ศาลพระภูมิไม่ใช่ของพราหมณ์นะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย namitta, 7 ตุลาคม 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันไม่ได้ศึกษา ทางจีนอย่างละเอียดคะ เลยยังตอบไม่ได้ แต่พอรู้บ้างเล็กน้อยว่า ราชวงค์ชาง นั้นก่อนศาสนาคริตส์ 1600 ปี ดิฉันไม่ทราบว่า ต้นกำเนิดลัทธิเต๋า อยู่ทางส่วนไหนของประเทศจีน หรือประวัติของผู้ก่อลัทธิ แต่ เชื่อว่า อารยะธรรมและแนวคิดแบบตะวันตกได้เผยแพ่เข้าไปในจีนบ้างแ่นอน อย่างเช่นหลักฐานมัมมี่ ฝรั่ง หรอ ตาลิมมัมมี่ ทางซินเกียง และ แขกคูซาน ซึ่งเป็นพวกที่อยู่ระหว่าง เอเชียกลางกับจีนก็ เคยไปรบกับจีนบ่อยๆ และ มีทหารของ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่กลับบ้านไม่ได้ และอยู่ที่จีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนเองก็ ติดต่อกับ ตะวันตกมานาน อันนี้ก็คงต้องไปอ่านเรื่องลัทธิเต๋าเพิ่มคะ เพราะไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เท่าไร
     
  2. uesuki

    uesuki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +150
    เต๋าแท้นั้น มิได้ยึดถือสิ่งใด หากยึดถือได้ นั่นคือ มิใช่เต๋า ... ที่ว่า กำเนิดต้นตอ สืบจากที่ใด... หามีหรือไม่ ไม่พานำพา ... เท็จจริง มีแต่ใดมา จักมีผู้ใด พิสูจน์ รู้ว่า นี่ นั่น นี้ข้า... ประจักษ์ลุ แก่ตา กล่าวประกาศว่า นี่ นั่น นี้ จริง..
     
  3. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ขอขอบพระคุณ นักพรต ฮกหลงขงเบ้ง ครับ

    ที่กรุณาให้ความรู้
     
  4. ฮกหลงขงเบ้ง

    ฮกหลงขงเบ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,143

    ยินดีอย่างยิ่งครับ
     
  5. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    เรื่องทหารอเลกซานเดอร์เป็นแค่ข้อสันนิษฐานครับ ความจริงหมู่บ้านนั้นที่มีเชื้อสายฝรั่งปน ข้อสันนิษฐานที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ชนชาติเปอร์เซียนมาผสมมากกว่า หรือไม่ก็ชาติตะวันตกบางที่ อพราะหมู่บ้านนั้นอยู่ตรงแนวทางเส้นทางสายไหม มีการค้าขายของชาติตะวันตกผ่านไปมาบ่อยๆ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขอบคุณครับ คุณ ฮกหลงขงเบ้ง อธิบายเพิ่มเติมได้ดีมากเลยครับ..
    อืม..ผมขออนุญาตถามเป็นความรู้หน่อยครับ..
    นอกจากธาตุที่เล่าให้ฟังมา เค้ายังมีการพูดถึง
    ส่วนธาตุลม อากาศธาตุ วิญญานธาตุ และจิตธาตุด้วยหรือเปล่าครับ..
    ขอบคุณครับ
     
  7. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042


    ํฯขออนุญาตหักล้างความเชื่ออย่างผิดๆ ขอไม่เกรงใจนะครับ เพราะขัดใจอย่างร้ายเหลือ


    ... ได้คะ เพราะว่าดิฉันไม่ได้เรียนมาด้านนี้โดยตรง ไม่มีอาจารย์สอน ไม่มีสำนักที่เรียนเป็นของตนเอง .. เพียงแต่มีความชอบก็เลยค้นคว้าด้วยตนเอง .. ทราบแค่ว่า มีหลายสำนักที่สอนเรื่องแบบนี้ และ มีการสอน ความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป บางสำนักก็ขัดแย้งกับอีกของสำนักหนึ่ง " มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะสมัยจีนโบราณเขาเก็บซินแสที่เก่ง ๆ เข้าไปอยู่ในวังหลวงหมด และ ห้ามเผยแพร่วิชาให้คนภายนอก แถมยังมีการปรับเปลี่ยนให้วิชามันมีการบิดเบือนไปจากเดิม "
    ..... แต่สำหรับดิฉันที่อยู่ในช่วงศึกษาเริ่มต้นยังไม่ใช่แบบซินแสที่เรียนขั้นสูง ๆ มา ต้องกราบขอโทษนะคะ ที่ทำให้ขัดใจ .. เพราะคำที่เอามาเขียนลง ก็มาจากการอ่านจากสื่อต่าง ๆ ที่หาได้ที่เหล่าซินแสมีชื่อได้เขียนไว้ในตำรามาเผยแพร่ให้คนอื่นได้อ่านกัน ซึ่งดิฉันได้นำมาเปรียบเทียบกัน และ ยึดหลักอิงทางวิทยาศาสตร์ หรือ ความน่าจะเป็น มาสรุปเป้นคำพุดของตนเองตามความเข้าใจคะ




    ตี่จู้เอี้ยเป็นตำแหน่ง ตี่ แปลว่า ดิน จู้ แปลว่า เจ้าของ เอี้ย หมายถึง ผู้เป็นที่เคารพ ตำนานนั้นท่านนั้นมีที่มาจากเรื่องของพ่อบ้านที่เชื่อจางฝูเต๋อ บางก็ว่ามาจากชื่อเจ้าเมืองที่ชาวบ้านรักใคร่ จึงได้พากันยกย่องและเซ่นไหว้



    ... ในส่วนข้อความนี้ เรื่องที่มาของตี่จู้เอี๊ยะ ดิฉันไม่ได้คิดเองนะคะ ก็เอามาจากที่ตนเองอ่านมาคะ เอามาตอบ จากเว็ป หมอดูกรุงสยาม (http://www.mordookrungsiam.com/san_tijuaea_02.html) .. ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าพวกเขา โกหกหลอกลวง ประชาชนแล้วละคะ ... เข้าไปหาอ่านดูได้ตามลิงค์นี้เลยนะคะ ยังมีอีกหลายเว็ปที่ได้ไปค้นมา แต่ยังไม่เจอบทความที่ว่าเกี่ยวกับจางฟู่เต๋อเลยคะ

    ... ส่วนมากจะอ่านของ Jongha 108 <ZHONG HE >, โดย อ.มาโนช ประภาษานนท์ , อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม , แล้วก็พวกเว็ปที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ยต่าง ๆ เอามาเปรียบเทียบกันคะ ..

    .
    .
    อีกอย่างตี่จู้เอี้ยคือธาตุดิน ไม่ใช่ธาตุไฟ ในอดีตและปัจจุบันก็สร้างศาลจากไม้และทาสีแดง ตั้งติดกับดิน ก็เพื่อว่าให้ดินก่อกำเนิดไฟ ทาสีแดงคือธาตุไฟอย่างไรหละครับ ตามหลักโหราศาสตร์จีนการเสริมธาตุนั้นจะต้องเสริมด้วยธาตุก่อกำเนิดครับไม่ใช่เสริมด้วยธาตุนั้นไปเลย ไม่ทราบว่าเคยเรียนโหราศาสตร์จีนมาบ้างหรือเปล่านะ ดินกำเนิดทอง ทองกำเนิดน้ำ น้ำกำเนิดไม้ ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน เวียนเป็นวัฏจักร การสร้างศาลจากหินอ่อนก็ไม่ผิด เพราะหินอ่อนนั้นเรียกว่าเป็นธาตุดินแข็ง ยิ่งดินแข็งกำเนิดทองยิ่งเป็นความหมายมงคล แต่ด้วยความยากจนในอดีตจึงไม่อาจสร้างด้วยหินอ่อนได้ ข้อนี้ต้องพิจารณาถึงที่มาและความหมายจึงจะชี้ขาดได้ ไม่ใช่ว่าอันนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่ถูก
    .
    .
    .

    ส่วนขอความที่คุณแย้งมาตรงนี้นะคะ ดินฉันเอาข้อมูลมาจากเว็ปนี้คะ http://www.mordookrungsiam.com/san_tijuaea_07.html ( ตัวศาลตี่จู้เอี๊ยะนั้น ควรที่จะทำจากไม้แล้วทาสีแดงจะดีที่สุด ตามความเชื่อของหลักฮวงจุ้ยนั้น ศาลทุกชนิดเป็นธาตุไฟ สีของธาตุไฟนั้น คือ สีแดง ทำให้ศาลนั้น มีพลังในการให้คุณกับเจ้าของบ้านมาก พี่น้องชาวจีน มีความเชื่อกันมาช้านานแล้วว่า สีแดง เป็นสีของความเป็นมงคล ส่วนไม้นั้นใน หลักฮวงจุ้ย บอกว่า ไม้ก่อเกิดไฟ หมายถึง ศาลที่ทำมาจากไม้นั้นจะส่งพลังให้ศาลนั้นมี อานุภาพมากยิ่งขึ้น ศาลตี่จู้เอี๊ยะที่ดี หลังคาของศาล ควรที่จะมี ๓ ชั้น และมีเสา ๔ เสา จะดีที่สุด

    ข้อห้าม ในสมัยนี้มีคนนำเอาหินอ่อน มาทำเป็นศาลตี่จู้เอี๊ยะ โดยคิดว่า เป็นความแปลกใหม่ และสวยงาม หารู้ไม่ว่า ศาลตี่จู้เอี๊ยะ ที่ทำจากหินอ่อนนั้น เปรียบเสมือน แผ่นหินที่จารึกชื่อผู้ที่เสียชีวิต อยู่หน้าฮวงซุ้ย เหมือนกับสุสานของคนตาย มีแต่ความอัปมงคล หาความเป็นมงคลไม่ได้เลย แม้แต่ทางฮวงจุ้ย ก็ยังบอกไว้ว่า ไฟก่อเกิดดิน หมายถึง ศาลตี่จู้เอี๊ยะ ที่สร้างจากหินอ่อนนั้น เปรียบเหมือนธาตุดิน จะดูดพลังจากธาตุไฟ ทำให้ธาตุไฟอ่อนกำลังลง ความหมายก็ คือ ศาลที่ทำจากหินอ่อนนั้น จะไม่มีพลังของความเป็นมงคลอยู่เลย เหลือแต่สิ่งอัปมงคลเพียงอย่างเดียว เมื่อท่านคิดจะตั้งศาลตี่จู้เอี๊ยะ ก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมครับ ว่า ควรที่จะใช้ตัวศาลแบบไหน สีอะไรถึงจะเป็นมงคลสูงสุด เราเสียเงิน เสียทอง ในการตั้งศาลไปแล้ว ก็ขอให้สิ่งที่กลับมา เป็นสิ่งที่เป็นมงคลกับตัวเราและครอบครัว ไม่ใช่ว่าเสียเงินไปแล้ว กลับนำความเดือดร้อนมาให้ตัวเราและครอบครัวอีก อย่างนี้ก็แย่แน่ๆครับ )


    .
    .
    ศาสตร์จีนพัฒนามาหลายพันปีผ่านกาลเวลาที่ถูกหล่อหลอมด้วยหลักการและเหตุผล จะมาสรุปรวบยอดเอาเลยโดยไม่ดูถึงแก่นและรากนั้นไม่ได้

    ... การที่ดิฉันได้ชี้แจงตอบคุณในข้อที่คุณขัดใจแล้วนะคะ และขอตอบแบบชัดเจนและไม่อายคะ ว่า ... ดิฉันไม่มีอาจารย์สอนคะ ดิฉันอาศัยการอ่าน และ ปลูกฝักรักจำ จากเวลาที่เราไปได้รู้ได้เห็นได้ยินมา .. บางทีก็ใช้ความรู้สึกของตนเองที่สัมผัสได้มาตอบ ... เพราะอยากรู้ว่ามันจริงไหม๊ ใช้ได้จริง หรือ เปล่า อันไหนเป็นแค่การตลาด อันไหนมีเหตุมีผล เพราะส่วนตัวไม่ได้ถนัดด้านความรู้แนวจีนสักเท่าไหร่ แต่เห็นซินแสแต่ละท่านสมัยนี้มีค่าตัวแพง ๆ กันทั้งนั้น ชาวบ้านตาสีตาสาแบบดิฉันไม่มีปัญญาไปจ้างซินแสมาดูให้ ก็เลยค้นคว้าหาข้อมูลเองเท่าที่หาได้ อาจมีผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยคะ ... ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติมนะคะ

    ... ถ้ามีโอกาสดิฉันคงจะส่งเรื่องนี้ไปให้กับทุกท่านที่ดิฉันไปอ่านบทความมาให้ทำการแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบที่คุณแนะนำมาคะ .. ตอนนี้ดิฉันก็ได้ชี้แจงในที่มาที่ไปที่ดิฉันเอามาลงในสิ่งที่ได้โพสไป ... ส่วนเรื่องธาตุต่าง ๆ ดิฉันเพิ่งศึกษายังไม่ถึงอาทิตย์เลยคะ เหมือนเด็กกำลังหัดเดิน และ เรียนรู้ในทางนี้ ต้องกราบขออภัยอีกครั้งคะ
     
  8. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    * * * * อันนี้ก็เป็นแบบที่ค้นมาคะ จาก หมอดูกรุงสยาม ว่า ศาลตี่จู้เอี๊ยะ มีกี่แบบ อะไรบ้าง. และ ผสมของที่อื่นลงไปด้วยคะ


    ศาลตี่จู้เอี๊ยะ มีด้วยกัน ๓ แบบ

    แบบที่ ๑

    ...... จะเป็นศาลสีแดง ทำจากไม้ มีเสาด้านหน้า ๔ เสา มีตัวหนังสือเป็นคำอวยพรภาษาจีนอยู่ในกระจก ๑ แถว หรือ ๓ แถว ศาลตี่จู้เอี๊ยะแบบที่ ๑ นี้ เมื่อเราทำการตั้งศาลแล้ว เราไม่ค่อยมีเวลาไหว้มากนัก หรือไม่ค่อยมีเวลาดูแลศาล ก็ไม่เป็นไร ศาลประเภทที่ ๑ นี้ ไห้คุณให้โทษไม่แรงมากนัก

    แบบที่ ๒

    ....จะเป็นศาลสีแดง ทำจากไม้ มีเสาด้านหน้า ๔ เสา มีตัวหนังสือเป็นคำอวยพรภาษาจีนอยู่ในกระจก และมีรูปอากงอยู่ในกระจกด้วย ศาลตี่จู้เอี๊ยะแบบที่ ๒ นี้ เมื่อเราตั้งแล้ว เราต้องทำการไหว้อย่างน้อย เดือนละ ๒ ครั้ง คือ ๑. จับโหวง ๒. ชิวอิก เป็นวันพระจีน


    แบบที่ ๓

    .... จะเป็นศาลสีแดง ทำจากไม้ มีเสาด้านหน้า ๔ เสา มีตัวหนังสือเป็นคำอวยพรภาษาจีนอยู่ในกระจก และมีรูปอากงแบบลอยองค์ คือ มีองค์อากงตั้งอยู่ในศาลต่างหาก ไม่ใช่อยู่ในกระจกเหมือนแบบที่ ๒ ถ้าเราตั้งศาลแบบที่ ๓ เราต้องทำการไหว้ทุกเทศกาล เพราะว่ามีความแรงมาก ให้คุณให้โทษสูง น้ำควรเปลี่ยนทุกวัน เวลาทำความสะอาด ไม่ควรที่จะยก หรือ เขยื้อนรูปอากง ออกจากที่ตั้งเดิมเป็นอันขาด
     
  9. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    จริงๆถ้าพูดถึงเต๋า ที่ชัดเจนมากที่สุด ต้นกำเนิดคือ เล่าจื๊อ ครับ โดยเขียนคัมภีร์ชื่อ เต๋าเต๋อจิง โดยอยู่ในยุคเดียวกับขงจื๊อ แต่อายุมากกว่า ขงจื๊อ โดยอยู่ในช่วง 576 ก่อนคริสตกาล เล่าจื๊อ ได้รับการยกย่องว่าเป็นจากขงจื๊อเป็นอย่างมาก แต่ 2 ท่านนี้มีแนวการสอนที่แตกต่างกัน โดย เต๋าของเล่าจื๊อ เน้นที่กาลอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ส่วนขงจื๊อเน้นไปทางจารีตและการเมือง
    เล่าจื๊อค้นพบธรรมะโดยการพิจารณา ต้นไม้ และ ธรรมชาติ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับพวกฝรั่ง ซึ่งปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ของยุโรปอย่าง เพลโต ยังไม่เกิดเลย และที่สำคัญ ชาวยุโรปคนแรกที่ไปประเทศจีนคือ มาร์โค โปโล นะครับ
    แล้วจะรับอิทธิพลอะไรมาจากฝรั่งล่ะครับ
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    จีนมีบันทึกไป โผล่ทำงานเป็นคนรับใช้ของคลีโอพัตราแห่งอียิป ด้วย แสดงว่ามีการติดต่อสื่อสารกันมานานแล้ว ไม่จริงหรอกคะ ดูตาลิมมัมมี่ และชาวอายเกอร์ ในซิงเกียง ซิคะ ลองดูหนังที่เขยนโดย นักเขียนชาวญี่ปุ่น ยาซูชิ อิโนยูเอะ เรื่อง warrior and the wolf ขนาดในหนังยังมีให้เห็นเลย พระเอกไปรบแถวเอเชียกลางเพื่อขับไล่ชนกลุ่มน้อยที่กบฏ และไปหลงรัก สาวลูกครึ่งคนเอเชียกลางกะฝรั่งชนเผ่าในเอเชียกลาง ทำนองว่า สวยประหลาด ผมแดง หยักศก ไม่เคยเห็นมาก่อน


    ตาลิม มัมมี่นี้โบราณซะยิ่งกว่า สมัย ก่อกำเนิก ลัทธิเต๋า อีกคะ เชื่อว่าคือ บรรพบุรุษของพวก อุยเกอร์ ทางตะวันตกของจีนปัจจุบัน ท่านต้องไปอ่านกะทู้ที่ดิฉันเขียนเรื่อง ต้นตระกูล ของ ชาว เติร์ก ที่สร้าง ทัช มาฮาลในอินเดีย พวกเติร์ก นี้ คือ มองโกลผสมชาวเปอร์เซีย ส่วน สลาวิกคือ มองโกลผสมฝรั่ง อายเกอร์ ทางตะวันตกของจีนก็มีเชื้อชาวเติร์ก

    Tarim mummies - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  11. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    ง่ายๆนะครับสมัยที่คุณกล่าวอ้างถึงเนี่ย ส่วนใหญ่ยังนับถือเทพ นับถือผี และ บูชายัญกันอยู่เลย
    และถ้าเทียบโดยใช้หนัง เรื่อง scorpion king บอกแล้วว่าก่อนอารยธรรมอียิปชาวตะวันออกเดินทางไปจนถึงตะวันตก ซึ่งตรงนี้ผมไม่ขอไม่กล่าวถึง เพราะจับโน่นชนนี่ออกมาได้เหมือนหนังที่คุณบอก เพราะญี่ปุ่น ยังด้อยพัฒนาเป็นชาวป่า เป็นชาวเกาะอยู่กระจัดกระจายอยู่เลย เพราะจิ๋นซีฮ่องเต้ส่งคนไปอยู่ที่เกาะนั้นหรอก ส่วน คลีโอพัตราเกิดในเดือนมกราคม 69 ปีก่อนคริสตกาล
    เทียบตัวเลข 576 ก่อนคริสตกาล กับ 69 ปีก่อนคริสตกาล ห่างกันกี่ปี ?
    และยังมีเรื่องที่คุณยังไม่เข้าใจอีกเยอะมาก ถ้าฝรั่งเจ๋งจริง ปัจจุบันคงไม่วิจัยศาสตร์ตะวันออกแพร่หลายหรอกครับ เรื่อง ฮวงจุ้ยก็ดี เรื่องพิชัยสงครามของซุนวูก็ดี เรื่องการรักษาพยาบาลก็ดี หลายๆอย่าง หลายๆคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าเดินมาผิดทาง จึงเอาศาสตร์ตะวันออกเข้าสู่ตะวันตกมากขึ้น
    ผมมีคำถามนะครับ มีนักจิตวิทยาได้ทำการทดสอบเรื่องแนวความคิดในการแก้ไขปัญหาของเผ่าพันธุ์สัตว์ซึ่งจำกัดวง ถ้าจำไม่ผิดเป็นลิงในประเทศนึง เขาทดสอบเอาผลไม้ไปคลุกทรายให้พวกมันกิน ตอนแรกมันหาวิธีกินไม่ได้พวกมันก็หาวิธีการและเอาไปล้างน้ำ แล้วก็ใช้วิธีการนี้ไปทดสอบกับลิงอีกสายพันธุ์หนึ่งในอีกประเทศนึง ซึ่งห่างไกลกันหลายพันกิโล พบว่าพวกมันมีการแก้ไขปัญหาแบบเดียวกัน ทั้งๆที่พวกมันถูกจำกัดพื้นเช่นเดียวกัน คุณจะอธิบายสิ่งเหล่านี้อย่างไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2013
  12. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ศาลเจ้าทุกศาลถือว่าธาตุไฟนี่ เป็นแนวคิดของเค้า ผมจะไม่ก้าวล่วงนะครับ
    แต่ส่วนตัวครูบาอาจารย์ท่านสอนผมมาว่า
    ศาลทุกศาลถือว่าธาตุไฟถ้าเป็นศาลใหญ่ เพราะมักประดับตกแต่งศาลด้วยสีแดง สัญลักษณ์ธาตุไฟ มีการจุดธูปเทียนบูชาสม่ำเสมอคือธาตุไฟ
    พลังอำนาจเทพไม่มีตัวตนรูปร่างชัดเจน ปรับเปลี่ยนได้เสมอคือธาตุไฟ
    โดยภูมิทัศน์และภายนอกจัดเป็นธาตุไฟ แต่โดยเนื้อแท้ไม่ใช่

    ศาลแห่งพระแม่กวงอิมเนี้ย ธาตุหยิน เพราะเพศหญิง ถือคนโทน้ำพรมน้ำมนต์ นิสัยท่านอ่อนโยนเมตตา เทวรูปออกในแนวของเมตตากรุณา โพธิสัตว์จัดเป็นธาตุน้ำ

    ศาลแห่งนาจาไทจื้อ นิสัยออกเด็กซุกซน กล้าแกร่งไม่กลัวใคร ขึ้นกงล้อเพลิงถือเป็นธาตุไฟ

    ศาลกวนอูหน้าแดงเพลิง เป็นนักรบ ถือง้าว มุทะลุ ซื้อสุตย์ดุดัน ถือเป็นธาตุไฟ

    ศาลรุกขเทวา จัดเป็นธาตุไม้

    ศาลเจ้าพ่อครองภูเขา เจ้าป่า เจ้าเขา เป็นธาตุดิน ครองพื้นภูมิดิน

    ศาลพระลักษมี พระนารายณ์ กำเนิดจากน้ำ จัดเป็นธาตุน้ำ แม้จะบูชาด้วยกำยาน ด้วยธุปเทียน บูชาไฟก็ตาม

    ศาลพระฤาษีตาไฟ ก็ธาตุไฟ ศาลพระฤาษีตาวัว ใช้ธาตุดิน

    ศาลพระภูมิเป็นธาตุดิน ตี่จูเอี้ยะเป็นธาตุดิน ครองดิน ภึงมีสีแดง แต่สภาวะดั้งเดิมคือดิน เหมือน เอาก้อนดินไปทาสีแดงแล้วบอกว่าเป็นไฟ
    มันก็ไม่ใช่ เค้าไม่แสดงสภาวะของไฟ แสดงแค่สีออกมาหน่อยเท่านั้น มองภายนอกพอหลอกได้ แต่มองลึกๆไม่ใช่

    เหมือนเอาไม้ไปแกะรูปปืน ทำเหมือน ดูข้างนอกบอกว่าปืน แต่ยิงอะไรแบบปืนไม่ได้ ใช้แบบปืนไม่ได้ ถือไปตำรวจก็ไม่จับข้อหาพกพาอาวุธ แค่ทำเทียมเลียนแบบ คนมีปืนจริง กับคนมืปืนไม้ เอาเข้าจริงสถานการณ์จริง ปืนจริงมีผลกว่าอยู่แล้ว ปืนไม้กลายเป็นของเล่น

    เรียกว่าแยกแยะไว้ครับ

    แล้วพอมาใช้งานจริง ในด้านดูชัยภูมิ เค้าใช้ประกอบกันนะ
    แต่ยกให้ ธาตุเดิมจริงมีผลกว่า แรงกว่า

    อย่างศาลพระภูมิไทย หรือตี่จูเอี้ยะ ให้เป็นธาตุดินไปเลย
    (อย่าสับสนกับธาตุของไทย ที่มีแค่ 4 ธาตุ ศาลพระภูมิจะถุกจัดในรูปของธาตุไฟ ธาตุ4 ในโหราศาสตร์ไทยใช้อธิบายนามธรรมแบบสภาวะ
    ส่วน 5 ธาตุจีน ใช้อธิบายในแนวรูปธรรม จึงตัดลมออก บอกว่าลมมีอยู่ทุกสภาวะ ใช้ ธาตุดิน 3 แบบ ดินเดิม ดินถูกไฟแยกมาเป็นทอง ดินโดนน้ำชุ่มงอกมาเป็นไม้ เพราะธาตุจีนนี้ ใช้อธิบายสภาวะบนโลกอันประกอบด้วยดินและน้ำ เป็นธาตุใหญ่ มนุษย์ตั้งตนบนดิน ดินจึงสำคัญ ตามหลัก ฟ้า ดิน คน

    ส่วนตัวคิดว่า แนวคิดคนไทดั้งเดิม อันที่บอกว่ามีหลายเผ่าพันธุ์ ผมพยายามมองว่า หาเผ่าไทเดิมที่รับอิทธิพลจากชาติอื่นมาน้อยที่สุด เพื่อดูแนวคิดแถบนี้เดิมๆ แถบที่ติดทะเลแบบศรีวิชัย. หรือใกล้ดินแดนอินเดีย แหล่งวัฒนธรรมหลายหลายทางตะวันตก จะยกออกไป จะดูแนวคิดของเผ่าแถบลาว เวียดนาม ที่ยังรักษาไว้อยู่บ้าง เหมือนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่วัฒนธรรมเค้าคือ เผ่าไอนุและยามาไต ว่าเดิมมีแนวคิดยังไงบ้าง

    ปล. ศาลเทพเจ้าบูชาประจำเผ่า.มีทุกเผ่าทุกชาติ บรรพบุรุษแถบนี้ท่านอาจจะคิดว่า" ทำไมตูข้าต้องไปรับของเผ่าอื่นมา(ฟะ) ผีของหมู่เฮา ของตูข้า ตูข้าก็บูชาเองเป็นนะสู บ่ต้องไปเอาหยังของไผมาดอก ตูข้ามีปลา หมักน้ำปลาสูตรตูข้าเอง ปลาร้าก็สูตรตูข้าเอง แจ่วก็ของตูข้า ไผคิดได้ เฮ๊ดได้ ก็ซ่างเขา. เฮามีมือมีตี๋น มีหัวหยักๆ มีปลากิน มีเนื้อกิน มีข้าวกิน หมู่เฮาก็เฮ๊ดได้ บ่ต้องไปอาศัยเขาดอก


    ปล.2 ดั้งเดิมเผ่าแถบนี้คงคิดทำเอง เหมือนสมัยยุคหินแหละครับ
    ว่ากันว่า แถบอุษาคเณย์นี่ก็มีคนอยู่มาแต่ดั้งเดิมสมัยยุคหินก่อนประวัติศาสตร์แล้ว โลงหรือเรือเก่าแห่งถ้ำผีแมน ก็เก่าแก่ไม่แพ้จีนเด้อ
    เพียงแต่ร่างมัมมี่ท่านอาจโดนเผาโดยวัฒนธรรมการเผาศพสมัยหลังให้ท่านไปสู่สุคติ. กุสลา ธัมมา อกุสลาธัมมา นะโยมนะ ทำใจใสๆ ใส ใส ใส ใส ใส ใส เข้าถึงที่สุดของที่สุด แล้ว บริจาคปัจจัยให้อาตมาด้วยนะจ๊ะ นะจ๊ะ

    ฿฿฿ ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้กุมารทององค์ใหญ่พิมพ์ กดลบไม่ทัน เค้าไม่ให้ลบอ่ะ อะไรนะ อยากกินน้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ... ขอตัวไปหาน้ำพริกให้กุมารทององค์ใหญ่ก่อนนะครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2013
  13. ฮกหลงขงเบ้ง

    ฮกหลงขงเบ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,143
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    สาธุคะ

    ... ทำให้เข้าใจอะไรเยอะขึ้นคะ เพราะตัวนี้ยังไม่มีในบทความที่สามารถอ่านได้ ... แต่ด้วยพื้นฐานเดิมที่เคยรู้มานั้นมันตรงกัน คือ ศาล เปรียบเหมือน ธาตุไฟ และ ในความคิด พวกภูตผี เปรียบคล้าย ๆ หยิน หรือ ความเย็น คือมีไอเย็น ประมาณี้คะ พอได้แบบนี้มันตรงกันจึงทำให้เชื่อว่า ท่านน่าจะเป็นธาตุไฟ เพื่อสามารถต้านพลังเย็นจากผีได้คะ
     
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ญี่ปุ่นพื้นเมืองจาก มองโกลคือชาว โจบอง
    ญี่ปุ่นที่ย้ายมาจากจีนคือ พวกยาโย้ย แต่ ญี่ปุ่น ที่อยู่ฮอกไกโด คือ ชาว ไอนุ หลายทฤฏี
    อ้างว่าคือ พวกที่วิวัฒนามาจาก ชาวเกาะเชื้อสายออสโตรอยด์แต่ดิฉันฟันธงด้วยตัวเองว่า
    มีเชื้อฝรั่ง เพราะดิฉันเห็นกับตาตัวเอง พี่เขยของดิฉันเป็นชาว ไอนุ ตาสีเหมือน
    ดาราหนังแขก ไม่เคยเห็นคนเอเชียตาสี เฮเซล ใส ชัดมากเปลี่ยนสีได้ตามแสงแบบ
    ไอศวรรยา ไร แบบนี้มาก่อน (การจะมีตาสีสีไม่ว่า ฟ้า เขียว เหลือนอำพันหรือ
    แอมเบอร์ เทา สีโคลนสีเฮเซล ปนกันหลายสี จะต้องมีบรรพบุรุษ ฝ่ายพ่อและ
    แม่ทั้งสองฝ่ายไม่ว่ายุคปัจจุบันหรือ ถอยหลังไปในอดีต เป็นคนตาสีฟ้า)
    แต่ทั้งพ่อและแม่ของพี่เขยเป็นญี่ปุ่นตาสีน้ำตาลอ่อนธรรมดา แสดงว่า
    ในสายเลือดทั้งสองเคยมีบรรพบุรุษตาสีฟ้า มาก่อน ว่าง่ายๆต้องมีเชื้อ
    คอร์เคเซี่ยน ลูกอยู่ๆจึงโผล่ออกมาตาสี เฮเซล ข้าง แอมเบอร์เทา ข้าง
    แต่บางทีใต้แสงอีกคอนดิชั่นก็กลายเป็นเขียวขี้ม้า ถ้าไปตรวจดีเเอ็นเอ
    R1, R2 ต้องเจอ แน่ แสดงให้เห็นว่าทาญี่ปุ่นก็มี ชาวคอร์เคเซี่ยนเข้ามานานแล้ว

    เสียดายรูปอยู่ที่เมืองไทย หน้าเขาจะคล้ายๆคนตุรกีมากๆ แต่ดั้งจะต่ำกว่า
    แต่โครงหน้าแบบตุรกี มาแต่งกะไทย ลูกเขาตอนเด็กๆ ใครๆเห็นมีแต่ถาม
    พ่อเป็นฝรั่งหรือเปล่า ขนาดดิฉันเอารูปหลานโชวให้ฝรั่งดู ทุกคนจะ
    จินตนาการว่าสงสัยต้องตายี๋แบบ เด็กญี่ปุ่น เด็กเอเชียในโฆษณาทีวีที่ยุโรป
    จะหามาเอเชียมาดูขี้เหล่ มากๆ พอฝรั่งเห็นแล้วตกใจ กลับ สวยน่ารัก
    แก้มตุ๋ยตาโต เหมือนเด็ก อุซเบกีสถาน หลานเรียนอยู่ญี่ปุ่นเวลามีงานแสดง
    โรงเรียน ครูก็ให้เป็นนางเอกตลอดเพราะสวยที่สุดในห้อง ได้แสดงเป็น
    โดโรที เป็น อลิซในวันเดอแลนด์ ที่โรงละครแห่งชาติ




    ส่วนจีนนั้นไม่ต้องพูดถึง ติดต่อกับตะวันตกอยู่ตลอดเวลา ดูพวก uyrgur ซิ ก็อยู่มานานๆพอๆกะที่จีนสร้างประเทศ


    คุณเชื่อไหมว่าพวกเขาเป็นคนจีนใน ชาการ์
    แต่จีนชอบกดชนกลุ่มน้อย ที่หน้าตาไม่เหมือนตัวเองสาว ชาการ์ สวยกว่า
    หลิว อี้เฟย พันพัน ครั้ง เทียบกันไม่ได้แม้แต่ปลายเท้า....... แต่ จีนไม่เคย
    ให้นางงามจักรวาล ทั้งที่รู้ถ้าเอา อายเกอร์ส่งไป ต้องได้นางงามจักรวาลแน่
    เพราะสวยกว่าสาวจีนแต้จิ๋วเทียบกันไม่ได้ ฝรั่งยังว่าถ้า จีนน่าจะ โชว์
    ชนกลุ่มน้อย พวกนี้ใน มีเดีย แบบ อินเดีย อาจได้ตำแหน่งนางงาม
    บ่อยๆแบบอินเดียบ้าง แต่จีนปิดบัง และกดคนกลุ่มน้อยเสมอ เพราะจีนรู้ถ้า
    ส่งอายเกอร์ไปนางงาม หรือเอามาแสดงหนัง พาวเวอร์ โงวเฮ้งพวกนี้ต้อง
    ทำให้พวกเลื่อนชั้นเป็นแนวหน้าและอาจทำให้จีนแต้จิ๋วเสื่อมอำนาจลง



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    ดูซะว่าพวกนี้เข้าไปในจีนนานแค่ไหนแล้ว

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=9ihoz9WcbPw"]History of Uyghurs (Lemurians: c.10,500 BC - 2012 AD) - YouTube[/ame]


    พวกในวีดีโอนี้คือ ชาวจีนที่มีเชื้ออิหร่านผสม ซึ่งออกมา ก็จะกลายเป็น อายเกอร์
    หรือ ชาวเติร์ก ไม่สวยเนียบเท่า อิหร่าน แท้ แต่สวยกว่า จีนแต้จิ๋ว แน่นอน
    ในเมื่อ พวก เปอร์เซียเข้าไปในจีนหลานพันปี เป็นไปไม่ได้เช่นไรว่า
    จะไม่เอาศาสนา โซโรเอสเตอร์ เข้าไปด้วย ออกมา ก็ อิรอบเดียวกับ
    อินเดีย ที่ พุทธ ก็ มีส่วนผสมของพราหมณ์ พรหามณ์ ก็ มีส่วนผสมของ
    โซโรเอสเตอร์ ของอิหร่าน คนจีนไม่ใช่คนโง่ ทุกวันนี้ ก็รู้อยู่ในทีว่า
    ใครใหญ่ จีน ญี่ปุ่นแม้ปาก ปิดกั้น กลัวอำนาจตะวันตกแต่พวกคนตะวัน
    ออกฉลาดพอที่จะรู้ว่า ใคร มีอำนาจเหนือตนเอง ทางกายภาพ พวก
    เขาก็ยังคงแอบชื่นชมตะวันตกอยู่ในที และพยาม นำศาสตร์ของ
    ตะวันตกที่ว่าดีเข้ามาผสมผสาน ไม่งั้น เปอร์เซียคงเข้าไป
    ผสมกับคนจีนทางซินเกียงไม่ได้

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=X8w0xNReBcw"]Iranian People Of China (??????) - YouTube[/ame]



    คำถาม คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมว่าลัทธิเต๋า นั้น ถ้าคุณยืนยันจีนคิดเองค้นเอง
    มานานก่อนศาสนาพุทธะเข้าไป งั้นเป็นไปได้ไหมว่ามีการดัดแปลงผสมผสาน
    กับความเชื่อของ พราหมณ์ ในยุคหลัง



    ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2013
  16. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    ผมคิดว่าเขาเองก็มั่นอกมั่นใจในวัฒนธรรมของเขาอยู่แล้วนะ
    ยกตัวอย่างพุทธนิกายเซน เนี่ย ที่เข้าไปได้เพราะ มีแนวความคิดคล้ายกับเต๋า
    เต๋าสอนเรื่องความว่าง พุทธมีเรื่องของสุญญตา พระสูตรเกี่ยวกับสุญญตาในศาสนาพุทธนั้นไม่ได้หมายถึงความว่างนะครับ แต่เมื่อแปลเป็นภาษาอื่นมันก็ความว่างนั่นแหละ (เคยตอบคุณไปแล้วเรื่องการแปลภาษาเป็นทอดๆ) ดังนั้นเขาเห็นว่าแนวทางเหมือนกันจึงรับเข้าไป ถ้าไม่เหมือนเขาก็ปฏิเสธอยู่แล้ว

    ความเชื่อของจีนเขาค่อนข้างมั่นคงนะ คงไม่รับอะไรของพราหมณ์เข้าไปหรอก สังเกตุอย่างเช่นเรื่องดูดวง ทางไทยรับมาจากพราหมณ์ ยกตัวอย่างเช่นความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข พราหมณ์บอก เลข 9 เป็นเลขมงคล จีนบอกเลข 9 เป็นเลขของปีศาจ พราหมณ์บอกเลข 8 เป็นเลขอัปมงคล จีนบอกนี่คือเลขมงคล

    เอาเป็นว่าอยากรู้อะไร หาข้อมูลรอบด้านแล้วกลั่นกรองก่อนน่าจะดี ใช้กาลามสูตรก่อนค่อยเชื่อ

    ปล.ผมชอบหลิวอี้เฟยมากกว่านะ 555+
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ส่งน้องหลิวไป MU, MW เลยตกรอบทุกรอบเลย ผิดกับอินตระเดีย ไดนางงามมากที่สุดในโลก บางปี คว้าทั้ง MU, MW ซ้อนกัน ในปีเดียว

    ถามอีกอย่าง ทำไมจีนกดชาวหุ๋ย จัง น่าจะส่งน้อง โรโบตา ทอนตีนี่ ไป บ้าง หรือไม่ก็เอาไปแสดงใหนังก็คงจะดังยิ่งกว่าน้องหลิวหลายเท่า น่าจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hNz3Yexfjyc]Islam in China: Retracing the Way of the Hui People - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2013
  18. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ในพระไตรปิฎกก็มีกล่าวถึงครับแต่จำไม่ได้ว่าเล่มไหน ได้กล่าวไว้ว่ามีผู้อันจะกินท่านหนึ่งทำบุญมากจนทรัพย์สินที่มีอยู่หมดไป ทำให้พระภูมิเจ้าที่อดไปด้วย พระภูมิเจ้าที่ก็เลยบอกกับผู้อันจะกินท่านนี้ว่าให้หยุดทำบุญเสียไม่งั้นอดตายแน่ ผู้อันจะกินท่านนี้โกรธพระภูเจ้าที่มากก็เลยไล่ออกไปจากที่ของตน
     
  19. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    พุทธศาสนาแบบมหายานในอินเดียมีสองนิกายคือ นิกายมาธยมิกะและนิกายโยคาจาร แต่เมื่อจีนรับเอาพุทธศาสนาแบบมหายานเข้าไปจากอินเดียทั้งสองนิกายนี้คนจีนไม่ค่อยจะสนใจนักเนื่องจากหลักการส่วนใหญ่เป็นปรัชญาลึกซึ้ง จึงได้เกิดนิกายใหม่ขึ้นมาอีกสองนิกาย(ใหญ่)คือนิกายสุขาวดี นิกายนี้ชาวบ้านธรรมดาที่วันๆต้องยุ่งอยู่กับการทำมาหากินหรือคนที่ไม่มีการศึกษาและไม่ชอบขบคิดเรื่องที่ลึกซึ่งชอบ และนิกายเซนแบ่งเป็นสองแนวคือ เอาแนวความคิดมาจากอินเดียแบบหนึ่ง เอาแนวความคิดจากปรัชญาเต๋าของเล่าจื๊อแบบหนึ่ง ส่วนกวนอิมนั้นได้กำเนิดขึ้นจากนิกายสุขาวดี
     
  20. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    เป็นเรื่องของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี ครับ เนื้อเรื่องประมาณนี้

    ขณะนั้นเทวดาตนหนึ่งผู้เป็นมิจฉาทิฎฐิ ซึ่งสิงสถิตอยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี ไม่เลื่อมใสพุทธศาสนา เบื่อระอาที่พระภิกษุสงฆ์เดินรอดซุ้มประตูเข้าออก
    ทุกวัน เพราะในขณะที่ภิกษุสงฆ์เดินรอดซุ้มประตูนั้นตนไม่สามารถจะอยู่บนซุ้มประตูได้ เมื่อ
    เห็นเศรษฐีกลับกลายมีฐานะยากจนลงเพราะทำบุญแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงปรากฎ
    กายต่อหน้าท่านเศรษฐีกล่าวห้ามปรามให้เศรษฐีเลิกทำบุญเสียเถิด แล้วทรัพย์สินเงินทองก็จะ
    เพิ่มพูนขึ้นเหมือนเดิม

    ท่านเศรษฐีจึงถามว่า
    “ท่านเป็นใคร ?”

    “ข้าพเจ้าเป็นเทวดาผู้สิงสถิตอยู่ที่ซุ้มประตูเรือนของท่าน”

    “ดูก่อนเทวดาอันธพาล เราไม่ต้องการเห็น ไม่ต้องการฟังคำพูดของท่าน ขอท่านจง
    ออกไปจากซุ่มประตูเรือนของเรา อย่ามาให้ข้าพเจ้าเห็นอีกเป็นอันขาด”

    เทวดาตกใจ ไม่สามารถจะอยู่ที่ซุ่มประตูเรือนของเศรษฐีได้อีกต่อไป กลายเป็นเทวดา
    ไร้ที่สิงสถิต ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เข้าไปหาเทวดาผู้มีศักดิ์สูงกว่าตนให้ช่วยเหลือ
    แต่ไม่มีเทวดาองค์ใดจะสามารถช่วยได้ เพียงแต่บอกอุบายให้ว่า

    “ทรัพย์เก่าของเศรษฐีจำนวน ๘๐ โกฏิ ซึ่งใส่ภาชนะฝังไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำถูกน้ำเซาะตลิ่ง
    พังจมหายไปในสายน้ำ ท่านจงไปนำทรัพย์เหล่านั้นกลับคืนมามอบให้ท่านเศรษฐี
    แล้วท่านเศรษฐีก็จะหายโกรธยกโทษให้ และอนุญาตให้อยู่อาศัยที่ซุ้มประตูบ้านดังเดิมได้”

    เทวดาทำตามนั้น ได้นำทรัพย์เหล่านั้นมามอบให้เศรษฐีด้วยอำนาจฤทธิ์เทวดา
    เมื่อเศรษฐียกโทษให้แล้วได้อยู่ ณ สถานที่เดิมของตนสืบไป

    อนาถปิณฑิกเศรษฐี
    เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก
     

แชร์หน้านี้

Loading...