กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 133 ลำดับที่ #2660
เป็นข้อข้องใจจาก...ธีรนาฎ(เปีย)
เรื่องความฝันและเรื่องราวอื่นๆ

[QUOTE="nopphakan, post:
พูดแบบรวมๆ ทริคถ้าอยากจะจำความฝันได้
๑.ถ้าเผลอลืมตามาแล้วให้เลิกสนใจไปเลย
๒.เป็นไปได้ยังไม่ควรลืมตา
และให้พยายามระลึกเรื่องที่ฝัน ได้แค่ไหนแค่นั้น
๓.หลังจากเฉยๆไม่สนเลย เด่วจะระลึกย้อนได้เอง
แต่ต้องเลิกสนใจจริงๆตามข้อ ๑.

ทริค ถ้าฝันแล้วตื่นมารู้สึกเหนื่อย
บอกได้ว่า กำลังสมาธิสะสมไม่พอ เรื่องปกติของชาวโลก
ให้แก้ด้วยการเจริญสติให้ต่อเนื่อง หรือ ทำสมาธิ
เอาแค่สงบบ้าง สวดมนต์บ้าง. เดินจงกลมบ้าง .....จบ

ทริค ถ้ายังไม่เข้าใจว่า สถานที่ในฝันคืออะไร
หรือไม่รู้เรื่องอะไรในฝัน ไม่ว่าไม่รู้ว่าใคร ทำอะไร
ให้ลืมเรื่องนั้นไปเลย และให้มาเจริญสติในชีวิต
ประจำวันให้ต่อเนื่อง เด่ว อนาคตเวลานิ่งๆจะได้
คำตอบเองแบบอัตโนมัติ.

ทริค ของ เจน. ในเรื่อง การจะถอดถอนเรื่อง อาฆาตออกได้
นอกจะต้องรู้จักให้อภัยแล้วในเบื้องต้น
(แต่ในอนาคตก็ยังระลึกนึกแค้นขึ้นมาได้อีกเป็นเรื่องธรรมดา)
ยังจะต้องเพิ่มเมตตาเข้าไปอีก เพิ่มซ้ำลงไป
เรื่อยๆ ด้วยอุบายอะไรก็ได้ เช่น ถ้าเราเป็นเค้า
เราก็อาจจะทำแบบเค้าก็ได้ หรือ มันเป็นเรื่อง
วิบากระหว่างบุคคลนั้นๆ ไม่เกี่ยวกับเรา
หรือถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเค้า
ให้มาคิดว่าเราจะทำหรือเปล่า ประมาณนี้ยกตัวอย่าง.....
และในฝัน ถ้ามีใครมาเชิญให้ทำอะไรแปลกๆ
แล้วไม่แน่ใจ ให้ลองอ้างชื่อ คนที่เขียนดูนะ
และให้ดูกิริยาของทางนั้นว่าเป็นไง จะทราบได้เอง

ของเปียนั้น. การแตะที่หน้าฝากเค้าเรียกว่า การเจิม
คนที่จะเจิมได้ ก็มีคนที่เป็นผู้ใหญ่
แต่ทั่วไป บุคคลนั้นจะเคยเป็นอาจารย์ในอดีตชาติมาก่อน
ซึ่งถือว่า สามารถพบเจอได้ปกติ และมีมากมาย
ดังนั้นเรื่องแบบนี้ ควรเฉยๆเอาไว้ก่อน
แต่การที่ยังไม่รู้ว่าใครเจิม
แสดงว่า กำลังสติทางธรรมเรายังไม่พอ
ก็ให้มาเจริญสติในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมนั่นหละ.......

สติทางธรรม ก็คือ ตัวที่ทำให้เรารู้เรื่องราวในฝันนั่นหละ
เช่น ไปสถานที่แห่งหนึ่ง รู้ว่าเรียกว่าอะไร เจอใครบ้าง
เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร พวกนี้มาจากกำลังสติทางธรรม
ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น

ถ้ากรณีเดียวกัน แต่เป็นการลืมตา
เราเรียกว่า รู้ได้จากสัญญา เช่น สถานที่นี้เรียกว่า นั่น
คนนั้น ชื่อ ว่า นี้ เพราะว่า เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้เห็นมา
ประมาณนี้....

เรื่องความกลัวแก้ได้ไม่ยาก
มีความจำเป็นจะต้องฝืน ในเรื่องนั้นๆ
๓ ถึง ๔ ครั้ง จิตจะมีกำลังเพียงพอที่จะไม่กลัวได้เอง
ย้ำว่า ในเรื่องนั้นๆ.....

การที่ภพภูมิจะปรากฏให้เราเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้
๑.สภาวะจิตของเรา ณ เวลานั้นว่า มีคลื่นตรงกันไหม
๒.การส่งกระแสจากภายนอกเข้ามาเชื่อมกับจิตเรา
ซึ่งต้องใช้กำลังมากกว่าปกติ เทียบได้กับคนนั่ง
สมาธิในระดับกำลังฌาน ๔ ดังนั้น กำลังบุญที่เราส่ง
ให้ไปควรมีมากพอ ปกติต้องขึ้นด้วยพระรัตนตรัยก่อน
แล้วรวมกับเราและอุทิศให้ไป ตรงนี้อย่าลืม...
๓.สัญญาในจิตของเราเองว่ามีไหม........

ทั่วไป เราจะใช้การเห็นแบบตาพิเศษเอา
และหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ
ภพภูมิจะไม่ปรากฏตัวให้เราเห็น.....
แม้ตัวเราจะมีความรู้สึกว่า
เหมือนมีอะไรแอบดูอยู่
หรือมีพลังงานอะไรบางอย่าง
ถ้าเราไม่ปรับให้จิตอยู่ในโหมด
ที่คลื่นตรงกับเค้าแล้ว ปกติเราก็จะไม่เห็น

ยกเว้นกรณีที่เราเข้าไปในเขตที่มีภพภูมิ
กลุ่มนั้นมากๆ แล้วเค้ารวมกันมาเยอะๆ
เราก็อาจจะเห็นได้ โดยไม่ต้องปรับตัวจิตเราได้
เพราะกำลังของกลุ่มเค้าที่รวมกันมากพอ
ที่จะครอบคลุมบริเวณนั้นรวมทั้งจิตเรา......

การเห็นภพภูมิได้ด้วยตาเปล่าๆ
แบบฟูลออฟชั่นจะเป็นอันตราย
ยิ่งถ้า จิตเรายังมีกำลังไม่พอ
หรือไม่เคยฝึกกรรมฐานที่สร้างกำลังจิตมาก่อน
บุคคลที่เห็นภพภูมิแบบภูมิออฟชั่น
ในขณะที่จิตไม่พร้อม มีโอกาสวิปลาสสูง.....

แม้แต่จะมีกำลังจิตบ้าง หรือมีสมาธิมาบ้าง
การเห็นฝ่ายภพภูมิที่มีฤิทธิ์แม้ไม่มาแบบ
ฟูลออฟชั่น ก็ทำให้เกิดความเกรง(เกรงนะไม่ใช่กลัว)
เพราะกำลังจากฤิทธิ์ที่แผ่ขยายออกมา
แม้ว่าท่านนั้น จะมีเมตตามากก็ตาม
แต่เรื่องฤิทธิ์มันเป็นบารมีเฉพาะดวงจิต
จิตเราจะรับรู้ได้ ซึ่งไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย......

ปล. ฝันเห็นญาติๆที่จะเสียหรือพึ่งเสียนะดีแล้ว
แสดงว่า เราสามารถปรับคลื่นตรงกับท่านๆได้
หรือ การที่เห็นญาติที่เสียไปแล้วมาหาได้
ในสภาพที่ดีแสดงว่า ดวงจิตเค้ามีกำลัง
ถือว่าดี.....

ยังไม่มันเท่ากับว่า ท่านที่พึ่งเสีย หรือตายไปแล้ว
มาหาทำให้เราเห็นแบบตัวเป็นๆหรอก ๕๕๕๕
เด่วถ้าได้เจอบ้าง จะเข้าใจ...มาแบบฝัน ณ ปลอดภัย
ต่อสุขภาพกายและใจ ถือว่าดีต่อชาวโลกแล้ว ๕๕๕๕

ท้ายนี้ การที่นอน แล้วรับรู้อะไรได้ดีกว่าปกตินั้น
บอกว่า ปราณเรารั่ว ในความหมายคือ
ตัวจิต ส่งการรับรู้ออกไปข้างนอก โดยไม่มีการควบคุม
พวกนี้ ต้องแก้ด้วยการอฐิษฐานพระครอบกายก่อนนอน
ส่วนท้ายนี้ บอก higtmax ไว้ เด่วจะเข้าใจ การที่หลับ
แล้วไปรับรู้ โน้นนั้นนี่ได้ จะเผลอไปมอง
ว่ามันเป็นเรื่องที่ดี.......
ปราณรั่วเปรียบได้กับ เครื่องยนต์ที่
มีน้ำมันเครื่องค่อยๆซึมออกมานั้นหละ
จะส่งผลในระยาวต่อเครื่องยนต์ได้
เพราะนำมันเครื่องมันจะไม่พอ...
ดังนั้น...แก้ซะ เด่วจะส่งผล
ต่อสุขภาพกายได้ อย่างไม่รู้ตัว....

 

จะว่าไปเรื่องที่คนที่พึ่งเสีย หรือตายไปแล้ว มาให้เห็นตัวเป็นๆนี้เคยเจอนะ
เป็นยายทวดของแนนนั้นเอง วันนั้นเป็นวันงานศพยายทวดนั้นแหละ ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
เจอยายทวดยิ้มแบบใจดีอยู่แถวประตูใหญ่ ใส่ที่คาดผมสีดำ เสื้อสีม่วง ซิ่นสีม่วง
จิตใจแนนตอนนั้นคือเฉยๆไม่ได้กลัวอะไร เพราะมาในสภาพที่ดีอยู่เหมือนคนธรรมดาเราๆนี้แหละ

แต่ความทรงจำต่อจากนั้นจำไม่ได้ว่าไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ลืมไปแล้ว5555

 

100X100 นี้คือ วิ่งหนี
ใช่มั้ยคะพี่เอก 5555

 

คิดถึงเจ้แอม มว๊ากกกก

 

เทวดาให้พรเจ้
ถ้าเจ้มีตัวดี
กระซิบบอกน้องด้วยเน้อ
คิดถึงมากเลย

 

ตัวเดียวเน้นๆ 555

 

เคยเจอไหมข้าวขาหมูถาด

 

ทำไมเหมือนหมุแดงเลยอ.

 

แล้ววันนั้นผมก็ฝันด้วย ก่อนจะหาคำตอบเรื่องหลวงปู่ทวด
ผมฝันไปว่า ผมไปนั่งต่อแถวกับคนชุดขาวเพียบเลย มีประธานใส่ชุดขาว 3 คนบอกเด๋วจะเลือกผู้ถูกเหมาะสม ปรากฏกว่าผมโดนเลือก และประธานในงาน ก็ซัดฝ่ามือมาทางผม วัตถุมงคลขนาดใหญ่ประมาณกระเป๋าเป้ได้ นั้นคือองค์อสุรินราหูครับ สีดำเลย และบอกว่าท่านได้รับเลือกและได้รับภารกิจใหญ่ จงไปดำเนินการ ตื่นมานี้โดนเลือกให้ทำไรหว่า

 

ใช่เพราะว่ามันคือหมูแดง ๕๕
คือ มีทั้ง ขาหมู
หมูแดง มันไก่ให้เลือก

และร้านกาแฟ เปิดใหม่ พิกัดหล่มสัก

 

น่านั่งนะอ.

 

..
..
โอเครจร้าาาา น้องฮัก อิอิ

 

..
..
ขอบคุณเฮีย 9 มากคร้าาา สำหรับพร อิอิ
พยายามจะกรวดน้ำให้ได้ทุกวัน
เหมือนตอนอยู่ที่บ้านสามชุกค่ะ
ช่วงมาทำงานแรกๆ ปวดขาซ้ายมากมายเลย
ปวดแบบไม่หายเป็นอยู่เกือบ 2 อาทิตย์
ไม่รู้เป็นเพราะไม่ได้กรวดน้ำรึเปล่า
พอเริ่มกลับมาภาวนา + กรวดน้ำถี่ๆ
ก็เหมือนจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ
จากที่ปวดมากและรู้สึกเส้นยึด
แบบทรมานมากมาย
ตอนนี้รู้สึกเบาสบายขาซ้าย
เกือบจะเป็นปกติแล้วค่ะ

 

เที่ยววัดแว๊นกลับบ้าน
ไปเยี่ยมพระรุ่นน้องมา

ถนนเส้นนี้ รถใหญ่ขับมารยาทดีมาก
มีให้สัญญานบอกแซงได้ไม่ได้
แต่รถกระบะ รถเก๋ง ต้องทำใจ
ระยะแซงพ้นไม่พ้นไม่สน ตบไฟไล่
กับวิ่งใส่รอเราหลบอย่างเดียว
สุดยอดจริงๆ ๕๕

ปล เสียดายเขตที่มีพยานาค
เด่วนี้ท่านห้ามเข้าไปเดินเล่นแล้ว
เมื่อก่อนให้ย้ายที่พักออก
เด่วนี้ห้าม เหตุเพราะไปส่งเสียง
ดังรบกวน พยานาคมาฟ้องท่าน
จบนิทาน

 

Wow ! !
เล่าเหมือนแบบถ่ายทอดสดๆเลยคร๊าบ
เห็นจะๆ...ตัวเป็นๆด้วย
อ่านแล้วเหมือนร่วมอยู่ในเหตุการณ์

อย่างนี้..."ท่านยายทวดจะไปดี"

 

**ความฝันที่เป็นมงคล**

...แต่ภารกิจใหญ่นี้คืออะไร ?

(คิดขุ(คิกขุ)เดาสญาณว่า...
"ภารกิจนี้จะค่อยๆผ่านเข้ามาในชีวิต"
โดยรู้ตัวบ้าง...บ้างก็ไม่รู้ตัว

องค์ลป.ทวดที่เขาใหญ่คือหนึ่ง(ควรจะ)

ตามนี้.....
(เอก) ".....แล้ววันนั้นผมก็ฝันด้วย ก่อนจะหาคำตอบเรื่องหลวงปู่ทวด"

 

ทรงโปรดอสุรินทราหู
ในกาลนั้นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในพระนครสาวัตถี แคว้นโกศล อันมีพระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นกษัตริย์ผู้ปกครอง ในครั้งนั้นยังมี อสุรินทราหูผู้เป็นอุปราช ผู้สำเร็จราชการของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ ผู้ครองอสูรพิภพ เมื่อได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากสำนักเทพยดาทั้งหลายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลกมีพระเมตตาอนุเคราะห์ธรรมแก่เวไนยสัตว์ คือสัตว์ที่พึงอบรมสั่งสอนได้

เมื่อได้ฟังกิตติศัพท์ของพระบรมศาสดา อสุรินทราหูมีความประสงค์จะไปเฝ้าเพื่อฟังธรรมบ้าง แต่กลับคิดไปเองว่าพระผู้มีพระภาคเป็นมนุษย์มีพระวรกายเล็ก ตนเป็นผู้มีร่างกายยิ่งใหญ่ หากไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมองด้วยความลำบาก และอสุรินทราหูนั้นไม่เคยคิดก้มหัวให้แก่ผู้ใด ดังนั้นจึงไม่ยอมไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อฟังธรรม แต่ครั้นเห็นเหล่าเทพยดาและพรหมทั้งหลายเหาะไปเฝ้าพระบรมศาสดาคราวละมาก ๆ ไม่อาจห้ามใจได้ วันหนึ่งจึงเหาะตามเทพยดาเหล่านั้นไป

พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณ คือญาณที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงมีรับสั่งให้พระอานนท์พุทธอุปัฏฐากไปจัดสถานที่รองรับบริเวณพระคันธกุฎีโดยให้พระอานนท์ลาดบรรจถรณ์ คือปูที่นอน ไว้ ณ สถานที่แห่งนั้น พระบรมศาสดาทรงแสดงปาฏิหาริย์นิรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าขุนเขาเสด็จไปสีหไสยาสน์ คือนอนอย่างราชสีห์ ได้แก่การนอนตะแคงข้างขวา เป็นการนอนอย่างมีสติของผู้มีกิเลสเบาบาง พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย แม้พระบาททั้งสองข้างที่วางทับซ้อนกันอยู่ก็ยังสูงใหญ่กว่าอสุรินทราหูซึ่งเห็นพุทธปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น ปรากฏแก่สายตาเพียงผู้เดียว แทนที่จะก้มลงมองดูพระพุทธองค์ อสุรินทราหูกลับต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่าเพื่อชมพระพุทธลักษณะอันงดงามของพระมหาบุรุษตั้งแต่พระบาทจนถึงพระพักตร์ ทำให้เกิดความปิติปลาบปลื้ม

พระบรมศาสดาได้แสดงปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูขึ้นไป ณ พรหมโลก บรรดาพรหมทั้งหลายที่พากันมาเข้าเฝ้า ล้วนมีร่างกายเล็กกว่าพระพุทธองค์ และต่างพากันเบิ่งตามองอสุรินทราหูเหมือนประหนึ่งมนุษย์จ้องมองมดปลวกตัวเล็ก ๆ แล้วกราบทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญได้พาตัวอะไรมาด้วยหรือพระเจ้าข้า” อสุรินทราหูบังเกิดความกลัวต้องหลบอยู่หลังพระบรมศาสดา นับตั้งแต่นั้นมาก็ลดมานะทิฏฐิเลิกหลงทะนงอวดตัว หลังจากได้ฟังพระธรรมเทศนาจึงเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ถือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะ ไปตลอดชีวิต แล้วจึงกราบทูลลากลับไปยังพิภพของตน


(ที่มา....เว็บไซต์พุทธะ18 ธันวาคม 2552)

 

ลองดู...ลองดู
คลิปท่าออกกำลังกายที่อาจารย์นพเคยลงไว้
(คงต้องค้นหาดู...เมื่อกี้ผมก็ค้น..แต่ยังไม่เจอ)
**ไว้ว่างๆจะลองเข้าไปค้นใหม่**
ท่าต่างๆนี้น่าจะพอช่วยได้
รวมทั้งอาการอื่นๆด้วย
แค่วันละ..ครั้งๆละ 20-30นาที
โดยเฉพาะคนที่เข้าห้องน้ำฉ.คืนละ 5-6 ครั้ง
***ค่อนข้างได้ผลนะคร๊าบ***

...เมื่อหลายเดือนก่อน
ผมเคยบอกประมาณว่า....
"ถ้าได้ผลประการใด จะแจ้งให้ทราบ"

วันนี้เลยถือโอกาสแจ้งว่า...
"ได้ผลคร๊าบ...จากเดิมที่ฉ.คืนละ 5-6 ครั้ง
หลังจากทำท่านี้(จากวิดีโอ)
และได้เพิ่ม 2-3ท่าเดิมที่เคยทำ(แต่หยุดไป)
ปรากฏว่า "ฉ.คืนละแค่ 1-2 ครั้งตามปกติแล้ว"
(แต่คงต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยคร๊าบ)

ใครมีญาติผู้ใหญ่ที่ ฉ.บ่อยๆในเวลานอน
เป็นอะไรที่ทรมาณจิตใจ...เมื่อต้องหลับๆตื่นๆ
....ช่วยบอกต่อด้วยครับ

ได้ผลหรือไม่ได้ผล(สำหรับบางคน)
อย่างน้อยที่สุดเป็นท่าออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด
นอนเหยียดยาวดู TV ฟังข่าวเพลินๆ
(คิดว่านอนดูทีวี...ไม่เสียเวลาเลย)
...สบายใจไปด้วย

 

ภาษาจีนตรงซุ้ม และชื่อวัดน่าจะเป็นวัดจีนๆ

ยิ่งเห็นจากมังกรบนหลังคา...ใช่เลย(ไหม)?

ไม่ทราบว่าอยู่แถวไหนคร๊าบ

สนใจตรงที่อ.นพบอกว่า...
".....เสียดายเขตที่มีพยานาค
เด่วนี้ท่านห้ามเข้าไปเดินเล่นแล้ว
เมื่อก่อนให้ย้ายที่พักออก
เด่วนี้ห้าม เหตุเพราะไปส่งเสียง
ดังรบกวน พยานาคมาฟ้องท่าน"


ปล.
หล่มเก่าไม่ได้ไปหลายปีแล้ว
ถ้าผ่านไปจะแวะกินข้าวหมูแดง...จานนั่น
...ชอบเหมือนกัน จานโปรคเลยแหะ

ทริค เวลากินข้าวหมูแดงต้องสั่งให้...
...แยกน้ำราดต่างหาก(ตามรูป)
...อย่างงี้ถึงอร่อยที่สุด

 

มังกรบนหลังคาซุ้มประตู
(วัดจีน)






พญานาคราชบนหลังคาวิหาร
(วัดไทย)