ลำดับการบรรลุธรรม ของพระอรหันต์

ขออนุญาตถามเพื่อนๆ ครับ
ขออภัยหากคำถามอาจดูไม่เหมาะสม
ถามเพราะอยากรู้ จริงๆ ครับ
...
การบรรลุธรรมของพระอรหันต์ นั้น
เป็นไปตามลำดับขั้นเหมือนภาพประกอบไหมครับ
ถ้าเทียบกับ 1 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ท่านจะบรรลุ
เช่น ขณะนั้นปฏิบัติภาวนา คือ ปุถุชนในเส้นทางธรรมทั่วไป
หรือ ลำดับธรรมอยู่ในระดับอนาคามี
หลัง บรรลุอรหันต์
..
ขออนุญาตยกตัวอย่างท่านหลวงตามหาบัว
ก่อนหน้าที่หลวงตาจะบรรลุนั้น
1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น หรือ เวลาก่อนหน้านั้นอาจจะหลายวันหลายปี
ระดับธรรมของหลวงตา อยู่ในระดับอนาคามีอยู่แล้ว
หรือว่า องค์หลวงปู่ยังเป็นผู้ปฏิบัติปกติอยู่ครับ
..

 

คำอธิบายจากผังฯ นั้นมีบอกว่าถกกันแถบตาย
ก็ไม่ลงกัน
ที่มันลงกันไม่ได้เพราะมันรู้มาคนละตำรา
คนละอาจารย์ฮับ
หรือถ้ามาจากตำราหรือคำภีร์เดียวกัน หรืออาจารย์
เดียวกันแต่ปฏิบัติแตกต่างกัน
ก็อาจไม่ลงรอยกันได้อีกฮับ
จนกว่า
ผลแห่งการปฏิบัติปรากฎในระดับเดียวกัน
นั่นแหล่ะ จึงจะไม่มีอะไรต้องถกเถียงกัน

ส่วนลำดับวาระของการบรรลุธรรม
ผู้บรรลุจะรู้วาระได้ด้วยตนเอง
ผู้ยังไม่บรรลุคงจะบอกแพทเทิร์นให้อย่าง
ถูกต้อง
ทำได้ยาก

 

เหมือน การขับรถเป็น มรรค
มีหนึ่งเดียว วิธีเดียว ต้องนั่ง
หลังพวงมาลัย และ ขับรถ
จากจุดสตารท ไป ฟินนิจ ได้

แต่ อรหันต์ เหมือน ขับ รถฟอรมูล่าวัน
จากจุด สตารท จน เข้า ฟินนิส ได้

พอ ลงจากรถ จะทราบข้อเท็จจริง
ว่า ขับจริงมาแล้ว

ส่วน พวกไม่ได้อะไรเลย เพียงแต่
ขับรถทั่วไปเปน ก้ จะไม่มีข้อเท็จ
จริงในการขับในสนามแข่ง

จึง มโนไปว่า ขับจาก สตารท ได้
อยู่แล้น เข้าฟิ่นนิต ก้คงไม่ยาก
ทำให้วันดีคืนดี เดี๋ยว ปุถุ เดี๋ยว
อนาคา เดี๋ยวศิษยเอกหลังไมล์
ไปวันๆ

ได้แต่ ยก ผล มากล่าว แต่ไม่รู้ มรรค
แท้ๆ ในการเข้าโค้ง ทางตรง มารคพิทบุญ
ที่เปน องต์ประกอบข้อเท็จจริงของสนาม
แข่งขัน(วิเวก วิราคะ ฯ ปหานะ )

 

ขอบคุณครับ ท่าน เล่าปัง และ ท่าน Neoworld

 

เรื่องแบบนี้ส่วนตัวไม่สนใจเลยครับ
เพราะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีทางถูกครับ
และไม่เชื่อภาพที่นำมาอธิบายด้วยครับ
ถึงอ่านตำราก็ยังไม่เชื่อ
แต่ไม่ปฎิเสธนะครับ

ต้องประมานมีคนถาม
ท่านที่ส่วนตัวเข้าใจว่าท่านเข้าถึง
เรื่องแบบนี้ได้จริงๆ แล้วก็นั่งฟังท่านนั้นเล่า
ให้ฟังเฉยๆ ก็จะรับฟังไว้ครับ

เช่น มีคนถามท่านที่ส่วนตัวเชื่อว่าเข้าถึงว่า ลต. ท่านนั้น ท่านนี้
บรรลุยังไง ท่านใดเป็นอรหันต์
จะนั่งฟังอยู่ครับ เพราะการจะไปย้อนรู้
อะไรแบบนี้มันต้อง อาศัยทิพยจักขุ
ที่พิเศษมากกว่า
นักปฎิบัติทั่วไปพอสมควรครับ

ปล ความเห็นส่วนตัวนะครับ