ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. มะโดด

    มะโดด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +642
    ร่วมบุญ 50.- โอนวันที่ 21/12/63 เวลา 09.07 น. โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ สาธุ
     
  2. THANARATH 2010

    THANARATH 2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ผมขอร่วมบุญฝากกระแสกับ "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" เพื่อบริจาคเงินบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์หรือสามเณรอาพาธ (20-12-20 โอน 300 บ.) อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  3. suwin01

    suwin01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2016
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +2,990
    แจ้งโอนร่วมบุญด้วยครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน ธ.ค. 63 ส่งท้ายปี ตามรพ.ภูมิภาค 8 แห่ง

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 4,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-

    รวม 37,000.-

    การบริจาคทั้งหมด ผมจะได้ทยอยโอนปัจจัยไปยัง รพ.ต่างๆ ประมาณต้นเดือน ม.ค.64 นี้ครับ โดยช่วงนี้ยังไม่ได้ไปเบิกเงินที่ธนาคาร สาเหตุเพราะธนาคารแถวบ้านต่างชาติเยอะครับ

    พันวฤทธิ์

    30/12/63




     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ประวัติพระสมเด็จเขียว (สมเด็จปีระกา) หรือสมเด็จกรุวัดยางน้ำชน

    พระสมเด็จ ตระกูลนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ "สมเด็จปีระกา" ,"สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่" "สมเด็จเขียว"
    เมื่อเกิดโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2416 หลังจากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ถึงแก่ชีพิตักษัย(มรณภาพ)เมื่อปี พ.ศ.2415แล้วโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคได้คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากมายเป็นหมื่นคนโรคนี้ระบาดอยู่ถึง 30 วัน นับเป็นโศกนาฏกรรมที่รุนแรงจนต้องลงบันทึกในประวัตศาสตร์
    เมื่อปีระกา พ.ศ.2416 เกิดโรคอหิวาต์(โรคป่วง) ครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายกันมาก กล่าวในจดหมายเหตุบัญชีน้ำฝนของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (เล่ม3) ดังนี้
    "ระกาความไข้ คนตายนับได้ เกือบใกล้สี่พัน เบาน้อยกว่าเก่า หาเท่าลดกันมะโรงก่อนนั้น แสนหนึ่งบัญชี เขาจดหมายไว้ในสมุดปูนมีมากกว่าดังนี้เป็นไป
    (เดือน 8 ข้างขึ้น)
    เกิดไข้ในวัดม้วย วันละคน
    ตั้งแต่สองค่ำดล หกเว้น
    ศิษย์พระวอดวายชนม์ ถึงสี่ เทียวนา
    บางพวกไกลโรคเร้น ชีพตั้ง ยังเหลือ
    จบเสร็จเผด็จสิ้น ปีระกา
    โรคป่วงเกิดมีมา ทั่วดาน
    น้ำน้อยไม่เข้านา เสียมาก เทียวแฮ
    ในทุ่งรวงข้าวม้าน ไค่กล้า นาเสีย"
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ได้มาเข้าฝันชาวบ้านบางช้างให้เอาพระพิมพ์ของท่านทำน้ำมนต์ดื่มกินเพื่อแก้โรคร้ายซึ่ง เมื่อคนกินแล้ว หายข่าวแพร่สะพัดเข้าพระกรรณ พระพุทธเจ้าหลวง

    กล่าวกันว่า ในคราวนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระราชทานแจกสมเด็จ (ชนิดปรกเมล็ดโพธิ์ ที่เรียกกันว่า "สมเด็จเขียว")จึงทรงนำพระสมเด็จที่ทรงเก็บไว้ แจกข้าราชการเป็นการใหญ่ ทำให้โรคระบาดสงบลงอย่างรวดเร็ว ว่าคนเป็นอันมากได้รอดตายเพราะพระสมเด็จนั้น จึงเกิดกิตติศัพท์เลื่องลือกันแพร่หลายสืบมา

    “ พระสมเด็จเขียว ” หรือ “ พระสมเด็จปีระกา ” ที่ประชาชนโดยทั่วไปเรียกเป็นชื่อและกล่าวขานถึง นั่นคือพระสมเด็จวัดระฆังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้จัดสร้างไว้ ส่วนพระสมเด็จชุดนี้จะสร้างที่วัดระฆัง หรือ วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ก็มิอาจทราบได้ แต่ถ้าให้วิเคราะห์ก็น่าจะสร้างที่วัดระฆังและนำไปบรรจุกรุที่วัดพระแก้ววังหน้า เพราะในเวลานั้น (ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ – ๒๔๑๒) เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าในสมัยรัชกาลที่ ๕ อันเป็นตำแหน่งที่ประชาชนในสมัยนั้นเรียกขาน (แต่ตำแหน่งทางราชการที่แท้จริงทั้งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) และเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) คือตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังซึ่งในขณะนั้นดูแลกรมท่าด้วย เพิ่งมาแยกใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๘ เป็นกระทรวงการต่างประเทศ) และกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) ได้ร่วมกันสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้ว แต่ที่น่าแปลกก็เพราะว่ามีพระสมเด็จสกุลนี้ส่วนหนึ่งถูกเก็บไว้ในวิหารน้อยที่วัดระฆังฯ ด้วยเช่นกัน พระสมเด็จเขียวชุดนี้จะมีพุทธศิลป์ เนื้อมวลสารถึงยุคคือ องค์พระสวยงามได้สัดส่วนพบทั้งแบบพิมพ์สมัยใหม่ และแบบพิมพ์โบราณของวัดระฆัง คือพิมพ์ชิ้นเดียว และพิมพ์สองชิ้นแบบถอดยก ส่วนเนื้อมวลสารมีความละเอียดแก่ปูนแข็งแกร่งแต่หนึกนุ่มดูซึ้งเมื่อผ่านการใช้ในระยะเวลาหนึ่ง (บางท่านอาจคิดว่าเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม) สีขององค์พระออกเป็นสีเขียวเข้ม และสีเขียวก้านมะลิ อันเนื่องมาจากการสร้างที่มีการพัฒนาทรงพิมพ์เนื้อมวลสาร แต่กลับปรากฏคราบไขสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญประการหนึ่งของพระสมเด็จวัดระฆัง ส่วนที่มาของสีเขียวนั้น ในสมัยยุคแรกๆก็ได้มีการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังที่มีวรรณะสีเขียวเหมือนกันแต่ต่างกันตรงสีที่ใช้นั้นมาจากพืช โดยการใช้ต้นตำลึง และต้นคระไคร้นำมาคั้นจนได้น้ำสีเขียวนำมาผสมกับส่วนผสมตามสูตร สร้างเป็นพระสมเด็จวรรณะสีเขียวซึ่งสามารถนำมาแช่ทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ โดยเฉพาะโรคอหิวา (โรคห่า) จากนั้นก็จะมีการสร้างจากหินลับมีดโกนที่สึกกร่อนจากการลับมีดที่ใช้ปลงผมพระ นำมาย่อยสลายด้วยการตำบดให้ละเอียดจัดสร้างเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินลับมีดโกนขึ้น พระชุดนี้ (พระสมเด็จเขียว หรือ พระสมเด็จปีระกา) มีทั้งหมดหกพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ประธาน พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ปรกโพธิ์ (ปรกโพธิ์เม็ดและปรกโพธิ์บาย) พิมพ์สังฆาฏิ (มีหูและไม่มีหู) พิมพ์ฐานคู่ และพิมพ์ฐานแซม จำนวนการสร้างประมาณหนึ่งหมื่นองค์

    เหตุแห่งความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนเป็นอย่างยิ่งต่อพระสมเด็จชุดนี้ก็เมื่อครั้งเกิด อหิวา หรือโรคห่าระบาดใหญ่ ในวันเสาร์ เดือน ๗ ปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ในสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ เกิดระบาดนานถึง ๓๐ วัน มีผู้คนล้มตาย เป็นอันมากไม่ว่าเจ้าไม่ว่านาย บ่าวไพร่ และประชาชนโดยทั่วไป ตามพระราชพงศาวดารบันทึกไว้ว่ามีคนตายด้วยโรคนี้เป็นจำนวนถึงหลายหมื่นคน จนมีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้ไปเข้าฝันประชาชนให้อาราธนาพระสมเด็จฯมาทำน้ำมนต์ดื่มกิน และด้วยความศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่ดื่มน้ำมนต์นี้หายจากโรคอหิวาได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง จึงมีชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศมาที่วัดระฆังเป็นจำนวนมาก พระสมเด็จที่ถูกเก็บไว้ที่วิหารน้อยจำนวนหลายพันองค์ถูกแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยทั่วไปจนหมด จึงเกิดการซื้อขายขึ้นกล่าวกันว่าราคาขายในขณะนั้นเพียงองค์ละหนึ่งถึงสามตำลึงเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีอาจารย์และผู้รู้อีกหลายท่านได้เขียนไว้ในหนังสือหลายเล่ม รวมทั้งกล่าวด้วยประสบการณ์ว่าหลังจากที่โรคอหิวานี้สงบลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้มอบพระสมเด็จชุดนี้จำนวนหนึ่งให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ประชาชนโดยทั่วไปเพื่อไว้ป้องกันโรค และอีกส่วนหนึ่งนำไปบรรจุกรุไว้ที่วัดบางน้ำชน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ นี่คือที่มาของพระสมเด็จเขียวที่แสดงอิทธิคุณ และพุทธคุณในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    อีกข้อมูลที่ได้มาจาก อ.ประถม อาจสาคร
    พระสมเด็จกรุบางน้ำชน (ปีระกาป่วงใหญ่) นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ "สมเด็จปีระกา" ,"สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่" ,"สมเด็จเขียว" , "สมเด็จกรุบางน้ำชน" เป็นพระสมเด็จที่สร้างขึ้นที่วัดบวรสถานสุทธาวาส(วัดพระแก้ววังหน้า)และทันท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ปลุกเสกและที่ถือว่าเป็นรุ่นพี่สมเด็จกรุบางขุนพรหมเพราะสร้างก่อน
    อหิวาตกโรคเป็นโรคระบาดร้ายแรงชนิดหนึ่ง คนสมัยก่อนหาสมุฏฐานไม่ได้เข้าใจกันว่าผีห่ากินตายกันจนหยุดไปเอง ปรากฏประวัติว่าสมัยแผ่นดินพระเจ้าอู่ทองเกิดโรคห่าลง คนตายจนเมืองอู่ทองร้าง ตำนานอำเภอสัตหีบว่า พระเจ้าอู่ทองหนีภัยผีห่ามาทางทะเลจนถึงชายทะเลฝั่งตะวันออก เรือนั้นบรรทุกหีบขนาดใหญ่มาถึง 7 ใบ พระเจ้าอู่ทองลงซ่อนตัวในหีบเพื่อหนีผีห่า เมื่อโรคห่าซาลงแล้วเสด็จกลับไปสร้างเมืองอยุธยาเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.1893 และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เกิดการแพร่ระบาดของโรคห่าถึง 3 ครั้ง คือในสมัย ร.2 ร.3 และในสมัย ร.5 เรื่องของสมเด็จปีระกาป่วงใหญ่สมัย ร.5 โรคอหิวาต์เกิดการระบาดขึ้นในวันแรก ณ วันเสาร์แรม 11 ค่ำ เดือน 7 ปี พ.ศ. 2416 ถึงวันอาทิตย์แรม 11 ค่ำ เดือน 8 อหิวาต์ก็สงบ เป็นอยู่ประมาณ 30 วัน ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนหมื่น เจ้าประคุณสมเด็จมาเข้าฝันคนเรือและคนตามบ้านให้นำพระพิมพ์ของท่านทำน้ำมนต์มาดื่มกินแก้โรคอหิวาต์ หลังจากนั้นโรคอหิวาต์ก็หายภายใน 7 วัน นับว่า เป็นการ์ช่วยเหลือประชาราษฏร์ไว้มิใช่น้อย ในหลวง ร.5 ทรงบรรลุนิติภาวะในปีนั้น ทรงนำพระพิมพ์สมเด็จที่เหลือจากการบรรจุกรุที่วัดบางน้ำชนจำนวนหนึ่ง ทรงพระราชทานแก่ประชาราษฏร์และข้าราชการในสำนัก
    พระพิมพ์สมเด็จดังกล่าวนี้ได้จัดการสร้างและเสกที่วัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้า มิได้สร้างจากวัดระฆัง มีอยู่หลายพิมพ้ด้วยกันที่แพร่หลายมากก็คือ พิมพ์ปรกโพธิ์เม็ด ชาวบ้านชาวเมืองในสมัยนั้น พากันกล่าวขานว่า "พระสมเด็จปีระกา" หรือ "พระสมเด็จเขียว" อันเนื่องมาจากพระพิมพ์สมเด็จนี้ปรากฏวรรณะสีเขียวอ่อนๆ ทรงพิมพ์กระเดียดไปทางพระสมเด็จกรุวัดใหม่อมตรสหรือวัดบางขุนพรหม ส่วนที่ฝากกรุก็มีอยู่บ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อยและยังพบซ่อนอยู่บนเพดานโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ก็มีอยู่ ที่พบมากก็คือการแตกกรุของเจดีย์วัดบางน้ำชนใกล้สะพานกรุงเทพฯ เป็นพระสมเด็จแท้ คราบกรุพอสวย ไม่หนาเหมือนพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ เนื้อพระแห้งสนิทหากใช้แขวนตามธรรมชาติไม่เลี่ยมปิด ผิวเนื้อพรจะหนึกนุ่มผู้ที่ไม่จัดเจนเคยเสนอราคาให้จำนวนเงินเป็นล้าน แต่เจ้าของพระไม่ยอมออกตัวเพราะได้รับประสบการณืมาแล้ว บางคนเอาตราวัดบางขุนพรหมปลอมมาประทับด้านหลัง หลอกลวงว่าเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่

    พระสมเด็จชุดนี้ปัจจุบันหายากมาก ในวงการไม่ค่อยให้ความสนใจและอาจตีเป็นพระไม่แท้ดังเช่นพระสมเด็จพิมพ์อื่นๆอีกหลายร้อยพิมพ์ ตรงนี้ถือเป็นโอกาสของพวกเราที่เคารพบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ด้วยจิตรบูชาหาใช่การใช้ราคาเป็นสรณะ ทำให้เรามีโอกาสได้ครอบครองพระสมเด็จได้ง่ายขึ้น...

    จากข้อเขียนของ อ.ประถม อาจสาคร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +3,434
    ทำบุญ กับศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" เพื่อบริจาคเงินบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์ 100-(1-1-64)
    สาธุๆ
     
  7. permbun

    permbun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +52
    ร่วมทำบุญเนื่องในดีถีขึ้นปีใหม่ 2564 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563_Page_1.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563_Page_2.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563_Page_3.png
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เพิ่งได้เวลาโอนปัจจัยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ ครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้ง


    พันวฤทธิ์
    18/1/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    รายการบริจาคประจำเดือน ม.ค.64 รพ.ภูมิภาค 8 แห่ง (ยังคงงดการบริจาคที่ รพ.สงฆ์เนื่องจากทาง รพ.ยังไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมถวายสังฆทานให้พระอาพาธบนตึกได้)

    รพ.ภูมิภาค

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 4,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-

    รวม 37,000.-

    พันวฤทธิ์
    31/1/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2021
  11. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +3,434
    วันนี้ร่วมบุญด้วยครับ สาธุๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือนมกราคม พศ 2564_Page_1.png

    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือนมกราคม พศ 2564_Page_2.png

    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือนมกราคม พศ 2564_Page_3.png
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    หมั่นสวดมนต์ทุกวัน...
    อุทิศบุญให้เทวดาประจำตัว
    ชีวิตจะดีจนถึงขั้นพลิกชีวิต!

    เทวดาประจำตัวคือใคร

    ในยามที่เราพบวิกฤตชีวิต จนมืดแปดด้าน
    แล้วมีปาฏิหาริย์พาเราออกมาได้
    หรือยามที่จะทำอะไรไม่ดี มีการเตือนให้หยุด
    ให้ยับยั้งไม่ทำชั่ว เมื่อมีการสร้างบุญได้อุทิศบุญ
    เรารู้สึกปิติ สุขใจและเหมือนมีคนรอบข้าง
    ที่เราไม่เห็นได้ร่วมสร้างบุญและโมทนาบุญ
    ที่เราทำ....

    เทวดาประจำตัวทุกคน คือ พ่อแม่ บรรพบุรุษ ญาติพี่น้องทั้งหลาย ที่มีบุญร่วมกัน และได้เปลี่ยนภพภูมิไปแล้ว
    แต่ยังเป็นห่วง คอยดูแลช่วยเหลือ

    หมั่นสร้างบุญ สวดมนต์ อุทิศบุญให้ท่าน
    ชีวิตเราจะมีแต่ความรุ่งเรือง
    ยามมีภัยจะรอดได้...

    ทำจิตให้นิ่งสว่างไสว
    ตั้งนะโม ๓ จบ

    อิติสุขะคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พรหมะเทวา ขะมามิหัง (สวดได้ตลอดทั้งวันยิ่งดีมาก)

    ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า ด้วยอานุภาพของพระธรรม ด้วยอานุภาพของพระสงฆ์ ด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการนี้ ขอจงดลบันดาลให้บุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้

    ขอผลบุญนี้ได้เป็นอาหารทิพย์ ยาทิพย์ เครื่องนุ่มหุ่มทิพย์ วิมานทิพย์ เป็นบุญอันยิ่งใหญ่และขออุทิศบุญนี้ให้แก่เทวดาที่รักษาตัวของข้าพเจ้า และเทวดาที่รักษาบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของข้าพเจ้า ให้แก่เทวดาที่รักษากิจการค้าขายของข้าพเจ้า

    เมื่อท่านได้รับผลบุญขอข้าพเจ้าแล้ว ขอโปรดเมตตาให้ซึ่งอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า และขอจงอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้า เมื่อท่านอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าแล้ว

    ขอโปรดเมตตาดูแลให้ข้าพเจ้าอยู่ในศีล ในธรรม ได้พบครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ได้สร้างบุญร่วมกัน

    ชีวิตมีความสุขความเจริญ รุ่งเรืองและแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลาย

    มีสติปัญญา มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเงิน การติดต่อ การค้าขาย ขอให้ชนะศัตรูหมู่มารทั้งหลายด้วยความดี

    ขอให้เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
    และขอให้ข้าพเจ้าพบโชคลาภตามบุญที่ทำมา

    และสำเร็จดังที่ปรารถนาโดยเร็วพลันเทอญสาธุๆๆ

    Cr : บทความและรูปภาพ_อมตะธรรมประเทศไทย
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ฤทธิ์ของบุญ
    .
    คนผู้มีบุญมีกุศลมีธรรมภายในใจไปไหนไม่จนตรอกจนมุม ไม่ว่าหลับตื่นลืมตาไม่วิตกวิจารณ์ ไม่มีเงินสักสตางค์ก็ไม่ตกใจ เพราะหัวใจเราเต็มตื้นด้วยอรรถด้วยธรรมซึ่งเป็นของเลิศเลอกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว เราให้ได้ ที่เหมาะสมก็ให้ได้ทั้งสองนั่นแหละ
    .
    เรามีมากมีน้อยแบ่งสันปันส่วน แบ่งกินแบ่งทาน นี่คือทางของศาสดาทางพ้นทุกข์ ไม่ได้มีแต่ของเรายึดมากินเฉยๆ กินแล้วตายจมไปเลย ผู้มีธรรมในใจนี้ ท่านไม่ได้กล่าวไว้ว่า ผู้มีธรรมในใจ ผู้ทำบุญให้ทานมากๆ ตายแล้วไปเป็นความล่มจม เราไม่เคยเห็น ถึงจะจมก็ตาม อย่างอนาถบิณฑกเศรษฐีให้ทานกับพระพุทธเจ้าจนจะหมดเนื้อหมดตัว ชาวบ้านชาวเมืองเขาเป็นห่วงเป็นใยเขามาว่าให้ ทางนั้นไม่ถอยๆๆ ให้ทานไม่ถอย จึงเรียกว่า อนาถบิณฑิก อนาถา คือว่าเศรษฐีคนนี้ทานจนเป็นอนาถา อนาถบิณฑิกเศรษฐีให้ทานทุกอย่างๆ ตกลงในศีลในธรรมในศาสนาทั้งนั้น จนประชาชนทั้งหลายเขาเป็นห่วงเป็นใยมาขอร้องให้ผ่อน ไม่ผ่อนๆ ว่างั้นเลย
    .
    ซัดไปๆ เกิดดลบันดาลเงินไม่ทราบมาจากทิศไหนแดนฟ้าอากาศมา ก็เลยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นด้วยการให้ทาน ที่เขาว่าท่านเป็นอนาถะ เห็นไหมบุญ ฤทธิ์ของบุญ ทีแรกเป็นอนาถาจนชาวบ้านเขาเป็นห่วงเป็นใย ฟาดที่สองมานี่เป็นเศรษฐีปิดท้ายเลย เข้าใจไหมล่ะ อนาถบิณฑิกะ เป็นอนาถาตอนต้น อำนาจแห่งทานดลบันดาลนี้ฟาดเป็น อนาถบิณฑิกเศรษฐี ขึ้นท้ายเลย (สาธุ) นี่ละให้ฟังเอาเป็นตัวอย่าง นี้เป็นอุปถัมภ์อุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าเรื่อยมา เพราะฉะนั้นจึงว่าการทำบุญให้ทาน เราอย่าไปกลัวเลยว่าจะล่มจะจม ไม่จม เอ้าให้มันจมไปเถอะ มันไม่จมแหละ

    ...............................................................

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เสือพบสิงห์# เหรียญหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม ,หลวงปู่โต๊ะ และสุดยอดเกจิแห่งยุคอีกมากมายปลุกเส พ.ศ.2518
    รายละเอียด เสือพบสิงห์ เหรียญใบสาเก หลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง ,หลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี และสุดยอดเกจิแห่งยุคอีกมากมายปลุกเสก ณ อุโบสถวัดโพธิสัมพันธ์ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พ.ศ.2518

    พิธีพุทธาภิเษกอันเป็นมงคลเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ตรงกับแรม 1 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ณ อุโบสถวัดโพธิสัมพันธ์ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ในพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้มีคณาจารย์ต่างๆดังต่อไปนี้
    1.พระราชสังวราภิมณฑ์ ( หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ)วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
    2.พระครูภาวนาภิรัต ( หลวงปู่ทิม อิสริโก ) วัดละหารไร่ ระยอง
    3.หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
    4.หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไลยก์ สุพรรณบุรี
    5.หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จัทบุรี
    6.หลวงปู่หิน วัดฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
    7.หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว เพชรบุรี
    8.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า ระยอง
    9.ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี เชียงใหม่
    10.หลวงพ่อเล็ก วัดพยอง อยุธยา
    11.หลวงพ่อจำลอง วัดราชสิงขร กรุงเทพฯ
    12.หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่
    13.หลวงพ่อดู่ วัดหนองใหญ่ ชลบุรี
    14.พระอาจารย์บุญรอด วัดละหารไร่ ระยอง
    15.พระอาจารย์หลาย วัดนาจอมเทียน ชลบุรี
    16.หลวงพ่อลั้ง วัดอัมพาราม ชลบุรี
    17.หลวงพ่ออินทร์ วัดหนองเกตุใหญ่ ชลบุรี
    18.หลวงพ่อแฟ้ม วัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี
    19.หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเฌอ ชลบุรี
    ในระหว่างพิธีการนั่งปรกปลุกเสกของพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมต่างๆนั้น ได้มีพระภิกษุจากวัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี ได้ทำการเจริญพุทธมนต์สวดพุทธาภิเษกตลอดงานโดยมีหลวงพ่อแฟ้ม เป็นเจ้าพิธี โดยเริ่มพิธีพุทธาภิเษกเวลา 19.00น. โดยหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี นั่งปลุกเสกอยู่บนธรรมมาสน์ใกล้กันที่หน้าตรงหน้าพระประธาน ใช้เวลาปลุกเสกอัดพลังกันอย่างเต็มที่อยู่หลายชั่งโมง ในพิธีนี้เองหลวงพ่อเริ่มท่านกล่าวว่าหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ กับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีท่านลองวัดพลังกันด้วย ต่างฝ่ายต่างไม่ยิ่งหย่อนต่อกันเลย ขนาดท่านเองที่คิดว่าไม่เป็นรองใครยังต้องถอยออกมาเลย ช่างอัศจรรย์จริงๆ เมื่อพิธีพุทธาภิเษกเสร็จสิ้นลงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ได้ลุกลงจากธรรมาสน์มากราบนมัสการหลวงปู่ทิม อิสริโก พร้อมกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า“พระภูธรณ์ นี่เก่งจริงๆ” หลวงปู่ทิมท่านก็กล่าวอย่างอารมณ์ดีตอบว่า“พระกรุงก็ไม่ธรรมดาเลยนี่” ฉะนั้นพระที่ปลุกเสกในพิธีนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นรุ่น “เสือพบสิงห์” เลยทีเดียวจึงนับว่าพระชุดนี้เป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่ามากๆอีกชุดหนึ่งของ หลวงปู่ทิม อิสริโก และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี นอกจากนั้นแล้วหลังจากพิธีพุทธาภิเษกเสร็จสิ้นแล้ว พระประสิทธิ์ ประสิทธิโก ซึ่งเคารพนับถือหลวงปู่ทิมมากและยังเป็นศิษย์ใกล้ชิด ยังได้นำเอาพระทั้งหมดของวัดโพธิสัมพันธ์ชุดนี้ไปขอให้หลวงปู่ทิม อิสริโก ปลุกเสกเดี่ยวให้อีกเป็นเวลายาวนานถึง 8 เดือน ในปี พ.ศ.2518 จึงไปรับพระชุดนี้ทั้งหมดคืนในช่วงก่อนที่หลวงปู่ทิม อิสริโก จะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในวาระสุดท้ายของท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. THANARATH 2010

    THANARATH 2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ผมขอร่วมบุญฝากกระแสกับ "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" เพื่อบริจาคเงินบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์หรือสามเณรอาพาธ 07-02-21 โอน 609 บาท (เดือน ม.ค./ก.พ.) อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    รายงานการใช้ปัจจัยรักษาพระสงฆ์ สามเณรและแม่ชีที่อาพาธของ รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายจ.เลย มีจำนวนพระสงฆ์ 53 รูป สามเณร 7 รูปและ แม่ชี 1 รูป ตามรายงานแนบท้ายครับ

    พันวฤทธิ์
    17/2/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน ก.พ.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง ดังนี้

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 4,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-

    รวม 37,000.-

    พันวฤทธิ์
    25/2/64
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    อ่านแล้วเห็นวัฏฏะสงสารเลย
    "แทนคุณ หรือ ทวงคืน"

    คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า

    “สามีภรรยา " มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี
    หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา
    ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้

    " บุตรธิดา " คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้
    หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”

    ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา
    ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว
    ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร

    ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน
    มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง
    บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย

    ส่วน " บุตรธิดา " ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน
    เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น

    " บุตรธิดา " ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง
    รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ

    ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก
    สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม

    ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด
    หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น

    1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา
    ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน
    เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู”

    เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง
    เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย
    ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ

    2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา
    จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน

    เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ
    ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี”

    เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา
    เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้
    แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี

    ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน
    เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน

    3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง
    พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน

    หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต
    เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน

    หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย
    เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป
    ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ

    หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย
    เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา
    เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป

    4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง
    เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน

    เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน
    เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า
    เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด

    หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี
    หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพ

    เหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่
    ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม

    ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่
    แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ
    เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู

    ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ
    ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย
    ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี ด้วย

    หลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน
    ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย
    ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ
    กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง

    หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา
    ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง

    หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง
    ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย

    คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า
    ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน

    แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถมึงตา
    ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน

    เมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้
    เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม
    แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า

    แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลาน
    ผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว

    คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด
    หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม

    เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย
    ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้น
    ให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า

    - พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ -
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    "...บุญ... เกิดที่ใจ ใช่ที่รูป
    ใช่ที่ธูป ใช่ที่เทียน ใช่ดอกไม้

    ใช่ที่เงิน มหาศาล ทำทานไป
    ทำบุญแล้ว อวดใครใคร ไม่ได้บุญ

    บุญเกิดจาก ศรัทธา ที่กล้าแกร่ง
    เกิดจากแรง ภาวนา มาเกื้อหนุน

    ทำสมาธิ เกิดปัญญา มาค้ำจุน
    ทานและศีล คือต้นทุน หนุนจิตดี

    รักษากาย วาจาใจ ให้สะอาด
    อย่าให้ขาด ซึ่งศีลห้า พาสุขี

    ทำบุญแล้ว แผ่เมตตา เพิ่มบารมี
    อีกอย่างที่ บุญมากโข อโหสิกรรม"

    ____________________________
     

แชร์หน้านี้

Loading...