วัดแจ้ง..เมืองอุทัยเก่า กับพระเจ้าตาก..

พอข้าพเจ้าอธิษฐานซ้ำปรากฏว่า ภาพที่เห็นข้างหน้านั้น เป็นผู้คนที่แต่งตัวคล้ายๆพระเอก นางเอกลิเกครับ คือใส่พวกเพชรนิล จินดาเต็มตัวไปหมดครับ

 

มีชายคนหนึ่งในมือถือกงจักรที่หมุนอยู่ที่นิ้วครับ เขาพูดด้วยเสียงอันดุดันว่า ณ ดินแดนของยักษ์ห้ามไม่ให้คนธรรพ์มาเหยียบโดยเด็ดขาด กล่าวเสร็จแล้วเขาก็ปล่อยอาวุธมาทำร้ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเรียกอาวุธคู่กายแต่เรียกมามิได้ ข้าพเจ้าเลยว่าพระคาถาป้องกันตัวแทนครับ แต่อาวุธของเขานั้นสามารถฝ่ามนต์คาถาของข้าพเจ้านั้นมาได้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บพอสมควรครับ และเมื่อชายคนนั้นเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้รับอันตรายพวกเขาก็เรียกคนอื่นๆมาอีกนับสิบคน ทุกคนมารุมทำร้ายข้าพเจ้าด้วยอาวุธนานานับประการ ข้าพเจ้าเลยว่า พระคาถาบางบทที่มีท่านเทวดาท่านหนึ่งเคยบอกเอาไว้ เมื่อเมื่อเห็นท่าไม่ดีข้าพเจ้าก็อธิษฐานเรียกเทวดาที่เคยคุ้มครองข้าพเจ้า ช่วยนำข้าพเจ้ากลับที่พักไปครับ แต่พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่า ช่วงที่ถูกอาวุธนั้นมีแผลเล็กๆมีเลือดซึมออกมาเล้กน้อยครับ

 

โห๋..น่ากลัวจัง เมืองยักษ์หนอออ...:'(
คุณคุรุวาโร..เก่ง นิ
แล้วไม่น่าเชื่อว่า...เหตุการณ์ที่โลกทิพย์ จะส่งผลให้เห็นที่กายเนื้อได้..

 

ไม่เก่งหรอกครับ การที่กายทิพย์ถูกรบกวนก็คงเหมือนพวกที่ถูกสัมภเวสีรบกวนนะครับ ก็จะเจ็บปวดตรงที่ถูกรบกวนครับ ยักษ์นั้นมีทิฐิในตนเองสูงก็เป็นแบบนี้แหละครับ ข้าพเจ้าอาจจะประมาทมากไปหน่อยครับ เดี๋ยวขอไปใหม่แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่ก็แล้วกันนะครับ

 

คุณเสือดาว พอไม่ใบ้เลขกลับมีโชค 318หนอ สงสัยมีการสับขาหลอกรึเปล่าครับ แล้วพญานาคที่วัดแจ้งสร้างไปถึงไหนแล้วครับ

 

พูดถึงพญานาคก้เคยเล่าไปเยอะแล้วแต่บางเรื่องก้ไม่กล้าเล่าให้ฟังครับ ก้ฟังเป็นนิทานก้แล้วกันนะครับ

 

มื่อข้าพเจ้าได้รับพัสดุชิ้นหนึ่งจากคุณรั้งครับ
เมื่อข้าพเจ้าเปิดดุปรากฏว่า เป็นหินสีเหลืองออกรูปไข่ครับ ขนาดเล็กๆครับ แต่ค่อนข้างแข็งครับข้าพเจ้าก็นำไปไว้ชั้นล่างของบ้านครับ
และแล้วผ่านไปสักสัปดาห์ข้าพเจ้านึกได้
ข้าพเจ้าเลยนำหินสีเหลืองนั้นลองนำมาอารธนาดูครับปรากฏว่าเมื่อข้าพเจ้ากำหนดจิตด้วยพลังเทพฉายก็ปรากฏว่าหินสีเหลืองนั้นส่องสว่างไสวในาสภาวะของความสงบครับ
ข้าพเจ้าก็เจริญปริญญาหานวิธีโดยทันทีครับตัดเสียนิมิตในภาวะความสงบนั้น

แล้วข้าพเจ้าก็พบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางฝูงของเหล่าพญานาคครับ มีพญานาคนับร้อยๆตัวครับข้าพเจ้าพบว่า มีพญานาคตนหนึ่งมีรัศมีกายนั้นค่อยๆหดตัวลงคล้ายๆเหล่าเทวดาที่จะหมดบุญจากสวรรค์ครับ

แล้วพญานาคตนนั้นก็แยกตนเองออกมาจากเหล่าพญานาคทั้งหลายครับโดยไปแอบหลังโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งครับ ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของพญานาคนั้นไหลออกมาครับและต่อมาพญานาคตนนั้นก็ขยอกสิ่งของสิ่งหนึ่งออกมาขนาดเท่าลูกกำปั้นครับ มีแสงสว่างไสว
แล้วพญานาคตนนั้นก็นอนเหยียดยาวค่อยๆสงบลงส่วนก้อนหินที่สว่างไสวก็ค่อยๆหดแสงลงเหลือขนาดเล้กๆๆลงไปครับ
แล้วข้าพเจ้าก็หลุดออกจากสภาวะของการไปรู้ไปเห็นความเป็นมาของหินสีเหลืองที่คุณรั้งส่งมาให้ครับ

 

ขอบคุณ คุณคุรุวาโรนะคะ..ที่มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค ให้ได้อ่านกันค่ะ..

เสือดาว..ขอรายงานความคืบหน้าในการสร้างศาลพระเจ้าตาก ณ เมืองอุทัยเก่าต่อเลยนะคะ..
พญานาคที่ศาลพระเจ้าตาก ณ วัดแจ้ง เมืองอุทัยเก่า มีทั้งหมด ๘ ตน และได้มีผู้ร่วมบริจาคเป็นเจ้าภาพแล้ว ๕ ตน คือ
ตนที่ ๑ มณีนาคาสีเขียว...คุณชะเอม สุวรรณไพลัด และครอบครัว
ตนที่ ๒ มณีนาคาสีน้ำเงิน..คณะผ้าป่า จ.อุดร
ตนที่ ๓ มณีนาคาสีขาว..คณะผ้าป่าชาววัดแจ้ง และผู้ร่วมบริจาค
ตนที่ ๔ มณีนาคาสีฟ้า..คุณนิวัฒน์-คุณรวิษฏา บุญรัตน์ และครอบครัว
ตนที่ ๕ มณีนาคาสีเหลือง..ผู้บริจาคตามศรัทธาและผู้ที่มีโชคลาภ

 

พญานาคตนที่ ๓ มณีนาคาประดับสร้อยสังวาลย์สีขาว กับ
พญานาคตนที่ ๕ มณีนาคาประดับสร้อยสังวาลย์สีเหลือง
ได้รับปัจจัยในการสร้าง ตนละเจ็ดหมื่นสองพันบาท(รวมค่าสร้าง
กำแพงแก้วด้วยค่ะ) มาจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค
และส่วนหนึ่งได้มาจากผู้ที่มีโชคลาภในการเสี่ยงดวง..อิอิ(deejai)

 

สำหรับพญานาคที่จะสร้างในลำดับต่อไป ตนที่ ๖
มีมณีนาคาประดับสร้อยสังวาลย์สีม่วงคราม
มณีนาคาสีม่วงครามดวงนี้..ก็ แปลกดีค่ะ
เวลาถ่ายภาพ บางครั้งก็เป็นสีม่วง
บางครั้งก็เป็นสีชมพู..แต่ขอยืนยันว่า
เป็นภาพถ่ายจากมณีนาคาดวงเดียวกัน
และบางครั้งเมื่อนำแช่น้ำ..ก็จะมีฟองเกาะรอบดวงแก้ว
แบบว่า..ใส่น้ำปั๊บ เกิดฟองเล็กๆ เกาะให้เห็นทันที
ฟองมากมายเลยทีเดียวเชียว..

 

วันนี้ผ่านวัดแจ้ง เลยนำดอกมะลิที่บ้านไปถวายพระเจ้าตาก
ณ วัดแจ้ง เมืองอุทัยเก่า..พร้อมนำภาพถ่ายมารายงาน
ความก้าวหน้า ในการสร้างพญานาค..ค่ะ

 

ใกล้จะเสร็จแล้วรึครับ คุณเสือดาวครับ

 

ศาลพระเจ้าตาก สวยงาม และสง่ามากค่ะ นี่ถ้าลงต้นไม้ ให้ความร่มรื่นด้วย แจ่มเลย (รับสมัครคนสวนมั้ยคะ อิอิ)

 

ครั้งแรกศาลพระเจ้าตาก ณ วัดแจ้ง ได้ทำบันไดเป็นทางขึ้นศาล
๓ ด้าน ค่ะ แล้วจะมีพญานาคด้านละ ๒ ตน รวมทั้งหมดเป็น ๖ ตน
ต่อมาชาวบ้านดูแล้ว คงรู้สึกพิกล ก็เลยเปิดทางขึ้นศาลพระเจ้าตาก
เป็น ๔ ด้าน สี่ทิศ พญานาคทั้งหมดก็รวมเป็น ๘ ตน ค่ะ
ตอนนี้ช่างสร้างพญานาคเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๒ ตน
และกำลังสร้างพร้อมกันในคราวเดียว อีก ๓ ตน..ค่ะ

...สำหรับมิกกี้ คงได้มีโอกาสมาเป็นคนสวนที่วัดแจ้งอีกแน่นอน อ่ะๆๆๆ
สำหรับเรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่วัดแจ้งนั้น ได้รับงบประมาณจาก
กระทรวงการท่องเที่ยว ฯ คงได้เห็นความสวยงาม ร่มรื่น
ที่วัดแจ้ง ในอีกไม่ช้าค่ะ....เสือดาว รายงานข่าว อิอิ

 

มีใครรู้จักถ้ำเขาบิน จ.ราชบุรี ว่าเกี่ยวข้องกับพระเจ้าตากอย่างไรบ้างหนอ..อยากรู้จัง

 

ฝันว่าเดินทางไปซะอย่างนั้น..แฮะ
ณ ที่นั่น ถ้ำเขาบิน มีความเศร้า เหงา เสียใจ
มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าตาก
เป็นป่าช้าเดิม...แล้วจะอย่างไรดี น๊า..เสือดาว

 

ถ้ำเขาบินไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับพ่อเจ้าตากสินอย่างไร

แต่ที่ถ้ำผาวังจันทร์ ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
เกี่ยวข้องแน่นอน ลองไปสัมผัสดู นะครับ

ที่นี่เป็นแหล่งพักกองทัพที่จะเดินทางขึ้นเหนือในการรวบรวมแผ่นดิน
หลวงพ่อเฮง (เจ้าอาวาส) เคยบอก Nirvana ว่า
ตอนที่มาจำพรรษาที่นี่ใหม่ๆ เป็นป่ารกร้าง ภพภูมิรุนแรง เข็ดขาม

ตัวท่านเองก็เป็นสายตรงกับพ่อเจ้าเช่นกัน
(ถ้าไม่เป็นก็คงไม่มีสิทธิมาอยู่ที่นี่ได้....อิอิอิอิ)

ในถ้ำมีอาวุธตกค้างอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักฐานอ้างอิงได้
สับปายะที่นี่ไม่ธรรมดา ลองไปเยี่ยมเยือนโดยเฉพาะในถ้ำผาวังจันทร์
มีความสงบเยือกเย็นยิ่งนัก

 

ถิ่นเมืองกาญจน์นั้น มีมนต์เสน่ห์ แปลกๆ มากมายนัก

 

น่าสนใจแฮะ..

มีอะไรแปลกๆๆๆ จ๊ะ มิกกี้...:boo:

 

ที่ราชบุรี..จะมีศึกสำคัญในสมัยพระเจ้าตาก คือ ศึกบางแก้ว

ศึกสงครามบางแก้วเดือน อ้ายพุทธศักราช 2317 เมื่ออะแซหวุ่นกี้ยก กองทัพติดตามมอญ
ที่หลบหนีเข้ามายังไทย โดยให้ “งุยอคุงหวุ่น” เป็นแม่ทัพคุมไพร่ พลกว่า 500 นาย
มาตั้งค่ายที่บางแก้ว จังหวัดราชบุรีและเพชรบุรีเขตที่ติดต่อกัน แล้วเที่ยวปล้นสะดมเอาทั้งข้าวปลาอาหาร
และทรัพย์สินเงินทองของคนไทยไปงุยอคุง หวุ่นทะนงตนอวดดีเพราะเคยยกทัพมาตี
กรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายเมื่อ พ.ศ. 2310 จนได้ใจคิดว่าคนไทย ทหารไทยมีความ เกรงกลัว
ต่อกองทัพทหารพม่า จึงประมาท ดูถูกฝีมือการรบของคนไทย กองทัพไทย
ที่เพิ่งตีเมืองเชียงใหม่ได้สำเร็จจากข้าศึก มีกองทัพบางส่วนที่ไม่ได้ยกกลับกรุงธนบุรี
จึงมีพระราชโองการจากสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชให้กองทัพรีบยกกำลังพลส่วนหนึ่งกลับ
มาทางเรือโดยเร็วและทรงโปรดเกล้าสมเด็จพระ มหาอุปราช พระนามเดิมว่า จุ้ย
เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่กับพระอัครมเหสีกรมหลวงบาท บริจา (สอน) คุมทัพพร้อมไพร่พลกว่า 3,000 นาย มาที่เมือง ราชบุรี