ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479

    ไม่ต้องตีความเลยครับ ตรงๆเลย ส่วนโบราณหรือเพิ่งแต่งไม่รู้
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระรักเกียรติ เตือนนักการเมืองโกง กรรมสนอง !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dwceKpoLioU]พระรักเกียรติ เตือนนักการเมืองโกง กรรมสนอง - YouTube[/ame]
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mpZNDZUfjjI]พระรักเกียรติ(24 มิย 54) - YouTube[/ame]
    อัปโหลดเมื่อ 8 ก.ค. 2011
    งานเสวนา โดย กลุ่มกุหลาบเหลือง
    หอประชุมเล็ก ธรรมศาสตร์​
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธทำนายจากพระโอษฐ์ภาษาอีสาน...
    (จากหนังสือผูกโบราณ ที่ปู่ย่าตายายสอนลูกสอนหลานคนอีสาน มาตั้งแต่เด็ก ๆ)

    [​IMG]

    จังสิฮูงเหลื่อมเสมอแก้วหน่วยพิฑูรย์ ไผผู้มาเพียรสู้ตามพระธรรมเฮาชี้ช่องมานั้น สิบ่ขำเขือกฮ้อนคาถานั้นให้ฮ่ำเฮียน หรือสิเขียนใส่ผ้าพันหัวกันเสนียด หรือเอาไปกราบไหว้แลงเซ้าก่อนเข้านอนอานนท์เอ่ย อานนท์เป็นศิษย์แก้วเพียรเฮาบ่ได้ห่าง เฮาสงสารมากล้นภายหน้าศาสนา ฝูงหมู่อุบาสกอุบาสิกาคณาญาติ ให้พร่ำเพียรต่อสู้อย่าคร้านเศิกยาม เฮาแนะซ่องให้ยากง่ายตามความจริง อันความชั่วให้ละทิ้งเพียรไว้ตั้งแต่ดี ทางไกลก็สิเป็นทาง

    …บัดนี้จักกล่าวภาคพื้นติดต่อตามประวัติ ตามแต่เฮามองเห็น หากสิจาไปหน้า อันว่าแนวนามเชื้อผิวเหลืองชนะเลิศ พวกพระสังฆเจ้าประจำไว้สู่เมือง จำพวกผิวขาวเผี้ยงสิพากันแพ้พ่าย พญาครุฑราชเจ้าสิบินเข้าสู่สถาน อันนรานอรินเดินจรก็สิได้กลับต่าว สิได้ไหลหลั่งเข้ากรุงกว้างดั่งเดิม

    ยูท่างบำเพ็ญสร้างศีลทานบ่ได้ขาด ศาสนาของเฮาใกล้ คนเฮาไปบ่ได้หย่อน ควรหมั่นสีของหม่นเศร้าให้ใสแจ้งอยู่เฮิ่ง

    ไผผู้บ่เกียจคร้านเพียรหมั่นภาวนา ก็จักมีอายุยืนอยู่เสถียรหายฮ้อน องค์พระยาธรรมเจ้า(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์)สิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญ หัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาด (กรุงเทพฯ)เป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้าง(อีสาน)เฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำ

    ครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้า(๒๕๕๐)เที่ยงจริง ลูกแก่นต้นสิตามพ่อโดยเสด็จ กับทั้งหลานสององค์สิเหล่าเทียมมาพร้อม ตามแต่มาศะเกณฑ์ตั้งในระหว่างปีเถาะ(๒๕๕๔) ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมาล้นมาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลายให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น บ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรง(๒๕๕๕)จังสิได้โค้งอ่วย

    ครั้นผู้ใดอยากพบหน้าพระธรรมเจ้า(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์)ให้หมั่นเพียร เต็มใจสู้ทำศีลทานเททอด ให้พากันอุปฐากพ่อแม่เจ้าสองเฒ่าให้อยู่เย็น ลุเถิงเข้าเขตปีมะเสง(๒๕๕๖) แม่น้ำมหาสมุทรไหลเซาะออกมาพังม้าง ฝูงหมู่สังโฆเจ้ามัวหมองปองหาลาภ ธุดงคะคุณมีแต่ละน้อยเพียรสู้ก็บ่หลาย

    พอมาเถิงห้องปีมะเมีย(๒๕๕๗)แถมถ่าย คนจักละถิ่นบ้านเดินดั้นเทียวขอ ฝูงลูกเต้าสิพรากแม่มารดา กับทั้งบิดาพลัดพรากกันคนก้ำในระหว่างคราวนั้น มันจักเกิดเป็นหนามเสี้ยนคันคายอยู่ในบ่อน เพราะว่าผีป่าในบ้านอืดเสียงผีเมืองดั้นหนีภัยเข้าป่า เมืองกรุงศรีอยุธยาก็จักเกิดเดือดร้อนการเขี้ยวขุ่นมัว อันว่านารีสร้อยฝูงผู้หญิงสิลำบาก จักเกิดเข็ญยากยุ่งเสมอด้ามดั่งกัน วันคืนมื้อกังวนไหวหวั่น

    อานนท์เอ๋ยหากสิเนเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก(๒๕๕๙) คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิง ให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อน ลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้ว

    จำจากนี้สิเข้าเขตปีจอ(๒๕๖๑) พระยาอินทร์เผิ่นสิแปลงสารทิพย์หว่านโปรยลงพื้น สาส์นนั้นอินตาใช้ตัวทองเขียนขีด เพราะว่าบอกล่วงหน้าพระธรรมเจ้าสิล่วงลง บ่นานแท้ปีเดียวเสด็จด่วน ลงมาเที่ยวตรวจค้นตามบ้านหมู่คน ถ้าบ่ได้พบพ้อคำแห่งพระคาถา อันพระสงฆ์ทำนายคำสอนสั่งมาจริงแจ้ง กับทั้งเป็นคนฮ้ายประมาทธรรมหีนะโหด บอกว่าโทษผู้นั้นเห็นแท้สิเกิดกรรม เลยสิบรรดาลให้ตายโหงลงเลือด เพราะว่าเขาบ่ฮู้จำข้อแห่งพระธรรม ในคราวนั้นคนสิเกิดเหลือหลาย ทั้งหญิงชายบ่คัณนาได้ ฝูงหมู่อาหารเข้าบ่พอกินสิเขินขาด ความอดอยากก็จะบังเกิดขึ้นทั้งเฝ้าฮบเฮ็วแท้แล้ว

    ครั้นผู้ใดได้ฟังแล้วให้เว้าต่อกันฟังแด่เดอ ก็จักมีอานิสงส์อายุยืนยาวมั่น กับทั้งหวังเห็นหน้าพระยาธรรมิกราช(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์) เผินสิขึ้นผ่านแผ้วครองคุ้มให้อยู่เย็น ครั้นไผบ่บอกเล่าจาต่อกันไปมัวแต่ปิดบังเสียสิเกิดโภยภายซ้อย ทั้งบ่หวังเห็นห้องความเจริญดั่งเฮาบอก พระยาธรรมิกราชเจ้าเลยจ้อยแม่นบ่เห็น

    ...ข้อหนึ่งนั้นยังมีสามพี่น้องประสงค์แข่งแดงฤทธิ์ กำหนดกาลเวลาแข่งดีให้เห็นแจ้ง เจ้าผู้พี่ขานไขตามใจเฮารบสิบห้าวันจิงเซายั้ง องค์กลางนั้นเจ็ดวันหักเที่ยง พระองค์น้อยผู้หลังว่าสามมื้อบ่ให้กลายไผสิดีก็ดีหั้น ไผสิตายก็ตามช่าง บ่ให้๙กว่านั้นสิฮามมื้อเศิกคราว แต่นั้นมีมหาเถรเฒ่ากายงามเฮืองฮุ่ง ท่านนั้นเสด็จออกมาจากสามทวีปซ้ำมากั้นบ่ให้เฮ็ว ท่านนั้นโฉมสีเหลื่อมปุนเปรียบพระอาทิตย์ ฮองๆ ใสดั่งมณีโชติแก้ว ยังจักมาแถมซ้ำหกสิบองค์โดยด่วน เผิ่นประสงค์สิมาบอกห้ามภัยฮ้ายแห่งพระยา

    …เวลาเข้าเถิงปีกุล(๒๕๖๒)จำจือเอาเนอเดือนสิบเอ็ดข้างขึ้นจำไว้อย่าสิลืม ให้พวกท่านทั้งหลายพร้อมหญิงชายชาวโลกเฮาเฮ๋ย ฮีบหากันก่อสร้างกุศลไว้ฮับพระองค์ (พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์) ครั้นผู้ใดโมโหฮ้ายโลภาโลภมาก ศีลบ่เข้าพระธรรมเจ้าบ่เหลียว มีแต่เมาทางได้บ่ตรึกตรองทางชอบ เห็นแต่ทางหม่อตื้นตัวได้แม่นเอา อันว่าในหนห้วงศีลธรรมพระเจ้าเทศน์มานี้ เขาบ่ตั้งต่อสร้างให้เห็นแจ้งแก่ใจ คนผู้นั้นสิบ่ได้พบพ้อองค์เอกพระยาธรรม สิเกิดมีโภยภัยเบียดเบียนให้ตายเมี้ยน เพราะว่ายุคกุลีขึ้นนำภัยนับบ่ข่วย เมตตานับมื้อน้อยโมโหหุ้มห่อใจ

    ตามกระบิลเบื้ององค์พุทโธเผิ่นกล่าวมานั้น เผิ่นว่า พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปีมาแถมถ่ายมานั้น อุบาทฮ้ายโฮมฮ้อนสิเกิดเป็น มีแต่กุมกันวุ้นถกเถียงหาเหตุ เหลียวเห็นกันมีแต่คิดอยากฆ่าก็ทำได้ดั่งใจ บ่ว่าแต่ไกลและใกล้จีนจามแขกฝรั่ง เกิดรบเร็วอยู่บ่มั้วยั้งเขี้ยวเขาใส่กัน จนว่าโลหิตห้งเสมอธารแม่น้ำใหญ่ เลือดสิท่วมเล็บช้างหนูน้อยได้ล่องลอยพุ้นแล้ว เผิ่นจึ่งซ้ำแล้วซ้ำให้เฮาหน่ำทำบุญ ให้พากันบำเพ็ญจิตใจให้อ่อนโอนหายกระด้าง ลางเทือพอไขได้กันคะดีให้เบาห่าง หรือเพื่อตัดขาดเว้นให้หายเสี้ยงหมู่เวร องค์ก็จึ่งตรัสเผือไว้เสมือนตืมเต็มปัญญา เถิงคราวหน้าปัญญาเฮานับมื้ออ่อน อวิชาตัณหานับมื้อแก่กล้า ธรรมสิเศร้าหม่นหมอง ความจริงธรรมหากรักษาไว้โลกาจิงบ่แตก โลกของเฮานี้หากจักยังอยู่ได้พระธรรมเจ้าจ่องดึง

    …อันคราวไปหน้า ความโมหังนับมื้อแผ่ ความมืดใจนั้นนับมื้อห่อหุ้มขังไว้บ่ให้เห็น พอปานเอาฟืนมาอ่อยไว้ทางเย็นนั้นแม่นบ่มี ความดีเผิ่นว่าได้ขันตีธรรมให้เพียรฮำเอาท่อญ หากสิเห็นทางดับมอดเชื้อไฟได้บ่หล่ายความ องค์นั้นมาเป็นกำแพงแก้วกันไฟกองใหญ่เอาความอีดู เมตตากรุณานั้นเป็นน้ำบ่แก้วเทเข้ามอดไฟโลกของเฮา จังสิเย็นอยู่ได้หายกังวลแสนแสบ หัวทีนั้นหัดให้ฮักใกล้ๆ คือพ่อแม่เป็นประถม หักให้สงสารกันตลอดทั้งลุงป้า หัดให้ดีไปเรื่อยๆ ญาติกาชั้นใกล้ก่อน ต่อจากหั้นขอให้รักเพื่อนบ้านบ่มีขั้นต่อไป จนตลอดสัตว์สองเท้าทุบบาทพระหุบท ทั้งอยู่ในดินแดนหมู่ปลาในน้ำ ครั้นว่าเฮาฮักกันแล้ว ความชังก็เลยผ่าย

    ครั้นความชังหนีจากแล้วความอยากฆ่าแม่นบ่มี ความอยากหักง้าวปืนกระสุนก็อิ๊ดอ่อน มีแต่ฮักฮ่วมห้องเสมอน้องพี่กัน ยู่ถ่างทำการสร้างหากินโดยทางชอบ ประกอบอาชีพล้นชาวเผี้ยงโทษบ่ดี อินทรีพรหมฟ้าเทวดาก็ยินม่วนนำแล้ว เหตุว่าอานิสงส์เมตตานั้น เป็นเสน่หาจ่องน้าวจิตใจนั้นให้ชื่นชม ก็จิงบรรดาลให้ชลธาไหลหลั่ง ข้าวในนาและหมากไม้หวานส้มก็มากมูล ครั้นแม่นมันแข็งกล้าหมดโลกาบ่มีอ่อน ดั่งนั้นก็จักเกิดเดือดร้อนคุงฟ้าดั่งกัน อินตาเจ้าจึ่งหลิงโลกโลกา เผิ่นก็ยินระอาเมืองมนุษย์บาปหนาเหลือล้น อันว่าธรณีเจ้าพระสุธาก็อกแตก เกิดระแหงแผ่ม้างดังขึ้นทั่วไป ฝูงหมู่คนกลัวย้านขวัญหายอกสั่น ย้านแต่ภัยห่อหุ้มสิตายเมี้ยนบ่นาน มันหากบรรดาลขึ้นเพราะเข็ญกรรมที่สัตว์ก่อ พร้อมทั้งฝนขาดฟ้าน้ำขาดห้วยอึดล้นยิ่งทวี ตามทีเผิ่นกล่าวไว้ในปีจอ(๒๕๖๑)คนสิเข้ามามาก แต่ว่ามันสิลดน้อยเพราะฝนฟ้าบ่ซุ่มเลิ่งแท้แล้ว แต่ว่าราคาข้าวเกวียนเดียวหกร้อยชั่งพุ้นแล้ว นับเงินใส่เม็ดข้าวเสมอเท่าพอกันนั่นแล้ว แต่นั้นอานนท์ต้านขานตอบองค์พุทโธ ครั้นแม่นเป็นจั่งซั้นไผหนอสิค้างโลกพระองค์เอ๋ย แต่นั้นพระองค์แย้มไขวาจาแล้วตรัสบอก

    อานนท์เอ๋ยโชคไผมีจิงสิได้พ้นคือความดั่งกล่าวมานั้น อันนี้เผิ่นกล่าวไว้ตามแห่งสรญาณ ตามความมีแต่ประถมประเหียนได้ ครั้นบ่เป็นจริงแท้สาธุการเป็นจังโชค ขอให้มนุสสาโลกกว้างเจริญขึ้นอย่าเสื่อมถอย อันนี้องค์พุทโธเจ้าหลิงโลกาสอดส่อง เผิ่นก็รู้เหตุฮ้อนดีแล้วจิงเผย เผิ่นเทศนาเอาไว้อาจารย์เฮาจำจื่อจึงดาย เผิ่นได้จารึกไว้เสาหินหน้าวัดใหญ่ เผิ่นบอกให้ฮอดห้องคราวนี้ให้ฮินตรองนั่นท่อญ ไผผู้ได้ฟังแล้วให้พยายามเพียรเอาแน่อีเฮียมเอ๋ย.

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญ แหล่งที่มาของข้อมูล : คุณ เอกอิสโร วรุณศรี
    “คัดลอกจากหนังสือพุทธทำนายจากพระโอษฐ์ และพระปฐมสมโพธิ์ ภาคอีสานฉบับสมบูรณ์” พิมพ์ที่โรงพิมพ์ ลูก ส.ธรรมภักดี พ.ศ. ๒๕๒๙)

    ที่มา www.oknation.net/blog/print.php?id=751614
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Wat_PhraKaew43.jpg
      Wat_PhraKaew43.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.8 KB
      เปิดดู:
      2,967
    • 40_11_2_1.jpg
      40_11_2_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95 KB
      เปิดดู:
      114
    • thaibook.jpg
      thaibook.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.2 KB
      เปิดดู:
      57
  4. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ได้ดูข่าวเมื่อวาน จ.เลย มีสัมปทานเหมืองทองด้วย
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พบ 31 จังหวัด 76 แห่ง แหล่งทองคำ !!!

    [​IMG]

    "ไทยมี" แล้วดีเมื่อไหร่? ปรากฏเป็นข่าวฮือฮามานาน มาหลายครั้งแล้ว สำหรับเรื่องที่ในประเทศไทยมี "แหล่งแร่ทองคำ" ซึ่งบางแหล่งนั้นก็มีผู้คนไปขุดไปหากันด้วย และเมื่อหลายวันก่อนเรื่องของแหล่งแร่ทองคำก็ถูกจุดพลุขึ้นอีกครั้งจากการเปิดเผยข้อมูลการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    ครั้งนี้มีการระบุว่า... ในประเทศไทยมีแหล่งแร่ทองคำ 76 แห่ง ในพื้นที่ 31 จังหวัด มีแร่ทองคำรวมประมาณ 700 ตัน หากสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์แล้วจะมีมูลค่าประมาณ 9 แสน-1 ล้านล้านบาท !!

    นอกจากนี้ ยังพบการสะสมตัวของแร่ทองคำแบบทุติยภูมิในอีกหลายพื้นที่ โดยพบมากในแถบตอนบนของภาคกลาง ตามแนวเทือกเขาหินแกรนิตทางตะวันออกและด้านตะวันตกของที่ราบสูงโคราช

    ทั้งนี้ มีการระบุว่ามีแหล่งแร่ทองคำ 4-5 แห่ง ที่เชื่อว่ามีศักยภาพ-คุ้มค่าในการพัฒนาเป็นเหมืองแร่ทองคำ โดยแร่ทองคำในเนื้อหินมีความสมบูรณ์ประมาณ 1-2 กรัมต่อตัน ซึ่งได้แก่พื้นที่... ห้วยคำอ่อน รอยต่อ จ.ลำปาง-จ.แพร่, ดอยตุง เชิงเขาทางฝั่ง อ.แม่จัน จ.เชียงราย, เขาช่องกาย อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี, รอยต่อ อ.เมือง จ.ตาก-ด่านลานหอย จ.สุโขทัย และบ้านบ่อทอง จ.ชลบุรี เป็นต้น ส่วนแหล่งแร่ทองคำที่อื่นที่อาจจะยังไม่มีศักยภาพพอที่จะทำเป็นเหมืองแร่ทองคำได้ ก็เช่นพื้นที่... อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเขาพนมพา ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้คนเข้าไปร่อนหาทองคำกัน

    ในไทยมีแหล่งทองจริง ๆ และเรื่องนี้ฮือฮาเป็นระยะๆ แต่มีแล้วยังไง-ดีอย่างไร-เมื่อไหร่จะมีเหมืองทอง ???

    "การลงทุนในอุตสาหกรรมสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำในไทยนั้น เป็นไปได้ แต่ เป็นอุตสาหกรรมที่ลงทุนสูง ต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ รวมไปถึงมีกระบวนการที่ค่อนข้างมากและซับซ้อน ที่สำคัญต้องมีการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะประเด็นหลังเป็นเรื่องสำคัญมาก" ...นี่เป็นการระบุของ พิทักษ์ รัตนาจารุรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี

    และผู้บริหารหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรายนี้ ยังระบุด้วยว่า... แหล่งที่พบสายแร่ทองคำนั้น บางแหล่งอาจ "มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน" และที่สำคัญ-ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ "ปัญหาสิ่งแวดล้อม" ที่จะตามมา จากการพัฒนาทำเหมืองแร่ทองคำ หรือจากการเข้าไปหาทองคำของชาวบ้าน อาทิ ผลจากการระเบิดดินและหิน ฝุ่นจากบ่อที่มีการขุดทองคำ หรืออันตราย-อุบัติเหตุ เช่น ดินถล่มทับเสียชีวิต อันตรายจากสารเคมีสกัดทอง

    ด้าน จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ สะท้อนถึงเรื่องเดียวกันนี้กับ "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ว่า... ข่าวการพบแหล่งทองคำในไทยสร้างความสนใจให้คนทั่วไปมาก ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา คนก็เบนเข็มมาสนใจเรื่องทองคำกัน ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ดูจากสถิติพบว่าตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา คนทั่วไปหันมาสนใจลงทุนเกี่ยวกับทองคำมากขึ้น และ 95% มีกำไร ดังนั้นเมื่อมีข่าวพบแหล่งทอง คนจึงสนใจมาก

    "ที่ผ่านมาไทยนำเข้าทองคำแท่ง 100% โดยประเทศต้นทางคือ สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, แอฟริกาใต้ โดยปี 2552 นี้ถึงเดือน ก.ย. มีการนำเข้าทองคำแท่งแล้ว 83 ตัน" ...จิตติระบุ พร้อมทั้งบอกอีกว่า.....

    ถ้าจะพูดถึงปริมาณทองคำ 700 ตัน ตามที่มีการระบุว่าสำรวจพบในไทย ก็ต้องถือว่าเยอะมากทีเดียว เพราะทุกวันนี้ทั่วโลก มีทองคำที่ผลิตออกมารวมกันประมาณ 3,000 ตันต่อปี โดยที่แอฟริกาใต้เป็นแหล่งทองคำมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังไม่มีอุตสาหกรรมสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำอย่างเป็นจริงเป็นจัง จึงไม่ทราบว่าการสำรวจของกรมทรัพยา กรธรณีเป็นอย่างไร นอกจากนี้ การพัฒนาแหล่งแร่ทองคำเป็นอุตสาหกรรมนั้นต้องลงทุนสูงมาก ลำพังเป็นพ่อค้าทั่ว ๆ ไปคงไม่มีใครกล้าลงทุน

    "เท่าที่ผมทราบ มีบริษัทต่างประเทศมาลงทุนสำรวจและพัฒนาเหมืองแร่ทองคำในไทยกว่า 10 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะได้ทองคำไป 30 กว่าตันเท่านั้นเอง ทองคำของอัคราไมน์นิ่ง ซึ่งสำรวจและขุดที่เขาพนมพา จ.พิจิตร นั้น ถูกส่งไปถลุงเป็นทองคำบริสุทธิ์ที่ต่างประเทศ แล้วขายในตลาดโลกในรูปแบบของทองคำแท่ง ซึ่งส่วนตัวแล้วก็ยังไม่เคยเห็นแร่ทองคำที่ขุดได้ในไทย และไม่ทราบว่ามีศักย ภาพพอที่จะทำในเชิงพาณิชย์หรือไม่"

    นอกจากอุตสาหกรรมนี้จะต้องลงทุนสูงแล้ว ยังมิใช่ว่าจะทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น และที่สำคัญยังต้องขึ้นกับราคาทองคำด้วยว่าสูงหรือไม่ ถ้าราคาไม่สูง อุตสาหกรรมเหมืองทองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งเคยมีบทเรียนเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ที่เหมืองทองในยุโรปประมาณ 10 แห่ง ต้องถูกบริษัทอเมริกันเทคโอเวอร์ เหตุเพราะราคาทองคำตกต่ำ” ...นายกสมาคมผู้ค้าทองคำยังระบุทิ้งท้าย

    ทั้งนี้ ล่าสุดมีข่าวว่าจะมีการเปิดให้ประชาชนร่อนแร่หาทองคำในบางพื้นที่ที่พบสายแร่ทองคำ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะอย่างไร แต่กับเรื่องนี้กับการส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศไทยในภาพรวม คงต้องมีเหมืองเป็นเรื่องเป็นราว

    "ไทยมีแหล่งแร่ทองคำ" ฮือฮากันอีกครั้งในยุคทองแพง แต่ถึงขั้น "ทองคำไทยตีตลาดโลก" น่าจะอีกยาว ???

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

    ที่มา เดลินิวส์ - อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013
  6. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963
    พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก(๒๕๕๙) คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิง ให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อน ลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้ว

    วันฟ้าดับนี้ ยังมีอยู่อยู่ปี 2560 อีกหรือท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2013
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    56 วัน 7 ราตรี !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UqC4QsSWKwg]56วัน7ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล 1/5 - YouTube[/ame]
    มีจริงแท้แน่นอนครับ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยอดเหยื่อพายุเพิ่มขณะลมแรง-ฝนตกหนักในยุโรปเหนือ

    [​IMG]

    ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม 29 ต.ค.-พายุกำลังแรงระดับเฮอริเคนพัดกระหน่ำทางภาคเหนือของยุโรปในวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 12 คน ไฟฟ้าดับ ต้องยกเลิกบริการรถไฟและเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว

    สื่อรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนในเยอรมนี ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คนในอังกฤษรวมทั้งที่เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และฝรั่งเศส เนื่องจากพายุกำลังแรงทำให้ต้นไม้โค่น หลังคาบ้านปลิว และรถบรรทุกพลิกคว่ำหลายคัน ก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วพื้นที่ โดยมีลมกระโชกแรงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สร้างความเสียหายไปตามทางผ่านของพายุบริเวณพื้นที่ภาคใต้ของอังกฤษก่อนเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกสู่ภาคพื้นยุโรป

    สนามบินฮีธโทรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ระบุยกเลิกเที่ยวบิน 130 เที่ยว โดยมีกำลังลมกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระหน่ำทั่วพื้นที่ต่ำในเนเธอร์แลนด์ มีผู้เสียชีวิต 7 คน พายุกำลังแรงลูกนี้มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า คริสเตียน ส่วนสื่ออังกฤษรายงานว่าชื่อเซนต์จูด คาดกันว่าจะเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ แต่ความเสียหายอาจไม่รุนแรงมากอย่างที่คาดไว้ และยังไม่ร้ายแรงเท่ากับพายุเกรทสตอร์มเมื่อเดือนตุลาคมปี 2530.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 29 ต.ค. 2556 10:10 |

    ลมแรง ฝนตกหนักในสหราชอาณาจักร คาดกระทบการจราจรเช้านี้

    [​IMG]

    ลอนดอน 28 ต.ค. - เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักทั่วสหราชอาณาจักรตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เพราะพายุที่คาดว่ารุนแรงที่สุดลูกหนึ่ง เจ้าหน้าที่เตือนว่าการสัญจรในช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น อาจเกิดปัญหาในวงกว้าง

    ตำรวจเมืองซัสเสกซ์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอังกฤษ เตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากชายฝั่งจนกว่าพายุเซนต์จูดจะอ่อนกำลังลง และมีรายงานว่าเด็กชายวัย 14 ปีคนหนึ่งจมน้ำเสียชีวิตขณะโต้คลื่นบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ เจ้าหน้าที่คาดว่าพายุจะทวีกำลังแรงขึ้นในช่วงกลางดึกวันอาทิตย์จนถึงเช้าวันจันทร์ ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน สั่งการหน่วยงานรัฐเตรียมพร้อมแผนสำรองด้านการคมนาคม ไฟฟ้า และโรงเรียนในช่วงที่พายุกระหน่ำ เพราะคาดว่าอาจมีลมกระโชกแรงถึง 128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าลมที่เกิดจากเฮอริเคน

    ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนได้ยกเลิกเที่ยวบินอย่างน้อย 60 เที่ยวก่อนพายุทวีกำลังแรงเต็มที่ ขณะที่สถานีรถไฟหลายแห่งได้ยกเลิกการเดินรถหลายสายไปจนถึงเช้าวันจันทร์ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและต้นไม้ล้มเพราะลมแรง ส่วนรถไฟยูโรสตาร์แจ้งว่า งดให้บริการข้ามช่องแคบไปจนถึง 07.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของเส้นทางเดินรถ

    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาคาดว่า พายุจะพัดผ่านทั่วสหราชอาณาจักรแล้วมุ่งหน้าไปยังทะเลเหนือภายในบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นจะกระหน่ำบางส่วนของประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ซึ่งประกอบด้วยเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดนในวันเดียวกัน หลายประเทศในกลุ่มนี้ได้ประกาศเตือนให้ระวังความเสียหายที่จะเกิดจากลมกระโชกแรงแล้ว.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 28 ต.ค. 2556 10:40 |

    เรือหน่วยยามฝั่งจีนกดดันญี่ปุ่นกรณีหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาท

    [​IMG]

    โตเกียว 28 ต.ค.- จีนยังคงกดดันญี่ปุ่นกรณีข้อพิพาทการอ้างสิทธิครอบครองหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นเรียกว่า เซนกากุ โดยการส่งหน่วยยามฝั่งไปยังน่านน้ำของหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาท หลังจากรัฐบาลจีนกล่าวถึงสงครามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นมีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมยิงอากาศยานไร้คนขับของจีน

    หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นรายงานว่า เรือหน่วยยามฝั่งจีน 4 ลำได้แล่นเข้าสู่น่านน้ำของหมู่เกาะดังกล่าว ที่จีนเรียกว่า เตียวหยู เมื่อเช้าวันนี้ และลอยลำอยู่ที่นั่นเป็นเวลาราว 2 ชั่วโมง เพียงไม่กี่วันหลังจากกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า หากญี่ปุ่นยิงอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนของจีนจะถือว่าญี่ปุ่นก่อสงคราม และจีนจะดำเนินมาตรการต่อต้านอย่างรุนแรงและผลกระทบที่ตามมาทั้งหมดจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายที่ยั่วยุ

    คำกล่าวของกระทรวงกลาโหมจีน มีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ขอแรงหนุนจากประเทศในเอเชียเพื่อตอบโต้สิ่งที่เขาชี้ว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลจีนในการเปลี่ยนสถานภาพปัจจุบันโดยใช้กำลัง และหลังจากมีรายงานว่านายอาเบะ ได้อนุมัติแผนยิงอากาศยานของจีนที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของญี่ปุ่น หากอากาศยานเหล่านั้นไม่สนใจคำเตือนของญี่ปุ่น

    ด้านนายโยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าววันนี้ว่า เป็นที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่การรุกล้ำน่านน้ำของญี่ปุ่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนบรรดาผู้สังเกตการณ์ระบุว่า การที่เรือจีนจำนวนมากแล่นเข้าสู่บริเวณน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเกิดการปะทะกัน.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 28 ต.ค. 2556 15:19 |

    ที่มา http://www.mcot.net/news/world
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    Deep Impact วันสิ้นโลก ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย !!!

    [​IMG]

    ในปี 1998 มีหนังว่าด้วยดาวหางพุ่งมาชนโลกถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ Deep Impact ที่ชูประเด็นดราม่าและเดินเรื่องอิงความสมจริง ส่วนเรื่องที่ 2 คือ Armageddon ที่แอ็กชันมันส์สะใจโม้สะบัดกันไป

    Deep Impact นี่ผมก็เอามาเปิดดูซ้ำหลายรอบ ไม่ใช่เพราะชอบนะครับ แต่รู้สึกว่าหนังมันก็ดูเพลินในระดับหนึ่ง จุดที่นับว่าดีในหนังเรื่องนี้คือดาราครับ ที่แคสมาได้ค่อนข้างเหมาะกับบท อย่าง Morgan Freeman ก็ดูภูมิฐานสมเป็นประธานาธิบดี, Robert Duvall ก็เหมาะอีกเช่นกันกับบทนักบินวัยดึกที่พยายามตามวิถีของนักบินสมัยใหม่ให้ทัน หรือ Vanessa Redgrave และ Maximilian Schell ก็ดูไม่เลวสำหรับบทอดีตสามีภรรยาที่แยกทางกันไปนานมาก

    นอกจากนี้ดาราเจ้าอื่นๆ อย่าง Téa Leoni, Elijah Wood และ Leelee Sobieski ก็ถือว่าเนียนไปกับบทได้ดีเหมือนกัน ถ้าคุณเป็นคอหนังแอ็กชันก็อาจไม่สมใจกับหนังนักนะครับ เพราะหนังมันจะออกแนวชีวิต เน้นนำเสนอที่การตัดสินใจของแต่ละคนว่าจะเอาชีวิตรอดอย่างไร และเน้นไปที่สัมพันธภาพของแต่ละตัวละครที่มีต่อกัน โดยมีเรื่องดาวหางชนโลกเป็นฉากหลัง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจครับที่ผู้กำกับจะนำเสนอเรื่องแนวดราม่า เพราะ Mimi Leder นั้นแจ้งเกิดได้จากการกำกับซีรี่ส์ ER ครับ ดังนั้นมุมมองเชิงดราม่าจึงเป็นอะไรที่เธอคุ้นเคย

    สิ่งที่ผมรู้สึกทั้งตอนดูรอบแรกและตอนดูรอบล่าสุดก็คือ หนังมีองค์ประกอบดีๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะดารา เนื้อหา ดนตรีโดย James Horner และผู้กำกับหญิงเก่งอย่าง Leder แต่กระนั้นหลายอย่างในหนังยังไม่ค่อยสุด ว่าง่ายๆ คือยังดีได้อีก ไม่ว่าจะการจับประเด็นของแต่ละตัวละครมาเล่นแบบให้ถึงแก่น, การแสดงภาพปฏิกิริยาของชาวโลก ในช่วงที่คนกำลังตื่นตระหนกว่าโลกจะอวสานลงหรือไม่ หรือความตื่นเต้นชวนลุ้นในปฏิบัติการหยุดดาวหางที่สามารถใส่ความตื่นเต้นลงไปได้อีก อะไรเหล่านี้หากเพิ่ม หนังก็น่าจะมีอะไรเข้มข้นเพิ่มขึ้นอีกเยอะ

    แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่สนุกนะครับ หนังยังดูได้เพลินๆ แม้บางช่วงจะอืดไปหน่อยก็ตาม แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือได้ว่า Deep Impact เป็นหนัง "ชีวิต" ที่ว่าด้วยเรื่อง "ดาวหาง" ที่ทำได้น่าพอใจ แต่เราจะโอเคได้ก็ต้องตั้งจิตตั้งใจยอมรับข้อแม้ว่า "อย่าคาดหวังจนเกินไป" ก็แล้วกัน

    อย่างไรก็ดี หนังก็ยังมีสาระดีๆ ชวนให้พูดถึงอยู่ครับ ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกตระกูลเลินเนอร์ (Schell และ Leoni) ที่ก่อนหน้าจะเกิดเหตุร้ายก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ คนเป็นลูกไม่ยอมให้อภัยพ่อ ต้องรอจนกระทั่งโลกจะอวสานนั่นเอง ถึงจะตระหนักว่าการโกรธกัน ไม่ให้อภัยกัน และไม่มองหน้ากันนั้นมันเป็นอะไรที่เสียเปล่าแท้ๆ

    เพราะวันหนึ่งทั้งสองก็ต้องจากกันครับ ไม่มีใครเป็นอมตะ ต่อให้ดาวหางไม่มาชนก็เถอะ คนพ่อก็อาจจากโลกนี้ไปก่อน หรือลูกก็อาจตายก่อนก็ได้เหมือนกัน ดังนั้นวันจาก วันที่ไม่ต้องมองหน้ากันนั้นยังไงก็มีอยู่แล้วล่ะ แต่ทว่าก่อนที่จะถึงวันนั้น ทำไมเราจะไม่ถนอมเวลาดีๆ ให้แก่กันสักนิด สำหรับพ่อลูกตระกูลเลินเนอร์ เพิ่งมาตระหนักความหมายของคำว่า "รักและเข้าใจ" ก็เมื่อตอนที่ดาวหางใกล้แตะพื้นโลกเต็มที

    เป็นอะไรที่หนังสอนเราครับ ว่าเราควรทำวันนี้ให้ดี ควรปฏิบัติกับทุกคนให้ดี เพราะเราไม่รู้หรอกว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึงเมื่อไร ดังนั้นถ้าเราโกรธใครก็ทำใจลืมซะ เคลียร์ปัญหากันซะ แล้วใช้เวลาหลังจากนั้นไปทำสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะการผูกมิตรสานสัมพันธ์กับคนทั้งโลก เริ่มจากคนใกล้ตัวแล้วก็ทำไปเรื่อยๆ จนเราพร้อมจะมอบความปรารถนาดีให้กับทุกคน หรือทำงาน สร้างผลงานดีๆ เอาไว้ประดับโลก เห็นคุณค่าของชีวิตตนเอง สร้างคุณค่าให้ชีวิตตนเอง อย่ารอจนวันสุดท้าย

    นอกจากนี้ยังมีประเด็น "ความเสียสละ" ที่มีส่วนอย่างมากในการช่วยโลก (ในหนัง) ซึ่งเราก็ยังไม่ต้องถึงขนาดสละชีวิตเพื่อใครหรอกครับ แค่เราสละความเห็นแก่ตัว สละความอิจฉาริษยาพยาบาท สละความเขลาด้วยการเอาปัญญามาใส่ แค่นี้เราก็จะมีพลังในการช่วยโลกได้อย่างมากแล้ว

    สรุปว่าหนังดาวหางเรื่องนี้ถือว่าดูได้ครับ เพลินในระดับหนึ่ง มีแง่คิดดีๆ พอประมาณ งาน Effect ถือว่าไม่เลวสำหรับยุคนั้น (อย่าเอามาเทียบกับ 2012 เชียวล่ะ)

    ที่มา www.bloggang.com/viewdiary.php?id=10000tip&month=02-2013&date=28&group=18&gblog=471]Bloggang.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013
  10. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ข่าวเค้าว่าชาวบ้านเดือดร้อนเพราะทำเหมืองทอง
    ส่วนตัวเสียดายว่าจะหมดไปพร้อมเงินในคลัง
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ฤาเทพเจ้าในตำนาน...ก็คือ เอเลียน ที่มาเยือนโลก !!!

    [​IMG]

    เรื่องราวของจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ เช่น ซูส (Zeus) หรือธอร์ (Thor) นั้น ปรากฏอยู่ในตำนานนับพันๆปีมาแล้ว ซึ่งได้เล่าถึงบางคราที่เสด็จลงมาจากสวรรค์พร้อมกับเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งพิภพ โดยมีแสงโชติช่วง อาวุธในหัตถ์ของพระองค์ก็ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติ ดั่งเช่นสายฟ้าฟาดในหัตถ์ของซูส หรือค้อนทรงพลังของธอร์

    เคยฉงนใจบ้างไหมครับ ว่าเรื่องของปวงเทพเจ้าเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากจินตนาการล้วนๆของบรรพบุรุษของเราจริงหรือ จุดกำเนิดตลอดจนอาวุธและอิทธิฤทธิ์ต่างๆนั้นบรรพบุรุษของเราสร้างสรรค์ขึ้นมาเองได้อย่างไร หรือเป็นไปได้ไหมว่า ท่านได้เคยเห็น-เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับมนุษย์ประหลาดที่ลงมาเยือนโลกจากท้องนภากาศ เขามาด้วยยานอันมีเสียงกระหึ่มครึมครามและแสงสว่างจ้า อาวุธของเขาก็ทรงพลังอำนาจดุจเดียวกับสายฟ้าของซูส หรือขวานของธอร์ ท่านจึงสร้างตำนานเปรียบเทียบยกให้เขาเหล่านั้นสูงส่งดุจเดียวกับเทพเจ้า

    ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนพิเศษ ขอนำท่านผู้อ่านติดตามบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีไปค้นคว้าและวิเคราะห์ดูว่าแท้จริงแล้วเทพเจ้านั้นก็คือเอเลียนจากดวงดาวอันไกลโพ้นจริงหรือไม่ เริ่มจากตำนานที่เทพเจ้าหลายองค์มีส่วนเกี่ยวข้อง นั่นคือ มหากาพย์อีเลียด (Iliad) ของจอมกวีโฮเมอร์ (Homer) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อราว 800 ปีก่อน ค.ศ. กล่าวถึงศึกใหญ่แห่งเมืองทรอย (Troy) นักโบราณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นเพียงนิยายที่ประพันธ์ขึ้น หากทว่า ไฮน์ริช ชไลมานน์ (Heinrich Schliemann) นักโบราณคดีสมัครเล่นชาวเยอรมัน คิดว่าน่าจะมีเค้าจากเรื่องจริง และตัดสินใจค้นคว้าหาหลักฐานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

    ปี ค.ศ.1868 ชไลมานน์ได้ขุดหลุมใหญ่ในบริเวณชุมชนทรูวา (Truva) เมืองเล็กๆในตุรกี และเขาก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้โลกต้องตะลึง นั่นคือ ซากโบราณสถานซึ่งตรงกับเมืองทรอยที่โฮเมอร์ได้รจนาไว้ ดังนั้น ถ้าหากสงครามแห่งทรอยเป็นเรื่องจริง เทพเจ้าต่างๆที่ปรากฏอยู่ในตำนานเรื่องนี้ก็น่าจะมีจริง รวมไปถึงเทพองค์ต่างๆในตำนานกรีกก็น่าจะมีจริงด้วย มิฉะนั้น เหตุใดเล่าในประเทศกรีซจึงเต็มไปด้วยวิหารแห่งเทพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นอะโครโปลิส (Acropolis) เดลฟี (Delphi) พาร์ธีนอน (The Parthenon) วิหารอพอลโล (The Temple of Apollo) ฯลฯ

    ซึ่งถ้าหากชนกรีกโบราณจินตนาการเรื่องพระเจ้าบนสวรรค์ขึ้นเอง แล้วทำไมชนชาติที่อยู่ในดินแดนอื่นจึงมีเทพเจ้าที่ละม้ายคล้ายกันด้วยเล่า หรือเป็นเพราะความสอดคล้องกันอย่างบังเอิญ หรือจริงๆแล้วเป็นเพราะ...ชาติต่างๆก็ล้วนได้เคยประสบเหตุการณ์ที่มีผู้ลงมาเยือนโลกจากท้องฟ้าเบื้องบน อารยธรรมแรกสุดของโลกเริ่มขึ้นเมื่อ 3,800 ปีก่อน ค.ศ. ชนสุเมเรียน (Sumerian) ได้ทำให้เรามองเห็นภาพพจน์ความสัมพันธ์ของพวกเขากับเหล่าเทพที่มีความผูกพันในระหว่างดำรงชีวิตอยู่ด้วยกัน เขาขนานนามเทพเจ้าเหล่านี้ว่า “อันนุนากิ” (Annunaki) ซึ่งแปลง่ายๆว่า “ผู้ซึ่งลงมาจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์”

    อิริก ฟอน ดานิเกน (Erich von Daniken) นักเขียนสวิสผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งดาราศาสตร์โบราณ ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ Odyssey of Gods ว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาต่างๆของโลกล้วนเต็มไปด้วยคำบรรยายที่กล่าวถึงอำนาจเหนือธรรมชาติที่เข้ามาผูกพันอยู่กับชีวิตมนุษย์ แต่สิ่งที่ว่านั้นแท้จริงมิใช่เทพเจ้า (Gods) โดยเมื่อหลายพันปีก่อนโน้น ครั้งเมื่อบรรพบุรุษของเรายังป่าเถื่อน ได้มีมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลียนลงมาสู่โลกของเรา เทคโนโลยีของพวกเขาเหล่านั้นสูงส่งเกินความเข้าใจของบรรพบุรุษของเรา ปู่ทวดเราจึงเหมาเอาว่าผู้ที่ลงมาเยือนนั้นก็คือเทพเจ้านั่นเอง

    บนยอดเขาโอลิมปุส (Mt.Olympus) ซึ่งเป็นเขาสูงที่สุดของกรีซ ในตำนานระบุว่า เป็นที่พำนักของปวงเทพ โดยมีซูสประทับบนบัลลังก์และพิพากษาชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคน วิมานบนยอดโอลิมปุสนี้ เป็นอาคารที่เรืองรองด้วยทองคำและเงิน ระยิบระยับด้วยแสงแห่งอัญมณี ซึ่งหากว่ามองด้วยสายตาแห่งวิทยาการปัจจุบัน วิมานนี้ก็คือยานอวกาศ (Space Ship) ที่จอดอยู่บนยอดเขา บางครั้งก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น แล้วส่วนยอดของขุนเขาก็เคลื่อนตัวลอยสูงและหายวับไปกับตา

    ซึ่งหากว่าบนยอดโอลิมปุสนี้เป็นที่พักของเอเลียนจากไกลโพ้น เป็นไปได้ไหมว่าซูสนั้นก็คือหัวหน้าผู้บังคับบัญชายานอวกาศนั่นเอง ในมหากาพย์อีเลียดและโอดิสซีย์ระบุว่า ซูสมีอสุนีบาตเป็นอาวุธอันทรงอานุภาพ สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองให้ย่อยยับเป็นเถ้าธุลีด้วยอาวุธมหาประลัย (รังสีคอสมิกหรือเลเซอร์)

    กาลต่อมา เมื่อโรมมีอำนาจปกครองยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่ศตวรรษแรกก่อน ค.ศ.จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 7 ชาวโรมันได้สักการบูชาเทพเจ้าที่มีรูปแบบเดียวกันกับเทพเจ้าของกรีก หากเปลี่ยนพระนามจากซูสเป็นจูปิเตอร์ (Jupiter) และโพไซดอนก็เป็นเนปจูน (Neptune) ทว่า อพอลโลยังคงเป็นนามเดียวกันทั้งกรีกและโรมัน

    การที่มีรูปแบบเทพเจ้าเหมือนกันนี้มาจากความบังเอิญกระนั้นหรือ มิใช่นักดาราศาสตร์โบราณส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นเพราะกรีกและโรมันได้เคยเผชิญกับผู้ทรงอำนาจจากดาวอื่นที่ลงมาเยือนโลกเมื่อหลายพันปีก่อนโน้น พวกเขามาสู่พิภพได้อย่างไร คำตอบก็คือ ด้วยยานพิเศษที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้า ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น ดินแดนส่วนอื่นๆของโลกก็คงเคยต้อนรับเอเลียนชุดเดียวกันนี้ด้วยน่ะซี และพวกเขาได้ไปเยือนดินแดนไหนบ้างล่ะ?

    ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ชายฝั่งด้านบริทแทนี (Britany) ณ ที่นี้คือโบราณ สถานก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หมู่บ้านคาร์นัก (Carnac) เป็นที่สถิตของแท่งหินยักษ์ (Megalithic Stones) กว่า 3,000 แท่ง วางเรียงรายเป็นแนวยาวกว่า 2 ไมล์ แนวหินคาร์นักนี้สกัดมาจากชั้นหินในท้องถิ่นและถูกวางตั้งในช่วงเวลาระหว่าง 4,500 ปี กับ 2,500 ปีก่อน ค.ศ. อันเป็นปลายยุคหิน (Stone Age) นับเป็นการสะสมรวบรวมแท่งหินยักษ์ที่มากมายที่สุดของโลก

    นักโบราณคดีต้องอัศจรรย์ใจกับความมหึมาของแท่งหินคาร์นัก น้ำหนักของแท่งหินแกรนิตแต่ละก้อนมีตั้งแต่ 50 ตัน ไปจนถึง 350 ตัน ลือกันว่ามียักษ์มาวางตั้งไว้ ทว่า นำมาเรียงเป็นรูปแบบหลายลักษณะด้วยเหตุอันใดนั้นไม่กระจ่างชัด บางชุดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งต้องมองจากบนฟ้าจึงจะเห็น อาจเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อสารกับผู้มาเยือนบนโพยมยานอวกาศ น่าสงสัยว่าคนยุคนั้นจะเอาพลังงานจากไหนมาเคลื่อนย้ายหินมหึมาเหล่านี้ได้ เว้นแต่จะมี...เทพอพอลโลที่มากับยานอวกาศ ได้ช่วยสอนวิธีการให้

    เหนือขึ้นไป 1,000 กว่าไมล์ จากคาร์นัก เป็นดินแดนสแกนดิเนเวีย ที่มีชนโบราณนอร์ส (Norse) อาศัยอยู่ พวกเขาก็มีตำนานของเรื่องเทพเจ้าผู้ทรงอาวุธอานุภาพใหญ่หลวง เทียบได้กับเทพเจ้ากรีกเช่นกัน อาทิ จอมเทพโอดิน (Odin) ของชาวสแกนนั้นก็เป็นเทพแห่งสงครามและความตาย เทียบได้กับซูสของกรีกและจูปิเตอร์ของโรมัน จอมเทพทั้งปวงนี้ทรงราชยานเหินอยู่บนนภากาศ อาวุธอย่างหนึ่งของโอดินก็คือ หอกศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อพุ่งออกไปแล้วไม่เคยพลาดเป้าหมาย ส่วนเทพอีกองค์หนึ่ง ธอร์ (Thor) เจ้าแห่งพายุและความอุดมสมบูรณ์ ก็มีค้อนที่ทรงพลานุภาพ สามารถทำลายได้ทุกสิ่งละม้ายกับสายฟ้าของซูสยังไงยังงั้น

    คราวนี้ข้ามมายังบูรพาทิศบ้าง ในมหากาพย์มหาภารตยุทธ์ของอินเดียได้กล่าวถึงเทพเจ้าหลายองค์ที่มาเยือนด้วยยานอวกาศ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง แต่แน่นอนชาวอินเดียไม่ได้เรียกพาหนะนั้นว่า Space ship พวกเขาขนานนามมันว่า “วิมาน (Vimana)” หรือที่สถิตของปวงเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ตำนานมหาภารตะเล่าถึงพระนางกุนตี (Kunti) ผู้ซึ่งสุริยเทพได้เสด็จลงมาร่วมรัก และได้กำเนิดกรรณ (Krana) ผู้เก่งกล้าในวิทยายุทธ์ เรื่องนี้อาจเทียบได้กับเฮอร์คิวลิส (Herculer) วีรบุรุษกึ่งเทพของกรีก ผู้ซึ่งถือกำเนิดจากการที่จอมเทพซูสเสด็จมาสมพาสกับมนุษย์ธรรมดานามอัลคมีเน (Alcmene)

    นักดาราศาสตร์โบราณได้ระบุถึง “เด็กดวงดาว (Star Children)” ว่าเป็นผลผลิตของมนุษย์ที่เดินดินกับเอเลียนผู้มาเยือน โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่จำเป็นต้องมีการร่วมรักดังเช่นในปัจจุบัน การให้กำเนิดทารกนั้นอาจใช้เทคโนโลยีผสมเทียม เป็นไปได้หรือไม่ว่าเอเลียนจากต่างดาวได้ใช้ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของเขาทำให้สาวชาวพิภพของเราตั้งครรภ์ โดยมิได้ร่วมหลับนอนกับเธอแต่อย่างใด!

    ยังมีเรื่องราวและหลักฐานอีกมากครับ ที่อาจชี้ระบุได้ว่า แท้จริงเทพในตำนานนั่นก็คือ ผู้มาเยือนจากดวงดาวไกลโพ้นด้วยยานอวกาศ ซึ่งท่านผู้อ่านที่สนใจจะพบรายละเอียดและภาพเหตุการณ์ต่างๆได้ในโทรทัศน์ทรูแชนแนล ช่อง HISTORY ชื่อเรื่อง ANCIENT ALIENS ตามวันเวลาที่มีระบุอยู่ในวารสาร Premier ประจำเดือนนี้ครับผม.

    ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วยตูนพิเศษ
    10 กรกฎาคม 2554

    ที่มา ฤาเทพเจ้าในตำนาน...ก็คือ เอเลียน ที่มาเยือนโลก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยชาติทุกคนบนโลก !!!

    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น?

    ที่โรงเรียนแห่งจิตวิญญาณ Borup แห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่จะทำให้เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดกับมนุษยชาติ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร สาเหตุของเหตุการณ์ที่ว่านี้ คงจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ยังไม่เข้าใจกฎแห่งชีวิต แต่เหตุการณ์นี้มันจะจบลงเมื่อถึงวันแห่งการกลับมาครั้งที่สองของเรา (My Second Coming)

    เราได้กล่าวแล้วว่า เราคือชีวิตและสัจธรรม และเราก็ได้กล่าวแล้วว่า ใครก็ตามที่ตามเรามาจะไปถึงพระผู้เป็นเจ้า หนทางสู่พระผู้เป็นเจ้าของมนุษย์คือโดยผ่านเรา เรื่องนี้เราได้สอนเอาไว้แล้ว และเราอยากให้พวกท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ผู้ใดที่ค้นหาเรา ผู้ใดที่พยายามค้นหาสัจธรรมของชีวิตโดยการฟังเสียงที่เราพร่ำสอนเอาไว้ ก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า

    ตอนนี้เราจะกลับมาหามนุษย์โลกอีกครั้งด้วยตัวเราเอง ด้วยกายเนื้อที่สมบูรณ์และกองทัพสวรรค์ดั่งที่ได้กล่าวเอาไว้นานแล้ว และเมื่อนั้นดาวเคราะห์โลก (จิตสำนึกของโลกและของชาวโลก) ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้พวกเราได้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว

    เพราะว่าเรากำลังมาหาพวกท่าน พวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้าได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เข้าใจว่าพระองค์คืออะไร และพระองค์หมายถึงอะไร มีชาวโลกมากมายที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขามีลางสังหรณ์ พวกเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ลางสังหรณ์ที่เรากล่าวถึงหมายถึง สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมายรู้ไม่ค่อยชัดเจนว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

    มันกำลังจะส่งผลร้ายอะไรมาสู่ตนเอง ส่วนคำว่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่เรากล่าวถึง หมายถึง ผู้ที่รู้ตัวเองว่า พวกเขาได้ทำอะไรลงไป และมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาและคนอื่นๆมนุษย์ควรจะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง และมนุษย์ก็จะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้สามารถสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตราบเท่าที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการสร้างมันขึ้นมาได้ เพราะว่าใครก็ตามที่สามารถจินตนาการอะไรขึ้นมาในใจของตนเองได้ ไม่ช้าไม่นานสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นจริง ไม่มีอะไรที่มนุษย์สามารถคิดมันขึ้นมาได้แล้ว มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้

    อะไรก็ตามที่ใจสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ มันก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน มันเป็นพลังแห่งความคิด ซึ่งเป็นพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคงพร้อมที่จะเข้าใจแล้วว่า สิ่งต่างๆมันถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ไปถึงจุดแห่งความเจริญ ที่ไกลกว่ามนุษย์โลกมากแล้วนั้นได้อย่างไร ทำไมผู้ที่ผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมามากกว่ามนุษย์โลก จึงประสบความสำเร็จในศาสตร์ต่างๆมากกว่ามนุษย์โลกเป็นไหนๆ

    เราได้สอนพวกท่านเกี่ยวกับกฎแห่งการจัดลำดับแล้วด้วย และพวกท่านก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับของการจัดลำดับของมันเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็มีของตัวเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง การจัดลำดับเหล่านี้ขยายลึกลงไปถึงระดับจักรวาล และไปถึงรูปธรรมทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย ที่มีระดับภูมิปัญญาสูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะใช้มาตรฐานใดๆที่ตัวเองมีอยู่ในปัจจุบันนี้มาประเมินได้

    เราได้กล่าวไปแล้วว่า มีดวงดาวหลายล้านดวงที่เตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโลก และต้องเข้าใจว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังจะยกระดับขึ้นสู่สภาวะของจิตสำนึกที่สูงขึ้น จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น สิ่งนี้เราได้เคยสอนพวกท่านแล้ว และเรายังได้เคยกล่าวแล้วด้วยว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้กำลังจะถูกยกระดับขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงดาวหลายล้านดวงจึงกำลังเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้

    ดวงดาวหลายๆดวงในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ อาจจะมาช่วยเหลือโลกโดยตรง ในสถานการณ์แห่งความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่มนุษย์โลกได้ร่ำร้องขอให้พระเจ้าลงโทษตัวเองมานานแล้ว สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้ตั้งขึ้น และได้เขียนถึงสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นนี้ และหากพวกท่านจะคิดตามเราสักเล็กน้อย พวกท่านก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์” (The Second Coming of Christ)

    เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลกเปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว

    แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี

    ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งควาสุข”(Message of Joy) ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป

    เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้ จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่

    เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้

    ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลล์ใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่ (เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt )

    แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป

    หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่ ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร

    ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าวนี้ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าบางคนดูราวกับว่าอายุ 20 กว่าๆทั้งๆที่อายุจริง 800 – 900 ปี หรือแม้แต่แก่กว่านั้นแล้วก็ตาม

    นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล้ายืนยันกับพวกท่านว่า หลังจากวันนั้นแล้ว จะปราศจากซึ่งความตาย จะไม่มีการตายทางกายภาพเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนั้น มันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของพวกท่านเอง ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้ เราจึงกำลังจะบอกกับท่านเรื่องนี้

    ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้ มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตร...างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การยับยั้ง"สงครามนิวเคลียร์"ให้หยุดลงเพียงกลางคัน !!!

    [​IMG]

    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2) Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    นี่คือสาส์นแห่งความสุข คือการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้คนจำนวนหมื่น หรือจำนวนแสน แต่มันหมายถึงผู้คนหลายล้านคน ที่จะถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขั้นและมีวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากวิถีชีวิตเดิมอย่างสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง วิถีชีวิตที่มนุษย์จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต มันคือสิ่งที่พวกท่านก็ทราบแล้วว่ามันไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    นับจากนั้นไป ทุกๆคนจะต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต ตระหนักรู้ว่าชีวิตคืออะไร ใครคือผู้ที่ประทานชีวิตนี้มาให้ และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงตัวเองโดยความสมัครใจและเชื่อฟัง ชาวโลกหลายคนได้เคยอ่านเรื่องราวของดาววีนัสมาแล้ว บนดาววีนัสมีจิตสำนึกอยู่ในระดับสูงกว่าดาวเคราะห์โลก และเมื่อเรากล่าวถึงจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกและดาววีนัส ก็ขอให้เข้าใจว่า หากพวกท่านนำเอาค่าเฉลี่ยของจิตสำนึกของมนุษย์โลกมา ก็จะได้จิตสำนึกของโลก

    จิตสำนึกของดาววีนัสอยู่ในระดับสูงกว่าของโลก หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้คนบนดาววีนัสมีความเข้าใจ และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า สภาวะนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างไป ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ยังหมายถึง พวกเขาสามารถท่องอวกาศได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ท่องไปในอวกาศ ในขณะที่มนุษย์โลกยังไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สามารถท่องไปในอวกาศได้ มนุษย์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้แค่รอบๆชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปได้ไกลถึงในอวกาศ ในสภาวะทางจิตวิญญาณและศักยภาพเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

    ชาวดาววีนัสรู้ว่าจะปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร แต่กฎเดียวกันนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับมนุษย์โลก ด้วยเช่นเดียวกัน หากแม้นเพียงแต่มนุษย์โลกเคารพเชื่อฟังกฎดังกล่าวนี้ มนุษย์โลกก็จะสามารถเป็นได้เหมือนสังคมของชาวดาววีนัสโดยไม่ยากเลย แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านในคัมภีร์ไบเบิ้ลของพวกท่าน เพราะมันได้เขียนเอาไว้หมดแล้วว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่ แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้ และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้

    พวกเราจะหยุดสงคราม(นิวเคลียร์) ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลก ที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ

    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลกเป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้น จนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาต ให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้ และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง การกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหากดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตร...างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย !!!

    [​IMG]

    คำถาม : ภัยพิบัติที่พูดกันมากที่สุดในยุคนี้ จะเกิดขึ้นจริงไหม?

    คำตอบ : ปัจจุบันมีผู้คนทุกวงการต่างพูดเรื่องอนาคต"ภัยพิบัติ"กันมากว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือ ทั้งจากพระป่าก็ดีอาจารย์ท่านต่างๆก็ดี หรือแม้แต่นักทำนายระดับโลกอย่างนอสตาดามุสที่ลาโลกไปนานแล้ว ก็ทำนายเรื่องนี้เอาไว้เช่นกัน แต่ถ้าผมจะทำนายผมก็จะขอทำนายในแบบฉบับของผม ถ้าจะถามผมว่าผมใช้หลักใดวิชาใดในการทำนาย ผมก็ขอตอบตามตรงเลยว่า ไม่มีวิชาแต่ได้ยินเสียง เสียงจากไหนก็ไม่ทราบ แต่ที่ทราบแน่เสียงที่บอก เกิดขึ้นจริงในอนาคตหมด แต่ถ้าไม่เกิดก็คงต้องโทษเสียงที่บอกผมมา แต่ถ้าเสียงเงียบจริงๆ ก็แสดงว่าเกินอำนาจกฎแห่งกรรมที่จะสามารถบอกได้ แต่ผมจำเป็นต้องรู้ผมก็จะชอบมองน้ำ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมชอบมองน้ำ

    คำทำนาย ในประเทศไทย

    ทุกวันนี้โลกเราผิดปกติไปมากขึ้นทุกที แกนโลกเริ่มขยับตัวเคลื่อนที่อย่างมาก รอวันที่มันจะผลิกคว่ำ เมื่อคนไม่ดีมีเยอะมากขึ้น ศีลธรรมเสื่อมทรามลง แกนโลกจะคว่ำ เมื่อมันคว่ำแล้ว อะไรทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด บางจุดน้ำจะเป็นดิน ดินจะเป็นน้ำ หนาวจะร้อน ร้อนจะหนาว สภาวะขาดอาหารและน้ำ จะเกิดขึ้นไปทุกหย่อมหญ้า เงินจะไม่มีความหมาย อาหาร ยา เท่านั้นที่มีความหมาย คนไม่ดีจะเหลือน้อย คนดีจะเป็นใหญ่ ความสามัคคีจะเกิด ผู้คนจะช่วยกัน เริ่มเห็นใจกัน จะมีการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ อะไรก็ตามที่ใช้ไฟฟ้า แทบจะไม่มีความหมาย คนไทยจะเริ่มอพยพ ไปทิศใหม่ เมืองใหม่จะถูกสร้างขึ้น อารยธรรมใหม่จะเกิดขึ้นที่นั้น ทรัพย์พยากรใหม่ๆ จะออกมาตามรอยแยกแผ่นดินไหว จะมีแต่คนดีที่ครอบครอง สมาธิ จะเป็นบทนำที่อารยธรรมใหม่แห่งนี้

    คำทำนาย ในกรุงเทพมหานคร

    วันนั้นฟ้าจะเปลียน พระอาทิตย์จะปรากฎให้เห็นเป็น 2 ดวง ทางทิศตะวันตกในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าจะเป็นสีแสด อากาศผิดปกติ เป็นแบบนี้ไม่กี่วัน คนมีบุญจะรวมกลุ่มกันหนี คนบาปจะอยู่กับบ้าน เข้ายามราตรี ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง พายุขนาดใหญ่จะมา ไฟจะดับ น้ำจะเริ่มท่วม รถยนต์จะเริ่มลอย เสาไฟจะล้ม คลื่นยักษ์สูง 50 เมตร จะมากวาดทุกอย่างไปในพริบตา คนมีบุญที่หนีไม่ทัน จะไปอยู่บนยอดตึก บุญจะส่งให้เขามีเหตุให้ต้องไปอยู่บนยอดตึก ตกเช้าน้ำจะไป ทิ้งไว้แต่โคลนสีส้มไปทั่วเมือง กรุงเทพฯ ไม่เหมาะที่จะสร้างเป็นเมืองหลวงอีกต่อไป ส่วนต่างจังหวัดอื่นๆ จะเกิดหนักเหมือนกัน แต่น้ำจะไปไม่เท่ากัน

    คำทำนาย เกิดเมื่อไร

    บอกแล้วอาจเคลื่อน เพราะเวลาจะล้างคนไม่ดี เขาไม่บอกให้ทราบล่วงหน้า ถ้าทราบล่วงหน้า คนไม่ดี หนีกันไปหมด ก็ไม่เกิดแน่นอน ก็จะผลักออกไป ให้มาเร็ว หรือช้า จนคนบนโลกประมาท เมื่อนั้น ก็จะล้างทันทีไม่ให้ตั้งตัว

    ปัจจุบันมีผู้มีอภิญญาหลายท่านก็ทราบกันแล้ว และก็เตรียมพร้อมกันแล้ว จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ผมนั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็ต้องเขียน เพราะมีผู้คนถามเรื่องนี้กันมามากเหลือเกิน เมื่อรู้แล้วก็ทำใจสบายๆ เพราะนี้เป็นเพียงแค่ คำทำนายที่อาจเกิดก็ได้ หรือไม่เกิดก็ได้ ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของคนในชาติ และตัวคุณเองแล้วล่ะ

    องค์เทพมาเตือน

    ผมไม่ขอพูดเรื่องนี้มากไปกว่านี้ แต่ผมเคยถามองค์เทพว่าเมื่อไร จะเกิด? เสียงทิพย์บอกผมว่า อีก 6 ปี (เรื่องเวลาเหลืออีกประมาณไม่เกิน 3 ปี นับจากวันนี้ ที่ 28/4/2553 อัพเดตระยะเวลาล่าสุด จากเรื่องที่เล่าบอกกล่าว) จะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย ท่านบอกผมหมดว่าจะเกิดอะไร

    เรื่องนี้ท่านบอกผม เมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมา งั้นน่าจะเหลือเวลาอีก ประมาณ 3 ปี เห็นจะได้ เราก็ต้องมาคอยดูกัน แต่ถ้าถามผมว่าอยากให้เกิดไหม ผมไม่อยากให้เกิด ปัจจุบันนี้ก็มีผู้มีอภิญญาหลายท่าน พยายามเจริญสมาธิ ช่วยผลักดันเหตุการณ์อยู่ เจริญสมาธิต้านแรงกรรมของคนไทย ให้หนักเป็นเบา แต่ถ้าคนไทยส่วนมาก กลับเพิ่มกรรมให้ประเทศ และเพิ่มกรรมชั่วให้ตัวเอง ถ้ามีมากกว่า พูดง่ายๆคือ กรรมชั่ว มีมากกว่า กรรมดี ก็คงต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม แล้วล่ะครับ

    สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านทำใจสบายๆ ไม่ต้องไปตื่นตระหนกต่อเรื่องนี้ ทำกิจวัตรประจำวันไปตามปกติ แต่อยากให้ทุกคนช่วยกันสวดมนต์มากๆขึ้น สวดกันทั้งประเทศทุกวันได้ยิ่งดี สิ่งที่กำลังจะเกิด จะได้เปลี่ยนจาก หนักเป็นเบา เบาเป็นหยุด

    โพสต์ข้อความโดย อ.จตุพร(ฌานสมาบัติ)

    ที่มา www.chansamabut.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2013
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตือนภัยปัญหารถติด จะทำให้หนีภัยไปไหนไม่ได้ !!!

    [​IMG]

    ถ้าหนีภัยไปพร้อมกันในตอนที่เกิดภัยพิบัติ รถก็จะติดไปไหนกันไม่ได้ จึงควรจะต้องเตรียมจักรยานหรือมอเตอร์ไซต์แบบในหนัง Deep impact เอาไว้เพื่อหนีคลื่นยักษ์สูง 50 เมตร ให้ได้ทันเวลา ในกรณีที่ท่านไม่สามารถจะอพยพไปล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2013
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แผ่นดินไหว 5.4 ริกเตอร์ ทางฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย ลึกเพียง 10 กม.

    [​IMG]

    จาการ์ตา 31 ต.ค.-สำนักอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซียแจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาด 5.4 ริกเตอร์ ลึกเพียง 10 กิโลเมตร เขย่าจังหวัดนูซาเต็งการาตะวันออก ทางตะวันออกไกลของอินโดนีเซียในเช้าวันนี้

    เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.34 น. ตามเวลากรุงจาการ์ตา ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย ศูนย์กลางห่างจากเมืองมังงาไรบารัตไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 57 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ทะเลเพียง 10 กิโลเมตร ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สิน.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 31 ต.ค. 2556 10:00 |

    จีน-ญี่ปุ่น เผชิญหน้ากันท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณเกาะเตียวหยู

    จีน 30 ต.ค.-2 ชาติมหาอำนาจในเอเชียอย่างจีนและญี่ปุ่นยังคงเผชิญหน้ากันท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณเกาะเตียวหยู หรือเซนกากุ ที่ทั้ง 2 ประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ

    นายโอโน เดระ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น เตือนว่า พฤติกรรมของจีนที่ส่งกองเรือมากมายเข้าใกล้เกาะที่เป็นกรณีพิพาทดังกล่าวถือว่าเป็นการคุกคามสันติภาพในน่านน้ำแถบนี้ ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนญี่ปุ่นต้องเอาเครื่องบินเจ็ทขึ้นสกัดอากาศยานของจีนถึง 3 ครั้ง หลังเครื่องบินจีนล่วงล้ำน่านฟ้าเข้าใกล้หมู่เกาะแห่งนี้

    โดยนายกรัฐมนตรีชินโช อาเบะ ของญี่ปุ่น มีคำสั่งให้ยิงอากาศยานไร้นักบิน หรือโดรน ของจีนทุกลำที่ล่วงล้ำน่านฟ้าญี่ปุ่น ขณะที่จีนประกาศกร้าวหากญี่ปุ่นสอยเครื่องบินจีนตก จีนจะถือว่าญี่ปุ่นประกาศสงครามกับจีน.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 30 ต.ค. 2556 19:48 |

    หลายเมืองใหญ่ทั่วโลกเสี่ยงมหาอุทกภัย

    สำนักข่าวไทย 30 ต.ค.-รายงานวิเคราะห์ความเสี่ยงล่าสุดพบว่าเมืองใหญ่หลายแห่งในทวีปเอเชียมีความเสี่ยงมากที่จะได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลร้ายต่อทั้งประชาชนและเศรษฐกิจของชาติ

    รายงานประจำปีของบริษัทเมเบิ้ล ครอฟ ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ ระบุว่า ภายในอีก 12 ปีข้างหน้า กลุ่มประเทศดังกล่าวจะเจอศึกหนักจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเกือบ 1 ใน 3 เพราะเมืองที่อยู่ในข่ายเสี่ยงหลายเมืองเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก เช่น นครมุมไบ หรือเมืองที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน อย่างกรุงเทพฯ

    รายงานฉบับนี้แสดงความกังวลต่อกรุงธากา นครหลวงของบังกลาเทศ มากที่สุด เพราะปีหนึ่งๆ ต้องเจอภัยธรรมชาติมากมาย ทั้งน้ำท่วม สตอร์มเซิร์จ พายุไซโคลน หรือแผ่นดินถล่ม ขณะที่บังกลาเทศมีศักยภาพในการรับมือปัญหาเหล่านี้น้อยมาก โดยในบรรดาเมืองที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด 5 เมืองนี้จะมีจีดีพี หรือผลผลิตมวลรวมภายในประเทศรวมกันเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จากปัจจุบัน 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 12 ปี ข้างหน้า

    ขณะที่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้จะเจอสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งที่จะส่งผลให้พืชผลการเกษตรตกต่ำ ขณะที่ประชากรในพื้นที่แถบนี้มีจำนวนมหาศาล ดังนั้น คำเตือนนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจและต้องหาทางรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 30 ต.ค. 2556 19:45 |

    ที่มา MCOT.net - Site | MCOT.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สวรรค์จะช่วยคนดีให้รอดพ้นอันตราย..แต่มีเงื่อนไข !!!

    [​IMG]

    natthapatpun สมาชิก

    ในที่นี้จะกล่าวถึงคลื่นยักษ์ที่จะเข้าถล่มปีหน้า 2555 (เวลาได้ถูกเลื่อนออกไป) คลื่นที่เข้ามามีหลายขนาด ความสูงของคลื่นอยู่ระหว่าง 26 – 65 เมตร และบางลูกอาจจะสูงเกือบ 100 เมตร เอาเฉพาะกรุงเทพฯ ก็แล้วกันนะ ภาคอื่น ๆ เอาไว้พูดทีหลัง เรื่องคลื่นยักษ์นี่จำไม่ค่อยได้ว่าถามท่านเทพราหูหรือท่านผู้ให้อภัยแล้ว ท่านผู้อ่านก็รับเอาแต่เนื้อ ๆ ไปก็แล้วกันนะคะ

    คลื่นยักษ์ที่จะเข้าถล่มกรุงเทพฯ มาจากทะเล ข้าพเจ้าถามแล้วถามอีกว่า น้ำมาจากทะเลหรือ? หรือว่ามาจากน้ำจืด? เขื่อนแตกหรือไง? ท่านก็ยืนยันว่ามาจากทะเล อ้าวถ้างั้นก็สึนามิน่ะสิ ท่านก็ตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าถามทันทีว่าท่านผู้มีญาณรอดหรือเปล่า ท่านเห็นตัวเองลอยคออยู่ในน้ำ คือลอยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ว่ายไม่ได้เกาะอะไรทั้งนั้น ข้าพเจ้าก็ อืม...(วิเคราะห์ด้วยสติปัญญาไปด้วย) ข้าพเจ้าถามถึงหลานชาย ลูกชายของท่านผู้มีญาณ ก็ทราบว่าได้รับการช่วยเหลือไปก่อนหน้าท่านผู้มีญาณแล้ว ข้าพเจ้าชักงง ใคร? อะไร? มาช่วยยังไง?

    ท่านผู้มีญาณบอกว่าเห็นเรือ ข้าพเจ้าก็ถามว่าเรืออะไร ท่านผู้มีญาณก็ตอบว่าเรือไม้ ข้าพเจ้าก็...อืม ชักไม่ทันใจ การตั้งคำถามกับชาวโลกทิพย์ ถามคำเขาก็ตอบคำ ถามแค่ไหนเขาตอบแค่นั้น ไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม เราต้องใช้สติปัญญาถามปัญหาเอาเอง เพราะเหตุนี้ท่านที่มานำเสนอการสื่อสารเกี่ยวกับข้อความต่าง ๆ แม้ว่าจะได้รับทราบมาเป็นเรื่องเดียวกัน แต่แตกประเด็นคำตอบไปหลากหลาย เพราะแต่ละคนเจาะถามปัญหาไม่เหมือนกัน แล้วแต่สติปัญญาของผู้ถามว่าจะสามารถถามได้ลึกซึ้งขนาดไหน บางทีคนอ่านก็สับสนกับข้อมูล ข้าพเจ้าจึงขออธิบายให้ทราบไว้ ณ ที่นี้

    ข้าพเจ้าถามว่าเรือไม้ที่ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ท่านผู้มีญาณตอบว่าเป็นเรือไม้สีน้ำตาล เป็นไงล่ะท่านผู้อ่าน ถามคำก็ตอบคำ ข้าพเจ้าก็ถามอีก ลักษณะคล้ายเรือสำเภาหรือเปล่า ท่านผู้มีญาณตอบว่าเรื่อที่เห็นนั้นไม่มีใบ เป็นเรือไม้สีน้ำตาล หัวเรือและท้ายเรือมีอะไรแหลม ๆ ยกขึ้นไป ทำให้ข้าพเจ้าชักงงใหญ่ มันเรืออะไรหว่า ถามท่านผู้มีญาณไปว่าเรือโนอาหรือเปล่า(ถ้าเขียนโนอาผิดก็ขออภัย

    ท่านก็ตอบว่าไม่ใช่ การถาม-ตอบนี้ท่านผู้มีญาณจะอาราธนาถามพระพุทธเจ้าตลอด) ข้าพเจ้าถามว่าเป็นเรือมนุษย์ใช่หรือเปล่า ท่านก็ว่าไม่ใช่อีก ถามว่าเป็นเรือมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า ท่านก็ว่าไม่ใช่อีก เอาใหม่ ขอให้ท่านผู้มีญาณรวบรวมกำลังจิตอาราธนาพระใหม่ แล้วถามว่าเป็นเรือเทวดาใช่ไหม โป๊ะเช๊ะ เลยท่าน ท่านผู้มีญาณตอบว่าใช่ กว่าจะเจอคำตอบก็ทำเอาข้าพเจ้าเกือบจะจนคำถาม

    ข้าพเจ้ายังถามย้ำอีกสองสามครั้งว่าเรือเทวดาแน่นะ ท่านผู้มีญาณก็ตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าขอให้ท่านผู้มีญาณดูผู้ควบคุมเรือ ท่านก็เห็นเทวดาทรงเครื่องเต็มยศ ยืนอยู่ในเรือ ข้าพเจ้าถามว่าท่านเทวดาช่วยหลานชายของข้าพเจ้าไปก่อนแล้วหรือ ท่านผู้มีญาณจึงหาเขาไม่เจอในตอนแรก เทวดาตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าถามเทวดาผ่านผู้มีญาณว่าแล้วท่านจะช่วยท่านผู้มีญาณด้วยไหม เทวดาก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามว่าแล้วพ่อ แม่ กับน้องสาวอีกคนล่ะ ท่านจะช่วยพวกเขาไหม (เพราะท่านผู้มีญาณเห็นพวกเขาลอยคออยู่ในน้ำเหมือนกัน)

    เทวดาก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามย้ำอีกว่าช่วยทุกคนไหม ท่านก็ตอบว่าทุกคน ข้าพเจ้าก็พลอยยินดีไปกับพวกเขาด้วย พอถามถึงตัวเอง กลับไม่รอดแฮะเพราะหมดอายุขัยเสียก่อน แต่ถ้าจะอยู่ต่อต้องมาตั้งสัจจะกันใหม่ แบบว่าถ้าจะอยู่ต้องมีงานทำ แต่ต้องเป็นงานที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่นและศาสนาเท่านั้น ต้องไม่ใช่งานที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน อันนี้ขอคิดดูก่อนนะ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามชื่อเทวดา เพราะไม่อยากรู้ ถึงรู้ชื่อข้าพเจ้าก็คงจะไม่รู้จักอีก ก็เลยไม่ถาม

    ข้าพเจ้าถามต่อไปว่าแล้วท่านจะช่วยคนอื่น ๆ ด้วยไหม ท่านก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามว่าถ้าช่วยพวกเขาไปแล้วท่านจะนำพวกเขาไปพักไว้ที่ไหน (แหงล่ะ มันคงไม่ใช่บนสวรรค์เป็นแน่) ท่านตอบสถานที่ให้ทราบ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ขอเฉลยในที่นี้แต่หลายท่านอาจพอทราบมาบ้างแล้ว ขอให้สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่จะถูกนำไปพักไว้ที่นั่นสมควรจะเป็นผู้ที่รอดเท่านั้น ท่านผู้อ่านไม่ต้องกังวลไปว่าท่านจะเป็นผู้รอดหรือไม่ เพราะนี่คือกระบวนการคัดสรรคนดี คนดีจะลอยคออยู่ได้โดยที่ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่จำเป็นต้องออกแรงว่ายให้เหนื่อยเปล่า ส่วนคนชั่ว(ไม่รักษาศีล) จะจมทันทีแม้ว่าท่านจะว่ายน้ำเป็น และแม้ว่าท่านจะออกแรงว่ายสักเท่าไรก็ไม่เป็นผล น้ำจะดูดท่านลงข้างล่าง ก็เลยทำให้เข้าใจในทันที และขอสรุปให้ทราบดังนี้ค่ะ

    1. สวรรค์จะช่วยคนดีให้รอดพ้นอันตราย แต่มีเงื่อนไขว่าท่านต้องเป็นคนที่หนึ่งไม่หมดอายุขัย สองเป็นคนดี คือรักษาศีลห้าเป็นเบื้องต้น สำหรับคนที่ชอบให้ทาน และภาวนา แต่ไม่รักษาศีล ก็ต้องวัดดวงกันอีกที เพราะเมื่อท่านปราศจาก “สัจจะ” ในการยกเว้นการเบียดเบียนทั้งห้าข้อ ท่านอาจจะไม่รอดแต่ที่ไปของท่านก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ขึ้นสวรรค์หรือพรหม

    2. สิ่งที่ท่านจะนำติดตัวไปได้มีเพียงย่ามใบเดียวเท่านั้น ควรจะเป็นย่ามที่มีซิป เป้หรือกระเป๋าถ้าไม่มัดติดตัวให้แน่นหนา มันจะหลุดกระจุยกระจายหมด และการสะพายย่ามต้องสะพายเฉียง

    3. สิ่งของที่ควรจะอยู่ในย่าม คือ เมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่ท่านชอบรับประทาน นอกนั้นไม่มีประโยชน์ จะรอบคอบอีกหน่อยก็อาจจะเอาน้ำดื่มใส่ขวดเล็ก ๆ ไว้ในย่ามสักขวด ไฟแช็ก กันน้ำได้ยิ่งดี และมีพก จะเป็นมีดพับหรือมีดเข้าฝักอย่างไรก็แล้วแต่ที่ลงย่ามได้ เชือกสักเส้นก็ดี และแถมอีกนิดรองเท้าแตะเบา ๆ พอช่วยให้เดินได้บนป่าเขาลำเนาไพร

    4. ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเพื่อนร่วมทาง เพราะเรือแต่ละลำจะนำท่านไปเป็นกลุ่ม ๆ ไปทำความรู้จักกันที่โน่นก็แล้วกันนะคะ ส่วนคนที่พลัดพรากจากคนที่รักก็ไม่ต้องห่วง ถ้า ภรรยา/สามี พ่อ แม่ ลูก หลาน ญาติ พี่น้อง และเพื่อนของท่านได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะไปเจอกันที่โน่น เป็นการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์จริงเชียว

    5. คลื่นยักษ์จะเข้าโจมตีเมืองหลวง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม 2555 (เวลาได้ถูกเลื่อนออกไป)

    ข้อสรุปที่ข้าพเจ้านำเสนอให้ทราบ เหมาะสำหรับผู้ที่คิดจะปักหลักอยู่ในพื้นที่ สู้จนวินาทีสุดท้าย ส่วนท่านที่มีกลุ่มและมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ท่านก็คงจะอพยพไปก่อนที่ภัยจะมา คนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นกลุ่มคนไม่รู้ กับกลุ่มคนที่รู้แต่ไม่ไป คือยอมตายว่างั้นเถอะ ก็สุดแท้แต่ท่านจะใช้สติปัญญาพิจารณาก็แล้วกันนะคะ ขอให้ทุกท่านโชคดี

    ภาคอื่นรอรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/เตือนน...ายและผู้ที่สนใจช่วยเข้ามาอ่านหน่อยค่า.309640/
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ บริเวณตอนกลางชิลี

    [​IMG]

    ซันติอาโก 1 พ.ย. – เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์บริเวณตอนกลางของชิลีวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้อาคารหลายแห่งในกรุงซันติอาโกสั่นไหว และประชาชนตื่นตระหนกพากันอพยพออกมาบนท้องถนน

    แต่หน่วยบริการฉุกเฉินของชิลีรายงานว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอาคารหรือโครงสร้างเสียหายแต่อย่างใด และไม่มีโอกาสเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองโกกิมโบไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 65 กม.และลึกลงไป 10 กม.

    ชิลีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงก่อนหน้านี้เกิดขึ้น เมื่อปี 2553 มีขนาด 8.8 ริกเตอร์และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิคผู้คนไปกว่า 500 คน บ้านเรือนพังเสียหาย 220,000 หลัง รวมทั้งรีสอร์ทริมทะเลและท่าเรือหลายแห่ง

    สำนักข่าวไทย TNA News | 1 พ.ย. 2556 09:58 |

    โอมานพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายแรก

    [​IMG]

    มัสกัต 30 ต.ค.-สำนักข่าวโอเอ็นเอของทางการโอมานรายงานว่า ทางการสาธารณสุขโอมานประกาศพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเป็นรายแรกของประเทศ

    รายงานระบุว่า ผู้ป่วยเป็นชายชาวโอมาน ขณะนี้กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลและมีอาการทรงตัว แต่แถลงการณ์ไม่ได้เผยรายละเอียดมากนัก นับเป็นผู้ป่วยรายแรกในโอมาน

    องค์การอนามัยโลกระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือเมอร์ส คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วทั่วโลก 62 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพบเชื้อเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายนปีที่แล้ว.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 30 ต.ค. 2556 13:46 |

    องค์การอนามัยโลกยืนยันโปลิโอระบาดในซีเรีย

    [​IMG]

    เจนีวา 30 ต.ค.- องค์การอนามัยโลกยืนยันว่า มีผู้ป่วยเป็นโปลิโอในซีเรีย ซึ่งก่อนหน้านี้ปลอดจากโรคโปลิโอตั้งแต่ปี 2542 และเกรงว่าโรคนี้จะแพร่ระบาด

    นายโอลิเวอร์ โรเซนเบาเออร์ โฆษกแผนกต่อต้านโปลิโอขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ผลการตรวจในห้องปฏิบัติการยืนยันว่า พบโรคโปลิโอในเด็ก 10 คนจากทั้งหมด 22 คนที่ต้องสงสัยเป็นโรคดังกล่าวเมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เด็กทั้ง 22 คนมีอาการอัมพาตอ่อนเปียกอย่างเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการของหลายโรค รวมถึงโปลิโอ ผลการตรวจพบว่าเด็ก 10 คนในจำนวนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโปลิโอธรรมชาติสายพันธุ์ 1 ส่วนอีก 12 คนยังคงรอผลการตรวจซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าจะทราบผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    นายโรเซนเบาเออร์กลาวว่า ผู้ป่วยโปลิโอในซีเรียอยู่ในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ และเด็กที่ป่วยทั้งหมดอายุต่ำกว่า 2 ปี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของไวรัสชนิดนี้เพื่อสืบหาต้นตอของมัน และจะทราบผลภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ดูเหมือนว่าเด็กที่ติดเชื้อไวรัสทั้งหมดไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโปลิโอหรือยังไม่ได้รับวัคซีนโปลิโอครบตามกำหนด

    เนื่องจากมีการรณรงค์ต่อต้านโปลิโอทั่วโลก ปัจจุบันไวรัสชนิดนี้แพร่ระบาดใน 3 ประเทศซึ่งได้แก่ อัฟกานิสถาน ปากีสถานและไนจีเรียเท่านั้น ทำให้เกิดกระแสคาดเดาว่า นักรบจีฮัดจากต่างชาติที่ต่อสู้กับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียอาจเป็นผู้นำเชื้อไวรัสดังกล่าวเข้ามาในซีเรีย แต่เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้

    นายโรเซนเบาเออร์กลาวว่า แม้ว่าขณะนี้จะมีการแพร่ระบาดของโรคโปลิโอใน 3 ประเทศเท่านั้น แต่ไวรัสชนิดนี้อาจเข้ามาจากที่อื่นๆได้เช่นกัน และประเทศที่กำลังมีสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างซีเรียหรือโซมาเลียกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากระบบสาธารณสุขและระดับการสร้างภูมิคุ้มกันกำลังเสื่อมโทรม.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 30 ต.ค. 2556 11:09 |
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตือนโรคร้าย หมัดหนูพาหะ รุนแรงถึงตาย !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    อธิบดีกรมการแพทย์เตือน หน้าฝน-หนาว ระวังโรค “ริกเก็ตเซีย”ระบาดหนักอาการรุนแรงถึงตายได้ ชี้มีหมัดหนูเป็นพาหะ เร่งทุกบ้านทำความสะอาด หวั่นคนไทยติดเชื้อ...

    นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อริกเก็ตเซียเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ สครับไทฟัส โดยไรอ่อนเป็นพาหะนำโรค และเชื้อมิวรีนไทฟัส มีหมัดหนูเป็นพาหะนำโรค โดยมีสัตว์ฟันแทะเป็นแหล่งรังโรคโดยเฉพาะหนูเป็นส่วนใหญ่ มักจะระบาดมากในช่วงฤดูฝนจนถึงต้นฤดูหนาว และพบแทบทุกภาคของประเทศ ดังนั้นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์พิษณุโลก จึงได้ทำการศึกษาความเสี่ยงของการเกิดโรคและการเฝ้าระวังโรคทางห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อริกเก็ตเซียด้วยวิธี Indirect Immunofluorescence Assay (IFA) จากซีรั่มของผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก น่าน พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และสุโขทัย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 - พฤษภาคม 2552 จำนวน 318 ราย

    อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ผลการศึกษาพบผู้ติดเชื้อริกเก็ตเซีย 65 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.44 แยกเป็นสครับไทฟัส 56 ราย มิวรีนไทฟัส 7 ราย และพบติดเชื้อร่วมกันทั้งสครับไทฟัสและมิวรีนไทฟัส 2 ราย โดยจะพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับอาการที่สำคัญ ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (eschar) ที่บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ โดยผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรง อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้

    นพ.มานิต กล่าวด้วยว่า แนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวนั้นประชาชนควรหมั่นดูแลและทำความ สะอาดบ้านเรือนเพื่อควบคุมและ กำจัดหนู โดยเฉพาะนักเดินทางที่นิยมท่องเที่ยงธรรมชาติ หรือเด็กนักเรียนที่ทำกิจกรรมเข้าค่ายในป่า ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะบริเวณทุ่งหญ้าชายป่า หรือบริเวณที่แสงแดดส่องไม่ถึง ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยของสัตว์พาหะหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรทายากันแมลงกัด หรืออาบน้ำให้สะอาดหลังออกจากป่า พร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดทันที ทั้งนี้หากพบผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัยว่าจะเกิดโรค เช่น มีไข้ขึ้นสูงปวดศรีษะ หลังจากกลับจากบริเวณพื้นที่เสี่ยงประมาณ 2 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ และเล่าประวัติการเข้าไปสัมผัสแหล่ง ก่อโรคโดยทันที เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ซึ่งจะช่วยลดอัตราความเสี่ยง และอันตรายจากโรคได้.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์
    21 สิงหาคม 2552, 20:00 น.

    ที่มา เตือนโรคร้าย หมัดหนูพาหะ รุนแรงถึงตาย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนเรื่องภัยพิบัติ !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=2fLGBg8-bi4]หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนภัยพิบัติ - YouTube[/ame]
    พิชญชนม์ สมาชิก

    หลวงปู่เมตตาเตือนภัยพิบัติเรื่อง:-

    1. น้ำท่วม
    2. โรคปากแห้ง (อดอยาก ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ปล้นฆ่ากัน)
    3. โรคระบาดที่มาทางอากาศ เกี่ยวกับทางเดินหายใจ

    หลวงปู่เมตตาบอกว่าให้ถือศีลห้าให้ได้ แล้วทุกคนที่ถือได้ จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ เพราะว่าไม่มียาชนิดใดรักษาได้ สาธุ ช่วยกันนำไปเผยแพร่สำหรับลูกศิษย์ผู้ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่กันครับ สำหรับใครที่ไม่เชื่อเรื่องที่หลวงปู่ท่านเมตตาเตือน ก็ไม่ต้องไปเตือนหรอกครับ เดี๋ยวจะเป็นบาปที่ไปปรามาสหลวงปู่ท่านครับ

    สำหรับเรื่องที่หลวงปู่เมตตาเตือนนั้น ท่านเตือนตั้งแต่กลางปี 2553 แล้วว่าประมาณต้นปี 2554 จะเกิดการนองเลือด (เกิดแล้ว ไม่บอกนะครับว่าเรื่องอะไร) และตอนปลายปีจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ (เกิดแล้ว ซึ่งครั้งนี้แค่มาเตือนยังมีครั้งใหญ่ที่จะตามมาอีก ซึ่งถ้าเกิดครั้งนี้ก็คงอยู่ไม่ได้แล้วต้องหนีอย่างเดียว น้ำจะท่วมกรุงเทพสูง 5 เมตร และน้ำจะไม่ลดเลย) และเมื่อประมาณกลางปี 2554 หลวงปู่ยังเมตตาเตือนอีกว่าซื้อเรือรึยัง (หลังจากนั้นไม่กี่เดือนน้ำก็เริ่มท่วมเลย)

    และเมื่อตอนปลายปี 2554 หลังจากที่น้ำเริ่มลดแล้ว หลวงปู่เมตตาเตือนอีกว่าของกินของใช้ที่เก็บไว้อย่าพึ่งเลิกเก็บ เพราะว่าเดี๋ยวจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่อีก และล่าสุดที่ท่านเตือนอยู่ทุกวัน คือให้ลูกศิษย์ตัดผมให้สั้นทั้งชายและหญิง ซึ่งท่านเมตตาเตือนครั้งนี้ ท่าทางจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากๆเลยครับ ตามที่ท่านอริยะมุนีบอกว่าหลวงปู่ถึงกับร้องไห้ เพราะว่าสงสารลูกศิษย์ของท่าน สาธุ สาธุ สาธุ

    ยังเลวอยู่มาก สมาชิก

    ตัดผมสั้น

    ด้วยเป็นห่วงจากพระธรรมมารดา (พระแม่ธรณี)ต่อเหล่าเวไนยสัตว์ เนื่องจากด้วยความสงสารสัตว์โลก พระแม่จึงทรงมีนิมิต มายังองค์หลวงปู่ให้ช่วยแจ้งข่าวต่อศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ว่านับเนื่องจากนี้ไปจะเกิดภัยอันตราย มากมาย จึงทรงมีบัญชาให้ทุกคนใม่ว่าชายหรือหญิง ตัดผมให้สั้นประมาณ 2 องคุลี หรือโกนผมใด้ยึ่งดี ถ้าใครตัดผมและรักษาศีล พระธรรมมารดาจะให้ความคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย ถ้าใครไม่ทำก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

    ท่านยังทรงบอกอีกว่า ถ้าใม่โกนตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ต่อไปแม้จะอยากโกนผม มีดโกนก็จะหาไม่ได้ ต้องใช้จอบและเสียมถากผมแทน แม้จอบและเสียมก็ยังหายาก ถึงขั้นต้องแย่งกัน เพราะตอนนั้นทุกคนก็ยังรักตัวกลัวตาย เมื่อใด้รู้ดังนี้แล้วจงรีบปฏิบัติเสีย ถ้าช้าแล้วจะไม่ทันการณ์ เมื่อใด้รู้แล้วก็จงบอกต่อๆๆกันไปเอาบุญ หลวงปู่ท่านได้ย้ำทุกวันด้วยความสงสารศิษย์ และท่านยังแอบร้องไห้ สงสารลูกศิษย์ที่ใม่ยอมเชื่อท่าน จงเชื่อครูบาอาจารย์เถิดท่านรักเรายิ่งนัก http://th-th.facebook.com/LuangpuHong?sk=wall&filter=2 เอามาจากกลุ่มศิษย์หลวงปู่ครับ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/หลวงปู...มื่อวันที่-1-ธันวาคม-2554-a.323738/?langid=34
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...