ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับฌานสมาบัติ ๘

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2015.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขอพูดน้อยๆ แล้วกัน เพื่อดันกระทู้มันจะตกหน้าไป

    ที่ท่านพูดนั้นมันมากไปด้วยโวหาร แต่จะหาสาระให้ตรงต่อสภวะไม่ได้เลย
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    สงสัยลุงกำลังสับสนอยู่หรือเปล่า

    คำว่าโวหาร คือ คำพูดที่ฟังดูดีแต่เข้าถึงจริงไม่ได้ตามที่ได้ยินได้ฟังมา

    ในเมื่อเป็นโวหารก็คือโวหาร น่าฟัง เหมือนมีเหตุผล แต่ขาดความเชื่อมโยง

    ง่ายๆ สบายๆ ลัดสั้น ฟังดูดีเช่น ดูเฉย รู้เฉย นี่ไงโวหาร

    รู้หรือเปล่าว่ากว่าจะดูเฉยเป็น รู้เฉยเป็น ที่เรียกว่ารู้เห็นตามความเป็นจริงนั้น

    ถ้าง่ายอย่างที่ได้เห็น บางคนพยายามโม้เป็นโวหารได้สละสลวยชวนฟังอยู่

    แต่พอถูกถาม มักหาเหตุผลมาตอบให้ไม่ได้ เพราะอะไร?

    เพราะไม่เคยผ่านขั้นตอนนั้นมาจริงๆ ดีแต่จำมาพูดหรือมโนเอาเองเท่านั้น

    คำว่า"ธรรมภูตพูดหาสาระตรงต่อสภาวะธรรมไม่ได้" ต้องถือว่า"ผิด"

    เพราะทุกครั้งที่พูด จะสรุปด้วยพระพุทธพจน์เป็นหลัก

    ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง เข้าถึงได้ยาก รู้ได้เฉพาะบัญฑิตเท่านั้น

    อาศัยมโนแบบที่ใช้โวหารเพียงอย่างเดียว เข้าถึงไม่ได้หรอก

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

    ปล. เขียนอยู่ทุกวันนี้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้ของจริง ของแท้ต้องเลือนหายไป
     
  3. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ถามอะไร? ถามใหม่ ชัดๆ เป็นข้อ ๆ การถามควรถามหาความเข้าใจไม่ใช่มีธงไว้ก่อน หรือถามเพื่อลองภูมิปัญญา
    หรือเพียงตั้งใจจะขุดหลุมล่อดักควายแล้วให้ควายหาทางขึ้นเอาเอง

    นี่แหละโวหาร เพื่อยกตนข่มผู้อื่นเพื่อให้ตนดูดี (รู้ได้เฉพาะบัณฑิต)

    การปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม และศึกษาธรรมวินัยที่ถูกต้อง ตามธรรมวินัย อันนี้แหละคือการรักษาธรรมของพระองค์
    ไม่ใช่เที่ยววิ่งแล่นไปบอกใครๆว่าต้องทำอย่างนี้ทำอย่างนั้น ไม่ใช่ไปรักษาธรรมที่คนอื่นจนลืมรักษาธรรมที่ตนเองพึงจะได้พึงจะมี
    ทำตัวเป็นคนฉลาด แต่ขาดเฉลียว เป็นคนรอบรู้ แต่ขาดรู้รอบ เป็นคนรู้ทั่วแต่ขาดรู้ทั่วถึง
    เห็นเพียงแต่หัวจนลืมนึกถึงความลึกซึ้งและเข้าใจของหาง

    ( ปล. ยังไม่ต้องรีบถาม ถ้ามมาก็คงไม่ได้สนทนาด้วย คงจะต้องว่างเว้นเข้าเว็ป ๒-๓ วัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 เมษายน 2015
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    โถ่ลุง มาไม้นี้ ธรรมภูตไปไม่เป็นเหมือนกัน

    พูดซะเหมือนว่า อยากตอบเต็มปะดา แต่กลับกลัวกับดักควาย(ลุงพูดเองนะ)

    แต่เผอิญขี้เกียจค้นหาที่เคยถามๆไป บอกได้คำเดียวว่า "ไม่เคยวางกับดักใครเลย"

    ที่ถามไปนั้น ถ้าผ่านการปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างจริงจัง ย่อมต้องตอบได้

    และไม่มีการปักธงไว้ก่อน ถ้าตอบมาพอรับได้ ก็บอกว่าพอรับได้

    ถ้าโม้ให้ดูดีเข้าว่า หรือเอาตำรามาตอบ เพื่อเอาตัวรอด ก็จะถูกย้อนกลับไปเอง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2015
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลุง ก็ได้บอกลุงไปหลายครั้งแล้วว่า

    เรื่องการปฏิบัติธรรมและผลของการปฏิบัติธรรมนั้น จะมโนเอาเองไม่ได้

    เหมือนหลายท่านที่ชอบมโนเอาเองจากสัญญา ที่คิดว่าเป็นปัญญา

    พอถูกถามไป กลับตอบไม่ได้ไปไม่เป็น

    เพราะมโนขึ้นเองว่า"เป็นกับดักควาย"

    ท่อนที่ลุงบอกว่า"ธรรมภูตมโนเอง และยกตนข่มท่าน"นั้น

    เป็นพระพุทธพจน์ล้วนๆเลยหละลุง

    เห็นถ้าว่าคืนนี้ลุงก่อนจะนอนสวดมนต์ไหว้พระ

    ต้องขอขมาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้าด้วยนะ

    V

    V
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ยังมีธรรมอย่างอื่นอีกแล
    ที่ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก
    สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไม่ได้
    ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต
    ซึ่งตถาคตทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
    แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง
    ที่เป็นเหตุให้กล่าวชมตถาคตตามความเป็นจริงโดยชอบ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ใครกันแน่ที่โม้ว่าไม่เอาในตำรา
    พูดมาได้ว่าไม่เอาในตำรา ยกตัวอย่างสักข้อ สักบทซิ ที่ไม่อยู่ในตำรา
    อย่าไปทำให้คนอื่นไว้เขว ว่าธรรมที่พูดมาเป็นธรรมที่อยู่นอกตำราที่รู้มาเอง
    อย่าตู่คำสอนซิ

    ก็ยอมรับแล้วไม่ใช่หรือว่าก็เอามาจากตำรา...โธ่..หลงตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2015
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลุงไหง มั่วนิ่มได้ขนาดนี้

    ธรรมภูต ได้เคยพูดไว้ที่ไหนว่า "รู้เองเห็นเอง"

    จำไว้นะ บุคคลที่จะพูดว่า "รู้เองเห็นเอง"ได้หนะ มีพระพุทธองค์เท่านั้น

    ธรรมภูตพูดไว้เสมอว่า

    ต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ตามที่พระพุทธองค์ทรงวางหลักไว้

    แล้วต้องตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียงผลที่เกิดขึ้นจากพระพุทธพจน์อีกที่

    เคยพูดไว้ที่ไหนว่าไม่เอาตำราอย่ามั่ว มีแต่เอาไว้"เรียนกัน"เท่านั้น

    ส่วนภูมิรู้ ภูมิธรรมที่มีในตน ต้องรู้เห็นตามความเป็นจริงที่เกิดจากการปฏิบัติ

    ไม่ใช่เอาแต่คุยโม้โอ้อวด ที่ได้จากสัญญาที่จำตำรามาแค่นั้นเอง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เอาตามความเป็นจริงจากการปฏิบัติ ออกมาพูดซึ่งไม่ตรงกับตำรา
    มันก็ไม่ใช่ธรรมจากพระพุทธเจ้า เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในตำรา
    ถ้าจะปฏิเสธตำราก็ต้องปฏิเสธคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าเป็นของไม่จริงใช่หรือไม่?
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลุงถามตรงๆเถอะ

    ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้ง...ซะงั้น

    เข้าใจคำว่าภูมิรู้ ภูมิธรรม จากการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา(สัมมาสมาธิ)มั้ย?

    กับภูมิรู้ ภูมิธรรมตรงตามตำราแบบเป๊ะๆ อย่างที่ลุงชอบนำมาอวดไง

    เช่นจิตต้องมี121ดวง เกิดๆ ดับๆ แวบๆตลอดเวลา เป็นผีกระสือ

    จิต มโน มนัส วิญญาณ เป็นอันเดียวกัน

    สติปัญญาเกิดขึ้นเองได้จากการแค่ตรึกนึกคิดเอา ทั้งๆที่เป็นสัญญา

    ส่วนภูมิรู้ ภูมิธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา(สัมมาสมาธิ)นั้น

    ดังเช่น พระพุทธพจน์ทรงตรัสไว้ชัดๆว่า

    บุคคลยังสมาธิให้เกิดขึ้นในตนเถิด ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว

    คือต้องปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนาอย่างจริงจัง จึงมีขึ้น เกิดขึ้นเท่านั้น

    ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง ในอริยสัจที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

    คือมีภูมิรู้ ภูมิธรรมที่จะรักษาตน

    ให้อยู่รอดปลอดภัยจากอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นแขกจรเข้ามา

    มีพระพุทธพจน์รับรองไว้ชัดเจนว่า "เธอจะไม่เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง"

    นี่จึงจะเรียกว่าภูมิรู้ ภูมิธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนไว้

    ไม่ใช่เจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองตามตำราที่อ่าน ฟัง นึกคิดมาแค่นั้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  10. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    สงสัยคงจะเริ่มเบลอ สัมมาสมาธิ เป็นตัวรู้ซะแล้วหละ
    แล้ว"สมาธิ"เป็นตัวตั้งมั่นในอารมณ์เดียว มันจะไปสอดส่ายรู้อารมณ์อื่น
    มันก็ไม่ใช่ตั้งมั่น มันก็ผิดไปจากความเป็นจริงมิใช่หรือ
    หรือกรูจะเอาของกรูอย่างเนี้ยว่างั้นเถอะ

    คนที่ขาดสัญญาเขาเรียกว่าคนหลง จำอะไรไม่ค่อยได้นั่นแหละ
    กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้ ก็ไอ้พวกเอ๋อน้ำลายยืด เมียตัวเองก็จำไม่ได้
    เมื่อวานทำอะไรมาก็ไม่รู้ น่าสงสารแท้พวกที่ขาดสัญญา
    สติสตังพลาญพะโลโปเกเอาตื้อๆ แค่นี้เท่านั้นภูมิธรรมของนักปฏิบัติ

    พวกมานะจัดมองเห็นผู้อื่นต่ำกว่าตนไปหมด
    โรงเรียนที่สอนปริยัติธรรมคงต้องหมดความจำเป็นไปแล้วมั้ง
    ตำหรับตำราพระไตรปิฏกมิต้องเผาทิ้งกันละมั้งนี่
    เดี๋ยวมันจะกลายเป็นนกแก้วนกขุนทอง ที่จริงแล้วคนที่ขาดการศึกษามาก็เป็นอย่างนี้แหละ
    มีไหมหล่ะคนที่ไม่เรียนแล้วฉลาด มันฝืนความจริง .... พูดกับคนที่โง่นี่เหนื่อยใจจริง แถบไปแถมาตามไม่ทัน
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลุงครับ ถ้าไม่รู้ไม่ตอบ คงไม่มีใครกล่าวหาว่าลุงหนะโง่นะ

    ไม่รู้จริงๆกับคำว่า "จิตตั้งมั่น" หรือแกล้งโง่เพื่อเอาชนะเท่านั้น(จริงเปล่า)

    บุคคลที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริงดังนี้

    คือ เมื่อรู้อารมณ์หรือกระทบอารมณ์อื่นๆแล้ว

    จิตใจยังคงตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่เข้ามากระทบไม่ใช่หรือ

    อย่างที่ลุงพยายามกระแนะ กระแหนอยู่นะ เค้าไม่เรียกว่าจิตตั้งมั่นหรอก

    ส่วนเรื่องสัญญาก็อย่าพยายามมั่วไปให้รอดเลย

    คนทุกคนที่เกิดขึ้นมาในโลก ล้วนต้องมีขันธ์๕ครบทุกคน

    ต่างกันตรงที่ พวกที่ลุงพยายามยกตัวอย่างมานั้น มีสัญญาที่ผิดเพี้ยนไป

    ที่ต้องจำกลับไม่จำ ไปจำเรื่องอื่นที่ไม่ควรจำแทน

    ส่วนพวกเอ๋อน้ำลายยืด ก็มีแต่พวกบ้าน้ำลายพ่นออกมาแต่ตำรา น่าสงสารจัง

    เมื่อไม่รู้จักสัญญาที่ถูกต้อง ก็ไม่แปลกใจเลยจริงๆว่า

    ทำไมลุงถึงไม่รู้ปัญญาที่ถูกต้องแท้จริง คือการรู้จักปล่อยวางอารมณ์

    คนที่มานะจัด คือคนที่รู้มากยากนาน รู้อะไรแล้วไม่ยอมเปลี่ยน

    ทั้งๆที่สิ่งที่รู้มานั้น เป็นเรื่องขาดเหตุผลรองรับ

    ก็ยังจะมานะทิฐิ ดันทุรังเชื่อเข้าไปได้ โดยไม่ยอมวาง เฮ้อ!!!

    คงรู้ตัวบ้างแล้วนะว่า "ใครที่มีมานะเต็มตัวเต็มหัวใจ"

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  12. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ห้องนี่พูดแต่เรื่องยากๆ เกินตัวเราจะเข้าใจได้กลับไปปฏบัติต่อดีกว่า ไม่อ่านแล้วเบื่อและเซ็ง
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ยิ่งอ่านก็ยิ่งเลอะเลือน จับต้นชนปลายไม่ถูก เอาตัวสมาธิมาเป็นตัวรู้ซะงั้นแหละ
    ที่นี้ไม่ต้องพูดถึงปัญญาหละ เอาแค่สัมมาสมาธิไปโลด นี่แหละถึงได้บอกไงว่าพวกที่ละทิ้งสัญญา
    จนน้ำลายไหลยืดดดดด ที่แรกก็นึกว่าเป็นคนที่มีปัญญาเยอะ พอคุยไปคุยมามีแต่สมาธิ มึนติ๊บ
    คอยแต่จะดันทุรังเกินไปจนเกิดทุเรศ ไปห้อง ดูจิตแบบธรรมภูต เถอะ ยังพอหลอกคนได้อีกเยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2015
  14. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ครับ...คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของง่าย เป็นของลึกซึ้ง ไม่งั้นก็บรรลุกันง่ายๆ
    ถ้าธรรมเป็นของง่ายพระพุทธเจ้ายังต้องใช้ความเพียรมากกว่า ๔ อสงไขยแสนกัปป์เล่า
    พระองค์ก็เคยปราบพระอานนท์มิใช่หรือว่าธรรมของค์ไม่ใช่ของง่าย


    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ข้าแต่พระองค์
    ผู้เจริญ ปฏิจจสมุปบาทนี้ลึกซึ้งสุดประมาณ และปรากฏเป็นของลึก ก็แหละถึงจะ
    เป็นเช่นนั้น ก็ยังปรากฏแก่ข้าพระองค์ เหมือนเป็นของตื้นนัก ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธออย่าพูดอย่างนั้น อานนท์ เธออย่าพูดอย่างนั้น
    อานนท์ ปฏิจจสมุปบาทนี้ ลึกซึ้งสุดประมาณและปรากฏเป็นของลึก ดูกรอานนท์
    เพราะไม่รู้จริง เพราะไม่แทงตลอด ซึ่งธรรมอันนี้ หมู่สัตว์นี้ จึงเกิดเป็นผู้ยุ่งประดุจ
    ด้ายของช่างหูก เกิดเป็นปมประหนึ่งกระจุกด้าย เป็นผู้เกิดมาเหมือนหญ้ามุง
    กระต่ายและหญ้าปล้อง จึงไม่พ้นอุบาย ทุคติ วินิบาต สงสาร
     
  15. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    :cool:ก็นั่นนะสิ มันจะง่าอย่างนั้นได้ยังไง กว่าจะเข้าใจต้องใช้เวลา ผมว่า
    นะ
     
  16. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    การเดินทางๆธรรมเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าหนทางนั้นไกลอีกแค่ไหน
    จะในชาตินี้ หรืออีกกี่ชาติไม่มีไครรู้ได้ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้ถึงแล้วนั่นเอง
    แต่เราก็จำเป็นจะต้องเดิน ยิ่งเดินมากเท่าใดหนทางก็ใกล้เข้าไปทุกที
    เราจึงจำเป็นที่จะต้องเดินมันทุกชาติที่เราต้องเกิดอยู่จริงไหม
    ถ้าเราหยุดเดินหนทางก็ห่างไกล และก็ไม่มีหรอกที่จะมาช่วยเราเดินให้ได้
    นอกจากตัวเราเองเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤษภาคม 2015
  17. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ไม่ได้ตามอ่านที่พี่ภูตโพสมาในกระทู้ทั้งหมดนะครับ พอดีผมมีข้อสงสัยมานานแล้วว่า อัปปนาสมาธิกับ อรูปฌาน ที่นิยมบัญญัติกล่าวเรียกกัน ในสายปฎบัติ คือสภาวะเดียวกันรึป่าวครับ

    ขอบคุณครับ
     
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิที่เเนบแน่น เป็นสมาธิที่เข้าถึงฌานแล้ว มีตั้งแต่ปฐมฌานเป็นต้นไป

    อรูปฌานนั้น ก็หมายถึง ฌานที่ได้ละรูปเหลือแต่นาม คือ อากาสา. วิญญา. อากิญ. เนวสัญญา.
    อัปปนาสมาธิเป็นเหตุ อรูปฌานเป็นผล

    ถามว่าสภาวะเดียวกันหรือเปล่า ขอตอบว่าเป็นคนละสภาวะกันเลย
    ตั้งแต่ปฐมฌาน ถึงปัญจมฌาน หรือจตุตถฌาน นี้ยังมีทั้งรูปและนามอยู่พร้อม
    ส่วน อรูปฌาน มีนามอย่างเดียว การบัญญัติเรียกไม่ว่าทางปรัยัติหรือการปฏิบัติเรียกเหมือนกันหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤษภาคม 2015
  19. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ความอยากทั้งหลายมันตกอยู่กับผู้ไม่รู้ ผู้รู้จะบอกว่าง่าย
    ก็จงทำตัวให้เป็นผู้ซะเถิดความยากก็จะหายไป ความยากง่ายมันก็ไม่ได้ใช้เวลามาวัดกันได้
    มันก็ขึ้นอยู่กับปัญญาบารมีท่านเคยสะสมแค่ไหน สะสมมามากก็รู้ไว สะสมมาน้อยก็รู้ช้า

    ฉะนนั้นการศึกษาหรือการปฏิบัติ ชาติไม่รู้แต่มันก็เป็นการสะสมให้เป็นปัจจัยถึงชาติหน้าได้
    ก็เหมือนการท่องหนังสือสวดมนต์ หยิบมาท่องครั้งแรกๆ มันก็จะจำไม่ได้ เพียรท่องไปเรื่อยๆมันก็จะจำได้เองจริงไหม
    แล้วที่ว่ามันจะข้ามไปถึงชาติหน้าได้ยังไง มันก็เหมือนเป็นการสืบต่อกันไปเรื่อยๆ
    การท่องมาหลายวันมันก็มาสะสมจนถึงวันนี้ และจากวันนี้จนถึงอีกหลายๆวันข้างหน้าก็ยังจำได้อยู่จริงไหม
    เป็นหลายเดือนหลายปีก็ยังจำได้อยู่จริงไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤษภาคม 2015
  20. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ประเด็นคือถ้ารู้ในสิ่งที่ผิดและสะสมมามากจะทำยังไงครับ และถ้าสะสมผิดมันไม่แยาไปใหญ่หรือครับ กว่าจะเจอทางออกได้นี่เล่นเอามึนเลย ผมเคยได้ยินเรื่อง ลิงติดตัง กับ ตาบอดลักควาย มาเลยไม่อยากเป็นแบบนั้น ลองไปค้นดูสิ พอผมอ่านเรื่องนั้นหรือระลึกเรื่องนั้นทีไร ผมก็อดสังเวชใจตนเองไม่ได้เลย ไม่อยากเป็นก็เป็นทุกข์กลัวจะเป็นก็เป็นทุกข์http://palungjit.org/threads/ลิงติดตัง.300218/ ลองดูสิไม่ใช่ของอาจารย์คนที่ท่านทราบนะเรื่องนี้ มีอยู่ใน...เป็นท่านพระอาจารย์วัดดอน กทม. เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยเอามาอ่านแล้วชอบก็พิมพ์ลงไว้ในบอรด์นี้เหมือนกัน เรื่องนี้ก็เช่นกันพอจะเป็นอุทาหรณืได้ดีแกนักปฏิบัติเลยจะได้ไม่หลงกลhttp://palungjit.org/threads/ตาบอดลักควาย.199291/ ผมระลึกนึกถึงก็อยากเปิดอ่าน โลกสมัยใหม่นี่ดีจริงๆ บันทึกไว้นานแล้วก็ยังค้นหาได้ผมเกือบลืมว่าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับนักปฏิบัติท่านหนึ่งซึ่งท่านไม่อยู่แล้วในตอนนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...