ใครมีปัญหาอะไรในการปฏิบัติลองเข้ามาถามดู

ขอมอบธรรมเป็นธรรมทานแก่ผู้ที่สนใจใฝ่ธรรม เพื่อความที่จะหายสงและกระจ่างใจในธรรมของศาสดา ในบุคคลที่กระหายในธรรม ขอความเป็นไปที่ดีจงมีแก่ท่านผู้ใฝ่ธรรม สาธุ!

 

มีแต่ใจที่อยากจะให้นะ รู้ว่าการปฏิบัติให้ถึงธรรมมันยาก เลยอยากสนองความต้องการของหลายๆคน ลองดูว่าจะเข้าท่ามั้ย

 

อ่านแล้วคิดถึงลุงขันธ์นะครับ
มาจองที่รอฟังคำถามคำตอบครับผม

 

ผู้ให้ต้องเตรียมใจรับกับสิ่งที่ได้ด้วย ทั้งดีและไม่ดี ไม่งั้นแย่!!!! เพราะความเป็นคนไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจโดนปฏิเสธแบบหยาบๆด้วย

 

สวัสดีค่ะ
ดิฉันฝึกนั่งสมาธิได้สักระยะแล้ว อาศัยฟังจากอาจารย์หลายๆท่าน ภาวนาพุท โธ
หายใจ เข้า ออก นั่งประมาณครึ่งชั่วโมงก็รู้สึกว่าตัวเอนไปข้างหลังบ้าง ก้มไปข้างหน้าบ้าง แต่ไม่รู้สึกง่วง แต่ไม่เห็นสิ่งใด จิตใจสงบดี
ทุกครั้งที่นั่งจะเป็นเช่นนี้ จะต้องปรับปรุงอารมณ์อย่างไรให้พัฒนาสมาธิ วิปัสนาได้ดีขึ้นคะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ไม่ต้องปรับปรุงอะไร ทำแล้วดูอาการไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก้เปลี่ยนแปลง การที่มันโยกเพราะเริ่มเป็นสมาธิ แรงเหวี่ยงเข้าออกของลมทำให้เป็น อันที่จริงปรกติธรรมดาก้จะไม่รู้สึก อาการเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา อย่างเช่นเมื่อลมหายใจน้อยลงมันก้จะรู้สึกแน่นไปหมด ตึงทังตัวเหมือนโดนอัดลมเข้าไปเรื่อยๆ ให้ดูอาการที่มันเป็นว่า เย็นนี้จะเป็นยังไง ถ้ายังเหมือนเดิมก้รอดูไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหรอก

 

..อยากทราบสภาวะแยกขันธ์5..หนักทางปฏิบัติเอาสภาวะแต่ละขั้นตอน..ไม่เอาตามตำรา อนุโมทนาครับ

 

อานาปานสติ
โดย ตถาคต
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำาให้มากแล้ว...
ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้
คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๗/๑๓๑๓.
เหมาะสําหรับ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้ศรัทธาในตถาคต

 

..ลมหยาบ กับ ลมละเอียด มีสภาวะกี่ขั้นตอน มีอาการเป็นยังไงที่เห็นชัดๆแยกออกรึไม่ครับ ท่านนิว สาธุ

 

สำหรับผมนะ ไม่ต้องแยกหรอกครับว่ามีกี่ขั้นตอน อย่างไรซะอาการทั้งหมดมันก็เกิดดับ จะหยาบละเอียดสภาพธรรมก็จะบ่งชัดถึงความไม่เทียง จนถึงความเป็นอนัตตา ทำให้เกิดปัญญา จนเข้าถึงสภาวะธรรมสูงสุดคือวิมุตติ เพียงทำให้มากเจริญให้มาก โดยการศึกษาแล้วการเข้าใจในเรื่องราวต่างๆนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้ ว่าอะไรคืออะไร แต่ในสภาวะที่แท้ที่เราต้องประจักษ์นั้น มันเป็นสภาวะที่มีอยู่จริง ประจักษ์ได้จริง ไม่ว่าสภาวะใดๆ อานาปานสตินั้นทำให้เราประจักษ์ตั้งแต่แรกเริ่มต้นเลย จากการเฝ้าดูลมหายใจที่เป็นกายหนึ่งที่เราเข้าไปยึดถือว่าเป็นเรา อานาปานสตินั้นที่สุดแล้วก็ทำให้เรารู้ว่าเราไม่มี ไม่มีเรา และเข้าถึงสภาวะแห่งสูญญตา ดังพุทธวจน ภิกษุทั้งหลาย !
ชนเหล่าใด ไม่บริโภคกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ย่อมไม่บริโภคอมตะ.
ภิกษุทั้งหลาย !
ชนเหล่าใด บริโภคกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ย่อมบริโภคอมตะ.
ภิกษุทั้งหลาย !
ชนเหล่าใด ประมาทกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ประมาทอมตะ.
ภิกษุทั้งหลาย !
ชนเหล่าใด ไม่ประมาทกายคตาสติ
ชนเหล่านั้นชื่อว่า ไม่ประมาทอมตะ ดังนี้ แล.
มหาวาร. สํ ๑๙/๒๒๖-๒๒๗/๗๖๔–๗๖๖.
เอก. อํ. ๒๐/๕๙/๒๓๕,๒๓๙.

 

มันจะเป็นอย่างนี้นนะ เมื่อผ่าน สติปัฏฐานสี่ ประมาณ สองรอบ จิตจะละเอียดเริ่มเห็นสภาวะของนามชัดขึ้น แต่ก้ยังไม่ทัน(อยู่ที่การเจริญสติและปัญญา) จะเห็นได้ว่าจิตที่ยึดสังขารจะใช้ขันธ์ทั้ง5คอยปรุงแต่ง แต่ยังไม่ชัหาต้นตอได้ยาก แต่พอเริ่มเข้ารอบสาม ทุกอย่าจะชัดเจน ขันธ์ทั้ง๕ ออกจากกัน หาต้นตอแต่ละอย่างได้ชัดเจน ค้นจนเจอว่าเจตสิก เป็นตัวเทียบเคียงจิตเหมือนจิตแต่ไม่ใช่จิต เป็นตัวปรุงโดยอาศัยขันธ์๕ เป็นที่ยึดในการปรุง แบบว่าปรุงเองก้กินเองโดยผ่านสภาวะทางกายที่เหมือนจริง ว่ามันอิ่มที่กาย เห็นตามความเป็นจริงก้เลยอยากจะดับขันธ์ แต่ทำไปก้เข้าใจว่าขันธ์ดับไม่ได้ มีทางเดียวคือไม่ยึด ไม่ยึดก้ทำไม่ได้ ที่สามรถทำได้ก้คือวาง พอมันพิจารณาลงได้มันก้จะเริ่มวาง วางอย่างเดียวที่ทำได้ พอใจเริ่มวางก้จะเห็นว่าขันธ์เป็นเพียงหลักไว้ประจำโลกทำอะไรกับมันไม่ได้ การยึดสิตัวต้นเหตุ ปัญญาเรามันน้อยมันจะค่อยๆกลับมาพิจารณา ใหม่อีก จนมันชัดทั้งหมด การแยกมันเป็นประมาณนี้ แยกไปจนมันเจอต้นตอ ที่เป็นแบบนั้นเพราะตอนเราเกิดปัญญาเห็นชัด ตอนนั้นคิดว่ามันถูกที่สุดแล้วในแต่ละรอบแต่พอมันกลับมาอีกก้จะรู้ว่ามันชัดกว่าเดิม( ถ้าไม่ชัดถูกใจให้ตัดเอาตอนนั้นถามซ้ำนะ ถ้ามากมายมันจะสับสนป่าวๆ)

 

ถึงใครจะไปทางไหนยังไง ก้ต้องกลับมาแยกหลักธรรมเองอยู่ดี จนรู้พร้อม จะเข้าใจว่ามันต้องถอดถอนไปเรื่อยๆในแต่ละการยึด!!!!

 

อย่าพึ่งดีใจรวบรวมสิ่งทั้งหมดว่าไม่มีอะไร เพียงแค่เกิดปัญญารู้ชัดในธรรมบางข้อ ควรถามตัวเองว่ารู้นานหรือยัง เกิดนานหรือยัง คนที่เกิดก่อนรู้ไปก่อน เข้านิพพานไปก้เยอะ นับมาตั้งแต่พระพุทธองค์ อริยะสาวก ครูบาอาจารย์ที่เกิดก่อนก้เยอะ ผ่านมาแล้วก้ สองพันหกร้อยกว่าปีแล้ว อาการพองตัวของผู้ปฏิบัติจะลดลง แล้วทำให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก!!!! เวลาอารมณ์มันแรงทั้งทางดีและไม่ดี มันก้เอาสติไปกินหมด ระวังให้ดี จะโดนตัวเองหลอกให้ติดอยู่จนตาย ( แม้แต่ฌาณก้ยังเป็นอารมณ์)

 

แต่ก่อนเคยมีพระรูปหนึ่ง(สึกไปเมื่อ2ปีที่แล้ว)เล่าให้ข้าเจ้าฟังว่าตอนนี้เขาปฏิบัติได้ดีและอยู่กับสุญญตาอย่างเดียวข้าพเจ้าเลยถามอาการ เลยรู้ว่า เขาแค่เกิดโอภาส สว่างเพราะสมาธิ เลยเตือนเขาว่า อย่าเข้าใจผิดนะนั่นไม่ใช่สุญญตาแต่มันคล้ายกันเฉยๆ จัดอยู่ในวิปัสสนูปกิเลสข้อแรกเลย ทำให้เข้าใจผิด เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อใคร (เห็นอาการพองตัวมั้ย) เขาเชื่อแต่ตัวเขาเองกับหนังสือเท่านั้น ข้าพเจ้าหยุดทันทีแล้วรอดู (ว่าคงอีกไม่นาน) ข้าพเจ้าถามข่าวอยู่ตลอด เพราะเป็นห่วง ผ่านไปอีกไม่กี่เดือนก้สึก เห็นมั้ยคนที่ได้ถึงขั้นสุญญตา(ที่เขาเข้าใจ)สึกเฉยเลย สำมะเลเทเมาด้วย นี่!โดนจิตหลอกมันเป็นอย่างนี้ ไว้ให้ผู้ปฏิบัติทุกท่านเป็นอุทาหอน!!!!!!!

 

ช่วงนี้ฝึกสมาธิ แล้วมีอาการตัวโยกไปมา หัวเอียงเองไปมาได้ ตึงชา โยกมากๆรู้สึกเวียนหัว บางทีแขนก็ยกเองได้ ก็พยายามดูอาการดั่งที่คุณ พระ ธรรมะ บอก แล้วต่อไปปฎิบัติอย่างไรต่อคะ ที่จะบรรลุขั้นต่อไป แล้วขั้นต่อไปจะมีลักษณะเป็นอย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ

 

รอก่อนนะ ถ้าดูพอแล้ว ลองดูว่าเราไม่เป็นตามมันได้มั้ย ไม่โยกได้มั้ย ไม่ยกแขนตามมันได้มั้ย ตั้งตัวไว้ตรงๆเป็นปรกติ แล้วไม่ต้องตาม ที่มันเป็นเพราะเราปล่อยตามมันแล้วสังเกตุดูให้ดีจะเกิดปัญญาทำไปเรื่อยๆพอถึงเวลามันจะเปลี่ยน ดูให้ดีพิจารณาไปด้วย เราไม่สามารถทำให้มันเปลี่ยนได้หรอก แต่อย่าปล่อยโอกาส ลอยนวล สังเกตุและพิจรณาด้วย ทำให้ต่อเนื่องมันก้ผ่านเร็วนะ สาธุ!!

 

เมื่อผ่านจุดนี้แล้ว มันจะเป็นอย่างไรต่อคะ

 

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

ยังไม่มีคำถามเจ้าคะ..แต่มาขอศึกษาคำถามคำตอบด้วยอีกคนคะ

อนุโมทนาในความเมตตาของท่านด้วยค่ะ

 

คุณโยมใจร้อนจังเลย ใจเย็นๆนะ อยากให้สังเกต พิจารณาให้ดีๆ สิ่งที่มันจะตามมา หรื่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นมันยังมาไม่ถึง ใจเย็นๆเดี๋ยวก้จรู้เอง ตอบแค่ว่า มันจะนิ่งขึ้นและเก่งขึ้นนะ

 

คำตอบนี้ อาจจะไม่พอใจกับคำถามเท่าไหร่นะ แต่อย่าเคืองเลยนะคุณkwanzy เพราะมันเป็นการดีที่สุดแล้ว ที่ให้ทำแบบนั้น ไม่นานก้จะรู้และเข้าใจเอง ตั้งใจนะ ขอให้สำเร็จดังหวัง