เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    สมัยที่อาจารย์พูดถึงเกี้ยมซุบอร่อยๆครั้งแรก ผมดันไปนึกว่าเป็นซุบที่ใส่พวกเกี้ยมฉ่ายซะอีก เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเป็นอาวุธที่ใช้ทำลายศัตรู ยังสงสัยอยู่ว่าถ้าโดนระเบิดเดี้ยงไปแล้วจะไปเกิดใหม่ได้ไหมครับ เพราะมนุษย์หลังความตายยังไปเกิดในภพภูมิอื่นได้อีก

    เคยคิดเล่นๆว่าเมื่อแต่ละฝ่ายทำสงคราม แล้วเราสามารถเปลี่ยนอาวุธร้ายที่แต่ละฝ่ายส่งไปมา กลายเป็นเป็นดอกไม้ น้ำเย็นๆ ขนม ข้าวปลาอาหาร หรือของมีค่าตกใส่กัน เขาจะรบกันต่อมั้ยเนี่ย หรือจะติดใจกลายเป็นการโปรยทานหรือเทศกาลสงกรานต์กันไปเลย ^_^"
     
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    การตายของจิตวิญญานมี ๒ แบบ

    แบบแรกนี่เป็นไปตามปกติ คือตายจากสิ่งหนึ่งแล้วไปเกิดเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เขาเรียกว่า "การจุติ"
    การจุตินี่ก็เป็นไปได้ สอง-สามแบบ
    จุติสูงขึ้น (มีบุญเสริมส่ง)
    จุติต่ำลง (มีบาปดึงให้ตกตำ)
    จุติในระดับเดิม หรือใกล้เคียงระดัยเดิม (บุญบาปที่มี เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก)

    แบบที่ สอง นี่เป็นการตายแบบแตกดับ การตายแบบนี้ จะเกิดจากการทำลายของอำนาจระดับสูงมากๆ
    เมื่อแตกดับแล้ว ดวงจิตนั้น จะไม่มีเหลือ จะสลายไปหมดสิ้น ไม่มีการจุติใหม่
    ผู้ที่มีความผิดบาปสูงมากๆ ยากจะเยียวยาให้เป็นคนดีได้ เมื่อโดนกฏแห่งกรรมเช็คบิล พวกนี้จะแตกดับ
    การรบกันของ มาร เทพ อสูร ยักษ์ บางครั้ง เมื่อใช้อำนาจสูงมากๆนี่ ก็มีพลั้งพาดทำให้แตกดับได้เช่นกัน

    ส่วนเรื่อง ซัดอาวุธเข้าใส่กันแล้วกลายเป็น โภคทรัพย์ หรือดอกไม้บูชา นี่ ไม่ขออธิบายนะ
     
  3. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168

    ขออนุญาต อธิบาย เจตตนา "มาช่วยตอบเฉยๆ นะคะ เพราะถ้าหมอสุวิเขียนเล่า จะยาววววว


    หมองานเยอะ แต่ก็สรุปได้ ตามความเข้าใจของ กะทิเธอ ดังนี้


    การซัดอาวุธเข้าใส่กันแล้วกลายเป็น โภคทรัพย์ หรือดอกไม้บูชา เกิดขึ้นได้ด้วย

    "เมตตาที่บริสุทธิ์ต่อฝ่ายตรงข้ามด้วยความจริงใจ และไม่มีใจปรารถนาเบียดเบียนต่อฝ่ายตรงข้ามกลับไป อีกต่อไป"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2015
  4. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    สวัสดีค่ะ

    กะทิเธอไม่ได้หายไปไหนนะคะ เพียงแค่ว่าขณะนี้เธอต้องทำงาน หมวก สองใบ

    เงินเดือน และตำแหน่งก็มิได้เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นพนักงาน ต๊อกแต๊ก ตาม พลังอธิษฐานในอดีตชาติของเธอ (ซึ่งมีเหตุแและผล ที่มาที่ไปของเธอ ที่ต้องอธิษฐานในอดีตชาติแบบนั้น)


    และด้วยเหตุนี้ เหตุที่เธอจำต้องสวมหมวก สองใบ กับภาระงาน จึงไม่อาจมาเล่านิทานให้ท่านผู้อ่านฟังได้บ่อยอย่างเคย


    เอาเป็นว่าเรามาเข้านิทานที่ติดค้างกับผู้อ่านไว้ก่อนดีกว่าค่ะ



    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน มหาเทวีจากเกษียรสมุทร


    แต่เดิม กะทิเธอก็ไม่เคยรู้ว่า มหาเทวีฯ คือผู้ใด แต่จากเรื่องเล่าในนิทานกระทู้นี้ ก็ทำให้ได้รู้จักมหาเทวี ไปพร้อมๆ กับท่านผู้อ่าน เพียงแต่ว่าอาจจะมากกว่าท่านผู้อ่านเล็กน้อย นั่นเพียงเพราะมีบางอย่างที่อยู่ดีๆ เธอได้มาเกี่ยวข้องกับยัยกะทิเธอในชาติปัจจุุบันไม่นานมานี้เท่านั้น


    อย่างที่กะทิเธอได้เกริ่นไปแล้วว่า ในช่วงปี ค.ศ. 2013-2014 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ว่า มีมารและอสูรจำพวกหนึ่งยังคงตามเบียดเบียนกะทิเธออยู่เป็นนิจ โดยเริ่มแรกอันเนื่องมาจากการได้รู้จักคุณดอกแก้ว(พี่สาวนามสมมติในอดีตชาติ) ผ่านหมอสุวิ ซึ่งต่างก็มีกรรมผูกพันมาแต่อดีตชาติ



    และด้วยความปรารถนาดีที่หมอสุวิอยากให้กรรมต่างเนื่องที่กะทิเธอและพี่ดอกแก้ว(นามสมมติ) สิ้นสุดกันในชาตินี้ เพื่อหยุดการที่กะทิเธอจะต้องเวียนว่ายตามหาพี่ดอกแก้วจนกว่าจะพบและได้ขออโหสิกรรมกับพี่ดอกแก้ว ซึ่งดำเนินมาเนิ่นนานได้ระยะหนึ่ง จนในชาตินี้กะทิเธอก็ลืมไปแล้ว หากหมอสุวิไม่ช่วยเป็นสื่อกลาง กะทิเธอก็จะตายไป และจำได้ในตอนที่ไม่มีร่าง และจะต้องเกิดใหม่เพื่อตามหาพี่ดอกแก้วให้พบเพื่อขออโหสิกรรม เป็นอย่างนี้เรื่อยไป เป็นวงล้อ แห่งกงจักร กงกรรมกงเกวียน


    ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว จากการสอบถามของหมอสุวิที่มีกับพี่ดอกแก้ว พี่ดอกแก้วเธอระลึกได้ว่า ในชาติที่เกิดเรื่องราวนั้น เธอไม่ได้คิดเคืองอะไรกับกะทิเธอเลย แต่เป็นเพราะกะทิเอง ที่รู้สึกเจ็บปวดทั้งกับความรักที่เต็มไปด้วยความผูกพัน (เล่นด้วยกัน นอนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน) ที่กะทิเธอรู้สึกเหมือนไปหักหลังพี่สาวคนนี้ เพื่อเอาตัวรอดไปเพียงคนเดียว สิ่งที่กะทิเธอได้กระทำกับพี่สาว ทำให้เธอตั้งจิต(แรง) ตามหาพี่สาวของเธอ เพื่อขออโหสิกรรม ให้ได้สักครั้งหนึ่ง


    จิตการอธิษฐานของกะทิเธอนั่นแรงมาก เธอเล่นอธิษฐานนั่น อธิษฐานนี่ไว้เยอะแยะมากมาย และแรงๆ ทั้งๆ (หมายถึงมีความตั้งใจสูง ทั้งในเรื่องที่ดี และในเรื่องที่ทำร้ายตัวเอง) โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าการอธิษฐานแบบนั้นมันส่งผลทำร้ายตัวเองในชาติต่อๆ มา เช่น ในชาติปัจจุบันของเธออย่างไร? (ไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวรึเปล่านะคะว่าฤทธิ์ที่เธอมีมาตั้งแต่ในอดีต มันยิ่งไปเพิ่มความรุนแรงในการตั้งจิตอธิษฐานหนะค่ะ)

    (เปรียบไปก็คล้ายๆ กับที่ท่านผู้อ่านบางท่าน อาจเคยอธิษฐานจิตตั้งมั่น ขอเกิดร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกับแฟนของตน หรือพ่อแม่ของตนที่ผู้อ่านรักและผูกพันอย่างยิ่งยวด ก็ไม่ต่างกันอะนะคะ)


    ในวาระต่อมา เมื่อกะทิเธอได้รับคำว่าพี่สาวได้อโหสิกรรมให้เธอแล้ว โดยการคุยกันจนได้ (หมอสุวิเธอลุ้นอยู่ห่างๆ ค่ะ เพราะเธอเองก็ไม่มีสิทธิชี้นำได้โดยตรง เพื่อให้เป็นไปตามเนื้อกรรมของกะทิเธอ หมอสุวิเธอจึงเป็นแค่สะพานชี้นำอยู่ห่างๆ (อย่างห่วงๆ) ว่ากะทิเธอจะหมดกรรมตามเวียนว่ายตายเกิดหาพี่สาวคนนี้ไหม?


    และเมื่อเป็นผลสำเร็จ หมอสุวิก็เห็นอยู่ว่า พี่ดอกแก้วนั้นมีวิชาที่สามารถจะเป็นครูผู้สอนวิชาให้กับกะทิเธอได้ หมอก็หวังดีอยากให้กะทิเธอเก่งๆ อะนะคะ แต่ทว่า กะทิเธอนั้นไม่ใช่เด็กเฉลียวนัก หรือก็คือ ยึดคติเดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด แต่ทว่าไม่รู้ตัวเลยว่า พี่สาวที่เคยได้เล่าเรื่อง "ฝากหัวใจของเธอให้กับอสูร" ไปแล้วนั้น บัดนี้ไม่อาจต้านทานพลังของฤทธิ์ทานุภาพนั้นได้อีกต่อไป

    เหตุนี้จึงส่งผลต่อกะทิเธอด้วย เพราะเธอก็เริ่มถูกอสูร ๒ หลอกเอาซะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิต ลูกแก้ว อาวุธของเล่นต่างๆ หรือแม้แต่พลังมหาสมุทรแห่งบุญ ก็เคยถูกหลอกเอาไปซะสิ้น

    นี่เป็นจุดหนึ่งที่นอกจากพลังผูกพันแห่งกรรมในอดีตชาติของหมอสุวิและกะทิเธอที่มีต่อกันในอดีตชาติ จนมาถึงปัจจุบันชาติที่หมอสุวิเองก็มีส่วนทำให้กะทิเธอมารู้จักพี่สาว และมีอาการป่วย และ/หรือถูกหลอก จนทำให้เกิดอาการป่วยออดๆ แอดๆ หมอจึงจำต้องเข้าช่วย


    จนกระทั้งสุดท้ายกะทิเธอก็จำต้องพยายามจำใจตัดกรรมกับพี่สาว เพื่อยุติกรรมเบียดเบียนกันและกันนี้ แต่เหล่าอสูร 2 เธอก็ยังตามกะทิเธอ



    ช่วงปี ค.ศ. 2013 จนถึงปลายปี ค.ศ.2014 กะทิเธอนั่นอ่อนแอสุดๆ จนกระทั่งน่าจะประมาณเดือน ก.ย.-ต.ค.2014 อยู่ดีๆ สังฆราชราชา ที่กะทิเธอนับถือสูงสุด ก็มาปรากฎให้เห็นเด่นชัดมากๆ หลังจากปี ค.ศ. 1996-97 ก็ไม่เคยปรากฏภาพอันทรงพลังให้เห็นเด่นชัดแรงขนาดนี้


    และพอหลังจากวันนั้น กะทิเธอก็ยังเขียนคุยกับหมอสุวิบ้างเป็นไปตามปกติ ซึ่งอยู่ดีๆ หมอสุวิก็เขียนมาบอกว่า "กะทิเธอหนะตายแล้วนะ"


    ในความหมายของหมอสุวิ คำว่า ตาย เนี่ย คือ การที่กะทิเธอไม่มีดวงจิตค่ะ (แต่มีวิญญาณนะคะ ดวงจิตและดวงวิญญาณเป็นคนละส่วนกันหนะค่ะ)


    ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่กะทิเธอเท่านั้นที่ไม่มีดวงจิต พี่หนึ่ง (ผู้หนึ่งในแก้งค์ของพวกเรา) ดวงจิตก็หายไปด้วยเช่นกัน



    กะทิเธอเข้าใจว่า อาจเป็นเพราะวันนั้นที่อยู่ดีๆ สังฆราชราชา ก็มาปรากฎให้เธอเห็นเด่นเป็นพิเศษ ดวงจิตเธอก็เลยจากไปแล้ว และเว้นว่างอยู่สักพักใหญ่ (ไม่มีดวงจิตอยู่หลายเดือน) กะทิเธอก็ไม่ได้เห็นจะรู้สึกอะไรเลย แต่ก็มีสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ผู้ที่ไม่มีดวงจิตกับผู้ที่มีดวงจิตนั้นแตกต่างกันอย่างไรหนอ?



    จนกระทั่งในช่วงต้นเดือนของเดือนธันวาคม ค.ศ. 2014 กะทิเธอและเหล่าแก้งค์ ก็ได้ไปรวมตัวกันที่บ้านหมอสุวิ และเพราะความอยากรู้ว่าคนที่ไม่มีดวงจิตนั้นเป็นอย่างไร กะทิเธอจึงได้ไปขออนุญาตดูดวงจิตของ "พี่หนึ่ง" และดวงจิตของ "พี่พลังไฟ" ผู้ที่ยังคงมีดวงจิตของตนเองอยู่ ว่าพี่ทั้งสองคนนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างไร?




    /ยังมีต่อ (คราวต่อไปจะมีคำว่า มหาเทวีฯ จากในนิทานตอนนี้ล่ะนะคะ รอกันสักหน่อยนะคะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2015
  5. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานคั่นเวลา

    จากการที่มีผู้นำคลิปคนลับแลในต่างประเทศมานำเสนอ ก็เลยทำให้กะทิเธอสงสัยว่าสิ่งที่เห็นในคลิปในชัวร์หรือมั่วนิ่มนะคะ


    มันเป็นประหนึ่งคล้ายเกมที่กะทิเธอมักจะหามาให้หมอสุวิเล่นหนะคะ งานนี้ล่ะ(ในคลิป) ชัวร์ หรือมั่วนิ่มคะ หมอ?


    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU56WTVPRGc0TWc9PQ==&sectionid


    หมอไม่มีความคิดเห็นใดๆ สำหรับคลิบนี้ ซึ่งอาจชัวร์หรือมั่วนิ่มก็ได้


    แต่หมอรู้ว่า ในมิติ มีดินแดนลับแลที่ลึกลับ ที่ติดกับมนุษย์กายหยาบเรา อยู่ ๔ แดนลับแล(อาจมีมากกว่าก็ได้ ยังสัมผัสไม่เจอ)


    แดนที่ ๑ มนุษย์ลับแล จะมีขนาด เท่ามนุษญืปกติทั่วไป (หมอเคยพบแล้ว)


    แดนที่ ๒ มนุษย์ลับแล มีขนาดร่างกาย ประมาณครึ่งหนึ่งของมนุษย์ปกติทั่วไป ร่ากายที่เตี้ยเล็กนี้ สมส่วน (ไม่ใช่คนแคระ) พวกนี้ก็เคยพบแล้วเช่นกัน มีผู้พบเห็นมากสุดที่ จ.อุตรดิตส์


    แดนที่ ๓ มนุษย์ลับแล สูงประมาณครึ่งแข้งของมนุษย์เอง (ขนาดเดียวกับในคลิบ) ร่างกายสมส่วน หมอพบพวกนี้ เมื่อสัก ๒-๓ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง ที่บ้านหมอ บังเอิญคุณหนึ่งแวะมาหาหมอพอดี

    คนที่สัมผ้สและพูดคุยกับพวกลับแลนี้ ก็คือ คุณกรรมนิยาม อยากรู้รายละเอียด ก็ไต่ถามกันเอง

    อีกคนก็คือคุณ หนึ่งและลูกสาวทั้งสองคน สัมผ้สได้แต่ไม่เห็นชัดเจนนัก


    แดนที่ ๔ มนุษย์ลับแล พวกนี้ มีขนาดเล็กลงไปอีก ร่างกานก็สมส่วน และมีปีก คล้ายๆนางฟ้าในหนังเรื่องปีเตอร์แพน พวกนี้หมอยังไม่เคยเจอตัวจริง แต่ตอนที่เจอมนุษย์ตัวเล็ก ในแดนที่ ๓ หมอสสัยจึงส่งจิตออกสำรวจและพบเขา(แบบส่องดูไกลๆนะ)


    หมอสุวิเล่ามาจนจบก็ทำให้กะทิเธอนึกถึงบิดาในชาติปัจจุบันนะคะ ท่านเคยเล่าว่า เหมือนมีนางฟ้าตัวเล็กๆ มาอวยพรในช่วงเวลาที่ดิฉันเกิดใหม่ๆ ด้วยหนะคะ ไม่รู้เป็นเพราะความเชื่อของคุณพ่อที่เป็นคริสเตียนรึเปล่านะคะ?


    แต่ดิฉันเชื่อว่าทุกคนย่อมีคนมาอำนวยพรการเกิดของคุณ อย่างน้องก็เจ้าหน้าที่กฎแห่งกรรมท่าหนึ่งหละ และยังจะบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายอีก ท่านผู้อ่านคิดคล้าย ๆ กันกับกะทิเธอไหมคะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  6. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ช่วยขยายความ สักหน่อย

    ภาพนี้ ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

    [​IMG]

    เรื่องราว ที่ เผยแพร่ ทางอินเตอร์เน็ต ยังมี อีก หลายๆ เรื่อง
    ยิ่ง ที่ แชร์ กัน ทางสื่อออนไลท์ โทรศัพท์ ที่ เป็นเรื่องยอดนิยม ก็ พบ เรื่องราว มั่วๆ แต่ มาถึกทักกัน ว่า เป็น เรื่อง อย่างนั้น อย่างนี้ อีกให้ เห็น แทบทุกวัน

    เด็ก และเยาวชน ควรมีผู้ปกครองให้ คำแนะนำ.......

    แต่ ก็ เห็นบ่อยๆ ที่ ผู้ปกครอง ก็ โดน เข้าด้วย แล้ว จะให้ ใครเป็นผู้แนะนำ ... ละ ทีนี้...55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน มหาเทวีจากเกษียรสมุทร ตอนต่อ


    ความอยากรู้ว่าคนที่ไม่มีดวงจิตนั้นเป็นอย่างไร กะทิเธอจึงได้ไปขออนุญาตดูดวงจิตของ "พี่หนึ่ง" และดวงจิตของ "พี่พลังไฟ" ผู้ที่ยังคงมีดวงจิตของตนเองอยู่ ว่าพี่ทั้งสองคนนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างไร?

    ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. ค.ศ.2014 กะทิเธอไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง กับพลังสมาธิเท่าไหร่ จึงกังวลว่าจะเห็นอะไรมั่วๆ รึเปล่า?


    ถึงกระนั้น นี่เป็นประสบการณ์ที่อาจหาไม่ได้ หากไม่ขออนุญาตพี่ทั้งสองดูเปรียบเทียบระหว่างผุ้ที่มีดวงจิต กับผู้ที่ไม่มีดวงจิตนั้นแตกต่างกันอย่างไร?

    และเป็นโอกาสดีที่หมอสุวิก็นั่งรวมอยู่ด้วย เป็นการช่วยกะทิเธอรีเช็ค และส่งสอนอบรมเพิ่มเติม(ถ้ามี) ให้กับกะทิเธอได้เป็นอย่างดี

    กะทิจึงขออนุญาตพี่ๆ และเล็งมองไปที่พี่ๆ ทีละคน โดยเริ่มจากพี่พลังไฟก่อน พลังที่เกิดจากการฝึกของพี่พลังไฟ ย่อมเห็นอย่างเด่นชัดโดยไม่ต้องใช้กำลังในการมองมากนัก

    ส่วนของพี่หนึ่งนั้น กะทิเธอก็มองตามลำดับต่อจากพี่พลังไฟ โดยเห็นเป็นสีตรงกันข้าม จนกะทิคิดไปว่า สงสัยงานนี้กะทิเธอคงจะไม่ได้เรื่องซะแล้ว


    แต่อย่ากระนั้นเลย เธอควรพูดออกมา ไม่เช่นนั้นก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และเสียเที่ยว(ในการเพิ่มประสบการณ์) ใจจริงนั้นไม่ได้คิดว่าจะพูดออกมาในวันนั้นหรอกนะคะ เพราะอย่างที่บอกท่านผู้อ่านแล้วว่า กะทิเธออ่อนกำลังสมาธิไปเยอะ ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เพราะพี่หนึ่งเธอกระตุ้นถามต่อหน้าหมอสุวิ และพี่พลังไฟหนะค่ะ


    พี่หนึ่ง : เป็นไง? เห็นอะไรไงบ้าง? บอกมาซิ


    กะทิ : ไม่รู้ๆ ค่ะ มั่วๆ นะคะ (และแล้วใจวิ่งบอกไปยังสิ่งที่มองเห็นได้ชัดก่อน) พี่พลังไฟมีสีแดงค่ะ ส่วนพี่หนึ่งเป็นสีดำค่ะ (ในใจกะทิเธอพูดว่า ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีดำ)


    พี่หนึ่ง : (สิ่งที่พี่หนึ่งตอบกลับไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธนะคะ เพียงแต่น่าจะเป็นการอธิบายขยายความซะมากกว่าว่า...) >>> ”มันเป็นโพลง เป็นถ้ำหนะ”


    กะทิ : อ๋อ ... อย่างนี้นี่เอง


    กะทิหันไปมองหมอสุวิ แต่ก็ไม่เห็นหมอเธอสอน หรือพูดอไรเพิ่มเติมนะคะ กะทิก็เลยเฉยไปค่ะ

    เป็นอันว่าเรื่องความแตกต่างของคนที่มีดวงจิตกับคนที่ไม่มีดวงจิต ในความเข้าใจของกะทิก็มีเพียงเท่านี้ ที่จริงมีมากกว่านั่นตรงที่หมอสุวิบอกว่า มันมี “เหตุ” และ “ผล” อยู่ ที่ทำให้พี่หนึ่ง และกะทิ จึงไม่มีดวงจิตขึ้นมาซะเฉยๆ


    (หมอสุวิว่างๆ ช่วยมาขยายความตรงจุดนี้ละกันนะคะ)


    /ยังมีต่อ
     
  8. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    คุณอธิฐาน อยากทราบว่า คนไม่มีดวงจิต กับคนไม่มีออร่า เหมือนกันมั้ยครับ แล้วจะแก้ไขยังไง หมายถึงรักษาให้กลับมามีออร่ายังไง อะครับ
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    จาว่า เอยจาว่า อาทิตย์ที่ผ่านมา กองกำลังสหพันธ์พิทักษ์จักวาล เขาลงมากวาดล้างมารกลุ่มหนึ้ง
    ท่านหายหน้าไปไหน กายทิพย์ไยไม่ไปร่วมรบกับเขาด้วย
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ถาม แทนเขา
    แล้วตัวเองมีดวงจิต หรือเปล่าเอ่ย
     
  11. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    แฮะๆ สวัสดีครับท่าน อ.สุวิ ช่วงนี้ภารกิจเยอะครับ แต่ไม่เห็นมีใครส่งข่าวบอกเรื่องนี้เลย ฝ่ายสื่อสารของผมมันไปอู้งานอยู่ที่ไหนไม่รู้ครับ อีกอย่างผมก็เคลียร์พวกมาร บนภาคพื้นโลกอยู่ตลอด แต่ถ้า สหพันธ์พิทักษ์จักวาล ต้องการให้ช่วย ผมก็ต้องส่งกายทิพย์ไปช่วยอยู่แล้วครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ ของเทพพิทักษ์จักรวาล อยู่แล้ว อิ อิ
     
  12. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    อั้ยยะ หมายความว่ายังไงอะครับ อ.สุวิ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือครับ งง แล้วต้องแก้ไขยังไงบ้างอะครับ ตกลง ไม่มีดวงจิต กับไม่มีออร่า นี่เหมือนกันมั้ยครับ
     
  13. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    จาวา หายไปไหนมา......

    หารถแมคโคร ให้ สัก คัน หนึ่ง ซิ...
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    คำถามของคุณจาว่า108 รอคุณหมอสุวิมาตอบนะคะ น่าจะอธิบายไรๆ ได้ประโยชน์ มากกว่าค่ะ ดังนั้นขอเข้านิทาน พลังอธิฐานของกะทิต่อนะคะ



    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน มหาเทวีจากเกษียรสมุทร ตอนต่อ


    เวลาผ่านไปหลายเดือน มีอยู่วันหนึ่งที่เราคุยกันเหมือนเคย หมอสุวิก็บอกว่า


    หมอสุวิ : ขณะนี้กะทิเธอมีดวงจิตแล้วนะ เขามีชื่อด้วย จะเป็นใคร? อย่างไร? เขามีอะไรมาด้วย? ไปคุย ไปถามกันเอาเองนะ (ประมาณนี้นะคะ)

    กะทิ : อ้าว (คิดในใจ ....งานเข้าซะ)


    โดยปรกติแล้ว ถ้ากะทิเธอได้โจทย์จากหมอสุวิ หรือจากผู้ใหญ่ (ใครก็ตามที่เป็นผู้ใหญ่กว่า) และหากคนผู้นั้นยิ่งถามคำถามด้วยคำถามเดิมมากกว่า 1 ครั้ง กะทิเธอจะถือว่า นั่นต้องมี “เหตุ” ที่ทำให้ผู้ใหญ่เขา “ตั้งใจ” ถามเช่นนั้น


    เช่นในคราวที่หมอสุวิพยายามอย่างมากในคราวที่จะบอกให้กะทิเขียนไปทำความรู้จักกับพี่ดอกแก้ว เป็นต้น ทั้งๆที่ตอนนั้นกะทิเธอไม่เคยรู้จักคนๆ นี้มาก่อน แล้วทำไม่อยู่ดีๆ หมอสุวิจึงได้พยายามที่จะพูด “ชี้” แต่ไม่คาดคั้น (จำนวน 2 ครั้งแล้ว) ที่จะให้กะทิเธอคุยกับพี่ดอกแก้วให้ได้



    หมอให้โจทย์ใหม่ในครั้งนี้คือ ดวงจิตที่มาอยู่ใหม่นี้ชื่ออะไร?

    กะทิเธอไม่แน่ใจในกำลังสมาธิของตนเอง และประกอบกับไม่ได้อยู่ต่อหน้าหมอสุวิ ที่จะช่วยรีเช็คให้กะทิได้ จึงไม่มีความมั่นใจในการหาคำตอบ เพราะกะทิเธอมักโดนหลอกจากมารและอสูรได้บ่อยๆ

    กะทิเธอจึงค่อยๆ หาคำตอบน้านนานนนน กว่าจะส่งคำตอบไปบอกหมอสุวิ


    คำถามแรกคือ ดวงจิตที่มาอยู่กับกะทิ เธอชื่ออะไร?

    อันดับแรก สิ่งที่กะทิเธอเห็นคือ ภาพผู้หญิง (ไม่เด็ก ไม่ชรา) อยู่ในชุดไทยสะไบเฉียงพริ้วๆ สบายๆ (ไม่หรูหราเต็มยศ >> ไม่อึดอัด) กะทิเธอถามหญิงผู้นั้นว่า...


    กะทิ : คุณชื่ออะไรคะ?

    ในคำตอบที่เธอให้มานั้น แปลกมากค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกท่านผู้อ่านก่อนนะคะ ว่าเวลาที่กะทินำจิตของตัวเองเข้าไปฟังคำสอนจากผู้ที่กะทิเธอนับถือ อาทิ สังฆราชราชา หรือไม่ก็พระผู้ใหญ่พูดกับเรา กะทิจะปล่อยให้ท่านเหล่านั้นพูดยาวๆ พูดเรื่อยๆ นานหลายๆนาที

    และนานๆ ทีกะทิเธอถึงจะแทรกคำพูดของท่านเหล่านั้นขึ้นมาสักทีหนึ่ง นั่นเป็นเพราะกะทิเธอพูดไม่เก่ง และการเข้าหาสังคม ก็แทบจะเป็นศูนย์ ถ้าไม่เพราะกะทิคอยถามหมอสุวิเอาไว้แต่เนิ่นๆ ว่าถ้ากะทิจะคุยกับท่านนี้ๆๆๆ จะให้กะทิถามคำถามอะไรบ้างคะ?

    หมอสุวิก็จะแนะนำไว้ให้ค่ะ (บางทีหมอก้รำคาญเหมือนกัน ว่าคิดตั้งคำถามเองไม่เป็นรึไงหว่า?)

    ไม่เช่นนั้นกะทิเธอก็แทบจะเป็นใบ้ล่ะค่ะ เด็กแบบนี้ผู้ใหญ่ท่านไหนจะเมตตาล่ะคะ ไม่ใช่เป็นเด็กน่ารัก เอาอกเอาใจ สรรหาคำพูดมาออดอ้อนผู้อื่น ไม่เป็นเลยสักนิด


    ในการพูดกับดวงจิตก็จะเป็นคำถามแนะแนวทางจากหมอสุวิในครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ คุณผู้หญิงคนนี้เหมือนจะรู้นะคะ เธอก็เลยพูดๆๆๆๆ อะไรย้าวยาว จำไม่ได้แล้วนะคะ จำได้เลาๆ ว่าเป็นการแนะนำตัวด้วยการคุยไปเรื่อยๆ ยาวมาก แต่จิตกะทิเธอจดจ่ออยู่คำเดียวคือต้องการ "ทราบชื่อ" ของเธอ ตามที่หมอสุวิแนะนำให้ถามนั่นแหละ(กะทิเธอคิดอย่างอื่นไม่เป็นละนะคะ) ดังนั้นกะทิเธอจึงพูดขัดจังหวะเธอออกไปซ้ำอีกครั้งว่า...


    กะทิ : คุณชื่ออะไรคะ?

    เธอเหมือนจะรู้จักกะทิดีนะคะ เธอเหมือนจะรู้ว่า กะทินั้นเป็นจำพวกปลาทอง (ความจำสั้น)

    และในส่วนที่กะทิคิดว่าเธอแปลก ก็เพราะเธอเหมือนจะหันหน้ามามองกะทิตรงๆ (หลังจากพูดอะไรย้าวยาวๆ ไปก่อนหน้านี้หลายนาที) แล้วเธอก็พูดอย่างช้าๆ แต่เน้นคำแต่ละคำ ชัดถ้อยชัดคำมาก

    ในความคิดของกะทิเธอตอนนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยถามชื่อบุคคลที่กะทิเธอเคยคุยด้วยผ่านสมาธิจิต ไม่ว่าจะเป็น ท้าวเวสสุวรรณ เทพบางท่าน หรือพระชั้นสูง จะมีชื่อยาวๆ มากกว่า 3-4 พยางค์ขึ้นไป (ยกตัวอย่าง ขอให้ท่านผู้อ่านนึกถึงวัฒนธรรมประเพณีไทย ท่านพระบรมวงศ์สานุวงศ์จะมียศเปรียบเสมือนหนึ่งสมมติเทพ จึงมีชื่อยาวววววววว อะหนะค่ะ หรือให้นึกถึงชื่อกรุงเทพฯ เมืองหลวงของเราก็ได้ค่ะ จะมีชื่อเต็มๆ ยาวประมาณ 3-4 บรรทัดอะหนะคะ) กะทิเคยเจอประสบการณ์นี้มาก่อน


    / ยังมีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2015
  15. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    สวัสดีครับพี่ ดาวทะเลทราย พอดีย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด อะครับ พี่่ดาวทะเลทราย สบายดีมั้ยครับ ไม่ไดเจอกันนาน ถ้าจะเอารถแมคโคร เดี่ยวรบกวนฝาก เบอร์โทร และรายละเอี่ยดทางpmด้วยครับ
     
  16. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ทักทายพี่จาว่าด้วย นึกว่าไปรบซะเพลินนะคะ
    ลูกแก้วที่พี่เคยให้ไว้ มันหายไปกับกระเป๋าอะค่ะ
    คือหายไปทั้งกระเป๋าเลย... เสียด๊ายยเสียดาย ...
     
  17. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    `หวัดดี น้องลั้ง สบายดีมั้ยไม่ได้เจอกันตั้งสองปีกว่าสินะ ลูกแก้วหายไม่เป็นไร เดี่ยวพี่ส่งลูกแก้ว ไปฝังที่ตัวให้เลย ที่หน้ากระทู้นี่แหละ จะได้ไม่ลืมอีก เวลาจะใช้ให้สวดบทจักรพรรดิ์ แล้วขอดู จะอยู่ที่หน้าอกนะ ขอนแก่นฝนตกมั้ย คราวก่อนไปเดินถนนคนเดิน ที่ขอนแก่น ของเยอะเว่อร์ สาวๆก็เยอะ พอดีไม่ได้เอาเบอร์ไปเลยไม่ได้โทรหา อิ อิ รบกวนฝากเบอร์โทรทางpmด้วย พอดีสมุดจดเบอร์หาย
     
  18. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    โหพี่ฝังใส่กลางอกอย่าง Iron Man เลยเหรอคะ555
    ขอบคุณนะคะ น้องทำหายนะคะไม่ได้ลืม แบบว่า
    โดนฉกกระเป๋าอะค่ะ พี่ย้ายบ้านเตรียมลี้ภัยแล้วเหรอคะ
    พี่ไปช่วยอาสุวิรบด้วยสิคะ เผื่อจะยืดเวลาได้อีก
    ตอนนี้น้องฟิตร่างกายเตรียมยก หม้อ ไห กะละมังอยู่นะคะ
    ยังไม่ค่อยจะพร้อมซักเท่าไหร่เลย 555
    พี่เอาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังบ้างจิคะ อยากฟัง
     
  19. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    ฝังไว้ที่หน้าอกนี่แระดีแล้ว จะได้ไม่ทำหายอีก เวลาจะใช้ก็แค่นึกถึง หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หรือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หรือสวดบทจักรพรรดิ์ ใช้ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ได้ทุกชนิด และใช้ป้องกันรังสีนิวเคลียร์ ได้ด้วย เตรียมตัวฟิตร่างกายไว้ก็ดีแล้ว เพราะมีข่าว ยังไม่ได้กรอง ว่า อาจมีสงครามนิวเคลียร์ เกิดขึ้น ช่วงปลายปีหน้า ส่วนวันโลกาวินาส เลื่อนเป็นปลายปี พศ2562 เที่ยวนี้ 50/50 ยังไม่รู้ว่าจะเลื่อนอีกได้รึป่าว
     
  20. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    คำว่าไม่มีดวงจิตในความหมายของกระทู้นี้กับขวัญหายเหมือนกันหรือเปล่าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...