กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบคุณค่ะ เรื่องปรับระบบหายใจระหว่างวัน ตอนนี้ก็ปรับระบบหายใจตามที่คุณนพบอกไว้ ถ้านึกได้ก็ทำตลอดเลยค่ะ

    ตอนนี้มีข้อสงสัยเรื่องการมองภาพน้ำ อยากขอสอบถามคุณนพหน่อยค่ะ

    1. ตอนหลับตา ให้วางสายตาไว้ที่ลิ้นปี่ แล้วนึกภาพน้ำ ต้องเอาภาพน้ำวางไว้ที่ลิ้นปี่เท่านั้นใช่ไหมคะ เหมือนเรามองจากมุมสูง เพราะพอลองนึกภาพน้ำแบบมองแบบด้านข้างแก้วจะอยู่ในระนาบเดียวกับตัวเรา สายตามันจะไปอยู่ที่ภาพแก้วน้ำ เลยไม่อยู่ที่ลิ้นปี่ หรือว่าไม่เกี่ยวกันมองแบบไหนก็ได้

    2. ถ้าจะนึกภาพแก้วน้ำ หรือ ภาพน้ำขึ้นมาเองจะเป็นอะไรไหมคะ เนื่องจากว่าแก้วของดิฉันเป็นทรงสูงแบบ curve มีลายพร้อยพองาม (มีแต่แก้วใสๆแบบนี้ค่ะ) เวลามองแล้วหลับตาจำภาพ มันจะนึกเป็นทรงแก้วน้ำโค้งเว้า บางทีเห็นแต่แก้วไม่เห็นน้ำ นึกกังวลเรื่องแก้ว เลยนึกเป็นภาพแก้วทรงธรรมดาไม่สูงแทน บางทีไม่อยากเห็นแก้ว นึกเอาแต่ภาพหยดน้ำใสๆทรงกลม 3 มิติแทน การนึกภาพแก้วน้ำหรือหยดน้ำเอาเองแบบนี้ จะเป็นอะไรหรือไม่คะ น้ำที่มองเห็นใสๆมาจากความคิดหรือจิตคะ

    3. ระหว่างทำความรู้สึกลมหายใจเข้าออกระหว่างวัน นึกภาพพระพุทธรูปองค์ที่ชอบที่ลิ้นปี่ไปด้วยได้หรือไม่คะ จะไปกระทบการเพ่งกสิณน้ำที่เรากำลังหัดอยู่หรือไม่คะ(ถือเป็นการเพ่งกสิณ 2 กองพร้อมกันหรือไม่)

    คำถามเยอะไปหน่อยต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่มันสงสัยจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องแก้ว กลัวว่าเริ่มต้นแบบผิดๆมันก็จะผิดไปตลอดน่ะค่ะ

    ขอขอบคุณคุณนพล่วงหน้าเลยค่ะ

    ปล. พอดีนึกคำถามเพิ่มได้ค่ะ ถ้านั่งกำหนดภาพน้ำอยู่แล้วเห็นเป็น นิมิตวงกลมสีขาวขึ้นมาแทน (วงค่อนข้างใหญ่แต่ขอบเบลอๆกลืนกับสีดำที่อยู่รอบๆ บางครั้งก็ขาวสว่างชัด บางครั้งก็ขาวขุ่นๆไม่ชัด บางทีคล้ายซูมเข้าออก เห็นเป็นขาวกลมเต็มหน้าแล้วค่อยๆ ซูมออกเป็นวงกลมเล็ก) อย่างนี้ควรหันมาจับภาพสีขาวแทนหรือไม่ หรือจับภาพน้ำตามเดิมแต่ทำให้ชัดมากขึ้นกว่าเดิมคะ ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040



    มองภาพน้ำผ่านจุดเหนือระหว่างคิ้วครับ ไม่ต้องไปคิด
    ถ้านึกก็ให้นึกว่า ให้ภาพปรากฎ ผ่านระหว่างคิ้วออกไปข้างนอก

    กายอย่างเดียว...
    เพราะเราจะฝึกให้จิตสร้างภาพด้วยตัวจิตเอง การนึกมันจะ
    ไปดึงความคิดจากสมอง ซึ่งจะไปต่อไม่ได้..และการมองแบบนี้
    ซึ่งมันจะมองแบบนี้ได้เอง หากเราหลับตาปกติลงมองที่ลิ้นปี่
    และเป็นธรรมดาที่มันจะมืดๆไม่เห็นอะไร เพราะจิตต้องทำความคุ้นเคยก่อน
    ซึ่งถือว่า ดีกว่าไปมองที่มีแสง ซึ่งทำให้เราทราบได้ยากว่า
    ภาพสร้างจากสมองหรือจากจิต พูดง่ายๆ ถูกทางต้องเห็นมืดๆก่อนเป็นธรรมดา เห็นงามๆก่อน บ่ แม่นเน้อ..

    และจำเอาไว้เลยว่า ถ้าไม่ใช่ เห็นน้ำจริงๆ ใส มีคลื่นเล็กน้อย
    แต่ไม่มีฟอง(แค่ที่บอกนะ ขาดก็ไม่ได้ เกินก็ไม่ได้)
    ห้ามสนใจทุกๆกรณีไม่ว่าจะเห็นอะไร...

    เห็นสีขาวๆ เป็นการทำงานของจิตแบบหนึ่งเป็นเรื่องปกติ
    แต่ถ้ามาตอนนี้ มันจะเป็นนิมิตขวาง ขวางคือ
    ทำให้เราช้า.. ดังนั้น ถ้าเอากสิณน้ำ
    ให้ยิงตรงที่น้ำ Only
     
  3. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบคุณค่ะที่ชี้แนะให้เข้าใจดียิ่งขึ้น จะพยายามฝึกตามอย่างที่บอกมานี้

    ขอแก้ไขคำที่ตัวเองโพสไว้ด้านบนนิดนึงค่ะ กลัวคนอ่านจะเข้าใจผิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2017
  4. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    คุณ nop ครับ รบกวนสอบถามเพิ่มเติมนะครับ

    ..นิมิตของกสิณ ลม มันจะเป็น อย่างไรหรือครับ รูปลักษณะ คือไม่แน่ใจว่าที่เห็นนั้นใช่ไหม มันก็ไม่ค่อยชัดเจนไม่กลมนะครับขนาดประมาณปลายนิ้วมือเวลาเยียดมือออกไปสุด แต่มันมีลักษณะทำให้ภาพที่เห็นมันมัวๆ คล้ายไอแดดที่มองถนนเวลาอากาศร้อน แต่มันไม่สั่นไหว จะเกิดตรงที่เดิมตลอด ลองสังเกตุแยกแยะระหว่างแผลที่เยื่อบุตาที่มันจะเห็นเป็นเส้นๆอะนะครับพวกนี่ถ้าตั้งใจมองจะเห็นชัดขึ้นมาแล้วจะค่อยๆเลื่อนลงจนหายไป แต่อันนี้ถ้าตั้งใจจะไม่เห็น ต้องมองผ่านๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2017
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คือลมที่รวมเป็นกลมๆมีกะแสวิ่งภายนอกวงกลม
    ถ้าแบบเดียวกันแต่กระแสวิ่งภายในคือ อากาศครับ
     
  6. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    คุณนพคะ รบกวนขอสอบถามอาการแปลกๆที่เจอค่ะ เมื่อคืนเข้านอนตอนเที่ยงคืน แล้วเกิดฝันตกใจตื่นขึ้นมาตอนตี 1 แล้วมีอาการขยับตัวไม่ได้ อยู่ในท่านอนคว่ำ รู้สึกไม่มีแรงขยับทั้งตัว สังเกตุเหมือนมีก้อนกลมๆอยู่ภายในท้องดูดติดกับพื้นอยู่ คิดว่าเป็นสาเหตุทำให้ลุกไม่ขึ้น พยายามนึกถึงพระ เหตุการณ์เกิดขึ้นสักพักก็หายไป ก้อนกลมๆก็หายไปด้วย อาการแบบนี้เพิ่งเจอครั้งแรก คุณนพพอทราบไม๊คะว่า ก้อนกลมๆในท้องคืออะไร? เกิดจากการนั่งกรรมฐานหรือเปล่าคะ?

    ปล. ก้อนกลมๆที่รู้สึกในท้องเพิ่งเป็นครั้งแรก แต่อาการขยับไม่ได้หลังตกใจตื่นจากฝันเคยเจอหลายครั้งแล้วค่ะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จิตมันเกิดครับ ผลมาจากการฝึกนั่นหละครับ กิริยาแบบนี้จะเจอได้
    ในกรณีที่เริ่มจะมีสติทางธรรม หรืออยู่ในช่วงใกล้ๆที่จิตจะแยกรูปแยกนามได้
    และกิริยาที่เจอแบบนั้น ถือว่าปกติมากแล้วครับ เจอได้นะดีแล้ว
    ปกติคนจะเจอหนึ่งคือคล้ายผีอำแต่ว่านอนไปแล้วหลับตาไปแล้ว
    กับแบบที่สองทั้งๆที่ก็ตื่นแล้วลืมตาอยู่แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ดังใจเหมือนผีอำ
    ส่วนตัวเรียก กิริยาคงค้างของความเป็นทิพย์ครับ
    คือมันค้างอยู่ แม้ว่าจะลืมตาแล้วนั้นเอง (เป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่ง ต่อไปจะได้เจอได้
    เพราะทุกคน เวลาที่จะเจอครูบาร์อาจารย์อะไรถ้าท่านมาหา
    ก็จะอยู่ในโหมดแบบนี้หละครับ ถ้าเจอแบบในฝันโอกาสถูกหลอกจะสูง เข้าใจเนาะ)

    ไอ้กลมๆนั่นหละคือดวงจิตครับ
    ที่มันพยายามออกตรงช่องท้อง
    เพราะมันเคยคุ้นเคยการออกตรงนั้นมาก่อนในอดีต คล้ายๆว่า มันเคยฝึกทางวิชา
    พวกประเภทใช้ฐานสมาธิสูงมาก่อน ถ้าทั่วๆไป ไอ้กลมๆมันจะวิ่งออกศรีษะครับ
    แล้วก็ไปตีลังกาข้างนอก ซึ่งจะมีผลเสียมากๆ ถ้ามันออกไป
    เพราะจะกลายเป็นกิเลสธรรมทันที

    และไอ้กลมๆนี้ ถ้าเจออีก ให้กำหนดดับมันสถานเดียว เพราะมันเป็นขั้นที่ ๔ ในกิริยา
    ของจิต ไม่งั้นเด่วมันจะออกไปเที่ยว ซึ่งจะเกิดผลร้ายตามมา
    พอดับมันแล้วก็จะเห็น เป็น๓ คล้ายๆเกลียว(พายุทอร์นาโด) ๒ตามมากำลังหมุนขึ้นคล้ายก้นหอย
    และ๑ตามมาด้วยกำลังผุดเป็นก้นหอย และ ๐ ท้ายสุดเห็นมันผุดขึ้นได้ ก็จะเห็นฐานของจิตและมัน
    ก็จะดีดความคิดที่เกิดจากจิตและจะสามารถเห็นขันธ์ห้าส่วนนามธรรมได้
    จิตเราก็จะสามารถเดินปัญญาได้ สัมมาทิฐิหรือมรรคแปดในข้อแรกจะเปิดทางให้ครับ
    ก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะฝึกแล้วหลงทางหรือยึดติดอะไรในอนาคตครับ

    ปล.จิตเราเองเข้าใจนะ นึกถึงพระช่วย ๕๕ ไม่มีไรหรอก
    ที่มันหายเพราะสภาวะคงค้างมันค่อยๆคลายเองครับ..
     
  8. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบคุณคุณนพมากค่ะที่ช่วยอธิบาย อ่านที่คุณนพตอบแล้ว มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ เลยอยากขอรบกวนถามเพิ่มเติม (อีกแล้ว) ถ้าคำถามไหนไม่สะดวกตอบก็ผ่านได้เลยนะคะ เข้าใจได้ค่ะ

    - วิชาที่ใช้ฐานสมาธิสูงเช่นอะไรบ้างหรือคะ
    - ถ้าดวงจิตออกจากร่างกายไม่ว่าทางไหน คือไม่ดีทั้งนั้นหรือเปล่าคะ
    - ที่ว่ากลายเป็นกิเลสธรรมหมายความว่า จิตจะไปหลงรูปหลงนามภายนอกและจะไม่สามารถควบคุมได้ กลายเป็นยึดติดและสุดท้ายหลงตัวเอง แล้วไม่สามารถฝึกจิตได้อีกหรือเปล่าคะ
    - ที่ว่าจิตออกไปจะเป็นผลร้ายตามมา พอจะบอกได้ไหมคะว่า ผลร้ายที่ว่าคืออะไร และผลร้ายนี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่จิตจะออกจากท้องหรือเปล่าคะ

    ๕๕๕ ที่ต้องนึกถึงพระช่วย เพราะตอนนั้นกำลังตกใจ ไม่เคยเจอจิตมันก็ตื่นๆหน่อยๆ เลยรีบนึกถึงพระ (แต่พอหายตกใจแล้วก็คิดว่าอาจเป็นดวงจิตก็ได้) แล้วก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้มาก่อนค่ะ คือ อาการคล้ายผีอำหลังตื่นจากฝันตอนเด็กๆวัยรุ่นหน่อยจะเจอบ่อย แต่เจอแล้วก็แล้วกันไปแค่ขยับตัวไม่ได้แป๊ปๆเลยไม่คิดอะไรกับมันนัก แต่มีครั้งหนึ่ง (ช่วงจิตตกทุกข์หนักสารพันปัญหา) ตื่นมาเจอผีอำแล้วไม่ใช่แค่ขยับตัวไม่ได้เฉยๆ แต่เห็นเป็นร่างใหญ่ๆมานั่งทับบนตัวแล้วเอามือกดบนหน้าอกอย่างแรงจนดิฉันหายใจไม่ออก ทั้งกลัวทั้งโกรธ หายใจไม่ออกด้วย จนทนไม่ไหว รวมกำลังสุดชีวิต ผลักจนร่างนั้นกระเด็นไป พอลุกขึ้นยืนได้ตั้งท่าจะเอาคืนบ้าง เพราะตอนนั้นโมโหจัด จนลืมกลัวไปเลยว่ามันเป็นผีนะ มันก็หายแว๊บไปเลย จากนั้นมาก็ไม่เคยโดนผีอำอีกเลยค่ะ แต่มีครั้งหนึ่งห่างจากช่วงที่เพิ่งเล่าน่าจะปี-2ปี เกิดฝันว่าคุยกับคนอื่นอยู่ดีๆก็วูบตื่นขึ้นมา แล้วอาการไม่เชิงผีอำ แต่มันเหมือนสัมผัสทุกอย่างหายไปหมด ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ลืมตาไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้สึกถึงสัมผัสทางกาย เป็นอยู่นานพอควร ทำยังไงก็ทำให้สัมผัสกลับมาไม่ได้ ก็เลยนึกสวดมนตร์ค่ะ อิติปิโสฯ สัมผัสทุกอย่างก็ค่อยๆกลับคืนมา

    ก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ ขอขอบคุณค่ะ _/\_
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขอบคุณคุณนพมากค่ะที่ช่วยอธิบาย อ่านที่คุณนพตอบแล้ว มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ เลยอยากขอรบกวนถามเพิ่มเติม (อีกแล้ว) ถ้าคำถามไหนไม่สะดวกตอบก็ผ่านได้เลยนะคะ เข้าใจได้ค่ะ

    - วิชาที่ใช้ฐานสมาธิสูงเช่นอะไรบ้างหรือคะ
    ตอบ วิชาเดินธาตุต่างๆ หรือจะกรรมฐานที่ขึ้นด้วยรูปในระดับอฐิษฐานจิต
    หรือทุกวิชาซึ่งมีพื้นฐานจากรูปฌานก่อนและไปอรูปฌาน(แบบทิ้งรูปไปแล้ว
    ไม่ใช่นอนๆอยู่แล้วเข้าไปจมไปแช่ แล้วมาบ่นว่าไม่เห็นอะไรนะครับ อรูป=ไม่มีรูปครับ ๕๕๕)

    - ถ้าดวงจิตออกจากร่างกายไม่ว่าทางไหน คือไม่ดีทั้งนั้นหรือเปล่าคะ
    ตอบ ใช่ ในทางปฏิบัติก็ไม่ทำกัน พูดตรงๆว่า ยังเด็กๆ...ออกนะออกได้
    แต่ต้องประเภทชนิดที่ว่า จิตไปไหน กำลังสติตามไปด้วยตลอดเวลา
    ยกตัวอย่าง ถ้า ๑.ปกติเราจะไปปรากฏอยู่สถานที่แห่งหนึ่งเลย ถ้าไม่รู้ว่า
    สถานที่นี้เรียกว่า อะไร ความหมายคือ กำลังสติทางธรรมไม่พอคือมีน้อยจัง..ถึงเกือบไม่มี
    และ ๒.ถ้า มารู้ตัว ณ สถานที่นั้นเลย รู้ว่าเรียกว่าอะไร
    นี่คือ กำลังสติทางธรรมไม่พออีก(เป็นไม่พออีกสาขาหนึ่ง ที่พอมีกำลังสติบ้าง)
    และถ้า ๓.ไม่เห็นตอนที่จิตกำลังจะออกก่อนที่จะไปปรากฏยังสถานที่นั้นๆ
    นี่ก็คือ กำลังสติยังไม่พอ(อีกสาขาหนึ่งที่พัฒนามาอีกหน่อยจากพอมีกำลังสติบ้าง)
    รวมความว่า ถ้ายังมีใน ๑ ๒ ๓ ในทางปฏิบัติถือว่า กำลังสติไม่พอทั้งสิ้น......
    จะไปได้ ต้องประมาณว่า ๔ สติอยู่หลังจิต ตามกันติ้วๆ นั่นหละครับ...


    ที่ไม่ดีเพราะว่า แม้ไปได้ ดูเหมือนไม่ยึดติด แต่ก็จะไปสนใจในสิ่งที่เห็นมากกว่า
    แต่หาได้รู้ไม่ ว่ากำลังไปสนใจในขณะที่กำลังสติยังอ่อนๆ....
    การไปได้ ทั้ง ๓ แบบที่กล่าว ถามหน่อยว่า ถ้าอยู่ใน ๓ แบบที่กล่าว
    มีใครบ้างไหมที่จะคิดมาสนใจเรื่องสร้างสติเรื่องเดินปัญญาครับ...
    นั่นหละเค้าถึงเรียกว่า กิเลสธรรม คือโน้นให้สนแต่นามธรรม แต่ไม่สนด้านปัญญานั่นเอง เกทบ่


    - ที่ว่ากลายเป็นกิเลสธรรมหมายความว่า จิตจะไปหลงรูปหลงนามภายนอกและจะไม่สามารถควบคุมได้ กลายเป็นยึดติดและสุดท้ายหลงตัวเอง แล้วไม่สามารถฝึกจิตได้อีกหรือเปล่าคะ

    ตอบ กิเลสธรรมบอกไปแล้ว หลงตัวเอง เป็นเรื่อง ยิ่งกว่าไม่มีสติครับ แค่ผลระดับหางๆ
    ของการยึดในตัวตนหรือตัดร่างกายตนไม่ขาด แต่กิเลสธรรมนั้น ถ้าไปสนใจนามธรรมต่างๆ
    แล้วไปดึงสิ่งเหล่านั้นเข้ามาเป็นตัวเอง จะกลายเป็นสัญญาวิปลาสก่อน(คิดว่าตัวเองเคยเป็นโน้นนี่นั้นแล้วคิดเป็นจริงเป็นจัง) ตามด้วยวิปลาสทางจิตได้ในลำดับต่อมานั่นเองร้อยละ ๙๙ %

    - ที่ว่าจิตออกไปจะเป็นผลร้ายตามมา พอจะบอกได้ไหมคะว่า ผลร้ายที่ว่าคืออะไร และผลร้ายนี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่จิตจะออกจากท้องหรือเปล่าคะ
    ตอบ จิตออกตรงไหนของกายก็ได้ครับ ขอแค่ได้ออกมีโอกาสเป็นเหมือนกันหมด
    ถ้าไปติดในนามธรรมภายนอกเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าจะออกที่ท้องถึงเป็น
    ประเด็นมันคือ จิต ออกจากกาย..ไม่ใช่ออกตรงไหน เพียงแค่ การออกไปแล้ว
    หกคะเมนตีลังกา มันฟ้องว่า กำลังสมาธิไม่พอและกำลังสติยังน้อย
    เพราะไม่สามารถควบคุมจิตได้ (แต่หลายคนพลาดตรงที่คิดว่า
    การออกได้เป็นเรื่องที่พิเศษ ขนาดยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยในนิมิตนะ
    จึงได้มีปรากฏสตรีและบรุษที่หลงตัวเองมากมาย
    บนดาวโลกใบนี้นั่นเอง)


    ๕๕๕ ที่ต้องนึกถึงพระช่วย เพราะตอนนั้นกำลังตกใจ ไม่เคยเจอจิตมันก็ตื่นๆหน่อยๆ เลยรีบนึกถึงพระ (แต่พอหายตกใจแล้วก็คิดว่าอาจเป็นดวงจิตก็ได้) แล้วก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้มาก่อนค่ะ คือ อาการคล้ายผีอำหลังตื่นจากฝันตอนเด็กๆวัยรุ่นหน่อยจะเจอบ่อย แต่เจอแล้วก็แล้วกันไปแค่ขยับตัวไม่ได้แป๊ปๆเลยไม่คิดอะไรกับมันนัก แต่มีครั้งหนึ่ง (ช่วงจิตตกทุกข์หนักสารพันปัญหา) ตื่นมาเจอผีอำแล้วไม่ใช่แค่ขยับตัวไม่ได้เฉยๆ แต่เห็นเป็นร่างใหญ่ๆมานั่งทับบนตัวแล้วเอามือกดบนหน้าอกอย่างแรงจนดิฉันหายใจไม่ออก ทั้งกลัวทั้งโกรธ หายใจไม่ออกด้วย จนทนไม่ไหว รวมกำลังสุดชีวิต ผลักจนร่างนั้นกระเด็นไป พอลุกขึ้นยืนได้ตั้งท่าจะเอาคืนบ้าง เพราะตอนนั้นโมโหจัด จนลืมกลัวไปเลยว่ามันเป็นผีนะ มันก็หายแว๊บไปเลย จากนั้นมาก็ไม่เคยโดนผีอำอีกเลยค่ะ แต่มีครั้งหนึ่งห่างจากช่วงที่เพิ่งเล่าน่าจะปี-2ปี เกิดฝันว่าคุยกับคนอื่นอยู่ดีๆก็วูบตื่นขึ้นมา แล้วอาการไม่เชิงผีอำ แต่มันเหมือนสัมผัสทุกอย่างหายไปหมด ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ลืมตาไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้สึกถึงสัมผัสทางกาย เป็นอยู่นานพอควร ทำยังไงก็ทำให้สัมผัสกลับมาไม่ได้ ก็เลยนึกสวดมนตร์ค่ะ อิติปิโสฯ สัมผัสทุกอย่างก็ค่อยๆกลับคืนมา

    ก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ ขอขอบคุณค่ะ _/\_
    ตอบ นึกถึงพระนะดีแล้วไม่มีอะไรเสียหายหรอก
    ...เพียงแต่กิริยาที่เล่าก่อนหน้าไม่จำเป็นต้องให้พระท่านช่วย...
    ถ้าท่านมีชีวิต ท่านก็คงยิ้มๆและแอบขำเล็กน้อยถึงปานกลาง...
    ไอ้ที่วูบๆคือ จิตมันข้ามไปอรูปฌาน มันก็จะเหมือนเราอยู่ในอวกาศ
    อยุ่ในบรรยากาศ แม้ไม่่เ่ห็นอะไร แต่ที่ได้มาจะเป็นเรื่องสัมผัส
    เกี่ยวกับพลังงาน ความรู้สึกแทน.. ซึ่งอรูปฯนี้สามารถเข้าได้แม้ไม่ฝึกอะไรเลย
    หรือนอนๆอยู่ก็เกิดได้
    หรือฝึกมาบ้างก็เข้าได้ เป็นเรื่องปกติ แต่จะใช้งานได้
    ต้องผ่านการฝึกแบบขึ้นรูปมาก่อนเท่านั้นเอง...
    เป็นเรื่องปกติของจิตที่เคยผ่านกำลังสมาธิระดับสูงมาในอดีต
    แต่ปัจจุบันจะใช้ได้หรือไม่ได้เป็นอีกกรณีนะ...เครเนาะ...
     
  10. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    สรุปตามที่เข้าใจนะคะ "ไม่ควรส่งจิตออกนอกในทุกกรณี ให้เน้นสร้างสติทางธรรมก่อน"
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ถั่วต้มมมมมมมมมแล้วววววววววคร๊าบบบบบบบบบบ
     
  12. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    เรียนคุณ nop มีเรื่องรบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ

    ตัวกสิณลม นี่มันจะเริ่มเห็นอย่างไรครับ แบบ มาเป็นดวง กลมๆ เลยหรือว่าเป็นลักษณะไหนก่อนครับ อย่างที่ได้สอบถามไปก่อนหน้านี้นะครับ คือ ตอนนี้ไอ้ที่มันเห็นเป็นลักษณะคล้ายๆ ไอแดด อะครับ ลองสังเกตุดีๆ มันค่อนข้างจะใหญ่ประมาณหัวแม่มือระยะ หนึ่งฟุตจากสายตา นะครับและไม่กลมและเมื่อสังเกตุมากขึ้นไอ้ที่เป็นคล้ายไอแดดมันจะเป็นโครงข่ายคล้ายๆรากต้นไม้และจะมีจุดเป็นกลมๆเล็กอยู่ด้วยบางตำแหน่ง และมันจะเกิดขึ้นมาหลังจากเพ่งไปสักระยะ และมันจะอยู่ตรงจุดโฟกัส ของสายตาที่เพ่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเลื่อนโฟกัสไปบน ล่าง ซ้าย ขวา เวลาปกติมันไม่มีผลกับการมองเห็นเพราะมันไม่เห็นอะนะครับเวลาเพ่งกสิณผมก็พยายามมองผ่านไปนะครับถึงจะรำคาญบ้าง เอ่อใช่ บางครั้งเวลานั่งสมาธิมันจะมีปรากฎขึ้นมาบางครั้งเหมือนกันก็เลยยิ่งงงๆ ประเด็นหลักที่สอบถามคือ มันเป็นอาการที่เกี่ยวกับการเพ่งกสิณหรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นที่สายตา T T ซึ่งที่ผมห่วงและคิดว่าน่าจะเป็นคือสายตานี่แหละครับ

    รวมๆตอนนี้ ก็ทำตามที่คุณ nop แนะนำนะครับ คือมีอะไรเกิดขึ้นก็ปล่อยผ่านถึงจะงงๆ ไม่เข้าใจ ตอนที่เกิดขึ้น และก็เจริญสติระหว่างวัน เวลาทำงานก็กำหนดจิตตามลมหายใจไว้ตลอด เผลอนึกได้ก็ตามต่อ 555555 พยายามทำให้เป็นปกติ สิ่งที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลักๆเลยคือ ไม่ฟุ้งซ่านจบเรื่องคือจบ(อันนี้ชอบ) จิตจะนิ่งเร็วขึ้น (อันนี้คิดเองอาจจะไม่จริงนะครับแค่รู้สึกเอง 555555) แต่ถึงจะนิ่งเร็วขึ้นแต่ก็แค่นั้นละครับ อธิบายยังไงดี ประมาณว่า ช่วงแรกๆที่เริ่มเพ่งกสิณ หลังจากนั้นจิตมันสงบเราจะรู้สึกได้ถึงความเบาในตัวแปลกๆ ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงอะไรพวกนี้เลย บางครั้งเวลานั่งสมาธิเหมือนมันจะนิ่งสงบแต่มันไม่เหมือนก่อนที่มันจะรู้สึกเบาๆตัว ที่พอจะจับได้ว่ามันนิ่งในระดับนึงก็จากความรู้สึกทางกายที่มันจะน้อยลงเหมือนเดิม ตอนนี้เลยงงๆ รู้สึกเหมือนถอยหลังลงคลองยังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่ามาถูกทางหรือผิดทางยังไงบ้าง และเมื่อจิตมันนิ่งควรจะทำอะไรต่อ จริงๆอยากจะเดินปัญญาลดละกิเลส แต่ไม่รู้มันจะต้องทำไงทำได้ไหมทำอย่างไร คือผมไม่มีพื้นฐาน ลองอ่านจากที่อื่นๆคือ งง หนักกว่าเดิม ศัพท์แต่ละตัวไม่กระดิกหูเลย พอจะเห็นว่าคำอธิบายของคุณ nop อ่านแล้วทำความเข้าใจได้
    ถ้าไม่รบกวนคุณ nop จนเกินไปก็อยากจะขอคำแนะนำจากคุณ nop สักหน่อยครับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ดีแล้วที่ไม่เป็นไอ้ที่เป็นเมื่อก่อนเค้าเรียกว่า การจมหรือแช่ในสภาภาวะกิริยาระหว่างทางของสมาธิ ถ้าเป็นนานๆ จะเกิดอาการ จิตพิการเน้อ (คือจิตซื่อบื่อ หรือไม่ฉลาดนั่นเอง)
    ส่วนไม่ฟุ้งเป็นแค่ผลระหว่างทางปกติไม่มีอะไร
    อุคหนิมิต ให้เน้น เข้าๆออกๆบ่อยๆๆๆๆๆๆ
    ถ้ามันนิ่งได้แล้วนะ อย่าไปพยายามรักษา
    เพราะจะไม่มีกำลังในการไต่ระดับเพียงพอ
    เข้าใจเน้อ
    ปล.บางคำตอบ แทรกในที่อ้างอิง
     
  14. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    ขอบคุณครับ คุณ nop

    อันนี้ถามเพื่อจะเผื่อใจไว้ก่อน อย่างผมนี่มีโอกาสจะต้องมองเห็นภพภูมิอื่นไหมแบบเห็นด้วยตาปล่าวนะครับ จะได้เผื่อใจไว้เวลาเจอจะได้ไม่ตกกะใจมาก 55555 อารมย์เหมือนนั่งสมาธิแรกๆก็กลัวนะ ยอมรับเลย หลังๆก็เพราะจิตมันยอมรับได้ของมันเองแล้วมั้งเลยเฉยๆ กับเรื่องแปลกๆ แล้วก็ส่วนตัวเคยคิดว่าน่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง จากที่มีคนทักอะนะครับ เมื่อก่อนนี่ค่อนข้างจะปักใจเชื่อ เดี๋ยวนี้... 5555 เอาเป็นว่าไม่เคยสัมผัสได้ ไม่เคยรู้สึกถึงเลย แต่ถ้าทำให้อุ่นก็ใจก็นิดนึงเนอะ 55555 และคิดว่าถ้ามีอะไรจริงๆท่านคงคุ้มครองเราแหละ เพราะส่วนตัวประสบอุบัติเหตุหนักๆบ่อยแต่ ด้วยความยอมรับได้ทั้งความเสียหายทางวัตถุและตัวเอง ทำให้มีสติพอจะคิดตัดสินใจแก้ปัญหาขณะเกิดเหตุ เต็มที่แค่แผลถลอก แต่มีครั้งนึงกะทะน้ำมันแบบที่ทอดไก่คว่ำขณะกำลังทอดน้ำมันราดหัว ต้องใช้คำว่าราดนะไม่ใช่กระเด็น ตอนนั้นก็เผื่อใจไว้แหละว่าผิวหน้ากับหนังศรีษะน่าจะขาวตลอดชีวิตแน่ ก็ตั้งสติปฐมพยาบาลขั้นต้นอย่างดี แต่ในใจคิดว่าไม่น่ารอดเละแน่นอนจากการระบบที่แผล สุดท้ายยังหล่อได้เหมือนเดิมแทบจะไม่มีแผลผุพองเลย อาจจะเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ส่วนนึงก็นะ... ผมเลยคิดว่าการเผื่อใจไว้ก่อนได้มันจะช่วยให้เราตั้งสติได้เร็ว เพราะทำใจยอมรับได้บางส่วน

    อันนี้ถามเรื่องกสิณนะครับ คือปกติผมจะเห็นลักษณะคล้ายๆกลุ่มแสงเวลาหลับตามาสักพักแล้ว แต่สองสามวันนี้มันเริ่มกลมๆ อะนะ ที่รู้ว่ากลมเพราะมันจะมีขอบแบบ แปลบๆ เวลากระพริบตาเหมือนๆ เป็นวงกลมขนาดไม่ใหญ่ โดยเฉพาะเวลากระพริบตาจะรู้สึกเห็นได้ และเมื่อเช้าตื่นมามันเห็นเป็นวงกลมชัดเจนแต่เป็นเฉพาะขอบเส้นอะนะครับเพราะมันมืดตายังไม่เจอแสงเลยเห็นชัด ผมไม่รู้ว่านี่ใช่ดวงกสิณไหม เพราะมันไม่หายไปเลยมีความรู้สึกเห็นแบบนี้ทั้งวัน ถ้าหลับตาบางครั้งจะเห็นชัดเป็นวงกลมสีขาวค่อนข้างชัดแว่บนึง

    อันนี้ถามขำๆนึกเรื่องอดีตขึ้นมาได้ เคยต้องไปนอนโรงบาลจากอุบัติเหตุคืนแรกก็ไม่มีอะไรคืนที่สองไม่มีคนนอนเป็นเพื่อน หลังจากแม่มาเฝ้าสักพักแกก็จะกลับผมก็เดินไปส่งเห็นประตูห้องน้ำเปิดอยู่เลยเลื่อนประตูปิด ส่งแม่เสร็จกำลังจะขึ้นเตียงนอนนึกขึ้นได้เข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าเดินไปเลื่อนประตูห้องน้ำ ล๊อค ซะงั้น... คือถ้าเป็นลูกบิดนี่ผม 50/50 นะถ้ามันล๊อค แต่นี่ประตูเลื่อนมันจะมีตัวล๊อคเป็นที่หมุนเล็กๆต้องหมุนประมาณ รอบ ถึงรอบครึ่งตัวล๊อคถึงจะดีดมาล๊อค ก็เลยเดินไปเอาเหรียญมาเปิดประตู ก็ต้องหมุนเป็นรอบนะล๊อคถึงจะดีดเปิด อันนี้อยากรู้นะครับว่าเค้าที่เรามองไม่เห็นมีพลังงานขนาดหมุนให้ล๊อคได้เลยเหรอแถมไร้เสียงอีกต่างหาก55555555
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เห็นและอยู่ร่วมกันได้ปกติผีนะ
    เป็นเรื่องเบสิกมากถ้าฝึกสำเร็จและ
    กสิณถ้ายังไม่ถึงปฎิภาคให้ทำต่อไป
    อย่าสงสัยเด่วช้า ถ้าผ่านมันจะย้อนรู้เอง
    พลังงานถึงขั้นทำให้เราขยับไม่ได้ก็มี
    ทำให้เรารู้สึกได้เหมือนคนมาจับก็มี
    เรื่องปกติ มีถึงระดับจิตธาตุ คือมาหาเราตัวเป็นๆได้ก็มี ที่พูดเจอมาหมดแล้ว
    อันนี้เสริมพวก
    อดีตชาติจะพาย้อนไปถึงยุคไดโนเสาร์ก็ได้
    พวกนี้เรื่องเด็กอนุบาลชอบเอาโม้สร้างภาพกันเราเอาแค่พอขำๆเฉยๆก็พอ
    ประเด็นเค้าให้รู้ว่าพลาดตรงไหนถึงได้กลับมาเกิดครับ.

    บอกไว้ก่อนทำได้ ๑๐ กองแค่เริ่มต้น
    ต้องมาฝึกอีกเยอะ อย่าสงสัยมาก
    จับประเด็นหลักๆที่แนะให้ได้
    ในระดับออกนอกบ้านมันมีอะไรๆ
    ที่ยังคาดไม่ถึงอีกเยอะ
    เครเนาะ
     
  16. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    เครครับ ขอบคุณครับคุณ nop

    แหะๆ เข้าใจที่คุณ nop บอกนะ แต่คือเปนคนขี้สงสัย ยิ่งตอนนี้กลัวเป็นคนแก่หลงทาง 555555
    เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยรู้หรอกว่าฝึกแล้วจะได้ใช้ประโยชน์อะไรไหม แต่ในอนาคตถ้าทำได้ถึงขั้นใช้งานได้ ก็คงใช้เพื่อประโยชน์ สำหรับตัวเองก็คงเป็นทางธรรม สำหรับส่วนรวมนี่...ไม่รู้5555 เพราะไม่รู้ว่าทำไรได้บ้าง T T แต่คิดว่าถ้าถึงเวลาคงจะรู้มั้ง (ถ้ามีบุญพอที่จะไปถึงจุดที่ทำได้นะ 55555)

    ไอ้เรื่องอดีตชาตินี่ถ้าเป็นตอนหนุ่มๆนี่ โคตระอยากรู้เลยครับ ตอนนี้เจอเรื่องเลวร้ายบ่อยๆจนชิน จนแบบ เออ ปล่อยๆไป ใช้กรรมให้หมดไป ก็พอจะปลงๆได้บ้างแล้ว บางอย่างพยายามเท่าไหร่มันก็ฝืนไม่ได้ บางอย่างที่จะได้มันก็ได้ง่ายซะจนงง ส่วนตัวเองนี่เป็นคนทำบาปไม่ขึ้น การพนันทุกประเภทบอกได้เลย5555 ใครใช้เราเป็นแลนมาร์คแทงตรงข้ามนี่รวยตาย แถมไม่มีดวงเรื่องลาภลอย ในชีวิตถูกหวยครั้งเดียวยังจะโดนโกงเงินอีก555555 เลยคิดว่าชาติก่อนๆคงไม่ค่อยทำบุญหรือไปทำคนอื่นไว้เยอะ เด้วรู้อดีตตัวเองจริงๆ กลัวจิตตกหนัก5555

    อันนี้ถ้าคุณ nop พอจะเล่าให้ฟังเป็นความรู้ได้นะครับรบกวนขอความรู้ คือไอ้พวกอาการ เดจาวู กับการที่คนเราฝันถึงสถานที่ๆเราไม่เคยไปพบเจอบุคคลที่ไม่เคยรู้จักแล้วมีการฝันซ้ำถึงสถานที่เดิมเหตุการณ์ต่อเนื่องกันหรือซ้ำเดิมๆ แต่ไม่ได้ฝันติดกันๆ อาการพวกนี้มันเป็นจากจิต หรือจากสมองครับ
     
  17. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    รบกวนสักนิดคุณ nop นะครับ

    พอจะบอกกระผมได้ไหมครับว่าแนวกระแสของผมไปทางไหน อันนี้อยากรู้
    เพราะรู้สึกว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆเหมือนๆคนจิตไม่ปกติคือสุดโต่งทางอารม
    บางครั้งก็อำมหิต เลือดเย็น อารมแบบฆ่าสัตว์เล่นๆสัตว์เล็กๆนะพวกจิ้งเหลน กบ อะไรประมาณนี้แต่ไม่บ่อย คือฆ่าแบบทรมานอะนะครับ ได้โดยไม่รู้สึกอะไร ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่มีอารมอยากทำให้คนอื่นเจ็บ หรือทรมานจากการที่ทำกับเรา เจ้าคิดเจ้าแค้นอารมมีโอกาสจะเอาคืน แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว และไม่อยากกลับไปเป็นอีกเมื่อย้อนคิดกลับไปถึงสิ่งที่ทำก็สลดนะ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แหละ เลยปล่อยๆ บางเรื่องก็รอรับผลกรรมทุกอย่างที่เราทำ แต่ไม่พยายามสร้างกรรมใหม่แล้ว 5555
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ว่างก่อนจะมาเล่าให้ฟังเน้อ
     
  19. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    อืม...ไม่รู้จะถามอะไร อิอิ ขอถามแค่นี้ละกันครับ
    น้ำนิ่งใสกริ๊งเป็นแผ่นวงกลมมีประกายสว่างเล็กน้อย กับ แม่น้ำใสกริ๊งแต่ไม่ใช่แม่น้ำที่เป็นลักษณะยาวคดไปวนมา เป็นลักษณะเหมือนทะเลมากกว่าหรือเปรียบ กับอีกแบบคืนเหมือนตอนเราไปสระว่ายน้ำ ลอยคอกลางน้ำ น้ำใสกริ๊ง ไกลสุดตาหากลืมตา แต่ถ้าฝึกแบบหลับตาจะรู้สึกว่าน้ำมีลักษณะแคบกว่าตอนลืมตาครับ ควรเข้าถึงลักษณะนิมิตน้ำแบบไหนครับ ซึ่งทั้งสองแบบมีลักษณะใส บ้างก็มีคลื่นเล็กน้อย ส่วนการฝึกก็กลัวว่าจะทำได้แค่นี้ ใช้ประโยชน์ทางธรรมไม่ได้ครับ
    เพราะช่วงนี้ค่อนข้างจะฝึกได้บ่อยเวลาว่างช่วงการทำงาน ตอนขับรถ ตอนกินข้าว ตอนเดิน (เว้นตอนดูหนังกับสาวและฟังคลิปธรรมมะอย่างเดียวครับ)

    พี่มีทริกอะไรแนะนำผมเพิ่มเติมไหมครับพี่

    ปล.พี่ว่างวันไหนบอกนะครับ จะไปหาพระอาจารย์ที่สุดยอดท่านนั้นอีก ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จริงๆมันไม่มีอะไรหรอก ไอ้เดจาวู อะไรเนี่ย....
    ถ้าเห็นภาพในอดีต เราจะเรียกว่า อดีดคตังสญานอย่างอ่อน
    ถ้าเห็นภาพหรือเห็นการณ์ในอนาคตแล้วเกิดขึ้นจริง เค้าเรียกว่า
    อนาคตังสญานอย่างอ่อน......ซึ่งไม่ว่าจะเห็นอดีตหรืออนาตค
    มันสามารถเกิดได้ แม้แต่กับคนที่ไม่เคยฝึกสมาธิอะไรมาเลยได้ทั้งนั้นหละครับ......
    เพียงแต่พอเจอแล้ว ไม่เข้าใจไม่รู้ว่า ที่เห็นคืออะไร(เพราะกำลังสติทางธรรมไม่พอ)
    และก็ตามด้วยความอยากรู้ เห้ย ว่ามันคือ อิหยังวะ คือเป็นจังซั่นเน้อ ทำไม่ข่อย
    ถึงเห็นได้ มันคือหยัง เรียกว่าอะไร ๕๕๕๕๕ ก็เลยยิ่งห่างไกลความไม่รู้ไปใหญ่
    แท้แล้ว แค่เลิกสนใจ และมาเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นก็ทราบได้เองแล้ว...
    และจะรู้ได้เองทุกคนนั้นหละครับ......

    เด่วจะโม้ให้ฟัง.....จนถึงระดับใช้งานว่า ทั้ง อดีดคตังสญานและอนาคตังสญาน
    มันมีลำดับการเกิดอย่างไร........

    เอาอดีตก่อนนะครับ....
    ทั่วไปแบบไม่เคยฝึกอะไรมา หรือฝึกมาบ้าง เคยฝันบ้าง เคยเห็นผีมาบ้าง
    เห็นเงาแว๊บๆบ้าง จะเจอได้คือ...
    ๑.ไปเจอสถานที่ๆ ไม่เหมือนปัจจุบัน ไปเจอคนที่แต่งตัวไม่เหมือนปัจจุบัน
    ถ้าฝึกมาบ้าง ๒.จะย้อนไป ชาติโน้น นี่นั้น ตามลำดับชาติที่วางอารมย์ไว้
    ถ้าพอใช้งานได้ ๓.ดำริเอา แล้วก็ดูภายไปเรื่อยๆ แล้วแต่จะดูชาติไหน
    ย้อนได้ถึงยคุไดโนเสาร์ ไปดูซิว่า ไอ้ ไทรันโนซอรัส ที่ตามันเหมือนยีราฟ
    ทำไมสมัยนี้ ถึงมาทำว่ามันดุร้ายเหลือเกิน ๕๕๕
    แต่จะมีคำถาม ย้อนเพื่อ???
    หรือ กรณี เห็นผี ถ้าอยากรู้ผีตนนั้น มีอดีตอย่างไร.นะ...
    เห็นปุ๊บให้ตัดเลย แล้วก็เข้าไปอีก
    ก็จะเห็นผีตนเดียวกันนั้นเปลี่ยนไปอีกแบบ ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
    ก็ตัดอีก เข้าอีก ก็จะเห็นไปเรื่อยๆ....
    เป็นที่มา ทำไม พระอาจารย์หลายๆท่าน
    ถึงบอกได้ว่า ผีตนนี้ เคยเป็นอะไรมานั่นหละ...พอนึกออกไหม.....
    นี่คือ ใช้งานปกติ ในระดับโปรซีรีย์ เรื่องนี้จะเร็วมาก...


    ส่วนการเห็นอนาคต จะเริ่มจาก
    แบบที่ไม่เคยฝึกอะไรมาเลย จะเจอแบบนี้
    คือ เริ่มจากหลักปี หลักเดือน หลักวัน ชั่วโมง มาปัจจุบัน
    (ซึ่งช่วงนี้ถ้าไม่ทิ้งมักจะเกิดอย่างนั้นจริงๆ)
    แล้วก็มาเริ่มรู้จาก ปัจจุบัน ไปชั่วโมง ไปวัน ไปเดือน ไปปี ไปชาติต่อไป
    ไปชาติอีกหลายชาติ แล้วแต่....ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้
    คาดเคลื่อนได้ด้านเวลา ยกเว้นในการใช้งานระดับอัตโนมัติ
    จะคลาดเคลื่นไม่นาน มักจะเจอในระดับพระเกจิมีชื่อทั้งหลาย.....

    แต่ที่เล่ามาไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้า
    ไม่ดูอดึตแล้วระลึกว่า เราพลาดตรงไหนถึงต้องมาเกิดอีก
    และถ้ารู้อนาคตแล้วประมาทในปัจจุบัน
    คือ ถ้ารู้ว่าอนาคตไม่ดี ก็แก้ปัจจุบันซะ พอเข้าเนาะ..

    ปล.อดีตอย่าระลึก การชอบย้อนระลึกอดีต มันฟ้องว่า เราเริ่มแก่ ๕๕๕
    การพูดถึงแต่อนาคต มันฟ้องว่า เราจะเริ่มเข้าข่ายเพ้อเจ้อ
    ดังนั้นเอาปัจจุบันก็พอ นี่หละ....
    ที่เล่าๆมา ทั้งหมด เพื่อความบันเทิงเท่านั้น...
     

แชร์หน้านี้

Loading...