เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : รำลึกถึงความลำบากยากแค้นแสนเข็ญของชาวนาฯ

    ตอน : มันมาจาก...ตื่นเช้าขึ้นมา ลูกคุณจะกินอะไรก็ได้ แต่ ลูกฉันไม่มีอะไรจะกิน(ตอน 1)

    ผมเห็นแม่บ้านผมน้ำตาไหลเมื่อได้ยินชาวนาพูดประโยคนั้น ปกติผมก็ชอบล้อเลียนแม่บ้านโดยเปิดเพลง"กลิ่นโคลนสาบควาย"ของชาญ เย็น

    แข ให้ฟังเสมอๆ เพราะเขาชอบพูดว่าตอนเป็นเด็กหัวยังไม่พ้นคันไถก็ต้องทำนาไถนาแล้ว ส่วนผมก็ได้เพียงรับจ้างเกี่ยวข้าว ดายนา ช่วยขนข้าว

    ขึ้นลอม หรือไปช่วยหมุนสีฝัดบ้างเป็นบางครั้ง ก็มานั่งทบทวนว่าจะเขียนถึงชาวนา เอาแบบสมัยก่อน เผื่อว่าจะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาอ่านจะได้รับรู้

    ถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็น โดยขอร้องให้แม่บ้านเป็นที่ปรึกษา..........

    การทำนาสมัยก่อนเป็นการใช้แรงคน,แรงวัวแรงควายล้วนๆ อาจจะมีเครื่องทุ่นแรงก็ตอนขนข้าวเปลือกเข้าลานหรือขนเอาไปขาย เริ่มกันตั้งแต่ฤดู

    ไถนา การไถนาที่ผมเห็นเป็นประจำก็มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 ไถดะ พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการไถเพื่อเตรียมดิน อาจจะไถไปตามความยาวของนา จะ

    ไถตั้งแต่ต้นฤดูฝนหรืออาจจะก่อนเล็กน้อย ขั้นที่ 2 เรียกว่าไถแปร เป็นการไถเพื่อเตรียมหว่านข้าว จะไถตัดกับที่เป็นรอยไถดะ เมื่อหว่านข้าว

    เสร็จแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนที่ 3 คือไถกลบ เพื่อกลบเมล็ดพันธ์ วิถีชาวนาเริ่มตั้งแต่หน้าไถนา ทุกๆ เช้ามืดอาจจะประมาณตีสี่ตีห้า จะได้ยินเสียง

    คน เสียงวัวควาย เสียงล้อเสียงเกวียน ของบ้านที่จะออกไปไถนา แล้วก็จะได้ยินพวกเขาเดินผ่านทางของหมู่บ้านออกไปสู่ท้องนา พวกเขาจะกะ

    เวลาให้ไปถึงนาสว่างพอดีกับเวลาที่จะเริ่มไถนา ส่วนคนที่ไม่ได้ไปพร้อมกับคนไถนาก็คือแม่บ้าน แม่บ้านจะออกจากบ้านตอนสว่างแล้วพร้อม

    กับหาบสำรับกับข้าว จะไปถึงนาตอนสายหน่อย กิจกรรมในท้องนาตอนนั้นก็จะไถนากันไป บางทีก็สอนงานเด็กให้รู้จักไถนา รู้จักบังคับควาย

    และบางทีก็สอนควายด้วย พวกเด็กๆ ก็มีงานอีกอย่างคือเดินตามรอยไถเพื่อเก็บหอยโข่งเอากลับไปขายหรือบางคนก็เอาไปทุบเลี้ยงเป็ดที่บ้าน

    สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับเด็กคือ จับจิ้งหรีดเอาไปกัดกัน มีความรู้เรื่องดูจิ้งหรีดแบบเกจิทั้งนั้น แบบไหนกัดดีกัดทน ลักษณะไหนหนีง่ายรู้หมด

    ไม่รู้ว่าไปเอาตำราที่ไหนมา แต่ที่แน่ๆ เก็บเกี่ยวความรู้กันมาไม่น้อย...........

    [​IMG]

    การไถนาด้วยควาย

    [​IMG]

    ไถนาด้วยวัว

    นอกจากเด็กๆ จะเรียนรู้เรื่องการไถนาแล้ว เด็กๆ ยังมีรายได้จากการเก็บหอยโข่งขาย แต่เด็กบางคนจะถูกห้าม เพราะพ่อแม่บางครอบครัวที่ใจ

    บุญและมีความเชื่อเรื่องบาปบุญ เขาจะสอนเด็กว่าอย่าไปทำเลยเพราะหอยโข่งมันก้มหน้าตลอด เวลาเราทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้มันๆจะไม่รับ

    ก็ว่ากันไปตามความเชื่อ ครอบครัวผมก็ไม่หากินกับหอยโข่งเหมือนกันทั้งๆ ที่จนแบบสุดๆ อีกอย่างหนึ่งที่เด็กๆ ได้คือหนทางแห่งการเป็นผู้นำ

    และความมีเมตตาต่อสัตว์ ผมเคยเขียนไปแล้วตอนอะไรก็จำไม่ได้เกี่ยวกับควายลูกผสมระหว่างควายบ้านกับควายป่าที่ชื่อ"ไอ้ทับทิม" ไอ้

    ทับทิมถ้าได้ยินเสียงกลองเพลมันจะหยุดไถนาทันที คนที่ใช้มันหรือถือคันไถอยู่ต้องรีบปลดมันออกแล้วปล่อยมันไปพักผ่อนฯ ควายตัวอื่นๆ ก็

    เหมือนกัน มันรู้ว่าเสียงกลองเพลคือการบอกว่าถึงเวลาพักของมัน คนหรือเจ้าของจะต้องปล่อยมันให้ไปพัก ไปลงหนองน้ำ ไปเกลือกปลัก

    เกลือกโคลน เด็กๆ ที่ได้เรียนรู้เรื่องการปล่อยวัวปล่อยควายให้ได้พักผ่อน พอเลิกงานนาก่อนเข้าบ้านก็จะพาไปอาบน้ำ ขัดถูตัวให้มัน ให้หญ้า

    อาหารกับมัน เด็กๆ เหล่านี้พอโตขึ้นเป็นเจ้าคนนายคนจะได้มีเมตตา รู้จักดูแลเอาใจใส่คนในบังคับบัญชา ให้รางวัลหรือชมเชยกันบ้าง ไม่ใช่ลูก

    น้องไปด่าลับหลังว่า วัวควายเขายังปล่อยให้พัก ไม่ใช้ทำงานในวันโกนวันพระ นายเราใช้เราทำงานแบบว่า"ใช้ยิ่งกว่าวัวยิ่งกว่าควายเสียอีก"

    โดยทั่วไปหลังเสร็จงานนาแล้ว เขาจะปรนเปรอวัวควายอย่างดีให้สมกับที่ทำงานหนักมา บางบ้านก็จะทำข้าวเหนียวเปียกโดยใส่น้ำตาลสีรำที่เรา

    ใช้กินกับข้าวเม่า เปียกข้าวเหนียวกันเป็นถงเพื่อให้ควายกิน หลังจากหว่านข้าวเสร็จชาวนาก็จะว่างงานบ้าง คือไปดูนาบ้างไม่ไปบ้าง คอยดาย

    นาคือการกำจัดวัชพืชเป็นระยะๆ สมัยก่อนโน้นยังไม่มียาฆ่าหญ้าหรือว่ายากำจัดวัชพืช การว่างงานของชาวนาที่ผมบอกว่าเป็นระยะๆ เขาเรียกว่า

    "การว่างงานแฝง" นี่ก็เป็นต้นทุนของการทำนา รายได้ที่ขาดไปเพราะจะไปรับจ้างใครก็ไม่ได้ เช่น น้ำหลากมาจะเข้านา หรือน้ำท่วมนาบางส่วน

    ทำให้ข้าวบางไปก็ต้องรีบหว่านซ้ำให้ทันกันเป็นต้น ต้นทุนค่าข้าวชาวนาต้องรวมรายได้ที่หายไปในช่วงการ"ว่างงานแฝง" และดอกเบี้ย ธกส.

    ด้วย

    ความยากแค้นแสนเข็ญของชาวนาในช่วงฤดูไถหว่าน ก็มีตั้งแต่ตื่นแต่เช้า ตากแดดไถนา กรำฝน ทนเดินในหล่มโคลนหรือสดุดหัวขี้แต้ มัน

    สารพัดกับความรำเค็ญ เคราะห์หามยามร้ายโดนฟ้าผ่าตายก็มี...ตอนนี้คงพอก่อน เพียงแค่สอนเด็กๆ ให้รู้จักมีเมตตาให้กับวัวควาย จะได้เป็น

    นายที่ดีในตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เอาไว้ต่อตอนหน้า ขอขอบคุณมากครับ...สวสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  2. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    วะมาภาคะโพ
    เน 4 9 2 ส
    มะ 3 5 7 พพฺ
    ภา 8 1 6 อา
    เล พพฺ ส สสฺ ย


    วงนอกอ่านวนจากซ้ายไปขวาเวียนลงด้านล่าง ได้ดังนี้

    วะมาภาคะโพ สัพพะอายัสสะ สัพพะเลภามะเน

    ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคาถาอะไร

    ตัวเลขรอบในเป็นยันต์จตุโรดังนี้


    จตุโร (๔) นวโม (๙) เทฺวโช (๒)
    ตรีนิ (๓) ปัญจะ(๕)สัตตะ(๗)
    อัฏฐะ(๘)เอกะ(๑)ฉ้อวัชราชา(๖)
     
  3. one-zee

    one-zee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    5,752
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,764
    สวัสดีครับ

    วันนี้ 28/02/2014 เวลา 17:31 น.

    ผมได้โอนเงิน จำนวน 560.05 บาท เพื่อร่วมบุญสมทบทุนจัดสร้างที่พักสามเณรฤดูร้อน... วางศิลาฤกษ์ ณ วัดป่าแดง

    ขออนุโมทนาบุญกุศลกับทุกคนทุกท่านครับ สาธุ.... yimm
     
  4. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    ขอบคุณครับ

    ชื่อนี้ผมไม่ค่อยคุ้น แต่ถ้าชอบพระเครื่องที่เสกมานานๆ ก็แนะนำรุ่นนี้แหละครับ เพียงแต่อาจจะใหญ่ไปซะหน่อยสำหรับคนชอบเลี่ยมทอง

    รุ่นนี้ถ้าสังเกตเนื้อ จะหมือนกับหนุมาน,พ่อปู่ฤษี ฯลฯ เพราะจัดสร้างมาพร้อมกัน

    แต่ถ้าไม่สนใจว่าจะเป็นรุ่นไหน ขอแค่ทำบุญ ก็ขอร่วมเป็นพรหมด้วยคนครับ
     
  5. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เลข๖ ผมอ่าน ฉะวัชราชา (อ่านว่า ฉะ-วัช-ชะ-รา-ชา ใช่หรือไม่)
    จริงๆแล้วอ่านได้กี่แบบครับ

    ส่วนตัวคาถาล้อมเลขะ ผมก็ไม่รู้ แต่เคยเห็นลงจารในแผ่นยันต์ก็มี....

    ขอบคุณครับ
     
  6. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    เลข ๖ ภาษาบาลีอ่านได้ ๓ แบบคือ

    ฉะ

    ฉอ

    ฉ้อ

    แบบที่ ๑ กับแบบที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ ไม่โปรดเพราะ

    ฉะ เสียงเหมือนคำว่า ฉะ ที่หมายถึง เฉาะ ผ่า ปะทะกัน วิวาทกัน

    ฉ้อ เสียงเหมือนคำว่า ฉ้อ (ช่อ) ของคำว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง ขี้ฉ้อ (ฉ้อโกง)

    พระองค์ทรงออกประกาศให้อ่านว่า ฉอ แต่พระโบราณอยู่หัวเมืองชั้นนอก
    ยังเคยชินกับแบบเดิม ๆ คือ ฉะ และ ฉ้อ ตามแแบบที่ครูสอนมาก็ยังคงออกเสียงแบบเก่า
    จึงมีทั้ง ฉะ ฉอ ฉ้อ ดังนี้แล
     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ขอถามคำถามง่ายๆ แต่เด็กเทพฯไม่เข้าใจ

    ข้าวสาร เวลามันเน่า มันจะกลายเป็นรา แล้วเปลี่ยนเป็นแป้งหรือเปล่าครับ

    การเมือง - สตง.อายัดข้าวเน่า 3 โกดังพิษณุโลก พบผิดสัญญาจ้างอื้อ

    ผมอ่านข่าวแล้วไม่เข้าใจ

    ข้าวที่เน่าหรือกลายเป็นแป้งนี้ นำไปทำประโยชน์ได้อีกไหม?
    (ทำข้าวหมากได้หรือเปล่า/สาโทล่ะ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. totto99

    totto99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    3,081
    ค่าพลัง:
    +58,875
    ผมโอนเงินให้แล้วครับ 8260 บาท
    1/03/14 17:48 น.
    ที่อยู่เดิมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    01 มีนาคม 2557

    นพ.บรรจบ 'จำนำ' ทำข้าวค้างสต๊อกนาน ราขึ้น ก่อมะเร็งตับ
    เขียนโดย ณัฏฐพัชร์ ทัศนรุ่งเรือง

    อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ หวั่นสต๊อกข้าวล้นนอนในโกดัง เก็บรักษาไม่ดี ราขึ้น ก่อมะเร็งตับ จี้เลิกจำนำข้าว วอน 'กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์' ทำหน้าที่สุ่มตรวจข้าวบรรจุถุงด่วน



    จากรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรสหประชาชาติ (FAO) คาดว่า ปีนี้ ประเทศไทยจะมีสต๊อกข้าวสารเพิ่มขึ้นเป็น 18.2 ล้านตัน อาจทำให้ไม่มีโกดังเก็บผลผลิตจากโครงการรับจำนำข้าวที่แพงกว่าราคาตลาดโลก

    ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 - 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่รัฐบาลริเริ่มโครงการรับจำนำข้าว ได้ซื้อข้าวเปลือกแล้ว 29 ล้านตัน คาดว่า รัฐบาลมีข้าวเก็บไม่ต่ำกว่า 17-18 ล้านตัน

    ในส่วนประเด็นสต๊อกข้าวล้นนอนกองในโกดัง ก็มีการคาดการณ์กันด้วยว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี ถึงจะระบายข้าวได้หมด ไหนยังมีความเสี่ยงสูงที่ข้าวจะเสื่อมคุณภาพลง กลายเป็น "ข้าวเน่า" อย่างที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความเป็นห่วง

    หากมองเฉพาะกรณีการเก็บสต๊อกข้าวไว้นานๆ กับการผลกระทบด้านสุขภาพผู้บริโภคนั้น นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และอดีตกรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าวกับ "สำนักข่าวอิศรา" ว่า นโยบายรับจำนำข้าวเกิดขึ้นมา เพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาแพงกว่าตลาดนั้น ขณะนี้พิสูจณ์แล้ว ข้าวไทยราคาแพง แข่งขันกับตลาดต่างประเทศไม่ได้ รวมทั้งมีปัญหาการระบายออก ขณะเดียวกันจำนำข้าวก็ทำลายเกษตรอินทรีย์ ทำลายพันธุ์ข้าวดีๆ ของประเทศไทย จนวันนี้มีแต่พันธุ์ข้าวขี้กะโล้โท้

    "ผมอยากจะบอกว่า ข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในโกดังนานๆ เชื้อราชอบ ยิ่งเมื่อข้าวขึ้นรา ก็จะยิ่งขายไม่ออก และเมื่อข้าวขายตลาดต่างประเทศไม่ได้ บริษัทเอกชนในประเทศก็ซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อมาสีเป็นข้าวขาวบรรจุถุงขาย ซึ่งข้าวเปลือกที่สีเป็นข้าวสารบรรจุถุงนั้น จะมีเชื้อราตกอยู่ในข้าวสารเต็มไปหมด" นพ.บรรจบ กล่าว และว่า เวลานี้คนไทยทั้งประเทศบริโภคข้าวสารบรรจุถุง ซึ่งก็คือข้าวขึ้นเชื้อราทั้งนั้น ตนถือว่า จำนำข้าวเป็นนโยบายที่เลวร้ายมาก ฆ่าคนไทยทั้งประเทศ ตนบอกได้เลยว่า หากรัฐบาลยังดำเนินนโยบายรัฐจำนำข้าวต่อไปอีก 1-2 ปี คนไทยจะเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นทวีคูณ โดยเฉพาะมะเร็งตับ

    ข้าวค้างสต๊อก เก็บไม่ดี ราขึ้น มะเร็งถามหา

    อดีตกรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึง "เชื้อรา" ที่เกิดขึ้นกับพืชพรรณธัญญาหารว่า เกิดขึ้นสม่ำเสมอในประเทศเมืองร้อน จะเห็นว่า เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ประเทศไทยตื่นเต้นกันมากเมื่อเจอ"อะฟลาทอกซิน" (Aflafoxin ) ในถั่ว จนคนไทยกลัวการกินถั่วลิสง ซึ่งตัวนี้คือสารพิษที่เกิดจากเชื้อราตัวสำคัญที่ก่อมะเร็งตับอย่างแรง

    "เราต้องรู้ธัญพืชทุกชนิด หากกระบวนการเก็บไม่ดี เชื้อราจะขึ้น จะมีเชื้อราอะฟลาทอกซิน บางที่ก็เรียกไมโครทอกซิน ที่อยู่ในธัญพืชที่ขึ้นรา และแม้ว่าข้าวขึ้นรา จะขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บด้วยว่า เก็บดีหรือไม่ดี ก็ตาม แต่บางครั้งแค่เดือนเดียว กระบวนการเก็บสต๊อกข้าวไม่ดี ก็ขึ้นราแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงข้าวในโครงการรับจำนำ ที่ค้างสต๊อกเป็นปีๆ"

    เมื่อถามถึงวิธีการรมยาข้าว ใช้สารเคมีในการรักษาคุณภาพข้าว นพ.บรรจบ กล่าวว่า ยิ่งร้ายไปใหญ่ คนไทยนอกจากบริโภคข้าวที่มีทั้งเชื้อราแล้ว ยังจะต้องเจอสารพิษที่ใส่เข้าไปอีก

    "ประเด็นนี้ไม่เข้าใครออกใคร ผมถึงบอกว่า วันนี้คนไทยต้องตระหนักไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร รัฐบาลนี้กำลังใช้นโยบายจำนำข้าวฆ่าคนไทยทั้งประเทศอย่างเลือดเย็น ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไรก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งเท่ากันทุกคน"


    นพ.บรรจบ กล่าวอีกว่า ตามหลักการเมื่อรับซื้อข้าวมาก็ต้องเร่งระบายขายออกไป และรับซื้อข้าวใหม่กลับเข้ามาอีก สมัยก่อนพอถึงฤดูข้าวใหม่ คนไทยจะมีข้าวใหม่กิน แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ดังนั้นอยากให้คนไทยตระหนักกันว่า รัฐบาลนี้ไม่รักสุขภาพคนไทยเลย ถึงเวลาแล้วรัฐบาลต้องล้มเลิกจำนำข้าว และหากไม่เลิกโครงการจำนำข้าว ก็แปลว่า รัฐบาลกำลังฆ่าคนไทยทั้งประเทศ และทางเดียวที่หากรัฐบาลยังไม่ตระหนัก คือ ต้องเปลี่ยนรัฐบาล

    "รัฐบาลนำเงินภาษีอากรของคนไทยทั้งประเทศ มาอุดหนุนชาวนา แต่ขณะนี้ข้าวกำลังเป็นพิษ ไม่เฉพาะเป็นพิษสร้างความเสียหายให้แก่ ธ.ก.ส. จนไม่มีเงินทุนสำรองเท่านั้น โครงการนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยด้วย" อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าว และว่า การเก็บสต๊อกข้าวไว้นานๆ กับการทำให้คุณภาพข้าวเสื่อม มีเชื้อรานั้น เราไม่ต้องเถียงกันเรื่องงานวิจัยเลย เพราะกลไกของรัฐอยู่ในมือรัฐบาลหมดแล้ว เรื่องข้าวเก็บสต๊อกไว้นาน เชื้อราขึ้น จึงเป็น Common Sense คนปกติธรรมดาทั่วไปควรจะต้องรู้

    นพ.บรรจบ กล่าวต่อว่า เชื้อราชนิดนี้ ทนความร้อน ทำให้สุกแค่ไหน ก็ไม่หมดไป ดังนั้นทางออกเฉพาะหน้า วิธีที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพคนไทย ให้หันมากินข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องไม่มีสิทธิ์หมักหมม เพราะหากมีเชื้อราขึ้นก็จะเห็นได้ชัดเจน กว่าข้าวขาว ขณะเดียวกันขอให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สุ่มตรวจข้าวบรรจุถุง ตรวจหาเชื้อราปนเปื้อน เช่นเดียวกับที่เคยทำกับสารเคมีตกค้างในพืชผัก

    แท็ปเล็ต รถคันแรก พิษสงร้าย บั่นทอนสุขภาพ

    ทั้งนี้ นพ.บรรจบ ยังกล่าวถึงประเด็นการแจกแท็ปเล็ต นโยบายสาธารณะที่เลวร้าย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย ทั้งๆ ที่ปัจจุบันนี้ พบสถิติเด็กไทยเป็นโรคสมาธิสั้นจำนวนมากกว่าเด็กสหรัฐฯ

    "เด็กในสหรัฐฯ เป็นโรคสมาธิสั้น 2 ต่อ 30 หรือประมาณ 6.7% แต่เด็กไทยเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 8% สาเหตุมีทั้ง ตั้งแต่อาหารการกินหวาน กินอาหารขยะ น้ำอัดลม และการนั่งหน้าจอเล่นเกมส์" อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าว และว่า ในสหรัฐฯ มีงานวิจัยชี้ชัดว่า เด็กยิ่งนั่งหน้าจอเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 2 เท่าของเด็กปกติ เวลานี้นโยบายแจกแท็ปเล็ต แถมปิดเทอมสามารถยืมกลับไปเล่นที่บ้านได้อีกด้วย ในสหรัฐฯ ตื่นตัวเรื่องนี้มากให้เวลาช่วงปิดเทอมนั้นเป็นเวลาของกีฬากลางแจ้ง พาเด็กไปค่าย ออกกำลัง ว่ายน้ำ ชมธรรมชาติสิ่งแวดล้อม แต่รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมอะไร ส่งเสริมให้เด็กยืมแท็ปเล็ตไปเล่นที่บ้าน ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า เป็นนโยบายที่ทำให้เด็กโง่ ตัวบั่นทอนสุขภาพคนไทยระดับหนึ่ง

    อีกนโยบายหนึ่งคือที่กระทบสุขภาพคนไทย นพ.บรรจบ กล่าวว่า คือ นโยบายรถคันแรก ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ส่งเสริมสร้างเมืองน่าอยู่ เมืองปลอดมลพิษ เมืองสะอาด มีบัสเลน สร้างสวนสาธารณะ โดยทุ่มเงินไปสร้างสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือลอยฟ้า เพื่อลดการใช้รถยนต์ แต่มีรัฐบาลที่ไหน ถอยหลังเข้าคลอง สร้างนโยบายประชานิยมขึ้นมา นำเงินภาษีทุ่มเท เพื่อรถคันแรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  10. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    EMS คุณไชย EK946892578TH
    รายการ
    ฤษี1+ลิง1+เสือ1 +พยนต์ 2 ตน +ปู่แดง ย่าขาว1 คู่ +ควายธนู 1 +หมูทองแดง 1
    เผลอเติมพระปิดตาทรงเมตตา เนื้อปิดทองของคุณเอก-ชัย ให้ไป ก็ขออย่าได้ส่งคืน โปรดเก็บรักษาไว้ พระฯเลือกคนแล้ว ถือเป็นค่าเสียเวลาที่จัดส่งล่าช้า

    ของท่านชุมพล รอสองสามวันนะครับ
    ....................................

    พระปิดตาจตุพิธพรชัย(ปิดตาปั้น) **รุ่นที่เสกนานที่สุดของพี่นิ่มในขณะนี้

    สมทบทุนจัดสร้างที่พักสามเณรฤดูร้อน
    วางศิลาฤกษ์ วันที่ 16 เมษายน 2557

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ตรวจสอบรายชื่อกรรมการกิตติมศักดิ์ ที่ข้อความที่ #10094

    (คุณไชยรอผมสัปดาห์นี้นะครับ จะจัดส่งให้ครบ เว้นพระปิดตาปั้น/และก็ยังไม่ว่างซักที ขออภัย)

    โปรดตรวจสอบความถูกต้องและทักท้วงได้ทันทีครับ

    ***ท่านที่เคยบริจาคน้ำมัน๙ทัพ โปรดระบุสิทธิ์เป็นกรรมการฯด้วยกันนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      263 KB
      เปิดดู:
      90
    • 001.jpg
      001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      260.9 KB
      เปิดดู:
      194
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พี่นิ่มจะเข้ามาร่วมงานทำบุญบ้านกับผมในวันพุธที่จะถึงนี้
    ถ้าใครชอบฟังผู้ใหญ่คุยเรื่องขลังก็น่าสละเวลามาฟังกัน

    พี่นิ่มทันท่านอาจารย์ชุม ท่านขุนพันธ์ และพระเกจิระดับประเทศหลายองค์ ฟังสนุก
    ได้ความรู้จากพระอาจารย์พิจารณ์อีก ใครว่างก็ขอเชิญครับ

    .................

    พี่นิ่มเคยให้เครดิต คนที่อ้างรู้จักผมหรือมาจากเวปพลังจิต
    แต่หลังๆมาต้องระวังตัว เรื่องนี้ผมเตือนพี่นิ่มไปแล้ว ว่าใครจะเอาชื่อผมไปอ้าง ก็ดูว่าเค้าเอา DNA ผมไปด้วยหรือเปล่า
    พี่นิ่มเอง ลำพังก็คบหาใครไม่เคยเป็นต่ออยู่แล้ว เพื่อนสมาชิกท่านใดจะเข้าไปเยี่ยมพี่นิ่ม ก็โปรดแจ้งแกก่อนล่วงหน้านะครับ

    ส่วนที่จะไปขอพระฯแกนั้น ให้มาขอกับผม ผมยังใช้กติกาเดิม คือใครถ่ายรูปพี่นิ่มได้ในงานพิธีฯ ผมมีรางวัลให้

    .......................

    เรื่องการทำพระฯของพี่นิ่ม แกไม่ค่อยจะบอกผมหรือปรึกษาผมเท่าไหร่ นอกจากจะถามว่า พระรูปใดเก่งทางไหน มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับบ้างหรือไม่.... ผมตอบเท่าที่รู้ ไม่รู้บอกไม่รู้ ที่เหลือแกจัดการเอง บางครั้งเจอแต่ดังอย่างเดียว แกก็เอาไปให้เสกเหมือนกัน (มีตัวอย่างมาแล้ว) เพราะอาศัยว่ามีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ แต่แบบหลังนี้ผมขอเอาไว้แล้ว ว่าเลิกเหอะ เรามีค่าใช้จ่ายสูงอยู่แล้ว ลดๆลงบ้าง

    ส่วนเรื่องแผนการหาปัจจัย ผมก็ไม่ค่อยบอกพี่นิ่ม เพราะแกก็ไม่อยากรู้ และไม่ใช่เรื่อง
    ถ้าการทำงานแบบนี้เรียกว่าทีม ก็ไม่รู้ทีมอะไร แต่ทำงานด้วยกันแล้วสบายใจดี

    ......................

    เอาภาพพระกริ่งคลองตะเคียง ต้นแบบของพระอาจารย์พิจารณ์มาให้ชมอีกที ดูว่ามีตำหนิให้ตกแต่งแก้ไขหรือไม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PIC_1202.JPG
      PIC_1202.JPG
      ขนาดไฟล์:
      597 KB
      เปิดดู:
      128
    • PIC_1203.JPG
      PIC_1203.JPG
      ขนาดไฟล์:
      468.3 KB
      เปิดดู:
      126
    • 2_2_~1.JPG
      2_2_~1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      497.7 KB
      เปิดดู:
      185
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  12. pei

    pei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    778
    ค่าพลัง:
    +2,853
    ได้โอนเงินเรียบร้อยครับพี่ทิพย์ แต่ในตารางทำบุญยังไม่ update ครับ
     
  13. rave22

    rave22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ของผมขอใช้สิทธิ์น้ำมัน ๙ ทัพนะครับ เห็นในตารางยังเป็น ยอดเต็มอยู่

    ขอบคุณครับ
     
  14. มดดำน้อย

    มดดำน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    621
    ค่าพลัง:
    +2,826
    สวัสดีครับพี่หนุ่มทิพย์

    ขออนุญาตส่งปัจจัยไปร่วมด้วย (หรือ ตามแต่พี่หนุ่มทิพย์จะพิจารณา) จำนวน 1000 บาท

    ขอบคูณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05392.JPG
      DSC05392.JPG
      ขนาดไฟล์:
      160.5 KB
      เปิดดู:
      105
  15. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    แก้ไขให้แล้วครับ ขอบคุณที่ทักท้วย


    แบ่งเป็นซื้อปลา ค่าจตุปัจจัย ฯลฯ ครบถ้วน โอนแล้วกรวดน้ำได้เลยครับ หาน้ำไม่เจอก็กรวดแห้ง ทำได้บ่อยเท่าที่นึกได้ เพราะเป็นเมตตาธรรม ทำบ่อยๆเทวดารัก(นึกถึงเทวดาประจำตัวด้วยครับ)

    ผมนิมนต์มาแค่รูปเดียว เพราะพื้นที่คอนโดโดนจำกัด
    ที่เลือกวันธรรมดาไม่ตรงวันหยุด เพราะสะดวกด้วยกันทั้งพระทั้งฆราวาส

    วันเสาร์-อาทิตย์ ที่วัดฯคนเยอะ พระอาจารย์ฯไม่กล้าทิ้งวัด คนไกลอุตส่าห์เดินทางมาแล้วไม่เจอจะเสียกำลังใจ

    ส่วนแฟนผมก็หยุดเฉพาะวันพุธ ตอนนี้เธอเชิญเพื่อนสาวๆมาครบวงไพ่ฉลองหลังเพล....
     
  16. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ใครชอบอ่านต่วยตูนฯบ้าง

    กระทู้นี้คล้ายกัน เพียงแต่ใครอยากฟังหรือชอบเรื่องใด โปรดแจ้ง เรามีนักเขียนวิชาเกินอยู่หลายท่าน สามารถค้นข้อมูลมาให้อรรถรสได้

    เช้าวันนี้ใครไปเดินถนนฮ่องกง ก็อาจเห็นคนที่นั้นเดินมาจับไม้จับมือยินดีที่ประเทศไทยคืนสู่ความสงบ...งง

    คือคนฮ่องกง เค้าติดตามข่าวคราวบ้านเมืองเราอยู่ และคิดว่าบ้านเราเกิดเหตุวิกฤตเหมือนยูเครน พอลุงกำนันประกาศเลิกปิดกรุงเทพฯ เค้าเลยคิดว่ามันจบแล้ว....

    ก็ขอเกาะกระแสคนดังหน่อยละกันครับ
    คัดลองจาก FB ความว่า

    ....................

    [​IMG]

    ต้นตระกูลของกำนันสุเทพ สมัยสงครามเก้าทัพ พ.ศ. 2328 เป็นทหารเอกในกรมพระราชวังบวร(วังหน้า) ยกทัพมาตีเมืองท่าทอง(ปัจจุบันคือสุราษฏร์ฯ)คืนจากพม่า ชื่อนายสม พอวังหน้าตีเมืองคืนได้ ก็มอบหมายนายสมเป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้รับตำแหน่ง พระวิสูตรสงครามรามภักดี เมื่อเสียชีวิตลง ลูกชายคนที่4 ชื่อเดชก็เป็นเจ้าเมืองสืบต่อมา ได้รับตำแหน่...ง หลวงเทพพิทักษ์สุนทร(เดช)เจ้าเมืองท่าทอง ลูกชายหลวงเทพพิทักษ์(เดช)คนโต ชื่อนายครุฑ เป็นต้นตระกูลเทือกสุบรรณ สืบต่อมาอีก 3 รุ่น ก็มาเป็นลุงกำนันสุเทพของพวกเรา

    ลุงกำนันเดินแขนงอๆ เหมือนกร่างๆ เพราะตอนเด็กประสบอุบัติเหตุ ตกเกวียน แขนหัก แล้วไปรักษากับหมอพื้นบ้าน รักษาผิดวิธี แขนขวาเลยยืดได้ไม่เกิน 90 องศา เป็นเหตุให้แกไม่เชื่อหมอพื้นบ้านอีกเลย ตอนขึ้นเวทีประชาชนราชดำเนิน เขาบอกให้ยกมือขวาแบบไมโครหน่อย แกบอกว่ายกได้แค่นี้ครับ

    กำนันสุเทพสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต (รัฐศาสตร์) จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยในขณะที่ศึกษาอยู่ได้รับการเลือกให้เป็นประธานนักศึกษาของมหาวิทยาลัย และ ได้พบกับ คุณจุฑาภรณ์ ครองบุญ ภรรยาคนแรกที่นั่นเอง

    กำนันสุเทพไปศึกษาต่อที่อเมริกาโดยบอกพ่อ(กำนันจรัส)ว่าได้ทุนไปเรียน แต่จริงๆมีเพียงค่าเครื่องบิน เมื่อลงเครื่องก็ไปล้างจานเพื่อหาค่าเทอมเลย แล้วทำงานสองกะต่อวัน(16 ชั่วโมง) เช่น โรงงานชำแหละเนื้อ โรงงานทำกระเป๋า ฯลฯ โดยไม่มีวันหยุดจน สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Sciences จาก Middle Tennesse State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2518

    หลังจากสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโทกลับมา กำนันสุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน ต่อจากกำนันจรัส ผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนัน ขณะมีอายุเพียงประมาณ 26 ปี โดยมีวุฒิการศึกษาระดับ ปริญญาโทจากเมืองนอก ขณะที่ประเทศไทยในช่วงนั้น รัฐมนตรีบางกระทรวง ยังจบการศึกษา แค่ประถมศึกษาปีที่ 4 นับเป็นกำนันปริญญาโท คนแรกของประเทศไทย

    ต่อมากำนันสุเทพตัดสินใจลงเล่นการเมืองระดับประเทศ โดยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 10 สมัย และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ รองนายกรัฐมนตรี

    ภรรยาคนแรกของกำนันเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งด้วยอายุเพียง 39 ปีทิ้งให้กำนันเป็นทั้งพ่อและแม่ ดูแลลูกๆ 3 คน มาโดยตลอด หลังจากภรรยาเสียชีวิต ได้ไปบวชเรียนที่สวนโมกขพลาราม 40 วัน โดยมีท่านพุทธทาส ภิกขุ เป็นอาจารย์ และ ยังคงปฎิบัติเป็น "ศิษย์สวนโมกข์" อย่างสม่ำเสมอ

    สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำนันสุเทพถูกพรรคฝ่ายค้านคือพรรคชาติไทย ที่มีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค เปิดอภิปรายเรื่องการแจกที่ดินทำกินแก่เกษตรกร หรือที่เรียกกันว่า สปก.4-01 กำนันสุเทพลาออกจากรัฐมนตรีเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหากับ ป.ป.ช โดย ป.ป.ช ในยุคนั้นได้ตัดสินเป็นเอกฉันท์ 9-0 ว่ากำนันไม่มีความผิด และไม่เคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลเกี่ยวกับกรณี สปก.4-01 แต่อย่างใด แต่ยังคงมีการนำกรณีดังกล่าว มาอ้างอิงเพื่อโจมตีทางการเมืองต่อสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด

    กำนันสุเทพเป็นคนชอบการอ่านหนังสือเป็นอย่างยิ่ง และมีความสามารถในการอ่านหนังสือได้ทุกที่ และรวดเร็วมาก (2-3 เล่มต่อหนึ่งสัปดาห์เป็นอย่างน้อย) หนังสือที่อ่านมีทุกประเภท ตั้งแต่หนังสือวิชาการ นักสือการเมืองไปจนถึงหนังสือนิยายเด็กอย่างแฮร์รี่ พ๊อตเตอร์ เป็นที่มาของการใช้ภาษาบนเวทีปราศรัยได้อย่างถูกต้อง ส่วนหนังสือที่ชอบมากที่สุดได้แก่หนังสือนิยายกำลังภายในจีน คาดว่าจะเป็นที่มาของคำว่า "ผมขอคารวะ" ก่อนการปราศรัยบนเวทีประชาชน

    .................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  17. sanya1

    sanya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +413
    ถ้ามีชื่อ ก็ใช้สิทธิ์เถิดครับ พี่นิ่มนำพระฯถวายวัดฯเมื่อใด ผมอาจต้องปิดการให้สิทธิ์

    ใช้สิทธ์1องค์ ในฐานะกรรมการฯ กับอีก1องค์ ในฐานะสมาชิกประจำกระทู้นะครับ ยืนยันมา ผมจะได้เอาลงตารางให้ ขอใช้สิทธิ์จองพระปิดตาปั้น(จตุพิธพรชัย) องค์ละ 500 บาท 1 องค์และ 800 บาทอีก 1 องค์
     
  18. เอ๋เชียงใหม่

    เอ๋เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +1,791
    ลำดับที่ 106 เอ๋เชียงใหม่ ได้โอนเงินให้แล้วนะครับ จำนวน 560.-บาท
    ที่อยู่ นายชาตรี อินทรวิเศษ
    สำนักงานสรรพากรพื้นที่น่าน
    454 หมู่ 2 ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน 55000
     
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เพื่อนสมาชิกที่เกิดเดือนมีนาคม ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง

    เจ้าของดวงเกิดเช้ามืดวันเสาร์ นับทักษาเป็นวันศุกร์
    อายุ35เต็มกลางเดือนนี้แล้ว

    เรื่องงานประมาณเดือนพฤษภาคม
    อีกรอบก็ประมาณเดือนสิงหาคม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • funจร.JPG
      funจร.JPG
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      105
  20. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : รำลึกถึงความลำบากยากแค้แสนเข็ญของชาวนาฯ

    ตอน : มันมาจาก...ตื่นเช้าขึ้นมา ลูกคุณจะกินอะไรก็ได้ แต่ลูกฉันไม่มีอะไรจะกินฯ(ตอน2)

    ชื่อของเรื่องและเรื่องของตอน ผมก็ตั้งมันไปอย่างนั้นเองแหละ ไม่คิดจริงจังมากนัก ที่เอามาเพราะมันทำให้ผมเขียน ที่ผมเขียนก็เพราะมันมอง

    เห็นภาพ ในบทเพลงย่อมมีนิยาย ในท้องไร่ท้องนาก็เช่นกันมีทั้งนิยาย,เรื่องเล่า,ตำนาน,ขนบธรรมเนียม,ประเพณี ข้าวมันจะบูดเพราะแบคที

    เลีย หรือมันจะขึ้นราเพราะจุลินทรี ชาวนาไม่รู้หรอก แต่ทั้งภาพยนตร์ เพลง เพลงพื้นบ้าน การลงแขกเกี่ยวข้าวสร้างความรักความสามัคคี..มีที่มา

    จากท้องนาท้องไร่ ตัวต่อตัวเด็กสมัยก่อนเข้าใจดี ถือเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย ทำกันต่อหน้า ไม่เป็นความลับ แต่รวมแล้วมี 2 คน(ไม่นับคนดู ไม่

    ห้ามคนมาดู) เขาเข้าใจดีแต่มีน้อยคนที่จะบอกว่ามันเป็นคำนาม สองต่อสอง เด็กสมัยก่อนก็เข้าใจดี ถือเป็นเรื่องของคนคุยกันเป็นแบบลับๆ ไม่

    ให้ใครได้ยิน,แอบทำอะไรกัน แอบพบกันทั้งกลางทุ่งนาหรือว่างานวัด มีทั้งเรื่องเวลา,สถานที่,จำนวนคน, ถ้าบอกว่าสองต่อสอง เด็กเข้าใจดีว่ามี

    แค่ 2 คน(ไม่นับคนแอบดู,แอบฟัง ไม่อยากให้มีคนดูหรือคนฟัง) แต่มีน้อยคนที่จะบอกได้ว่าเป็นคำวิเศษณ์ มีองค์ประกอบเกี่ยวข้องกันถึง 9

    ส่วน(เขียนแบบคนท้องนา) แต่เรื่องของคนสองคนในท้องนาก็เป็นที่มาของเพลงหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ตาลต้นเดียว, รอยไถ,บ้านนา

    สัญญารัก,ทุ่งรวงทอง,จนถึงเพลงใหม่ๆ สมัย พ.ศ. 2507 คือเพลง สามปีที่ไร้นาง(ผมจำได้เพราะชอบเอาไปร้องเล่นตอนที่คิดว่าไม่มีใครได้

    ยินกลางทุ่งนา) มีภาพยนตร์มากมายที่เอาเรื่องราวของท้องทุ่งนามาสร้างกัน ผมมักคิดเอาเองเสมอๆ ว่า ท้องไร่ท้องนามันมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ,

    สังคม,การเมือง,ศิลปวัฒนธรรม,ขนบ,ธรรมเนียม,ประเพณี เรื่องบันเทิงเริงรมย์ และก็มีอีกมากที่ผมไม่รู้หรือรู้แล้วเรียกไม่ถูก ก็เหมาเอาว่ามัน

    เป็นพื้นฐานอันสำคัญของวัฒนธรรมไทยหลายๆ อย่างก็แล้วกัน

    การหว่านข้าวปลูก หลังจากที่ไถนาเตรียมดินพร้อมแล้ว

    [​IMG]

    เพิงพักต้นฤดูการทำนา(หาภาพสมัยก่อนให้ดูไม่ได้)

    [​IMG]

    ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าวสมัยก่อน สำหรับการทำนาปีในภาคกลาง หลังคาโรงนาจะเป็นต้นซังข้าวยาวประมาน 3-4 เมตร

    เพราะซังข้าวหรือต้นข้าวจะยาวตามความลึกของน้ำ ส่วนของต้นข้าวที่เกี่ยวแล้วเรียกซังข้าว ส่วนที่เป็นรวงขาว เมื่อ

    เอาเมล็ดข้าวออกแล้ว เรียกว่าฟางข้าว ฟางข้าวเอาไว้เลี้ยงวัวควายยามที่หาหญ้าให้ควายไม่ได้ เช่น หลังจากหว่าน

    หรือหน้าน้ำเป็นต้น....ในบทเพลงมีอะไร ลองมาดูเนื้อเพลงประจำเดือนดู แล้วเราจะรู้อะไรๆๆๆๆ

    เดือนเจ็ดฝนลงเม็ดปลอยๆ จะพาแน่งน้อยไถดำข้าวกล้า เดือนแปดแดดยังร้อนจ้า เข้าพรรษาจะพาไปทำบุญ

    (ดนตรี/ลูกคู่...แหล่ๆ แล..แหล่แลแหล่แล..แล้แล...ฯ)

    เดือนเก้าให้หนาวแล้วน้อง เจ้ามีคู่ครองหรือยังแม่เนื้ออุ่น เดือนสิบขอจองไว้ก่อนแม่คุณ อย่ามัวว้าวุ่นเลยแม่โฉมยุพิน

    (ดนตรี/ลูกคู่...แหล่ๆแล..แหล่แลแหล่แล..แล้แล...ฯ)

    เดือนสิบเอ็ดไม่พูดเท็จกล่าว จะพาสาวเจ้าไปเที่ยวกฐิน เดือนสิบสองครองรักยุพิน หากวันเดือนปีสิ้นพี่ก็รักเธอจนตาย........................

    ยืนยันว่าเราเริ่มไถนากันตั้งแต่เดือนเจ็ด เพราะฤดูฝนเริ่มเข้ามา แล้วเราก็หว่านข้าว พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์เข้าพรรษา

    และในสมัยนั้นสภาพอากาศยังปรกติอยู่ ทำให้เดือนเก้าเริ่มหนาวแล้ว และในสมัยโน้นงาน"ปิยะมหาราช"เป็นงานอวดเสื้อกันหนาวสำหรับลูก

    คนรวย เดือนสิบเป็นเดือนคู่ทำมงคลได้ มีการหมั้นหมายกัน เดือนสิบเอ็ดเป็นเดือนออกพรรษา มีงานเทโว เดือนสิบสอง มีงานแต่งงาน

    เด็กๆ ฟังเพลงนี้ก็รู้ว่าเขาทำอะไรกันในเดือนไหน.......

    เมื่อหว่านข้าวปลูกแล้ว ชาวนาก็รอดูต้นข้าวอ่อนที่ขึ้นมา ถ้าเป็นในที่ลุ่มหนองน้ำก็จะดูต้นกล้าที่เตรียมไว้เอามาดำนา เมื่อต้นข้าวเริ่มขึ้นก็ดูแล

    ไม่ต่างอะไรกับดูคนเริ่มตั้งท้อง ไม่เหยียบไม่ย่ำ ไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือน พระพุทธองค์จึงกำหนดให้พระภิกษุสงฆ์ต้องเข้าพรรษา พอ

    ต้นข้าวแข็งแรง ก็จะทำการดายนาคือการกำจัดวัชพืชเช่น ต้นเซ่ง,ต้นเทียน,ต้นก้างปลา,ผักบุ้ง,ผักเป็ดเป็นต้น จะทำกันไปจนถึงเดือนสิบคือต้น

    ข้าวแข็งแรง และก็จะมีพิธีกรรม"ทำขวัญข้าว"เพราะต้นข้าวตั้งท้องแล้ว


    [​IMG]

    ขอย้อนต้นสักนิด ผมข้ามความสำคัญพิธีกรรมอันหนึ่ง คือการแห่นางแมวนางหมา ขอฟ้าขอฝน ในกรณีที่ปีนั้นฝนไม่ตกจ้องตามฤดูกาล แต่

    ถ้าปีไหนฝนตกต้องตามฤดูกาลก็จะไม่มีพิธีกรรมแห่นางแมวฯ

    พอเดือนสิบ เป็นระยะที่ต้นข้าวกำลังแตกกอ สำหรับข้าวนาปีต้นข้าวจะตั้งท้อง คนโบราณก็ทำแบบโบราณ มีการทำขวัญข้าวหรือทำขวัญแม่

    โพสพ พูดแบบเข้าใจง่ายก็คือรับรองเหมือนกับที่เราทำกับคนท้องใกล้คลอด อุปกรณ์หลักที่เห็นเด่นชัดคือ"เฉลว"ซึ่งก็ทำโดยใช้ตอกสาน

    แบบขัดแตะ เป็นรูปตาชะลอมเอาผูกกับหลักแล้วปักไว้ที่นาข้าว และมีที่สำหรับตั้งข้าวของที่ใช้ในพิธิทำวัญนาข้าวประกอบด้วย ด้ายสามสี,

    ขมิ้น,ดินสอพอง,แป้งสำหรับเด็ก มีคำกล่าวในพิธีคล้ายๆกัน เช่น แม่โพศรีแม่โพสพ แม่นพคงคา แม่จันทนารี แม่ศรีสุดา มาเถิดนะแม่มา

    ขวัญเอย...ขวัญเอ้ย....ฯลฯ ตามแต่พื้นบ้านใครบ้านมันหรือครูใครครูมันครับ

    ในช่วงนี้วัวควายส่วนใหญ่ในเขตที่ราบลุ่ม จะไม่ค่อยมีหญ้าสดกิน ก็จะกินฟางแห้งจากลอมฟางที่ทำไว้ จึงมีเรื่องเล่าที่เล่าไปแล้วว่า บางแห่ง

    จะมีการต้อนวัวควายเอาไปเลี้ยงในที่ดอน เช่น ป่ายางช้าย.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2014
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...