คนเรานี่เกิดมานี่ตายทุกคนเลยนะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noumthebest, 14 เมษายน 2013.

  1. noumthebest

    noumthebest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +306
    คิดๆดูเเล้ว ทำการทำงานหาเงินหาเมีย เข้าสังคมอะไรพวกนี้ มันเป็นอะไรที่ทำให้คนเราลืมไปว่าคนเนี่ยตายกันทุกคน บางคนคิดว่าต้องตายก็รับกันไม่ได้เเปลกดีนะครับ เมื่อก่อนผมนี่โคตรกลัวตายเลยเดี๋ยวนี้ไม่กลัวเเล้ว สร้างชื่อสร้างบารมีต่างๆนาๆเอาไปไม่ได้ซักอย่าง ดีไม่ดีกายเนื้อเราตายไปเเล้ววิญญานเราจะรูปร่างเป็นยังไงก็น่าคิดเหมือนกัน สรุปเเล้วกายเนื้อที่พิมพ์ตั้งกระทู้นี่ก็เอาไปไม่ได้เลยด้วย คิดเเล้วเครียด ยิ่งมีครอบครัวยิ่งคิดว่ามันเป็นอะไรที่เป็นเหนื่อยน่าเบื่อมากๆเพราะซักวันก็ต้องจากกันอยู่ดี สรุปเเล้ว อย่างที่พระท่านวาถ้าจะจริง เอาไปได้เเค่บุญกับบาป อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะในอนาคตข้างหน้า จะพิกลพิการ รวย หรือ ยากจน มีเมีย บวชเป็นพระ ทำใจยอมรับมันให้ได้เพราะมันเป็นกรรมที่เราต้องรับ

    ก็เเค่บนๆครับ เมื่อกี่นั่งเหม่อคิดขึ้นมาได้ซะอย่างนั้น
     
  2. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    คิดเหมือนกัน.
     
  3. somkid.tada

    somkid.tada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +129
    ถูกต้องแล้วครับ รับรู้ เข้าใจ เข้าถึง

    ผมนี่ก็คนหนา เชื่อยาก มิทิฐิ จนสุดท้ายมาเริ่มจำยอมว่ามันอนิจจัง อนัตตา ไม่เที่ยงจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง

    ชีวิตมนุษย์แค่ไม่เกิน 100 ปี ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ประมาณ 60-70 ปีก็ตายแล้ว โรคก็เยอะ มลพิษก็เยอะ จิตใจคนตกต่ำลงเรื่อย ๆ เน้นวัตถุ แม้แต่ของวัดยังไม่เว้นที่จะขโมย

    เริ่งทำความเพียร สร้างกุศลผลบุญ นั่นคือทางที่ถูกต้องที่สุดครับ
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,644
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ผมขอฝากหนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ ที่อยู่ใต้ comment ของผมให้คุณ noumthebest ลอง download ไปอ่านดูครับ หนังสือเล่มนี้ดีมาก ๆ ผมอยากให้คุณ noumthebest ตั้งใจอ่านให้จบดูครับ ใน link มีหนังสืออยู่ 2 เล่มคือ หนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ กับ หนังสือทําบ้านให้เป็นสุข ยังไงลองอ่านให้จบดูครับ อ่านจบแล้ว เราจะได้คิดอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่างครับ ยังไงก็ download ไปอ่านดูนะครับ อ้อ ถ้ากดที่ link แล้วเข้าไม่ได้ ก็ copy ประโยคนี้ แล้วไป paste ใน google ก็แล้วกันครับ

    ชวน download หนังสือ " ชีวิตเป็นอย่างนี้ " และ " ทำบ้านให้เป็นสุข "

    แล้วจะมี link ขึ้นมาให้ download ครับ ขอให้โชคดีครับ อนุโมทนาครับ
     
  5. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    การที่คุณคิดแบบนี้ ผมขออนุโมทนาสาธุด้วยใจจริง

    เท่ากับคุณมี มรณะสติ ระลึกถึงความตายทุกขณะจิต ย่อมเป็นหนทางสู่การปฏิบัติเบื้องต้น ต่อไปคุณก็จะไม่ยึดติด ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มองเห็นสรรพสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องไร้สาระ

    สมเพชเวทนากับบุคลที่ไม่รู้จักคำว่าพอ บุคคลที่มีชีวิตอยู่ ทำยะโส โอหัง หลงตัวเอง หลงยศฐาบรรดาศักดิ์ หลงลาภยศสรรเสริญ หลงเงินทอง ผู้หญิงบางคนหลงทรนงเหย่อหยิ่งในความสวย ซึ่งบุคคลเหล่าต่างก็ต้องตายด้วยกันทุกคน
     
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ชาตินี้กับชาติหน้า ห่างกันชั่วหายใจเข้าแล้วไม่ออก หรือออกแล้วไม่เข้า...

    พระคาถาเกี่ยวกับความตายที่ควรทราบและจดจำไว้เตือนตนเอง เพื่อประกอบการ
    เจริญมรณานุสสติมีมีดังต่อไปนี้

    ๑) น โข อหญฺเญเวโก มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต
    อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปฺปตฺติ
    สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณํ อนตีตาฯ


    ***ความตายและการหนีความตายไม่พ้น ไม่ใช่มีแต่เราเพียงผู้เดียว แท้ที่จริงสัตว์ทั้งหลายที่มีสภาพเนื่องมาจากภพก่อนและเกิดขึ้นในภพนี้ แล้วย้ายจากภพนี้เกิดต่อไปในภพใหม่ สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นย่อมมีความตาย และหนีไม่พ้นจากความตายด้วยกันทั้งสิ้น

    ๒) ยเมกรตฺตึ ปฐมํ คพฺเภ วสติ มาณโว
    อพฺภุฏฺฐิโตว โส ยาติ สคจฺฉํ น นิวตฺตติฯ


    ***ผู้ใดเกิดขึ้นในครรภ์มารดาครั้งแรกในคืนใดคืนหนึ่งนั้น ผู้นั้นย่อมบ่ายหน้าไปหาแต่ความตาย ผู้บ่ายหน้าไปหาความตายนี้ ไม่มีการกลับหลัง

    ๓) ทหรา จ หิ วุทฺธา จ เย พาลา เย จ ปณฺทิตา
    อคฺฆา เจว ทลิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุปรายณา


    ***ผู้ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม วัยสาวก็ดี วัยแก่ก็ดี ผู้ที่ไม่มีปัญญาความรู้ก็ดี ที่มีปัญญาความรู้ก็ดี ผู้ที่ร่ำรวยก็ดี ยากจนก็ดี ทั้งหมดนี้ย่อมมีความตายเป็นที่สุด

    ๔) ผลานมิว ปกฺกานํ นิจจํ ปตนโต ภยํ
    เอวํ ชาตานมจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยํฯ


    ***สัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมประสบกับภัย คือความตายอย่างแน่นอน เสมือนหนึ่งผลไม้ที่สุกงอมต้องหล่นลงอย่างแน่แท้

    ๕) สายเมเก น ทิสฺสนฺติ ปาโต ทิฏฺฐา พหู ชนา
    ปาโต เอเก น ทิสฺสนฺติ สายํ
    ทิฏฺฐา พหุ ชนาฯ


    ***ชนทั้งหลายในยามเช้ายังเห็นกันอยู่ พอตกเวลาเย็นบางคนก็ไม่เห็นกัน ตายเสียแล้ว ชนทั้งหลายเมื่อตอนเย็นยังเห็นกันอยู่ พอถึงตอนเช้าบางคนก็ไม่เห็นกัน ตายเสียแล้ว

    ๖) อุสฺสาโวว ติณคฺคมฺหิ สุริยุคฺคมนํ ปติ
    เอวมายุ มนุสฺสานํ มา มํ อมฺม นิวารยฯ


    ***แม่จ๋า อายุของคนเรานี้น้อยเหลือเกิน เสมือนหนึ่งหยาดน้ำค้างที่ติดอยู่บนใบหญ้า เมื่อถูกแสงอาทิตย์เข้า ก็เหือดแห้งหายไปพลัน ดังนั้น แม่อย่าได้ขัดขวางการบวชของลูกเลย

    ๗) สพฺเพ สตฺตา มรณา ธุวํ
    สพฺเพ สตฺตา มรณา นิจฺจํ
    สพฺเพ สตฺตา มรนฺติ จ มรึสุ จ มริสฺสเร
    ตเถวาหํ มริสฺสามิ นตฺถิ เม เอตฺถ สํสโยฯ


    ***สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น มีความตายอย่างแน่นอน เป็นของเที่ยง สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น จักตาย กำลังตาย และเคยตายมาแล้ว เราก็จักตายเช่นกัน อย่าได้สงสัยความตายนี้เลย


    อานิสงส์อันเกิดแต่การเจริญมรณานุสสติมีดังนี้
    - ทำให้ละความประมาทมัวเมาในชีวิตลง มองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
    - ได้สัพพภเวสุอนภิรตสัญญา คือ ความกระสันที่จะเลิกอยู่ในภพทั้งปวง
    - ละความยินดีในชีวิต ไม่รักชีวิต
    - ติเตียนการกระทำอันเป็นบาป
    - ยินดีด้วยสัลเลขะ ความมักน้อย สันโดษ ไม่สั่งสมของบริโภค
    - สันดานปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน ไม่รักใคร่หวงแหนในสมบัติทั้งปวง
    - จิตจะคุ้นเคยใน อนิจจสัญญา มองเห็นอนิจจังในรูปธรรม นามธรรม เป็นเหตุให้ได้ทุกขสัญญา อนัตตสัญญาตามมา เห็นพระไตรลักษณ์ชัดแจ้งในสันดาน
    - เมื่อเห็นพระไตรลักษณ์แล้ว แม้ต้องตายย่อมไม่นึกหวาดกลัว สติไม่หลงเลอะเลือน

    ***คนที่ไม่เจริญมรณานุสสติ เมื่อถึงเวลาใกล้ตายย่อมสะดุ้งตกใจกลัวตาย เหมือนถูกเสือร้ายตะครุบตัวไว้กำลังจะกัดกินเป็นอาหาร หรือเหมือนคนอยู่ในเงื้อมมือโจร หรือเพชฌฆาต หรือเหมือนคนอยู่ในมือยักษ์ หรือในปากอสรพิษ

    ***การเจริญมรณานุสสตินั้น เป็นปัจจัยให้สำเร็จซึ่งมรรคผลนิพพาน ถ้าชาตินี้ยังไม่บรรลุ เมื่อตายลงย่อมมีสุคติเป็นที่ไป
     
  7. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    คิดเหมือนคุณค่ะ

    แต่ก็มีหลงลืมไปบ้างเหมือนกัน

    คล้ายกับว่า ถ้าเราเป็นคนธรรมดาๆ เรื่อง การคิดถึงความตาย เรามักจะลืม

    จนเป็นเหตุให้เราไปทำเรื่องร้อนต่างๆเยอะแยะ

    หากทุกคนคิดได้ ทางโลกคงจะเป็นสุขกันไม่น้อยทีเดียว

    คิดได้ ก็ลด การทำเรื่องร้อน หันมา ทำบุญสร้างกุศล

    ช่วยเหลือผู้คน ก็นับว่าเป็นการเตรียมตัวดีก่อนตายมังคะ

    อนุโมทนากับทุกท่านข้างบนและเจ้าของกระทู้ค่ะ ที่มองเห็นความไม่เที่ยงของชีวิต
     
  8. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    นึกถึงความตายก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย อยู่ที่ว่าจะตายอย่างไร จะตายช้า ตายเร็ว ตายอย่างทุกข์ทรมานหรือไม่ ไม่มีใครรู้วันตาย ไม่มีใครรู้กรรมที่ตนเองทำไว้ รู้แต่เพียงว่าวันนี้ควรทำสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดก็เพียงพอ
     
  9. กลางทาง

    กลางทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2013
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +702
    รู้ว่าต้องตาย ถ้าบุญวาสนาพอมีบ้างก็อยากได้เข้าถึงโสดาบัน
     
  10. Mon Treal

    Mon Treal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +536
    ตายแน่ทุกคนแต่รักษาจิตไว้อย่างไร

    พุทธดำรัส ตอบ “..... ดูก่อนคฤหบดี เมื่อบุคคลรักษาจิตไว้ แม้กายกรรมก็เป็นอันรักษา แม้วจีกรรม... มนโนกรรมก็เป็นอันรักษา เมื่อเขารักษากายกรรม วจีกรรม.... มโนกรรม แม้กายกรรมก็เป็นอันไม่ชุ่ม แม้วจีกรรม.... มโนกรรม... ก็เป็นอันไม่ชุ่ม เมื่อเขามี กายกรรม..... วจีกรรม.... มโนกรรม..... ไม่ชุ่ม แม้กายกรรมก็เป็นอันไม่เสียแม้วจีกรรม.... มโนกรรมก็เป็นอันไม่เสีย เมื่อเขามีกายกรรม วจีกรรม.... มโนกรรม ไม่เสีย ความตายก็เป็นการตายดี การทำกาละก็งาม ดูก่อนคฤหบดีเปรียบเหมือนเมื่อเรือนซึ่งมุงไว้เรียบร้อย แม้ยอดเรือนก็เป็นอันรักษา แม้ไม้กลอนฝาเรือน.... ก็เป็นอันรักษา แม้ยอดเรือนก็ไม่ถูกฝนรั่วรด แม้ไม้กลอน ฝาเรือนก็ไม่ถูกฝนรั่วรด แม้ยอดเรือนก็เป็นของไม่ผุ แม้ไม้กลอน ฝาเรือนก็เป็นของไม่ผุ....ฯ”

    กูฏสูตร ที่ ๑ ติ. อํ. (๕๔๙)
    ตบ. ๒๐ : ๓๓๕-๓๓๖ ตท. ๒๐ : ๒๙๓-๒๙๔
    ตอ. G.S. I : ๒๔๐
     
  11. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    อนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้ที่มีจิตวางให้ลง ปลงให้เป็น ย่อมเย็นได้ การเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นไตรลักษณ์ ไม่ต้องไปสำมะหาอะไรกับความตายมากมาย ความตายไม่ใช่ของน่ากลัว ความเกิดสิน่ากลัวกว่าเยอะ

    ดังบทความของท่านดังตฤณ จากหนังสือ ณ มรณา ที่กล่าวไว้ถึง ๗ วิธีตายอย่างสบายใจ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์
    ๗ วิธีตายอย่างสบายใจ
    ๑) ตระหนักว่าความสบายใจเกิดขึ้นได้อย่างไร
    คือมองให้เห็นตัวความกังวลในใจ เห็นเป็นของแปลกปลอมรบกวนจิต เห็นโทษของมัน แล้วมันจะหายไปเอง เมื่อใดความกังวลหายไป เมื่อนั้นความสบายใจก็ปรากฏว่ามีอยู่แล้วโดยเดิมตามธรรมชาติ ความสบายใจเกิดจากการไม่มีเรื่องให้ห่วง
    ๒) ระลึกถึงความดีที่ทำมา
    การหมั่นระลึกถึงกรรมดีในอดีต จะช่วยให้เกิดความเคยชิน พอถึงเวลาใกล้จิตดับ อำนาจความเคยชินนั้นจะดึงเอาความทรงจำด้านดีออกมาจากคลังกรรมมากมายเรียงรายเป็นคิวยาวเหยียด การระลึกถึงความดีให้ออกบ่อย ๆ ยิ่งบ่อยเท่าไร ความสบายใจก็จะยิ่งทวีขึ้นเท่านั้น เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลของการทำดีไว้กับโลกนั่นเอง
    ๓) ยอมรับความจริง
    เพราะจิตของคนใกล้ตายเห็นสัจธรรมบางอย่าง นั่นคือชีวิตทั้งหมดเป็นการโกหกอยู่แล้ว พวกเราถูกหลอกว่ามี พวกเราถูกหลอกว่าเป็น ทั้งที่ไม่เคยมีและไม่เคยเป็นอะไรสักอย่าง วันแห่งความตายคือวันแห่งการเปิดเผยความจริง ทุกสิ่งจะหลุดจากกำมือของเราไป ประโยชน์อะไรกับการพยายามพูดโกหก ปั้นเรื่องเท็จซ้อนเข้าไปในเรื่องเท็จอีก ยิ่งยอมรับผิดมากขึ้นเท่าไร ใจคุณจะยิ่งเห็นความจริงปรากฏชัดขึ้นเท่านั้น
    ๔) เผื่อใจให้กับการมีอยู่ของปรโลก
    ผู้มีศรัทธามืดได้ชื่อว่าเป็นผู้ปิดใจ การปิดใจจะทำให้รู้สึกคับแคบ ไม่อาจสบาย และไม่อาจหายสงสัยว่าเรื่องจริงหลังความตายคือการยุติ หรือว่าคือการเริ่มละครเรื่องใหม่กันแน่
    การเผื่อใจนับเป็นการลดแรงต้านลงได้มาก การลดแรงต้านลงก็คือการไม่ต้องออกกำลังต่อสู้กับความไม่รู้ มันช่วยผ่อนคลายจิตใจให้สบายขึ้นได้จริง อย่างน้อยก็เลิกเถียงกับ
    ตัวเองเกี่ยวกับการมีหรือไม่มีชีวิตหลังความตาย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดให้คุณเห็นในไม่ช้า ความเชื่อที่ขัดกับความจริงจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่มีใครนำไปใช้ต่อสู้กับสัจธรรมได้เลย
    ๕) อภัยโลก
    โลกก็เต็มไปด้วยไอร้อนของควันไฟอันเกิดจากใจแค้นเคือง ไม่ค่อยมีที่ไหนฉ่ำเย็นด้วยกระแสน้ำแห่งการให้อภัยเท่าใดนัก คนเราทนทุกข์ทนร้อนด้วยไฟโกรธขณะมีชีวิตไม่พอ แม้ธรรมชาติให้โอกาสจบทุกข์จบร้อนด้วยความตายก็ยังอุตส่าห์อยากเติมเชื้อไฟต่อ
    เข้าไปอีก สิ่งเดียวที่ประกันความรู้ได้แน่นอน ก็คือระหว่างยังไม่ตายนี้คุณสามารถ
    ดับวิญญาณอาฆาตลงได้ด้วยความคิดให้อภัย และเมื่อเชื้อแห่งทุกข์ร้อนดับลงแล้ว
    หลังตายก็ไม่น่าหลงเหลือวิญญาณอาฆาตอยู่ ณ ที่ใดอีก คุณจะพบว่าทุกคนประกอบขึ้นเป็นโลกในใจคุณ ยิ่งคิดอโหสิกรรมได้มากคนขึ้นเท่าไรคุณจะยิ่งทิ้งร่างนี้ไปด้วยใจอภัยโลกเต็มดวงขึ้นเท่านั้น
    ๖) ฝึกสติก่อนหลับ
    หากหมอบอกว่าคุณเหลือเวลาอีกไม่มาก นั่นก็คือคุณไม่มีทางพยากรณ์ว่าการหลับครั้งใดจะเป็นการหลับครั้งสุดท้าย ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักประกันว่าหลับลงครั้งต่อไปคุณจะได้ตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่า สติที่ยอดเยี่ยมทางพุทธ คือสติระลึกรู้ความไม่เที่ยง ความมีอันต้องดับไป เมื่อกำลังรู้สึกถึงสิ่งใด ก็ควรรู้ให้ชัดว่าสิ่งนั้นเป็นสมบัติของความตาย ไม่ใช่สมบัติ
    ของตัวตน และก่อนสติใกล้ดับ ไม่ว่าดับเป็นหรือดับตาย สิ่งที่เหลือให้ระลึกได้ชัดไม่มีอะไรเกินไปกว่าลมหายใจอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงทรงให้ระลึกถึงลมหายใจบ่อย ๆ เป็นการสร้างความคุ้นชินไว้กับสิ่งที่จะเป็นสรณะได้ทั้งยามอยู่และยามไป ไม่มีอะไรในโลกเป็นที่พึ่งให้กับคุณได้ดีกว่ากำลังสติ ผู้มีสติก้าวลงสู่ความตายคือผู้สบายใจว่าตนมีที่พึ่งให้ตัวเองแน่
    ๗) ปล่อยวางทุกสิ่ง
    กระทั่งเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ นับได้เป็นวัน หรือนับได้เป็นชั่วโมง เมื่อนั้นสภาพใกล้ตาย
    จะฟ้องชัดว่ากายใจในชาตินี้หาใช่สมบัติที่แท้จริงของคุณไม่ แม้ชีวิตยังไม่ใช่ของคุณ
    แล้วอะไรในชีวิตที่ควรอ้างว่าเป็นของคุณเล่า? บางคนทำใจได้กับการตายจากไป
    ของตัวเอง แต่กลับทำใจไม่ได้กับการมีชีวิตอยู่ของคนข้างหลัง นั่นเป็นเครื่องชี้ว่าการทำใจควรครอบคลุมให้ทั่วหมด ไม่ใช่ทำใจได้เฉพาะส่วนของตัวเอง แต่ต้องทำใจให้หายห่วงได้กับการสิ้นไปของคนอื่นด้วย

    ความสบายใจที่เกิดจากการปล่อยวางได้ทุกสิ่ง ด้วยการกำจัดอวิชชา
    ด้วยการเปลี่ยนความไม่รู้เป็นความรู้แจ้ง นับเป็นความสบายใจขั้นสูงสุด
    เหมือนคุณได้ลิ้มอีกรสหนึ่งที่ประหลาดและแตกต่างไปกว่าเคย
    ขอเพียงรู้จักรสนั้นครั้งเดียว ก็แปลว่าคุ้มทั้งชีวิตคุณแน่แท้แล้ว
    คุณจะไม่เสียดายแม้ต้องตายไปเดี๋ยวนี้
     
  12. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด แต่จะเกิดมาเป็นอะไรนี่น่าคิดครับ({)
     
  13. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    หลักความจริงที่ทุกคนควรพิจารณา รวมทั้งสัตว์ จะต้องได้รับโดยเสมอหน้า และยุติธรรมอย่างยิ่ง คือหลักความจริงที่ว่า ทุกคนจะต้องแก่ชรา ต้องเจ็บป่วย ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากของรักและต้องรับผลแห่งการกระทำ ที่ตนเองได้ทำเอาไว้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสเรื่องนี้ไว้ว่า

    ภิกษุทั้งหลาย

    เพื่อประโยชน์อะไร ทุกคนจึงพิจารณาเนืองๆ ว่า "เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้" เพราะความมัวเมา ในความเป็นหนุ่มสาว มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นให้คนทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ เมื่อเขาพิจารณาอยู่เสมอ ๆ ย่อมละความมัวเมา หรือทำให้เบาบางลงได้

    เพื่อประโยชน์อะไร ทุกคนจึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า "เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้" เพราะความมัวเมาในความไม่มีโรค มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นเหตุให้คนทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ เมื่อเขาพิจารณาอยู่เสมอ ๆ ย่อมละความมัวเมา ในความไม่มีโรค หรือทำให้เบาบางลงได้

    เพื่อประโยชน์อะไร ทุกคนจึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า "เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้" เพราะความมัวเมาในชีวิต มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นเหตุให้คนทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ เมื่อเขาพิจารณาอยู่เสมอ ๆ ย่อมละความมัวเมา ในชีวิต หรือทำให้เบาบางลงได้

    เพื่อประโยชน์อะไร ทุกคนจึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า "เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น" เพราะความพอใจ ความรักใคร่ในของรัก มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นเหตุให้คนทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ เมื่อเขาพิจารณาอยู่เสมอ ๆ ย่อมละความพอใจ ความรักใคร่ในของรัก หรือทำให้เบาบางลงได้

    เพื่อประโยชน์อะไร ทุกคนจึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า "เรามีกรรมคือการกระทำเป็นของตน เป็นผู้รับมรดกกรรม มีกรรมเป็นที่เกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง เราทำกรรมสิ่งใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม เราจะต้องเป็นผู้รับผลกรรมนั้น"
    เพราะการทำความชั่วด้วยกาย วาจา และใจ มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อเขาพิจารณาอยู่เสมอๆ ย่อมละการกระทำความชั่ว หรือทำให้เบาบางลงได้

    ฐานสูตร ๒๒/๗๑

    ขยายความ:-

    หลักความจริง ที่ทุกคนควรพิจารณา ๕ ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ผู้มีชีวิตตามอายุขัยจะต้องได้ประสบทุกคน ไม่มีใครจะหลีกหนีได้พ้น ต่างแต่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น เมื่อรู้กฎความจริง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ควรประมาท ควรจะหมั่นพิจารณาอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกิด "ภูมิคุ้มกัน" เสมือนการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคไว้ก่อน ฉะนั้น การ "ทำใจ" หรือ "ปรับใจ" ยอมรับความจริงไว้ก่อน เมื่อเหตุการณ์ใน ๕ ข้อนี้เกิดขึ้น เราก็จะได้ไม่ต้อง "ฝืนกฎธรรมดาของโลก" เมื่อเราไม่ได้ฝืนกฎของธรรมดาหรือธรรมชาติ ความทุกข์ก็เกิดได้น้อย หรือไม่เกิดเลย เพราะเรา "ปลงใจได้" ว่า สิ่งเหล่านี้ มิใช่ว่าจะเจาะจงเกิดหรือมีขึ้น เฉพาะเราหรือครอบครัวของเราเท่านั้นก็หามิได้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งสาธารณะทั่วไป และเกิดขึ้นกับทุกคนทั่วโลก ไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ เพศ และวัย

    วิถีทางที่จะหลีกหนีพ้น จากหลักความจริง ๕ ข้อนี้มีอยู่หนทางเดียว คือ "อย่าเกิดอีก" และการที่จะทำให้ไม่มาเกิดอีก ก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียวหรือการตัด "ต้นเหตุแห่งการเกิด" เพียงสิ่งเดียว นั่นคือ "ตัวตัดตัณหา" หรือตัวความอยากในทุกรูปแบบ เสียให้ได้ เราก็จะไม่มีการเกิดอีก ไม่ว่าในภพหรือชาติไหน ๆ
     
  14. noumthebest

    noumthebest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +306
    พวกที่รับความตายไม่ได้ชีวิตไม่มีวันที่จะมีความสุขในชีวิตหรือก คนพิการ ขอทาน พนักงาน หัวหน้าคน เจ้าของบริษัท ผู้นำประเทศ พวกนี้ คนเรานี่กรรมนี่ไม่ต่างจาก ออกซิเจน เลยนะเกิดเพราะกรรมจริงๆ ผมอายุ 30 เเล้วเห็นมาเยอะเเล้ว บางคนเป็นพันเอก พันโท กระเษียนออกมาว่างเปล่ารับไม่ได้ก็มี บางคนตอนหาเงินผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เมาหัวราน้ำทุกวัน บ้ารถบ้าผู้หญิง บ้าหนุ่ม คนเรานี่ตลกชิบหายเลย คนเราถ้าเกิดมาพอมีเงิน มีบ้าน ก็เป็นอะไรที่ดีเเต่บางคนเกิดมายากจนนี่เหนื่อย หรือพิการนี่ยิ่งลำบาก เลยคนพวกนี้ ก็มั่วเเต่สร้างฐานะ กว่าจะเห็นบุญก็เเก่เเล้ว เเต่อย่างว่าก็ยังดีนะ เเต่บางคนนี่เกิดมาโคตรรวย มีอำนาย เเต่ไม่รู้จักพอ ทำตัวเลว สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนพวกนี้ยิ่งน่าสมเพชหนักเข้าไปใหญ่เพราะคนพวกนี้มันคิดว่า มันไม่มีวันตาย
     
  15. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    " ลูกรักของพ่อ...พ่อจะถามจิตของพวกเจ้าว่า ในเวลานี้รู้จักความทุกข์แล้วหรือยัง

    ถ้าพวกเจ้ายังไม่รู้จักความทุกข์ พ่อก็จะขอถามต่อไปอีกว่า พวกเจ้ารู้สึกตัวเองไหมว่า

    เจ้าแก่ไปทุกๆวัน ต้องเจ็บป่วย และต้องตายไปในที่สุดใช่หรือไม่ ชาติต่อไปเจ้ายัง

    ต้องการความเกิด แก่ เจ็บ ตายกันอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าลูกคนไหนยังต้องการเกิด แก่

    เจ็บ ตายอยู่ และยังไม่เบื่อหน่ายการมีร่างกายที่เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ก็ไม่ต้อง

    เชื่อสัญญาณความรู้นี้...


    ถ้าลูกคนไหนเชื่อและเบื่อหน่ายความทุกข์แล้ว ก็ทำตามที่พ่อแนะนำด้วยวิธีง่ายๆ สั้นๆ

    ต้ังแต่บัดนี้เป็นต้นไป


    "...นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะเชื่อมั่นในความดีของตนเอง จะไม่เชื่อผู้อื่นที่ไม่มี

    ความรู้จริง เราจะทำความเข้าใจในธรรมชาติของตัวเราเองว่า ร่างกายของเราคือ

    ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง เพราะเราเกิดมามีร่างกาย จึงต้องแก่ เจ็บป่วย และ

    ตายไปในที่สุด ถ้าเราเกิดอีกเราก็ต้องทุกข์อีก ไม่ว่าเราจะรวยหรือยากจน สุดท้าย

    ก็ต้องตายสลายไปในที่สุด เราไม่สามารถที่จะนำทรัพย์สมบัติใดๆ ไปได้แม้แต่อย่าง

    เดียว เรามาคนเดียว ทุกข์คนเดียว เจ็บป่วยคนเดียว และเราก็ต้องตายคนเดียว

    ไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราถึงอายุขัย ถึงวันตายเมื่อไหร่ เราจะไม่ขอ

    กลับมาเกิดอีกแล้ว จะนิพพานเท่านั้น "


    ลูกรักทั้งหลาย จงฟังพ่อให้ดี...พวกเจ้าไม่ได้เกิดมาชาตินี้เป็นชาติแรก พวกเจ้าเกิด

    และตายมาแล้วเป็นล้านล้านล้านๆๆๆๆๆๆๆ ชาติแล้ว พวกเจ้าทำความดีมามากแล้ว

    จงมีความเชื่อมั่นในความดีของตนเองได้แล้วว่า...ผู้ใดได้มีโอกาสรับรู้สัญญาณนี้แล้ว

    ก็แสดงว่าบุญ ( ความดี ) และบารมี ( กำลังใจ ) ของเจ้านั้นเต็มเปี่ยมแล้ว...มีมากพอ

    เกินพอ ที่พวกเจ้าจะตั้งจิตกำหนดจิตกลับสู่นิพพาน ไม่ต้องกลับคืนมารับผลแห่งกรรม

    เก่าและสร้างกรรมใหม่ในชาติต่อไปอีกนะ...ลูกเอ้ย..


    เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์

    ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นทุกข์ยิ่ง

    เกิดอีกก็ทุกข์อีก ไม่มีวันจบสิ้น

    นิพพานชาตินี้กันเถอะ


    ( สัญญาณ..จาก " สมเด็จพ่อองค์ปฐม " โดย ท่าน ช )
    ______________________________

    โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ

    นิพพานชาตินี้กันเถอะ
     
  16. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    คิดดีกันทุกคน ยินดีด้วย
    ฝากเอาไว้ ให้คิดต่อ คำสอนอาจารย์
    "ไอ้อารมณ์เบื่อๆ อยากๆ นี่ต้องขจัดมันเสียให้สิ้นไป ตอนคิดก็เบื่อ พอเจอะของสวยของงามเข้าหน่อย อยากได้ ขึ้นๆลงๆ แบบนี้เอาดีอะไรไม่ได้ ทำให้มันทรงตัว คิดตัดให้เสร็จเสียอยู่ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าร่างกายเลวๆ แบบนี้ ไอ้อารมณ์ขึ้นๆลง แบบนี้เราไม่เอามันอีก เป้าหมายเดียวคือนิพพาน แกทำได้ไหม?"
    บุญรักษาครับ
     
  17. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ถ้ารู้ตัวเสมอว่าต้องตายกันทุกๆคนก็ไม่ต้องสะสมขยะให้เป็นภาระสิครับ
    สะสมบุญอย่างเดียวก็พอ
     
  18. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ตายแน่ ตายแน่ วินาทีนี้เราคงตาย กลายเป็นผี แน่ๆ
    ตายแน่ ตายแน่ ชั่วโมงนี้เราคงตาย กลายเป็นผี แน่ๆ
    ตายแน่ ตายแน่ วันนี้เราคงต้องตายกลายเป็นผี แน่ๆ
    ผมท่องเอาไว้ทุกวันครับ
     
  19. ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +564


    เห็นด้วยกับท่่านอย่างยิ่งยวดเลยครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บุญและบาปที่ติดตัวไปเท่านั้นเองครับท่่าน อนุโมทนาสาธุอย่างสุดซึ้งครับ
     
  20. เนยนพนะโม

    เนยนพนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +429
    เกิดแก่เจ็บตาย เป็นของธรรมดาค่ะ ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันเป็นของธรรมดาค่ะ มีเกิดก็มีดับ ตอนที่กำลังจะตายก็คิดถึงแต่สิ่งที่ดีๆ จะได้ไปสู่สุคติภูมิ ถ้าคิดแต่สิ่งที่ไม่ดีจิตเศร้าหมองก็จะตกอบายภูมิค่ะ การเกิดเป็นคนเขาให้เรามาชดใช้ในสิ่งที่เราทำในอดีต เราเกิดมาเพื่อแก้ไขตัวเองให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ เมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นคนก็ควรกระทำแต่ความดี ทำบุญให้มาก ชาติหน้าเราจะเกิดเป็นอะไรก็ดูการกระทำในปัจจุบันนี่แหละ ขออนุโมทนาด้วยนะคะ (f)(f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...