ถามเรื่องการสวดมนต์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย The eyes, 26 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    แป่ว สวดหน้าพระสิ
    แล้วก็อธิษฐานว่า ให้ทุกคนในบ้านได้รับผลบุญนี้
     
  2. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    คร่าวๆนะคะ สายลป.ดู่-หลวงตาม้า
    ก็เป็นสายของพระศรีอารย์ไงคะ
    การสวดบทพระจักรพรรดิ+สัพเพ
    เป็นการทำเครือข่ายพลังงานให้โลก
    จะบรรเทาเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติไปได้
    (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวปถ้ำเมืองนะ)
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,014
    บทสวดที่พูดถึงนั่นเป็นบทสวดที่เน้นการสร้างบารมีที่จะสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติตาม
    ไปถึงจุดที่เราเรียกว่าบุญฤิทธิ์ได้.ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดแห่งฤิทธิ์ครับ เพราะเป็นฤิทธิ์เกิดจาก
    การสนับสนุนของภพภูมิระดับสูงร่วมกับกำลังจิตของตนที่ได้จากท่องบ่นคาถาเมื่อเหตุและ
    ปัจจัยเริ่มมาถึงเราจะเริ่มสัมผัสได้. เหตุจากกำลังสนุนระดับสูงตรงนี้ บทคาถาจึงมีการกล่าวถึง
    เกือบทุกภพภูมิเพราะท่านที่สนับสนุนมีความชำนาญแตกต่างกันในแต่ละด้าน หากเกิดเหตุสุดวิสัย
    จะส่งเสริมป้องกันเราตามความเหมาะสมครับ การเชื่อมต่อกับทุกภพภูมิที่ดีคือการเชื่อมจากทุกส่วน
    ของร่างกายเพราะจะเชื่อมได้หมดไม่ใช่เฉพาะการเชื่อมเป็นจุดแบบจักระ เพราะฉนั้นถ้าเราเริ่มร้อนทั้งตัว
    แสดงว่าเรามีโอกาสเชื่อมในกรณีนี้ได้ครับ แต่ร่างกายเรายังไม่แข็งแรงพอ กำลังสมาธิเรายังไม่พอ
    แต่สัมผัสเรามันล่วงหน้า คนที่สวดอย่าว่าแต่ร่างเชื่อมเลยครับหนังสือยังเชื่อมได้ถ้าตาดีมันมองเห็นได้
    ครับ การเชื่อมพวกนี้เป็นพลังงานคลื่นมันจึงข้ามเรื่องการเห็นเป็นภาพ ถ้าอยากไปถึงบุญฤิทธิ์อ่อนตรง
    ไหนก็แก้ตรงนั้นครับ. ไม่ใช่เพราะตัวบทคาถาครับ
    ปล.เสียงที่ได้ยินทางหูด้านขวาจากภายนอกถือว่าเป็นภพภูมิระดับดีแต่ไม่ควรสนใจ
    มากกว่าการอุทิศส่วนกุศลคับและไม่ต้องทักถ้าไม่ชัวจะปลอดภัยครับ
     
  4. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    แล้วมันต่างจากสายอื่นๆอย่างไรคะ?
    การสวดมนต์อะไรก็แล้วแต่ คนสวดไม่จำเป็นต้องเข้าสายไหนใช่ไหมคะ นั่นนับรวมถึงคนปฎิบัติธรรมด้วยใช่ไหมคะ ที่บอกว่าเป็นสาย คือคนที่นับถือพระเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ(เข้าใจถูกหรือไม่คะ)
     
  5. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ,คุณ nopphakan คะ ตรงที่บอกว่าอ่อนตรงไหนแก้ตรงนั้น ในกรณีนี้มันจะแก้ยังไง?
    ส่วนที่ได้ยินเป็นหูขวาจริง (พึ่งกลับบ้านไป สวดมนต์เสร็จจะนอน .ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์) ที่บ้านนอกจากเรื่องที่เคยเล่า ก็จะมีเรื่องเสียงสวดมนต์นี่แหละค่ะ ได่ยินบ่อยเวลาก็ซักเที่ยงคืนเป็นต้นไป สวดกันแบบหมู่มาก ถ้าซักสามสี่ทุ่มนี่แบบเดี่ยวๆ
     
  6. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    แบบกลิ่นหอมก็มีมา หอมกลิ่นดอกไม้มากๆ ตอนวัยรุ่นนี่จำได้เลย พอเข้าห้องนอนกลิ่นหอมติดจมูกเลย ประมาณสี่ห้าวัน พอเริ่มทำงานมีแฟนเรื่องพวกนี้ก็หายไป พอกลับมาอยู่คนเดียวอีก เหมือนมันจะกลับมา วันก่อนก็ได้กลิ่นหอมคุ้นเคยอีกเหมือนเค้ามาเยี่ยม พอเราพูดว่า อยากตัวหอมเหมือนท่านบ้าง กลิ่นหายไปเลย (มาเปิดร้านอยู่ในตัวเมือง)
     
  7. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    เรื่องสายก็ตามที่เข้าใจครับ คือเหมือนกับว่าเป็นแนวทางและวิธีการปฏิบัติของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ซึ่งก็มีพ่อเดียวกันคือพระพุทธเจ้าครับ ซึ่งวิชาแนวทางปฏิบัตินั้นความศรัทธาของเราต้องมี อย่างน้อยเรามีศรัทธากับพระพุทธเจ้าแล้ว แต่เราจะไปใช้วิชาแนวปฏิบัติของครูบาอาจารย์ท่านที่เป็นต้นวิชาก็ควรจะมีความเคารพเลื่อมใสในครูบาอาจารย์ท่านนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นวิชาที่เราจะใช้จะไม่ส่งผลเลยถ้าเราทิ้งครูบาอาจารย์ ถึงได้ก็ได้น้อย ซึ่งก็มีเหตุส่วนหนึ่งคือกระแสจิตเราปิดกั้นไปครับ (ตามความเข้าใจของผม)

    อย่างสายหลวงปู่ดู่(พรหมปัญโญ) คือเน้นการสวดมนต์เป็นการเจริญกรรมฐานภาวนา โดยเป็นพระคาถามหาจักรพรรดิ์เป็นหลัก เพราะพระคาถานี้ท่านเป็นผู้แต่งขึ้น แล้วแผ่กุศลผลบุญไปทั่วทั้งแดนสามโลกธาตุ ในขณะที่แผ่เราจะอาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์ พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ และบารมีหลวงปู่ดู่ มาเป็นกำลังในการปรับภพภูมิ(อุทิศบุญแผ่เมตตา) ทั้งนี้เพราะว่ากำลังการแผ่ของเราจะมีน้อยถ้าจะแผ่ไปทั้งสามโลกธาตุนั้นจะไม่ไหว จะไปได้ไม่ไกลนัก สายหลวงปู่ดู่ก็ไม่ทำอะไรมากนอกจากสวดมนต์ แผ่เมตตา โมทนาบุญ

    หลวงปู่ดู่ท่านว่าการอาราธนาบารมีของพระโพธิสัตว์มาเป็นกำลัง จะมาไวกว่า บารมีของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์ เพราะว่าบารมีของท่านที่เข้าสู่พระนิพพานไปแล้วจะไปรวมตัวอยู่ที่พระนิพพาน แต่กำลังของพระโพธิสัตว์นั้นยังกระจายตัวอยู่ในสามโลกธาตุยังไม่ได้รวมที่ไหน ซึ่งหลวงปู่ดู่ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้วพระองค์หนึ่งครับ

    เรื่องที่คุณนางสาวอยู่จ๊ะ บอกว่าเป็นสายพระศรีหรือระดับบารมีของหลวงปู่ดู่อันนี้ก็ไม่ควรจะนำไปพูดในที่สาธารณะเท่าไหร่ เพราะถ้าคนได้ยินแล้วไม่เชื่อ -->ด้วยใจอคติ(ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ผิด) แต่แค่นั้นก็ถือเป็นการปรามาสแล้วครับ เป็นโทษ จึงควรต้องระมัดระวังดีกว่าครับ :VO
     
  8. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    คนสวดไม่จำเป็นต้องเข้าสายไหนใช่ไหมคะ

    ใช่ค่ะ คนสวดเป็นสายอะไรก็ได้ตามจริต
    จะเกิดผลบุญของการสวด แล้วแต่อธิษฐานเอา
    ใครอยากจะจอดป้าย (ขอแรงครูให้ปฏิบัติได้ดี)
    หรือ จะไปต่อ (กลุ่มนักสร้างบารมี) ตามแต่เลือกเอา

    อยากฝากคุณไว้ว่า จะอธิษฐานอะไรให้คิดดีๆ
    เพราะมันจะตามเราไปตลอดๆ พอปฏิบัติไประยะหนึ่ง
    เราจะไม่มีอะไรป้องกันเราไว้นอกจากบุญบารมีของเราที่มี
    และอยากแนะนำบท พาหุงมหากา ของลพ.จรัญ
    กันไว้ก็ดี เผื่อต้องใช้ปกป้องจิตตัวเอง เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง


    บอกว่าเป็นสาย คือคนที่นับถือพระเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ
    (เข้าใจถูกหรือไม่คะ)


    ตามจริตเดิม และความผูกพันลึกๆ ดิฉันชอบเรื่องลึกลับเลย
    มาทาง ลพ.ฤาษี แต่แนวกัมมัฏฐานเป็น มหาสติปัฏฐาน
    (ไม่ใช่มโนมยิทธิ) แต่ส่วนการดูจิต มาใช้แนว ลพ.ปราโมทย์

    อยากฝากคุณไว้ว่าให้ทำอานาปานสติยืนพื้นไปเลยจะ
    ไม่ผิด ส่วนจะไปสายไหนคำตอบจะผุดขึ้นมาเองจากการ
    รู้ลมธรรมดานี่แหละ ขอให้โชคดีค่ะ
     
  9. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... เงิบ ... เราไม่มีสายอะ

    ..... รู้แต่ว่าเราจะพิจารณาจากสิ่งที่ท่านสอนไว้แล้วเอามาทดสอบกับตัวเองว่าเข้ากับเราได้ไหม๊ มีตรงไหนต้องตัดออก ตรงไหนต้องเพิ่ม .. ทำไปทำไม ทำแล้วจะเกิดอะไร มีทางลัดอื่นไหม๊ที่จะไปถึงจุดนั้น .. ที่เหมาะกับเรา ... เรียกว่าเอาตัวเองมาก่อน .. เราเป็นประเภทใช้ความรู้สึกที่เกิดในใจเราเป็นตัวเลือกช้อย แล้วค่อย ๆ คัดออก .. ไม่เกี่ยวกับตัวพระท่านนะคะ .. เราหมายถึงเนื้อหาอย่างเดียว .. อย่าคิดไปไกล

    ... อย่างพระหลายรูปที่เรานับถือก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร .. ส่วนมากชอบทำตัวแปลก ๆ อีกต่างหาก .. ซึ่งเราก็เป็นคนแปลกด้วยนะ 5555 .. แต่เรานับถือท่านเพราะความรู้ที่ท่านถ่ายทอดมาแม้เพียงไม่กี่ประโยคที่เราได้ยินเราก็จะนำไปพิจารณาต่อยอดเองได้เยอะทีเดียว .. แต่ถ้าอย่างพระที่ท่านมีชื่อเสียงที่เรารู้สึกนิยมก็มีหลายท่านเหมือนกัน .. องค์แรกเลยในชีวิตที่รู้จักตอนสี่ห้าขวบ คือ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง .. จากการแค่ได้เห็นรูปบูชาท่านที่พ่อค้าเร่เอามาขายให้พ่อที่บ้าน อันนี้รู้สึกรัก และ เกิดปิติขึ้นมาเองมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงท่าน .. หลวงตาม้าอันนี้คือพอดีส่งชื่อไปขอพระจากในเว็ปมาแล้วมีรูปท่านติดอยู่ในใบปลิวที่เขาแจกมาพร้อมพระ เห็นครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนคนกำลังเหนื่อย ๆ ได้กินน้ำหวานเย็น ๆ เป้นภาพท่านยิ้มน้อย ๆ ดูใจดี .. จนเราพยายามขึ้นไปหาท่านที่วัดถ้ำเมืองนะเพียงเพื่อขอแค่ได้กราบท่านสักครั้งก้พอไม่ได้คิดว่าอยากให้ท่านจะสอนอะไร .. เป็นต้น ถึงตรงนี้หลายท่านคงแปลกใจว่าเราทำไมคิดแบบนี้ แต่อีกหลายคนที่รู้จักเราจะเพอรู้ว่า .. สำหรับเราบางครั้งแค่นี้ก็เข้าใจถึงอะไรที่ซ่อนอยู่ได้มากมายเลยทีเดียวคะ ..

    ... พอฟังคนอื่นเขาพุดถึงเรื่องสายแล้วนี้เราไปไม่เป็นเลย .. เคยได้ยินเพื่อนหลายคนพูดอยู่บ่อย ๆ เหมือนกันสายพระต่าง ๆ นี้ .. แต่เราก็ยังงงอยู่เพียงคิดแค่ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมายนักแค่นั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  10. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ พอดีคิดว่าอยากจะปูพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้เรื่องธรรม เลยต้องรู้ข้อมูลหลายๆด้านก่อนนะคะ อะไรที่สงสัยก็ต้องถามให้รู้คำตอบก่อน จะได้ไม่เป็นคิดเองเออเองฝ่ายเดียว
    คำแนะนำทุกคำแนะนำของเพื่อนๆ ดิฉันคิดว่าเป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
    คุณ nop ค่ะยังรอคำตอบอยู่นะคะ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,014
    สมมุติว่าอ่านที่แนะนำให้เม้นแรกพอเข้าใจในเบื้องต้นนะ..
    กิริยาของคุณน้องถ้าสังเกตุที่อ่านจะพบว่าตัวเราสัมผัสมันล้ำหน้า
    ไปกว่าเรื่องของกำลังสมาธิและเรื่องของร่างกายในที่นี้ก็คือธาตุต่างๆ
    ที่ประกอบรวมเป็นร่างกายเรานั่นหละครับ.แต่มันไม่ใช่ประเด็นหาสำคัญ
    อะไรมากมายครับ..ไม่ต้องกังวล..เราเพียงแต่มาฝึกสะสมกำลังสมาธิ
    ให้มากขึ้น..ถ้าเราใช้วิธีชีวิตแบบคนเมืองคือใช้ความคิดในการทำงาน
    มีเวลาทำงานเป็นระบบ.หมดไปเรื่องกับเรื่องชีวิตประจำเยอะเราก็มา
    เจริญสติให้ต่อเนื่องตลอดทั้งวันในช่วงที่เราว่างเว้นจากเวลางานหรือ
    ก็เอาการเอางานที่เราทำนั่นหละครับเป็นการสะสมสมาธิคือตั้งใจทำงาน
    ให้เต็มที่..เราก็ได้สมาธิเล็กน้อยแบบสะสมตรงนี้
    จะวิธีการใดๆหรือแบบไหนก็ได้.ใจความสำคัญขอให้มีฐานอยู่
    ที่กายครับยิ่งหากระหว่างวันได้งีบ

    หลับตาซัก ๔ ถึง ๕ นาทีด้วยยิ่งดีเพื่อให้จิตเข้าสู่สภาวะสงบสร้างความ
    เคยชินให้กับจิตไว้ก็ยิ่งดีครับ..แล้วถ้ามีเวลาพอนั่งสมาธิเล็กๆน้อยเอา
    เพียงให้จิตใจเกิดความสงบก็พอ.ทำเท่านี้บ่อยๆ.ร่างกายเกี่ยวกับธาตุ
    เราและกำลังสมาธิเราก็จะเพิ่มขึ้นมาได้เอง.จะทำให้เรามีภูมิต้านทาน
    เรื่องพวกนี้ได้เอง..โดยที่ไม่ต้องไปรอว่าจะต้องไปฝึกสมาธิหรือคอยกังวล
    ว่าจะต้องใช้บทสวดมนต์บทไหนๆ..จะสวดบทไหนๆ ต้องดูว่าเพื่อ??
    .บทสวดมนต์ทุกบทก็เป็นอุบายเพื่อดึงให้จิตเกิดความสงบทั้งนั้นครับ
    เพียงแต่พอจิตสงบแล้วมันก็มีโอกาสที่จะพัฒนาสู่ความเป็นทิพย์ได้.
    พอพัฒนาสู่ความเป็นทิพย์ได้ผลของคาถาที่ได้แต่งไว้ก็จะออกไปตาม
    แต่ที่ผู้แต่งคาถาได้แต่งไว้เท่านั้นเองครับ.ผลที่เราได้จากการท่องบ่น
    ก็คือกำลังจิตและกำลังสมาธิไปในตัวไงครับ..ถ้าเราสวดบทที่ดีที่สุดในจักรวาล
    แต่เราไม่เข้าใจหลักการตรงนี้.บทที่ดีที่สุดในจักรวาลก็ย่อมไม่บังเกิดผลครับ.

    ..เพราะฉนั้นเราอ่านแล้วเราชอบบทไหนเราก็เลือกได้ตามความชอบ
    ของเรา ณ เวลานี้ครับจะเป็นบทสวดจากครูบาร์อาจารย์ท่านใดๆตาม
    ท่านก็มีแนวทางและเป้าหมายตามแต่ท่านจะตั้งไว้
    .เราอาจจะชอบท่านโน้น..ท่านนี้.เราก็เลือกของเราเองเลยครับ.
    เราไม่ต้องไปบ่งไปแบ่ง ไปแยกแยะ ไปตัดสิน ว่าบทไหนหรือของใครดีกว่ากันเพราะ
    ว่าจะทำให้ใจเรามันไม่เป็นกลางครับ.

    เอาว่าถ้าเราสวดแล้วมันทำให้เราดีขึ้นไหม
    จิตใจสงบขึ้นไหม กิเลสเรามันน้อยลงไหม มันดีทั้งนั้นหละครับ
    .ต่อให้การปฏิบัติหรืออะไรก็แล้วแต่เค้าแยกเพื่อเป็นแนวทาง
    สำหรับจริตที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
    .เราใช้เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับไว้เดินทางได้
    .เหตุและปัจจัยของแต่ละคนแตกต่างกันตามวาสนาบารมี
    อานิสงค์ที่ได้เคยทำมา.ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติ และบารมีที่สะสมมาตอนนี้.
    มันจะมีเหตุให้เราชอบบทนั้นบทนี้ได้เองหรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงได้
    ตามที่ได้กล่าวมาครับ..เพราะฉนั้นไม่ต้องซีเครียดอะไร.ชิวๆ.
    .
    แต่กรณีของคุณมันเป็นลักษณะเหมือนตนจะไปได้ดีในทางปฏิบัติ
    และสัมผัสต่างๆ..มันก็ต้องมีอะไรมา
    ขวางบางเป็นปกติครับ.
    และก็มาขวางเยอะซะด้วยซิครับ.สังเกตุได้ว่า
    แม้ว่าเราจะทำอะไรก็ตามมันจะมีเหตุให้เราลังเลสงสัยตลอด.ทั้งๆที่
    จะทำความดีแท้ๆ.ทำอะไรเหมือนจะได้ง่ายๆแต่สุดท้ายกลับไม่ได้
    .เพราะฉนั้นควรย้อนหันมาสนใจเรื่องการทำบุญอุทิศ
    ส่วนกุศล.เรื่องทาน ศีล ภาวนา
    .การอุทิศส่วนกุศลทั้งก่อนสวดมนต์นั่งสมาธิและหลังจาก
    ที่นั่งสมาธิและสวดมนต์แล้วเสร็จด้วยครับ

    ทุกอย่างมันจะสำเร็จพร้อมได้มันต้องอาศัยเหตุและปัจจัย
    หลายๆอย่างร่วมกัน.ซึ่งควรมีความสม่ำเสมอในเรื่องทำนองนี้ด้วยครับ
     
  12. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ขอแชร์แล้วกันครับ บทสวดมนต์บางบทจะมีเทวดาฟัง เช่น พระธารณปริตรเป็นต้นครับ บางบทเทวดาก็เฉยๆครับ ด้วยเหตุใดมิทราบครับ
     
  13. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบคุณค่ะ ให้เน้นทาน ศีล สมาธิ
    ที่ว่าขวางก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะเกิดเหตุบ่อยๆ เช่น.พอจะทำบุญกับคนที่มาเรี่ยไรตามร้าน ใจก็วิปลาศไปว่า "มิจฉาชีพหรือเปล่า " เลยไม่ทำ วันไหนตั่งใจจะตักบาตร ก็ให้ขี้เกียจตื่น ล่าสุดพอจะตั่งใจศึกษาธรรมรู้สึกว่าลูกค้าที่เข้าร้านน้อยลงทันที สมาธิกระแจงเพราะในสมองคิดแต่เรื่องรายได้ (ก่อนหน้าตั่งใจว่าจะหาคนมาช่วยร้าน ตัวเองจะลองเน้นทางนี้ดู ก็ต้องระงับไว้ก่อนง)ไปไหวรอยพระพุทธบาทบนเขา ตั่งใจขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร พอไปถึงนึกอะไรไม่ออก ได้แต่กราบนมัสการเท่านั้น ไม่อยากโทษอะไรได้แต่ทำใจและเริ่มระวังความคิดตัวเองแล้ว ก็ถือว่าอุปสรรคมีไว้ให้พุ่งชน เพราะรู้ว่าถ้ากัดฟันชนจะประสบความสำเร็จแน่นอน
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,014
    คุณ จขกท.คิดได้ประมาณนี้ตอนนี้ถือว่าดีมากครับ..
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ** ให้เน้นทาน ศีล สมาธิ

    ... เราขอเพิ่มอีกคำได้ไหม๊คะ " ปัญญา " นั้นคือ จุดเด่นของศาสนาพุทธคะอย่าลืม
     
  16. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ถาม;ขณะสวดมนต์มีอาการวูบ?
    อาการนี้เพิ่มจะเป็นช่วงนี้ ระหว่างวันก็เป็น พอมีอาการจะฝืนยืนสติไว้ เคยคิดว่าจะลองปล่อยดู. ดูซิว่ามันจะเป็นลมหรือเป็นอะไร .แต่อีกใจมันไม่กล้าปล่อยกลัวจะไม่ใช่เป็นลม ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย

    อีกข้อนะคะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องธรรม แต่มันเป็นคำถามที่ค้างใจมาตลอด คืนสมัยเรียน ตัวเองชอบมองเห็นเส้นสีแดง(เหมือนเส้นพลังงานที่มีชีวิต)วิ่งสลับไปมา จำนวนหลายเส้นที่พื้นค่ะ ทั่งพื้นดินและพื้นปูน แต่พื้นดิยนี่ต้องไม่มีหญ้าขึ้นนะคะ หลายสถานที่ สีที่เห็นมีสีแดงและฟ้า แต่ฟ้านี่นานๆครั้ง จะเห็นตอนแดดจัด หรือฝนตก (ตัวเองไม่ได้ตากแดดตากฝนหรอกนะคะ)ปัจจุบันไม่เห็นแล้ว ตกลงสายตาเราผิดปกติหรืออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  17. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    เรื่องสวดบทนี้แลวร้อนนี่มีคนเป็นเยอะเหมือนกันนะ แต่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะอะไร แต่อาการวูบนี่ เคยมีท่านหนึ่งบอกผมไว้ว่า "การปฏิบัติธรรมหรือพระกรรมฐานนี่บางทีอาจจะวูบๆไปบ้าง นั่นเพราะบางทีเขามาขอบุญจากเรา และจิตเราปิดอยู่เขาก็เลยโมทนาบุญไม่ได้.." เขานี่คงจะเดาออกนะครับว่าใคร และจะเป็นภพภูมิในเบื้องต่ำด้วยครับ ก็คือก่อนปฏิบัติและหลังปฏิบัติให้แผ่เมตตาและแผ่กุศลอย่างที่คุณ noppakan แนะนำ อาจจะต้องอธิษฐานเปิดใจว่าใครอยากได้บุญก็ขอให้โมทนาไปได้เลย (ความเห็นส่วนตัวและเคยลองทำอย่างนั้น)

    แต่ก็ไม่รู้นะ อาจจะมีจากสาเหตุอื่นด้วยนอกเหนือจากส่วนนี้ก็ได้
     
  18. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    นิวรณ์ 5 เครื่องกีดกั้นความดีงาม หรือการทำงานของจิต1.กามฉันทะ2.พยาบาท3.ถีนมินธะ4.อุทธัจจกุกกุจจะ 5.วิจิกิจฉา ในกรณีนี้คือ ถีนมินธะ คือ โงกง่วง ซึมเซา ง่วงเหงา หาวนอน นั่งสมาธิหรือสวดมนต์ทีไร หลับทุกที โงกทุกที จิตตกศูนย์ วูบ แต่ขาดสติ ต้องฝึกสติให้อยู่พร้อมสมบูรณ์ ฝึกประคองสติให้ดี หาสาเหตุการง่วง ๑. นอนไม่พอหรือไม่ ต้องพักผ่อนให้พอ ๒. อิ่มเกินไปหรือไม่ ๓. นิสัย วาสนาที่เคยชิน ต้องฝึกอย่ายอมแพ้ ก่อนวูบต้องรู้สึกก่อน จังหวะนี้ต้องคุมให้ได้ ลืมตาสำรวจดู นั่งตัวตรงไหม ๔. บางคนตั้งใจมากไป เส้นคอตึง จะหลับง่าย แหงนคอจะทำให้เส้นคลาย วิธีแก้ง่วง ๑.ไปล้างหน้าล้างตา นวดตรงปลายประสาทกระบอกตา ประสาทจะตื่นไม่ง่วง ๒. หายใจยาวๆ ลึกๆ อัดลมหายใจให้เต็มที่ กำหมัดเหมือนชก จะกระตุกปลายประสาทให้หาย ง่วง ๓. ลุกขึ้นยืน เปลี่ยนอิริยาบถ แนะนำคร่าวๆ การสวดมนต์คือการเตรียมจิต เป็นอุบายให้จิตระลึกถึงความดี เตรียมจิตให้พร้อมแก่การงาน คือการนั่งสมาธิต่อไป แต่ทั้ง2อย่างนี้ มักถูก เครื่องกั่นความดี หรือนิวรณ์5 เล่นงานก่อน ส่วนการเห็นนั้นผมว่าเกิดจาก ร่างกายครับ ส่วนใครจะแนะนำอย่างไรก้อแล้วแต่ท่านจะพิจารณาครับ ปล.ผมพูดตามที่ได้เรียนได้ศึกษามา หากผิดพลาดประการใดขออภัย ถือชะว่าแลกเปลี่ยนความรู้กัน ขอบคุณครับ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ยังไงจะเล่าให้ฟ Asvel เห็นว่าอุทิศก่อนและหลังนั่งมาแล้ว ถือว่าน่าผ่านเกณฑ์ระดับหนึ่ง
    ลองฟังหูไว้หูนะครับ..ส่วนตัวบอกก่อนว่าไม่ได้ปฏิบัติมาทางนั้น
    และไม่เคยพบ ลป.ด กับ หลวงตา.ม ผู้มีชื่อทั้ง ๒ ท่านนี้นะครับ.ยกเว้น ลป. มีชื่ออีกท่านที่ละสังขารไปแล้ว.

    แต่ด้วยความที่ต้องขอลองไปปฏิบัติดูก่อน ถึงจะมาออกความเห็นได้แต่อาจจะไม่ถูกหรือไม่ใช่ก็ได้เพราะ
    แม้ว่าตัวเองจะแค่เพียงระดับอนุบาลนะครับแต่ได้ลอง
    สวดบทสวดดังกล่าวมาแล้ว.และได้ลองเทียบเคียงแนวทางการปฏิบัติของ
    ตนในอดีตที่ผ่านมาดันคล้ายๆกับทางนี้โดยบังเอิญ
    แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมเหมือนทางตรงเค้านะครับ

    ยังไงก็ต้องยอมรับว่าการปฏิบัติทางด้านบารมีถือว่า
    ยังไม่มีใครจะครอบคลุมได้ขนาดนี้มาก่อน.ส่วนใครจะชอบ
    หรือไม่ชอบก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลครับ จริงๆที่พูดคุยกับครูบาร์อาจารย์
    ท่านบอกว่าทำอะไรได้มากกว่าที่พูดให้คนฟังแล้วจะเชื่อแต่ขอเล่า
    เฉพาะในส่วนที่เห็นว่าพอมีประโยชน์และเข้าถึงดีกว่า.

    ถ้าเราพูดถึงคนที่สัมผัสพวกพลังงานได้หรือเห็นเป็นกระแสได้ที่ข้ามเรื่องภาพไป
    .ปกติการที่เราจะสามารถเชื่อมกับพลังงานภายนอกได้.เราจำเป็นต้องเปิดจักระ
    ให้ได้อย่างน้อย ๗ จุดถึงจะสัมผัสได้เร็วแต่ต้องมีกำลังสติพอสมควรไม่งั้นจะถูก
    ควบคุมจากพลังงานภายนอกคือไม่สามารถบังคับร่างกายตนได้นั้นหละครับแม้ว่าจะ
    มีเครื่องรู้อะไรต่างๆมากมายแต่ก็ยังสุ่มเสี่ยงกับการโดนแทรกได้ครับ

    ..ที่นี้ยังมีบางกลุ่มนอกจากจักระทั้ง ๗ จะเปิดแล้วยังมีจักระเปิดเพิ่มเติ่มได้อีกคือ
    ที่กลางฝ่าเท้าและฝ่ามือและจะพัฒนาไปเปิดได้ทุกๆส่วนของร่างกายคือ
    ได้ทั้งตัวนั่นหละที่นี้เอาหลักๆนะครับการเชื่อมพลังงานในรูปแบบคลื่นนะครับ.
    ถ้าเป็นระดับพรหมหรือเทพมีฤิทธิ์เนี่ยจะเชื่อมได้ที่กลางศรีษะ
    ถ้าใครตาดีมองเห็นได้ ไปมองที่ระดับเทพพรหมมีฤิทธิ์แล้วจะเข้าใจ
    ที่พูดว่าจริงหรือไม่ ลองพิสูจน์ดูได้นะครับในอนาคต.ถ้ายังมาทาง หลวงตามีชื่อ
    ท่านนี้ส่วนตัวเชื่อว่ามีโอกาสจะเห็นกันได้ทุกคนและเห็นเป็นปกติได้ครับ.

    และก็ถ้าต่ำกว่านั้นลงมาจะประมาณข้างๆศรีษะ แต่ถ้าเป็นสัมพะเวสีจะต่ำกว่าระดับ
    ท้องลงมาส่วนมากจะที่บริเวนขา.ส่วนระดับพระพุทธฯหรือพระโพธิจะเป็นบริเวณหน้าอก
    ที่นี้.คนที่ตัวร้อน หรืออุ่นๆนั้น ส่วนหนึ่งเป็นไปได้ว่า ตนเองเคยฝึกการสัมผัสถึงขั้นที่เล่า

    ให้ฟังมาก่อนหน้านี้.หรือเป็นไปได้ว่า.การสัมผัสระดับนี้มันกำลังจะเข้าสู่
    ขบวณการที่จะทำได้..แต่เนื่องจากเป็นการสร้างบารมีร่วมกับภพภูมิส่วนหนึ่ง
    ร่วมกับการท่องบ่น.อาจจะขาดในส่วนของการสร้างจิตให้เกิดกำลังจิต
    จากวิธีการสร้างภาพต่างๆ.หรือการสะสมสมาธิยังไม่เข็มแข็งพอ
    แต่ว่าสัมผัสมันดันล่วงหน้าไปก่อนกำลังสมาธิ.พูดง่ายมันยังไม่สมดุลกัน
    เลยทำให้เกิดอาการตัวร้อนในลักษณะดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นครับ
    ..
    ปล.ไว้ลองพิสุจน์ด้วยตัวเองดูได้ครับ..ถึงได้บอกจะถึงขั้นบุญฤิทธิ์ได้.มันก็ต้องเชื่อม
    ได้กับทุกภพภูมิเป็นปกติ.การจะเชื่อมได้ดีที่สุดก็คือเชื่อมของจากตัวเรา จากร่างกาย
    เราทั้งหมดนั่นหละครับ..เพราะว่าเวลาเราไปไหน ถ้าเจอส่วนภพภูมิมันจะเป็นอัตโนมัติ
    ของมันเองให้เราให้ไปมอง และเราจะทราบได้ว่า ตรงไหนมีพลังงานระดับไหนนั้นเอง
    เล่าๆให้ฟัง พอจับใจความได้ไหม หวังว่าจะพอเข้าใจเนาะ..
     
  20. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ขอบคุณคุณ noppakan ที่เล่าให้ฟังครับ ก็พอจะเข้าใจอยู่ครับ ต้องอ่าน 2-3 รอบ (จริงๆแล้วตาลายตรงสีอักษร :p)

    ความจริงส่วนตัวผมไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรมากครับ หลวงตาม้าผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปพบท่าน แต่ว่าออนไลน์สวดมนต์กับทางวัดทุกวันแล้วได้ฝากถามหัวข้อธรรมผ่านเจ้าหน้าที่เท่านั้นเอง อาศัยว่าได้ฟังธรรมจากท่านมากพอสมควร ส่วนเรื่องของการเปิดจิตอุทิศบุญก่อนนั่งสมาธินั่น อันนั้นถ้าว่ากันตามตรง ท่านที่บอกนี่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ไม่ใช่ว่าผมไปสัมผัสหรือสื่อสารกับท่านเอง คือได้ไปเจอคนคล้ายๆแบบคุณ Kalina น่ะครับ (คงเข้าใจนะครับ) แล้วท่านก็บอกมาอย่างที่กล่าวไว้ แต่ท่านบอกแค่ว่า "ให้อธิษฐานเปิดจิตให้เขารับบุญกุศลได้" ประมาณนี้ และผมก็ไม่ได้ถามว่าทำอย่างไรแต่ลองมาคลำดูเอง ครั้งที่สองไปเจอท่านท่านก็ถามว่า "ดีขึ้นไหม" และท่านก็ไม่ได้ทักว่าผมทำถูกหรือผิดเพี้ยนไป แล้วก็ปฏิบัติแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนหยุดปฏิบัติไป คือเห็นว่าน่าจะพอมีสาระประโยชน์กับเจ้าของกระทู้แต่ก็อยากเลี่ยงในรายละเอียดเลยต้องพูดอย่างนั้น แต่มาอ่านดูอีกทีแล้วคิดว่า คนอ่านจะคิดไปว่าเราปฏิบัติดีปฏิบัติได้ไปเสีย (ลำบากจัง) ^^"

    แต่ก็ถือว่าเอาความรู้มาบอกกันครับ ซึ่งถ้าต่อไปผมถึงตรงนั้นแล้วจะลองดูครับ แต่ตอนนี้คิดว่าจะค่อยๆทำไป ไม่อยากอ่านอะไรที่ลึกซึ้งมากเพิ่มเติม เพราะกำลังกลุ้มใจไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต หาทางออกยังไม่ได้ เพิ่งจะกลับมาหัดคลานต่อไม่กี่เดือนนี่เองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...