มิ่งเมืองอาร์ท พระเครื่องบ้านๆ ราคาเบาๆครับ

รายการที่ 266

พระอุปคุตกลีบบัว
หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม จ.อุบลฯ

(((คุณ ปรกโพธิ์ บูชาแล้วครับ)))



หลวงปู่ญาท่านสวน นามนี้ในปัจจุบันน้อยคนที่จะไม่รู้จักท่าน เพราะสื่อหลายสำนักได้นำประวัติ และวัตถุมงคลของท่านมาลงอย่างมากมาย และยิ่งหลวงพ่อคูณ ปริสฺทโธ แห่งวัดบ้านไร่ ยังเอ๋ยปากถึงความเก่งของหลวงปู่ญาท่านสวน หรือแม้กระทั่ง หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ยังเอ๋ยกับลูกศิษย์ ถึงว่า หลวงปู่ญาท่านสวน เป็นพระอรหันต์ และยังมีอีกมากมาย (อ้างอิงจากหนังสือ ครบ 100 วัน)



พระมหาอุปคุตอรหันตเถระ (รูปกลีบบัว) ตามภาพ จัดสร้างพร้อมกันกับ พระกริ่งชนะมาร อุปคุต ที่โด่งดังและสูงด้วยพุทธคุณ จึงไม่น่าแปลกที่พระกลีบบัวอุปคุต จะมากด้วยประสบการณ์เช่นกัน เพราะสร้างและอธิฐานจิตปลุกเสกในวาระเดียวกัน ซึ่งหลวงปู่ญาท่านสวนยังดำริ ให้นำเหรียญพระมหาอุปคุตอรหันตเถระ (รูปกลีบบัว) ประทับด้านหลังเบี้ยแก้ และยังกำชับผู้ที่นำเบี้ยแก้ไปใช้ ว่าห้ามห้อยเอว เพราะพระมหาอุปคุตอรหันตเถระ เป็นพระอรหันต์ให้ไว้ในที่สูง



เหรียญพระมหาอุปคุตอรหันตเถระ (รูปกลีบบัว) จัดเป็นเหรียญนิยมหลักอันดับ ๑ ในพระชุดเล็กของหลวงปู่ญาท่านสวน และมีประสบการณ์สูงมากๆๆ แม้แต่ในนิตยสารพระเครื่องยังต้องเขียนกำกับไว้ใต้ภาพถึงประสบการณ์ เหรียญกลีบบัว พระมหาอุปคุตอรหันตเถระ ตามที่นำลง สภาพเหรียญสวยมากๆ แดงๆๆ เส้นขนแมวเต็มพื้นเหรียญ พร้อมเลี่ยมเงินครับ

ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาท

 

รายการที่ 267

เหรียญรุ่นมหากุศล (อย.) พ.ศ.2532
หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
รุ่นนี้หลวงปู่ดู่ เดินญาณมาร่วมเสกครับ

(((คุณ อาทมาฏ บูชาแล้วครับ)))



ผมเคยเข้าไปอ่านในเวปบอร์ดสวนขลังซึ่งมีนักสะสมพระเครื่องของอาจารย์สุธันย์ สุขเสวีเข้ามาเขียนกระทู้ให้อ่านอยู่สองสามท่าน วันหนึ่งก็มีการพูดถึงเหรียญรุ่นหนึ่งของอาจารย์สุธันย์ที่สร้างด้วยการนำชนวนจำนวนมากตามสไตล์ของอาจารย์สุธันย์แล้วนำมารีดหลอมปั๊มเป็นเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อเกษมทรงระฆังแล้วการนำมาเข้าพิธีเสกในวันวิสาขบูชาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ โดยการอาราธนาหลวงปู่ดู่ วัดสะแกได้เดินญาณเสกในเวลาเดียวกัน เนื่องจากวัตถุมงคลรุ่นนี้มาการจัดสร้างจากหน่วยงาน "อย."….ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหายห่วงเรื่องการทำของเสริมย่อมไม่มีแน่นอน เป็นความสบายใจอีกเรื่องหนึ่งแถมพิธีนี้ได้พลังการเสกจากหลวงปู่ดู่ร่วมด้วยก็คงไม่ต้องการันตงการันตีอะไรกัน พระอริยเจ้าทั้งสององค์นั้นเคยเอ่ยรับรองกันและกันทางอ้อมๆ ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เอาไปตีความหมายกันอยู่ ผมไม่มีข้อมูลเรื่องวัตถุมงคลทั้งพิธีว่ามีอะไรบ้าง สร้างจำนวนเท่าไหร่ ก็ไม่ค่อยเห็นพระเข้าสนามในเมืองลำปางเท่าไหร่ เข้าใจว่าเสกเสร็จ ส่วนหนึ่งถวายให้หลวงพ่อแจกเอง ที่เหลือขนกลับไปแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ทางภาคกลาง ดังนั้นการกระจายพระเครื่องรุ่นนี้ในลำปางจึงจำกัด ผมไม่ได้บอกว่าหายากหรือสร้างน้อย เพียงจากประสบการณ์นั้นหาดูตามแผงเจอได้ไม่บ่อย เห็นที่ไหนก็คว้าหมับได้เลย พุทธคุณระดับพระอริยเจ้าสองรูปนี้ คุ้มครองไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ





ผมลองไปหาเรื่องราวความเกี่ยวข้องกันระหว่างหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อเกษม เขมโก ก็ต้องมีเรื่องราวให้แปลกใจ เพราะตามที่ทราบมานั้น หลวงปู่ดู่ ท่านไม่รับนิมนต์ไปนอกวัดมาเป็นเวลานับสิบปี เช่นเดียวกับหลวงพ่อเกษม เขมโกหลังจากท่านหนีจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ด้วยการยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสแต่ทั้งเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่รับหนังสือทั้งสองครั้ง หลวงพ่อเกษมจึงหนีออกจากวัดและไปปลีกวิเวกตามป่าช้า จนมาอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์ ท่านก็แทบไม่ได้เดินทางออกนอกเมืองลำปาง แล้วหลวงพ่อเกษมรู้จักหลวงปู่ดู่ได้อย่างไรและหลวงพ่อเกษมไปปรากฎกายที่กุฎิหลวงปู่ดู่ตามที่ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ที่เป็นพระไปพบเข้าได้อย่างไร



หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร ไม่มีใครทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่ดู่ กับหลวงปู่เกษม เพราะท่านไม่เคยเดินทางไปมาหาสู่กัน แต่ก็แปลกอย่างยิ่งที่ท่านทั้งสองมักกล่าวถึงกันเสมอ ๆ ช่างต่างจากทางโลกที่ว่าเมื่อฉันเก่งแล้ว ฉันก็จะเก่งที่สุดอยู่คนเดียว เก่งเหนือใครทั้งหมด ทิฐิมานะของผู้ปฏิบัติกับผู้ไม่ได้ปฏิบัติจึงต่างกันราวฟ้ากับดิน

หากยังมีใครสงสัยว่าเมื่อหลวงปู่ดู่ไม่เคยย่างกรายออกนอกวัดสะแกเลย เหตุใดหนังสือเอกสารประกอบวัตถุมงคลจึงชอบเขียนกันนักว่า หลวงปู่ดู่ วัดสะแกมีรายนามพระเกจิในพิธี อย่างเช่นพิธีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอายุครบ ๕๐ ปีนั้นก็ได้มีการนิมนต์หลวงปู่ดู่มาในพิธี มาร่วมอธิษฐานจิตเหรียญพระพุทธสิหิงส์จำลอง ที่จัดสร้างเป็นที่ระลึกและเพื่อจัดหาปัจจัยบำรุงมหาวิทยาลัยฯซึ่งประกอบพิธีที่อาคารหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีการนิมนต์พระเถระจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นหลวงปู่รับนิมนต์ที่จะร่วมพิธี แต่หลวงปู่ขอที่จะไม่เดินทางไป (ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติปรกติของหลวงปู่ที่งดรับนิมนต์ออกนอกวัด) หลวง ปู่กล่าวกับท่านอธิการบดีว่า ขอให้ปูอาสนะและผ้าขาวในส่วนที่นั่งสำหรับหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ได้สอบถามถึงกำหนดวันเวลาที่เริ่มพิธี เพื่อท่านจะได้นั่งกรรมฐานจากที่วัดในวันเวลาดังกล่าว.จึงเป็นข้อยืนยันได้ว่า หลวงปู่ดู่นั้นไม่ได้นั่งปลุกเสกในพิธี จะมีก็เพียงการปลุกเสกแบบเดินญาณมาเท่านั้น

[COLOR="Red"ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาท[/COLOR]

 

รับทราบการจองครับพี่

ส่งพรุ่งนี้ครับ ขอบคุณมากครับ ^^

 

รับทราบการจองครับพี่เสือ (ใช่ไหมหว่า)

ช้ากว่ากันไปเสี้ยวนาทีเองครับ โอกาศหน้านะครับ ^^"

 

10/11/56



พระมหามัยมุนี หน้าตัก 9 นิ้ว เนื้อไม้สักลงรักปิดทอง จำนวน 3 องค์ ที่ผมกับเพื่อนๆจะได้น้อมถวายแด่ครูบาอาจารย์ วันนี้ผมและเพื่อนๆได้ไปนำมาแล้วครับจากพม่า เย้ๆ

1.ถวายหลวงปู่ดวงดี วัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่
2.ถวายหลวงปู่ตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น เชียงใหม่
3.ถวายหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ เชียงใหม่

จะนำไปถวายหลวงปู่ดวงดีกับหลวงปู่ตั๋น วันที่ 22 พย นี้ ส่วนอีกองค์ถวายหลวงตาม้า วันที่ 23 พย ครับผม​

 

รายการที่ 268

พระสมเด็จหลังยันต์สิบ เนื้อทองระฆัง พิมพ์เล็ก
หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
รุ่นงานต้มยา 100 ปี พ.ศ.2554

(((คุณ pkchalerm บูชาแล้วครับ)))



พิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งที่ 1 ในวันที่ 19 กันยายน 2553 ณ ศาลาถาวโร วัดช่องแค โดยมีเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสกทั้งหมด 11 ท่าน

1.หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา
2.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
3.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา
4.หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
5.หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ชัยนาท
6.หลวงพ่อสุรีย์ วัดตาคลี นครสวรรค์
7.หลวงพ่อปัญญา วัดกกกว้าว นครสวรรค์
8.หลวงพ่อพริ้ง วัดหัวถนนใต้ นครสวรรค์
9.หลวงพ่อเอี้ยง วัดหนองสร้อยทอง นครสวรรค์
10.หลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน นครสวรรค์
11.หลวงพ่อละออ วัดหนองหลวง นครสวรรค์



พิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 มีนาคม 2554



1.หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา
2.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
3.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา
4.หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
5.หลวงพ่อสุรีย์ วัดตาคลี นครสวรรค์
6.หลวงพ่อเอี้ยง วัดหนองสร้อยทอง นครสวรรค์
7.หลวงพ่อละออ วัดหนองหลวง นครสวรรค์
8.หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดชัยมงคล นครสวรรค์
9.หลวงพ่อบุญตา วัดโคกเจริญ นครสวรรค์
10.พระอาจารย์ชนินท์ วัดรัศมีพรหมโพธิโก อุตรดิตถ์

พระสมเด็จหลังยันต์สิบ เนื้อทองระฆัง พิมพ์เล็ก ผสมชนวนทองระฆังเก่าของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค
พุทธานุภาพเป็นที่ประจักษ์กันมานานแล้วครับ

ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาท

 

รายการต่างๆรวมไว้ให้หน้าแรกนะครับ ขอบคุณครับผม​

 

รายการที่ 269

พระผงเนื้อใบลานเผา อุดผงอิทธิเจ พ.ศ.2523
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่

(((คุณ pkchalerm บูชาแล้วครับ)))



พระญาณสิทธญาณสิทธาจารย์ หรือ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ท่านเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ที่บ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บิดามารดาชื่อ นายสาน - นางสิงห์คำ วงศ์เข็มมา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 10 คน ท่านเป็นคนที่ 5 เมื่อท่านอายุ 17 ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดมหานิกาย ณ บ้านบัว นั้นเอง ตรงกับวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2469 โดยมีพระอาจารย์สีทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมา กองทัพธรรมของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เดินทางธุดงค์มาถึงหนองคาย และ ท่านก็เฝ้าดูสังเกตพระศีลวัตรปฏิบัติของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม และเกิดความเลื่อมใส จึขอถวายตัวเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต่อมาท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุจากสามเณรสิม กลายเป็น หลวงปู่สิม เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 โดยมีเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย) เมื่อครั้งยังเป็นพระครูพิศาลอรัญญเขต เจ้าคณะธรรมยุติจังหวัดขอนแก่น เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดดวงจันทร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "พุทฺธาจาโร" หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่าได้ติดตามพระอาจารย์สิงห์ ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวิเวกธรรม (วัดป่าบ้านเหล่างา) อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น วัดป่าบ้านเหล่างานี้เป็นวัดอยู่ในเขตป่าช้า (บริเวณโรงพยาบาลขอนแก่นในปัจจุบัน) ซึ่งท่านพระอาจารย์สิงห์ และ ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสำนักอบรมกรรมฐาน แก่ญาติโยมชาวขอนแก่น จากนั้นท่านก็เริ่มปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์สิงห์ ได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2480 หลังจากออกพรรษา ได้เรียนขออนุญาตต่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เดินทางธุดงค์กลับถึงบ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เพื่อโปรดญาติโยมที่บ้านเกิดตามคำอาราธนา และเมื่อหลวงปู่ปรารภ ที่จะให้มีวัดป่าธรรมยุติกนิกายขึ้นเป็นวัดแรกในบ้านบัว ญาติโยม จึงต่างสนองตอบ คำปรารภของหลวงปู่สิม อย่างกระตือรือร้นและเต็มอกเต็มใจ และในปี พ.ศ. 2504 ท่านพ่อลี ได้มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์จึงมอบหมายให้หลวงปู่สิม ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสชั่วคราว และในปี พ.ศ. 2508 และ พ.ศ. 2509 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าสุทธาวาส จำพรรษาอยู่ได้เพียง 1 พรรษา ในปี พ.ศ. 2510 หลวงปู่สิมได้อาพาธหลายโรค ท่านจึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสทุกวัด และไดเไปจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำผาปล่อง จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เวลา 3.00 น. หลวงปู่สิมท่านได้ถึงแก่มรณภาพ (ละสังขาร) ในแผ่นดินรัชกาลปัจจุบัน รวมสิริอายุได้ 82 ปี 62 พรรษา







“เณรสิมนี้ ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อใดจะหอมกว่าหมู่....”
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสนากรรมฐาน)

“ถ้าจะถวายกุศลถึงเราแล้ว ก็ขอให้นำไทยทานนั้นไปถวายท่านอาจารย์สิม ที่วัดโรงธรรมเถิด แล้วของสิ่งนั้นจะถึงเรา..”
(ครูบาเจ้าศรีวิไชย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้มานิมิตแก่แม่อุ๊ยชรา ซึ่งเป็นศรัทธาวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้ปรารถนาจะถวายทานไปหายังท่าน”ต๋นบุญ”แห่งล้านนา เมื่อพ.ศ. 2482 ซึ่งเวลานั้น หลวงปู่สิมได้บังเอิญจาริกธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโรงธรรมสามัคคี พอดี นับเป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง)

“ภิกษุนวกะผู้นี้ มีจริยาวัตรตามแบบอย่างพระพุทธเจ้า จำเราจักให้ฉายา”พุทฺธาจาโร” จึงจะควร....”
“ท่านสิมนี้ เขามีบุญบารมีที่ได้เคยสร้างสมมาแต่ชาติก่อนๆมากเหลือเกิน จะเป็นแรงกุศลให้เขาสำเร็จไว้กว่าคนอื่นๆ....”
“ในบรรดาศิษย์รุ่นน้องเราทั้งหมด ท่านฝั้นและท่านสิมนี้ นับว่าเป็นยอด.....”
(พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา)

“ท่านสิมนี้ เปิ้น(ท่าน)บรรลุแล้ว มีคุณธรรมสูงมากแท้ๆ...”
“ให้คอยตามหลวงปู่สิม ให้ดีๆนะ...”
(หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่)

“อาจารย์สิม ท่านเป็นพระเจ้า(พระพุทธรูป)ทองนะ.....”
“อาจารย์สิม ท่านเก่งมากเรื่องการธุดงค์และการปฏิบัติ..”
(หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี)

“ท่านสิม เป็นธรรมยุติ อยู่ทางเชียงดาวโน่น ท่านเก่งมากนะ...”
(ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน)

“หลวงปู่สิมนี้ เป็นผู้มีคุณธรรมสูงและมีพลังจิตแก่กล้ามาก.....”
(หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง)

“อดีตภาคของหลวงปู่สิมนั้น ท่านเป็นพระฤาษีเจ้าผาปล่องมาก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพระมหาฤาษีที่มีฤทธิ์มากที่สุด ซึ่งมีหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาตราบจนสิ้นภัทรกัปโน่นเลยนั่นแหละ....”
(หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน)

“หลวงปู่สิมนั้น เปิ้นสำเร็จพระอรหัตแล้ว ไปนิพพานแล้ว....”
(หลวงปู่หลวง กตปุญโญ วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง)

ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาท

 

รับทราบการจองครับ

 

รายการที่ 270

พระสมเด็จแช่น้ำมนต์ ฝังตะกรุดเงิน
"รุ่นพุทธคุณ" ปลุกเสก 12 สิงหาคม 2538

(((คุณ calamuz บูชาแล้วครับ)))



หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง อันจริยาวัตรของท่านหลายอย่างยังคงเป็นคำกล่าวขวัญกันอยู่ อย่างเช่น การขบฉันของท่าน ท่านก็ฉันแต่น้อย สองสามวันท่านจะฉันเพียงมื้อเดียวโดยท่านฉันรวม คือของคาวและของหวานเทรวมกัน บางครั้งท่านยังฉันข้าวบูดอีก ท่านนั่งบริกรรมกลางแดดในฤดูร้อนจนผิวหนังไหม้ ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางสายฝนในหน้าฝน ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของภาคเหนือ ตลอด ๓ เดือนเต็ม (นั่งบริกรรมกลางแจ้งโดยไม่เข้าร่มเลย) เคยมีผู้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ท่านนั่งบริกรรมกลางแจ้ง ท่านก็ตอบว่า " เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์ " และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ ระยะเวลาใน ๑ ปี หลวงพ่อจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และนับจากปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมาท่านก็มิได้อาบน้ำอีกเลย แต่ท่านกลับไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ แม้ว่าท่านจะออกนั่งภาวนาตากแดดก็ตามที เท่าที่ดูแล้วหลวงพ่อท่านกลับมีผิวพรรณผ่องใส ซึ่งท่านคงต้องเป็นผู้ตอบเองว่า เพราะอะไร และเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง วัตถุมงคลที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงมีอานุภาพสูง แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตามที



ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาทครับ

 

รายการที่ 271

พระปิดตามหาลาภ แช่น้ำมนต์ ฝังตะกรุดเงิน
"รุ่นพุทธคุณ" ปลุกเสก 12 สิงหาคม 2538
หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

(((คุณ pkchalerm บูชาแล้วครับ)))



หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง อันจริยาวัตรของท่านหลายอย่างยังคงเป็นคำกล่าวขวัญกันอยู่ อย่างเช่น การขบฉันของท่าน ท่านก็ฉันแต่น้อย สองสามวันท่านจะฉันเพียงมื้อเดียวโดยท่านฉันรวม คือของคาวและของหวานเทรวมกัน บางครั้งท่านยังฉันข้าวบูดอีก ท่านนั่งบริกรรมกลางแดดในฤดูร้อนจนผิวหนังไหม้ ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางสายฝนในหน้าฝน ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของภาคเหนือ ตลอด ๓ เดือนเต็ม (นั่งบริกรรมกลางแจ้งโดยไม่เข้าร่มเลย) เคยมีผู้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ท่านนั่งบริกรรมกลางแจ้ง ท่านก็ตอบว่า " เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์ " และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ ระยะเวลาใน ๑ ปี หลวงพ่อจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และนับจากปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมาท่านก็มิได้อาบน้ำอีกเลย แต่ท่านกลับไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ แม้ว่าท่านจะออกนั่งภาวนาตากแดดก็ตามที เท่าที่ดูแล้วหลวงพ่อท่านกลับมีผิวพรรณผ่องใส ซึ่งท่านคงต้องเป็นผู้ตอบเองว่า เพราะอะไร และเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง วัตถุมงคลที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงมีอานุภาพสูง แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตามที



ปิดรายการ
ช่วยค่าส่ง EMS 50 บาทครับ