ภาวนา..แยกขันธ์ออกจากจิต ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 15 พฤษภาคม 2015.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021

    เหตุคือ การสังเกตุ มีสติหลังจากคิดและเสพอารมณ์แล้ว..เรียกว่าแยกขันธ์ออกจากจิต

    (ส่วนผล) ...จนวิญญาณเนี่ยถูกทำลายไป วิญญาณถูกทำลาย 25%, 50%, 75%,100% เป็นพระอริยะ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์

    เหตุปัจจัย ผมพิจารนาแล้ว คหสต.ว่าๆเหตุไม่สมควรแก่ผล และส่วนการทำลายวิญญาณเป็นอะไรที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

    ผมยินดีรับไปพิจารนาที่พี่ ball21 แนะนำมาครับ ขอบคุณครับ
     
  2. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ไม่มีในเระไตรปิฏกว่าผู้สำเร็จอรหันต์จะต้องดับขันต์ใน7วัน. ถ้าไม่บวช มีแต่ดับขันต์ในวันน้้นเลย ถ้าไม่บวชตามประวัติหลายๆท่านในพระไตรปิฏกและไม่เคยมีพุทธวจนะกล่าวว่าไม่บวชต้องตายใน7วันครับ. ถ้ามีช่วยนำลงโพสหน่อยครับ. แต่ถ้าต้องดับขันต์ในวันนั้นมีประวัติให้อ่านได้ในพระไตรปิฏกครับ สาธุ
     
  3. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ส่วนที่ตอบไปข้างต้น เป็นกรรมฐานที่พิจารณาให้จิตเราเห็นธรรมทุกอย่างเป็นองค์ประกอบกัน เห็นแยกกันเป็นส่วนๆได้ แต่ก็จะเห็นการทำงานของธรรมทั้งหลายที่มีปัจจัยต่อกัน ซึ่งการที่มาประกอบกันมันก็แยกกันเป็นส่วนๆ อยู่แล้ว มันไม่ได้มาประกอบจนเป็นแท่งหรือดวงหรือเนื้อเดียวกัน มันมาประกอบชุมนุมในเชิงเหตุปัจจัยร่วมกันต่อกันแต่ไม่ได้มารวมเป็นหนึ่ง เมื่อจิตเห็นธรรมทั้งหลายก็จะเห็นว่า มันแสดงหน้าที่ของมัน คำว่าบอกว่าผมคิด ผมพูด ผมกระทำ มันไม่มีขึ้นมาได้ ถ้าจิตเห็นเป็นกระบวนการคิด ไม่ได้มาจากตัวรู้ มันมาจากผัสสะ ผัสสะมันก็ไม่ใช่จิตตัวรู้ มันเป็นธรรมมาประกอบกันให้จิตรู้ พอจิตไปเสวยอารมณ์ กุศลธรรมอกุศลธรรมก็เกิดขึ้นมาร่วมชุมนุมด้วย มันก็ไม่ใช่ตัวรู้ จิตเป็นใหญ่เป็นประธานแต่เพียงเชิญสมาชิกมาชุมนุม คณะกรรมการจะมีมติอย่างไรไม่ใช่ว่าประธานจะสั่งได้ แต่เวลารับผิดชอบแสดงออกนอกหน้าประะธานโดนสับเละ สมาชิกก็โดนด่าได้ ว่า จิตประธานไปฟังนายโทสะ จนนายหมัดกายาไปเตะต่อยคนอื่น มันแยกกันอยู่แล้ว แต่มันมีเหตุปัจจัยต่อกัน จนกว่าคณะกรรมการจะหมดภาระหน้าที่ เวลาฟ้องศาลประธานโดนฟ้องคนเดียวในฐานะผู้มีอำนาจทำการแทนทุกสมาชิก
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เอ ขอโทษครับ ผมอาจจำไม่ค่อยได้ระหว่างอรรถกถากับพระไตรปิฎก เป็นเรื่องท่านที่ถูกควายขวิดนะครับ ถ้าไม่ตรงขออภัยครับ ขอบคุณที่ทักท้วงครับ ช่วยกันสอบทานก็ดีครับ ผมอ่านตอนเด็กมากและจำไม่ได้ว่าอ่านจากพระไตรปิฎกหรืออรรถกา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  5. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    รับไปพิจารณาครับ
    พี่เอกวีร์คิดอะไรออก ก็มาเม้นท์เพิ่มเติมไว้ได้ครับ

    ขอบคุณครับ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ดูจาก ปฏิกริยาหลอกถาม แล้ว สวนกลับ พร้อมด้วยลีลา วางตนเป็นมวยรอง ของพี่เสขะ

    พี่เสขะ จริงๆ มี สัจจที่เป็นพยานแก่ตนแล้ว เห็นขันธ์มันแยกแล้ว

    แต่คนที่แยกขันธ์ได้แล้ว จะไม่ทราบ ไม่ได้กำหนดรู้คือ " จิตผู้รู้ ไม่เที่ยง "
    หรือ " ไม่ได้กำหนดรู้การเกิด การดับ ของธรรมเอก "

    ทั้งนี้ ก็เพราะ มิจฉาทิฏฐิ เรื่อง จิตเที่ยง มันยังเป็น สัญญาทับการภาวนาอยู่

    ตรงนี้ก็ต้อง มีศาตร์ มีศิลป พอสมควร ถึงจะยอมยก เห็น จิตผู้รู้ก็ไม่เที่ยง
    หาก ยกตัวนี้ไม่ได้ จิตจะรู้ไม่ถึงฐาน จะเกิดสมาธิมีสมุทัยเจือ ทำให้เกิด
    การสร้าง สภาวะเพื่ออยู่ เพื่อเป็น เพื่อไขว่คว้า ทยานอยากรู้ ไม่เลิก

    แต่ถ้าเมื่อไหร่ ใช้ปัญญาอันยิ่ง นมสิการธรรมได้ ก็จะเลิกถามเลยว่า
    แยกขันธ์ทำไม เพื่ออะไร มันจะแยก มันจะรวม มันจะเจริญ มันจะเสื่อม
    มันจะเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นอัพยากตา จะยกขึ้น พิจารณาตามติดๆๆๆๆ
    ไปได้หมด( เหมือนมี บริกรรมติดๆๆๆๆๆ ไม่มีการปล่อยว่าง ) ถ้าปล่อยว่าง
    จิตจะพิจารณาปัญญาไม่หยุด ก็จะไม่ถึงฐานที่พอดี ถ้าจิตรู้ไม่ถึงฐาน ก็จะ
    สาวไปที่เหตุ ไม่ได้ ปัญญาคือการเห็นอริยสัจจ ไม่มีทางมีได้ หากมี ก็เกิด
    จากการ คิด ด้น เด้า เปรียบเทียบสุ่มสี่สุ่มห้าเอา เท่านั้น
     
  7. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ไม่เป็นไรครับ แต่พระอรหันต์พระองค์นั้นดับขันต์ในวันนั้นเลยครับสาเหตุถูกควายขวิดคือบวชไม่ทัน ท่านดับขันต์ก่อน แต่พระพุทธองค์ทรงเรียกว่าพระอรหันต์ ทั้งๆที่ยังไม่ได้บวชครับ คือถ้าฆราวาสสำเร็จพระอรหันต์ต้องบวชในวันนั้น ถ้าบวชไม่ทันจะดับขันต์ในวันนั้นเลยครับ ดังพระอรหันต์องค์ดังกล่าวครับ สาธุ
     
  8. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021

    สองความคิดเห็น แย้งกันเองบางส่วนครับ
    ผมขอรับไปพิจารณา แล้วถ้าไม่เช้าใจอย่างไรผมจะขอถามอีกครั้งครับพี่ ณฉัตร

    ขอบคุณครับ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็แล้วแต่ถนัด นะฮับ พี่เสขะ หากพี่เสขะ ถนัดบริกรรม

    ตอนที่ จิตเริ่มเง๊อะงะ พยายามจะหางานทำ พยายามจะมองหาปัญญา
    มันเกิด ไม่เกิด ตอนนั้น ให้บริกรรมอัดเข้ามา อย่าไปเชื่อ อย่าไป
    ชะแง้ตามมัน

    แต่ถ้า ปัญญาปฏิภาณมี ก็อย่าอัดบริกรรม ให้หมุนพิจารณา สภาวะที่
    มันไม่ให้ค่า ไม่ให้องค์ความรู้ไปอย่างนั้นแหละ [ หลวงพ่อพุธ แนะว่า จะต้อง
    มีแสงสว่างรอบๆ คลออยู่ มีน้ำมีนวล เบาสบาย ไม่หนัก ไม่แน่น แข็ง ตึง ]

    แต่ถ้าสนใจ ดูจิต ก็อย่างที่บอก ให้ สมาทานว่า จิตผู้รู้ไม่เที่ยง มันจะหมอง
    จะสว่าง จะเคลื่อน จะนิ่ง จะเอามา ยกขึ้นเป็นสิ่งถูกสังเกตได้หมด

    ตรงนี้ มันจะผลิกไปมา ได้หลายอย่าง อ่านอัปนาโกศล10 หรือ ธรรมอันเป็น
    ปฏิปักษ์ ของพระพุทธองค์ ก็ได้ .....นักภาวนาจะต้อง บริหารจิต ให้อยู่ใน
    การพิจารณาธรรม
     
  10. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินว่า ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้าเป็นฆราวาสที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์จะต้องบวชภายใน ๗ วัน หรือปรินิพานภายใน ๗ วัน ก็พูดกันมานานแล้ว
    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยิน ตามหลักฐานในบาลีชั้นอรรถกถา จะเป็นในวันนั้นทั้งนั้น...?
    คือ ผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว นิพพานหรือบวชอย่างใดอย่างหนึ่งในวันนั้น

    ถ้าเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็อยู่ได้ในเพศคฤหัสถ์ได้ตลอดชีวิตขงตนเท่าชีวิตของตน แต่ถ้าเป็นพระขีณาสพ เป็นพระอรหันต์แล้ว บรรลุอรหันตผลแล้ว จะต้องนิพพานหรือบวชในวันนั้น
    ท่านใช้คำว่า ตํ ทิวสเมว ปพฺพชิตวา ปรินิพฺพาติวา
    บางแห่งก็ใช้คำว่า ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพพํ วา โหติ คือ พึงปรินิพพานหรือบวชในวันนั้น
    ตํ ทิวสเมว ไม่ใช่ ๗ วัน

    แต่ได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าจะต้องหรือนิพพานภายใน ๗ วัน พูดกันมาแต่ไม่มีหลักฐานที่อ้างอิง ไม่เคยพบหลักฐานที่ว่า ๗ วัน แต่ได้พบหลักฐานที่ว่าต้องบวชหรือปรินิพพานในวันนั้น เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่เพื่อความถูกต้อง
    แปลว่าในตอนเด็กผมอ่านจากตำราชั้นอื่นครับ ต้องขออภัยนะครับ
     
  11. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021

    โอวว..ผมยังไม่มีจิตผู้รู้เด่นดวงอะไรแบบนั้นหรอกครับพี่เอกวีร์ นิวรณ์ยังเต็มกบาลอยู่เลย พูดคุยกัน ขอรับฟังที่แนะนำมาไว้เปิดโลกทัศน์ไปก่อนครับ
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แล้ว รู้ได้ไงว่ามี " นิวรณ์ "

    หาก สติระลึกได้ว่า จิตมีนิวรณ์ ถามหน่อยว่า ขณะนั้น นิวรณ์ยังตั้งอยู่
    เป็นตน ของตน ........

    หรือ?!!! ถูกสังเกตได้ว่า มันคือ ส่วนขันธ์ คนละส่วนกันกับ ผู้สังเกตุ ....

    [ แต่ บอกก่อนนะ ว่า ผู้สังเกต ไม่เที่ยง เขาเห็น หรือ ระลึกนิวรณ์
    ได้ แต่ก็ ดับไป หลังจากนั้น ก็เผลอเพลินในการ ฝุ้งธรรมบ้าง
    ฝุ้งอธรรมบ้าง จิตไหลไปคิดเสียเป็นส่วนใหญ่ หาก สติไวก็จะเห็น

    จิตเกิดทางตา ดับทางตา ไม่มีการให้ค่า
    จิตเกิดทางหู ดับทางหู ไม่มีการให้ค่า
    จิตเกิดทางไหล่ ดับทางไหล่ ไม่มีการให้ค่า
    จิตเกิดทางxx ดับทางxx ไม่มีการให้ค่า

    ถ้าเห็น นิวรณ์ จริงนะ

    หากเห็นไม่จริง จิตจะไม่แยก ไม่แสดงการเกิด การดับให้ดู ยังเป็น สังขยา ขอดด้าย
    แยกธาตุแยกขันธ์ ไม่เป็น ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    พี่เสขะ เวลาสนทนาธรรม พยายามอย่าเอาความเป็นตน ในอดีต มาคุย นะจั๊บ

    พยายาม เอาปัจจุบันธรรม จิตตอนนี้เป็นยังไง มีนิวรณ์กลุ่มรุมเหรอ อะจิงดิ

    อะไรทำนองนี้ อย่าแล่นไปในอดีต หรือ อย่าไปวางจิตในอนาคต

    มุ่งตรงต่อนิพพาน ในปัจุบบันธรรม นี่เลย อย่าอ้างโน้น อ้างนี่
     
  14. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    รับไปพิจารณาครับ เชิญพูดคุย ธรรมสากัดขากันตามอัธยาศัยนะครับ
    ขอทิ้งกระทู้ไว้ ไปปลีกวิเวกคงไม่ได้เข้ามาอาทิตย์นึง ไว้ถ้ามีคอมเม้นท์สนทนาโดยตรงกับผม ไว้อาทิตย์หน้าถึงมาตามอ่านและตอบให้นะครับ
     
  15. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ได้ครับ จะพยายามครับ
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จะพยายามอะไร ละจั๊บ จั่ว เลื่อนไปในอนาคต ไปแว้ว

    ดูเผินๆ ตามเนื้อผ้านี่

    พี่เสข ออกแนว ขาดสัจจบารมี รึเปล่า

    การทำอะไร ตามตาราง ด้วยการบีบบังคับ ไม่ใช่ สัจจบารมี อธิษฐานบารมี นะจั๊บ

    เช็คตรงนี้ด้วย หากมี ดีอยู่แว้ว ก็ว่ากันไป


    ฮิววววววววววววววววววววส์
     
  17. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขอแสดงเป็นภาพได้ดังนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1252382054.jpg
      1252382054.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.5 KB
      เปิดดู:
      85
  18. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ แต่ว่า ธรรมะในส่วนนี้ลึกซึ้งมากครับ ในปฏิจจสมุปบาท ในกระบวนการเกิดทุกข์ จะเห็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ ในกระบวนการดับทุกข์ จะเห็นปัจจัยให้วิญญาณดับไป ถ้าวิญญาณคือจิต จิตคือวิญญาณ เมื่อวิญญาณดับคือจิตดับไปแล้ว กระบวนการต่อไป คือการดับนามรูปเพราะวิญญาณดับ น่าจะไม่มีประโยชน์จะเกิดขึ้นแล้ว ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสะ จะมีต่อหรือดับต่อเพื่ออะไร ถ้าตีความว่าดับวิญญาณคือดับจิต แล้วกระบวนการต่อไปที่กล่าวว่า เพราะเวทนาดับตัณหาจึงดับ ตัณหาเกิดขึ้นในที่ใดดับในที่ใด อุปาทานเป็นพฤติของจิตหรือของใคร นอกจากนี้ ถ้าตีว่านิพพาน คือสิ่งที่วิญญาณรู้ได้ วิญญาณคือจิต แล้ววิญญาณอะไรดับในกระบวนการก่อนนิพพาน มโนวิญญาณก็ดับ ในกระบวนการดับทุกข์ ไปแล้ว คำอธิบายนี้ แสดงว่า วิญญาณทั้ง ๖ มีเกิดมีดับ ซึ่งก็เกิดและดับ มาโดยตลอด แต่ไม่มีที่ไหนว่าในกระบวนการดับทุกข์ กระบวนการก่อทุกข์ จิตเกิด จิตดับ ไม่ได้บอกว่าต้องดับจิต คือ ไม่ได้บอกว่า เพราะสังขารดับ จิตจึงดับ เพราะจิตดับ นามรูปจึงดับ ตามการใช้ภาษาแม้อธิบายว่า วิญญาณคือการรับรู้และการตะหนักรู้ แต่กลับจงใจไม่มีที่ใดใช้คำว่า จิต แทนคำว่า วิญญาณ แต่ในหลายที่ใช้คำว่า วิญญาณแทนจิตก็มี ความนัยตรงนี้ ต้องตีความจิตต่างกับคำว่าวิญญาณ แม้ความหมายจะให้อย่างเดียวกัน นอกจากนี้ ตอนจิตถึงอรหันต์ เรียกว่าโลกุตตรจิต ไม่ใช่คำว่าโลกุตตรวิญญาณ ถ้าจิตคือวิญญาณ และวิญญาณคือจิต เหตุใดไม่ใช่คำแทนกัน จะเห็นว่า กระบวนการดับทุกข์ กระบวนการก่อทุกข์ มันเกิดที่จิตนั้นเอง แต่ไม่อาจกล่าวว่าอุปาทานเกิดแก่วิญญาณ แต่กล่าวว่าอุปาทานเกิดแก่จิต จิตมีอุปาทาน ไม่กล่าวว่า วิญญาณมีอุปาทาน ที่พูดมาวิเคราะห์ตามพุทธธรรม ช่วยกันอ่านและพิจารณาด้วยครับ ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ แต่รู้ตามศึกษาตามอยู่ เพราะว่าธรรมนี้ลึกซึ้งจริงๆ ครับ ในพุทธธรรมเอง ยังกล่าวด้วยว่า นิพพาน ก็รู้ด้วยวิญญาณแต่มีการแย้งกัน โดยอีกฝ่ายอธิบายว่าวิญญาณนี้มีความหมายต่างจากวิญญาณตามปกติไปอีก แต่วิญญาณในเรื่องขันธ์ 5 ก็อย่างเดียวกับในเรื่องปฏิจจสมุปบาท เออ ขอเพิ่มเติมกันการเข้าใจผิดไว้ก่อน จิตก็มีเกิด มีดับ นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2015
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    บาลี

     

แชร์หน้านี้

Loading...