เรื่องเด่น อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น( โดยสมเด็จองค์ปฐมฯ)

เวรกรรม นี่เคย ยกวิปัสสนาญาณ กับเขาหรือยัง ขอรับ

ถ้า ยัง มันจะ งง นะ

ก็เห็นอยู่ว่า พระโพธิสัตว์นั่งฟังธรรมต่อหน้าพระพักต์ตาแป๋วแหว๋ว แต่
พระโพธิสัตว์ก็ยังกล่าวได้เต็มปากว่า ไม่ได้อาศัยฟังธรรมจากปาก หรือเสียง
หรือดู หรือสัมผัส หรือเข้าถึงด้วยใจ แต่อย่างใด

ถ้าเคยยกวิปัสสนาบ้าง กำหนดรู้ความแปรปรวนของ ปิติ หรือ อุเบกขาเป็น มันก็ไม่งง

แต่ก็นะ อย่างไรก็ดี นี่ก็คงสายไปแล้วหละ

ออกรูปขุดกระทู้ปีมะโว้ มา จ๋าจ๊ะ ได้นี่ อันนี้ น้าจรเรียกพี่ แล้ว

 

กั๊กๆๆๆ พุทธภูมิ ขี้ทูต กุดถัง

นะ คือไปเห็นลายเซ็น อะไรแบบนี้ ผมก็จะรู้เลยว่า พุทธภูมิขี้ทูต กุดถัง

อาศัยอะไรกล่าว

อาศัย มหาบุรุษ ในเวลานี้ คือใคร .....พระสมณะโคดม ถูกไหม

แต่ไป โน้น ไป นโม โพธิสัตโต .....ปุ๋ง บู๊ม !!! [ ภาควิดีโอ ...มันจะเสียง เอฟFake ]

แปลว่าอะไร ...แปลว่า มหาบุรุษที่ควรยก ควรพิจารณา ก็ไม่ยก ไม่พิจารณา
แต่ไปโน้น ไปยก โทบุรุษ ที่ยังไงก็ต้องยก เอกบุรุษ ...... ดังนั้น หากจะไหว้
จะเคารพ จะเคารพให้ถูก ก็ต้อง เคารพให้ถึงคนที่คนๆนั้นเขาเคารพ ให้ถึงที่สุด
แต่ถ้าไม่ใช่ ....ตายฮา พุทธภูมิขี้ทูตกุดถัง กบฏ !!!


*************************

ทำไมต้องยกก่อน เพราะ ต้องกระทืบ ครูฮาเฮียข้างบนสองเซนติเมตร ก่อน
ไม่เช่นนั้น มันจะเอา ภาษาทาส มาคุย กับ คนที่เน้นปรารภการปลดปล่อย
จากความเป็นทาส

งง ไหม

คือ ไอ้พวกอาศัย บุญบารมีจาก สัตว์หน้าขนอื่น จะห่างไปทางมิติไหน กี่เซนติเมตร
รหัสพอรหัสแม่เขาจะทราบกันว่า นั่นมัน ลูกทาส มีความเป็นอยู่เยี่ยงทาส ไม่ใช่
คนที่ ปรารภการหาหนทางปลดปล่อยทาส

แล้ว เอาภาษาลูกทาส ภาษาทาส มาคุย กับ ภาษาสัตว์ที่เน้นการรื้อขนสัตว์ ให้
ตายก็ไม่รู้เรื่อง

ไม่ปรารภความเพียรของตัวเอง เอาแต่ งอมืองอเท้า ขี้ทุดกุดถัง คือ คำนิยามที่ถูก
ต้องใช่หรือไม่ใช่

" การกำหนดรู้ "

การกำหนดรู้ เขาไม่ได้เอา สัตว์มาเป็น สมุฏฐาน ไปให้ โลกแห่งอวิชชา มันกดหัว

การกำหนดรู้ เขาเพิกความเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขาออกหมด เหลือแต่
เหตุใกล้ ของรูปนาม

ดังนั้น "พหุสัจจ" คือเรื่อง ของ การฉลาดในสุญญตา ฉลาดในเหตุใกล้ของรูปนาม
อันเมื่อกล่าวไปแล้ว ค้านไปก็โง่เปล่าๆ เพราะ มันเป็น พหุสัจจ

หากจะมีการ เข้าใจ พหุสัจจ ผิด มันก็เป็นเรื่อง ปรกติธรรมดา ไม่ต้องไปแก้เฮียอะไร

การชี้ทาง ย่้อมชี้ไปทางที่ใช่อยู่แล้ว แต่ คนแปลความมันโง่ ก็เรื่องของมันฮับ สัตว์
ยังมีอุปทานแดกกบาล จะต้องไปเดือดร้อนอะไรกับ คนที่เขายังปรารภความเพียรเล่า

 

ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์นิวรณ์ที่ "ดุ" ครับ ผมเป็นนักปฏิบัติใหม่ เป็นน้องใหม่ของเว็บนี้ มีอะไรไม่เข้าที่เข้าทางก็ติงกันได้ ดุกันได้ แนะนำกันได้ครับ พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ไม่ได้จะเก๊กหล่อ ต่อปากต่อคำท่านครับ...เอาเป็นว่า ผมจะติดตามคำแนะนำการปฏิบัติจากท่านไปเรื่อยๆครับ ขอหยุดการสนทนาเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณอีกครั้งครับผม แต่ "บัวเต่าถุย" นี่ผมขออนุญาตไม่รับนะครับ ส่วนใครจะรับไปนั้นก็ไม่ว่ากัน ผมยอมรับว่ายัง "โง่" ที่ยังหลงมาเกิดอยู่ แต่ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ "โง่" ซ้ำสองครับ...ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับผ้ม ({)({)({) ___/\___

 

นะ รับไม่รับ ลองพินา อีกสัก มุขนัยหนึ่งก็แล้วกัน แลวจะรู้ พุทธภูมิขี้ทูตกุดถัง
หรือ บัวเต่าถุย( ปทปรม แปลไทย คือ พวกมากบทบาท หรือ ดราราเจ้าบบบาท )

คือ

คนที่ กำหนดรู้ทุกข์ จะต้องทราบ ธรรมภายในตนชัด และ ร้อยละร้อย
จะต้องตระหนักว่า ความคิด ความเห็น ของตัว เชื่อไม่ได้ หากตราบใด
ที่ยังไม่ได้ สัมมาสัมโพธิญาณ ความคิด ความเห็น ของตน ออกมาจาก
จิตตน จะเชื่อไม่ได้

เนี่ยะ ถ้าเป็น มหาสัตว์ จะทำอย่างไร

จะไป อิงอาศัย สัตว์หน้าขนตนอื่น ห่างไปสองเซนติเมตร ห้าเซนติเมตร เหรอ .....!!!!


แล้วถ้าฟังเข้าใจ ถ้าฟังเข้าใจ คุณจะมาตามรับคำสอนจาก สัตว์หน้าขนเยี่ยงกอสระอู ทำเฮียอะไร ไม่ทราบ


แรดนอเดียวเทียวไป จิฮับ ชิมิ ชิมิ

 

ขอบพระคุณมากครับผมจะเร่งความเพียรขึ้นไปอีก และนำเอาเทคนิคนี้ไปใช้ครับ ({)({)({)__/\__

 

กราบขออภัย พึ่งเห็น

ถ้าปรารภ แบบนี้ คือ ปรารภจะ สำเร็จอรหันต์ในชาตินี้

เอาไงแน่ ขอรับ ถ้า ลงลายเซ็นมีฉันทะทางโพธิสัตว์โต ...มันก็ อย่างหนึ่ง
แต่ถ้าปรารภ ชาตินี้จะขอเป็นชาติสุดท้าย มันจะ คนละเรื่องกับ การปรารภ
" รีบเกิด รีบตาย " นับชาติไม่ถ้วน ไม่ยี่หระต่อทุกข์ที่จะอาศัยกำหนดรู้ หน่าคร้าบ

 

ตรงนี้น่าสนใจมากครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ({)({)({)__/\__

 

ก็คือว่า รักและเคารพท่านพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในน้ำใจ และความเสียสละของท่านครับ เลยเอาลายเซ็นมาลงไว้ เผื่อคนมาเห็น มาอ่านก็จะได้นึกถึงความเสียสละของท่านทั้งหลายเหล่านั้นบ้าง สักนิดก็ยังดีครับ...อย่างน้อยท่านคนหนึ่งก็ได้เห็น ได้อ่าน และนึกถึงหลวงปู่ท่านล่ะ วันนี้ถือว่าคุ้มแล้วครับ...ขอบคุณครับท่าน...ผมจะ copy ข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้มาศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง และนำไปเทียบเคียงกับการปฏิบัติจริง ได้หรือไม่ได้ผลอย่างไร ผมจะนำเอามาเผยแผ่ต่อไปในอนาคตครับ ({)___/\___

 

จริงดิ

นี่แปลว่า ดูหนังไม่เป็น หนังพระโพธิสัตว์ มีหลายเรื่อง

แต่ละเรื่อง จะเน้นเข้ามาที่ ประเด็นนี้ ทุกเรื่อง

แม้แต่ หนังเรื่อง " โครงการชั่งหัวมัน "

แต่ถ้า ประเด็นนี้ พึงเคยได้ยิน ก็ต้อง จี้สีข้างกันหน่อยว่า แพ้ผู้หญิง นะนั่น

เพราะว่า เรื่อง ซอนต๊อก ซีรี่เกาหลี เป็นหนังผู้หญิง ที่ปรารภ ประเด็นนี้มากที่สุด

ถ้าไม่อย่างนั้น ก็ไปดูเรื่อง ลีซุนชิน ก็ได้ ....

แต่ถ้า เน้นการปฏิบัติ อย่าไปดู เสียเวลา ดูไม่เป็น หนักกว่าเก่า หล่อกว่าเก่า
เจ้าบทบาทกว่าเก่า

เรือเต่าไม่ชอบ


ปล. ถ้าดูเป็น จะเห็นเลย เป็นเพียง " พหุสัจจ " ฉลาดในเหตุใกล้ ไม่ใช่การดำริจะเป็น
ทุกอย่างเป็น สุญญตา อนุโลมญาณไปตาม อนัตตาธรรม

 

เอ่อ....ช่วยคุยกันโดยแปลคำสับ เป็นภาษาไทยที่เข้าใจง่ายๆกันหน่อยได้ป๊ะ พักพวก...คริคริ

 

ขอบคุณครับ


แต่ถ้า ประเด็นนี้ พึงเคยได้ยิน ก็ต้อง จี้สีข้างกันหน่อยว่า แพ้ผู้หญิง นะนั่น

แฮ่ๆๆ ขอบคุณครับหลวงพี่


ปล. ถ้าดูเป็น จะเห็นเลย เป็นเพียง " พหุสัจจ " ฉลาดในเหตุใกล้ ไม่ใช่การดำริจะเป็น
ทุกอย่างเป็น สุญญตา อนุโลมญาณไปตาม อนัตตาธรรม

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ตรงนี้น่าสนใจมากครับ

 

ที่พูดมาเนี่ย มันแปลว่า ตราบใดที่แยก จิตออกมาจากความคิดไม่ได้(ตัวที่คิดคือใจ)

ก็จะยังเชื่อถือในความคิดของตนเองยังไม่ได้ งั้นสิ รวมทั้งสิ่งที่จิตรู้ก็เชื่อไม่ได้

อิอิ เริ่มจะมาทางผมแล้วนะ

 

ถ้าพอสัมผัสได้ ไป สุมไฟ ที่ถูกต้อง เอาเองหน่าคร้าบ

การเป็น โพธิสัตว์ ไม่ใช่เกิดจากการ ดำริจะเป็น
( เพราะความรู้ชัดว่า ความคิด ความเห็น ที่ออกมาจากจิต เชื่อไม่ได้เด็ดขาด )

โพธิสัตว์ เกิดจาก เหตุปัจจัย อนุโลมไปตาม........ เท่านั้น ไม่มีทางอื่น

อันนี้ คำว่า สุมไฟที่ถูกต้องเอาเอง คือ ไป หาพระสูตรเอาเอง พระพุทธองค์
ตรัสไว้อย่างไรกับ การเป็นโพธิสัตว์ เกิดจากดำริ เกิดจากสัตว์หน้าขนห่าง
ไปสองเว็นติเมตรมาอุ้มเพราะเราคอยยกส้นสิบเขา เหรอ !?

 

ฉลาดเหตุไกล้ หมายถึง ดูตนเอง ดูที่รู้ของตนเอง ดูเหตุที่ทำให้เกิดเป็นตนเอง

 

กั๊กๆ ใครเขา อาศัยเชื่อ

พูดแบบน้าจร คนตั้งแฉบ ก็วนอยู่กับ เชื่อ ไม่เชื่อ ฮิววววววส์

กำหนดฮู้ทุกข์ พูดไม่เป็นสักแอะ

 

ผมไม่พูดว่ากำหนดรู้ทุกข์ เพราะถ้ารู้ได้กำหนดรู้ได้ แล้วมันยังจะทุกข์กับมันเหรอ มันจะมีทุกข์เกิดมาได้ด้วยเหรอ ผมเรียกกำหนดสติปัฏฐานเพื่อหาเหตุแห่งทุกข์ เพื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ต่างหาก อย่าพูดเหมือนหลวงพี่จิตสิงห์ดิครับ

 

ถ้าอยากชำระอาสวะ ให้หาเหตุของการเกิดอาสวะ
ถ้าอยากชำระการเกิดการแก่การเจ็บการตาย ให้หาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้
ถ้าอยากชำระอวิชชา(ความไม่รู้)ให้หาเหตุแห่งการเกิดของความไม่รู้นั้น)

 

ธรรมแห่งการเข้าถึงเหตุแห่งทุกข์ ทางที่ตรงที่สุดคือ สติปัฏฐาณสี่ ผลที่เมื่อเข้าถึงเหตุแห่งการเกิดเรียกพระไตรลักษณ์ และผลของการดับเหตุแห่งทุกข์หรือชำระอวิชชาได้เรียกเข้าถึงพระอนัตตาธรรม

 

อยากถามมั้ยว่า อะไรคือ พระนิพพาน ก็คือการหมดอุปทานของกายใจ ก็คือกายใจไม่มีความไม่รู้มาเกาะเกี่ยวได้อีกแล้ว ตรงนี้ เรียกการรู้ความจริงของตนเอง เรียกตรงนี้ว่า การตรัสรู้(เข้าใจด้วยตนเองแปลว่าหมดสิ้นความสงสัยกับสิ่งใดๆ)แล้ว

 

อย่าแปลความว่า ไม่เอาสิ่งใดๆแล้วนะ แปลแบบนี้มันผิดธรรมชาติ แต่ก่อนมีความอยากไม่อยากเลยจะเอาจะไม่เอา จะชอบ(รักโลภ)จะไม่ชอบ(โกรธหลง) แต่พอหมดความอยาก ไม่ได้ให้แปลว่า ไม่เอานะ เพราะมรรคแปดคือคำตอบที่ว่า ไม่ไช่เอา และไม่ไช่ไม่เอา