สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รูปติดบัตร, 26 พฤศจิกายน 2016.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    อยู่แถวๆนั้นหละ พวกนี้ถ้ามาจับร่างกายเราส่วนไหน
    ร่างกายเราจะเป็นสีทองไปด้วย

    ครูบาร์อาจารย์ แนะนำให้ไปพบ พระครูปลัดสุริยัน
    วัดป่าฉัพรรณรังสี อ.จตุรัส ชัยภูมิ นะ เข้าไปดูเพจวัดได้ ใน Fb จะได้รู้และเข้าใจอะไรดีๆอีกเยอะ ...
     
  2. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    เข้าไป FB group แล้วครับ ขอบคุณมาก

    ครูบาร์อาจารย์ของผมหรือคุณนพฯ ครับ? เดี๋ยวถ้าเดือนนี้ผมยังทำไม่ได้ เดือนหน้าจะลองไปพบท่านครับ
     
  3. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    สงสัยจะไม่ได้ไปละ โควิดมาอีกแล้ว 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2020
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    รอปีหน้าค่อยว่ากัน ๕๕๕
     
  5. lordsir

    lordsir Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +76
    คาราวะ อาจารย์ นพ และศิษย์พี่ครับ
    ช่วงนี้ได้ยิน ได้ฟังกันมา ว่าหลังจากนี้เหมือนภัยพิบัติมาเยอะขึ้นแต่ฟ้าเปิดเบื้องบนก็เปิดให้คนเรียนวิชาทางจิตเพิ่มได้เยอะขึ้น จริงไหมครับ อาจารย์
    ประกอบเมื่อคืนฝันแปลก ฝันได้เข้าร่วมพิธี บูชาเทพอะไรสักอย่างแล้วได้รับการสักยันต์
    โดนสักกลางลิ้นปี่ แปลกตรงว่าทำไมเจ็บจริง ตื่นขึ้นยังแปล๊บๆ
    ในใจก็ช่างมันๆ แต่เอ ไอเราก็เป็นคนขี้สงสัย เลยมาเล่าให้อาจารย์ฟัง เผื่อเป็นอะไรไม่ดีจะได้แก้ทัน รบกวนอาจารย์โปรดชี้แนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  6. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    HNY ครับ คุณนพฯ ขอให้เจริญในธรรม :)
     
  7. นางละเวง5555

    นางละเวง5555 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่นพ..อยากรบกวนเรื่องถอดกายทิพย์ค่ะ..นี่เป็นครั้งที2..ในการถามเรื่องแบบนี้..คือว่าเมื่อวานตออบ่าย2เห็นจะได้นอนเล่นๆอยู่กายในก็หลุดออกมาแต่ออกมาแบบพยุงตัวเองค่อยลุกขึ้นมายืน..คือนอนที่ริมชานบ้านเสาเยื้องลงไปในทะเล..ยืนขึ้นและมองออกไปข้างนอกบ้านเป็นทะเล..คือบ้านติดทะเล..แล้วค่อยๆมองสำรวจยรรยากาศรอบๆตัว..ทีท้องฟ้าและทะเลสังเกตุได้ว่าบรรยากาศคล้ายๆกับเวลา6โมงเย็นใกล้ค่ำ..ทั้งๆที่รู้อยูว่าแดดออกจะเปรี้ยงมาก,.หลังจากนั้นก็หันกลับเข้าไปในบ้านสำรวจช้าๆภายในบ้าน..มีสมาชิกอยู่กับครบ..ก้อไม่ได้สนใจใคร..คิดแต่เพียงว่าฉันจะเดินไปหน้าบ้าน..เพื่อไปกราบองค์พระ,และอยากขอชมบารมีพระ..มีองค์พระพุทธรูป..และหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ..ทั้งเป็นแบบภาพสีและองค์พระกะว่าจะไปกราบให้หนำใจให้ชื่นใจ..พอไปถึง..จะกราบมองไปที่หิ้งพระ..ปรากฎว่าไม่มีองค์พระใดๆเลยสักรูป..ว่างเปล่า..อ้อเหลือแต่รูปภาพพระแผ่นเล็กๆแปะติดอยู่ดูไม่ออกว่าท่านเป็นใคร..เสียใจมาก..ร้องไห้โฮออกมา..และเดินกลับมาหลังบ้าน..กลับมาทีร่างกายตนเองต่อ..นอนลงไปและจัดท่าทางให้เข้ารูปรอยเดิม..และเมื่อเข้าท่าเข้าทางเดิม,เหมือนมีเสียงเข้าล็อค..ปรากฎว่าตั้งท่าเตรียมตัวตื่น..แต่มันตื่นไม่ได้..ก้อคิดใหม่ว่าไปเที่ยวดีกว่า..กายในก็ลุกขึ้นมาแบบสลึมสลืมพยายายามลืมตาดู..บังคับตาในให้ดูบรรกาศหลังบ้าน..ก็ยังเป็นสลัวๆ6โมงเย็นเหมือนเดิม...ก็ค่อยๆเหาะถอยหลังลอยออกไป..กลางทะเล...ไปเรื่อยเปื่อย..กำลังจะเข้าแนวป่ารกชัก..ก้อฝืนตัวเองบอกว่าไม่ๆช้านไม่ไปช้านกลัว..แล้วเหมือนเสียงถามมาว่าแล้าจะไปไหน..บอกว่าอยากไปเมืองพญานาค..กายก้อดำลงไปในทะเล..ไปพบเด็กพญานาคเป็นเด็กผู้ชาย..เขาถามว่าอยากเห็นมากหนักหรือ..ก้อบอกว่าอยากเห็น..เขาทำภาพพญานาคตัวเล็กมีเกล็ดสีทองนอนขดอยู่และแผ่พังพานให้ดูเป็นสีทอง..แล้วก็กลับมาแบบงงๆ..พี่นพค่ะ..ขอถามสัก2คำถาม1ทำไม่ถึงไม่เห็นองค์พระที่บ้านค่ะ..คือถอดออกมา3ครั้ง..มากราบพระ..แต่ไม่เห้นองค์พระทั้ง3ครั้ง..2.เคยถอดกายออกมากราบหลวงปู่ทวด..มีหิ้งหลวงปู่ที่ห้องนอนตัวเอง,ทำไมถึงกราบท่านได้ค่ะ..3..ที่ลงไปดูพญานาคเด็ก..ไม่แน่ใจว่าเพ้อไปหรือปล่าว..ได้ไปจริงหรือปล่าวหรือฝันไป..รบกวนตอบให้ด้วยนะคะ
     
  8. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    แวะมาให้กำลังใจในการปฏิบัติทุกท่านครับ..:)
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,245
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,048
    SadhuToon.jpg 16janteacherday.jpg
    สุขสันต์วันครูค่ะท่านอ.นพ
     
  10. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ผ่านมา.. เดือนกว่าแล้ว.. ครับ /

    ท่าน อ.นพ :):)

    ยังคิดถึง.. เหมือนเดิม..

    รอ.. กดไลค์.. รอ.. กดติดตาม อยู่ นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2021
  11. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    สวัสดีค่ะท่านอาจารย์นพ

    มีเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติรบกวนสอบถามค่ะ

    ช่วงนี้กำลังฝึกสลัดอารมณ์ต่างๆที่วิญญาณ+จิต เข้าไปรู้ให้ได้ต่อเนื่องในเวลาที่ต้องการค่ะ
    เพื่อไม่ให้เบื่อโลกเกินไป เพื่อทรงอุเบกขาอยู่ได้ (พยายามรักษาสมดุลย์ค่ะมันเห็นแต่เหตุเกิดทุกข์ ก่อนหน้านี้มันเบื่อจิต เป็นความไม่แน่นอน แปลเปลี่ยน บังคับไม่ได้ ดีก็ไม่เที่ยง ไม่ดีก็ไม่เที่ยง พอดีก็ทำให้ต่อเนื่องตลอดเวลาไม่ได้) มันก็ทุกข์อีก

    พักหลังเลยมาสนใจอการที่กำลังเริ่มเข้าไปรู้อารมณ์ค่ะแล้วรีบสลัดออกตั้งแต่ตอนนั้น (ก่อนนี้มันเห็นสัญญาทั้งหยาบ ทั้งละเอียด เห็นเผลอมีเวทนาไปตามสัญญา เผลอปรุงต่อ มีไรตามมาก็ทุกข์อีก)

    เลยมาคอยสลัดอารมณ์ที่กำลังเห็นมันเริ่มๆโผล่หัวขึ้นมาสลัดหมด ดันออกหมดค่ะ เพื่อตัดวงจรนั้น (มีอุเบกขาเวทนาแทน)

    อยากทราบว่าความว่างที่เกิดจากเจตนาที่คอยรู้ทันอารมณ์ที่จิตกำลังจะไปเกาะ
    เรียกว่าอะไรคะ ถ้าจะเรียกตามศัพท์ของนักปฏิบัติหรือตามพระธรรมคำสอน

    แล้วจิตขณะนั้นที่คอยละอารมณ์ต่างๆนั้น หากเข้าใจว่าทำซ้ำๆไปจะค่อยอ่อนโยนขึ้น เป็นธรรมชาติขึ้น ละเอียดขึ้นได้เอง จะดำเนินไปสู่ความว่างที่ละเอียดประณีตกว่านั้นเองถ้าทำต่อเนื่อง และสามารถนำมาช่วยในการดำเนินชีวิตได้ดีขึ้น อันนี้เข้าใจถูกมั้ยค่ะท่าน (ไม่ได้จะเอาอะไรค่ะ แค่เห็นว่ายังทุกข์อยู่ เห็นเหตุเกิดทุกข์ เพราะสัญญา สังขาร
    และเวทนาก็เกิดตามมาได้ เลยคอยสลัดอารมณ์อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ชีวิตที่ยังต้องดำเนินไปอยู่นี้ ไม่ทุกข์ ไม่เหนื่อยเกินไปค่ะ ) ระหว่างนี้ก็พึ่งสิ่งที่พอพึ่งได้ไปก่อนค่ะ เพราะไม่งั้นมันจะอยากหายไปจากรูปนามขันธ์5นี้เร็วๆ ก็กลายเป็นจิตอกุศลไปอีก

    ออแล้วก็มีปัญหานึงค่ะ มันมีอาการเหมือนไม่อยากจำอะไร ไม่อยากเอาอะไรเข้าไป ให้เป็นสัญญาใหม่ ปัญหาคือบางอย่างควรจำเพราะยังทำงานอยู่ แต่ดันไม่จำ อันนี้ควรแก้ยังไงได้บ้างค่ะท่าน

    รบกวนท่านอาจารย์นพแนะนำหน่อยค่ะหากมีตรงไหนเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง

    (แค่อยากมั่นใจว่ามรรคที่กำลังทำอยู่นี้ ไม่มีโทษ หรือหากมีโทษ ขอความเมตตาตักเตือน แนะนำ เพื่อเป็นการสำรวมระวัง และปรับแก้ไขต่อไปค่ะ)

    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ






    วิญญาณมีเพราะนามรูป นามรูปมีเพราะวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2021
  12. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,810
    หากคุณ @atitarn2009 สะดวกและมีเวลาว่าง… ผมอยากให้คุณ @atitarn2009 ลอง คลิ๊ก เข้าไปอ่านพิจารณาในโพสต์ #15 #16 นี้ดูนะครับ [^ ^] เป็นโพสต์ที่พี่นพ (AKA. บุรุษไร้เงา) ได้โพสต์ตอบข้อสงสัยผมไว้เมื่อเร็วๆนี้ครับ… บางทีอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณ @atitarn2009 ครับ _/\_
     
  13. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอบคุณอย่างสูงค่ะ มีเวลาจะเข้าไปหา และตั้งใจอ่านพิจารณาดูนะคะ ^ ^ _/\_
     
  14. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ได้อ่านมาแล้วนะคะ
    ขอบพระคุณท่านทั้งสองมากค่ะ (ท่านอาจารย์นพ,คุณ rachotp)

    เหมือนได้เห็นทางที่ตนกำลังเดินไปชัดแจ้ง เกิดความมั่นใจขึ้นมาก
    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ_/\_
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    เด่วช่วยเพิ่มเติมข้อสังเกตุให้ นอกจากที่ rachotp บอกนะ

    กิริยาตรงนะที่ทำมาโอเครแล้ว แต่ให้เพิ่มการสังเกตุย้อนมาที่ตัวจิตด้วย
    เหตุเพราะ ด้วยที่สัมผัสภายในเรามันไปรู้ ไปเห็นนั่นหละ (กระบวนการที่ตัววิญญานมันส่ง
    ออกจากจิตไป) ซึ่งกิริยาแบบนี้ในระดับเราไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่ว่า มันจะไปรู้ ไปเห็นเฉยๆ
    แต่ว่ามันจะไปวาง มันจะทำให้การรู้เห็นตรงนี้ ยังติดภายใต้สมมุติอยู่ได้
    อย่างที่เราคาดไม่ถึง ส่งผลให้เราเกิดอารมย์ต่างๆนาๆ เช่น อารมย์เบื่อโลกได้นั่นหละ
    เราเองก็อาจจะยังสงสัย เอ่อ ไปรู้ไปแล้ว ไปเห็นแล้วทำไมมีอารมย์แบบนี้ได้....

    เพิ่มการสังเกตุคือ ตัวจิตนะ ห้ามเกิดเป็นอันขาด แม้แต่นิดเดียว ถ้ามันไปรู้ ไปเห็น
    แบบเดิมอีก แล้วเราลองมาจับบริเวณลิ้นปี่นะ ถ้าสัมผัสได้ ว่ามันเหมือนมีอะไรขยับๆข้างใน
    หรือ กระเพื่อมแม้แต่นิดเดียว ให้ รีบทันที ไม่ว่าจะระลึกรู้ลมเข้าออกที่ปลายจมูก หรือ จะหายใจออกโดยการผลักลมออกจากกลางลิ้นปี่ ให้เหมือนว่า ลมหายใจออกมันขยายออกจากกลางลิ้นปี่โดยไม่ต้องสนใจทิศทางอะไร
    หรือจะกำหนดดับ หรือจะระลึกลมหายใจเข้าออกหยุดที่ปลายจมูกยาวขึ้น พวกนี้ ถ้าทำตานิ่งๆไม่ขยับซ้ายและขวาด้วยจะทำให้ ดับได้เร็วยิ่งขึ้น

    ต่อไป ถ้าแน่ใจว่า จิตไม่เกิดได้แล้ว กระบวณการไปรู้ ไปเห็นแบบเมื่อก่อน
    กิริยา มันจะเปลี่ยนเป็น ปล่อยให้จิตรับรู้ว่างอยู่ภายในอย่างนั้น(ตรงนี้สติจะทำหน้าที่
    แทนตัวความคิดที่มันเคยเกิดร่วมกับจิตแบบเมื่อก่อนได้เองตอนที่เราไปรู้ไปเห็น) และปล่อยให้มันรู้มันเห็นไป และที่สำคัญ กิริยาแบบนี้แระ เราถึงจำพร่ำสอนจิตเราได้ เช่น ไม่ใช่ทางนะ ไม่ควรนะ กุศลนะ อกุศลนะ มันจะเป็นการเดินปัญญา ถึงจะส่งผลต่อการคลายตัวของจิตได้ คือจะเบา นิ่ม สบาย และถึงจะไม่เกิดอารมย์ แบบที่ผ่านๆมา.....ถึงจะผลิกจากสมมุติไปวิมุติได้
    เครนะ...

    เค้าเรียกว่า รู้แบบมีตัวกระทำ ไม่ว่าจะเพราะสมาธิ ตะบะ ญาน กำลังจิต หรือแม้กระทั้งตัวจิตไปกระทำ ถือว่า เป็นมิจฉาทั้งหมด แต่ว่า มันสามารถนำไปใช้งานที่เป็นประโยชน์ได้อยู่ และกิริยาแบบตั้งท่าที่จะรู้ ข้อเสียคือ จิตมันจ้องจะทำงานตลอด
    มันจะทำให้เกิดเวทนาทางจิตได้ และทำให้จิตไม่ไปทางด้านปัญญา

    แต่จะบอกว่า มันเป็นกันได้ปกตินะ ยิ่งพวกใช้งานทางจิตพอได้ ยิ่งเป็นกันแบบ
    ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนะ กิริยาแบบนี้ กลายเป็นว่า บ้าพลัง ไม่เลยก็มี ๕๕๕

    กิริยาตรงนี้นะมันเป็นความเคยชิน ของจิตเราเองในการส่งออกไปรู้ เราต้องฝึกดับมันให้ชินก่อน
    กิริยาแบบนี้ ส่วนมาก ผู้หญิงที่พอมีสัมผัสนะชอบเป็นกัน แบบไม่รู้ตัว จนเป็นนิสัย และก็ตามไปรู้ไปเห็น เอาไปเอามากลายเป็น ไปร่วมด้วยอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้ดับเลย อย่าไปรู้ ถึงจะรู้ก็ไม่สนใจ ถึงไม่รู้ก็อย่าสนใจ ประหนึ่งว่า ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้กับตัวเอง ไม่ต้องกลัวว่า สัมผัสหรือการรับรู้ การไปรู้ของเรามันจะหายไปไหน ประกันได้ว่า ไม่มีหาย มีแต่จะเป็นธรรมชาติมากขึ้น
    หรือเป็นอัตโนมัติของมันเอง (คือ รู้แล้วตัดและไม่ยึด และวางในเวลาใช้ชีวิตปกติของมันเอง)

    มันถึงจะย้อนเข้าสู่ กระบวณการที่ ถึงไม่รู้ ก็รู้ได้ ถึงไม่อยากรู้มันก็รู้ ถึงเวลาจะรู้มันก็รู้แต่ไม่ยึด
    พูดง่ายๆ คือ กระบวณการรู้ตามวิถีเดิมของจิตเดิมแท้ บางสายก็เรียก
    รู้แบบ เนื้อหน้าเดิมแท้ของจิต




    ไม่ต้องคอยแก้อะไร อ่านที่แนะนำก่อนหน้าพอ ช่วงนี้จำไว้ว่า ฝึกดับการรับรู้แบบเมื่อก่อนซะ

    ไม่มีอะไร เป็นผลจากลักษณะกิริยาที่เราเคยชินมาก่อน
    แก้ตามที่บอก เด่วอาการพวกนี้มันจะหายไปเอง จร้า


    รบกวนพี่บรุษไร้เงาแนะนำหน่อยค่ะหากมีตรงไหนเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง

    (แค่อยากมั่นใจว่ามรรคที่กำลังทำอยู่นี้ ไม่มีโทษ หรือหากมีโทษ ขอความเมตตาตักเตือน แนะนำ เพื่อเป็นการสำรวมระวัง และปรับแก้ไขต่อไปค่ะ)

    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

    วิญญาณมีเพราะนามรูป นามรูปมีเพราะวิญญาณ


    ปล. แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
    ที่ไม่ว่าว่าง และไม่ว่าง นั่นหละว่าง....

    นึกภาพตาม ตัววิญญานนะ ถ้าไม่มีกายนะ
    ตัววิญญานตัวนี้ มันจะคล้ายๆกระแสตัวหนึ่ง ที่ส่งออกจากตัวจิต
    นิสัยมันคือ ชอบส่งออก แต่พูดให้คนเข้าใจกันง่ายๆว่า จิตส่งออก
    เพราะว่า มันจะเกิดเวลา ที่ตัวจิตเกิด คือจิตรวมเป็นก้อนๆนามธรรมแล้ว
    แต่จริงๆ ตัวจิตมันไม่ได้ไปด้วยหรอกนะ แต่มันตัววิญญานนี่หละมันส่งออกไป
    กระทบ แล้วดึงเข้ามา ถ้ามีกาย คือ มันก็ส่งออกจากจิตผ่านตา ไปกระทบแล้ว
    ดึงสิ่งที่กระทบเข้ามา ถ้ามีสัญญาจากสิ่งที่กระทบในจิต เราก็จะเรียกสิ่งนั้นได้ถูก


    ส่วนที่สำคัญของการเดินปัญญา ที่จะเข้าสู่กระบวนการ
    ปล่อยให้จิตว่างรับรู้อยู่ภายในอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะพิจารณาอะไรก็ตาม
    มันจำเป็นที่จะต้อง ดับไอ้ตัวนี้ให้ได้ก่อนในเบื้องต้น มันถึงจะเป็นวิปัสสนา
    ไม่ใช่วิปัสสนึก... แต่กระบวณการรู้ ในขณะที่จิตยังเกิดอยู่ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์
    เพราะมันใช้สำหรับเป็นแนวทางเดินให้จิตสำหรับใช้เดินปัญญาได้
    แต่ดับตัววิญญานดีที่สุด...จะทำให้ไปได้เร็ว และไม่เสี่ยงกับวิปัสสนึก
    หรือเผลอไปยึดเป็นตัวตนได้อย่างคาดไม่ถึง...

    เคยเห็นไหม บุคคลที่ติดในเรื่องพิเศษ บุคคลที่ติดในองค์ความรู้ตน
    กลายเป็น ตนเก่งสุด ตนรู้สุด เพราะว่า ไม่ตัดตัววิญญานการรับรู้
    ที่เล่าให้ฟังนี่หละ...เครเนาะ

    ส่วนสุดท้ายเล่าให้ฟังเฉยๆนะ..
     
  16. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอบคุณมากค่ะท่าน ตั้งใจอ่านอย่างดี

    พบว่าตนเผลอไปยึดข้อความที่ได้อ่านเข้าไปแล้ว
    555+

    เอาใหม่จับแค่ประเด็นว่า ทำเหมือนเดิมซ้ำวนไป เห็นซ้ำๆวนไป
    ดับซ้ำๆวนไป เดี๋ยวความเป็นธรรมชาติจะเกิดขึ้นของมันในระยะต่อๆไปเอง จากการดูซ้ำๆเห็นซ้ำ สังเกตุการทำงานของธรรมชาตินั้นซ้ำๆ ให้มันเล่าจากการทำให้ดูของตัวมันเอง คอยระวังการคิดนึกปรุงไปเอง(อันนี้จิตเกิด)ถ้าแบบนั้นถือว่างยังใช้ไม่ได้

    กับประเด็นที่กลัวเรื่องการไม่จำบางอย่าง ก็คือไม่ต้องกลัว ทำแบบที่แนะนำคือคอยดับคอยละไปเรื่อยๆ อาการพวกนี้ก็จะหายไปได้เอง(ดับความกังวล ลังเลสงสัยประเด็นนี้ไปได้)

    สาธุ_/\_ ค่ะ
    ขอบพระคุณอย่างสูงในความเมตตา ได้รับประโยชน์ตามที่เจตนาแล้วค่ะ _/\_ _/\_ _/\_
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    กิริยาแบบนี้ มันจะเจอช่วงที่กำลังเดินปัญญาและยิ่งช่วงจะเกิดปัญญาทางธรรมขึ้นมา
    จะเจอกันทุ๊กกก คนนั่นแระ สำคัญว่า จะรู้ตัวหรือเปล่า
    คือ บางคนอาจจะงงไง ว่าทำไมทำถึงรู้สึก เบื่อโลก(แทนที่จะอยู่ร่วมโลก
    ได้อย่างแยบยลขึ้น) รู้สึกจิตใจยังเศร้าหมองได้ ทั้งที่ก็เห็นนั่นรับรู้โน้นนี่
    ทำไมหน้าที่ความรับผิดชอบเราไม่ดีขึ้น เราไม่ขยันขึ้นอะไรประมาณนี้

    ต้องเข้าใจเนาะ การทำความเข้าใจนามธรรม ยิ่งเราปฏิบัติไป
    จิตเรายิ่งละเอียดขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งมันก็ละเอียดซะจน
    เราแยกมันไม่ออกซักที ว่ามันเกิดหรือมันดับกันแน่ ๕๕๕

    เค้าถึงให้มาสังเกตุ นิสัย สภาพจิตใจ หลังจากปฏิบัติเอานั่นหละ
    ว่าดีขึ้นไหม ถ้ามันไม่ไปทางที่ดีขึ้น ต้องหาแล้วหละ
    มันต้องมีช่วงการปฏิบัติตรงไหนซักช่วงแระ ที่ทำให้เราเกิดปัญหา

    สบายใจได้เนาะ ต่อจากนี้ไป
     
  18. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ^______^ ค่ะ สบายใจแล้วค่ะ _/\_


    สาธุ.....ค่ะ จริงมากๆเลยค่ะ
    ขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งค่ะ _/\_
     
  19. Gobshite

    Gobshite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +118
    สวดมนต์แล้วหายใจไม่ค่อยทัน หายใจไม่ออก จะสวดเป็นเสียงแต่ละคำใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ถ้าสวดในใจนี่คล่อง พอไปนั่งสมาธิก็รู้สึกตื้อๆๆ ขอคำชี้แนะครับ ต้องการก้าวหน้ามีหลักที่พึ่งให้ใจครับ

    แล้วอยากทราบความเกี่ยวโยงกับท่านท้าวชินะปัญจะระด้วยได้ไหมครับ เพราะรู้สึกเกี่ยวเนื่องกัน อยากสื่อสารกับท่านได้

    ขอบคุณครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    ถ้าสวดออกเสียงให้สวดท่องไปเรื่อยๆ หายใจเข้าออกให้ลึกถึงท้อง และอย่าไปคิด ถึงวรรคตอนหรือว่าถูกผิด พอเราหยุดคิด มันจะมีจังหวะชงักในใจ เพราะเราจะมาเริ่มการหายใจใหม่ แล้วช่วงที่ชงักระบบลมหายใจเรามันจะมาวนอยู่ที่หน้าอกโดยที่เราคาดไม่ถึงลองไปสังเกตุดูเองได้นะ แก้ตามที่บอกแล้วจะไม่เป็น
    ปล. ส่วนนี้ฟังหูไว้หลายๆหูนะ เมื่อประมาณ ๒,๘oo ปี จิตในอดีตที่อยู่กับกายอื่นเคยตามท่านมาก่อน คล้ายๆเป็นมือซ้ายท่านมาก่อน(หมายถึงผู้ติดตามนะ) เรื่องสื่อสารให้เลิกคิดซะ เด่วฟุ้งเปล่าๆ ไม่งั้นมันจะเป็นการสร้างเองเอ่อเองได้ เครเนาะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...