เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่าน

    " เอาบุญมาฝากจากบ้านสายลม "



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




     
  2. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    อนุโมทนาด้วยครับ สาธุๆๆๆ
     
  3. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  4. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    เลือกยากจังครับพี่นอร์ ฮ่ะๆ
    แต่โดยส่วนตัวตอนนี้ก็แขวนพระคำข้าว รุ่น ๒ (ล็อตรุ่นปืนค.แตก) อยู่ครับ แขวนคู่กับเหรียญสมเด็จองค์ปฐม รุ่นพระจักรพรรดิ์สุวัณภูมิ กองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทครับ รู้สึกว่าแขวนชุดนี้แล้วสบายใจดีครับ พระคำข้าวองค์ก็ไม่ได้ใหญ่โตมากทำให้สามารถแขวนไว้ด้านหลังได้สบายๆ :cool:



    [​IMG]



    [​IMG]
     
  5. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่าน


    [​IMG]
     
  6. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437



    สุดยอดครับคุณอุทยัพ ขอบคุณที่แวะมาตอบคำถามและนำรูปพระมาให้ชมครับ :cool::cool::cool::cool:
     
  7. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437


    อ่านคำสอนนี้แล้วได้สติมากๆ...อนุโมทนาครับ :cool::cool::cool:
     
  8. crystalnirvana

    crystalnirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +1,563
    สาธุๆๆโมทนาครับ
     
  9. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  10. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่าน

    " ขอบารมีพระคำข้าว - พระหางหมาก - พระผงครบ100วัน - หลวงปู่ทวด คุ้มครอง "

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2016
  11. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันสูงสุดโดยแท้จริง"

    ประสบการณ์จาก "คุณเด็กท้ายแถว" เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2551

    www.oknation.net/blog/print.php?id=216663


    ครอบครัวดิฉันทำธุรกิจค้าส่งน้ำปลามา 30 กว่าปี แต่เมื่อ 15 ปี ก่อนครอบครัวดิฉันถูกโกงจนหมดตัว พ่อกับแม่ดิฉันต้องเริ่มธุรกิจจากศูนย์ ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาทำการค้าใหม่ แต่คงเป็นช่วงแห่งอกุศลกรรมของครอบครัว น้องชายดิฉันป่วยหนักต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายปี แม่ต้องไปกู้เงินมารักษาทำให้หนี้เก่าก็ยังไม่ทันใช้หนี้ใหม่ก็เพิ่มมาอีก แถมดิฉันและน้องสาวก็ยังเรียนอยู่เพียงระดับประถมและมัธยมต้นเท่านั้น ไม่นานหลังจากนั้นแม่ดิฉันก็ถูกโกงแชร์อีก

    ดิฉันจำได้ว่าชีวิตของครอบครัวมีขึ้นมีลงตลอดเวลา เจอทั้งทุกข์และสุขตั้งแต่ดิฉันจำความได้ ดิฉันเคยจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นพ่อแม่ทะเลาะกันทุกวันเพราะเรื่องเงิน ดิฉันเครียดที่เห็นแต่ความทุกข์และเสียงร้องไห้ คิดแบบเด็กๆว่าตายดีกว่าถ้าเราตายพ่อแม่จะได้ไม่ลำบากขนาดนี้ ประหยัดค่าใช้จ่ายเราไปตั้งหนึ่งคน

    ตอนนั้นดิฉันอายุเพียง 12-13 ปี ตอนนั้นถ้าแม่ไม่มาพบดิแนคงตายไปแล้ว แม่ร้องไห้และกอดดิฉัน แม่บอกว่ามันเพราะกรรม แม่ให้ดิฉันสวดมนต์ไหว้พระ แม่ว่าพระท่านจะคุ้มครองเรา ท่านจะช่วยให้ครอบครัวเราดีขึ้น นี่แหละค่ะคือจุดเริ่มต้นแห่งการพึ่ง " พระ " ของดิฉันอย่างแท้จริง

    ดิฉันมักเกาะขาโต๊ะหมู่บูชาร้องไห้เป็นประจำ นั่งปรับทุกข์กับพระพุทธรูปอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่างที่บอกมันเป็นช่วงแห่งอกุศลกรรมของครอบครัว ธุรกิจของครอบครัวมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ หนี้สินมีแต่จะพอกพูนมากขึ้น ตอนเข้ามหาวิทยาลัยดิฉันต้องทำงานไปเรียนไป จากที่ทำงานที่บ้าน ก็ต้องทำงานข้างนอกควบด้วย เพื่อหาเงินเข้าบ้านอีกทาง เมื่อ 5 ปีที่แล้วพ่อดิฉันตรวจพบว่าเป็นโรคไต

    แต่ความที่ต้องดูแลครอบครัว ท่านจึงทำงานหนักมาเรื่อยจนเมื่อปี 48 ท่านไปตรวจอีกครั้งพบว่าเป็นมะเร็งที่ไต หมอบอกว่าท่านจะอยู่ได้อีก 6 เดือนเท่านั้น มันเป็นข่าวร้ายพร้อมกันกับที่ครอบครัวเราต้องหยุดการค้าลง เพราะทนแบกการขาดทุนที่เพิ่มแต่หนี้สินไม่ไหว ตอนนี้เหลือเพียงแม่กับดิฉันสองคนที่ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวและใช้หนี้สินกว่า 4 ล้านบาท

    หมดตัวแล้วหมดตัวอีก ครอบครัวเราธรรมะธัมโมทั้งบ้าน บุหรี่ เหล้า การพนันไม่เคยแตะ ดิฉันเคยตัดพ้อความดีทำไมทำแล้วก็ไม่เห็นจะได้ดีเลย คุณเคยเป็นอย่างครอบครัวดิฉันมั้ยค่ะ " เคราะห์ซ้ำกรรมถล่ม " ยากจนชนิดที่ว่าไม่มีเงินสักบาท พรุ่งนี้จะมีอะไรกิน ที่ซุกหัวนอนก็จะไม่มี พรุ่งนี้จะไปอยู่ที่ไหน

    ดิฉันพบเจอมาหมดแล้วค่ะ ทุกข์จนเกือบฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว เครียดจนเกือบเป็นบ้า หันไปทางไหนก็มืดมนไปหมด มันหาทางออกไม่ได้จริงๆ แต่แม้จะทุกข์แค่ไหน แม่ก็ยังบอกให้เราทำบุญเสมอ แม่บอกว่ามันเป็นเพราะกรรม เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

    ดิฉันมีพระพุทธรูปเป็นที่พึ่งเสมอ ดิฉันเชื่อว่าผลแห่งความดีมีจริง เมื่อ 5 ปีก่อนมีอาจารย์ที่นับถือท่านนึง แนะนำให้ดิฉันมาฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม ท่านบอกว่าอดีตชาติดิฉันเคยเป็นลูกหลานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมา ถ้ามาฝึกจะช่วยลดวิบากกรรมที่ครอบครัวดิฉันเจออยู่ได้

    ตอนนั้นดิฉันก็มาเพียงครั้งเดียว แล้วก็หายไปกว่า 3 ปี คงเพราะบุญมีแต่กรรมบัง จนเมื่อปีที่แล้วตอนที่สุดสุดแห่งความทุกข์ ดิฉันเกิดอยากปฏิบัติธรรม จำได้ว่าเป็นวันก่อนสงกรานต์ ดิฉันชวนแม่ไปบวชเนกขัมมะที่วัดอัมพวันด้วยกัน เราสองคนมีเงินรวมกันไม่ถึง 200 บาท โชคดีที่พี่ท่านนึงจะไปบวชเนกขัมมะด้วย ดิฉันกับแม่เลยได้อาศัยรถพี่ท่านนี้ไปวัดอัมพวันด้วย เราบวชเนกขัมมะในวันศุกร์ที่ 13 เมษายน จนถึงเช้าวันที่ 15 เมษายน

    ดิฉันบอกกับแม่ว่าแม้เราจะไม่มีเงินทำบุญใส่ตู้แบบคนอื่นเค้า เราต้องมาอาศัยวัดทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า อาหาร ที่พัก เราก็ทำบุญได้ด้วยการตั้งใจรักษาศีลแปด ตั้งใจปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เราจะตอบแทนความเมตตาของหลวงพ่อจรัญ ด้วยการปฏิบัติให้ดีที่สุด ไม่มีเงินก็ตอบแทนด้วยแรงได้ เราจึงล้างห้องน้ำ กวาดลานวัด ช่วยทุกอย่างที่เห็นว่าทำได้ ดิฉันอิ่มเอิบใจอย่างแท้จริง แม่และดิฉันอธิษฐานบอกหลวงพ่อจรัญว่า ถ้าเรามีเงินพอที่จะมาได้อีกเมื่อไหร่ เราจะกลับมาบวชเนกขัมมะ มาทำบุญ และชำระหนี้สงฆ์อีกครั้ง

    ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง

    เช้าวันที่ 15 เมษายน เราได้เดินทางออกจากวัดอัมพวันไปยังวัดท่าซุง วันนี้ที่วัดท่าซุงทำ พิธีสะเดาะเคราะห์ เราได้เข้าร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์ ได้ร่วมทำบุญ ดิฉันบอกแม่ว่าเราต้องมีความสุขทุกครั้งที่ทำบุญ เราจึงจะได้รับผลบุญอย่างเต็มที่

    ตอนนั้นแม่ของดิฉันทุกข์ใจมาก เดินร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจว่าทำไมท่านถึงยากจนขนาดนี้ อดีตสมัยนึงเคยทำบุญได้เป็นร้อยเป็นพันบาท แต่ตอนนี้อยากทำบุญก็มีเงินเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น ดิฉันจึงปลอบท่านว่า บุญไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่อยู่ที่ความตั้งใจที่จะทำบุญต่างหาก เราทั้งคู่จึงทำบุญเท่าที่มีเงินเพียงน้อยนิด แต่ด้วยความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ เราทั้งคู่นั่งอนุโมทนาบุญกับผู้ที่มาร่วมทำบุญในวันนั้นตลอด ตามที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้สอนไว้

    หลังกลับจากวัดท่าซุงในวันนั้น ดิฉันเริ่มศึกษาคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำอย่างจริงจัง พ่อของดิฉันตัดสินใจที่จะบวชเพื่อศึกษาพระธรรมในบั้นปลายของชีวิต เมื่อวันเข้าพรรษาปีที่แล้ว แม่บอกว่าพ่อตั้งใจอยากบวชมาตั้งนานแล้ว พ่อขอแม่ว่าถ้าลูกโตแล้วท่านจะขอบวช เพราะพ่อเคยบวชเมื่อตอนหนุ่มและมีความศรัทธาใน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาก แม่และลูกๆ จึงขออนุโมทนากับพ่อด้วย จากวันที่หมอบอกว่าพ่อจะอยู่ได้อีกเพียง 6 เดือน ตอนนี้พ่ออยู่มาได้ปีกว่าแล้ว ดิฉันเชื่อว่าเพราะอานิสงค์จากการบวชเพื่อปฏิบัติอย่างแท้จริงของท่านนั่นเอง

    ฝันเห็นสมเด็จองค์ปฐม

    เมื่อเดือนกันยายนปี 49 ดิฉันได้ฝันเห็น สมเด็จองค์ปฐม สีทองอร่าม องค์เล็กขนาดคล้องคอ ดิฉันตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ฝันเห็นองค์ท่าน ก็คิดว่าเราคงปฏิบัติมาถูกทางแล้ว ท่านจึงสงเคราะห์มาแสดงให้เห็น จนผ่านมาอาทิตย์นึงดิฉันได้ไปเยี่ยมพี่ที่นับถือท่านนึง ดิฉันไปเห็นหนังสือชื่อ "สมบัติพ่อให้" ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

    ดิฉันจึงขออนุญาตพี่เค้าเปิดอ่านดู ต้องบอกก่อนว่าดิฉันไม่เคยสนใจหรือมีความรู้ในวัตถุมงคลใดๆเลย รู้จักเพียงพระพุทธรูปและพระที่แม่ให้คล้องคอเท่านั้น มาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อก็รู้จักเพียง พระคำข้าว-พระหางหมาก ธงมหาพิชัยสงคราม และยันต์เกราะเพชร จากในหนังสือเท่านั้น ( ถึงได้ชื่อว่าเด็กท้ายแถวค่ะ )

    หนังสือเล่มนี้รวบรวมภาพ "วัตถุมงคล" ของหลวงพ่อเอาไว้ ดิฉันเปิดดูไปจนถึงหน้านึง ที่เป็นรูป "สมเด็จองค์ปฐม" ดิฉันขนลุกซู่เพราะเป็นภาพเดียวกับที่ดิฉันฝันเห็นเลย ดิฉันบอกกับพี่ที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ถึงความฝันของดิฉัน พี่ท่านนี้บอกว่าที่บ้านสายลมมีให้เช่าบูชา

    ดิฉันจึงรอให้ถึงต้นเดือนเพื่อจะได้ไปทำสังฆทาน และจะได้ไปเช่าบูชา สมเด็จองค์ปฐม แต่น่าเสียดายบุญของดิฉันคงยังไม่พอ เพราะได้มีผู้บูชาหมดไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ดิฉันยืนร้องไห้ตรงนั้นเลย เสียใจที่ท่านมาสงเคราะห์ให้เห็นแล้ว เรายังบุญไม่ถึงพอที่จะได้บูชาองค์ท่านอีก

    ตอนนั้นแหละค่ะ เป็นช่วงบังเอิญที่ดิฉันได้มาเจอเวบพลังจิต ทำให้ดิฉันได้เจอผู้มีพระคุณทั้ง 2 ท่านของดิฉัน คือคุณหมอน้อย น.พ.จรัสศักดิ์ เรืองพีระกุล และคุณพี่ พัฒนา เอกพจน์ ดิฉันได้อ่านกระทู้ที่ให้ร่วมทำบุญแล้วจะมอบสมเด็จองค์ปฐมให้ของคุณหมอน้อย ดิฉันก็โพสเข้าไป

    เล่าเรื่องราวที่มาที่อยากบูชาสมเด็จองค์ปฐมส่งไปให้คุณหมอ และดิฉันก็ไปเจอกระทู้ของคุณพี่พัฒนา จึงได้ส่งข้อความไปหาเช่นกัน ตอนนั้นดิฉันหมดหวังที่จะมีโอกาสได้บูชาองค์ท่านแล้วจริงๆ เพราะแต่ละกระทู้ที่ให้บูชานั้น ก็จะให้ร่วมทำบุญหลักพันขึ้นไป ซึ่งดิฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น

    แต่ด้วยพระเมตตาบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐม และความเมตตาของคุณหมอน้อย และพี่พัฒนา จึงทำให้ดิฉันได้บูชาสมเด็จองค์ปฐมตามที่หวังไว้ โดยคุณหมอน้อยให้ดิฉันร่วมทำบุญ 400 บาท เพื่อสร้างสมเด็จองค์ปฐม ที่ จ.ลำพูน ส่วนพี่พัฒนาเมื่อทราบว่าดิฉันไม่มีเงิน ท่านก็กรุณามอบสมเด็จองค์ปฐมให้ โดยไม่คิดค่าอะไรเลย เพียงแต่บอกให้ดิฉันทำบุญอย่างที่เคยปฏิบัติมาต่อไป พระคุณของพี่ทั้งสอง ดิฉันไม่มีวันลืม เวลาทำบุญทุกครั้งก็จะนึกถึงพี่ทั้งสองเสมอ

    แม้ทุกวันนี้ ดิฉันได้แต่อนุโมทนากับทุกท่านที่ทำบุญในเวบ แต่ก็หวังอยู่เสมอว่าจะมีเงินร่วมทำบุญได้บ้างในบางครั้ง แม้จะไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม การทำบุญในแต่ละวันของดิฉัน คือการหยอดกระปุก "วิระทะโย" พอถึงสิ้นเดือนก็นำเงินไปถวายสังฆทาน ไปหยอดตามตู้ที่บ้านสายลม และที่บ้านอนุสาวรีย์ชัย และทุกวันทั้งเช้าและก่อนนอน ดิฉันจะสวดมนต์ เจริญพระกรรมฐาน แผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลเสมอ พยายามรักษาศีลห้าทุกวันมิให้ขาด ทำบุญอย่างคนมีเงินน้อย แต่ให้ได้บุญเยอะ อย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านสอนไว้

    แม้ชีวิตจะลำบาก มีหนี้สินมากมาย แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือ "จิตใจ" ดิฉันและแม่ไม่ทุกข์เหมือนแต่ก่อน เราเข้าใจในกฎแห่งกรรม ดิฉันเชื่อแล้วว่าทำดีย่อมได้ดีแน่นอน อย่างน้อยตอนนี้ เราก็ไม่จนขนาดไม่มีจะกิน เรายังมีที่ให้ซุกทั้งตัวนอน ดิฉันเชื่อว่าเป็นเพราะผลบุญจึงทำให้เรา ได้พบเจอทางสว่าง พบเจอคนดีๆ ทำให้เรายังยืนอยู่ได้ในวันนี้ ได้มาพบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นบุญที่ประเสริฐสุด

    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งเป็นสรณะอันสูงสุดแล้ว คำสอนของพระพุทธองค์ดับทุกข์ได้จริง ดิฉันปฏิบัติได้ไม่ถึงเสี้ยวของพระธรรม ยังสามารถคลายทุกข์ได้ ท่านที่ปฏิบัติจนบรรลุธรรมะแห่งพระพุทธองค์ย่อมพ้นทุกข์ได้แน่นอนค่ะ

    ดิฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมด เพื่อให้ท่านที่มีทุกข์มีกำลังใจ ท่านที่ท้อในการปฏิบัติ ท่านที่เห็นว่าทำดีแล้วไม่เห็นได้ดี ให้ท่านได้เข้าใจว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะกรรม ผลบุญจะส่งเมื่อถึงเวลา ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้เบื่อหน่าย การปฏิบัติธรรม แม้ท่านจะมีเงินน้อย ท่านก็สามารถทำบุญอย่างที่ดิฉันทำได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ

    หากเรื่องราวนี้ จะก่อให้เกิดผลบุญในด้านใดบ้างก็ตาม ดิฉันขอถวายบุญนี้เป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเป็นที่สุด

    ขออุทิสส่วนกุศลผลบุญนี้ ให้แก่ เทวดาทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ ท่านผู้มีพระคุณทุกท่าน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และท่านพระยายมราช ขอทุกท่านได้โปรดโมทนาในผลบุญนี้ด้วยเถิด.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2016
  12. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437

    เรื่องอานุภาพพระคำข้าว-พระหางหมาก ของคุณเกตุ

    (คัดลอกบางตอน จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๒๖๖ )


    เกล้ากระผม ได้บูชา "พระหากหมาก และ พระคำข้าว" ของหลวงพ่อ ไปเมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๔ จะเป็นวันเดือนใดจำไม่ได้ ได้เอาพระคำข้าว และพระหางหมาก และเหรียญของหลวงพ่อ มอบให้ลูกเขยคนเล็กชื่อ อนันต์ ... อยู่บ้านเลขที่ ๑๘๒๐ ซอยสุขศรีเฉลิมพจน์ ถนนกรุงเทพ-นนท์ เขตดุสิต กรุงเทพฯ

    แกเอาพระคำข้าวและพระหางหมาก เหรียญของหลวงพ่อติดตัวไป และวางไว้หน้ารถแท็กซี่ ในขณะขับไป บังเอิญเด็กวิ่งตัดหน้ารถ เบรกไม่ทัน รถแท็กซี่ได้ชนกับเด็ก กระเด็นไป ๔-๕ วา กระโปรงหน้ารถยนต์ฉีก และได้อุ้มเอาเด็กขึ้นรถไปโรงพยาบาล ขอให้แพทย์ช่วยตรวจ และเอ็กเรย์ให้ ปรากฏว่าหมอบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จะฟกช้ำดำเขียว ถลอกก็ไม่มี

    นี่เป็นที่น่าอัศจรรย์รถชนขนาดนี้ไม่มีเหลือสักราย หรือมิฉะนั้นก็ป่วยหนักเสียสุขภาพ นี่กลับไม่เป็นอะไรเลย ก็เพราะบุญของหลวงพ่อได้คุ้มครองป้องกัน และเมื่อให้หมอตรวจดูปลอดภัยแล้ว ลูกเขยก็นำขึ้นรถกลับบ้าน และมอบเงินบำรุงขวัญ ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ทั้งนี้เพราะอำนาจศักดิ์ของพระคำข้าว และพระหางหมาก และเหรียญหลวงพ่อคุ้มครอง


    ประสบสบการณ์อานุภาพลูกแก้วใส ของคุณประเสริฐ

    (คัดลอกจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๔๘๔ -๔๘๕)


    คุณประเสริฐ มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อที่วัดครั้งแรกทำบุญ ๑๐ บาทได้พระเหรียญแหนบเป็นเหรียญแรกของหลวงพ่อมา ๑ เหรียญ และก็ทำหาย วันรุ่งขึ้นจึงมากราบหลวงพ่อใหม่..ดังนี้ครับ

    "...พอมาถึงวัดก็พบหลวงพ่อนั่งรับแขกอยู่ ก็กราบท่าน และท่านก็ถามว่า
    "มาจากไหน" ก็ตอบท่านไปและบอกกับท่านว่า
    "วันนี้ผมพาพี่ชายมากราบหลวงพ่อครับ" และก็บอกไปอีกว่า
    "พระที่ให้ไปเมื่อวานนี้ หล่นหายครับ" ท่านก็ตอบว่า
    "รู้แล้ว"
    ก็แปลกใจท่านรู้ได้อย่างไร และก็มีโยมอีกชุดหนึ่ง มาจากโคราชบอกว่า
    "วันนี้ตั้งใจมากราบหลวงพ่อค่ะ" หลวงพ่อก็ตอบว่า
    "ฉันรอตั้งแต่ตี ๕ แล้ว" (งง..ท่านรู้ได้ไง)

    ข้าพเจ้ามาวัดอีกทีหนึ่ง ก็ พ.ศ. ๒๕๒๔ เดือนกุมภาพันธ์ ไปสมัครทหารพรานที่ค่ายปักธงชัย พอฝึกจบภาคสนาม ก็กลับบ้านระหว่างนั้น ก็นึกถึงหลวงพ่อจึงไปกราบท่านเพื่อขอพร ท่านได้ให้ลูกแก้วมา ๑ องค์ชนิดกลมใส และท่านยังกำชับอีกว่า
    "ให้ไปเลี่ยมห้อยคอซะนะ"

    และท่านก็ให้นั่งพนมมือและตั้งใจ ท่านก็พรมน้ำมนต์ให้คนเดียว พอเสร็จท่านก็บอกว่า

    "ไปเถอะลูก..ไม่ต้องกลัวปืน ระวังระเบิดก็แล้วกัน"

    เพียงคำพูดประโยคเดียวนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และมั่นใจตลอดเวลา ก่อนลงพื้นที่ได้บวชเณร ๗ วัน เพราะหลวงพ่อทักว่าจะตายโหง พอเสร็จภารกิจที่เขาค้อ ก็มาทำบุญกับหลวงพ่อ ได้ถวายสังฆทาน ๑ ชุด ๕๐๐ บาท วันนี้ไม่พบหลวงพ่อฝากไว้กับพระท่าน

    ลูกแก้วที่หลวงพ่อมอบให้และสั่งให้เลี่ยมห้อยคอ แต่ก็ไม่ได้เลี่ยม จนกระทั่งรับภารกิจใหม่ที่ "ตาพระยา" บ้านทับพริกล่าง ๒ เดือน จนใกล้เสร็จภารกิจจึงลากลับบ้าน ขณะนั้นก็นึกถึงคำที่หลวงพ่อพูดว่า ให้เลี่ยมห้อยคอก็เลยเลี่ยมที่ตลาดนั่นเอง และก็เดินทางกลับบ้าน ซึ่งวันนั้น ๓ กค.๒๕๒๔ เป็นวันเกิดเพื่อน กินเหล้าเมาแล้ว ขับรถจิ๊ปเที่ยวหาพระผู้หญิง แยกสุทธิสารขาเข้ามีสะพานลอย

    ซึ่งขณะนั้นกำลังสร้างถนนเพิ่ม ก็มีรถแท็กซี่วิ่งแซงขึ้นไป พรรคพวกที่นั่งไปด้วย ก็เชียร์ให้แข่งกัน ก็เลยเสียหลัก เนื่องจากขาดสติ รถคว่ำพังยับเยิน และตัวเองก็กระเด็นออกจารถ ไปตกอยู่ในคูน้ำครำข้างๆ ส่วนอีก ๔ คนก็ติดอยู่กับรถ ได้รับอันตรายเพียงเล็กน้อย

    บังเอิญเท้าด้านซ้ายของข้าพเจ้า ไปถูกกับชิ้นส่วนข้างรถ เหวอะอย่างเห็นได้ชัด และในรถก็มีลูกระเบิดอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ระเบิด หลังจากนั้นก็พากันไปโรงพยาบาลพระมงกุฏ นอนรอหมอจนสว่าง ด้วยความหนาวและปวด พอหมอทำแผลเสร็จก็กลับบ้าน อยู่ได้ประมาณ ๑ อาทิตย์ อาการก็เกิดขึ้นคือ อ้าปากไม่ขึ้น และหลังแข็ง เวลาจะลุกนั่งไม่ได้ต้องนอนตะแคง เพื่อนคือ "ประยูร" และภรรยาเห็นอาการผิดปกติ จึงพาไปหาหมออีกครั้ง

    หมอก็รับตัวไว้และถามว่าเป็นอะไรครับ ตอบว่าเป็นบาดทะยัก และจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวเลย มารู้อีกที ก็อยู่บนเตียงข้างล่างแล้ว ตอนนี้พูดไม่ได้ ต้องเขียนหนังสือแทน ก็ถามหมอว่าเห็นลูกแก้วผมไหม หมอตอบว่าไม่เห็น ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจและร้องให้ออกมาดังๆ โดยไม่อายเลย (ทหารพรานนะเนี่ย)

    ขณะที่นอนอยู่นั้นเกิดฝันว่า ท่านยมทูตจะมาเอาชีวิตก็เลยบอกกับท่านว่า พ่อตายยังไม่ได้บวชให้เลย ขอบวชก่อนก็แล้วกัน และก็หนีท่านไปที่แห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นเป็นที่โล่ง ขณะนั้นไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน ท่านก็เลยยืนอยู่ที่ประตู ส่วนข้าพเจ้าก็นั่งอยู่ตรงกลาง และก็สะดุ้งตื่นจนมาถึงทุกวันนี้ ก็จำได้ว่าสถานที่แห่งนั้นก็คือ ศาลา ๒ ไร่นั้นเอง

    สาเหตุนี่เองที่ทำให้ข้าพเจ้ารอดชีวิตจากโรคร้ายนี้ เพราะหมอเองก็บอกญาติว่าไม่รอดแน่ แม่ก็เสียใจมาก และที่ประทับใจอีกครั้ง ก็คือ.. ..ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ร่วมบวชพระ เพื่อถวายกุศลแด่หลวงพ่อเมื่อ ๒๕ ธ.ค.๒๕๓๔ นี้จำนวนพระทั้งหมด ๑๘๐ องค์ และหลวงพ่อก็ยังสึกให้อีกด้วย

    ความกรุณาครั้งนี้ ไม่สามารถตอบแทนได้ ในขณะที่บวชอยู่ ๔ วัน หลวงพ่ออบรมว่า "เริ่มบวชวันแรกได้รับทุกขเวทนามาก ซึ่งไม่เคยเป็นอย่างนี้" ก็เกิดสงสารหลวงพ่อ รุ่งเช้าบิณบาต ก็นึกถึงเวทนาของหลวงพ่ออีก ก็ตั้งใจว่า ถ้าลูกรับทุกขเวทนานี้แทนได้ ขอให้แบ่งทุกข์นี้มาให้ลูกบ้าง ทันใดนั้นก็เกิดปิติน้ำตาใหล ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด

    สรุปความว่า หลวงพ่อเป็นพระผู้ให้แสงสว่างแด่ลูกๆ ทุกคนเช่นข้าพเจ้า ปัจจุบันนี้เลิกเหล้ามาตั้งแต่ ๒๕๒๕ และบุหรี่เมื่องานเป่ายันต์ ๓ มค. และเลิกฆ่าสัตว์และลักทรัพย์เป็นต้น
     
  13. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437

    เรื่อง อานุภาพพระคำข้าว - พระหางหมาก ของคุณเพียร...

    (คัดลอกจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๔๑๘-๔๑๘)

    โพสต์โดย : 868 [ 2008-08-19 09:37:14 ]


    ..เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ ก็ได้เดินทางไปทำงานอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ต้นปี ๒๕๓๔ ก็เกิดมีสงครามในอ่าวเปอร์เซีย แต่ก่อนที่จะทำสงคราม ก็รู้ล่วงหน้าว่า กองทัพอเมริกันต้องบอมบ์ซัดดัมแน่ คนไทยในบารห์เรนกลับกันเยอะ ชาวต่างชาติก็หนีกลับบ้านเมืองของตนเองเกือบหมด ข้าพเจ้าอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ เขาลือกันว่าบาห์เรนจะต้องจมทะเล ถ้าอิรัคเข้ายึกซาอุฯ ได้

    เพราะว่าบาห์เรนเป็นเกาะเล็กๆ และมีทางออกทางเดียวคือทางที่จะไปซาอุฯ คือระหว่างประเทศบาห์เรนกับซาอุฯ นี้ จะมีสะพานในทะเล เชื่อมถึงกันยาวกี่กิโลข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่ว่านั่งรถไปใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ก็ถึงเขตของประเทศซาอุฯ และช่วงสงครามนั้น สนามบินก็ปิด

    ข้าพเจ้ามาอยู่ที่บาห์เรน ก็ไม่ได้ทิ้งกรรมฐานที่หลวงพ่อสอนไว้ และข้าพเจ้าก็ได้ขึ้นไปถามสมเด็จว่า ข้าพเจ้าจะได้รับภัยจากสงครามครั้งนี้ไหม พระองค์ท่านก็ตอบว่าไม่มี แต่ข้าพเจ้ายังมีกิเลสอยู่มาก ก็อดสงสัยไม่ได้

    ข้าพเจ้าก็เลยอธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อว่า ถ้าลูกจะได้รับอันตรายจากภัยสงครามครั้งนี้ ก็ขอให้หลวงพ่อดลใจให้ลูกคิดอยากจะกลับบ้านด้วยเถิด ความรู้สึกในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่รู้สึกกลัวภัยสงคราม และไม่อยากกลับบ้านเลย

    พออธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อแล้ว ก็มีความรู้สึกเหมือนเดิมคือไม่อยากกลับบ้าน ข้าพเจ้าก็เลยไม่ได้กลับ ในระหว่างสงครามทุกคืน จะมีสัญญานหวอเตือนภัยดังขึ้น เวลาที่หวอดังนั้นก็ไม่เป็นเวลาคือบางทีก็หัวค่ำ บางทีก็สี่ห้าทุ่ม บางครั้งตอนกลางวันก็ยังมี ประชาชนที่เดินอยู่ตามถนน เมื่อได้ยินเสียงหวอดังขึ้น ทุกคนจะพยายามวิ่งหาที่หลบ ที่คิดว่าปลอดภัย

    โดยทางรัฐบาลบาห์เรนเขาได้สอนให้ประชาชนทุกคน รู้ถึงวิธีป้องกันตัวอย่างไร จึงจะพ้นจากสารพิษที่อิรัคจะยิงมา ทุกคนกลัวกันมาก เรื่องสารพิษ แต่พวกลูกๆ ของหลวงพ่อไม่กลัวกันเลย เพราะลูกๆ ของหลวงพ่อทุกคน มี พระหางหมาก ติดตัวกันทุกคน และเมื่อฝ่ายอิรัคยิงระเบิดมาซาอุฯ หรือบาห์เรนเมื่อใด ก็จะมีเสียงหวอเตือนภัยให้ประชาชนได้ทราบ

    ข้าพเจ้าคิดแต่เพียงว่า ถึงคราวที่จะต้องตาย ไม่มีใครช่วยข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าพร้อมที่จะตายทุกเวลา แต่ถ้ายังไม่ถึงคราวตายแล้ว องค์หลวงพ่อช่วยข้าพเจ้าได้แน่ ข้าพเจ้าก็เกิดความอบอุ่นใจไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย

    อีกทั้งข้าพเจ้าเคยได้ยินหลวงพ่อพูดว่า อิทธิฤทธิ์ใดๆ ก็ไม่เท่าอิทธิฤทธิ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้ายึด "พุทโธ" เป็นที่พึ่ง ถ้าจะตายก็ตายพร้อมพุทโธ กลางวันเขาก็ทำสงครามกันภาคพื้นดิน กลางคืนเขาก็ทำสงครามกันทางอากาศ

    ฝ่ายอิรัคเขาก็ยิงมาที ๒-๓ ลูก หวังจะบอมพ์บาห์เรน แต่ก็ถูกทหารอเมริกันยิงสกัดเอาไว้ได้ ลูกระเบิดก็จะระเบิดกลางอากาศ แล้วก็กระจายตกทะเลไปหมด แต่ก็มีบางครั้ง ที่อิรัคยิงมาหลายลูก ทางทหารอเมริกันสกัดได้ไม่หมด ก็ลงบาห์เรน แต่ไปลงในทะเลทราย

    พอสงครามสงบลงบาห์เรนปลอดภัยไม่เป็นอะไร ข้าพเจ้าคิดว่าช่วงสงครามสองเดือนกว่าๆ นั้น บาห์เรนไม่น่าจะรอดมาได้ แต่ด้วย อานุภาพ พระคำข้าว - พระหางหมาก และองค์หลวงพ่อ บาห์เรนถึงปลอดภัยมาได้ เพราะลูกหลานอยู่ที่บาห์เรนมีไว้บูชากันทุกคน ยิ่งช่วงสงครามพากันปลุกพระทุกวัน คนที่ไม่เคยปลุกพระก็ปลุกพระเป็นไปกับเขาด้วย และก็ไม่มีใครทุกข์ใจเกี่ยวกับภัยสงครามเลย

    หมายเหตุ : เรื่องนี้ 868 เห็นว่าสิ่งที่น่าสนใจคือ ถ้าใครอยู่ในภาวะสงครามเช่นนี้ ปกติสภาพจิตใจจะหวั่นไหวหวาดกลัวมาก (มันไม่สนุกเหมือนในหนังนะครับ) การที่ท่านสามารถ ทำใจนิ่งไม่ทุกข์ใจได้นี่ แสดงว่ามั่นคงจริงๆ ครับ ไม่ธรรมดาเลย

    อีกอย่างการตัดสินใจว่า "ขอตายพร้อมพุทโธ" หรือ "เมื่อถึงคราวตายก็จะต้องตายไม่มีใครช่วยข้าพเจ้าได้" และการยึดมั่นในพระเครื่องอย่างมั่นคงเมื่อเกิดภัยอันตราย อันนี้ผมคิดว่าคือสิ่งหลวงพ่อต้องการให้เกิดกับลูกหลานครับ ​
     
  14. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956

    สวัสดีก่อนเที่ยง พี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่านครับ

    [​IMG]

    การเจริญสมาธิทำได้ทุกเวลา หุงข้าวก็ทำได้
    อาบน้ำก็ทำได้ ทำงานก็ทำได้
    การเจริญพระกรรมฐานไม่ใช่จะมีผลแต่นั่งสงบ
    อย่างเดียว การนั่งสงบอย่างเดียวมีผลน้อย
    แล้วก็ล่าช้ามาก

    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วัดท่าซุง)

    เครดิต : https://www.facebook.com/profile.php?id=100007891688712

     
  15. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437


    สวัสดีช่วงสายๆก่อนมื้อเที่ยงครับคุณมันไม่แน่ :cool::cool::cool:
    สาธุกับคำสอนข้างต้นครับ:cool::cool::cool:
     
  16. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956
    สวัสดีครับ...คุณNorr งดงามมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2016
  17. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437


    ขอบคุณครับ :cool::cool::cool:

    วันนี้อาราธนาเน้นแขวนพระเนื้อผงครับ เนื่องจากเบาคอดี และสะดวกในการทำงานครับ:cool:

    ว่าแต่วันนี้แขวนองค์ใดติดตัวเพื่อความราบรื่นของกิจการงานบ้างครับ ?
     
  18. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    ประสบการณ์อานุภาพการบูชาพระองค์ปฐม
    พระคำข้าว-พระหางหมาก-ลูกแก้ว-พระคาถาโน้มจิต


    โพสต์โดย : 868 : [ 2008-08-19 14:47:03 ]


    ก่อนที่จะเล่าตัวอย่างประสบการณ์โดยตรง ผมขอสรุปผลจากประสบการณ์ เกี่ยวกับการพูด ในการบูชาดังนี้

    ๑. พระกริ่งสมเด็จองค์ปฐม ทำให้เกิดความมั่นใจมาก อาจหาญ สง่าผ่าเผย ไม่มีอาการประม่าตื่นเต้นมาก (จนควบคุมไม่ได้ และไม่มีเลย) มีความรู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่ เป็นผู้นำ ...ต้องอาราธนาขอให้ท่านคลุมบนศรีษะ หรือทั้งตัว เหมือนตอนที่ครูแนะนำมโนมยิทธิ จนเกิดอาการ สั่น ศรีษะมึน และตัวหนัก ร้อนผ่าววูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกคลุม หรือเหมือนมีพระนั่งคลุมบนศรีษะ หรือจับเป็นภาพนิมิตให้เห็นชัด (เท่าที่ทำได้)

    ๒. พระหางหมาก ทำให้การพูดคล่อง ปราดเปรื่อง มีปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบ หลายครั้งก็ งง ว่าเราพูดได้อย่างไร จะไม่ลืมเรื่องที่เตรียมพูด สมองไม่ว่างเปล่าในระหว่างพูด ไม่ช๊อคเวลาพูดนาน ๆ ...อาการจากการอาราธนาก็เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบากว่ามาก

    ๓. พระคำข้าว ได้ลาภแบบเกินคาด แบบงง ๆ เช่น เราขอบารมีพระหางหมากเพื่อเจรจางาน แล้วต่อด้วยขอบารมีพระคำข้าวเจรจาเงินค่าตอบแทน หลายครั้งครับที่ เราตั้งใจจะกำหนดจำนวนเงินเท่านี้ ไว้ในใจ หรือเสนอน้อยไปเขากลับชิงเป็นฝ่ายเสนอก่อน หรือให้เพิ่มเป็นจำจวนเงินสูงกว่าอย่างคาดไม่ถึงแบบเรางง ๆ เราเลยเต็มใจรับที่มากกว่าครับ (แต่อย่าแกล้งโมเมขอเพิ่มขึ้นต่อจากที่เขาเสนอมามากกว่านะครับ เดี๋ยวลาภหายหมด) การขอบารมีก็ เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบานุ่มนวลกว่า

    ๔. ลูกแก้ว มีลาภแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามเหตุตามผล คล้าย ๆ หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแน่นอน แต่จะไม่เป็นศูนย์ การจัดงานบุญ งานเลี้ยงที่มีคนจำนวนมากจะคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง (หลวงพ่อบอกว่ามีผลเลี้ยงคนจำนวนมากได้) ..ส่วนการรักษาโรคนี่ผมเคยเป็นโรคบิด กินยาหมออย่างดีเป็นเดือน ๆ ไม่หายเลยถึงขนาดแค่มองเห็นเม็ดยา หรือซองยานี่อาเจียรเลย...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนำเอาลูกแก้วหลวงพ่อมาขอบารมีทำน้ำมนต์ และหายเป็นปลิดทิ้งในหนึ่งวันนี่เรื่องจริงครับ (เกิดขึ้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว)

    ๕. พระคาถา "จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ" ใช้ภาวนาก่อนพูด ระหว่างพูดได้ผลดีมากครับ แต่อาจจะมั่นใจน้อยกว่าพระหางหมาก

    กรณี ตัวอย่างจากประสบการณ์จริง...

    ช่วงปี ๓๖ ช่วงนั้นผม..เป็นที่กลัวไมค์มาก กลัวการพูดในที่ชุมชน กลัวการนำเสนองานในที่ประชุม มีบ่อยครั้งที่ผมแอบหลบ หรือหาเรื่องหนีงานเพื่อหลีกเลี่ยงการพูด เพราะผมเป็นคนที่ประหม่า ตื่นเต้นชนิดรุนแรง คือมือเย็นเฉี๊ยบ หัวเต้นแรงชนิดได้ยินเสียงเลย ตัวสั่นแรงมาก คอแห้ง ปากสั่น อาการท้องป่วนปั่น ท้องเสีย ปวดปัสสาวะ จะเป็นลมให้ได้...(ความตื่นเต้นมี ๓ ระดับ แต่มีระดับหนึ่งที่รุนแรงจนเป็นอุปสรรคในการพูดคือที่เกิดกับผมเป็นสมบัติติดตัวครับ)

    นี่แหละครับ..คืออุปสรรคในความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมานาน จนเพื่อนแซงหน้าไปหลายคน ถึงแม้ผมจะพยายามไปเข้าโปรแกรมอบรมการพูดที่ชุมชนหลายครั้ง และซื้อตำราเกี่ยวกับการพูดมาอ่านเป็นตั้งๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย...คือมันกล้วจริง ๆ นะครับ

    ต่อมาโดยเงื่อนไขของความก้าวหน้า ถูกบีบจนหลีกเลี่ยงการพูดไม่ได้ และเมื่อต้องขึ้นพูดจริงๆ คิดว่างานนี้เราคงตายแน่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงดีก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดว่าตายเป็นตาย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่สำเร็จก็เตรียมหางานใหม่ดีกว่า..งานนี้ผมมีเวลาเตรียมตัวเพียง ๑ สัปดาห์

    โอ้โห.. ๗ วันนี่มันช่างแสนทรมานสุด ๆ ไม่มีอารมณ์คุยกับลูกเมียเลย มือมันเย็น อึดอัด ตื่นเต้นตลอด รู้สึกโลกมันไม่สดใสเอาเสียเลย ที่เราอบรมมาก็ดี ตำราการพูดก็ดีช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำท่าจะหาเรื่องป่วยในวันพูด แต่มันก็ทำบ่อยแล้วนี่ ก็เลยนึกถึงหลวงพ่อ พระหลวงพ่อ ทั้งพระกริ่งองค์ปฐม พระหางหมาก...พอขอบารมีพระมาช่วยค่อยดีขึ้นหน่อย รู้สึกว่าจิตจะผูกพันกับพระทั้ง ๓ องค์เป็นพิเศษเพราะไม่มีที่พึ่งแล้ว

    ต่อมาก็ถึงวันที่จะต้องขึ้นเวทีพูด วันนี้เหมือนจะถูกประหารชีวิตเลย โลกไม่สดใสเอาเสียเลย ความทุกข์เต็มหัวใจไปหมด..ยิ่งไปถึงห้องที่จะบรรยายเห็นห้องเขาจัดไว้หรู ๆ เห็นคนฟังที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แต่งตัวดี ๆ นั่งรอเต็มห้องเพื่อฟังเรา ยิ่งตื่นเต้นหนักขึ้น ดูหน้าทุกคนเขาก็ปกติดี (เพราะเขาไม่ใช่คนพูดนี่ครับ)

    เขาเชิญให้เรานั่งโซฟาสำหรับวิทยากร เขาต้อนรับเราดีมาก แล้วเจ้าภาพเขาก็ชวนเราสนทนาตามปกติ แต่เราพูดกระท่อนกระแท่น หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง เจ้าภาพทำท่า งง ๆ เขาเชิญเราดื่มน้ำเราก็ไม่กล้าดื่ม เพราะกลัวน้ำหกมือมันสั่นมากครับ ไม่กล้าจับอะไรเลยเพราะมันสั่นไปหมด ท้องใส้นี่ปั่นป่วน มือเย็นมาก

    คิดว่าเราจะทำอย่างไรดี จะหนีคงไม่รอดแน่ หวังพึ่งเจ้านายให้ช่วยพูดนำร่องเพื่อให้เราเครื่องร้อนก่อนพูด เจ้านายก็ (เสือกมีงานด่วน) หนีเราไปปล่อยให้เรานี่เดียวดาย ลืมนึกไปว่าเรามีพระติดตัว โดยเฉพาะพระหางหมากนี่พกไปครั้งละหลายองค์ (กะให้ท่านช่วยกัน)

    ในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าห้องน้ำ (หวังอ้างว่าท้องเสียกระทันหันนั่งนานๆ ยาวไปเลย) พอเข้าห้องน้ำก็นึกถึงพระขึ้นมาได้ ตอนนี่ก็รีบปลุกพระใหญ่เลยต่อ เริ่มต้นจับภาพพระกริ่ง สมเด็จองค์ปฐม (รู้สึกภาพจะชัดกว่าทุกครั้ง) เพราะไม่มีที่พึ่ง พร้อมกับอาราธนาขอบารมีว่า คาถา "อิทธิฤทธิ..."

    จนเกิดอาการสั่นทั้งตัว รู้สึกหนัก และมึนที่ศรีษะ ความรู้สึกคล้าย ๆ มีคนมาคุม และคลุม ตัวร้อนผ่าว (มือที่เย็นก็หายไป) การหายใจปกติขึ้น ที่หน้าเหมือนมีใครมาจับหน้าบิดเบี้ยวคล้ายคนแก่..ก็มั่นใจว่าเป็นบารมีองค์ปฐมแน่นนอน เลยไม่ตื่นเต้นมาก

    หลังจากนั้นก็อาราธนา พระหางหมาก ก็เกิดอาการเหมือนกัน แต่เบากว่า ต่อด้วย พระคำข้าว แต่อาการนุ่มนวลกว่า จากนั้นก็พอดีก็มีคนมาเรียกว่า ได้เวลาพูดแล้ว ก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดว่าตายเป็นตาย เดินขึ้นเวที รู้สึกมั่นใจ อาจหาญ บอกไม่ถูก ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย

    และวันนั้นพูดได้ดีมากครับ คนนี่ฮาตลอด เสียงปรบมือเป็นระยะ ๆ ผมก็รู้สึก งง ๆ ตัวเองมากว่าเป็นไปได้อย่างไร มั่นพูดชัดถ้อยชัดคำ พรั่งพรูมาก บางอย่างเราไม่ได้เตรียมก็มีความคิดแว๊บมาเร็วมาก ไม่มีการหยุดชะงักเลย..

    หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหาร เงินเดือนเพิ่มขึ้น และได้รับผิดชอบดูแลหน่วยงานฝึกอบรมทั้งหมด (ทั่วเครือข่ายทั้วประเทศ) ได้มีโอกาสรับเชิญสอนการพูดบ่อยมาก ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา และเป็นวิทยากรประจำบริษัทจัดอบรมบริษัทหนึ่ง ปัจจุบันผมจะบูชาติดตัวทั้ง ๓ องค์นี้ตลอดครับ แต่ถ้าลืมก็นักจำเอานะครับ..แล้วก็อาราธนาขอบารมี....
     
  19. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    เกร็ดความรู้บางอย่างที่หลวงพ่อพูดถึงเกี่ยวกับ "พระคำข้าว"

    [​IMG]
    หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ วัดท่าซุง


    (คัดลอกจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    "...อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ..อย่างมี "พระคำข้าว"

    พระคำข้าวน่ะ..หนักไปในทาง ลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ..สาธุ ว่า.."นะโม ตัสสะ" ใช่ไหม..ว่า "นะโม ตัสสะ" ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่าวันนี้ต้องการ... (ลาภอย่างไร)

    เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติกรรมฐาน" ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติ" เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน

    ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง..!

    คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐม เป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน

    แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่า อิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด..หนามาก "พระคำข้าว" เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ.."

    คัดลอกจากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" (ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)

    หลวงพ่อเคยบอกว่า "สมเด็จองค์ปฐม" ได้ให้ พระพุทธกัสสป, พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ

    "...องค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...องค์ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า

    "พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ"

    ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน".. ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" องค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง...

    ...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก

    ...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล

    ...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์.."


    ท่านพูดไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ในหนังสือ "ธัมมวิโมกข์"
    (ฉบับที่ ๑๒๓ ประจำเดือนพฤษภาคม หน้า ๑๕)


    ...หลวงพ่อเคยบอกเกี่ยวกับราคาพระคำข้าวในอนาคตว่า อีก ๓๐ ปี พระคำข้าวจะมีค่าบูชาหลายหมื่น นี่ก็ผ่านมาแล้ว ๑๖ ปีครับ ก็ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ครับ...ท่านพูดไว้ดังนี้ครับ

    หลวงพ่อ : "ก็ก่อนจะทำ (ทำพระคำข้าว) พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วให้ทำ บอกให้มันรวยทั้งวัดทั้งบ้าน คือว่าเอาไปขึ้นราคานิดหน่อยใชไหม ๑๐๐, ๒๐๐ ไม่หนักนัก อีก ๓๐ ปี หลายหมื่น...

    ผู้ถาม : เฉพาะพระคำข้าวนี่หรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่..ขอยืนยัน..!
     
  20. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956


    [​IMG]

    [​IMG]


    ช่วงนี้อาราธนาพระผงครบรอบ 100 วัน เหมือนกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...