ถามเรื่องการสวดมนต์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย The eyes, 26 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ไม่เป็นไรคะไม่มีอะไรที่ผิดต่อกันเลยคะ

    ... ที่เราพิมพ์เราหมายถึง คนส่วนมากในสังคม คะ แล้วไม่ใช่แต่คุณที่กลัวหรอกนะคะเราก็กลัวคะ .. กลัวมากด้วยคะ .. ด้วยความกลัวจึงศึกษา เมื่อศึกษาจึงเห็น เมื่อเห็นจึงเข้าใจ และ พบทางของตนเอง ..

    .... ถึงคุณไม่นิยมด้านนี้แต่คุณเดินสายอื่นมันก้เลี่ยงไม่ได้ที่จะได้เจอกับเรื่องแนวนี้คะ เราเพียงแค่แนะว่าคุณ หรือ คนอื่น ๆ อาจต้องเจอกับมัน เหมือนตอนที่พระพุทธองค์ทรงเผชิญพญามารท่านก็มิได้หวั่นเกรง หรือ หลงไปกับสิ่งยั่วยวนเหล่านั้น .. เพราะท่านยึดมั่นในสิ่งที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จดังประสงค์ ..

    ... คราวนี้หวังว่าคุณคงเข้าใจนะคะ และ สบายใจ เราเองก็ยังคงเรียนรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับคุณนั้นแหละคะ .. ยังไม่ได้เก่งมากมายอะไร .. เห็นคุณมีความตั้งใจดีเราเลยแค่ ... อยากอวยพรคุณ คะ
     
  2. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    ความรู้สำคัญนะครับ ในเมื่อเราไม่รู้เราก้อต้องแสวงหาความรู้ ความรู้คืออะไรความรู้คือปัญญาครับ (ไม่ใช่พิธีกรนะครับ) ปัญญาที่จะแสวงหา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนจะตรัสรู้ ท่านก้อต้องลองผิดลองถูก ศึกษาสำนักนั้น สำนักนี้ทรมารตนบ่าง อะไรที่เขาว่าเป็นทางพ้นทุกข์ ท่านลองทำหมด แล้วทุกสิ่งที่เรียนท่านก้อทำได้หมด แล้วท่านรู้ไหม รู้ครับ รู้ว่ามันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ไงครับ แล้วก้อเกิดปัญญาไงครับ จนพระองค์ท่านตรัสรู้ ส่วนพวกที่รู้มากแล้วมักจะมากับมานะทิฎิ ถือตัวว่ารู้ ก้อรู้เหมือนกันครับ แต่รู้ไม่มาก พวกนี้แหละครับที่เรียนแล้วยังยึดติดกับความรู้เดิมๆ คืออะไร คือพวกแก้วเต็มน้ำไงครับ สอนอะไรใหม่ๆให้ไม่ยอมรับเต็มอยู่เหมือนเดิม คิดว่าตัวเองรู้มากแล้ว แต่คนที่รู้มากจริงๆท่านรู้แล้ว ท่านก้อจะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี คือปัญญาครับ เรียนวิปัสนามาหลายที่ แต่พอถึงเวลาเรียนที่ใหม่ ไม่ยอมปล่อยความรู้เดิมๆ แทนที่จะรับความรู้ใหม่ แล้วค่อยเอาความรู้ทั้งหมดที่มีมา ประมวลดูว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เหมาะกับตัวเองหรือไม่ ตรงตามคำสอนหรือเปล่า และนี้แหละครับคือปัญญาไม่รู้มาก่อนก้อดีครับ สอนอะไรเข้าหัวหมด ทำตามหมด แต่ไม่สามารณแยกเยอาะได้ว่าอะไรคืออะไร ถ้าผิด ก้อพลาดได้ง่ายกว่าคนที่รู้จากที่อื่นมาด้วยครับ เพราะผู้ที่รู้จะสามารณต่อยอดได้ง่ายกว่าคนที่ไม่รู้ครับ ผมก้อเรียนครับ ศึกษามาบ่างพอสมควร สายนั้นสายนี้ เทพองค์นั้นเทพองค์นี้ อะไรที่เขาว่าดีลองหมดครับ ศึกษาหมด ก้อพอรู้ได้บ่างว่าอะไรใช่อะไรไม่ใช่ ในหลักคำสอนในพุทธศาสนา นี้ยังรู้ไม่มากนะครับแค่หางอึ่ง ยังต้องเรียนรู้อีกมาก แต่ก้อพอจะรู้ได้บ่างว่า เกิดมาชาตินี้คงไม่ขาดทุน ท่านเจ้าของกระทู้ก้อรู้นี้ครับว่าถ้าถึงเวลาจริง ที่จะต้องเรียนรู้ จะต้องทำยังไง ต้องปล่อยว่างจากความรู้เดิมยังไง นี้แหละครับปัญญา เพราะผู้ที่ไม่รู้เขาจะเรียน โดยไม่ปล่อยว่าง อนุโมทนาครับ ปล.ผมพูดตามที่ได้เรียนได้ศีกษามา ผิดพลาดประการใดโปรดอภัย ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณครับ
     
  3. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบคุณแต่ละโพสของเพื่อนๆค่ะ ตอนนี้อะไรที่ค้างคาใจก็พอคลายได้ในระดับหนึ่งแล้ว ถือว่าสอบผ่านในระดับทารกแรกคลอด หากถึงเวลาปฎิบัติแล้วมีข้อสงสัยจะโพสถามอีกครั้งนะคะ
    ปล.ธรรมนั้นมีมากมายเสียเหลือเกิน แต่ขอแค่ความรู้พื้นฐานในเรื่องการสวดมนต์ นั่งสมาธิก่อน(จริงๆในส่วนของสมาธิยังมีข้อสงสัยอยู่เยอะ แต่ขอค้นหาคำตอบด้วยตัวเองก่อน)
    หวังว่าความรู้ที่เพื่อนๆโพสบอกเล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2014
  4. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,185
    คุณนพครับ ที่ว่าเปิดจักระที่มืออาการมันเป็นอย่างไรครับ ใช่อาการตึงๆชาๆยิปๆ
    เหมือนเกิดกระแสไฟฟ่าสถิตที่ฝ่ามือหรือเปล่าครับ และอาการที่มีความร้อนเกิดขึ้น
    ที่ปลายนิ้วมือแบบที่ว่าเวลาเอามือวางบนหน้าอกโดยไม่มีเสื้อขวางอยู่ สักพักจะเกิด
    อาการร้อนบริเวณที่ปลายนิ้วสัมผัสนะครับ รบกวนช่วยอธิบายให้หน่อยครับ ผม
    สงสัยมานานแล้ว ขอบคุณครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ใช่ครับคิดว่าเป็นคำถามที่มีประโยชน์มากด้วยครับ
    .พวกนี้เป็นกิริยาข้างเคียง.อาการอย่างเล่ามาใช่หมดครับ
    .บางครั้งเราเอามือไปใกล้เหล็กหรือวัตถุอื่นๆก็จะเกิดไฟฟ้าซ๊อตได้
    พอทำให้ตกใจ.หรือสะดุ้งเล่นพอขำๆ..บางทีฝ่ามือก็ร้อนมากกว่าปกติ
    และไม่ว่าเราจะไปเปิดจักระมาหรือว่าเราไปรับพลังงานอะไรมาก็ตามนะครับ.
    เนื่องจากความสามารถในการรับพลังงานเข้ามาในตัวเอง.ไม่ว่าจะเพื่อการรัก
    ษาหรือว่าเพื่อเสริมกำลังสมาธิ หรือเพื่อทำให้จิตใจสงบก็ตามนะครับ
    มันจะเข้ามาในรูปของคลื่นความถี่เป็นประจุไฟฟ้าด้วยครับ.
    แต่ประจุไฟฟ้าที่ว่านี้ถ้าหากว่ามันพอดีก็จะไม่มีปัญหาอะไรครับ..

    แต่โดยปกติธรรมชาติแล้วบุคคลทั่วๆไป.มักจะเคยชินแต่การรับ
    แต่ขาดความเข้าใจในเรื่องของถ่ายพลังงานงานออก..
    นึกภาพออกไหมครับน้ำนิ่งๆในบ่อซักวันแม้วันแรกๆมันจะใส
    แต่นานๆไปมันก็จะเน่าของมันได้..ไม่เหมือนน้ำที่ไหลในลำธาร
    มันก็จะใสของมันอยู่ตลอด.เปรียบได้ว่าประจุไฟฟ้าส่วนเกิน
    พวกนี้เหมือนการเติมน้ำเข้าใน บ่อ แต่ว่าไม่มีการถ่ายเทออกนั้นหละครับ..
    ถ้ามีเก็บไว้มากไป ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไม่ว่าต้นคอ ศรีษะ
    หรือหน้าอก จะทำให้ส่วนนั้นของร่างกายเกิดอาการตึงๆครับ
    ทำให้ขี้เกียจผิดสังเกตุ หงุดหงิด อารมย์ฉุนเฉียวง่ายค่อนข้างรุนแรง
    และต่อไปนานๆถ้าเราไม่รู้จักคลายประจุไฟฟ้าส่วนเกินตรงนี้ออก
    จะส่งผลให้เป็นโรคร้ายแรงได้ในอนาคตครับ.
    อย่างคนที่ผ่านการสื่อสารจากภายนอกพอนานเข้ากระดูกข้อนิ้วมือ
    ที่ปลายจะบวมๆนั่นหละครับ.

    .วิธีคลายง่ายๆในการคลายก็คือ เราตึงตรงไหนใช้ฝ่ามือหรือกำปั้น
    ค่อยๆทุบนะครับให้ผิวหนังบริเวณนั้นนิ่มๆถือว่าพอได้.
    ..ถ้าบนศรีษะก็วางมืออีกข้างก่อนแล้วค่อยๆทุบ ประจุไฟฟ้า
    พวกนี้มันจะคลาย..ส่วนที่ชาๆที่ปลายมือนั้นมีสองวิธีถ้าจิตเราแข็งแรงพอ
    ให้เราเหยียดแขนทั้งสองข้างออกให้ตึงกำหนดจิตว่าให้พลังงานส่วนเกิน
    จงออกไปให้หมด ให้สังเกตุดูถ้ามีประจุไฟฟ้าวิ่งไปปลายนิ้วทั้ง ๑๐ และ
    วิ่งออกบริเวณข้อมือ หรือขึ้นตามผิวหนังถือว่าใช้ได้.แต่ยังไม่ดี
    เท่ากับวิธีที่ ๒ คือควรทำด้วยการถอดรองเท้าให้เท้าสัมผัสกับพื้นดิน.
    เพื่อช่วยให้ดินช่วยดูดพลังงานส่วนเกินที่ว่านี้ด้วยครับ.
    ส่วนท่าทางการกำหนดจะคล้ายๆกันประมาณนี้ครับ
    .
     
  6. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,185
    ขอบคุณครับคุณนพ คำตอบของคุณช่วยผมได้มากทีเดียว ว่าแต่ถ้าเกิดอาการทีลำตัว
    แบบมีคลื่นพลังงานไหลเวียนอยู่ ทำให้เกิดอาการรุมๆเหมือนจะเป็นไข้นี่ ก็ใช้วิธีการนี้
    คลายออกได้ใช่มั๊ยครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    หลักการทั่วๆไปคล้ายกันครับใช้ได้ทั้งร่างกาย.
    ..สังเกตุดูปกติถ้ามันหมุนจะวนขวานะครับ..
    มีหมุนธรรมดาแบบนี้ไม่ไร หมุนคล้ายดอกไม้ใบเรียวๆหมุนเพื่อเชื่อม
    หมุนกลับไปกลับมาเพื่อดูด..กับอีกกรณีคือหมุนแบบพิเศษสำหรับ
    บางกรณี.ประมาณนี้หละคับ แต่ก็ควรคลายไว้ให้เป็นปกติเพราะบางที
    เราเดินไปไหน มันก็เชื่อมหรือดึงของมันเองได้โดยที่เราไม่รู้ตัวซึ่ง
    ถือว่าเป็นเรื่องปกติ..
     
  8. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ว่าจะไม่ถามแล้วนะคะ เห็นโพสนี้แล้วอดไม่ได้
    นั่งสมาธิหลับตาจะเห็นเป็นเหมือนวังน้ำวน(น่าจะตามเข็มนาฬิกานะคะ)มันเรียกว่าจักรกะหรือเปล่า บางครั้งแม้ลืมตาก็เห็นและรู้สึกหนักบริเวณระหว่างคิ้วด้วย (เคยเป็นขนาดต้องคลานไปนอนที่เตียงเลย) ย้อนกลับนิดนะคะเคยลองเพ็งมองแล้วจิตมันดีดกลับ(เพ็งต่อไม่ได้ เหมือนถูกดูด) และอีกแบบคือนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นอะไรเลยแต่ดูมันสว่างๆ(ยังไม่ถึงขั้นที่บอกว่าเหมือนถูกไฟส่งหน้า)อันนี้กับอันนั้นคนละแบบใช่ไหมคะ และแต่ละแบบมันเกิดเพราะ เพื่ออะไร ตามความคิด แบบสว่างนี่น่าจะถูกต้อง
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าเห็นเป็นน้ำหมุนเหมือนว่ามันจะไม่มีฟองด้วย
    อย่างนั้นเป็นนิมิตรกสิณน้ำในส่วนของการกำลังจิต..
    ซึ่งเลยระดับอุคคนิมิตรมาแล้วและต่ำกว่าปฏิภาคนิมิตรเล็กน้อย.
    ไม่ใช่จักระถ้าเป็นจักระจะหมุนคล้ายกันแต่จะเป็นคลื่นใสที่
    บริเวณตัวเราตามแต่ตำแหน่งในร่างกายครับไม่ใช่
    ในนิมิตร.และมันก็จะเห็นต่อเนื่องได้ในขณะลืมตาเช่นกันแต่
    จะคล้ายเป็นแผ่นคลื่นตรงๆในลักษณะของสีเหลี่ยมผืนผ้าก่อน.
    ส่วนจักระจะมีจุดกำเนิดที่ร่างกายเรา..ไม่ใช่ลอยอยู่ข้างนอก.
    ถ้าเราใช้ระหว่างคิ้วบังคับมันก็หมุนในทิศเดียวกับในนิมิตรขณะลืมตาได้อีก
    จริงๆถ้าสัมผัสคลื่นได้ ใช้นิ้วบังคับยังได้เลยครับ..
    .ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในช่วงของสร้างกำลังจิต
    ส่วนเพ่งแล้วดีดกลับเป็นเพราะกำลังสมาธิและกำลังสติ
    ทางธรรมยังอ่อนยังไม่พอสำหรับการควบคุมตรงนี้
    ส่วนถ้าถูกดูดเข้าไปแสดงว่าเผลอเข้าไปใกล้นิมิตรมากเกินไปจะโดนดูด
    ได้เป็นเรื่องปกติ.บางทีไปโผ่ลอีกมิติได้ไม่ต้องซีเรียส เอาไว้ทำใหม่.
    หรือดีกว่านั้นคือไปบังคับนิมิตรในอีกมิติก็ได้.ถ้าทำได้นะครับ
    การสร้างกำลังจิตด้วยการทำให้นิมิตรหมุนนี้ ต้องไม่ใกล้และไกลเกินไปส่วนความพอดีหาเอาเอง
    ใกล้ไปจะโดนดูดไกลไปจะบังคับไม่ได้..
    ส่วนแสงที่มันสว่างๆเหมือนมีคนเอาสปอรต์ไลท์แบบกลม
    มาส่องนั้นก็ถือว่าเป็นปกติอีก
    บางครั้งในห้องมืดๆแต่รอบๆตัวเราจะสว่างได้เลย

    ต้นกำเนิดโดยปกติมักจะมาทางด้านขวาก่อน
    ในมุมสูง.. แต่ก็เป็นได้ที่มันสามารถ
    ขยับไปได้.จริงๆพวกนี้สามารถลืมตามองเห็นได้
    กำลังระดับนี้ประมาณฌาน ๑
    ถ้าจะฝึกต่อก็ให้ต้นกำเนิดนั้นสว่างกว่านี้.
    .พวกนี้เกิดขึ้นได้เหมือนกันถ้าฝึกมองภาพพระด้วย
    ตาเปล่าหรือในกรณีที่ฝึกวิชาเดินธาตุในส่วนของวิญญานธาตุครับ.
    ถ้าอยากพัฒนาต้องฝึกหมุนนิมิตรกสิณตัวนี้และต้องรวมกสิณตัว
    อื่นๆเข้าไปรวมด้วยให้ได้.เรียกว่ารวมนิมิตร.จะสามารถดึงที่เป็นใน
    ส่วนของพลังงานให้ขึ้นมาและสามารถสัมผัสได้.
    และอาจพัฒนานำมาใช้งานได้..แต่ถ้าไม่รวมก่อน
    มันจะได้เพียงกสิณน้ำกองเดียว.ถ้าในสายในดง.ยังถือว่า
    คุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะต่อยอดฝึกครับ.
    ต้องมีอะไรมากกว่านี้หน่อยและต้องผ่านบท
    ทดสอบอะไรอีกเล็กน้อยก่อน ประมาณนี้ครับ..
    .
    .
     
  10. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,185
    เรื่องแสงสว่างสำหรับผมจะเห็นเป็นแสงคล้ายแสงนีออนครับ ส่วนที่มาของแสงมี
    2 ลักษณะ คือคล้ายกับจะอยู่เหนือหัวอย่างหนึ่ง กับอีกแบบจะเป็นการแผ่ออกมา
    จากตัวเราเอง ลักษณะเหมือนการเรืองแสงครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010

    ตอบ รวมเลยนะครับ.ทั้ง ๒ คนนั่นหละ..
    ถูกแล้วครับวงเดียวเหมือนหมุนเข้าศูยน์กลางนะใช่แล้วครับ..
    ..น่าจะเป็นของเก่าที่เคยทำได้มาก่อนนะครับ.
    ส่วนตอนนี้ที่ไม่เข้าใจก็ไม่แปลกหรอกครับปกติ.
    เพราะท่านที่จะมาสอนแนะนำเทคนิคพวกนี้ปกติจะเป็นพระอาจารย์
    ทางส่วนภพภูมิที่คุณอาจคาดไม่ถึงครับ.คุณไปหาอ่านที่ไหน
    ไม่มีหรอกครับไม่ต้องซี..
    ส่วนอื่นๆ.เอาไว้มีปลายทางที่จะนำไปใช้งานในทางธรรมชัดเจน.
    ฝึกสะสมสมาธิ..สร้างกำลังสติไปเรื่อยๆ.สร้างทานบารมีไปก่อนครับ
    มีให้เลือก ๑๐ อย่างแต่เน้นที่การอุทิศส่วนกุศลไว้ด้วย.ที่สำคัญคือเรื่อง
    เมตตาแล้ววันหนึ่งกลับมาอ่านที่เขียนจะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายๆ
    ของมันได้เองครับ และจะสามารถเอาพลังงานพวกนี้มาใช้งานได้จริง
    และสัมผัสได้ครับ..ไม่งั้นก็จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่รู้เองอยู่คนเดียว
    ไม่รู้ว่าจริงหรือเป่า เพราะเห็นอยู่คนเดียว.
    คนอื่นๆสัมผัสไม่ได้แค่นั้นหละครับ.

    ส่วนกสิณกองอื่นๆก่อนจะรวมได้.เราจะต้องใช้กสิณบางกอง
    ในนิมิตรให้ได้ก่อนครับ.พวกแสงสว่างไม่เกี่ยวนะครับพวกนั้น
    มันจะไปส่งผลทางด้านทิยพจักขุ.มันมีความละเอียดหลายระดับ
    เหมือนกัน.แรกๆที่มันหมุนเพราะจิตเราเองมันเคยมาถึงระดับนี้
    ในอดีตมันคุ้นเคยมันก็เลยหมุนอย่างนั้น
    แต่ก็เหมือนไม่ได้มีการพัฒนาทางจิตเพราะเราไปต่อไม่เป็น
    .แต่ถ้าเราจะได้กำลังจิตเพิ่ม
    ก็คือรักษาระยะเวลาในการหมุนให้มากขึ้น หมุนมันให้เร็วขึ้น หยุด
    หมุนไปหมุนมา ช้าเร็วตรงนี้ถึงจะได้กำลังจิตสำหรับกสิณกองนี้
    พูดง่ายๆคือ การออกกำลังกายให้จิตนั่นหละครับ..
    และจะรวมได้คือเราต้องมีกำลังสมาธิและกำลังสติเพียงพอ
    ที่จะรักษาอารมย์และไม่หลุดจากตรงนี้ แล้วลองใช้ให้ได้ซักอย่าง
    ส่วนการรวมกสิณมันก็คือการนึกชื่อกสิณในโหมดนั้นให้ออก
    และมันจะมีเครื่องทดสอบให้เราลองใช้(บอกรายละเอียดมากไม่ได้)

    ..เช่น ด่านนี้เราต้องใช้กสิณอะไรรวมกับอะไรถึงจะผ่านมันไปได้
    แต่ที่นี้สุดท้ายมันจะมีด่านหนึ่งที่เราต้องใช้ให้ครบทุกกอง
    ถึงจะผ่านไปได้.ตรงนี้ต้องสุดแล้วการพิจารณาของตนเอง
    ที่นี้ถ้าสมมุติเราสามารถรวมได้ทั้ง ๕ กองแล้วในนิมิตรนะครับ.
    (ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ)
    ต่อไปในการลืมตาปกติไม่ต้องเข้าสมาธิอะไรมาก
    แค่นึกๆ.เราจะสามารถเรียกพลังงานพวกนี้ขึ้นมาได้
    บนฝ่ามือก่อนในเบื้องต้น
    เพราะว่าจิตมันมีกำลังแล้ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยสมาธิ
    ในการเข้าถึง..พวกกสิณสีก็เรียกได้ครับ.
    ซึ่งมันมีเอกลักษณะแตกต่างกันไปตาม
    แต่กสิณกองนั้นๆซึ่งถ้าเราผ่านจุดที่ใช้งานมาได้
    เราไม่ต้องไปสนใคร่รู้ว่ากสิณแต่ละอย่างเป็นอย่างไร
    พูดให้ฟังก็จะไม่เข้าเหมือนเดิมเสียเวลาครับ.
    เด่วจะกลายเป็นอุปทานเข้าได้ด้วย.พวกนี้ถ้ามันไม่เกิด
    ดูรูป มองภาพ ใครพูดให้ฟังมันก็ไม่เข้าใจ..แต่ถ้าผ่านมาได้
    เราจะรู้ได้เองอัตโนมัติของมัน.และการเรียกใช้งานมันก็จะอัตโนมัติ
    เพราะตอนนั้นจิตเราจะมีเครื่องรู้ตรงนี้เองได้เองไม่ต้องห่วงครับ.
    และผลก็จะแตกต่างกันประมาณนี้ก่อนเป็น
    พื้นฐานของการที่จะสามารถเริ่มนำมาใช้งานได้จริงต่อไป.ซึ่ง
    จะมีเทคนิคการใช้งานอื่นๆอีก.ตอนนั้นจะมีอีกกลุ่มมาสอนต่อ
    ให้เราเอง.

    ส่วนแสงถ้ามาจากที่อื่นๆนั่งต่อไปให้ได้จะเกิดทิพยจักขุได้ชัดเจน
    ถ้าถึงขั้นสว่างได้ทั้งห้องจะมองเห็นส่วนภพภูมิได้ด้วยตาเปล่าเกือบ
    ทุกระดับที่กำหนดเห็น.ส่วนถ้าแสงออกมาจากตัวเราเองการพัฒนา
    ขั้นต่อไปคือขยายแสงนี้ให้มันกว้างที่สุดอาจใช้การกำหนดให้มันแผ่
    ไปให้ไกลที่สุดให้ได้..แสงนี้คือส่วนหนึ่งของวงสมาธิเราด้วยครับ
    ซึ่งภพภูมิจะมองเห็นได้.แต่เห็นในรูปแบบนี้เป็นรูปหนึ่งของคนมา
    ทางแนวการสร้างบารมี.ซึ่งจะมีข้อดีคือ
    ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าเราสามารถ
    อุทิศส่วนกุศลไปได้ไกลเท่าไรนั่นเอง.
    .
     
  12. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,185
    ขอบคุณครับคุณนพ ที่ให้ความกระจ่าง ผมจะได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปครับ
    ขออนุโมทนาในธรรมทานนี้ครับ
     
  13. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบคุณเช่นกันค่ะ
     
  14. brickthai

    brickthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +798
    ทำบุญร่วมกันบ่อยๆครับ
    อาศัยผลบุญช่วย และกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
    ขอให้อโหสิกรรมต่อกัน อย่าได้เบียดเบียนกันอีกเลย
     
  15. Penty

    Penty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2014
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +1,580
    มีครั้งนึงเห็นพี่ๆบอกบทสวดมหาจักรพรรดิดี เลยลองสวดเพิ่มไป พอสวดเเล้วขณะกำพระไว้ในมือ สัมผัสได้เลยรู้สึกร้อนๆที่ฝ่ามือ เหมือนไปจับพริก หรือเครื่องแกงเลย รู้สึกร้อนผ่าวๆ ปนแสบนิดๆหน่อยๆ โอ้ ตกใจ เลยเลิกสวดดีกว่า สงสัยจะแรงไป
     
  16. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขุดมาให้เพื่อนๆอ่าน มีประโยชน์ ก็ขอโมทนาด้วย ไม่ชอบ ไม่โดนใจ ก็ขอโทษค่ะ อ่านเป็นสีสันกันไปนะ
     
  17. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    ป้าสวดมนต์มาก็หลายปียังไม่เคยพบเจออะไรอย่างที่พูดๆกัน พระมหาจักรพรรด์ป้าก็สวด ก็แสดงว่าคงไมมีใครมาร่วมฟังกับป้านะซิ แต่บทสวดทุกอย่างที่ป้าสวด หลังจากสวดมน์ไหว้พระแล้ว เช่น พาหุงมหากา ชินบัญชร ไตรปิฏก บารมี30 ทัส มหาจักพรรดิ์ ป้าสวดโดยไม่ได้ดูหนังสือเลย แต่ป้าไม่เคยมีความรู้สึกใดๆเลยเพียงแค่จะมีอาการขนหัวลุกบ่อยๆเท่านั้นเอง ขอผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยนะคะ (อ้ฮป้าสวดอาธารณาศีล ชวดเชิญเทวดา และศีล 5 ด้วย) เมื่อจบแล้วก็สวดให้ตัวเอง สัพเพ สวดให้กับทุกๆท่านด้วยค่ะ ถ้ามีใครจะแนะนำได้ก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ เพราะทำมาตั้ง เกือบ 20 ปีแล้ว ทำสมาธิเดี่ยวๆยังไม่ได้ต้องใช้จิตเกาะติดกับบทสวดตลอดเวลาถงจะนิ่งได้
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ทำตานิ่งๆ ลิ้นกับปากไม่ต้องขยับ พนมมือไว้นะคับ คุณพี่
    และ สวดในใจไปเรื่อยๆ ตามองห่างจากนิ้วปลายนิ้วชี้ประมาน ๕ ซม.
    สังเกตุการเปลี่ยนแปลงของมวลอากาศรอบๆตัวเองดูนะครับ
    ที่จะเห็นตาไม่ได้ฝาดหรอกครับ เป็นผลของบทสวด
    ในการปรับธาตุและรักษาตัวเองอยู่ครับ
    ปล.จะอะไรก็ช่าง รอจนมันใสนะครับ. (^_^)
     
  19. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    สาธุๆขอบพระคุณค่ะจะลองดูนะคะ
     
  20. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    บทจักรพรรดิ์ สวดแรกๆ ก็ร้อน บางทีเหมือนโดนแรงดัน ผ่านไปซักระยะก็เบาสบาย โล่ง รู้สึกมีความสุข
     

แชร์หน้านี้

Loading...