บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    นิทานอีกนิด

    เข้าสมาธิไปเรื่อยเปื่อย ตัวรู้ลอยขึ้นไปเอง ทะลุบางสิ่งบางอย่างขึ้นไป

    ไปอยู่ในที่ ที่มีแต่แส่งสว่าง ไม่มีอะไรอีก มีขอบเขตล่าง ไม่มีขอบบน

    มองจากตัวรู้ลงมา คล้ายมองผ่านขอบเขตของอากาศ เหมือนอยู่คนละมิติกัน

    เวลาถามอะไร มีคำตอบเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าใครตอบ ยังหาไม่เจอ

    ปกติ จิตจะตอบ หรือ เทวดาจะมาตอบ ตอนนี้ไม่รู้

    ช่วงนี้มีแต่เรื่องแปลก
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น่าสนใจมากค่ะคุณhastin:cool:
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยินดีด้วยค่ะ:cool:
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ได้คำตอบมาแล้ว

    lคำตอบนั้นคือ อิทัปปัจจยตา เหตุและผล

    สำหรับเรารู้สึกเฉยๆนะ เพราะเราคาดว่าถึงเดินจิตจนถึง เจโต

    จุดที่เวลาหยุดนิ่ง สิ่งที่จะรู้ น่าจะอยู่ในพระสูตรอยู่แล้ว

    สุดท้ายไปวัดกันที่ สังโยชน์ 10

    อ่านมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่พร้อม
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยินดีด้วยคุณ ทุกวันนี้เราฝันอะไรตื่นมาแทบจำไม่ได้เลย ยกเว้นนิมิตก่อนจะตื่น จะจำได้แต่ก็แค่ใจความสำคัญเท่านั้นเอง

    เมื่อเช้าก่อนตื่นมีผู้มาถามเราว่าปรมัตถบารมีที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญชาติสุดท้ายในชาติของพระเวสสันดรคืออะไร เราตอบไปว่า "ทานบารมี"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2015
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อยังอยู่กับกิเลสมายาก็ต้องทำใจ วางใจให้ได้ วางใจให้เป็น ไม่อย่างนั้นโดนมันเล่นงานน่วมแน่ๆ มายากล กลมายา มีให้เห็นในทุกวัน

    เมื่อวานเห็นคนพูดเรื่องวิมุตติทั้งวัน วิมุตติ (แบบที่ 3 - 5) จะเกิดแก่พระโยคาวจรตั้งแต่ระดับโสดาบันเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วิมุตติก็มีอยู่ถึง 5 แบบ

    แบบที่ 1. ตทังควิมุตติ คือ ความหลุดพ้นชั่วคราว หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสได้ชั่วคราว เช่น เกิดความเจ็บปวด หายจากความโลภ เกิดเมตตา หายโกรธ เป็นต้น แต่ความโลภ ความโกรธนั้นไม่หายทีเดียว อาจจะกลับมาอีก เป็นต้น
    แบบที่ 2. วิกขัมภนวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยการสะกดไว้ หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสได้ด้วยกำลังฌาน คือ สะกดไว้ได้ด้วยกำลังฌาน เมื่อฌานเสื่อมแล้ว กิเลสเกิดขึ้นได้อีก เช่น เมื่อนั่งสมาธิสามารถสะกดข่มกิเลสไว้ เมื่อออกจากสมาธิกิเลสก็กลับมาอีกครั้ง เป็นต้น
    แบบที่ 3. สมุจเฉทวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นเด็ดขาด หมายถึง ความพ้นจากกิเลสด้วยอำนาจอริยมรรค (มรรคมีองค์ 8) ละกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ไม่เกิดกิเลสอีกต่อไป
    แบบที่ 4. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยความสงบ หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลส เนื่องมาจากอริยมรรคอริยผลไม่ต้องขวนขวายเพื่อละกิเลสอีก
    แบบที่ 5. นิสสรณวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยสลัดออกไป หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสนั้นได้อย่างยั่นยืนตลอดไป ดับกิเลสเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ นิพพาน

    การละสังโยชน์ อันเป็นเครื่องร้อยรัดสัตว์ไว้ทั้ง 10 ประการ สังโยชน์ 1-3 ยากมากสำหรับพระโสดาบัน ได้แก่ สีลัพพตปรามาส วิจิกิจฉาและสักกายทิฏฐิ แต่เมื่อละได้แล้ว สังโยชน์ทั้ง 3 ก็ขาดสะบั้นลงด้วยความรู้ของจิตกลายเป็นจิตสลัดคืนกิเลส ตอนที่จิตสลัดคืนนี้ดูไม่ทันหรอก เร็วมาก เมื่อมีผัสสะแล้วอารมณ์ต่างๆ มันหายไปเลย เหมือนไม่ได้รับการกระทบ กลายเป็นสมุจเฉทวิมุตติ เข้าสู่ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ

    ต่อจากนั้น จิตจะดำเนินไปตามกระแสแห่งนิพพาน (อธิจิต อธิศีล อธิปัญญา รวมลงเป็นหนึ่งเดียวกัน) กายและจิตแยกกันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้ได้เห็นความจริงว่าจิตก็ไม่ใช่เรา ไม่ได้เป็นของเรา เพราะจิตไม่อยู่ในการบังคับบงการของขันธ์ห้า รู้ได้โดยไม่ต้องคิด

    สิ่งที่มองเห็นต่อไปก็คือ จิตละสังโยชน์ต่อจาก 1-3 ไปตามลำดับ จิตจะต่อสู้กิเลสเพื่อละกามราคะและปฏิฆะต่อไป ตอนนี้เฉียดๆ พระสกิทาคามี กามราคะและปฏิฆะบางเบาลงก็บรรลุพระสกิทาคามีผล และเมื่อละกามราคะและปฏิฆะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็จะเลื่อนขึ้นสู่ภูมิพระอนาคามี ทรงศีลแปดเป็นอัตโนมัติ

    ภูมิแห่งอริยะจะเลื่อนไปเรื่อยๆ ตามสังโยชน์ที่ตัดได้แล้ว จนถึงที่สุด เพราะมีกระแสนิพพานเหนี่ยวนำ โดยที่เราไม่ต้องไปคิดไปนึกเพื่อให้เกิด เพื่อให้เป็นใดๆ เลย นี่เรียกว่าอัตโนมัติ เป็นปัจจัตตังที่ผู้เข้าถึง บรรลุ จะรู้ได้ด้วยตนเอง

    ปล. ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึก พึงพิจารณา
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หนทางแห่งอริยะ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อเข้าถึงมัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางแล้ว มัชฌิมาปฏิปทาก็คืออริยมรรคนั่นเอง:cool:
     
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เลื่อนตามบารมี

    เต็มบารมีที่มีแล้ว ก็กลายเป็นหยุด
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คุณหรือเรา สงสัยๆ :cool:
     
  10. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ปกติเป็นแบบนี้ คนที่มีบารมีมาก ฟังธรรมง่ายๆ บางทีจิตปล่อยวางไปเลย

    คนที่สร้างบารมีมามาก จิตปล่อยวางไปได้มาก วาระที่จะรู้เองก็เข้ามา

    เราถึงบอกเรื่อง บารมี สำคัญมาก
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราเห็นด้วยกับคุณนะ :cool:
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    บางคนหลงลืมเรื่องบารมี 10 มัวแต่ไปพิจารณาสภาวะแทน เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จ้องจับกิเลส เป็นการแทรกแซงจิตโดยมีตัณหาเป็นตัวนำโดยไม่รู้ตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้ธรรมเหมือนกัน เปรียบเหมือนการเดินทางที่อ้อมออกไป
     
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    น้อยมากครับคุณ nouk ที่จะคิดเรื่องบารมี

    นี่เป็นสาเหตุที่ผมทำบุญเกือบทุกวัน เพราะผมมาทางทานบารมี

    ผมชอบทำบุญ เป็นเรื่องปกติของผม เป็นสิ่งที่ติดมา

    ใครมาทางไหน ก็ต่อทางนั้น

    เท่าที่พิจารณา ผู้ที่เดินจิตสายปัญญาแบบคุณ nouk จะไม่ค่อยหลงทาง

    จะไปเรื่อยๆ ยังไงก็ถึงจุดหมาย บารมีถึง ก็ถึง

    ครูบาอาจารย์ ชอบสอนวิธีนี้
     
  14. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    แต่ถึงจะเดินจิตในสายฌาน อย่างเดียวแบบผม

    เมื่อไปสุดสายก็ต้อง วิปัสสนา เหมือนกัน

    สมถ วิปัสสนา อยู่คู่กันเสมอ

    ตัวผมไม่ชอบนั่งวิปัสสนา แต่ยังไงก็หนีไม่พ้น
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคืนได้เรียนต่อ เป็นธรรมที่ไม่มีบอกในตำรา หรือว่ามีก็ไม่รู้อีกเพราะไม่เคยอ่านตำรา จำไม่ค่อยได้อีกแระ ความจำหนอไม่กลับมาสักที แต่ดูเหมือนว่าท่านให้พิจารณาเข้าไปในจิต จะได้เห็น.......อะไรอ่ะ ลืมไปแล้ว ลืมว่ามันเรียกว่าอะไร เหมือนมีมิติซ่อนอยู่ในจิต รู้แต่พูดไม่ได้อ่ะ ปัจจัตตังอีกแล้ววววว

    ตื่นมาเหมือนถูกลบความทรงจำและอารมณ์ มันหายไปหมดเลย จิตสงบว่างดีมากค่ะ
     
  16. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    อะไรที่ ครูบาอาจารย์ ไม่พูด ถึงเราเข้าไปรับรู้ เราก็ไม่ควรพูดเหมือนกันครับ

    ประมาณว่า ไม่เกินครู

    ถึงเวลา คนอื่นก็ต้องหาเอาเองเหมือนกัน 5555
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    555 ใช่ค่ะ ตามนั้น:cool:
     
  18. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    เหมือนมันกว้างๆ แอบสงสัยช่วยย่อๆให้ผมหน่อยได้มัยครับ บารมี ที่ว่านี้อะไรบ้าง ที่เราทำแล้วมันเกิดบารมีจริงๆ
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ก็เป็นที่แบบที่สอนกันมาว่า บารมี 10 ครับ คุณ nite ลองหาดูนะครับ

    บารมียังแบ่งออกเป็น 3 ขั้น

    ถ้าลองสังเกต คำสอน ที่สอน ฆราวาศ ส่วนมากจะสอนว่าให้ ทำ ทาน ศีล สมาธิ

    ทาน คือ 1 ในบารมี 10 บางคนอาจจะสร้างบารมีอื่นมาก็อาจชอบสร้างบารมีอื่น

    สังเกตว่า บารมี อยู่ในอันดับก่อนศีลอีก ในการสอนทั่วไป

    เป็นแค่ข้อสังเกตของผมเท่านั้นครับ
     
  20. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ผมสงสัยว่า ถ้าสมมุติเราไปวัดไปบริจาคทรพย์ แต่บังเอิญว่า ทางวัดได้นำเงินที่เราไปบริจาคนั้น เข้ากระเป๋าตัวเอง ประมาณว่าวัดครึ่ง กรมการครึ่ง พระครึ่งแบบนี้จะเกิดทานบารมีมัย แต่ทรัพย์ที่เราบริจาค เราตั้งใจด้วยความบริสุทธิ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...