เรื่องเด่น การฝึกกสิณ ถ้าตั้งใจทำตามพระพุทธเจ้าท่านกล่าว รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้เลย

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 พฤษภาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    8BC8318C-BCC2-414E-8235-0E631CAFAD4D.jpeg

    มีโยมถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกสิณ พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการฝึกกสิณเป็นพื้นฐานที่ง่ายมาก ๆ เพราะกสิณเป็นของหยาบ มีวัตถุเป็นเครื่องเพ่ง ยกเว้นกสิณแสงสว่างและอากาสกสิณเท่านั้น

    ในเมื่อมีวัตถุให้ยึด อารมณ์ใจก็ทรงตัวได้ง่าย สำคัญตรงที่ทำแล้วต้องประคองดวงกสิณไว้ให้ได้ ถ้าประคองไว้ไม่ได้ ปล่อยให้นิวรณ์ ๕ เข้ามา ก็กลับมามืดบอดใหม่ ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

    ดังนั้น..การฝึกกสิณ ถ้าตั้งใจทำตามพระพุทธเจ้าท่านกล่าว รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้เลย เพราะใจเราต้องจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับองค์กสิณอยู่ตลอดเวลา เคยใช้คำเปรียบเทียบว่า เหมือนกับเราเลี้ยงลูกแก้วที่ตั้งอยู่บนปลายเข็ม เผลอเมื่อไรลูกแก้วก็ตกแตก เพราะฉะนั้น..ต้องมุ่งมั่นประคับประคองสุดชีวิต ทำให้อารมณ์ที่จะไปปรุงแต่งเป็นรัก โลภ โกรธ หลงก็ไม่มี

    ดังนั้น..ในเรื่องของสมาธิหรือกสิณไม่ต้องมาถาม ไปหาตำรามา ชอบกองไหนก็ลุยไปเลย ส่วนใหญ่พวกเราหลายใจ พอใครว่าอะไรดีก็เปลี่ยนไปทำอย่างนั้น การปฏิบัติกรรมฐานต้องทำของเดิมให้ถึงที่สุดก่อน

    คำว่า "ถึงที่สุด" ก็คือ ถ้าเป็นในเรื่องของสมถภาวนาต้องได้ฌานสี่ คล่องตัวในกองกรรมฐานนั้น ๆ แล้วจึงเปลี่ยนกองใหม่ ไม่อย่างนั้นจะเกิดเหตุการณ์ที่อาตมาเคยเปรียบว่า ขุดบ่อแล้วไม่ได้น้ำ เราตั้งใจจะขุดบ่อ ขุดไปได้ ๓-๔ วา จวนจะถึงน้ำแล้ว เขาบอกว่าตรงนั้นน่าจะดีกว่า ก็ย้ายไปขุดตรงนั้น ขุดได้สักวาสองวา เขาบอกทางด้านนี้ดีกว่า เราก็ย้ายมาขุดด้านนี้ อีกกี่ชาติถึงจะได้น้ำ?

    เราต้องขุดให้ถึงน้ำไปเลย แล้วค่อยเปลี่ยนที่ อย่าหลายใจ มุ่งมั่นกรรมฐานเดิมของตนเองให้ทะลุปรุโปร่งก่อน แล้วค่อยเริ่มต้นกองอื่นใหม่

    ก่อนจะเริ่มต้นกองอื่น เราต้องเริ่มซ้อมทบทวนกองเดิมไว้ทุกครั้ง สมัยที่อาตมาฝึกอนุสติ ๑๐ ไล่ตั้งแต่พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ มรณานุสติ กายคตานุสติ อุปสมานุสติและอานาปานสติ ถึงเวลาก็ต้องไล่ย้อนทวนแต่ละกอง ก่อนที่จะขึ้นกองใหม่

    พอทำคล่องก็ไปรายงานหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปด้วยความปลื้มใจมากว่า "หลวงพ่อครับ..เดี๋ยวนี้อนุสติ ๑๐ กอง ผมสามารถไล่ครบได้ภายในครึ่งชั่วโมง" หลวงพ่อท่านบอกว่า "ยังใช้ไม่ได้ลูก..ทั้ง ๔๐ กอง ถ้าต้องใช้เวลาถึงสองนาทีนี่แย่มากแล้ว

    ตอนแรกอาตมาไม่เชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะอารมณ์ท้ายสุดเป็นฌานสี่เท่ากัน ถ้าเราไปไล่ทีละกองก็โง่ตายชัก แค่ขึ้นฌานสี่ให้เต็มที่แล้วขยับทีละกอง สองนาทีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ สำคัญตรงที่เราทำคล่องตัวจริงหรือเปล่า ?

    แต่คำว่าคล่องตัวจนทรงฌานสี่ได้ ไม่ใช่พระอริยเจ้านะ เพียงแต่ทรงกองกรรมฐานนั้น ๆ เท่านั้น การจะทรงความเป็นพระอริยเจ้า ต่อให้ได้อภิญญาแล้วก็ต้องย้อนกลับมาในส่วนของสุกขวิปัสสโก ก็คือมาดูเรื่องศีล และมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ซึ่งเป็นกำลังของสุกขวิปัสสโกล้วน ๆ เลย

    ฉะนั้น..ใครจะว่าเรามาด้านของวิชชาสาม มาด้านอภิญญาหก มาสายปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าไม่เลี้ยวมาหาสุกขวิปัสสโก บรรลุไม่ได้หรอก แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นตั้งแต่วิชชาสามขึ้นไป กำลังท่านสูง โอกาสบรรลุท่านง่ายกว่า แต่ต้องมาบรรลุด้วยสุกขวิปัสสโก ก็คือ ต้องมาพิจารณาวิปัสสนาญาณทั้งนั้น"
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...