ๕๔ วันนี้ ก็มาว่ากันต่อไป พวกเราหยุดพักที่นี่นานพอควร ตกเครื่องเดือนแล้ว คงจะขี้เกียจ อยู่แล้วมันนานเกินควรอยู่ในป่านี่ถ้าพวกเรามีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ คงอยากอยู่ในนี้นานๆ ไม่อยากออกไปไหนแน่นอน เดินไปเรื่อยๆ ก็พบกับ ต้น ชอม ป่า ต้นเท่าขเอ่อน หรือเท่าตัวคน เลื้อยไปมาหลายสิบวาขึ้นปกคลุม ต้นไม้ต่างๆ มากมาย บ้างก็มีต้นเล็ก สูงกว่าคนบ้างต่ำกว่าบ้าง ออกยอด อ่อน สวยงามน่าเก็บมา จิ้มน้ำพริก รับประทาน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆ บางที่มีมะเขือพวงเป็นงานๆในป่า ออกลูกดกเต็มต้น บางครั้งเราเห็นปลาในลำห้วย เชื่องช้าไม่ค่อยกลัวคน เพราะไม่มีคนมารังแก ปลาในลำธารจึงเชื่อง ทั้งปลาเล็กใหญ่มากมาย กุ้งภุเขาตัวโตๆ ตัวใหญ่เท่าอีก้อย เสียงกบภูเขาร้องเสียงระงมเซ็งแซ้ ไปทั้งป่า เสียงจิ้งหรีดเรไร ร้องขับขาน ไปทั่วพนาไพร พอพวกเราเดินไปใกล้ก็หยุดขับขาน ชั่วขณะ เมื่อเดินออกไป ก็ร้อง สำเนียงเดิม ฟังดูน่าวังเวง บ้างครั้งก็น่าใจหาย บางครั้ง ก้ไพเราะเสนาะโสต ในระยะนี้พวกเราทานข้าวเช้า ด้วยยอดชอมเป็นอาทิตย์ ผักป่า และเรามาหยุดอยู่ที่ชายแม่น้ำแม่กอง ในป่าดงดิบ กลางคืนในห้วยขาแข้ง หน้าแล้ง ตีหนึ่งตีสองจะหนาวมาก ต้องลุกขึ้นมาผิงไฟเลยทีเดียว ซึ่งข้างล่าง ในเมืองจะร้อนจนตับแลบ เลยทีเดียวแต่ที่นี่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจนะพี่น้อง เพราะป่าอุดมสมบูรณ์ เดินๆไปๆเห็น กระทิงตัวเบ้อเริ่ม น้องๆช้างเลยทีเดียวกำลังก้มกินน้ำอยู่พวกเราแอมมองดู พวกชาวไทยกระเหรี่ยงจะกลัวกะทิงมากกว่าช้าง เพราะพวกนี้ดุเอาเรื่องเลย พอเขาเห็นพวกเราๆถอยหลบ ต้นไม้ ป้องกันไว้ก่อน เขาก็วิ่งพวดพาดขึ้นเนินไปเลย เชียว วันนี้เมื่อฉันภัตราหารเสร็จเรามุ่งสู่ป่าดิบใหญ่ ห่างกันแค่ ๕ วามองดูน่ากลัวมาก แทบไม่เห็นแสงพระอาทิตย์เลย ถ้าเดินห่างไปสิบกว่าวา หรือเป็นเส้น คงไม่เห็นกันแน่ มีทั้งไม้เล็กใหญ่ จนาด๕ โมงเช้า ยังมืดขนาดนี้ ถ้าบ่าย ๓-๔ โมงเย็นจะขนาดไหนหนอ พระโมเช่บอก น้ำก็ไม่มีให้กิน หยุดก็ไม่ได้ อันตรายมาก ๆ ต้องเดินแบบวิ่ง ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเย็นเกือบจะมืด ถึงทลุป่าดงดิบ วันหนึ่งเต็ม ถ้าไม่รู้ทางก็คงหลงป่าแน่เลย มันมีพระและฆราวาสมาตายในป่านี้หลายคน ที่ชอบธุดงค์ เพราะหลงป่าออกไม่ได้ พวกเรายังคงค้างที่นี่หนึ่งคืน เพราะเดินมาทั้งวันไม่ได้พักเลย เพลียเหนื่อยมาก เมื่อต้มน้ำ ดืมน้ำ เอายาสมุนไพรต้ม กินกันอย่างสบายใจแล้ว ก็กลางกรด ไหว้พระสวดมนต์ตามแบบฉบับ และเดินออกมาจากที่นั้น มาปรักกรด ที่ไม่มีน้ำ แต่มีแอ่งน้ำดำปี๋ น้ำเน่าด้วยรอยสัตว์มาอาศัยกิน รอยสัตว์มากมาย ลงมากินน้ำ พวกเราจึงปรักกรดนะที่แห่งนี้ เอาน้ำเน่าๆมาต้มกิน พอประทังชีวิตไปก่อน ก่อกองไฟไว้ใหญ่ๆ ปักกรดเรียงหน้ากระดานทับรอยทางเดินของสัตว์ เมื่อทำภารกิจเสร็จก็นอน เมื่อตกดึกสงัดได้ยินเสียงสัตว์ ลงมากินน้ำ มาเห็นแสงไฟ หรือกรดของพวกเราพากันวิ่งแตกตื่นไปคนละทิศทาง เป็นอย่างนี้ทั้งคืน เกือบสว่าง เป็นอันว่าสัตว์ทั้งลายไม่กล้ากินน้ำที่พวกเราปักกรดอยู่เลย ค้างที่นี่ก่อนนะพี่น้องทั้งหลาย เพราะเวลาไม่พอต้องไปทำกิจก่อนครับ สวัสดี
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ที่ ๑๒ / ๘ / ๕๔ วันนี้เป็นวันแม่แห่ง ชาติของเราเชาไทยทั้งเป็นพระแม่ของแผ่นดิน เรามาค้างคืนนะที่นี้ ๓ คืนแล้วครับพี่น้องนานเกินไป เดี๋ยวจะเป็นโรคท้องร่วงกันเป็นแถว เพราะน้ำเน่าถึงจะต้มและใช้สมุนไพรก็เถอะไม่ควรไว้ใจจนเกินไปน้ำดำปี๋ออกจนสีแดงสรกปรกมาก ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วันนี้เหมือนจะท้องไม่ดี ตามไปด้วย ต้องถ่ายท้องตามเหตุการณเลยนะเนี่ย จะต้องเอายาธาตุมาดื่ม เพื่อไม่ให้ ลุกลามหนักกว่านี้ครับ ขณะพิม ยังไม่มีอาการว่าจะดีขึ้นเท่าใดนักจำเป็นก็ต้องพิมต่อ เพื่อให้เรื่องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องครับพี่น้อง เพราะไม่ได้ไปทำงานที่อื่นด้วย มีเวลาพอที่จะพิมให้พี่น้องได้อ่านติดตามต่อไปครับผม เมื่อเราหุงหาอาหาร และทาน เสร็จก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ วันนี้รู้สึกว่าไปหาผักหวานกับ ท่านโมเช่ พี่น้องที่เคารพ หน้าแล้งอย่างนี้ บังเอิญพวกเราไปบนยอดเขาเตี้ยๆมีผักหวานออกลูกนานับไม่หวาดไหว ออกลูก เป็นพวงเหมือองุ่นเลยต้งแต่ โคนต้น จนถึงกิ่ง ต่างก็ไม่เคยเห้นที่ไหนมาก่อนเลย ลูกมันดกอะไรขนาดนี้หนอ จะเอาไปเยอะคงไม่ได้ๆแค่ ใส่ถุงย่าม พอเอาไปกิน ลูกขนาดเท่าเม็ดบัวใหญ่ๆเห็นจะได้ วันนี้เราเอามาต้ม ใส่ผักกูดนิดหน่อย ใส่น้ำพริก ที่ตำมา ใส่น้ำพอท่วม สุดยอด จริงๆ มาเป็นเดือนพึ่งทานอาหารที่อร่อยรสเลิศ ก็วันนี้เอง แถม มีลูกผักหวานให้เราได้ชมเชย อีกมาก ถ้าอยู่ใกล้คนและเก็บไปขายคงได้เป็นหมื่นเลยทีเดียวเสียดายแท้ๆเฮ้อ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถือว่าสุดยอดอาหารในป่าเลยทีเดียว แถมราคา แพงมากลูกผักหวานนี้ปีหนึ่งมีให้ได้กินแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ครับ เริ่มเดินออกผ่านป่าไผ่มาเรื่อยๆ ครานี้เริ่มรู้สึกร้อนๆหน่อยๆแล้ว แถวบริเวณนี้มี นกยูงเยอะมาก ส่งเสียงร้องหาคู่ดังไปไกลหลายกิโลที่เดียว ลองร้องเรียนแบบเขาบ้างเขาร้องตอบรับแฮะ เหมือนสมัยเป็นเด็กๆ ไปหากบ ก็ร้องเรียนแบบกบ ก็เลยรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็เลยจับกบเอามาแกงหรือขาย เลิกมานาน ๓๐ ปีแล้วไม่เอา ชีวิตเขาๆก็รัก ชีวิตเราๆก็รัก ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่ชีวิตคนเรามันเปลี่ยนแปลงให้เราได้เห็นมาโดยตลอด ว่าไม่มีอะไรคงที่ถาวรตลอดไปเลยแม้แต่นิดเดียว เฮ้อชีวิตหนอชีวิตช่างสั้นเหลือเกิด แต่เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ไม่อยากจะตาย อยากเป็นหนุ่มสาวตลอดการตลอดสมัย เอ้านี่โม้มาไกลเลยพี่น้อง ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆ มาว่ากันต่อไปจะดีกว่า เดินมาประมารอีกสามสี่วัน ก็ทะลุชายเขื่อน เจ้าเณร (หรือเขื่อนศรีนัครินทร์)ที่ออกมานี้มีเหตุการณ์เยอะมากแต่ก็จำไม่ได้เท่าไหร่ มันผ่านมา ตก ยี่สิบปีแล้ว ความจำเลยเลอะเลือนไปบ้างพี่น้องต้องขอพระอภัยด้วยครับผม เมือมาถึง หัวชายเขื่อนเท่านั้น ชาวบ้าน ที่เป็นคนไทยเห็นเข้า นิมนต์ ให้ฉันภัตตราหารนะที่นั้นทันที เพราะเขาอยากทำบูกับพระเณรหรือฆราวาส ที่ออกดุดงค์ในป่าที่ออกมา เลยได้ฉันจังหัน ปลาเขื่อน ไข่ทอด ขนมนมเนย อาหารอันโอชะ อดมานาน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆซัดซะอิ่มแป้เลย เฮ้อนึกว่าจะฉันได้เยอะที่ไหนได้ก็ได้แค่อิ่ม เอิกๆๆๆๆๆๆๆ จะใส่ท้องไปฝากใครก็ไม่ได้ อะฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแค่นี้ก่อนนะพอดีมีคนมาหาครับสวัสดี
     
  7. แพรแพร

    แพรแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +638
    ใช่ผักหวานชนิดที่แกงใส่ไข่มดแดงรึเปล่าคะพี่บุญทรง ชอบกินมากเลยคะ ไมรู้มาก่อนว่ามันมีเมล็ดโตขนาดเม็ดบัวกินได้ด้วย แถวบ้านยังไม่เคยเห็นขายเลยคะ เห็นขายแต่แบบที่เป็นนยอดอ่อน หรือขายแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป้นลูกมันก็ไม่รู้ 55 อ่านที่เล่ามาแล้วอยากลองกินบ้างจังคะ จะอร่อยแค่ไหนน๊อ ^_^
     
  8. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ผมว่าพระธุดงนี่คงต้องทรหดอดทนน่าดู ครูบาอาจารย์แต่ละท่านที่เล่าการธุดงอยู่ป่า โดนหนักทั้งนั้น บางท่านตื่นมาพบว่าตัวเองนอนจมโคลน(เพราะท่านไม่เคยใช้กลดเลย) แล้วบิณฑบาตรในขณะที่จีวรมีแต่โคลนติดเต็มตัวเลยทีเดียว
     
  9. viriyathika

    viriyathika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +109
    ประสบการณ์การสร้างบุญบารมีของผมก็มีเหมือนกันครับถ้าเป็นในชาติปัจจุบัน แต่ไม่รู้จะเล่ายังไงเพราะเยอะเหมือนกัน ( เขียนเล่าไม่ถูก ) แต่ถ้าเป็นในสมัยอดีตชาติของผมๆเล่าได้ เพราะมีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่ผู้ฟังต้องเปิดใจและมีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:ใช่ครับผักผักหวานป่า น้องแพร์ ผักหวานป่า ที่ขายในตลาด คนส่วนใหญ่ ไม่ถึง ร้อยละ ๑๐ ได้แค่กิน ใบกับยอด เท่านั้นครับ ไม่ค่อยได้เคยเห็นลูกกัน เพราะว่า แค่ ออกใบมา มันก็ล่อเก็บยอด กันโก๋นหมดแล้ว จะไปได้เห็นลูกมันหรือ ในป่า คนใกล้ป่า ที่เที่ยวป่า บางคน ในสมัยนี้ เขาเอาลูกสุก ไปเพาะ เป็นต้น กว่าจะใหญ่ ใช้เวลาหลายปี ลูกสุก สีเหลืองๆครับ แต่แถวอิสาน ออกทีวี เขาหาวิธีได้แล้วครับ ต้องไปหาข้อมูลเองครับ:cool:
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool: พระที่ไม่ใช้กรด อันนี้ผมไม่เคยเห็นนะครับ ในส่วนของพวกเรา ต้องการ ความพ้นทุกข์ ทำตามกำลังของเราครับ และยังทำไม่ได้ หนึ่งในล้าน ของครู บาอาจารย์เลยครับ แค่ทำบทหนึ่ง เท่านั้นครับ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ทั้ง หลาย ที่ทำแบบอุกกฤษ ท่านได้ อภิญญา สมาบัติ สามารถ บิณถบาตร กับเทวดานาง ฟ้าได้ด้วย แต่ พวกเรายังทำไม่ได้เศษ เสี้ยว ของท่านกันเลยครับ :cool:
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool: ทำได้ก็อนุโมทนาสาธุครับ ได้ดังที่ท่านว่า ถ้าทำไม่ได้ ดังที่พูด หรือไม่ได้ ได้แต่นึก ก้ไม่ขอรับครับกระผม:cool:
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    -v,kc]dgx]ujpo8;k,i^hc]txilrdik เข้ามาขอเล่าเรื่องประการณ์ เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยาย ความมีออยู่ว่าเมื่อ ปรมาณ ปี พ.ศ. ๒๐ กว่า ๆ เห็นจะได้ ข้าพเจ้าเดินทางจาก นครปฐม มุ่งสู่ ประตู ทิศตะวันออก จัง หวัด ระยอง เข้ากรุงเทพ ขึ้นรถหลายต่อมาลงรถที่ ตลาด เขาดิน ไม่รู้ว่าขึ้นกับ อ.อะไรของจ.ระยอง เมื่อมาถึง ท่านเจ้าของบ้าน อยู่ด้วยกัน ๒ คน อายุราวๆ เกืบบ ๕๐ ปี ชื่ออาทัย จำชื่อผัวแกไม่ได้ มันมานมาแล้ว ซึ่งมีพี่น้องอยู่ นครปฐม เมื่อคุยกันรู้เรื่อง ก็พักอยู่ที่ นี่ ไม่รู้กี่วัน จึงจะกลับ ตกตอนกลางคืน ไม่รู้กี่ทุ่ม เมื่อล้มตัวลงนอน เอามือก่ายหน้าผาก พอหลับตาลง เห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง นุ่งผ้า สีแดงคล้ายกุมารทอง มากระชากมือ ให้ลง มา ที่ตัว ก็เอะใจ เด็กที่ไหนกว่า มากระตุกแขนเราได้ เลยลุกขึ้นนั่งแล้วนอนใหม่ เอาขาขวา ชันเข่าขึ้นหนึ่งข้าง เท่านั้นแหละ เขาเข้ามากระตุกขาของผม ให้ลงเสมอกัน ก็ถามว่าใครวะ มากระตุกขาทำไม ท่องคาถาไล่ก็ไม่ไป อุทิศบุญให้ก็ไม่ไป เลยลุกขึ้นมาถามท่านเจ้าของบ้าน ว่า เด็กหน้าตาอย่างนี้ เป็นใคร เคย เห็นบ้างไหม มากระตุกขา แขน อยู่ได้ เขาเลยเล่าให้ฟังว่าเป็น ลูกชายเขาเอง มีลูก เจ็ดเดือน ออกมาเป็นลูกกอก ไม่เน่า ก็เลย เอาใส่พานทำหิ้งปะแป้ง ไว้ เขาก็อยู่กันมาหลายปี ช่วยได้ระดับหนึ่ง เฝ้าบ้าน มีเหตุการณ์ วันหนึ่ง ควายเลี้ยงไว้ ไถกบ ล่องมันสัมปะหลาง วันหนึ่งมันตกใจ วิ่งพร้อมไถพาไปไกล ใครก็ช่วยไม่ได้ แกเลยเรียก ลูกชายให้ช่วย ตั้งชื่ออะไรจำไม่ได้ พอเรียกลูกชายให้ช่วยควายหยุด กึก เลย จับอยู่เลย จริงๆ แกเล่าเยอะหลายเรื่องที่ลูกแกช่วยไว้ อาทัยแกบอกว่า ถ้าเล่าให้ฟังก่อนเดี๋ยวจะกลัวเลยไม่บอก ผลที่สุดเมื่อเรื่องเกิดขึ้น แกต้องลุกมาทั้งสองคนผัวเมียมาเล่าเรื่องราวให้ฟังครับ แค่นี้ก่อนนะครับ มีจริงที่เกิดขึ้นกับผมามาหลายสิบเรื่องมีโอกาศจะเข้ามาเล่าให้ฟังครับ สวัสดี
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ขอเล่าประสพการณ์ครับ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๓๕-๓๖ ครั้งหนึ่งผมได้ไปเจอ หลวงพ่อทวน ในป่าห้วยขาแข้ง ระหว่างไทยกับพม่า ในหมู่พระธุดงค์กับฆราวาสที่ชอบป่าเขาลำเนาไพร ให้สมญานามท่านว่า ปรมาจารย์ตักม้อ ถ้าพระหรือฆราวาสเดินธุดงค์ในถิ่นนี้ถ้าไม่รู้จักท่านถือว่าไม่เคยเข้ามาในห้วยขาแข้ง ท่านกล่าวกับผมว่า ท่านได้คุยกับ พญาครุฑมาแล้ว มาด้วยกายเนื้อ อยู่ตรงหน้าท่าน แต่เวลาคุย กันจะคุยด้วยภาษาจิต ท่านว่าไม่ได้คุยแบบเราๆ แต่ใช้จิตคุยกัน สนธนากันอยู่นาน พอควร เวลาไป ท่านบอก หันไปแล้วหันมา ไม่เห้นแล้วไวมาก หลวงพ่อทวนท่านมีปรพการณ์ในป่าห้วยขาแข้งมานานมาก หลายสิบปี ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว ไม่เจอกับท่านมา ตก ๒๐ ปีแล้วครับ ท่านยังเล่าอะไรให้ฟังอีกเยอะมีโอกาศจะมาเล่าให้ฟังนะครับผม สวัสดี


    ไม่ว่า พญาครุฑ ก็ดี พญานาค ก็ดี คนลับแลลับ ก็ดี คนบังบดบดบังก็ดี พวกเพชรพญาธรก็ตาม มิติพวกนี้ ล้วน คนละมิติกับเรา ท่านพวกนี้ ก็ ไปจาก ในสมัย เป็นมนุษย์ทั้ง สิ้น และในการที่จะไปเกิด ในนั้น ก้คงหลายเหตุหลายปัจจัย แต่คงเข้าใจได้ว่า ทุกคนต้องเกิดผ่านกันมาแล้วทั้งสิ้น มีความผูกพัน หรือไม่อยากไปเกิดที่อื่น อาจจะต้องเกิดบ่อยๆในภพภูมินั้นๆ ก็แค่การเกิดมาเป็นคน ก็แสนจะยากแล้ว นี่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอง เกิดเป็นสัตวํมากกว่าการเกิดมาเป็นคน ท่านพวกนีเป็นกลึ่งเทวดากลึ่งสัตว์ ไม่สามารถบรรลุ ธรรมได้ อย่างดีดีก้ถึงไตรสรคมน์ มีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหิร เดิน อากาศ ได้ หายตัวได้ มีสมบัติ มากมาย ตามวาสนา บารมี ที่สร้างสมอบรมย์มา แต่ละภพชาติ พระโพธิสัตว์ ก็ต้องไปเกิด ในภพภูมิต่างเหล่านี้ เหมือนกัน ทุกพระองค์ โดยเฉพาะบรมครูพ่อปู่ ฤาษี ๑๐๘ นี่ พระโพธิ์สัตว์ ทุกพระองค์ จะต้องมาเกิดบำเพ็ญ ตะบะ จนนับชาติไม่ถ้วนเชียว ต้องผ่านฉนั้น ตรงนี้ มันเป็นกฏตายตัว ตอนพระพุทธเจ้าแต่ละพรองค์ะจะ จะประชุมชา ดกแต่ละครั้งบอก ตถาคต เกิดเป็น ฤาษี ชื่อนั้นชื่อนี้ เป็น พญานาค พระญาครุฑ คนฑรร นี่เป็นออย่างนี เอ้าจบก่อนออกไปธุระข้างนอกมีเวลาค่อยเข้ามาเม้ากันต่อก็แล้วกัน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสวัสดี



    vjt0twxg]pwxw,jwfh อ่ะจะไปเลยไปบ่ได้เลยเข้ามาแจมของน้องหงส์หน่อยจ้า ๆ รู้สึกว่า เคยเล่ามาบ้างแล้ว ในห้องจักษุญาณ ถ้าจำไม่ผิด แต่ว่าไม่รู้ว่า อยู่ในห้องไหน อ่ะ คนเราถ้าไม่มีของเก่า และไม่ได้ทำมาแต่อดีดแต่หนหลัง จนนับชาติบ่ถ้วน มันบ่เกิดเหตุการณ์เช่นหนี้ แน่นอน แต่ถ้าเกิดซาติเดียว แล้วหายไปเลย หรือนานๆกับมาเกิดอีก มันก็บ่ต่อเนื่อง อ่ะ ความผูก พันกันมันก็จักน้อยลง หรือบ่มีเลย สัตวกับคน ถ้าเจอกันบ่อยๆ ทำบุญนำกันบ่อยๆ มันสิเจอกันบ่อยๆๆ พระพุทธเจ้า ท่านว่าว่า ในโลกนี้บ่อเคยเกิดเป็นพี่เป็นน้องพ่อแม่ญาติ กันนั้นมันบ่มีเลย กลุ่มใด บุคคลใด ทำบุญอธิฐาน เจอ กัน ร่วมงานกัน มันก็จะเจอกัน เหมือนน้องหงส์ พี่ หรือ เราทุกคนในเว็บจักษุญาณ บางที อาจไม่เข้าใจต่อกัน ก็เลยเป็นสัตตรูกันบ้าง ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเข้าใจแล้วหรือยังน้อง หงส์ ซื่อก็สวยนามก็เพราะ น้อ ยังบ่เคยเห็นหน้า จักเทื่อ อ้ายอยากเห็นหน้า น้องหงส์แล้วจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ไม่ว่า พญาครุฑ ก็ดี พญานาค ก็ดี คนลับแลลับ ก็ดี คนบังบดบดบังก็ดี พวกเพชรพญาธรก็ตาม มิติพวกนี้ ล้วน คนละมิติกับเรา ท่านพวกนี้ ก็ ไปจาก ในสมัย เป็นมนุษย์ทั้ง สิ้น และในการที่จะไปเกิด ในนั้น ก้คงหลายเหตุหลายปัจจัย แต่คงเข้าใจได้ว่า ทุกคนต้องเกิดผ่านกันมาแล้วทั้งสิ้น มีความผูกพัน หรือไม่อยากไปเกิดที่อื่น อาจจะต้องเกิดบ่อยๆในภพภูมินั้นๆ ก็แค่การเกิดมาเป็นคน ก็แสนจะยากแล้ว นี่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอง เกิดเป็นสัตวํมากกว่าการเกิดมาเป็นคน ท่านพวกนีเป็นกลึ่งเทวดากลึ่งสัตว์ ไม่สามารถบรรลุ ธรรมได้ อย่างดีดีก้ถึงไตรสรคมน์ มีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหิร เดิน อากาศ ได้ หายตัวได้ มีสมบัติ มากมาย ตามวาสนา บารมี ที่สร้างสมอบรมย์มา แต่ละภพชาติ พระโพธิสัตว์ ก็ต้องไปเกิด ในภพภูมิต่างเหล่านี้ เหมือนกัน ทุกพระองค์ โดยเฉพาะบรมครูพ่อปู่ ฤาษี ๑๐๘ นี่ พระโพธิ์สัตว์ ทุกพระองค์ จะต้องมาเกิดบำเพ็ญ ตะบะ จนนับชาติไม่ถ้วนเชียว ต้องผ่านฉนั้น ตรงนี้ มันเป็นกฏตายตัว ตอนพระพุทธเจ้าแต่ละพรองค์ะจะ จะประชุมชา ดกแต่ละครั้งบอก ตถาคต เกิดเป็น ฤาษี ชื่อนั้นชื่อนี้ เป็น พญานาค พระญาครุฑ คนฑรร นี่เป็นออย่างนี เอ้าจบก่อนออกไปธุระข้างนอกมีเวลาค่อยเข้ามาเม้ากันต่อก็แล้วกัน ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสวัสดี
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    -vg]jkginjv'xitlrdkiIN0ib'-v'-hkrg0hk g,njvxit,kxu r"L" ขอเล่าเรื่องประสพการณ์จริงที่เจอมา เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายครับ ข้าพเจ้าขอเล่าเลยนะครับ ถอยย้อนหลังไปเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๕ เมื่อข้าพเจ้า บวช หราหม์ แล้วไปอยู่ ถ้ำ ตะเพิน ม.บ้านตะเพินคี่ ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุ ๑๐๐๐ บุรี ในพรรษานี้ มีชี ๕-๖ รูป พระ อีก ๔-๕ องค์ อยู่ในที่ต่างๆ พระสมาทานธุดงค์ ไม่พูด ๑ พรรษา ส่วนผม เอาแค่ ๑๐ วัน เห็นจะได้ ต้องการอะไรก็ให้เขียนหนังสือเป็นลายรักอักษร ที่ต้องการ อยู่ที่นี่มีประสพการณ์ เป็นสิบเรื่องเชียว เล่าเป็นวันไม่จบครับ อยู่ที่นี่ต้อง สร้างบารมี ๑๐ ทัศ แล้ว แปร ให้กลายเป็น ๓๐ ทัศ เมื่อมาบำเพ็ญที่นี่แล้ว มันไม่สามารถ อยู่เฉยได้ ต้องไปเอาอาหารที่ คนข้างล่างนำมาไว้ที่ หมู่บ้านข้างล่างชื่อ หมู่บ้านกล้วย ในสมัยนั้น ไม่มีทางรถยนต์ ขึ้นไป ต้องเดินตามชายห้วยลงเขา มาข้างล่าง หมู่บ้านตะเพินคี่ตั้งอยู่ บนยอดเขา แล้วมีพื้นลาบ หลายพันไร่ แปดทิศ จะไปทางไหน ต้องลงเขาอย่าเดียว เป็นพื้นที่ตั้ง อยู่ในอุทยาน พุเตย เจ็ดทิศ ระหว่างกลางเขาเทวดาลงมา แบ่งครึ่ง กับ จ. อุทัยธานี ขึ้นกับ อ.บ้านไร่ สุพรรณแหลมเข้าไป เขตุติดต่อ ห้วยขาแข้ง เกือบรอบด้าน อีก สามสี่ ทิศ ติดอุทยานพุเตย ฮ่าๆๆ แค่นี้ก็ใช้เวลานาน แล้วครับ ยังไม่ได้สักเรื่อง เอาเข้าเรื่อ่งเลยครับ ผมต้องมาเอาของข้างล่างใช้หาบขึ้นไป ระยะทาง เป็น ๑๐ กิโล ใช้เวลาเดินทั้งวัน ครึ่งวัน ทางลัด ถ้าไม่มาเอาของมันร้อนรุ่มกุ้มใจ ต้องทำให้สำเร็จ หาบของมาต้องทำให้เสร็จ หยุดครั้งเดียว ที่น้ำตก ฮ่าฮ้าๆๆ พี่น้องตั้งหลาย หลับตานึกถึงภาพ ระหว่างที่หาบมันทรมานขนาดไหน ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ ก่ว่าจะเข้าเขตุที่มีร่มเย็น คนข้างล่างธรรมดา เดินตัวเปล่า ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว แต่นี่หาบของกินของใช้ ไปให้พระและชีได้ขบฉัน ทำได้อย่างไร ต้องดู บารมี ๑๐ เข้าหลักเกณในสมัยนั้น วันหนึ่ง เมื่อหาบของขึ้นไป ถึงน้ำตก มีพระองค์หนึ่งไปให้กำลังใจ ถึงที่ ท่านรู้วารจิต ในขณะนั้น มารออยู่ที่น้ำตก พูดให้กำลังใจ ท่านมารออยู่นาน แล้วก็เดินทางร่วมไปกับข้าพเจ้า ท่านบอกต้องช่วยกำลังจิตหาบ ของช่วย ทำอยู่อย่างนี้ทั้งพรรษา วันหนึ่งมีคนข้างล่างมาหาพระอีกองค์ ท่านสมาทานไม่นอนทั้งพรรษา อาศัย นั่งหลับ กรรมฐานไปในตัว พาไปดูถ้ำพระฤาษี ทีแรกพระนำหน้า อยู่ๆ ท่านนั่งกุมท้อง ให้ผมนำหน้า พอเดินมาได้สักพัก ไม้ไผ่แห้ง ก็หล่น ลงบนหัว เสียง ดังโพ๊ะ เจ็บหัวคันๆ ก็นึกในใจ หลวงพี่ เล่นงานเราหรือเปล่า พอเดินเข้าในถ้ำได้หน่อยเดียว จับหัวข้าพเจ้า กะแทกกับ หินหน้าผา ก็พูดออกไปว่า อะไรกันว่ะ เสียงผนังถ้ำดังสนั่น ถ้าไม่มีพระหลวงพ่อติดตัวไปด้วย คงเจ็บหนัก แต่นี่แค่เจ็บคันๆ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆเมื่อกับที่กุฏิ หลวงพี่เล่าให้ฟังว่า โดนผี ที่เฝ้าถ้ำลงโทษ เอาคนไม่ดีเข้าไป เราไม่รู้ว่าคนที่พาไปนั้น เคยฆ่าคนมาก่อน เขายังเป็นคนเกเรอยู่ มิน่าล่ะ ไปคนเดียวไม่เคย เป็นอะไร และที่หลวงพี่ตัวงอ เพราะโดนเทวดา เอามีดทิพย์แทงท้อง ลงโทษ เลยตัวงอ เราโดนเสีย สองครั้ง ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสวัสดีก่อนนะจ๊ะหิวข้าวแล้ว มีโอกาศจะมาเล่าให้ฟังใหม่จ้า
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    z,vjko ผมอ่านของคุณหงส์ แล้วอื่อเข้าใจ ผมเข้าใจเอานะว่าในเมื่อเราฟังของใคร ฟังธรรมมะของใครอยู่ ก็คงเป็นท่านผู้นั้นแหละ ท่านจะมาในลักษณะ ของการณ์ แสดงให้รู้ แบบเก๋งจีน มันก็น่าถูกต้องแล้ว มันจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร คนเราเกิดมา ก็แบ่งชั้นวรรณะ ในแดนนี้ แต่เวลาตายมันไปที่เดียวกัน นรก ที่เดียว สวรรค์ก็ที่เดียวกัน แต่แยกแยะ ในส่วนของกำลังบุญและบาป ของผู้นั้นๆๆ สวรรค์แต่ละชั้น นรกแต่ละขุม เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน เขาเหล่านั้นก็คือคน แต่ไปเสวยกรรม ในร่างของสัตว์ การเห็น มันอยู่ที่ความละเอียดอ่อน ของจิต ว่าเราสอาดระดับไหนต่างหาก ไม่ต้องไปพูดถึงโลกอื่น แค่โลกเราโลกเดียว สิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นยังมีอีกมาก นับประสาอะไร จะพูดถึง โลก อื่น จริงๆแล้ว ตำแหน่งพระแม่กวนอิม เป็นตำแหน่งกลาง ใครก็ปราถนาเจริญรอยตามพระบาทของท่านได้ ครูบาอาจารย์ท่านบอกท่านแม่ท่านเข้า นิพพานไปแล้ว แต่ที่ผม เคยได้ยินมาจาก พระกฤษณะ องค์หนึ่ง ท่านพูดกับผมท่านไปกราบหลวงปู่ ครูบาวงค์วัดรพะบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ท่านว่าท่านจำทำเจตนาเดิมของพระแม่กวนอิม ตำแหน่งนี้ก็เหมือน ตำแหน่ง พระอินทร์ ท้าวมหาราช ทั้งสี่ เทวดาทุกชั้น และหัวหน้าพรหม ทุกชั้น ตำแหน่งกษัตย์ นายก นายพลนายพัน ผู้ใหญ่บ้านกำนัน อำเภอ ผู้ว่า แค่นี้คงเข้าใจนะ ถ้าคุยกันจริงๆ หลายเรื่อง คุยกันไม่รู้จบหรอกครับ อย่างพรหมมีสี่หน้าเขา ปั้น จริงๆท่านก็มีหน้าเดียว มือพระแม่เป็น พันมัน่น่าจะมีความหมายมากกว่า เรื่องแต่ละเรื่องผมพอจะเข้าใจบ้าง เมื่อคุยกันแต่จะให้รู้เรื่องละเอียดมันยังไม่ได้ ความรู้และประสพการณ์มันมีความรู้ไม่เสมอกัน คุรรู้แต่ผมไม่รู้ ผมรู้ แต่คุณไม่รู้ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมันใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย เลยล่ะตั้งแต่พรหมไป ขึ้นไป ไม่มีเพศ ไม่ว่าหญิงหรือชาย เจริญสมณะธรรม ไปเกิดเป็นพรหม จะม่สภาวะเหมือนกันหมด ไม่มีเพศ จะมีก็แค่เทวดาลงมา จนถึงโลกมนุษย์ สัตว์ และอบายภูมิ อานิสงฆ์กฐิน ใครจะทำความปราถนา เป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา ถึงพระเจ้าจักพรรดิ์ มหากษัตย์ ทุอย่างก็มาจากแห่งการ ทำบุญแล้วปราถนาเอา สร้างบำเพ็ญเอา เมื่อบารมีเต็มเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะถึงเอง ไม่มีบารมีแต่มันสร้างกันใหม่ได้ หนทางเขาบอกไว้หมดแล้ว หาตำรับตำราเอา เดินตามลอย ท่าน เดี๋ยวสักวันก็คงต้องถึง ที่อ่านดู ของเก่าในอดีดมีเยอะ ถ้าไม่มีของเก่ามา ให้เอาชีวิตเข้าแลกก็ยากที่จะได้ หมายถึง บารมีต้น อย่างดีก็ให้ทานรักษาศิลบ้าง เป็นบางครั้งคราว ถ้าชวนให้ไปนั่งสมาธิ พวกนี้ชวนจนตาย เขาไม่ไปหรอก ไม่ได้มาแต่อดีดนะ บารมีกลางชอบสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ พวกปรมัตพวกนี้ เข้าใจง่าย ทำบุญเร็ว ต้องการพระนิพพานเป็นที่ไป มีความฉลาดกว่า แต่พวกพระโพธิสัตว์ ท่านพวกนี้ ต้องรื้อสัตว์ขนสัตว์ จะไปเป็นครูเขาต้องขยันเกิดขยันตาย ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแค่นี้กอ่นนะมีโอกาศจะเข้ามาคุยใหม่สวัดี
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    น้องพญาหงส์เหนือมังกงลำ ไร้รูป มันจะไปไร้ตรงไหน ตัวหนังก็เห็น รูปภาพหน้ากระทู้ก็มี แต่ไม่เห็นหน้าตัวจริงก็เท่านั้นเอง ไร้ลักษณ์จะไปไร้ตรงไหน ก็พิมเป็นตัวหนังสือขึ้นมาเนี่ย จึงเป็นลายรักอักษร ทั้งไร้ตัวไร้ตน มันเห็นกันจะๆว่า มีพยางพยัญชนะ เขียนว่า หงส์เหนือมังกร มีตำนานกล่าวถึง พญาหงส์ไว้ เท่านั้นเอง แต่ประเทศนอก เขามีนกพญาหงส์นะ และไทยเราก็มี หางหงส์ ใบระกา อุโบสถ ศาลา และทำเป็นตัวรูปหงส์ไว้มากมาย คนมอญ ก็จะเชื่อและเคารพมาก ส่วน มังกง พระเจ้าแผ่นดินของจีน จะเอารูปมังกร ติดไว้กับเสื้อผ้า ตราประจำพระองค์ ห้อง เต้ กษัตย์ เกาเหลา หรือเกาหลี เฮ้อ เล่าไปเสียยืดยาวเลย เข้าเรื่องดีกว่า เมื่อประมาณ ปี ๓๙ เห็นจะได้ ข้าพเจ้าได้ ลงทุนทำไร่ ผลไม้ เกือบ ๓๐ ชนิด ผมปลูกตั้งแต่ พลู หมาก มะนาว มะกูด มะพร้าว น้ำหอมและกิน มะเฟืองมะไฟ มะขาม หวาน มะม่วง หลายชนิด เงาะ ส้ม ชมพู่ หลายชนิด ลำใย หลายชนิด มะตูมนิ่ม ขนุน มะขามเทศ กล้วยกินทุกชนิด มะละกอ เป็นร้อยต้น ส้มโอ จำไม่ได้ว่ามีอะไรอีก สวนสมุนไพร ๕ ไร่กว่าๆๆ เดี๋ยวนี้เลิกหมดแล้วจ้า ถวายสำนักสงฆ์ไปแล้ว ๒๐ ไร่ ที่เหลือไปขายจ้า อยู่มาวันหนึ่ง อยูมาวันหนึ่ง ผมมีเงินติดตัวไม่ถึงสิบบาท จะเอาเงินที่ไหนใช้ ไม่มีเงินซื้อของ จึงตัดใจ ว่าวันนี้จะขอไปหาหน่อไม้ มาเอาเงินใช้ ครึ่งวันก็น่าจะได้สัก ๒ ร้อยกว่า บาท โลละ ๔-๖ บาท ปลอกเปลือกด้วยครับราคานี้ จึงเข้าไร่ เมื่อมาถึง เอาของไว้ที่สวน แล้ว เอากระสอบป่าน และย่าม มีดเสียม น้ำ ๒ ลิตร เมื่อหาหน่อไม้เสร็จ เวลา บ่ายโมงกว่าๆเห็นจะได้ ได้หน่อไม้สมใจอยากแล้ว ก้เตรียมตัว จะกลับ เพราะว่าน้ำก็หมด หิวข้าวก็หิว แค่นี้คงได้ สองร้องกว่าบาท เมื่อเดินลงมา ไม่มีทางออก เดินวนอยู่หลายเที่ยว ของก้หนัก โมโหก็โมโห เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก้ร้อน เลยทิ้ง หน่อไม้ กะว่าลงไปแล้ว กินข้าวกินปลาให้ใจสบายค่อยกลับมาเอา ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆปลากฎ ว่าหาทางลงออกมาไม่ได้อีก เลย ทิ้งหน่อไม้ทั้ง ไม่เอยไม่เอวมันแล้ว กูเหนื่อยแล้ว ก็เดินหาทางออกอีก ทั้งๆเห็นกระต้อบ หรือห้างเรา เราอยู่ เกือบกลางเขา กับทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเดินขึ้นไปอีก หน่อย เห็นต้นไม้ สองต้น ยืนตะหง่าน อยู่ ห่างกันประมาณ ไม่ถึง ๑๐ วา หรือ ๒๐ เมตรเห็นจะได้ ก็เลย เอาหลังพิง ต้นไม้ที่อยู่ ต่ำกว่า หันหน้าไปทิศตะวันออก รวบรวม กำลังใจ ทั้งหมด ตั้งนะโม ๓ จบ สวด อิติปิโส พาหุง เมตตัญ วิรูปักเข ทำสมาธิ สักครึ่ง ชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่อจิต สงบ ตั้ง จิตอุทิศ ส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เจ้าป่าเจ้าเขา บอกตั้งแต่พระลงมา บอกหมด แล้วลุกขึ้น เดินขึ้นเดินลง เห็นทาง ออก ก็เลยเอาหน่อไม้ใส่ย่ามให้เต็ม ที่เลือในกระสอบ เดี๋ยวกินข้าวอิ่มแล้ว ๆ ก็ค่อยกับมาเอา ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเหนื่อยแทบตาย นี่ พวกท่านเห็นเป็นประการใด นี่เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยาย บอก พ.ศ .มาเสร็จ แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ ออกไปทำธุระก่อน สวัสดีจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...