ถึงลุงแมวค่ะ

วันที่ 28-29 เดือนนี้ ลต. จะมาให้ถามธรรมะที่ยุวพุทธ แถวบ้าน.... ปวีว่าจะไป เพราะคนไม่เยอะ ว่าจะไปถามเรื่องสภาวะฝึกจิตของตัวเองกับท่านด้วย ลุงมีอะไรจะฝากถามท่านด้วยไหมคะ

 

เช้ามา จดตัวเลข แล้วก้.....


กราบ....




* ไม่ง้อมอลซานโต้แระ แล้งนี้....

 

อั๊ยย่ะ... ลุงแมวต้อง
ขออนุโ.มทนาด้วยฮับ ที่ปวีตัดสินใจ
ถวายใจเป็นลูกศิษยํ
แฟนพันธ์แท้ ลต.ลม.
จิตสังขารมันเป็นเพียงแค่นกแค่ปลา
ส่วนจิตแท้(คือตัวเราแท้ๆ)เป็นฟ้ากับน้ำ
ฝ่ายสังขารคือเจ้านกกับเจ้าปลาจะเคลื่อนไหวไปมา
ฟ้ากับน้ำ ได้แต่รู้ แต่ไม่ไหวตามไปด้วย
.... ลต.ท่านย้ำ เสมอฮับ

 

แหน่ะลุง ล๊อคคอบอกหนูเป็นแฟนพันธุ์แท้ ลต. เลย.... หนูแฟนพันธุ์ทางค่ะ ก้อฟังได้นะ ชอบแนวสติปัฎฐาน ฟังได้ทุกคนแหล่ะ ยกเว้นแนวแฟนตาซี ไม่ค่อยฟัง กลัวเหาะได้

อยากไปเห็นท่านจริงๆ ด้วย จะดูลักษณะการตอบด้วย สะดวกขับรถไปเพราะไกลบ้าน5 ป้ายรถเมล์เองค่ะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

 

ปวี อยู่แถวเพชรเกษมเหรอ
อย่าลืมเอาเสื้อหนาวไปด้วยล่ะ
••//

 

55 ว่าจะเอาผ้าห่มไฟฟ้าไปเลยนะ .. ใช่จ้า อยู่ใกล้ วัด ลป โต๊ะหน่ะ

 

เอาเถอะเอาเถอะ
ทางไหนก็ได้ตามถนัดจะพิจารณากายหรือ
พิจารณาจิตก็เอาตามถนัด
ทางไหนทำให้สิ้นยึด
ตัวตนได้ ก็พอบรรเทาทุกข์ได้
เหตุที่เราออกจากทุกข์กันไม่ได้ก็เนื่องมาจาก
ปล่อยวางตัวตนไม่ได้
เอาตัวตนปลอม(ขันธ์5)มาเป็นตัวตนจริง
เกาะไว้ไม่เห็นทางปล่อยวาง จึงทุกข์ตลอด
เวลาฮับ

 

รูปขันธ์ เวทนาจันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์
วิญญาณขันธ์(ผู้รู้ตัวปลอม)
ทั้งหมดนั้น
ไม่ใช่ตัวตนของเราจริง..... ท่านว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่น
ถ้ายึดมั่นถือมั่นแล้วมันจะมีการปรุงแต่ง
เป็นกิเลสให้ไหลตามและเป็นทุกข์
สืบเนื่องไป
ต่อเมื่อใดพบผู้รู้ตัวจริงแล้วอยู่กับรู้
เมื่อนั้นก็ไม่มีผู้ใดทุกข์อีกต่อไป

 

เอิ่มม์... หากมีโอกาสปวีร์น่าใส่บาตร ลต.หลังไมค์
ด้วยเนอะ พรุ่งนี้แล้วนิ่

 

อ๋อ เขาเป็นคอร์สปฎิบัติธรรมสั้นๆ ค่ะลุง 2 วันกะยุวพุทธ (28-29) แล้ว ลต. มาเป็น พอจ.สอนวิปัสสนา แต่คนข้างนอกไปฟังร่วมได้ด้วย

ใส่บาตร เขาให้เดินเรียงเป็นแถวๆ ลต. นั่ง แล้วเอาข้าวใส่ในบาตร เอาอาหารที่เตรียมมาใส่ถาดรวมๆ กัน แล้วก้อค่อยถวาย ลต. ค่ะ ท่านไม่ได้บิน....ลต เป็นพระธรรมยุตินิกายนี่นา ปวีพึ่งรู้

อ.สอนคนแรกคือ ลป.ขาว วัดถ้ำกลองเพล มี ลป แหวน ลป เทศน์ และอีกมากมาย ท่านเดินทางแสวงหาครูอาจารย์ อ้อมี ลต. มหาบัวด้วย อ.ท่านสายนี้ แนว ลป.มั่นทั้งหมด เพราะท่านเป็นคนสมัยเก่า ก้อจะทันพระดีๆ สมัยก่อน

บุคคลิกท่านจริงๆ ตัวเล็ก พูดเร็ว แต่ใจดี ถ้ายิ้มนะใจดีเลย หน้าตาใจดี สอนแนวๆ จิตตานุปัสสนาค่ะ วันนี้คนไปฟังเพียบ ก็สอนแบบที่ลุงบอกหนูข้างบนโพส 3 กะ 4 นั่นละค่ะ

แต่ ลต. บ่นแบบเหนื่อยวันนี้ว่า หลายคนไม่เข้าใจที่ท่านสอน ปากบอกเข้าใจ พอเอาไปฝึก แล้วมาถามท่านกลับไม่เข้าใจแบบที่บอก ท่านบอกมากกว่า 50% ขึ้น ไม่เข้าใจ บางคนบอกตัวเองถึงนิพพานแล้ว เหมารถมา 3 รถตู้ ให้ลต.เขียนใบรับรองให้ด้วย (อันนี้คือขำกันทั้งห้อง)

ลต. สอนให้อยุ่กะรู้อย่างเดียว (ไม่กำหนดรู้) อย่าไปยึด ดี เลว เฉย นิ่ง ว่างอะไร ให้รู้ซื่อๆ แต่หลายคนไม่เข้าใจ กลายเป็นพอทำก็พยามจะละทั้งดีเลว นี่นั่น ...ลต.เลยเหนื่อยๆ ต้องแก้สภาวะ เพราะเข้าใจไม่จริง พูดถึงฌาน และอรูปนิดหน่อย ไม่เน้นมาก เน้นวิปัสสนามากกว่า ที่ท่านสอนก็โอนะคะ ก้อแนวสติปัฎฐาน ดีที่ตัดสินใจไปฟัง

หนูเอาหนังสือมาฝากลุงด้วย มี 3 เล่ม ดีที่หยิบมาก่อนสำหรับคนนอก พอผู้ปฎิบัติธรรมในคอร์สออกมา แป๊บเดียวหมด

โชว์หน้า ลต.ไม่ได้เนอะ เดี๋ยวคนปรามาสท่าน ลุง ib ที่อยู่มาให้นู๋ด้วยนะ อย่าปฎิเสธ เพราะปวีตั้งใจเอามาฝากค่ะ

 

จบซะที ฟังแล้วเก็ทแล้วครับ กราบๆๆ ขอบคุณมากๆครับ

 

อ้อ.. ดีๆ

 

โหว์... ไวฮับ

 

ความจริงผมเคยฟังคลิปท่านมาบ้างแล้วครับ แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจบางเรื่อง คลิปนี้ทำให้ผมเก็ท จะว่าไปแล้วเหมือนเป็นการปรับทัศนคติใหม่ มองในมุมที่ยังไม่เคยมอง ให้มองกลับทิศกัน ก็จะเห็นความหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่นขันธ์ 5 ได้ ประโยชน์คือ ออกจากความยึดติดบางอย่าง มาอยู่กลางๆ ได้ หรือจะเรียกว่าออกจากมุมเดิมๆที่เผลอยึด มาอยู่ตรงกลางๆแทนก็ได้ครับ กลับเข้าสู่มัชฌิมาปฏิปทา ตอนใจพ้นการยึดมา ตอนใจยังไม่ทันยึดอะไรใหม่นี่แหละครับ ผมว่าตรงนี้ต้องเห็นให้มากๆ ให้เป็นหลักเข้าไว้ครับ อยู่กลางๆ มันจะเห็นทั้งสองฟากฝั่งได้ดี

 

ขออนุญาตขยายความคำว่า "ฟากฝั่ง" ซึ่งเป็น
การกำหนดขึ้นมาเพื่อทำให้เกิด
ความเข้าใจว่าฟากหนึ่งคือจิตปรุงแต่ง (วิญญาณขันธ์)ที่มีความรู้สึก นึกคิด อารมย์
ส่วนอีกฟากหนึ่งคือจิตเดิมแท้หรือธาตุรู้ ที่ไม่มีความรู้สึก นึกคิด อารมย์ปรุงแต่งใดๆ
มีแค่ความรู้ว่าเกิดอาการใดๆ ขึ้นในฝ่ายจิต
ปรุงแต่ง
ทั้งนี้ทั้ง 2 ฟากนั้นความจริงก็อยู่รวมกันเพียง
แต่ฝ่ายหนึ่งมีหน้าที่เคลื่อนไหวมีอาการเกิดดับ
เกิดดับ(สังขารขันธ์)ตลอดกาล
ภายในความว่าง(ใจ)ที่ไม่เคลื่อนไหว
แต่รู้ทุกกิริยาอาการที่เกิดขึ้น
ของฝ่ายขันธ์5
และทั้ง 2 ฝ่ายคือฝ่ายสังขารและวิสังขาร
นี้ไม่ใช่เป็นสิ่งต้องยึดมั่นถือมั่นทั้งคู่ฮับ

 

พออ่านตามลุงกล่าวมาแล้ว ความรู้สึกผมมันอึ่กอยู่ข้างใน เป็นเหมือนตอนฟังคลิป เขยิบรู้กันนิดเดียวฝั่งสังขารกับวิสังขาร

 

ผมฟังหลวงตาลุงแมว
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

สังสัยทำไมท่านถึง บอก จิตเดิมแท้ เป็นธรรมธาตุ

ส่วนตัวเข้าใจว่า ธรรมธาตุ คือนิพพาน
ในบางโวหารที่หลวงปู่บางท่านใช่

ไฟล์ท่านเทศน์ จิตกับใจ ฟังแล้ว งง

ความเข้าใจส่วนตัว

 

อย่าเพิ่งฮงฮับ
ก่อนหน้านี้ลุงแมว ทั้งสับสนทั้งงง
เพราะสดับธรรมที่เกียวการปฏิบัติสมถะ
และวิปัสสนาไม่เข้าถึงคำว่า สิ้นยึดตัวตน หรือสิ้นยึดมั่น ถือมั่น เพราะเห็นอนิจจังทุกขัง
อนัตตา ใจมันจึงสิ้นยึด
ไม่ใช่เป็นการเอาตัวเราไปเป็นผู้ปล่อยวาง
ตอนนี้เข้าใจและเลิกพยายาม
เอาตัวเองปล่อยวางแล้วฮับ
แต่ใช้การพิจารณาเห็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตาของ
ขันธ์5 ไปเรื่อยๆ
เมื่อการสิ้นยึดในขันธ์มากขึ้นมากขึ้น
ขณะที่การปรุงแต่งของจิต เจตสิกก็ยีงคงมีอยู่
เพียงแต่ใจได้แต่รู้อาการที่เกิดกับจิต
โดยไม่สามารถไปแทรกแซงหรือไหลตาม
อาการของจิตสังขารเหล่านั้น มีสติ
อยู่กับสภาพใจแบบนี้โดยไม่ไปยึดมั่น
กับสภาวะนี้
ก็ไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป ท่านปราบว่าใช่
หรือไม่ล่ะฮับ
ส่วนเรื่องที่ท่านปราบยังฮงฮง ก็ลองฟังคลิปลต.
ที่อธิบาย
ให้หายฮงดูสิฮับ
มีลูกศิษย์ที่งงม่กกว่านี้ ลต.ก็แก้ให้จนหายงง
มามากต่อ มาก 20 ปีมาแล้ว
ก็ไม่ทราบว่าจะมากขนาดไหนฮับ

 

คำสอนนี้เป็นสมถะกรรมฐาน หรือวิปัสสนา
กรรมฐานฮับ ท่านปราบ
********
"จิตหลงอารมณ์"
" .. การปฏิบัติเรื่องจิตนี้ ความจริงจิตนี้ไม่เป็นอะไร มันเป็นประภัสสรของมันอยู่อย่างนั้น มันสงบอยู่แล้ว "ทีจิตไม่สงบทุกวันนี้เพราะจิตมันหลงอารมณ์" ตัวจิตแท้ ๆ นั้นไม่มีอะไร "เป็นธรรมชาติอยู่เฉย ๆ เท่านั้น" ที่สงบไม่สงบก็เป็นเพราะอารมณ์มาหลอกลวง
จิตที่ไม่ได้ฝึกก็ไม่มีความฉลาด มันก็โง่ อารมณ์ก็มาหลอกลวงไปให้เป็นสุข เป็นทุกข์ ดีใจ เสียใจ "จิตของคนตามธรรมชาตินั้น ไม่มีความดีใจ เสียใจ ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต" แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงอารมณ์โดยไม่รู้ตัว
แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์ เพราะยังไม่ได้ฝึก ยังไม่ฉลาด แล้วเราก็นึกว่า จิตเราเป็นทุกข์ นึกว่าจิตเราสบาย ความจริงมันหลงอารมณ์ พูดถึงจิตของเราแล้ว มันมีความสงบอยู่เฉย ๆ มีความสงบยิ่ง "เหมือนกับใบไม้ที่ไม่มีลมพัดก็อยู่เฉย ๆ ถ้ามีลมมาพัดก็กวัดแก่วงเป็นเพราะลมมาพัดและก็เป็นเพราะอารมณ์ มันหลงอารมณ์"
ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์แล้ว จิตก็ไม่กวัดแกว่ง ถ้ารู้เท่าทันอารมณ์แล้วมันก็เฉย "เรียกว่าปกติของจิตเป็นอย่างนั้น" ที่เราปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม "เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์" ฉะนั้นจึงต้องฝึกจิตให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ"
***********
หลวงปู่ชา สุภัทโท

 

ก่อนหน้านี้ลุงแมวจะไม่สามารถเข้าคำสอน
ของ ลป.ชาที่ยกมาได้เลย
เพราะไม่มีพื้นฐานภาษาสมมุติดีพอ
เช่นคำว่า
อารมย์
จิตแท้ๆ
อารมย์มาหลอกลวง
หลังจากที่ได้เวลามาพบคลิปยูทูบของ
ลต.หลังไมค์ และติดตามฟังอยู่ทุกวัน
ร่วม 2 เดือนก็ค่อยชัดเจน
ในในการฟัง
คำสอนจากพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
ที่กล่าวว่าด้วยเรื่องการฝึกจิตได้ง่ายขึ้นมาก
ต้องกราบขอบพระคุณ ลต.. หลังไมค์ไว้
ณ ที่นี้ด้วยครับโผม