กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

Tips & Tricks
หน้า 7 ลำดับที่ #128(ต่อ)
nopphakan post

อีกเสียงที่ต้องระวัง คือ
เสียงสูงแต่เรียกชื่อเราเอง
แบบรู้กันสองคน
(ตัวใครตัวมันนะครับ ๕๕๕)

คือเสียง ต้นกำเนิดจากคลื่นๆ คลื่นจากไหน
ก็คลื่นที่สร้างจากตัวจิตเราในสภาวะบังเอิญชั่วคราว
กับคลื่นที่ส่งมาจากภายนอก
ที่พยายามส่งเข้ามาเชื่อม
กับตัวจิตเรานั่นหละครับ
แต่ว่าตำแหน่งที่เข้ามาในกายนั้น
มันพอจะบอกได้ว่า
เป็นคลื่นความถี่ระดับไหนครับ....

ถ้าเป็นแบบ...
๑.มาทางด้านซ้ายใกล้หู
ในระดับเดียวกับหู
คือต้องการกำลังบุญอย่างแรง
เสียงพวกนี้จะไม่ค่อยชัด
พูดเหมือนคนไม่มีแรง พูดได้สั้นๆ
ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำบุญให้เลย
จัดไป ๕ ดอกครับ(ทำบุญนะ)

แต่ถ้าด้านซ้ายใกล้หู
แต่อยู่ต่ำกว่าใบหู นั่นบอกว่า
ตายมานานมากแล้วต้องยิ่งรีบทำบุญให้...
ไม่ใช่ใกล้หูขวาแต่อยู่เหนือหูหน่อยเดียวนะ
นี่ก็ตายมานานแต่พอมีกำลังบุญนะครับ
เข้าใจที่พูดเนาะ...

๒.เสียงที่มาทางด้านขวา
จะเป็นดวงวิญญานที่พอมีกำลังบุญ
ทำไมถึงมาทางด้านขวาหละ.
ก็เพราะคลื่นมันเป็นพลังงานครับ
มันจะมีเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดพลังงาน
ส่วนหนึ่งมันจะมาจากธาตุเหล็ก
ที่อยู่ในเส้นเลือดดำด้านหลังขวาเรา
ถ้าไม่เชื่อ ลองเอามีดกรีดดู
จะพบแต่เส้นเลือดดำด้านนี้ ๕๕๕

เวลาที่เราจะสัมผัสเสียงได้
จิตมันจะมีความเป็นทิพย์ชั่วคราว
ซึ่งสภาวะนี้ มันจะตัดร่างกาย
ในส่วนที่เป็นธาตุออกชั่วคราวเหมือนกัน
มันเลยจะเข้าถึงธาตุเหล็ก
ที่อยู่ในกระแสเลือดดำเราได้
ถ้ากำลังไม่มากพอ
แล้วมาทางด้านขวา
ผลก็คือจะถูกดูดนั่นเองครับ
เล่าให้ฟังเชิงวิทย์
เพราะจริงๆมันไม่มีอะไรพิศดารครับ...

๓.เสียงทางหูขวา
แต่เส้นเสียงขนานกับหูเรา เข้าตรงกลางหู
นั่นคือ คนที่เราเคยรู้จักในชาตินี้
แต่ชิงเปลี่ยนภพภูมิไปก่อนครับ

๔.ถ้าเสียงเรียก มุมขวาบน เสียงดังฟังชัด
เป็นท่านที่จะมาสอนเราในชาตินี้
หรือแวะมาทักทาย แบบชั่วคราว

๕.เสียงผุดจากกลางจิตเราเอง
เป็นสภาวะจิตเราเอง
ที่จะพยายามพ้นสภาวะธรรมที่ทำเราติดขัด
หรือเพื่อบอกหลักธรรมที่จะก้าวข้าม

๖.เสียงระดับกลางหน้าอก
เป็นระดับไม่เกินเทพ...

๗.เสียงระดับกลางกระโหลก
เยื้องขวานิดเดียว เบาๆ เป็นระดับพรหม

๘.เสียงตรงกลางกระโหลกเลย
เบา นิ่ม ได้ยินทั้งประโยค
แต่เราฟังเป็นพยางค์เดียว
คืออะไรที่สูงกว่า พรหม...

๙.เสียงมาทางหูด้านซ้าย
คุยได้เรื่อยๆ อย่าไปสนใจ
พวกนี้เป็นเสียงของพวกผีมีฤทธิ์
กึ่งๆประมาณตำหนักทรง..

๑๐.เสียงเรียกทางด้านหลังเหนือศรีษะ
เป็นระดับครูบาร์
อาจารย์มีชื่อในอดีต ที่จะมาสอนเรา....

๑๑.เวลาสัตว์คุยกัน พวกตัวเล็กๆ
มันจะเอาอวัยวะแตะกัน
ตอนที่แตะกันนั่นหละ จะเกิดคลื่นเสียง
จะแปลเป็นภาษาให้เราเข้าใจได้ว่า
มันคุยอะไรกันครับ
พวกนี้จะคุยวนๆอยู่ไม่กี่คำหรอกครับ
..เช่น ไปไหนมา ทำอะไร ฯลฯ ๕๕

ที่พูดมาข้างบนนี้
เป็นแค่กิริยาที่เกิดขึ้นได้ปกติ
ไม่มีผลต่อความดีของจิต
ไม่มีผลต่อความสามารถทางด้านเสียง
ยกเว้นว่า เราจะได้ยินเสียงผีคุยกัน
เหมือนชาวบ้านปกติคุยกัน
ถึงจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านเสียงได้ครับ

ดังนั้น ที่เล่ามาทั้งหมด
ให้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ทั่วไปที่ใครก็จะเจอได้ครับ

ปล.ตาดีแค่ไหน เสียงดีเท่านั้นครับ
มันเป็นบางคนครับ..

 

ขอขอบคุณเจ้าของคลิป
*คลิปทรงคุณค่า*

แสง สี เสียงทุกอย่างคือพลังงาน
คลื่นความถี่เดียวกันจะอยู่ด้วยกัน

คนที่มีพลังงานเหมือนกัน
คิดเหมือนกันจะได้อยู่ด้วยกัน

แล้วคุณละ
กำลังอยู่ที่ไหน?
กับใคร?



ปล.
ทุกท่านมีมุมมองอย่างใดหลังจากชมคลิปนี้
....โดยเฉพาะท่านอาจารย์นพ
ขอบคุณครับ

 

แล้วถ้าเป็นใครบางคนในอดีตที่ไม่สามารถมาเกิดในภพภูมิเดียวกันได้ ส่งกระแสความคิดถึงมาล่ะ


จะทำไงดีเน้อ

 

ถ้าพูดถึงมังกรกับพยานาค ที่เข้าใจน่าจะตระกูลเดียวกันนั่นหละครับ
บางก็ว่าชนิดเดียวกัน หรือในระบบภพภูมิเดียวกัน
เพียงแต่ต่างที่ ต่างถิ่นรูปร่างก็ปรากฏตามสัญญา

อย่างมังกรที่เด่นสุดคือ มีขา เขา และหนวดครับ
อย่างมังกรชิวเล้งเนี่ย สีใสนะครับ
และก็ไปไวมาไว้มา เร็วปานจรวด
ชอบแอบซ่อนตัวอยู่ตามก้อนเฆข ประมาณนี้
ลำตัวยาวมากๆ

แล้วก็มีมังกรทอง เวลาปรากฏบนโลก
ลำตัวจะเป็นคล้ายๆละอองสีทอง กระจายๆ
เคลื่อนไหวช้าๆ


ถ้าอย่างบ้านเราพยานาค เท่าที่ทราบ จะมีพยานาคภูเขา กายสีดำ
ปกติเวลาปรากฏตัวจะรูปร่างใหญ่มาก ถ้าเป็นคนหน้าตาจะออกคมๆดูดุๆหน่อย
พยานาคที่ดูและพุทธสถาน สีเขียว รู้ๆทั่วไปที่ชอบช่วยคน
สามารถปรากฏได้หลายรูปแบบ ชีวัดแน่นอนได้ยาก
เกี่ยวกับเรื่องโชคลาภ ทำมาค้าขายด้วย
พยานาคที่ชอบทำบุญ สีขาวล้วนๆ สังเกตุง่ายๆชอบมาแบบชุดขาว
แบบคนที่แต่งตัวไปวัด แต่งกายหลวมๆหน่อย
พยานาคที่ มีสีขาวปนทอง มีความสามารถในการรักษาโรคได้
เป็นกลุ่มพยานาคที่มีวิชาเดินธาตุโบราณ เป็นแนวคล้ายๆทาง นักพรต
ทางฤษี แต่ว่า จะเป็นชุดขาวนะครับ
พยานาคดูแลท้องฟ้าก็สีขาวบางทีก็ปนสีฟ้าบ้าง ส่วนตัวยังไม่เคยเจอตอนปรากฏเป็นคน
ส่วนพยานาคดูแลแม่น้ำ หลายสีหน่อย มีแดง เขียว ฟ้า ปนๆกัน
พยานาคสีแดงล้วนๆก็มี
ส่วนพยานาคสีออกน้ำตาลๆ(ความจริงมีฟ้า มีแดงปน)
เป็นลักษณะที่เฝ้าสมบัติอะไรซักอย่างอยู่

ส่วนตัวยังไม่เคยปรากฏว่า มังกรจะปรากฏอีกกายเป็นคล้ายๆมนุษย์
แต่พยานาคที่เล่ามาทั้งหมด สามารถปรากฏเป็นคล้ายมนุษย์ได้
อย่าง สีขาว ก็เหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป ที่ชอบห่มขาว ปล่อยผมเรียบๆธรรมดา
แต่พอเป็นพนานาคก็จะมีลำตัวสีขาวหมดทั้งตัว
ทางด้านหงอน บนศรีษะ ก็มีขนาดเล็กใหญ่ต่างๆกันไป....

คือ สีก็คือ สิ่งที่ตนเองได้เคยบำเพ็ญมานั่นหละครับ...
แต่ในภูมิ พยานาค ที่ฝ่ายภพภูมิยอมรับกัน
ก็คือ วิชาเดินธาตุโบราณ ที่ใช้การตั้งธาตุ
น้ำ ดิน ไฟ ลม กลางอากาศ แล้วใช้หน้าอกบังคับเข้ามานั้นหละครับ
ถ้าเดินธาตุในดง จะใช้หน้าฝากบังคับ ไม่ได้กำหนดว่าธาตุอะไรแน่นอน
แต่อย่างน้อยๆ ก็ น้ำ ดิน ไฟ ลม อากาศ
ส่วนวิชาเดินธาตุ สายอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ
ก็ใช้การตั้ง ๑๐ ธาตุ บนอากาศก่อน แล้วใช้จุดเหนือสะดีอในการบังครับ


ซึ่งจุดเหนือสะดือ นี้ ก็ได้ถูกเอามา ใช้ ในวิชาเฉพาะของหลายสาขา
บางที่ ก็บอกว่า เป็นฐานของจิต แต่จริงๆมันเป็นฐานเริ่มต้นที่ใช้
ในการฝึกกรรมฐานกองนั้นๆ ไม่ใช่ ฐานของจิตที่อยู่ในกาย
เวลากายกับจิตมันแยกขาดจากกันเด็ดขาดชั่วคราว ตรงลิ้นปี่นะครับ
ฐานของจิตจริงๆเราจะดูตรงนี้

วิชาเฉพาะก็เอามาฝึกได้อยู่ แต่มันจะไปได้ทางด้านภายในแทน
แต่ว่ามันจะไม่ได้ทางด้านกำลังจิต เพราะว่า มันเริ่มต้นด้วยการกำหนด
จุดและสร้างภายในกายขึ้นมาก่อน มันจะต่างจากการที่ไปตั้งธาตุภายนอกหรือขึ้นรูป
ภายนอกก่อนแล้วบังคับเข้ามาในกาย พวกนี้ถึงจะได้ทางกำลังจิต
จากการที่พยายามลดรูป หรือ ปั่นธาตุให้รวมกัน แล้วดึงเข้ามาที่กายนั่นหละ

อย่างวิชา ทางหลวงพ่อ ส วัด ปากน้ำนะ ไม่ใช่แถวๆคลองนะครับ
เริ่มตั้งในกายเพราะว่า จะใช้หลัก ในการเริ่มซ้อนกายพระจากจุด
ที่กำหนดในร่างกายๆขยายออกไปเรื่อยๆ ซ้อนกันไปเรื่อย
เป็นอุบายในการเข้าถึงพระนั่นเอง....
แต่ที่สำคัญอย่าไปยึดนามธรรม ไม่งั้นเสร็จและอาจจะหลงสภาวะได้

ส่วนทาง จ.อุทัย นั้น ก็ใช้อุบายเดียวกัน
ในลักษณะที่รู้เห็นได้ในใจ คล้ายตาเห็น
ก็เพื่อคงอุบาย ให้พระอยู่ในกายอยู่เป็นเบื้องต้นนั่นเอง
ทั้ง ๒ หลักการนี้ จึงต้องมาเน้นวิปัสสนาตัดร่างกายให้มาก
เพราะไม่งั้น โอกาสจะหลงตัวเองค่อนข้างสูง

คือ ปกติถ้าแยกรูปแยกนาม เดินปัญญามาก่อน
มีกำลังสมาธิสะสมมาบ้าง
แล้วค่อยมาฝึกอะไรพวกนี้ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
แต่ส่วนมากไม่ใช่ เน้นฝึกก่อน ค่อยว่ากัน..

พอเกิดกิริยาต่างๆนา พอเห็นนามธรรมอะไรแล้ว
ไม่มาตัดร่างกาย มาวิปัสสนาต่อ ก็เลยจะหลงสภาวะ
ไปหลงในนามธรรม จนเผลอดึงเข้ามา สร้างเป็นอัตตาตัวเอง
ก็จะหลงตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่นี้หละบอกยากเลย...
ที่ในวงการเรียกว่า เฝื่อ นั่นเอง...

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดู ปฏิปทา ของผู้ถ่ายทอดหลักด้วย
ว่าเน้นเรื่องอะไร ห้ามอะไรไว้ ผู้ที่จะเรียนรู้
ควรทำความเข้าใจให้ดีในเบื้องต้น.....
แต่ส่วนมาก มักจะทำตรงกันข้าม
เลยไม่สามารถ ที่จะต่อ ในอีกระดับได้....


เรื่อง อดีตชาติ ไม่ว่าจะเคยเกิดเป็นใคร
หรือมีความสามารถที่จะย้อนอดีตได้ ถึงยุคไดโนเสาร์ก็ตาม
แนะนำว่า อย่าไปสนใจเลย เอาปัจจุบันก็พอ

เพราะการย้อนอดีต ที่มีประโยชน์จริงๆ ต้องการให้เรารู้แค่เพียงว่า
เราไปพลาดอะไรตรงไหน ทำไมถึงยังต้องได้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

ณ ปัจจุบัน ตัวเรา จิตเรา ไปผูกพันธ์ กับภูมิอะไร มากไปถึงขนาดที่ยึด
เวลาเราตาย ตัวจิตเรามันก็จะไปภูมินั้นนั่นหละครับ

เพราะฉนั้น ไม่ว่า จะดีหรือไม่ดี เราเคารพนับถือได้หมด
แต่ไม่ควรที่จะไปยึดมั่นถือมั่น

การปฏิบัติบูชาที่ดีที่สุดคือ การปล่อยวาง นั่นเอง.....
เพราะไม่งั้น มันจะยังต้องทำให้เราเป็นไปตาม
วิบาก จริต อนุสัย อย่างใดอย่างหนึ่งได้อยู่
ซึ่งจะเป็นตัวขวางทำให้เรายังไม่พ้นได้.....

นัยยะ ส่งท้าย จากท่านผู้เป็นเลิศด้าน
พลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมบอกว่า
''โสดา ฟัง
สกิทา อีกครั้ง
อนาคา ไม่พึ่งอีก
อรหันต์ ดำเนินชีวิตที่ดี...''
เป็นพิจารณากันเอาเอง..........

ปล. แค่เพียงแต่เล่านิทานให้ฟัง......

 

เอ๊า ถามแบบนี้ เด่วต้องโม้ทับถมคืนซะหน่อยแระ ๕๕
ต่อไปนี้ คือ การโม้
สมมุติว่า มีใครบางคน สามารถ
ทำวัตถุให้ขวดมันลอยได้
แรกๆอาจจะคิดว่ามายากล
สไตล์นักวิทย์ฯ ก็จะค้นหาคำตอบด้วยการทดลอง
แล้วทดลองอีก เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ได้ว่า ขวดมันลอยได้อย่างไร
เช่น ใช้เชือกพิเศษ ใช้ไอน้ำ ใช้แรงลม ฯลฯ ก็ว่ากันไป
แต่ว่า พอมาเจอคนนั้นอีก คนนั้นก็สามารถทำให้ขวดลอยได้อีก

เค้าก็จะเริ่มมาวิเคราะห์ในอีกมุมหนึ่งแระ
เพื่อที่จะพยายามค้นคำตอบต่อไป
ซึ่งได้พบได้ว่า
๑.สายตาเราปกติก็จะมองเห็นแต่วัตถุที่ลอยได้
และ ๒. สายตาปกติก็จะไม่สามารถ
มองเห็นสิ่งที่ทำให้วัตถุนั้นลอยได้เลย
ดังนั้น กรณีนี้ จะพอสรุปได้ว่า
สายตาปกติเราจะมองเห็นแค่ผลของมัน
ก็คือ มองเห็นว่าวัตถุนั้นลอยได้....

แล้วเหตุหละมันคือ อะไร... สังเกตุไหม มีผล แล้วค้นหาเหตุ

โม้ในมุมทางวิทยาศาสตร์ต่อเพื่อที่
จะหาเหตุมารองรับการลอยได้
ให้ฟังบ้าง ซึ่งที่พอน่าจะเชื่อได้
มันดันไปเกี่ยวข้องกับ เรื่องของอนุภาค (ปวดหัวแระ)

อนุภาคที่ปัจจุบันที่นักวิทย์จะพอรู้จักกัน มี ๒ แบบ
แบบแรกเป็นอนุภาคที่เป็น
องค์ประกอบของสะสาร (matter particles)หมายถึงคุณสมบัติมัน
ทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า Fermions (เฟอมิอ้อน)
เป็นอนุภาคที่ต้องใช้พื้นที่ ซึ่งมันไม่สามารถที่จะ
แทนที่กันในต่ำแหน่งเดียวกันได้เลย
เช่น ขวดๆหนึ่งไม่สามารถที่จะเอามาซ้อนทับ
อีกขวดที่วางอยู่ที่เดียวกันได้


คือมันไม่สามารถรวม
กลายเป็นขวดเดียวที่เราจะ
เอามาวางไว้ต่ำแหน่งเดียวกันได้นั่นเอง
มันจะเป็นขวดสองขวด
โดยที่อีกขวดหนึ่งต้องใช้พื้นที่อีกต่ำแหน่ง

จึงกลายเป็นที่มาของการกำเนิดสะสารต่างๆ
ที่กลายมาเป็นวัตถุต่างๆ รอบกายเรา
มีขนาดแตกต่างๆกันไป
ที่พูดรวมหมายถึง ดาวต่างๆอะไรด้วย
ไม่ใช่เฉพาะวัตถุที่อยู่รอบกายเรา
ถ้าสังเกตุดูจะพบว่า
พื้นที่มันจะมีความเกี่ยวข้อง เช่น
ขวดอีกใบต้องวางอีกพื้นที่หนึ่ง
ข้างขวดใบแรก
และถ้าอนุภาคยิ่งเล็กมากหรือมวลน้อยมาก
ก็จะรู้สึกว่า ต้องใช้เวลาในการเคลื่อนที่ หรือใช้ระยะทางมากกว่า
เนื่องจากปริมาณของพื้นที่แตกต่างกัน
เช่น ถ้าตัวเท่ายักษ์ เดินจาก กทม ไป รังสิต
กับ ตัวเท่าแมว เดินจาก กทม ไปรังสิต นี่คือข้อแตกต่างๆ เรื่องความรู้สึก
นี่คือ ทั่วๆไปพอมองเห็นภาพเนาะ


และอีกอนุภาคหนึ่ง ที่รู้จักกันในทางวิทย์ฯ
ที่เป็น สื่อ นำแรง (Force carriers)สื่อนำแรงหมายถึง
คุณสมบัติของมัน
หรือที่เรียกว่า Gauge bosons (มักเรียกกัน ว่า บัวซอน)
เป็นอนุภาคที่สามารถที่จะซ้อนทับกันได้
และไม่ใช้พื้นที่ในการดำรงอยู่ อย่างแปลกประหลาดมาก
และที่สำคัญสามารถรวมตัวกัน
เป็นสนามแรงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ได้อย่างน่าอัศจรรย์
แต่ว่ามันก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปกติ งงๆไหม

ยกตัวอย่าง ขวดที่ ๑ วางอยู่บนพื้นที่วงกลมหนึ่งขนาดฐาน
ของขวดก็เท่ากับพื้นที่วงกลมนั้น แต่เราจะสามารถเอาขวด
อีกกี่ใบก็ได้ มาวางบนพื้นที่วงกลมนั้นได้ ไม่จำกัด
สามารถวางซ้อนทับกันได้เรื่อย นี่หละความประหลาด
ของอนุภาค ที่เรียกว่า บัวซอน.....
สังเกตุไหมว่า พื้นที่ มันมีผลอะไรเลย
ดังน้นเมื่อพื้นที่ไม่มีผล ระยะทาง ก็ไม่เกี่ยว
การเคลื่อนที่ของมัน ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับระยะทาง
และถ้าไม่มีการเคลื่อนที่ ไม่มีระยะทาง ก็ไม่เกี่ยวกับเวลา นั่นไง......
เมื่อไม่มีระยะทางไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเคลื่อนที่ ไม่เกี่ยวกับเวลา
ดังนั้น การเดินทางไปไหนของมัน
ก็ไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง และ เวลานั้นเอง
ดังนั้น มันจึงไม่มีระยะระหว่าง กทม ไปรังสิต
และไม่มีเรื่องเวลาที่จะเดินทางระหว่าง กทม ไปรังสติ
เลยไม่มีเรื่อง ความรู้สึก ที่เกี่ยวข้อง กับ ปริมาณพื้นที่
ว่าใกล้หรือไกล..นั้นเอง ฮั่นแน่ เห็นอะไรหรือยัง


ปล. พอนึกออกหรือยังว่า ทำไมครูบาร์อาจารย์เสกเป่า
ส่งกระแส ส่งพลังงาน รวมพลังงานโน้นนี่นั้นได้
เพราะมันเป็นอนุภาคในลักษณะนี้นั่นเอง
และทำไมพลังงานแบบนี้ มันส่งกันข้ามทวีป ข้ามอะไรได้
ที่เล่าแบบคร่าวๆพอให้เห็นภาพ ในเชิงวิทย์
พุทธฯเรา ทำกันมาแล้วตั้งแต่ยุคพุทธกาลแล้วครับ
การปรากฏเป็นกายอีกกายหนึ่งนั้น
พิจารณาดีๆ ว่าเป็นอนุภาค แบบไหน
เราก็จะเกทได้เอง...ว่าทำไมเราเห็นได้ อะไรอย่างนี้...

นิทาน...เชิงวิทย์ พอขำๆ..

 

ก่อนอื่นขอเล่า"ความบังเอิญ"ให้ฟัง
เพราะชีวิตผมมักพบแต่เรื่องบังเอิญ555

*ความบังเอิญที่ 1*
ผมได้รับ*คลิปทรงคุณค่า*
เกี่ยวกับพลังงานแสงสีเสียง(ทางไลน์)
เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผมลง...

Tips & Tricks
หน้า 7 ลำดับที่ #128(ต่อ)
เรื่องของพลังงานคลื่นเสียง
ที่ท่านอจ.นพ ลงไว้
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2518

*ความบังเอิญที่2*
ปกติผมจะลง Tips&Tricks
ม้วนเดียวจบ..ไม่แบ่งเป็น2ตอน)
แต่วันนั่น....
ผมเห็นว่าสาระดีๆยาวเกินไป
และที่สำคัญเพราะ...
ท่อนบนพูดเรื่องดวงวิญญาณ"ผี"
ท่อนล่างพูดเรื่องพลังงาน"เสียง"จากสิ่งเร้นลับ
Tip จึงถูกแยกย่อยออกมา...
...เพื่อรอลงวันหลัง

จึงถือเป็นจังหวะเวลา"อันเหมาะสม"
ที่สองเรื่องราวที่คล้ายกัน
...บังเอิญมาจ๊ะเอ๋กันโดยไม่ได้ตั้งใจ

แต่ที่เฮฮาวาทีคือ...
อันหนึ่งเป็นสายวิทย์
อีกหนึ่งเป็นสายลี้ลับ

แต่ได้ข้อสรุปที่ไม่ต่างกันคือ
"แสง สี เสียงทุกอย่างคือ พลังงาน
คลื่นความถี่เดียวกันจะอยู่ด้วยกัน
คนที่มีพลังงานเหมือนกัน
คิดเหมือนกันจะได้อยู่ด้วยกัน"

 

K.Higtmax ถามจากคลิปแสงสีเสียง

ผมคิดว่าจาก Tips & Tricks #128 ข้างบน
เรื่องเสียงเร้นลับมีทั้งหมด 11 ข้อ
น่าจะมีคำตอบในข้อใดข้อหนึ่ง
แต่คาดว่า "น่าจะเป็นข้อที่ 3"

"นี่คือความบังเอิญ"ที่ลงตัว
...ที่ถามมาพอดี

**อาจจะไม่ตรงคำถาม**
5555
...

///จึงต้องรอคำชี้แนะ...
จากท่านอจ.นพ นะครับ///

 

ทั้งหมดข้างล่างนี้
น่าสนใจมากๆครับท่านอจ.นพ
"ฝากไว้ก่อน"
**ขอบคุณมากๆครับ**

7.30 มีนัดครับ
28-30 เที่ยวไปทำบุญไปครับ

********************
********************
*****
ทั้งหมดได้กี่ดาว
ว่างๆลองนับดู
หวยอาจออกที่ตรงนี่
5555 กินเรียบ

ไว้กลับมาผมจะแยกย่อยถามนะครับ
*หรือใครจะช่วยๆกันถาม*
ก้อจักรขอบคุณหลายๆ

ปล.คลิปทรงคุณค่าที่ส่งมา
ต้องดับเบิ้ลคลิ๊กที่ภาพนะครับ

...เช้านี้ลองคลิ๊กเพื่อความชัวร์...ถึงรู้
5555 อิเหนาสอบตกเอง

 

เหมือนเรียนฟิสิกส์ รวมเข้ากับ ศาสตร์ลี้ลับ
เป็นความลงตัวเหมือน ขนมชั้น เลยคะอาจารย์
มีความยืดหยุ่น หอมหวาน ลงตัว อย่างมาก
อ่านรอบนี้คือเข้าใจทันทีเลย

วันนี้มีเรื่องเล่าปนเศร้า มากมาย
เมื่อวันที่27 ในเช้านั้น ตื่นมาพร้อมกับฝันแปลก
ไปทำตัวเป็นคนเกะกะในโรงพยาบาลที่หนึ่ง
เห็นพยาบาล คนไข้ ซึ่ง ห้องนี้น่าจะเกี่ยวกับ
การผ่าตัดสมอง เพราะมีพยาบาลนางหนึ่ง
ชวนเดินไปดู ผลการสแกนสมอง ของหญิงแก่คนหนึ่ง
ซึ่งมีสีดำๆ ตรงจอสแกน
แล้วเราก็ถูกสั่งให้ล้างขี้ เหยี่ยว ให้คนไข้
ภายในห้องอุปกรณ์การแพทย์ เพียบ

ตื่นมางง กับตัวเอง แหม่จะเข้าพรรษา
ฝันประหลาดเชียว

แต่มาเช้านี้ ได้รับข่าว
ว่าย่า ลื่นล้มในห้องน้ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
ค้าดว่า คงสู้กับความเจ็บปวดได้ไม่นาน
สมองไม่สั่งการ เห็นอา น้องชายพ่อเจนว่ามาแบบนี้

วันนี้ก็ภาวนา ในใจ ถ้าย่าหมดกรรม แล้วจากไป
เจนคงได้เห็นพ่อร้องไห้ก็ งานนี้ละคะ

 

เมื่อกลางวันนี้ผมฝันเห็นพญานาครูปเหมือนเทวดา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ท่านให้พลอยพญานาคมาด้วย รู้ในฝันว่าเป็นพลอยจากสมาธิ มีผู้หญิง 4 คนใส่ชุดไทย คนแรกให้สีแดง คนที่สองให้สีม่วง คนที่สามให้สีฟ้า คนที่สี่ให้สีเหลือง แต่รู้สึกว่าท่านจะชอบคนที่สามที่สุด สงสัยจะเป็นท่านท้าววิรูปักษ์หรือเปล่า เพราะพึ่งเคยเอ่ยปากขอบารมีท่านคุ้มครองครั้งแรก หรืองวดนี้จะถูกเลขอีกนะ

 

ไปสิบเอ๊ด รด มา
แวะไปรับคำสอน
สยบความแสดงกล้ามมา
สองดอก ๕๕

มีเรื่องสนุกตรงได้ช่วยดู
แม่ชี ๓ คน ที่เค้าไป
นวดกับแม่ชีรุ่นยาย
อีกคนที่รับนวดและ
รักษาทั้งพระทั้งชี

คนหนึ่งไม่ยาก
เพราะมีพื้นฐานเคยฝึก
โน้นนั่นนี่มาก่อนเป็นระดับ
ที่แม่ชีทั่วไปเรียกว่า แม่

อีกคนใช้เวลาหน่อย
เพราะเป็นมาเรื้อรังมานาน
และก็ค่อนข้างเชื่ออะไรยาก
คือถ้าไม่เจอประสบกับตัวเองเนี่ย
จะไม่เชื่อ

แต่เด็ดสุด คือ แม่ชีสาวสวย(เป็นคุณหมอนะ)
ที่แบบว่า ๓ วันดี ๒ วันไข้
เรียกว่าคนละบุคลิก คนละอารมณ์
เป็นที่งงในบรรดาเพื่อนๆด้วยกัน
เคสนี้แบบว่า โดนแทรกมา ๓ ปีแล้ว
เหตุจาก มีคนเจตนาไม่ดี
เอาของไม่ดี พวกคุณไสย์
ปนๆมาในอาหาร
ที่ถวายพระฯทำโรงทาน
มาให้รับประทาน
เคสนี้ก็ถือว่าสนุก
เพราะทั้งยายที่มีวิชาที่นวด
กับแม่ชีมีวิชา ท่านเอาไม่อยู่
คือพอช่วยได้แต่ไม่จบ
พอดีนอนพักเล่น อยู่กุฎข้างๆ
คนคนรุมล้อมอยู่
ก็เลยได้มีโอกาสได้ช่วยเข้าไปดู

จริงๆสวยๆโดนผีแทรกแก้ไม่อยากเลย
แค่จับมาตบจูบ ตบจูบ ก็หายแล้ว
เห้ยยย !! ไม่ใช่แระ ๕๕๕ พูดไปเรื่อย
ก็ดูไปตามไปอาการ ความเหมาะสมนั่นหละ
ไม่มีอะไรหรอก เล่าให้ฟัง พอขำๆ

ช่วงนี้ อยู่ในช่วงสิบเอด รด
เน้นขับรถชมวิวไปเรื่อย. ^_^

 

"...แต่มาเช้านี้ ได้รับข่าว
ว่าย่า ลื่นล้มในห้องน้ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
คาดว่า คงสู้กับความเจ็บปวดได้ไม่นาน
...สมองไม่สั่งการ"


*ก่อนอื่น...ขอแสดงความเห็นใจ*
...ขอให้บุญที่เคยสร้างสมไว้
...เข้ามาช่วยเยียวยารักษาในอีกทางครับ

"นี่คือความฝันที่เป็นจริง
ความฝันแบบเทพสังหรณ์"

เกิดจากการดลบันดาลของเทพเทวดา
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หนึ่งมาแจ้งเหตุล่วงหน้า
บางครั้งอาจเป็นภูตผีแกล้งให้เราตกใจเล่นๆ

หากเป็นเทวดาที่รักใคร่สงเคราะห์ตน
ก็จะมาบอกเรื่องที่อาจเกิดขึ้นให้รู้ก่อน
โดยเฉพาะแบบเทพสังหรณ์มักจะแม่น
...อย่างไรก็ตามความฝัน
ก็อาจเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง

 

ทริปกึ่งบุญ-กึ่งท่องเที่ยว

 

555...อ่านแล้วสนุกดีครับ
ได้ข้อมูลเพียบ-ความรู้มากมาย
อะไรที่ไม่รู้มาก่อน...
ก้อรู้จากท่านอจ.นพ นั่นแหละครับ

ผมความรู้น้อยนิด
จึงขอถามเรื่องคลิปครับ

การที่นำลูกพล๊าสติกกลมคละสีรวมกัน
แล้วเทลงไปในเครื่องมือ(ตามคลิป)
สีต่างๆมันแยกสีได้เอง
*เท็จจริง*มันเกี่ยวกับอนุภาค โมเลกุล
หรือพลังงานชนิดใด

...ดูจากภาชนะตามคลิป
ดูคล้ายการออกหวยล๊อตเตอร์รี่ในกาลครั้งหนึ่ง
คือใช้มือหมุนๆๆ...หมุนๆๆ
แล้วลูกบอลพล๊าสติกกลมใสตกลงไปในช่องเอง

แต่พอเห็นคลิปนี้แล้ว
...ชวนให้สงสัยเหมือนกัน???

 

ว๊าว จ้าบ !
โดนใจทุกวรรค-ทุกประโยคทข้างบน
(ในลำดับที่# 589)

*คงจำไว้เพื่อนำมาใช้*

------------------------------------------
(คำถามสงสัย)
------------------------------------------
ผมขอถามท่านอจ.นพข้างล่างนี้ครับ

นัยยะ ส่งท้าย จากท่านผู้เป็นเลิศด้าน
พลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมบอกว่า
''โสดา ฟัง
สกิทา อีกครั้ง
อนาคา ไม่พึ่งอีก
อรหันต์ ดำเนินชีวิตที่ดี...''
เป็นพิจารณากันเอาเอง..........

**ไม่เข้าใจ...ไม่ทราบว่า...
ท่านอจ.นพต้องการสื่ออะไรครับ**

เท่าที่รู้ โสดาคือ ผู้ฟัง กระแสธรรม

สกิทา...อีกครั้ง...(ตรงนี้ไม่เข้าใจครับ)

เคยได้ยินแต่พระสกิทาคามี

แล้วพระสกิคามี...
...ต่างกับพระโสดาบันอย่างไรครับ

ส่วนอนาคา รู้แต่ว่าผู้ละทิ้งทุกอย่าง

“อนาคา...ไม่พึ่งอีก” ???(งงครับ)

“อรหันต์ ดำเนินชีวิตที่ดี” ?(ช่วยขยายครับ)

ขอบคุณมากๆครับ

 

ตามรูปคือพญานาค 5 เศียร

สีแดงหรือน้ำตาลแดง

...ไม่ทราบว่าเฝ้าสมบัติอะไร
ที่อาจซ่อนอยู่ใต้ฐานอุโบสถ
ลึกลงไป ลึกลงไปๆๆๆๆ

 

เจนชอบภาพนี้จังเลยคะ

 

ฝันถึงพญานาคท้าววิรูปักษ์
ได้รับพลอยพญานาคด้วย
จึงขอให้โชคดี ร่ำรวย ถูกหวยในงวดนี้อีก
งวดนี้มี 4 ไหมหนอ
ท่านให้ "ให้ คือ ห."
55555555 (หัวเราะชอบใจครับ)



พลอยนี้ได้จากผู้ใหญ่ที่นับถือ
15 ปีแล้วมั่ง

ตอนที่ให้มา..เขาบอกเป็นพลอยพญานาค
ได้จากฤาษีที่อยู่ในถ้ำ(ผมจำชื่อไม่ได้)
เพราะผมไม่ใส่ใจเลย
เห็นสวยดีจึงเก็บไว้เฉยๆ

น่าจะเป็นประเภทหินสี(ไม่ใช่พลาสติก)
เพราะมีน้ำหนักประมาณหิน

วันนี้ไปค้นหามาประกอบความฝันK.maxmi
"ถ้าเป็นพลอยพญานาคจริง
หรือถ้าพลอยนี้ศักดิ์สิทธิ์
ขอให้ถูกหวยนะครับ"

 

"ที่ไหนครับท่านอจ.นพ"

11 รด
สยบความแสดงกล้ามมา
2 ดอก 55

ใบ้หวย หรือเป็นสถานที่ใด???

**ขออภัย...พรุ่งนี้วันที่ 1 ครับผม
ถ้าเห็นตัวเลข...ตีเป็นเลขเด็ดหมด

อยากรู้เหมือนกันว่า...
"ตบจูบ ตบจูบนั่นต้องทำอย่างใด"

*อยากเรียนวิชานี้เป็นอันดับแรกเลยส์*
....5555

 

ช่วงนี้ไม่ได้เม้ามอยเลยคะอาจารย์
ย่าเสียแล้วคะ เสียคืนวันที่29

มีสิ่งหนึ่ง ที่เจนอยากจะถามคะ
ตอนเจนไปเยี่ยมย่าที่โรงพยาบาล
เจนไปกระซิบข้างหูย่าว่า
ให้ย่าตามเสียงสวดมนต์กลับมานะ
ถ้าย่าอยากจะกลับ
(มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสุดท้ายที่ได้ทำให้ย่า)
เจนก็สวดมนต์ไป เรื่อยๆ แต่กลิ่นตัวย่า
กลิ่นแรงมาก พ่อกับเจนค้าดว่า ย่าคงไปตั้งแต่วันที่ล้มในห้องน้ำแล้ว
แต่เจนก็สวดมนต์ข้างๆย่า ไปเรื่อยๆ ก็ได้กลิ่นนี้ตลอดการกระซิบข้างหู

กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำนอน
ช่วงกลางดึก กลิ่นที่ได้กลิ่นจากย่า
มาเต็มจมูกเลยคะ ข้างๆที่นอน

อาจารย์ว่า ย่าจะตามมาบอกลามั้ยคะ
หลังจากที่เจนได้กลิ่น สเน็กก็ลุกพรวด ไปฉี่

แต่ว่า วันที่เขารดน้ำย่า
เจนไปทันพอดี จับดูที่แขน ที่แก้ม ยังนิ่มอยู่เลย
แลดูเหมือนคนนอนหลับ