@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQmRCqByuc-NjtR3wfm4N9iGL7mQNTIFrP_cyzHORKJCH9-XoxO0yHHSj4xAWgOGUkc&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    +++ การเสริมบารมีที่ถูกต้องที่สุด +++

    "การสร้างบุญกุศลนั้น เป็นการเสริมบารมีของเราเอง ไม่ต้องไปหาหมอดูที่สำนักไหน ไม่ต้องไปหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน #การเสริมบารมีของเราด้วยการสร้างบุญสร้างกุศล #จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ไปเข้าพิธีกรรมแปลก ๆ แล้วว่าเป็นการเสริมบารมี ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่ #ซึ่งถ้าหากหลุดออกนอกแนวทางพระพุทธศาสนาไป #โอกาสที่จะกลับคืนมาก็ยาก ซึ่งเรื่องพวกนี้พวกเราก็ควรที่จะระมัดระวังเอาไว้

    เวลาล่วงไป ๆ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ? #ความดีที่เราทำนั้นสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง...เราขาดตรงส่วนไหน ? จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรถึงจะเข้าถึงส่วนนั้นได้ ? เราต้องใช้สติ ใช้ทั้งสมาธิ ใช้ทั้งปัญญา ในการสร้างเสริมบุญบารมีของเรา #เพื่อจุดหมายใหญ่คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQl1joZmWOxN0-lhuCkmMaJ0H3fCPxWcMebPYAu_fwABdu1OOy4rl8FbU7rIkW-rN5g&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ฝึกใจให้คุ้นชินกับการจบภารกิจ


    เมื่อวานเรียนกันสนุกมาก พวกเราหลายคนพอปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งแล้วลืมพื้นฐาน พื้นฐานจะลืมไม่ได้ พื้นฐานต้องแน่น เมื่อวานก็เลยมีการย้อนทวนกันเพราะว่าสงสารเด็กเหมือนกัน เขาเรียนปริญญาโทเพิ่งจะจบมาใหม่ ๆ ช่วงที่เรียนปริญญาโททำวิทยานิพนธ์ประสาทจะกินไปตาม ๆ กัน ทุ่มเทกำลังใจไปทางด้านนั้นมาก เรื่องของการปฏิบัติก็เลยย่อหย่อนไป

    แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าหากว่ารักษาอารมณ์ปฏิบัติเป็น ขณะที่เราทุ่มเทอยู่กับงาน สภาพจิตจะเป็นสมาธิอยู่แล้ว ได้เปรียบเขาอยู่แล้ว แต่คราวนี้เนื่องจากว่ายังรักษาอารมณ์ไม่เป็น ถึงเวลากำลังก็ค่อย ๆ คลายตัวลง รัก โลภ โกรธ หลง ก็เข้ามาแทน เมื่อวานก็ได้โอกาส เขาจบปริญญาโทกันแล้วก็ถือว่าว่างจากภาระ ว่างจากภาระก็เลยมารื้อฟื้นเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ก็ยอมรับกันว่าทิ้งมานานจริง ๆ

    กับพวกภาระต่าง ๆ ที่เข้ามา ให้เราพยายามฝึกให้ชินกับคำว่าจบ สังเกตไหม ? ทำงานชิ้นหนึ่งเสร็จรู้สึกโล่งใจดีจังเลย สบายใจอีกต่างหาก ต้องทำใจของเราให้ได้ลักษณะนั้น คือให้โล่ง เบา สบาย ปล่อยวางได้ในลักษณะนั้น พยายามดึงเอาความคุ้นชินตรงจุดนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำสักแต่ว่าทำ ทำทีละอย่าง ทำทีละชิ้น ทำทีละขั้นตอน พอเสร็จแล้วก็ถือว่าจบภารกิจไป อันนี้ถือเป็นภารกิจ แต่ถ้าหากว่าเป็นกิจทางพุทธศาสนา คุณจะจบกิจก็ต่อเมื่อเป็นพระอรหันต์

    ฉะนั้น... พวกเราต้องทำตัวให้คุ้นชิน โดยการจบภารกิจบ่อย ๆ เดี๋ยวภาระทางใจก็จะพลอยจบไปด้วย เพราะเริ่มตัดอารมณ์เป็น พอตัดอารมณ์เป็น ปล่อยวางเป็น งานก็ทำแต่เฉพาะหน้าที่ เมื่อทำเฉพาะหน้า จบแล้วก็แล้วกัน นี่คือการมีตัวอุเบกขาในการปฏิบัติ ตัวอุเบกขาจะแทรกอยู่ในการปฏิบัติทุกขั้นตอน ถ้าหากไม่มีเอกัคตารมณ์และอุเบกขารมณ์ การปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาของเราจะไม่ก้าวหน้า

    ให้ทานก็ต้องให้ลักษณะนี้เหมือนกัน คือ บางคนให้แล้วก็ยังมากำชับอีกว่าต้องใช้นะ ห้ามให้คนอื่นต่อ ใช่ไหม ? แบบนี้เป็นทานที่ปราศจากอุเบกขา อุเบกขา คือให้แล้วให้เลย เราได้ให้แล้วก็จบสิ้นเรื่องของเราแล้ว ส่วนท่านจะเอาไปทำอะไรนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี อ.ทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๕
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    คาถาปัดอุปสรรค ของหลวงพ่อเดิม

    ตั้งนะโม ๓ จบ

    พุทธัง แคล้วคลาด ธัมมัง แคล้วคลาด สังฆัง แคลัวคลาด พระพุทธเจ้าย่างพระบาท อิติปิ โส ภะคะวา
    ภาวนาด้วยจิตนิ่ง ๗ คาบ ก่อนจะลงมือกระทำกิจการงานอันใด

    พระคาถาบทนี้ ใช้ในทางดีก็ดีไป ปัดเป่า อุปสรรค อุบาทว์ เสนียดจัญไร ต่างๆๆ ให้มีแต่ความสำเร็จ ราบรื่น

    หลวงพ่อเดิม พุทธสโร

    Cr.ช่างเน่ส์ ชัยนาท

    c_oc=AQlSzq0SXc2xxygo2JljPN1T0nb5YOtZz05apZdyU5VaM4l9T0Y-iT6MqLdGoHvBbfM&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQkw-48MIDhFG9zORQJPXe9TfZ86fuSP6bFPvtvRtNPGHS4S_axpGy0yAW3RrAmpx6A&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    คำว่า "ครู" นี้มิได้หมายความว่า เป็นผู้อบรมสั่งสอนโดยตรงทีเดียวก็หาไม่ แม้แต่เราแอบจดจำมาจากผู้อื่น หรือได้พบในตำรับตำราต่าง ๆ สิ่งที่มาเหล่านั้น ก็นับเนื่องว่าเป็นครูเราด้วยเหมือนกัน แม้มิใช่ทางตรงก็เป็นทางอ้อม ฉะนั้นท่านจึงได้เรียกขานกันว่า “ครูพักลักจำ” ดังนี้

    สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว)
    วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQmr5_wqK-CwbfGmn3jQwDpg5PE_PPN2Xc8_XvSH7t0jx_BBer_PY7KYuTVQNr_RdYY&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญาสามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญาอันเป็นแสงสว่างภายใน ที่ไม่มีแสงใดเสมอเหมือนดังธรรมที่ว่า
    "นตฺถิ ปญฺญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQlnzApuGrddMuHzJ9iUQy4iicWRIWelSDThi2_bP9bYVvFKc6BABA9im9VPRhQaJvI&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ได้เล่าชาดกเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิมันธาตุราชให้ฟังว่า

    พระเจ้ามันธาตุราชเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ยึดครองทวีปทั้งสี่ มีทวีปน้อยอีกสองพันเป็นบริวาร ก็แปลว่ายึดดวงดาวไปอย่างน้อยก็สองพันดวง แต่ท่านก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ ถามบรรดาเสวกามาตย์ว่ามีสมบัติอะไรที่ยิ่งไปกว่านี้อีก ? ข้าราชบริพารก็บอกว่าสวรรค์ ท่านจึงขึ้นจักรแก้วลุยขึ้นไป ท้าวมหาราชทั้งสี่ก็มอบราชสมบัติให้ ครองราชสมบัติจนกระทั่งเบื่อ ถามท้าวมหาราชว่ามีที่ดีกว่านี้อีกไหม ? ท้าวมหาราชก็บอกว่าต้องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    พอขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์ก็แบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ครองสมบัติร่วมกัน จนกระทั่งพระอินทร์จุติไปสามสิบกว่าพระองค์ ท่านเองยังไม่หมดอายุเลยนะ แล้วท่านก็เบื่อ คิดว่ามีอะไรยิ่งกว่านี้หรือเปล่า ? พอเกิดพระอินทร์องค์ใหม่ขึ้นมาอีกเพื่อครองสมบัติต่อ พระเจ้ามันธาตุราชอยากจะได้สมบัติคนเดียว ไม่ต้องแบ่งครึ่ง จึงคิดไม่ดีจะทำร้ายพระอินทร์องค์นั้น ตนเองก็เลยร่วงตกกลับมาที่โลกมนุษย์ตามเดิม บรรดาเสวกามาตย์เห็นเข้า อาตมารับประกันว่าไม่เคยรู้จักหรอก ขนาดพระอินทร์ยังผ่านไปสามสิบกว่าพระองค์ แต่เขาก็รู้ว่านี่คือพระเจ้าจักรพรรดิ จึงถามว่าจะให้ปฏิบัติกับพระองค์อย่างไร ท่านก็บอกว่าท่านแก่มากแล้ว ใกล้จะตายแล้ว

    ส่วนที่อยากจะบอกกับทุกท่านก็คือ ความอยากของคนไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่สามารถควบคุมความอยากได้ ชีวิตนี้จะหาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ แล้วจะเดือดร้อนเหมือนกับพระองค์ท่านเอง

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า พระเจ้ามันธาตุราชนั้นเกิดมาเป็นตถาคตในปัจจุบันนี้ ท่านไม่ได้บอกรายละเอียดว่าทำบุญอะไรไว้ แต่บุคคลที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้น ต่ำสุดต้องเคยถวายสังฆทานไว้ในพุทธศาสนา ถ้าใครอยากเป็นก็สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ หน้าตักสัก ๔ ศอกก็ได้แล้ว ไม่ได้เป็นครั้งเดียวด้วย เป็นจนเบื่อไปเอง
    .........................................
    ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    ........................................
    #รู้ว่าดีก็ทำ #รู้ว่าชั่วก็ละ #ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    คาถาปู่สิงขร

    ปู่สิงขร ท่าน เกิดจากการนิรมานกาย ขององค์ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ ท่านรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเหล่าพระสงฆ์ทั้งมวล ช่วยเหลือพระศาสนา ปู่สิงขรได้รับมอบหมายหน้าที่นี้จากพระศรีอริยเมตไตร ช่วยงานหลวงปู่ใหญ่

    ปู่สิงขรท่าน เป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ปู่สิงขร เคยนิรมานกายลงมา เป็นนักบวชชาวพม่า นามว่า “โพมิงอ่อง” ชาวพม่า เคารพนับถือมาก เหมือนดัง หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรของบ้านเรา


    ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ สมัยพุทธกาล ได้บวชเป็นสามเณร ชื่อ “ชินนะ” เป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ อายุ 7 ขวบก็สำเร็จอรหันต์..ท่านทิ้งสังขาร..ตอนอายุ 23 ปี 6 เดือน..เพราะมีผู้หญิงมาชมชอบในกายเนื้ออันงดงาม ถึงขั้นมากอด..ท่านจึงถอด กายทิพย์ของท่าน (ทั้งที่ไม่ถึงอายุขัย)

    กายทิพย์ของท่าน...จึงไปได้แค่ชั้นพรหมโลก .เรียกข้างบนว่า .”ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ”.. เป็นผู้รอบรู้พิธีการต่างๆของโลกวิญญาณ ..และเป็นอาจารย์ ของหลวงปู่โต พรหมรังสี..ที่นำคาถา ชินบัญชร..มาเผยแพร่ จนหลายคนรู้จัก..


    คาถาปู่สิงขร

    นะโม เม สัพพะเทวานังสะมาโส
    อะเวโร มหา การุณิโกสะมนุสสา
    อฐิษสะฐานา ปะกาเสสิ
    ปะกาสิตตังอริยะสัจจัง
    เทวะตานังปะการาจะ
    ปัจจุปันโน จะอะนาคะโต
    มังคะละการังตะถิตถะติ
    สุมังคะลังสุปัตติตัง
    สุปะภาทังสุขาวะหัง
    สุขะพะลังอายุวัณณัง
    สุขิยะสา
    สาธุสุเทวตาอารักขาประสิทธิเม
    สัพพะสิทธิภวันตุเม สุสาอาหะ

    (สวดจบแล้ว อฐิษฐานขอพร ตามปรารถนา)

    ****เมื่อเสร็จสิ้นการสวดมนต์ กล่าวบทกรวดน้ำ แผ่อุทิศรวมทั้งแผ่เมตตา

    แล้ว จึงท่อง มนต์บทนี้ ท่องเสร็จ ขอพรได้๑ข้อ ..เมื่อได้สำเร็จผลแล้วค่อยอฐิษฐานขอข้อใหม่..

    ** อนึ่ง มนต์บทนี้ สวดบ่อยๆ..เหล่า เทวดาอารักษ์ สัมมาทิฐฐิ จะมาช่วยเหลือเกื้อกูล เกิดอัศจรรย์นิมิตร
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQk_Lj_aLFGegvOnuZUvwLkBVHAi7frOMblAUK2aeO3kGWzRyAvFnuTA9F65S8U9UGU&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    ถาม : คนอื่นมาทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหน่าย ?
    ตอบ :
    ให้ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเขายังไม่รู้ว่าสิ่งที่ดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร แล้วเราเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน สิ่งที่เขาทำก็คือสิ่งที่เราเคยทำมาแล้ว เขามาย้ำรอยเดิมคือรับมรดกธรรมที่เราทิ้งไว้ให้

    ในเมื่อเขาเป็นผู้รับมรดก เขาก็คือทายาทของเรา ในเมื่อเป็นทายาท เป็นลูกหลานกันเองแท้ ๆ ทำไมต้องไปท้อแท้ เบื่อหน่าย หรือรังเกียจเขา ? ทำไมเราจะสงเคราะห์เขาเหมือนญาติของเราไม่ได้ ?
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQn4h_s4YCc5nvcWOsa-9RetJjDAu5lK8lKxb4-XEkD9qjrzQ2rL58GFjbbAwj30H3E&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ พระปัจเจกพุทธเจ้ามาสงเคราะห์ +++

    พระอาจารย์กล่าวว่า "องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคน #เข้าใจถึงวิธีในการเจริญภาวนาคาถาเงินล้าน #เพื่อให้เกิดผลสูงสุด #ที่จะพึงมีพึงได้ตามวาสนาบารมีของแต่ละคน

    ดังนั้นขอให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง แต่ไม่ใช่เกร็ง เวลาหายใจเข้า นึกถึงคาถาเงินล้านที่เราภาวนา #ไหลตามลมหายใจเข้าไป #จนสุดลมหายใจของเรา ให้อยู่ตรงนั้น #นั่นคือศูนย์กลางกาย

    ให้ทุกคนขยับโยกหน้าโยกหลัง หาความตรงพอดี ๆ ให้เป็นศูนย์กลางของเรา เสร็จแล้วคำภาวนาทั้งหมดของเรา #ให้กำหนดจดจ่อลงตรงนั้น #โดยใช้สมาธิเพียงเบา ๆ ท่านที่ทรงสมาธิในระดับใช้งานได้จะเข้าใจตรงจุดนี้เลย แต่ถ้าหากว่าท่านที่ยังไม่เข้าใจ ให้รู้สึกเหมือนลมหายใจแตะแผ่ว ๆ #อยู่ตรงศูนย์กลางกาย #แล้วภาวนาคาถาเงินล้านของเราไปเรื่อย

    องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า "#ถ้าใครสามารถทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องกัน วันละประมาณ ๑ ชั่วโมง #จะมีความคล่องตัวมาก จะทำงานใหญ่ขนาดไหน #เงินทองก็จะไม่ขาดมือ ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เริ่มด้วยทานบารมีมาตั้งแต่อดีต #ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมามากเป็นพิเศษ"

    ดังนั้น..#ให้ทุกคนขยับหาจุดกึ่งกลางของเราที่พอดี โดยไม่ต้องเกร็งตัวเอง #กำหนดความรู้สึกทั้งหมด #พร้อมลมหายใจและคาถาเงินล้านของเรา #ให้ลงไปที่กึ่งกลาง #ให้ออกมาจากกึ่งกลาง โดยให้สัมผัสเพียงเบา ๆ เท่านั้น ให้รักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ไว้จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกงานหล่อพระ วัดเขาวง ๓๐ เมษายน- ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    #ในเรื่องของกำลังใจในการทำบุญไม่มีคำว่าเล็กน้อย

    พระอาจารย์เล่าให้ฟังถึงเรื่องบุญฤทธิ์ว่า "ในธรรมบทได้กล่าวถึงเรื่องของ #บุญฤทธิ์ ไว้ดังนี้

    วันหนึ่งพระยามารตั้งใจจะแกล้งไม่ให้คนได้ไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ #ไฟทั้งเชตวันมหาวิหารดับหมด #และไฟทั้งกรุงสาวัตถีโดนพายุพัดดับหมด แล้วพระยามารจึงสำรวจดูว่า ยังมีไฟที่เหลือไม่ดับอีกหรือไม่ ?

    #ปรากฏว่ามีเทียนอยู่ดวงหนึ่งไม่ยอมดับ พระยามารก็แปลกใจ จึงบันดาลให้ลมแรงหนักยิ่งกว่าเดิม #แต่ก็ไม่ดับอีก พระยามารจึงปลอมตัวเป็นมานพน้อยเข้าไปดู ไฟนั้นอยู่ที่กระต๊อบของหญิงชราผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยแสงเทียนกำลังชุนผ้าอยู่

    พระยามารถามว่า "ยายทำอะไรอยู่ ?" ยายบอกว่า "ยายกำลังชุนผ้าอยู่ ยายมีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า" พระยามารถามว่า "ยายต้องอาศัยแสงไฟนี้เย็บผ้าทุกวันหรือ ?"

    ยายบอกว่า "ปกติยายก็เย็บผ้าแค่ตะวันตกดินเท่านั้นแหละ #ยายไม่ได้มีเงินมากมายที่จะมาซื้อเทียน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันฟังธรรม #ยายจึงนึกตั้งใจจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เพราะไม่มีโอกาสไปฟังธรรม #แต่ขอบูชาพระรัตนตรัยนี้ด้วยแสงเทียนนี้ แล้วยายก็อาศัยแสงเทียนนี้เย็บผ้าไปด้วย"

    ด้วยบุญฤทธิ์ตรงนั้น พระยามารหมดสิทธิ์ที่จะแกล้ง #ขนาดในเชตวันมหาวิหารที่พระพุทธเจ้าพำนักอยู่ไฟยังดับเลย #แต่ด้วยบุญฤทธิ์ ที่ยายเขาตั้งใจจุดเทียนถวายเพื่อบูชาพระรัตนตรัย #ทำอย่างไรพระยามารก็ไม่สามารถที่จะดับเทียนของยายได้"

    พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องกำลังใจในการทำบุญว่า "ในเรื่องของกำลังใจในการทำบุญ #ไม่มีคำว่าเล็กน้อย สมัยช่วงพรรษาแรก ๆ ที่อาตมาบิณฑบาตอยู่ที่วัดท่าซุง มีบ้านยายอยู่หลังหนึ่ง เขาจะเก็บเอาดอกไม้พื้น ๆ อย่างดอกหงอนไก่ ดอกสร้อยทอง ดอกซ่อนกลิ่น แล้วก็เอาใบตองพันเป็นกรวยอย่างดี มาถวายพระทุกวัน

    ความรู้สึกของอาตมาในตอนนั้น ก็คือ #เป็นของที่ไม่ได้มีราคาอะไรเลย แต่ก็รับมา เวลาเดินเข้าหอฉัน #ก็จะเอาไปไหว้พระตรงศาลาหลวงพ่อสี่พระองค์แล้วเสียบไว้ตรงรั้วศาลา เป็นเครื่องบูชาหลวงพ่อสี่พระองค์ ทำอย่างนี้แต่ใจก็คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทำไมยายถวายของอะไรอย่างนี้ได้ทุกวัน ? #คนรับรู้สึกรำคาญ #ข้าวของก็ไม่ได้มีราคาอะไรสักหน่อย

    ถัดมาเป็นวันปาฏิโมกข์ลงโบสถ์ พอฟังพระปาฏิโมกข์เสร็จมีเวลาเหลือ หลวงพ่อก็สรรเสริญเจริญพรด่าซะจมดินไปเลย ท่านบอกว่า "#ไอ้พวกที่ไปตีราคากำลังใจคนเป็นตัวเงิน #เลวเสียยิ่งกว่าหมาอีก..!

    #ถ้าแกไม่ได้บวชเข้ามา ข้าวของแม้แต่ชิ้นเดียวเขาก็ไม่ให้แกหรอก แต่ที่แกบวชเข้ามา #ด้วยอาศัยคุณของพระรัตนตรัย ทั้งข้าว ทั้งน้ำ ทั้งผ้าผ่อนท่อนสไบ ทั้งที่อยู่อาศัย #ญาติโยมเขาสงเคราะห์ให้หมด เราไม่สามารถจะตีราคาวัตถุเป็นราคาเงินในท้องตลาดได้

    ช้อนคันหนึ่งเราอาจจะซื้อในท้องตลาดสามบาทห้าบาท แต่พอถวายมาด้วยศรัทธา #เป็นเครื่องบูชาคุณพระรัตนตรัย #ถวายมาตามคำที่พระพุทธเจ้าท่านสอน #อานิสงส์และราคานั้นจะประมาณเป็นตัวเงินไม่ได้แล้ว ใครที่ยังเอา #กำลังใจต่ำ ๆ ของตัวเองไป #ประเมินราคาของ ๆ คน โดยที่คิดว่า เป็นของที่ไม่มีราคา #ให้รู้ด้วยว่านั่นเป็นกำลังใจของสัตว์นรก..!"

    "วันรุ่งขึ้นพอบิณฑบาต เห็นยายแล้วแทบจะกระโดดอุ้มเลย รีบ ๆ ส่งดอกไม้มาเลยยาย อาตมาจะรีบรับ..! เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของกำลังใจในการทำบุญ #เราจะวัดเป็นราคาหรือเป็นตัวเงินไม่ได้ เพราะคุณของพระพุทธ คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ #เราไม่สามารถที่จะประมาณได้

    บาลีท่านบอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ #ไม่มีที่จะประมาณได้ #เปรียบอย่างไรก็เปรียบไม่ได้

    ในเมื่อเป็นดังนั้น สิ่งที่เขาตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย #จึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ถ้าเกิดว่าเขามีอันเป็นไป ได้ไปอยู่ข้างบน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะกลายเป็นทิพย์สมบัติ #ที่คิดเป็นราคาในโลกมนุษย์ไม่ได้

    เพราะฉะนั้น..ในส่วนของอริยทรัพย์จะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ #เกินกว่าสายตาทั่ว ๆ ไปจะเห็นและคิดถึง #ถ้าหลวงพ่อท่านไม่เมตตาด่า อาตมาก็ยังคงคิดชั่ว ๆ อยู่เหมือนเดิม"

    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQnNchArmYU4LSZNp24y6DOuJ3gknvTmtqw60luODmEqs3b7KpoxxqWW9AEfpVWUlps&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ ทำลายไสยศาสตร์ ยาพิษและยาสั่ง +++

    พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราจะใช้คาถาให้ได้ผล #อย่างน้อยจิตต้องทรงตัวเป็นอุปจารฌานขึ้นไป ก็แปลว่าเกือบจะถึงปฐมฌาน แล้วต้องมีความแน่วแน่มั่นคง จิตที่จดจ่อแน่วแน่นั่นแหละ จะเป็นตัวบันดาลให้เป็นไป

    คาถานั้นเกิดขึ้นมา ๓ แบบด้วยกัน
    แบบที่ ๑ คือ พระพุทธเจ้าท่านประทานให้
    แบบที่ ๒ คือ พรหม เทวดาหรือว่านางฟ้า ท่านบอกให้
    แบบที่ ๓ คือ บุคคลที่ได้อภิญญาผูกคาถาขึ้นมา แล้วอธิษฐานทับด้วยอำนาจอภิญญาของท่าน

    ทั้ง ๓ วิธีนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม #ถ้าเราใช้คาถาตามแบบที่ว่ามา #กำลังของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะส่งมาช่วย ในเมื่อกำลังท่านส่งมาช่วย คาถาจะได้ผลง่ายขึ้น #ตัวเราก็ออกแรงแค่ครึ่งเดียว

    การที่เราจะป้องกันตัวจากไสยศาสตร์ หรือจากบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี #หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกให้เสกข้าวกิน คาถาที่ท่านบอกให้ใช้มี อยู่ ๒ - ๓ บทด้วยกัน

    บทแรกคือ บารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วย นะโมพุทธายะ ท่านบอกว่า ก่อนจะฉันอาหาร #ให้เสกข้าวโดยการทำน้ำมนต์พรมเสียก่อน แต่อย่างนั้นรู้สึกว่ายุ่งยาก ผมเองไม่ค่อยชอบความยุ่ง #ผมจะภาวนากำหนดภาพพระ #ครอบไปหมดทั้งบริเวณนั้นเลย

    ท่านบอกว่า #ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่ไสยศาสตร์ทำมา #จะกลับคืนสภาพเดิม ถ้าหากว่าไม่มีก็แปลว่าปลอดภัย คาถาท่านว่า

    อิติปาระมิตตา ติงสา
    อิติสัพพัญญู มาคะตา
    อิติโพธิ มะนุปปัตโต
    อิติปิโส จะ เตนะโม

    นี่เป็นบารมี ๓๐ ทัศ แล้วต่อด้วยพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ นะโมพุทธายะ ว่าเป็นชุดเดียวกันไปเลย เสกข้าวกิน

    ส่วนอีก ๒ บท บทหนึ่งเป็นของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระพุทธกัสสปะ อีกบทหนึ่งเป็นของท้าวเวสสุวรรณ ท่านบอกว่า เสกคาถานี้แล้ว #จะทำลายยาพิษยาสั่งที่เขาใส่มาในอาหารได้ อาหารที่เหลือจากการขบฉันของเรา #จะเป็นยารักษาโรคของผู้ที่นำเอาไปกินต่อด้วย

    บทแรกท่านว่า พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ #นี่เป็นของพระพุทธกัสสปะท่าน

    บทที่ ๒ ว่า พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ #นี่เป็นของท้าวเวสสุวรรณท่าน

    ทั้ง ๒ บทนี้ #ให้เสกต่อเนื่องเป็นบทเดียวกันไปเลย แต่ว่าการใช้คาถาตามแบบของหลวงปู่ หลวงพ่อ #ท่านให้บูชาครูเสียก่อน โดยใช้ ธูป ๕ ดอก เทียนขาว ๕ เล่ม ดอกบัวขาว ๕ ดอก #บูชาครูขออนุญาตใช้คาถานี้

    ถ้าหากว่าเราใช้บารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ #จะทำลายของไสยศาสตร์ทั้งหมดที่เขาทำมา แต่ว่ายาพิษยาสั่งนั้น เป็นอันตรายที่เกิดจากวัตถุธาตุ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ท่านให้ใช้บท พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ #นี้ทำลายยาพิษยาสั่ง

    ส่วน พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ #ท่านบอกว่าจะช่วยเป็นยารักษาโรคภัย สำหรับท่านทั้งหลายที่นำเอาอาหารส่วนที่เหลือจากพระไปกินไปใช้

    เรื่องของคาถา ถ้าหากว่ารู้กัน รู้แก้ #ไม่ต้องไปทำอะไรเขาหรอก #ทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะว่าเรื่องของไสยศาสตร์ ถ้าหากว่าเราไปตอบโต้เข้าเมื่อไร เขาเองสู้ไม่ได้ #เขาจะหาคนที่เก่งกว่ามาเรื่อย#แล้วจะเป็นเรื่องที่ไม่รู้จบ"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    อบรมที่เกาะพระฤๅษี วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQnFuqIg7wTr3hOPOKaS0sNnkcJglpemKLUpOiKMLEsVuq7iQ3nZBFJ1cBNYIzissnM&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ส่วนใหญ่พวกเราไปไขว่คว้าหาหลักธรรมที่เกินความต้องการอย่างแท้จริง แทนที่จะมุ่งตรงเข้าหา ศีล สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เราก็ไปแสวงหาฤทธิ์เดชความสนุกสนานต่าง ๆ มาใส่ตัว ซึ่งนอกจากจะปฏิบัติยากแล้ว ยังทำให้ยึดติดได้ง่ายด้วย

    โดยเฉพาะว่า ในยุคสมัยนี้ความเป็นอุคฆฏิตัญญูบุคคลก็ดี วิปจิตัญญูบุคคลก็ดี ทั้งสองประเภทนี้แทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้ว พวกเราควรจะกำหนดตนเองว่า เราทั้งหลายเป็นแค่เนยยะ คือเวไนยสัตว์ที่สั่งสอนได้ แต่ต้องจ้ำจี้จ้ำไชกันอยู่บ่อย ๆ

    การที่จะให้ครูบาอาจารย์ท่านมาจ้ำจี้จ้ำไชบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ตัวเราต้องรู้จักตักเตือนตนเอง ย้ำเตือนตนเองอยู่บ่อย ๆ ว่า เรามาปฏิบัติธรรม เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? อาการเตือนตนของตนทั้งหลายเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราทั้งหลายรู้ตัว สำรวจตนเองดูว่าในหลักการปฏิบัติของเรามีข้อบกพร่องตรงไหนหรือไม่ ? ศีลทุกสิกขาบทมีข้อใดบกพร่องบ้าง ? การทำสมาธิของเราได้ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปบ้างหรือไม่ ? และท้ายสุดเราได้ใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณาให้เห็น ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีตัวตนของร่างกายเรา ของร่างกายคนอื่น ของสัตว์อื่น ๆ บ้างหรือไม่ ? ถ้าเรารู้จักเตือนตนเองในลักษณะอย่างนี้ โอกาสที่เราปฏิบัติธรรมแล้วก้าวหน้าก็จะมีสูง

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ อย่าไปสนใจในจริยาผู้อื่น การสนใจในจริยาผู้อื่นมีแต่จะสร้างความเศร้าหมองให้แก่ตัวเราเอง เพราะเรามักจะไปมองเขาในแง่จับผิด ว่าเขาทำไม่ดีอย่างนั้น เขาพูดไม่ดีอย่างนี้ อาการที่เราจะมองคนอื่นนั้น ถ้าจะมองให้เกิดประโยชน์ก็คือ มองว่าเขามีความบกพร่องต่อสิ่งใด ถ้าเราบกพร่องเช่นนั้นเราก็รีบนำมาแก้ไข เขามีความก้าวหน้าตรงไหนบ้าง เราต้องพยายามเลียนแบบและทำตามเขาให้ได้

    ไม่ใช่ไปดูในลักษณะจ้องจับผิดคนอื่น ทำให้จิตประกอบไปด้วยวิหิงสาวิตก คือ ตรึกในการเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เสมอ มีแต่สร้างความเศร้าหมองให้เกิดขึ้นกับใจของตนเอง หาประโยชน์ หาสาระอะไรไม่ได้

    ในแต่ละวันเราควรจะใช้เวลาในการทบทวนดูว่า ศีลทุกข้อของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ถ้ามีข้อไหนบกพร่อง เราต้องรีบตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะรักษาศีลทุกข้อให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ในส่วนของสมาธิภาวนานั้น เราดูง่าย ๆ แค่ว่า มีนิวรณ์ ๕ กินใจเราได้หรือไม่ ? กำลังใจเราคล้อยตามไปในด้านของ รูปสวย เสียงเพราะ รสอร่อย กลิ่นหอม และสัมผัสระหว่างเพศหรือไม่ ?

    มีความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทคนอื่นหรือไม่ ? มีความง่วงเหงาหาวนอนชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติหรือไม่ ? มีความฟุ้งซ่านรำคาญใจ จิตใจไม่สงบหรือไม่ ? และท้ายที่สุดมีความลังเลสงสัยในคุณความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บ้างหรือไม่ ? ถ้ามีอยู่ก็รีบขับไล่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ออกไปจากใจ และระมัดระวังไว้อย่าให้เข้ามาได้อีก

    วิธีการขับไล่ที่ดีที่สุดก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าสภาพจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะกวนเราไม่ได้ และข้อสุดท้ายก็คือ หลังจากภาวนาแล้ว เมื่อเราคลายกำลังใจออกมา เราได้นำวิปัสสนาญาณมาพินิจพิจารณาบ้างหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเรานำวิปัสสนามาพินิจพิจารณาอยู่ เราสามารถเห็นได้ชัดเจนหรือไม่ ? ทั้งหลายเหล่านี้เราจำเป็นต้องเตือนตนเองอยู่ทุกวัน ๆ

    การปฏิบัติธรรมนั้นเราจะเบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ เพราะเหมือนกับการปีนเขาหรือว่ายทวนน้ำ ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ต้องเหนื่อยต้องหนักอยู่ตลอดไป แต่ถ้าถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไร เราก็จะพ้นจากความเหนื่อยยากทั้งปวง เราจะเห็นว่าความทุกข์ยากตั้งแต่ต้นมาจนถึงบัดนี้ ล้วนแล้วแต่คุ้มค่ามหาศาล เพราะว่าเราไม่ต้องย้อนกลับไปหาความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นอีก

    ดังนั้น...ในแต่ละวันให้ทบทวนในเรื่องของศีล ว่าแต่ละสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ในเรื่องของสมาธิคือ สภาพจิตของเราโดนนิวรณ์ครอบงำบ้างหรือไม่ ? ในเรื่องของปัญญาคือ เราได้พินิจพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวตนของร่างกายของเราหรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็ทำให้เกิดขึ้น ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ โอกาสที่เราจะเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม โอกาสที่เราจะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานจึงจะมีขึ้นแก่เราได้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)

    Credit: เว็บวัดท่าขนุน
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    ?temp_hash=f8ca16a4e1feae4c7be97f0d093d77c1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQldJNOZUVnXTVK3I30CoUgqJPHznkrqiYJpnZZiXNA7A55QRowaLPNWMPIf9xuzQQw&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQlS4QC_hCOmF7XJtj-y7cwgWf8PoBqzWgBqkYN7kXml8GbY9tl58sa25-gy8sBldm8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    "ถ้าโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้"


    ถาม : ผมทำงานจนกระทั่งได้ผลงานเป็นอันดับหนึ่งของบริษัท ช่วงเดือนธันวาคมมีใครไม่รู้เล่นวิธีพิสดาร ชนะผมไปเลย เสร็จแล้วต้องมีการรับรางวัล ผมกลายเป็นที่สอง ผมไม่อยากไปรับเลย ถ้าเกิดผม..?
    ตอบ : กลายเป็นคนไม่มีน้ำใจนักกีฬา เราไม่รู้แพ้รู้ชนะ

    ถาม : นั่นสิ..ผมรู้สึกว่าไม่แฟร์ ?
    ตอบ : นั่นก็เรื่องของเขา เราก็ทำของเราไป แล้วก็ดูไปด้วยว่าเขาใช้วิธีไหน ซอกแซกไปได้

    ถาม : เหมือนวิ่งแข่งพันเมตร เราวิ่งมาตั้งแต่ต้น พอร้อยเมตรสุดท้ายเขานั่งเฟอร์รารี่แซงมา แล้วก็เดินเข้าเส้นชัยไปเลย แล้วก็บอกว่าไม่ผิดที่นั่งรถ ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลยครับ ?
    ตอบ : เราก็ใช้วิธีเดียวกับเขาบ้าง

    ถาม : อย่างนี้เราควรไปรับรางวัลไหมครับ ?
    ตอบ : ควร…จะได้อยู่ในลักษณะรู้แพ้รู้ชนะ แสดงความยินดีกับเขาด้วย เป็นการวัดกำลังใจของเราได้ดีที่สุดเลย รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย จริง ๆ แล้วเป็นกำลังใจของทางด้านธรรมะโดยตรง แม้ว่าเขาจะไม่ตรงไปตรงมาก็ตาม แต่เราก็ต้องเข้าใจในจุดที่ว่า ในเมื่อเขาทำได้ตามกติกา เราเองก็ยอมรับกติกานั้นด้วย

    ถาม : ผมตั้งใจจะไม่ไปนะนี่ ?
    ตอบ : ให้แกล้งทำเป็นคนโง่ ไม่รู้ไม่ชี้ สามก๊กเขาบอกว่า ถ้าโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุน
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQnLvqQpe0lpWs641Dl5Gjmo2SIIYJlCgAd9Jj8qd6ezWNTP7QKKDH7fiRkoOYLPeFo&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ แล้วโทรศัพท์ก็ไม่ติดอาตมาด้วย เมื่อเดือนก่อนลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ ๓ วัน พระผู้ใหญ่โทรมา ๗ – ๘ สาย ไม่ได้รับสักสาย ท่านคงคิดว่าอาจารย์เล็กฆ่าตัวตายไปแล้วกระมัง...?

    ด้วยความที่ไม่ติดโทรศัพท์ ขาดไปก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร ก็ทำงานไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีตอนจะออกไปข้างนอก ขึ้นรถแล้ว อ้าว...โทรศัพท์วางอยู่บนเบาะ หยิบขึ้นมาดูมีสายเข้ามา ๗ – ๘ สาย เมื่อไม่ติดอะไรก็รู้สึกว่าสบายดี

    ญาติโยมทดลองทิ้งโทรศัพท์สักวัน ดูว่าจะลงแดงตายไหม ? ต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้าอย่างชนิดคนติดบุหรี่ติดเหล้าแล้วอยากหรือเปล่า ? ต่างประเทศเขามีหมอจิตวิทยารับรักษาเรื่องของการเสพติดเทคโนโลยีโดยเฉพาะ บ้านเราคงรักษาไม่ได้หรอก

    เหตุที่รักษาไม่ได้เนื่องจากพวกเราไม่ยอมให้รักษากัน รู้สึกตัวเองมีความสุขที่จะได้ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ หารู้ไม่ว่าผลาญเวลาไปเท่าไรก็ไม่รู้ ที่แน่ ๆ ก็คือ การปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหมดไป กลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ดี...เพราะว่าบางคนมีรถยนต์ส่วนตัว มีเรือยอร์ชส่วนตัว คุยโขมงไปหมด เรามีโลกส่วนตัวยังไม่คุยทับใครเลย...!"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุน
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
    c_oc=AQn3KRWeq8BnkEeoGSR2CQRNKBOq6JDIAePCwcrgFLrgd-fnlNQL3Jt7R5FRkZtSZY4&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,597
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +70,497
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...