เสียงธรรม ประเพณีโบราณทำบุญไม้ค้ำ..บวชจูงศพ ..สาเหตุที่พระอานนท์ยังไม่ถึงนิพพาน

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 27 กันยายน 2010.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ประเพณีโบราณทำบุญไม้ค้ำ..บวชจูงศพ ..สาเหตุที่พระอานนท์ยังไม่ถึงนิพพาน

    ----------------

    [​IMG]

    :):):):):)
    [​IMG]
    :):):):):)

    [​IMG]

    :):):):):)

    เครดิต : http://www.aranyawiwake.com/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • joong.mp3
      ขนาดไฟล์:
      15.5 MB
      เปิดดู:
      3,066
  2. ช้าง ช้างไท

    ช้าง ช้างไท สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณทุกเสียงมีประโยชน์มากครับ
     
  3. วังพญา

    วังพญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +373
    อนุโมทนาค่ะ สงสัยจังค่ะว่าภาพที่ 3 นี้ เกี่ยวกับภาคไหนตอนไหนของพระพุทธองค์ ใครรู้ช่วยกรุณาอธิบายให้กระจ่างหน่อยค่ะ
     
  4. ทศสึ

    ทศสึ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +313
    อาหาร มื้อสุดท้าย ไงครับ ^^
     
  5. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    สาธุ..ๆๆๆ :D ตอบได้ดีจัง ปัจฉิมบิณฑบาต



    พระพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ว่า ทรงปลงอายุสังขารแล้ว
    อีกสามเดือนจะนิพพาน


    [​IMG]

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร คือ ทรงประกาศกำหนดวันจะเสด็จนิพพานไว้ล่วงหน้า
    ถึง ๓ เดือน พลันก็ยังเกิดอัศจรรย์แผ่นดินไหว ผู้คนที่ได้ทราบข่าวต่างๆ เกิดขนลุก ปฐมสมโพธิว่ากลอง
    ทิพย์ก็บันลือไปในอากาศ พระอานนท์ประสบเหตุอัศจรรย์นั้น จึงออกจากร่มพฤกษาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว
    ทูลถามถึงเหตุเกิดอัศจรรย์ คือแผ่นดินไหว พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระอานนท์ว่า เหตุที่จะเกิดแผ่นดินไหว
    นั้นมี ๘ อย่าง คือ

    ๑. ลมกำเริบ
    ๒. ผู้มีฤทธิ์บันดาล
    ๓. พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะ ลงสู่พระครรภ์พระมารดา
    ๔. พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา
    ๕. พระพุทธเจ้าตรัสรู้
    ๖. พระพุทธเจ้าตรัสปฐมเทศนา
    ๗. พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
    ๘. พระพุทธเจ้านิพพาน

    พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระอานนท์ว่า ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ในวันนี้ เกิดจากพระองค์ทรง
    ปลงอายุสังขาร พอได้ฟังดังนั้น พระอานนท์นึกได้ คือ ได้สติตอนนี้ จึงจำได้ว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอก
    ท่านว่า ธรรมะ ๔ ข้อที่เรียกว่า อิทธิบาท ๔ คือ ความพอใจ ความเพียง ความฝักใฝ่ และความใตร่
    ตรอง ถ้าผู้ใดได้บำเพ็ญปฏิบัติให้เต็มเปี่ยมแล้ว ปรารถนาจะให้ชีวิตซึ่งถึงกำหนดดับหรือตาย ได้มีอายุยืน
    ยาวต่อไปอีกระยะหนึ่งก็ย่อมทำได้

    พอนึกได้เช่นนี้ พระอานนท์จึงกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้า ให้ทรงใช้อิทธิบาท ๔ นั้น
    ต่อพระชนมายุยืนยาวต่อไปอีก พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธถึง ๓ ครั้ง ตรัสว่าพระองค์เคยทรงแสดงโอภาส
    นิมิต (บอกใบ้) ให้พระอานนท์ทูลอารธนาพระองค์ให้มีพระชนมายุสืบต่อไปอีกก่อนหลายครั้ง และหลาย
    แห่งแล้ว ซึ่งถ้าพระอานนท์นึกได้แล้วทูลอาราธนา พระองค์ก็จะทรงรับคำอาราธนาเพื่อต่อพระชนมายุ
    ของพระองค์ออกไปอีก ว่าอย่างสามัญก็ว่า พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระอานนท์ว่า "สายเสียแล้ว" เพราะ
    พระองค์ได้ประกาศปลงอายุสังขารว่าจะนิพพานเสียแล้วมีพระพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ว่า ทรงปลงอายุสังขารแล้ว
    อีกสามเดือนจะนิพพาน



    เช้าวันเพ็ญเดือน ๖ ทรงเสวยมังสะสุกรอ่อนที่บ้านนายจุนทะ
    นับเป็นปัจฉิมบิณฑบาต

    [​IMG]


    พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวาร ได้เสด็จออกจากเขตแขวงเมืองไพศาลีไปโดยลำดับ
    เพื่อเสด็จไปยังเมืองกุสินารา สถานที่ทรงกำหนดว่าจะนิพพานเป็นแห่งสุดท้าย จนไปถึงเมืองปาวาในวันขึ้น
    ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันก่อนเสด็จนิพพานเพียงหนึ่งวัน

    เสด็จเขัาไปประทับอาศัยที่สวนมะม่วงของนายจุนทะกัมมารบุตร นายจุนทะเป็นลูกนายช่าง
    ทอง ได้ทราบข่าวว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารเสด็จมาพักอยู่ที่สวนมะม่วงของตน ก็ออกไป
    เฝ้าและฟังธรรม ฟังจบแล้ว นายจุนทะกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปรับภัตตา
    หารที่บ้านของตนในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น

    เวลาเช้าวันรุ่งขึ้น นายจุนทะได้ถวายอาหารพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ที่บ้านของตน อาหาร
    อย่างหนึ่งที่นายจุนทะปรุงถวายพระพุทธเจ้าในวันนี้มีชื่อว่า 'สูกรมัททวะ'

    คัมภีร์ศาสนาพุทธชั้นอรรถกถาและมติของเกจิอาจารย์ทั้งหลายยังไม่ลงรอยกันว่า 'สูกรมัทท
    วะ' นั้นคืออะไรแน่ บางมติว่าได้แก่สุกรอ่อน (แปลตามตัว สูกร-สุกร หรือหมู มัททวะ-อ่อน) บางมติว่า
    ได้แก่ เห็นชนิดหนึ่ง และบางมติว่าได้แก่ ชื่ออาหารอันประณีตชนิดหนึ่ง ซึ่งชาวอินเดียปรุงขึ้นเพื่อถวาย
    แก่ผู้ที่ตนเคารพนับถือที่สุด เช่น เทพเจ้า เป็นต้น เป็นอาหารประณีตชั้นหนึ่งยิ่งกว่าข้าวมธุปายาส

    พระพุทธเจ้าตรัสบอกนายจุนทะให้จัดถวายสูกรมัททวะนั้นถวายแต่เฉพาะพระองค์ ส่วน
    อาหารอย่างอื่นให้จัดถวายพระสงฆ์ และเมื่อพระพุทธเจ้าทรงฉันเสร็จแล้ว รับสั่งให้นายจุนทะนำเอาสูกร
    มัททวะที่เหลือจากที่พระองค์ทรงฉันแล้ว ไปฝังเสียที่บ่อ เพราะคนอื่นนองจากพระองค์นั้นฉันแล้ว ร่าง
    กายไม่อาจจะทำให้อาหารนั้นย่อยได้ เสร็จแล้วพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้นายจุนทะฟังเป็นที่ชื่นชม
    และรื่นเริงในกุศลบุญจริยาของ แล้วทรงอำลานายจุนทะเสด็จต่อไปยังเมืองกุสินาราต่อไป

    [​IMG]

    "อานนท์เอ๋ย ! บัดนี้สังขารอัน เป็นเหมือนเกวียนชำรุดนี้
    เราได้สละแล้ว เรื่องที่จะดึงกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งนั้น
    มิใช่วิสัยแห่งตถาคต
    อานนท์ ! เรามิได้ปรักปรำเธอ
    เธอเบาใจเถิด เธอได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
    บัดนี้เป็นกาลสมควร ที่ตถาคตจะจากโลกนี้ไป
    แต่ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน
    บัดนี้สังขารของตถาคต เป็นเสมือนเรือรั่ว
    คอยแต่เวลาจะจมลงสู่ท้องธารเท่านั้น
    อานนท์ ! เราเคย บอกเธอแล้วมิใช่หรือว่า
    บุคคลย่อมต้องพลัดพราก
    จากสิ่งที่รักที่พึงใจเป็นธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้
    อานนท์ ! ชีวิตนี้ มีความพลัดพรากเป็นที่สุด
    สิ่งทั้งหลายมีความแตกไป ดับไป สลายไปเป็นธรรมดา
    จะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็นนั้น
    เป็นฐานะที่ไม่พึงหวังได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไป
    เคลื่อนไปสู่จุดสลายตัวอยู่ทุกขณะ"





    ทรงยกพระธรรมวินัยไตรปิฎกเป็นศาสดา ประทานปัจฉิมโอวาทแล้วปรินิพพาน

    [​IMG]


    ก่อนเสด็จนิพพานเล็กน้อย คือภายหลังทรงโปรดสุภัททะปริพาชกแล้ว พระพุทธเจ้าประทาน
    โอวาทพระสงฆ์ โอวาทนั้นเป็นพระพุทธดำรัสสั่งเป็นครั้งสุดท้าย มีหลายเรื่องด้วยกัน เช่น เรื่องหนึ่งเกี่ยว
    กับพระสงฆ์ยังใช้ถ้อยคำเรียกขานกันลักลั่นอยู่ คือ คำว่า 'อาวุโส' และ 'ภันเต' อาวุโสตรงกับภาษาไทยว่า
    'คุณ' และภัตเตว่า 'ท่าน'

    พระพุทธเจ้าตรัสสั่งว่า พระที่มีอายุพรรษามากให้เรียกพระบวชภายหลังตน หรือที่อ่อนอายุ
    พรรษากว่าว่า 'อาวุโส' หรือ 'คุณ' ส่วนพระภิกษุที่อ่อนอายุพรรษา พึงเรียกพระที่แก่อายุพรรษากว่าตนว่า
    'ภันเต' หรือ 'ท่าน'

    ครั้นแล้วทรงเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ทั้งปวงทูลถาม ว่าท่านผู้ใดสงสัยอะไรในเรื่องที่พระองค์
    ทรงสั่งสอนไว้แล้วก็ให้ถามเสียจะได้ไม่เสียใจเมื่อภายหลังว่าไม่มีโอกาสถาม

    ปรากฏตามท้องเรื่องใน มหาปรินิพพานสูตร ว่า ไม่มีพระสงฆ์องค์ใดทูลถามพระพุทธเจ้าใน
    ข้อสงสัยที่ตนมีอยู่เลย

    เมื่อก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จนิพพานนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตั้งสาวกองค์ใดให้รับตำแหน่ง
    เป็นพระศาสดาปกครองพระสงฆ์สืบต่อจากพระองค์เหมือนพระศาสดาในศาสนาอื่น เรื่องนี้ก็ไม่มีพระสงฆ์
    องค์ใดทูลถามพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสสั่งพระสงฆ์ไว้ฃัดเจนก่อนจะนิพพานว่า พระภิกษุรูปใด

    ตรัสบอกพระอานนท์ว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และ
    บัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไป
    แล้ว"

    ครั้นแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายว่า "ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอเตือน
    พวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็น
    ประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    หลังจากนั้นไม่ได้ตรัสอะไรอีกเลย จนกระทั่งนิพพานในเวลาสุดท้ายของคืนวันขึ้น ๑๕ ค่ำ
    เดือน ๖ หรือวันเพ็ญวิสาขะ ณ ภายใต้ต้นสาละทั้งคู่ที่ออกดอกบานสะพรั่งเป็นพุทธ


    --------
    ขอบคุณที่มา :
    ภาพ พุทธประวัติที่สวยงาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2010
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,438
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    ขอบคุณค่ะ
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  7. wataru_nat

    wataru_nat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +83
    อนุโมทนา ครับ
     
  8. ligki

    ligki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +235
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  9. เทพบัญชา

    เทพบัญชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2006
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +212
    สาธุ
     
  10. พระวิภังค์

    พระวิภังค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +2,238
    ขอบคุณครับ น่าสนใจมากครับ
     
  11. tithiwatt

    tithiwatt สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุโมทนาครับ
     
  12. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +48
    ขออนุโมทนาครับ หนูตา ชัดเจนมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...