ติดตามสถานะการณ์

หัวข้อไหน ที่นำมาลงแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสม ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ ผมไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรน่ะครับ เพียงอยากหาข่าวที่น่าสนใจมาลงเพื่อให้อ่านกันเท่านั้นครับ

 

น้ำท่วมโคโลราโดดับแล้ว 7 ศพ สูญหายร่วม 600 ราย วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 11:18 น.

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/1CS8mqOK-aU?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/JXfJUVTLLac?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมรัฐโคโลราโด เพิ่มเป็น 7 รายแล้ว และประชาชนอีกมากกว่า 600 รายยังอยู่ในสภาพไม่รู้ชะตากรรม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า ขณะนี้หน่วยกู้ภัยรัฐโคโลราโด สามารถส่งเฮลิคอปเตอร์จำนวน 21 ลำเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมได้แล้ว เนื่องจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น หลังต้องเผชิญกับฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ซึ่งทำให้บ้านเรือนราว 1,500 ถูกทำลาย และมากกว่า 17,000 หลัง ได้รับความเสียหาย

สำนักงานกลางการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินสหรัฐ (ฟีมา) ได้ส่งทีมช่วยเหลือออกไป 5 ทีม เพื่อค้นหาผู้ที่ยังคงติดอยู่ในใจกลางเมืองโบลเดอร์ ใกล้กับเมืองเดนเวอร์ เมืองเอกของรัฐโคโลราโด ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมอันตราย

ทั้งนี้ มีรายงานมากกว่า 15 เมืองบริเวณพื้นที่ “ฟร้อน เรนจ์” ตามแนวเทือกเขาร็อกกี ต้องจมอยู่ใต้บาดาล เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ประชาชนราว 11,700 ราย ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย บ้านเรือนจำนวน 17,994 หลังได้รับความเสียหาย และบ้านอีกจำนวน 1,502 ถูกทำลาย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติของรัฐโคโลราโด (โคเอ็ม)เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย ในจำนวนนี้ 3 รายมาจากเมืองโบลเดอร์ 2 ราย จากเมืองปาโซ และอีก 20 รายที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้วที่เมืองลาริเมอร์ ส่วนผู้ที่ยังไม่ทราบชะตากรรมขณะนี้อยู่ที่ 658 ราย โดยตัวเลขของบุคคลไม่ทราบชะตากรรมอาจเปลี่ยนแปลงมากหรือน้อยลงได้ตลอดเวลา..

น้ำท่วมโคโลราโดดับแล้ว 7 ศพ สูญหายร่วม 600 ราย | เดลินิวส์

 

นักการเมืองชั่วใช้สื่อเป็นเครื่องมือ

ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามมานานแล้ว
อย่าตกเป็นเครื่องมือคนชั่วเหล่านี้ไป
ตามทำลายล้างคนอื่น ซึ่งเค้าอาจจะเป็นคนดีก็ได้
และนี่คือ ความเขลาของตนเองที่ไปทำแบบนั้น

ฝรั่งต่างชาติมองประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่
ผู้คนเชื่อแต่ข่าวลือ ข่าวปล่อย จนบ้านเมืองวิกฤตพินาศไป


Thailand is rumor driven society !!!!!

 

ขอบคุณครับ ท่าน Nirvana ผมจะระวังในการนำข้อมูลมาลงให้มากขึ้นครับ เพราะผมเองก็ไม่อยากมีส่วนในการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศเหมือนกันครับ

 

เอาใจช่วย ..........

 

ข่าวเก่าน่ะครับ พูดถึงวันสิ้นโลกปี 2012 แต่ที่นำมาลงเพราะสาเหตุที่ปี 2012 ทำให้มีการกลัวกันสาเหตุหนึ่งก็มาจากสาเหตุที่ผมจะดึงออกมาจากข่าวน่ะครับ ตอนนี้เป็นการเกิดความกลัวในการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แทน

"ถามว่าทำไม?? คำตอบก็น่าจะมีหลากหลาย...

และ “ภัยธรรมชาติที่เกิดถี่-รุนแรงขึ้น” ก็ด้วย!!!

ทั้งนี้ ว่ากันถึงภัยธรรมชาติที่รุนแรงในช่วงหลัง ๆ มานี้ กับกรณี “แผ่นดินไหวใหญ่ 9 ริกเตอร์ และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงราว 20 เมตร” ที่มีจุดศูนย์กลางที่ญี่ปุ่น เมื่อ 11 มี.ค. ปี ค.ศ.2011 หรือ พ.ศ.2554 ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นด้วย ดูจะ “ช็อกโลก!!” มากที่สุด ซ้ำยังเกิด “วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ตามมาด้วย

ความเสียหายคร่าว ๆ เฉพาะในญี่ปุ่นเอง อาคารกว่า 457,000 หลังถูกทำลาย อีกกว่า 144,300 หลังได้รับความเสียหาย รถยนต์กว่า 230,000 คันเสียหายหรือถูกทำลาย ชีวิตผู้คนราว 19,000 รายสูญสิ้นไปเพราะเหตุการณ์นี้ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนักให้ญี่ปุ่น รวมถึงกระทบเป็นลูกโซ่ไปทุกมุมโลกด้วย

จนถึงวันนี้ญี่ปุ่นก็ยังเผชิญแผ่นดินไหวเบาบ้างแรงบ้างอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งก็เกิดสึนามิย่อม ๆ ด้วย อย่างเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2555 ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ริกเตอร์ และทำให้เกิดสึนามิสูงราว 1 เมตร

เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นก็ถูกมองว่าคือสัญญาณเตือน??

ที่ญี่ปุ่นเอง ก็นำมาซึ่งการวิจัยอย่างจริงจังมากขึ้นอีก เช่น มีการทำแบบจำลองแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ที่เกิดพร้อมกันบริเวณรอยเลื่อนนันไกในพื้นที่ 3 เขตของญี่ปุ่น และพบว่าอาจมีผู้เสียชีวิตได้มากถึง 320,000 คน

ไม่เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยโทโฮคุในญี่ปุ่น ยังได้ระบุไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จากนี้ไปมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึงระดับ 10 ริกเตอร์ ณ พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งบนโลก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเสียหายมหาศาล จะร้ายแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วถึง 32 เท่า!!

นอกจากนี้ มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุว่า ขณะนี้ ภูเขาไฟฟูจิ ที่หลับใหลมานาน มีระดับแรงดันภายในปล่องภูเขาไฟสูงกว่าเมื่อตอนที่เกิดการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อกว่า 300 ปีก่อน อันเนื่องจากแผ่นดินไหวใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหากภูเขาไฟมหึมาลูกนี้เกิดการปะทุขึ้นอีกจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงสุด ๆ"

นับถอยหลัง วันสิ้นสุดโลก ปริศนา+พิบัติภัย ‘สุมไฟเชื่อ’จุดจบ!!!
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 เวลา 00:00 น.

กระแสลือเรื่อง “วันสิ้นโลก” วันที่ 21 เดือน ธ.ค. เดือนที่ 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012 หรือ “21/12/2012” ซึ่งมีการตีความยึดโยงกับ “ปฏิทินมายา” ของชนเผ่าโบราณแห่งอาณาจักรมายานั้น แม้ว่าจะมีนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์หลายด้าน นักดาราศาสตร์ ออกมาให้ความเข้าใจ โต้แย้ง ชี้แจงว่า “ไม่จริง” กับประเด็นปัจจัยสิ้นโลกต่าง ๆ ตามที่มีการลือกัน เช่น จะมีดาวมาชนโลก สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้ว หรือแม้แต่ผลจากพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ แต่เอาเข้าจริง ในทุกมุมโลกก็ยังมีคนที่เชื่อ ยังมีคนผวา “21/12/2012”

ถามว่าทำไม?? คำตอบก็น่าจะมีหลากหลาย...

และ “ภัยธรรมชาติที่เกิดถี่-รุนแรงขึ้น” ก็ด้วย!!!

ทั้งนี้ ว่ากันถึงภัยธรรมชาติที่รุนแรงในช่วงหลัง ๆ มานี้ กับกรณี “แผ่นดินไหวใหญ่ 9 ริกเตอร์ และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงราว 20 เมตร” ที่มีจุดศูนย์กลางที่ญี่ปุ่น เมื่อ 11 มี.ค. ปี ค.ศ.2011 หรือ พ.ศ.2554 ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นด้วย ดูจะ “ช็อกโลก!!” มากที่สุด ซ้ำยังเกิด “วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ตามมาด้วย

ความเสียหายคร่าว ๆ เฉพาะในญี่ปุ่นเอง อาคารกว่า 457,000 หลังถูกทำลาย อีกกว่า 144,300 หลังได้รับความเสียหาย รถยนต์กว่า 230,000 คันเสียหายหรือถูกทำลาย ชีวิตผู้คนราว 19,000 รายสูญสิ้นไปเพราะเหตุการณ์นี้ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนักให้ญี่ปุ่น รวมถึงกระทบเป็นลูกโซ่ไปทุกมุมโลกด้วย

จนถึงวันนี้ญี่ปุ่นก็ยังเผชิญแผ่นดินไหวเบาบ้างแรงบ้างอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งก็เกิดสึนามิย่อม ๆ ด้วย อย่างเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2555 ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ริกเตอร์ และทำให้เกิดสึนามิสูงราว 1 เมตร

เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นก็ถูกมองว่าคือสัญญาณเตือน??

ที่ญี่ปุ่นเอง ก็นำมาซึ่งการวิจัยอย่างจริงจังมากขึ้นอีก เช่น มีการทำแบบจำลองแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ที่เกิดพร้อมกันบริเวณรอยเลื่อนนันไกในพื้นที่ 3 เขตของญี่ปุ่น และพบว่าอาจมีผู้เสียชีวิตได้มากถึง 320,000 คน

ไม่เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยโทโฮคุในญี่ปุ่น ยังได้ระบุไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จากนี้ไปมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึงระดับ 10 ริกเตอร์ ณ พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งบนโลก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเสียหายมหาศาล จะร้ายแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วถึง 32 เท่า!!

นอกจากนี้ มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุว่า ขณะนี้ ภูเขาไฟฟูจิ ที่หลับใหลมานาน มีระดับแรงดันภายในปล่องภูเขาไฟสูงกว่าเมื่อตอนที่เกิดการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อกว่า 300 ปีก่อน อันเนื่องจากแผ่นดินไหวใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหากภูเขาไฟมหึมาลูกนี้เกิดการปะทุขึ้นอีกจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงสุด ๆ

กับกรณี “ภัยพิบัติจากภูเขาไฟ” นั้น ชาวโลกหวาดผวามานานนับแต่อดีตกาล และช่วงหลัง ๆ มานี้ก็มีกรณีให้ผู้คนในหลายประเทศหวาดผวาการระเบิดหรือการปะทุของลาวาอยู่เนือง ๆ ซึ่งนอกจากกรณีญี่ปุ่นแล้ว กับที่อื่น ๆ ก็เช่น กัวเตมาลา นิการากัว เม็กซิโก รัสเซีย นิวซีแลนด์ อิตาลี ไอซ์แลนด์ อินโดนีเซีย ฮาวาย เป็นต้น

ข้อมูลจากบางแหล่ง ระบุว่า ปัจจุบันโลกมีภูเขาไฟขนาดใหญ่มาก ๆ อยู่ราว 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่ที่อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่อินโดนีเซียเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 74,000 ปีที่แล้ว ส่วนภูเขาไฟขนาดใหญ่มาก ๆ อีก 3 แห่งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คือที่นิวเม็กซิโก แคลิฟอเนีย และที่เยลโลสโตน

เยลโลสโตนนั้นเป็นอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งภายใต้เปลือกโลกที่นี่คือ “ซูเปอร์โวลคาโน (Super-volcano)” ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งมีรายงานข่าวว่าที่นี่ไม่ได้มีลักษณะเป็นปล่องภูเขาไฟให้หินละลายใต้เปลือกโลกปะทุออกมาได้เรื่อย ๆ แต่สะสมหินละลายไว้ใต้แผ่นเปลือกโลกเป็นเวลาหลายแสนปี และจากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่า ซูเปอร์โวลคาโนใต้เยลโลสโตนเคยเกิดการระเบิดมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเกิดเมื่อราว 6.4 แสนปีที่แล้ว ขณะที่วงจรการระเบิดจะเกิดขึ้นทุก 6 - 7 แสนปี โดยประเด็นสำคัญคือ...ครั้งใหม่อาจเกิดภายในช่วง 70 ปีนี้

และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ใต้เยลโลสโตนเป็นบ่อหินละลายขนาดมหึมาลึกหลายสิบกิโลเมตร มีการดูดซับก๊าซพิษต่าง ๆ สะสมไว้ หากเกิดการระเบิดขึ้นเมื่อไหร่หินละลายจะปะทุขึ้นด้วยความเร็วสูง มีแม็กม่าพ่นออกมามากกว่า 1,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร และไหลได้เร็วกว่า 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีพลังงานการระเบิดเท่ากับการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 1,000 ลูก ทุก ๆ 1 วินาที และเมื่อบ่อหินละลายระเบิดแล้วจะทำให้เปลือกโลกยุบตัวเป็นหลุมมหึมาคล้ายอุกกาบาตพุ่งชนโลก สหรัฐเกือบทั้งประเทศจะยับเยิน ขณะที่เถ้าถ่านการระเบิดจะลอยปกคลุมชั้นบรรยากาศทั่วโลก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะทำให้แสงอาทิตย์ส่องผิวโลกไม่ได้เหมือนเดิมนานหลายปี อุณหภูมิโลกจะลดฮวบฮาบ อากาศและฝนจะเป็นพิษที่ทำลายชีวิตคนจำนวนมากได้

นี่คือ “หายนะทำลายล้างโลก” รูปแบบหนึ่ง??

นอกจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ที่ผ่านมาโลกก็ต้องเผชิญ “ภัยพายุ” อยู่เนือง ๆ ทั้งที่เรียกว่า ทอร์นาโด ไซโคลน เฮอริเคน ไต้ฝุ่น ซึ่งแม้แต่ประเทศที่ล้ำหน้าสุด ๆ อย่างสหรัฐ ก็ยังต้องยับเยินเพราะภัยพายุอยู่เป็นประจำ

ขณะที่ “ภัยฝน-ภัยน้ำ” ก็เขย่าขวัญชาวโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งแล้งและท่วม ซึ่งอย่าว่าแต่ประเทศไทยที่เผชิญมหาอุทกภัย กับประเทศโลกตะวันตกก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐ หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้เมืองเวนิสในอิตาลีก็โดนฝนถล่มจนน้ำท่วมสูงถึงเอวกว่า 70% ของเมือง และที่เกาะอังกฤษก็เพิ่งโดนฝนถล่มน้ำท่วมหนักเช่นกัน

พิบัติภัยที่โยงกับน้ำ ยังมี “ภัยน้ำแข็งขั้วโลกละลาย-ภัยน้ำทะเลเพิ่มระดับ” ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานข่าวว่า น้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลายตัวเร็วกว่าช่วงยุคปี 1990 ถึง 3 เท่า หรือคิดเป็นปริมาณ 290,000 ตันต่อปี ทำให้น้ำทะเลสูงกว่าเดิมราว 1 มิลลิเมตรต่อปี ขณะที่องค์การสหประชาชาติก็ระบุถึงน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือว่าลดลงเหลือระดับต่ำสุด และสภาวะอากาศที่แปรปรวนรุนแรง การเกิดพายุใหญ่ ๆ ซูเปอร์สตอร์ม เป็นสัญญาณวิกฤติ

เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ทำให้ผวา “หายนะโลก”

นี่ยังไม่รวม “แผ่นดินยุบเป็นหลุมลึก” บ่อยๆ

และก็ยังมีกรณี “ปริศนา” ให้ผวาเพิ่มอีกด้วย!!

กรณี “สัตว์ตายปริศนาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก” ไม่ว่าจะเป็น นก ปลาต่าง ๆ ทั้งเล็ก-ใหญ่ นี่ก็ยิ่ง “สุมไฟเชื่อ” เรื่อง “สิ้นโลก” ซึ่งแม้จะมีการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ออกมา แต่กระนั้นก็มีผู้คนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยมองว่าวิทยาศาสตร์ยังอธิบายได้ไม่เคลียร์?? ยิ่งใครสนใจกระแสลือที่ยึดโยง “ปฏิทินมายา” ยิ่งไปกันใหญ่


อาณาจักรมายา-ชนเผ่ามายา ซึ่งมีการสร้าง พีระมิด ด้วย

บางกระแสก็ว่าชนเผ่านี้ “สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้??” ซึ่งอาจเป็นเพราะความ “ลึกลับ-ลี้ลับ” หลายประการของชนเผ่านี้ ทั้งความยิ่งใหญ่ของมหานครที่เกิดขึ้นในดินแดนแสนทุรกันดาร, อักษรภาพแกะสลักสวยงามที่ไม่มีใครอ่านออก ตลอดจนความสามารถทางดาราศาสตร์และการคำนวณต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง “ปฏิทินมายา” ที่มาของ “รหัสสิ้นโลก”

มีทั้ง “สารพัดพิบัติภัย” และยังมี “ปริศนา”

รหัส “21/12/2012” จึงยังมีคนผวาทั่วโลก

แต่โลกจะสิ้น-โลกจะหายนะ...มิใช่ง่ายๆ

ต้องมีปัจจัย...ที่ตอนต่อ ๆ ไปมาดูกัน...

 

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/cqA3V0ITUgk?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/yzhu6X4jBk4?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/RHwWuptCSKE?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/VDD0w9E5T4o?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/tf30cAa_Kb4?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/qkf3u57suN4?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/v9ONeFDU_30?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ให้จับตาการเปลี่ยนแปลงตุลาคมนี่แหล่ะครับพี่น้อง ถ้ามีอะไรตามที่มะกันเตรียมการณ์นั่นก็แสดงว่า เรามียกที่หนึ่ง ปีหน้าคือยกที่หนักหนากว่า

เตรียมตัวรับมือได้เลย

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
วันนี้
แอรอน Alexis - ดาวหาง ISON วันที่ 17/12/13 และข่าวการสังหารหมู่ทหารเรือมะกัน

แอรอน อเล็กซิส อดีตทหารกองทัพเรือมะกัน ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าทหารเรือมะกัน 13 ศพ ส่วนเหตุจูงใจรวมถึงรายละเอียดอื่นๆยังไม่มีระบุ

! ALERT ! แอรอน Alexis รู้บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่อย่างจริงจัง และที่สำคัญเกี่ยวกับดาวหาง ISON

เมื่อไปที่หน้าเฟสของเขา พบว่าเขามีกระทู้ที่เกี่ยวกับวันที่ 17 ธันวาฯ 13 ที่จะถึง เป็นภาพชายฝั่งที่ไหนสักแห่ง กับมีจุดสัญลักษณ์บางอย่างแสดง ซึ่งบอกได้ว่า จะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ สอดคล้องกับข่าวคราวได้เคยโพสๆมา
https://www.facebook.com/photo.php?...41828.488209661277662&type=1&relevant_count=1

แอรอน Alexi เขาเป็นวิศวกรการบิน เขาเป็นผู้ชายฉลาด เขาชอบนั่งสมาธิและเข้าวัดไทย เขาบอกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในขณะที่รับหน้าที่ในกองทัพเรือ
ที่สำคัญ! เขาพยายามบอกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับดวงดาวเมื่อวันที่ 17/12/13

จากบทกวีที่เขาเขียน ดูเหมือนจะเกี่ยวเนื่องกับพวกจานบิน เกี่ยวกับพยานหลักฐานจานบินที่จะเข้ามาในวันที่ 17/12/13 ซึ่งอาจเป็นเรื่องใหญ่ โดยจากการอ้างอิงในบทกวีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก 23-26 มีนาคม 1997 และบรรดาผู้ที่ไปนอกโลก และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา, การฆ่าตัวตาย, ลัทธิความเชื่อ (ดูเรื่องเกี่ยวข้อง "ดาวหาง ISON คือยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว?")
Is Comet Ison an Alien Spacecraft?
Is Comet Ison an Alien Spacecraft? HD - YouTube

เขาเขียนกลอนโพสบนหน้า facebook ของเขา :

It's looking down from heavens above,
the clocks stand still as does the Earth.
We made a sign, a signal and were heard.
The 11th hour is near, on the 17th day of the 12th month.
They are coming.

Ancient sailors of space and time,
a code to be remembered in history and rhyme.
All shall be revealed in an almighty flash
and so shall the drums of the sitting bull hash.

So come stand ready, they are coming but be steady,
Be taken to the second place
our little grey, saving grace.
Now my body lies dead and on fire,
I did it all for you my sire.

Remember March 24, 25 and 26th.
In the year of 1997
The away team left and went to heaven.
Another world they saw, they live in in awe
but they will return to save us all.

And thus is my story, of fame and glory
My testimony is my word and all I have
For today I joined the Away team.

ตรวจสอบหน้า Facebook ของเขา ...
https://www.facebook.com/pages/Aaron-Alexis/488209661277662?fref=ts


เพื่อนๆที่นี้คิดอย่างไร ??..

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล กองทัพอากาศสหรัฐปิดระบบการเฝ้าระวังวัตถุนอกโลกในเดือน ต.ค. , ดาวหาง ISON ถึงธันวาคม สิ่งนี้เป็นคำถามว่าทำไม?[ame=http://www.youtube.com/watch?v=y2ANfDwrfiE]US Air Force shutting down space surveillance system in Oct, comet ISON arrives Dec. What gives?? - YouTube[/ame]


<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/y2ANfDwrfiE?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

US Air Force shutting down space surveillance system in Oct, comet ISON arrives Dec. What gives??
YouTube
It smells an epic Blue Beam-made false flag event with a perfect plausible deniability. http://www.reuters.com/article/2013/08/13/us-airforce-space-surveilla...

 

Piyacheep S.Vatcharobol
2 ชั่วโมงที่แล้ว
Siripol Pongได้โพสต์ไปยังสถานีถ่ายทอดสัญญานภาค โพลชิพ 17 กันยายน 2556

หลักการ ของผมต่อสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หัว-ก้อย ไม่รู้สิ ตั้งมันไว้ก่อน 17 กันยายน 2556

ในสถานการณ์วิกฤติ ข้อมูลที่ถูกต้อง การตัดสินใจที่เฉียบขาดของผู้นำในการพาผู้ติดตามหลบออกไปตั้งหลักในพื้นที่ปลอดภัย(ยังไงไม่รู้ก็คิดว่าปลอดภัยกว่าละกัน)ก่อนคนส่วนใหญ่จะพากันออกไป จึงจะพาให้กลุ่มนั้นรอดจากหายนะทั้งหมู่ เพราะถึงจะมีรถขับเคลื่อน แปดล้อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกไปได้หากกะเวลาผิดพลาดและคนที่ร่วมในทีมลังเลที่จะออกไป ต้องให้อิสระพวกเขาตัดสินใจในทันทีว่าจะตายตรงนี้หรือไปตายข้างหน้าเผื่อมีโอกาสให้รอดเพราะแต่ละคนมีกรรมเป็นของตัวเอง.........

Siripol Pong
ให้ภาพนี้อธิบายแทนครับ

Panthitapa Lertpraserttawee
ชัดเจนค่ะพี่โป้ง

Siripol Pong
งานเล็กๆ ที่เพิ่งเกิด กว่า 600 คนสูญหายในโคโรราโด ที่ยังหาไม่พบเนื่องจาก ไม่ยอมหนีออกมาหลังได้รับการเตือนภัย และนี่คือ USA ที่ระบบเตือนภัยดีที่สุดในโลกแล้ว

 

2ปี..ยังไม่จบ! 'น้ำเปื้อนนิวเคลียร์'ฟูกูชิมะ : ทีมข่าวรายงานพิเศษ

ผ่านล่วงเลยไปแล้วกว่า 2 ปี แต่มหันตภัยกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ยังคงแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาเป็นระยะๆ รัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มเงินไปกว่า 7.5 ล้านล้านบาทแล้ว แต่ดูเหมือนต้องควักกระเป๋าเพิ่มอีก เนื่องจากวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา น้ำหล่อเย็นปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีกว่า 300 ตัน รั่วไหลจากแท็งก์กักเก็บถูกกระจายข่าวออกไปทั่วโลก

น้ำปนเปื้อนที่รั่วไหลออกมานั้น มีปริมาณ 1 ใน 10 ของสระว่ายน้ำโอลิมปิก ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเพิ่มเตือนภัยเป็นระดับ 3 “เหตุการณ์ร้ายแรง” ทันที พร้อมสั่งตรวจสอบแท็งก์เก็บน้ำหล่อเย็นที่เหลืออีก 1,000 ถัง!!

ปัญหาที่สร้างความหวาดผวาให้แก่เจ้าหน้าที่ในโรงไฟฟ้าคือ น้ำหล่อเย็นที่รั่วไหลออกมา จนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ทั่วบริเวณถังเก็บน้ำถังนั้น ผลตรวจสารพิษกัมมันตภาพรังสีพบว่าเข้มข้นมากถึง 100 มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมง หมายถึงใครก็ตามที่ได้รับรังสีเหล่านี้ภายใน 1 ชั่วโมงจะเทียบเท่ากับปริมาณที่คนงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้รับตลอดระยะเวลา 5 ปี และไม่ได้มีแค่ 1 ถังเท่านั้น อาจมีอีก 350 ถังเสี่ยงรั่วไหลด้วยเหมือนกัน เพราะแท็งก์เก็บน้ำหล่อเย็นเกือบทั้งหมด เพิ่งสร้างขึ้นมาภายใน 2 ปี เพื่อกักเก็บน้ำปนเปื้อนไม่ให้กระจายออกนอกพื้นที่โรงไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับนิวเคลียร์ญี่ปุ่น (เอ็นอาร์เอ) ออกแถลงการณ์ว่า พื้นดินรอบๆ ถังเก็บน้ำปนเปื้อนรังสีในโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ มีค่ากัมมันตภาพรังสีสูงถึง 2,200 มิลลิซีเวิร์ต หากเปรียบเทียบกับเช้าวันที่ 15 มีนาคม 2554 หลังเกิดอุบัติเหตุนั้น ตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีได้ประมาณ 1,000 มิลลิซีเวิร์ต ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขและแรงงานญี่ปุ่นกำหนดให้ผู้ทำงานภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รับได้จำกัดเพียง 250 มิลลิซีเวิร์ตต่อปีเท่านั้น ข้อมูลข้างต้นสร้างความหวั่นวิตกให้หน่วยงานเฝ้าระวังรังสีนิวเคลียร์ทั่วโลก

ดร.สิวินีย์ สวัสดิ์อารี นักฟิสิกข์สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ผู้ติดตามกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ แสดงความเห็นว่า ตอนนี้ตัวเลขทุกอย่างยังไม่ชัดเจน เพราะน้ำเหล่านี้เกิดจากการใช้ฉีดให้ความเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 4 เตา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าใช้น้ำไปเท่าไหร่ แล้วภายใน 2 ปี แล้วสุดท้ายจะเอาน้ำปนเปื้อนที่เก็บไว้ไปทำอะไร แม้จะมีการสร้างกลไกบำบัดน้ำเป็นระยะก็ตาม คงต้องรอดูรายละเอียดอีกว่า น้ำที่รั่วไหลออกมามีสารปนเปื้อนอะไรและปริมาณเท่าไร เช่น ไอโอดีน ซีเซียม ฯลฯ สำหรับประเทศไทยยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะอยู่ไกล กว่าจะมาถึงบ้านเราคงต้องตรวจพบการปนเปื้อนในน้ำทะเลของเกาหลีและจีนก่อน

สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ ดร.สัญชัย นิลสุวรรณโฆษิต หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น แหล่งไฟฟ้าของเมืองฟูกูชิมะถูกตัดขาด ทำให้ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่ทำงาน เมื่อความร้อนและความดันสูงขึ้นเรื่อยๆ แท่งแกนปฏิกรณ์จึงเกิดความร้อนจนถึงจุดเริ่มหลอมละลาย ทำให้สารกัมมันตรังสีแพร่กระจายออกมา

แม้เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 2 ปี แต่การฉีดน้ำหล่อเย็นแท่งแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยังคงต้องทำต่อเนื่องทุกวัน อาจใช้น้ำถึงวันละ 300-400 ตัน คาดว่าน้ำเหล่านี้จะถูกใช้ซ้ำๆ เวียนไปเรื่อย เพราะเป็นน้ำที่เปื้อนรังสีอยู่แล้ว ปัญหาตอนนี้คือป้องกันไม่ให้น้ำที่รั่วไหลออกมาลงไปถึงแหล่งน้ำบาดาลหรือน้ำใต้ดิน เพราะจะทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงเดือดร้อนหากใช้แหล่งน้ำเดียวกัน

"การปนเปื้อนในน้ำทะเลยังไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะน้ำทะเลมีมหาศาลสามารถเจือจางน้ำปนเปื้อนรังสีเพียงไม่กี่ร้อยตันได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องสัตว์ทะเลและสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้น อาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่เป็นระยะยาว ปกติแล้วเมื่อสิ่งมีชีวิตได้รับกัมมันตภาพรังสีเข้าไป พิษรังสีจะค่อยๆ สะสมในร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวมากขึ้น ระบบเลือดผิดปกติ สะสมในกระดูก จนกลายเป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ แต่ถ้าใครได้รับมากๆ แบบเฉียบพลันอาจเสียชีวิตทันที ที่จะกระทบเมืองไทยบ้างคงเป็นเรื่องอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น แต่ตอนนี้รัฐบาลของเขาสั่งห้ามจับสัตว์น้ำบริเวณนั้นอยู่แล้ว และมีการเฝ้าระวังพืชผักผลิตผลทางการเกษตรด้วย สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงมาก" ดร.สัญชัยกล่าว

ย้อนกลับไปเมื่อเมื่อเดือนมีนาคม 2554 หลังเกิดวิกฤติกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลที่เมืองฟุกุชิมะ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดเงื่อนไขนำเข้าอาหารเสี่ยงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเพิ่มเติมทันที ประกาศใช้เมื่อ 11 เมษายน 2554 โดยกำหนดให้อาหารทะเล ผัก ผลไม้และผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม หรือกลุ่มอาหารเนื้อ นม ไข่ จาก 12 เมืองในญี่ปุ่น ต้องมีเอกสารรับรองการตรวจกัมมันตรังสีไม่เกินอัตราที่กำหนด หากฝ่าฝืนนำอาหารปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเกินมาตรฐานเข้าประเทศไทย มีโทษปรับ 5 หมื่นบาท จากการสุ่มตรวจปลาสดนำเข้าจากญี่ปุ่นของด่าน อย. ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2554-26 ตุลาคม 2555 จำนวน 413 ตัวอย่าง พบ 28 ตัวอย่างมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีแต่ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวรับรองว่า การเฝ้าระวังอาหารปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้เวลาจะผ่านไป 2 ปีแล้ว เพียงแต่ลดจำนวนเมืองที่ตรวจเข้มลงจาก 12 เมือง เหลือเพียง 8 เมือง คือ ฟูกูชิมะ กุมมะ อิบารากิ โทจิงิ มิยางิ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ที่ผ่านมามีตัวแทนจากญี่ปุ่นพยายามเข้ามาเจรจาขอให้ผ่อนปรนการตรวจสอบเป็นระยะๆ แต่ทาง อย.ยังคงพิจารณาให้ใช้เงื่อนไขเดิม และหลังเกิดเหตุการณ์น้ำปนเปื้อนรังสีรั่วไหลออกมาอาจต้องเข้มงวดมากขึ้นอีก

สำหรับ "วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ" ประธานมูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ เครือข่ายพลังงานเพื่อนิเวศวิทยาแม่น้ำโขง ผู้เกาะติดโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศมายาวนานกว่า 10 ปี แสดงความเห็นว่า บทเรียนจากฟูกูชิมะทำให้รู้ว่าประเทศญี่ปุ่นต้องทุ่มกำลังเงิน กำลังคนและทรัพยากรมหาศาลเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน ฯลฯ แต่ผ่านไป 2 ปียังคงมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ หากเปรียบเทียบกับเมืองไทยแล้ว ถ้าโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างสำเร็จจริงแล้วเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น คนไทยจะแบกรับค่าใช้จ่ายเท่าประเทศญี่ปุ่นได้หรือไม่

"เจอแบบฟูกูชิมะไทยคงกลายเป็นประเทศล้มละลายทันที กลุ่มที่อยากสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทยส่วนใหญ่มักอ้างเรื่องต้นทุนต่อหน่วยที่ถูกกว่าถ่านหินหรือพลังไฟฟ้าประเภทอื่น แต่พวกเขาไม่ได้เอาต้นทุนการเกิดอุบัติเหตุรวมเข้าไปด้วย 1.ถ้าเกิดความผิดพลาดหรือภัยธรรมชาติแล้วทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้าจะทำอย่างไร 2.ค่าใช้จ่ายในการดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลได้รวมอยู่ในต้นทุน อยากให้หลายฝ่ายทบทวนเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทยอย่างจริงจัง" วิฑูรย์ กล่าวทิ้งท้าย

ทุ่ม1.6 หมื่นล้านสร้าง“กำแพงน้ำแข็ง”
รัฐบาลญี่ปุ่นใช้เงินในการดูแลฟื้นฟูผลกระทบจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไปแล้วกว่า 7.5 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณประเทศไทย 3 เท่า ล่าสุดต้องจ่ายอีก 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบสร้างกำแพงน้ำแข็งรอบเตาปฏิกรณ์ประมาณ 1 หมื่นล้าน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ไหลปนเปื้อนไปแหล่งน้ำใต้ดิน และอีก 6,000 ล้านบาท สร้างระบบบำบัดน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่เก็บไว้ในแท็งก์น้ำขนาดใหญ่กว่า 1,000 แท็งก์

เกณฑ์อาหารเปื้อน "รังสี"
อย.กำหนดปริมาณรังสีปนเปื้อนในอาหาร 3 ชนิดคือ
-ไอโอดีน 131 (Iodine -131) ไม่เกิน 100 เบคเคอเรล
-ซีเซียม 137 (Caesium-137) และ ซีเซียม 134

รวมกันไม่เกิน 500 เบคเคอเรล
อันตรายจากการบริโภครังสีปนเปื้อนในอาหาร ร่างกายจะดูดซึมเข้าสะสมในเนื้อเยื่อตับและไขกระดูก หากสะสมต่อเนื่องอาจทำให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือภาวะขาดฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ ผมร่วง ต้อกระจก ภาวะสืบพันธุ์ผิดปกติ ฯลฯ
........................
(หมายเหตุ : 2ปี..ยังไม่จบ! 'น้ำเปื้อนนิวเคลียร์'ฟูกูชิมะ : ทีมข่าวรายงานพิเศษ)

คนอ่าน 432 คน

http://www.komchadluek.net/detail/20130917/168393/2ปี..ยังไม่จบ!น้ำเปื้อนนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ.html

 

Adepto Perfectus = dutchsinse
13 ชั่วโมงที่แล้ว

ไฟใต้ดินที่เซนต์หลุยส์ มิสซูรี เข้าใกล้กากกัมมันตรังสี ..
The underground fire here in St. Louis Missouri is now quote "Dangerously Close" to the radioactive waste..

A gas well is showing signs of "hotspot" activity.. indicating the fire is getting closer to the radioactive debris.

Wonderful news.

"The fire department tasked with monitoring the Bridgeton Landfill fire is growing increasingly alarmed about a hot spot less than 1,000 feet from nuclear waste at a neighboring landfill.

According to Assistant Fire Chief Matt LaVanchy, Pattonville Fire Protection District, a gas extraction well located approximately 750 feet from the radioactive material has shown three or four temperature increases in recent weeks.

LaVanchy says he's a proponent of building a firebreak trench to keep the hot spot at the gas well from spreading and coming into content with the radioactive waste."

Firefighters concerned about hotspot at Bridgeton Landfill | ksdk.com

 

“เท็ปโก” ปล่อยน้ำเปื้อนรังสีกว่า 1,000 ตันลงทะเล หลัง “ไต้ฝุ่นมานหยี่” ถล่มฟูกูชิมะ
เอเอฟพี – ผู้บริหารโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะยอมรับว่ามีการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีกว่า 1,000 ตันออกสู่ทะเล หลังจากถูกไต้ฝุ่นมานหยี่ (Man-Yi) พัดถล่มเมื่อวานนี้(16)
อิทธิพลของไต้ฝุ่นมานหยี่ซึ่งเคลื่อนผ่านหมู่เกาะญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในหลายภูมิภาค รวมถึงที่นครเกียวโต เมืองหลวงเก่าซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู
โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ก็เผชิญพายุฝนที่รุนแรง ทำให้มีน้ำเอ่อท่วมอยู่ภายในกำแพงที่ล้อมรอบถังเก็บน้ำที่ใช้ลดอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์ที่เสียหาย
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าถังเก็บน้ำปนเปื้อนบางส่วนเกิดรั่วไหล ทำให้รังสีอันตรายแพร่กระจายออกสู่ระบบน้ำใต้ดิน
“เจ้าหน้าที่ซึ่งตรวจวัดระดับรังสีของน้ำภายในกำแพงป้องกัน ได้สูบน้ำเหล่านั้นกลับเข้าไปในถังเมื่อเห็นว่ารังสีเข้มข้นเกินไป… ต่อมาพวกเขาพบว่าน้ำที่เอ่อขึ้นมาส่วนใหญ่เป็นเพียงน้ำฝน จึงได้เริ่มระบายออกบ้าง เพราะเราสามารถเก็บกักน้ำได้อย่างจำกัด” เจ้าหน้าที่จากบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) ผู้บริหารโรงไฟฟ้า แถลง
เท็ปโก ยอมรับว่าได้ปล่อยน้ำซึ่งมีรังสีสตรอนเทียมเจือจางเพียง 30 เบคเคอเรลต่อลิตร ซึ่งไม่เกินระดับปลอดภัยที่กฎหมายกำหนด ออกสู่พื้นดินภายนอกประมาณ 1,130 ตัน แต่มีอยู่บริเวณหนึ่งที่ระดับรังสีในน้ำเข้มข้นมาก และคนงานปั๊มน้ำเข้าไปเก็บในถังไม่ทัน น้ำที่ปนเปื้อนรังสีเข้มข้นจึงไหลออกสู่ภายนอกนานหลายนาที
สตรอนเทียม เป็นสารอันตรายที่หากบริโภคจะเข้าไปสะสมในกระดูก และก่อให้เกิดมะเร็ง
เท็ปโก ต้องใช้น้ำหลายพันตันควบคุมอุณหภูมิแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่หลอมละลายจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 โดยน้ำปนเปื้อนเหล่านี้ยังถูกเก็บกักไว้ในโรงไฟฟ้า และบริษัทก็ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าจะจัดการกับของเหลวเป็นพิษเหล่านี้อย่างไร

Schau-Thai: “เท็ปโก” ปล่อยน้ำเปื้อนรังสีกว่า 1,000 ตันลงทะเล หลัง “ไต้ฝุ่นมานหยี่” ถล่มฟูกูชิมะ

 

ไต้ฝุ่น‘มานหยี่’ถล่มญี่ปุ่นตายแล้ว2‘เกียวโต’น้ำท่วม-‘โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ’โดนด้วย
เอเจนซีส์ – พายุไต้ฝุ่น “มานหยี่” ถล่มตอนกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (16ก.ย.) ทำให้คนชราเสียชีวิต 2 คน และบ้านเรือนหลายพันหลังได้รับความเสียหาย รวมทั้งก่อให้เกิดอุทกภัยในหลายส่วนของนครเกียวโตและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 400,000 ครัวเรือน นอกจากนั้นยังบังคับให้บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่กำลังเป็นอัมพาตอยู่ ปล่อยน้ำฝนปนเปื้อนรังสีระดับต่ำลงสู่มหาสมุทร
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า ไต้ฝุ่นมานหยี่ขึ้นฝั่งที่เมืองโตโยฮาชิ จังหวัดอาอิชิ เมื่อช่วงก่อนหน้าเวลา 8.00 น. วันจันทร์ (9.00 น. ตามเวลาไทย) ไม่นานนัก ด้วยความเร็วลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นเอชเคของทางการรายงานว่า พบหญิงชราวัย 71 ปีผู้หนึ่งเสียชีวิตจากดินถล่มลงมาท่วมบ้านของเธอในจังหวัดชิงะ แล้วยังมีหญิงชราอายุ 77 ปีอีกผู้หนึ่งก็สิ้นชีวิตจากดินถล่มซึ่งเกิดขึ้นในจังหวัดฟูกูอิ
นอกจากนั้น รายงานของเอ็นเอชเคระบุว่า ยังมีผู้สูญหายไป 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 128 คน ขณะที่บ้านเรือนกว่า 4,000 หลังถูกน้ำท่วม และบ้านเรือนอย่างน้อย 270 หลังได้รับความเสียหายหนักจากพายุลมแรงหรือดินถล่ม

 

ดูภาพนี้ประกอบข้อความข้างล่างน่ะครับ

 

Earth's axial precession regulates life-supporting system of oceans

Posted by Adonai on September 16, 2013 in categories Earth changes, Ocean, Research

Researchers from Princeton University and the Swiss Institute of Technology in Zurich (ETH) report that during the past 160 000 years nitrogen fixation rose and fell in a pattern that closely matched the changing orientation of Earth's axis of rotation, or axial precession (also known in history as precession of the equinoxes). Axial precession occurs on a cycle of roughly 26 000 years and arises because the Earth wobbles slightly as it rotates, similar to the wobble of a toy top. The study concludes that the cyclic wobble of the Earth on its axis controls the production of a nutrient essential to the health of the ocean.
Studies from the 1980's revealed that precession leads to a regular upwelling of deep water in the equatorial Atlantic Ocean roughly every 23 000 years. The upwelling in turn brings nitrogen-poor water to the surface where blue-green algae convert nitrogen drawn from the air into a form that is biologically usable.

The discovery of factors that control this nutrient, known as "fixed" nitrogen, gives researchers insight into how the ocean regulates its own life-support system, which in turn affects the Earth's climate and the size of marine fisheries.

The finding that nitrogen fixation is determined by precession-driven upwelling appears to indicate that the ocean's fixed nitrogen reservoir is resilient and that the ocean biosphere can recover from even the most dramatic ecological changes, said second author Daniel Sigman, Princeton's Dusenbury Professor of Geological and Geophysical Sciences.

The rise of deep water spurs nitrogen fixation because that water is low in nitrogen but contains an excess of another key nutrient, phosphorus, Sigman said. The phosphorus fuels the fixing of nitrogen carried out by blue-green algae, also known as cyanobacteria."By studying the response of nitrogen fixation to different environmental changes in the Earth's past, we have found connections that may ensure that the ocean's fixed nitrogen level will always rebound," Sigman said. "This suggests that an ocean over time has a relatively stable nutrient reservoir, and thus stable productivity."



Sigman collaborated on the study with Princeton graduate student Mathis Hain; first-author Marietta Straub, Alfredo Martínez-García, A. Nele Meckler and senior author Gerald Haug, all in the Department of Earth Sciences at ETH; and Haojia Ren of the Columbia University Lamont-Doherty Earth Observatory.
The researchers tracked changes in nitrogen fixation in the North Atlantic Ocean by measuring the fixed nitrogen contained in the shells of marine animals recovered from sediment in the Caribbean Sea. Working in Sigman's lab, the investigators measured the amount of two types of nitrogen known as 14N and 15N contained in the shells of tiny marine animal plankton called foraminifera. The ratio of 15N to 14N was then used to reconstruct the rate of nitrogen fixation.
The pattern of nitrogen fixation measured in foraminifera matched the historical record of axial precession and the resulting ocean upwelling. The investigators also compared the fluctuations in nitrogen fixation to historical records of water temperature and levels of iron — another crucial nutrient — both of which influence cyanobacteria survival and thus nitrogen fixation. No correlation was found.
"Our findings suggest that this upwelling was the dominant influence on nitrogen fixation," Sigman said.
Douglas Capone, a professor and chair of biological sciences at the University of Southern California, said that the research is notable both for understanding the nitrogen cycle and for providing a method to study it.

"I have long pondered and hoped for ways to reconstruct deeper historical trends in this important nitrogen-cycle process," Capone said. "The new study by the Sigman and Haug groups is a major breakthrough in providing a means to do this along with throwing light on the major forces of this key process over long time scales."
Source: Princeton University
Featured image: Precession of the equinoxes as seen from 'outside' the celestial dome. The shift of the Earth's polar axis over 5000 year among the stars (orange: 3000 BC at Thuban, yellow: 2000 AD at Polaris) goes together with a shift of the equatorial planes and therefore the equinoxes along the ecliptic. It is important to note that this image is not a perspective that appears in nature, as the locations of the stars are projections onto the celestial sphere only as they appear from Earth. Author: Tauʻolunga

ข้อมูลจาก http://thewatchers.adorraeli.com/20...n-regulates-life-supporting-system-of-oceans/

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
4 ชั่วโมงที่แล้ว ·
โลงศพสีดำ FEMA ไปถึงในเปอร์โตริโก

ประชาชนที่นั่นเริ่มแตกตื่น โลงศพสีดำทะมึนเหล่านั้นถูกนำเข้ามายังเมืองเล็กๆนี้ทำไม?

Black FEMA Coffins Arriving In Puerto Rico - :

 

Tribulation Now ได้แชร์ ลิงก์
7 นาทีที่แล้ว ·
WHAT's REALLY ORBITING ISON ??? by RevMichelleHopkins

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=EI3tTa2iBlY]WHAT's REALLY ORBITING ISON ??? - YouTube[/ame]
WHAT's REALLY ORBITING ISON ???
YouTube

 

Tribulation Now ได้แชร์ ลิงก์
5 นาทีที่แล้ว ·
Russians;ISON'S Orbit Changing 9-17-2013

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=fjFKic8a39g]Russians;ISON'S Orbit Changing 9-17-2013 - YouTube[/ame]
Russians;ISON'S Orbit Changing 9-17-2013
YouTube