เรื่องเด่น การฝึกมโนมยิทธิให้เกิดผลสูงสุดคือใช้เพื่อการตัดกิเลส

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 มิถุนายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,403
    90AC46CC-3D2E-488B-AF08-191A8561F8A4.jpeg
    ถาม : (เรื่องมโนมยิทธิ)
    ตอบ : นึกถึงบ้านตอนนี้ พอนึกถึงบ้านจิตก็ไปอยู่ที่นั่นแล้ว แต่ว่าบางทีคำพูดที่ท่านให้มาไม่ตรงกับกำลังใจของเรา เราเลยไม่เข้าใจ แบบเดียวอาตมาส่งโยมแม่ไปฝึก ครูฝึกคือครูพรรณีเดินหัวเราะออกมา “ท่านเล็ก..สอนแม่อย่างไร ? ถามแม่ว่าเกิดมาทุกข์ไหม ? แม่บอกว่าไม่ทุกข์” อาตมาก็บอกว่า “ครู..ไปถามใหม่ ถามว่าเกิดมาลำบากไหม ? แม่อธิบายได้ ๓ วัน ๓ คืน” ใช้คำพูดที่ผิด คนแก่เขาไม่เข้าใจว่าทุกข์อย่างไร แต่ถามสิว่าเกิดมาลำบากไหม ?

    ถาม : ไปเป็นจังหวะที่เขา...
    ตอบ : เอาเป็นว่าอาตมาพูดให้ฟังเองแล้วกัน เรื่องของมโนมยิทธิจริง ๆ แล้วไม่มีเต็มกำลัง ไม่มีครึ่งกำลัง มีแต่มโนมยิทธิเท่านั้น คือถอดจิตไปยังดินแดนต่าง ๆ แต่เนื่องจากว่าการถอดจิตไปด้วยอำนาจของฌานนั้นมีความชัดเจนที่แตกต่างกัน บางท่านไปด้วยกำลังสมาธิชนิดสุดตัวเลย ถึงเวลาก็ทิ้งร่างกองไว้เลยเขาก็เลยเรียกว่าไปเต็มกำลัง แต่บางท่านเริ่มจากการเห็นภาพก่อนเพราะว่าจิตเริ่มอยู่ในอุปจารสมาธิ แล้วถึงเวลาก็น้อมจิตพิจารณาไปตามที่ครูบาอาจารย์ว่าไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ยกจิตไปยังสถานที่นั้นได้

    ถ้าเห็น...เป็นมโนมยิทธิครึ่งกำลัง ถ้าไปได้...เป็นมโนมยิทธิเต็มกำลัง จำไว้แค่นี้พอ เพราะฉะนั้น...คนไหนที่เคยฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลังมาก่อนแล้วไปได้ ขอให้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ตัวเองได้เต็มกำลังมานานแล้วแต่ไม่รู้เท่านั้น ถ้าท่านทั้งหลายเหล่านี้ไปฝึกเต็มกำลังแทบจะไม่มีข้อแตกต่างเลย ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่าจะรู้สึกสว่างขึ้น ชัดขึ้น ไปได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

    ที่เขาแยกเพื่อให้รู้ว่าคุณมาแบบไหน พูดง่าย ๆ ว่าเรามาจากที่เริ่มเห็น แล้วค่อย ๆ ยกจิตไปหรือว่าเราไปได้เลย ต่างกันแค่นี้เอง เขาเลยเรียกว่าเต็มกำลังหรือครึ่งกำลัง

    ถาม : (ไม่ชัด)
    ตอบ : ถ้าเป็นเต็มกำลังจริง ๆ จะไม่รับรู้แล้ว แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านขอบารมีพระสงเคราะห์ เพื่อให้สามารถตอบคำถามแก้สงสัยของคนที่ไปไม่ได้ ก็เลยให้มีความรู้สึกที่เนื่องกันอยู่ได้ เกิดจากบารมีพระที่สงเคราะห์อยู่ ลักษณะนั้นจะว่าไปแล้วก็เป็นฌานใช้งาน ถ้าใครทำอย่างนั้นบ่อย ๆ ต่อไปจะทรงฌานใช้งานได้ดีเป็นพิเศษ

    ถาม : (ไม่ชัด)
    ตอบ : มีเยอะมาก แต่ว่าการฝึกมโนมยิทธิในปัจจุบันนี้เป็นที่น่าเสียดายว่าเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์เอาไปใช้ผิดหมดเลย มโนมยิทธิในความหมายของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านต้องการให้เรารู้จักพระนิพพาน ไปพระนิพพานได้ แต่เขากลับเอาไปดูว่าเธอเป็นอย่างนั้นกับฉัน เธอเป็นอย่างนี้กับฉัน แทนที่จะเข็ดว่าเกิดมาชาติแล้วชาติเล่ายังทุกข์ไม่รู้จบ ก็ดันไปผูกสัมพันธ์กันใหม่ แทนที่จะเอาตัวหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ เลยกลายเป็นยิ่งติดหนักเข้าไปอีก

    อาตมาเจอมาหลายคู่แล้ว จะฆ่ากันตายเพราะอีกฝ่ายบอกว่าเคยเป็นเมียเขา ขณะที่ปัจจุบันดันไปเป็นเมียอีกคน ไม่ตีกันตายก็บุญโขแล้ว ต้องอยู่กับปัจจุบันเป็นหลัก อดีตคืออดีต แต่ขณะเดียวกันก็ให้รู้จักเข็ดด้วยว่าเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว

    เรามาไล่ดูทิพจักขุญาณ ว่าช่วยในการตัดกิเลสไหม ? ถ้าเราไม่ได้ดูเพื่อที่จะเบื่อก็ไม่ช่วยในการตัดกิเลส ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้ แต่ละชาติเราทุกข์พอหรือยัง ? ปัจจุบันนี้เราทุกข์อยู่หรือเปล่า ? จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนตายแล้วไปไหน สัตว์ตายแล้วไปไหน ถ้าหากเราเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ ท้ายสุดเจโตปริยญาณ เรารู้ใจตัวเองว่ามี รัก โลภ โกรธ หลง แค่ไหน แล้วป้องกันขับไล่สิ่งไม่ดีออกไปไม่ดีกว่าหรือ ?

    สรุปแล้วก็คือว่าในเรื่องของมโนมยิทธินั้น จริง ๆ แล้ว ถ้าเราเอาจิตเกาะพระนิพพานได้ สภาพจิตที่ปราศจากกิเลส ไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง เบาสบายอย่างไร เราจำอารมณ์นั้นไว้ ถึงเวลาลงมาแล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุด พอสภาพจิตเคยชินกับสภาพหมดกิเลสนั้นไปนาน ๆ ต่อไปก็จะสามารถที่จะเข้าถึงได้โดยอัตโนมัติเอง นี่คือสิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการให้กับพวกลูกศิษย์ ว่าเป็นวิธีตัดกิเลสไปพระนิพพานได้ตรงที่สุด ง่ายที่สุด แต่พวกเรากลับเอาไปใช้ผิดกันอย่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

    ฝึกได้แล้วหมั่นซักซ้อมไว้ ช่วงที่อารมณ์ใจของเราท่องไปตามแดนต่าง ๆ รัก โลภ โกรธ หลง กินเราไม่ได้ ท้ายสุดไปจดจ่ออยู่ที่พระนิพพาน เราจะได้รู้ว่าสภาพหมดกิเลสจริง ๆ เป็นอย่างไร แล้วจดจำมา รักษาอารมณ์นั้นไว้กับเรา ทำบ่อย ๆ รักษาไว้บ่อย ๆ เดี๋ยวได้ดีไปเอง เรื่องระลึกชาติ เรื่องการรู้ใจคนอื่น เรื่องการดูโน่นดูนี่...เลิกซะทีเถอะ ไม่ชัดแล้วยังมั่วอีกต่างหาก..!

    สมมติว่าเรานึกถึงพระ ไม่ต้องชัดหรอก มั่นใจว่าตอนนี้มีพระอยู่ตรงหน้าของเรา แล้วพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ? พระพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่กับพระองค์ท่าน เราอยู่กับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน เอาใจเกาะแค่นี้ หลุดออกมาเมื่อไร รู้ว่าเราหลุดจากพระแล้วก็รีบขึ้นไปใหม่ ซ้อมทำอย่างนั้นทุกวัน ๆ ความชัดจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ เอง

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...